บริษัทเครื่องสำอางระดับโลกนำเสนองานวิจัยวิทยาศาสตร์ผิวหนังล่าสุดใน 2021 Reunión Anual de Dermatólogos Latinoamericanos
แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–29 เมษายน 2564
ในฐานะหนึ่งในผู้คิดค้นนวัตกรรมชั้นนำของโลกด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์ผิวหนังมาเกือบหกทศวรรษ Mary Kay Inc. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ล้ำสมัยใน 2021 Reunión Anual de Dermatólogos Latinoamericanos (RADLA) ซึ่งเป็นการประชุมทางวิทยาศาสตร์ในลาตินอเมริกา การจัด Virtual event ที่มีขึ้นในระหว่างวันที่ 15-18 เมษายนที่ผ่านมานี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังทั่วโลกแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ใหม่
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210429005370/en/
Mary Kay มีความภูมิใจที่จะแบ่งปันงานวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการปรับสภาพผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อเรตินอลบริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยังคงให้ประโยชน์ต่อผิวที่เป็นส่วนสำคัญของเรตินอล (กราฟิก: Mary Kay Inc.)
โดยผ่านการประชุมไลฟ์สดและระบบการเรียกดูตามสั่ง งานนี้ได้รวบรวมนักวิจัย นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์จากชุมชนโรคผิวหนังทั่วโลก ภาพโฆษณาและการประชุมทางวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยงานวิจัยและงานวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ผิวหนังล่าสุด Mary Kay รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้แบ่งปันงานวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการปรับสภาพผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อเรตินอลบริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยังคงให้ประโยชน์ต่อผิวที่เป็นส่วนสำคัญของเรตินอล กระบวนการทำซ้ำแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ได้รับการพัฒนาโดยใช้ชุดการศึกษาความปลอดภัยและการศึกษาทางคลินิกในระยะเวลา 12 สัปดาห์
“เรตินอลเป็นส่วนผสมมาตรฐานสูงสุดสำหรับการดูแลผิวพรรณ ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่มีส่วนผสมของเรตินอลได้วางตลาดไว้ทั่วโลก แต่ผลิตภัณฑ์เรตินอลที่มีความเข้มข้นสูงกว่ามักทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังอาจทำให้รู้สึกแสบและทำให้ลอกได้ เนื่องจากผิวหนังจะปรับสภาพให้ชินกับการใช้เรตินอล จากการศึกษาด้านความปลอดภัยและทางคลินิกทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีนเราพบว่ากระบวนการปรับสภาพผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไปสามารถปรับปรุงความทนทานได้อย่างมีนัยสำคัญและยังคงให้ประโยชน์ต่อผิวที่เป็นที่ทราบกันดีอยูแล้วในเรตินอล” Dr. Lucy Gildea ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้นำเสนอผลการวิจัยของเราที่ RADLA ท่ามกลางผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวระดับแนวหน้าของโลกในงานอันทรงเกียรตินี้”
RADLA จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2515 เนื่องจากความสำคัญและความรับผิดชอบต่อสังคมทางการแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้นของโรคผิวหนังในลาตินอเมริกา ในระหว่างการประชุมประจำปีผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวชั้นนำจากทั่วโลกได้ประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในหัวข้อต่างๆ ในสาขาต่างๆ เกี่ยวกับโรคผิวหนัง
“การมีส่วนร่วมของเราใน RADLA ถือเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมในการทำงานร่วมกันในขณะที่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะอยู่ในระดับแนวหน้าของความก้าวหน้าด้านสุขภาพผิว” Dr. Lucy Gildea กล่าว “นี่เป็นหนึ่งในความร่วมมือกับชุมชนวิทยาศาสตร์และวิชาการเพื่อขยายความเป็นผู้นำของ Mary Kay ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้วิทยาศาสตร์ต่อไปในขณะที่เรายังคงจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของ Mary Kay และผู้ชื่นชอบแบรนด์ทั่วโลก”
เกี่ยวกับ Mary Kay
หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก
รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210429005370/en/
ติดต่อ:
Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย