Tag Archives: Thaibusinessnews.com 

นูทานิคซ์เปิดตัว Kubernetes Platforma-Service เพื่อการใช้งานกับมัลติคลาวด์

Logo

Karbon Platform Services มอบการบริหารจัดการที่ช่วยให้การใช้งานแอปพลิเคชั่นแบบ Container-Based บนคลาวด์ทุกประเภทเป็นไปอย่างรวดเร็ว 

กรุงเทพฯ 14 กันยายน 2563 – ณ งาน .NEXT ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 8-11 กันยายน 2563 –
นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านเอ็นเตอร์ไพรซ์คลาวด์คอมพิวติ้งประกาศเปิดตัว Karbon Platform Services ซึ่งเป็นการให้บริการรูปแบบ Platform-as-a-Service (PaaS) เป็นแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์ที่ทำงานกับ Kubernetes มาพร้อมระบบจัดการด้านความปลอดภัยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้การพัฒนาและการใช้งานไมโครเซอร์วิสแอปพลิเคชั่นทำงานได้เร็วขึ้นไม่ว่าจะอยู่บนคลาวด์ประเภทใดก็ตาม ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้รับประสบการณ์จากบริการแบบครบวงจร (managed services)
ที่พร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะใช้งานที่ on-premises บนพับลิคคลาวด์ และที่อุปกรณ์ปลายทาง (edge)
เพื่อสร้างและรันคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ รวมถึงสามารถแยกแอปพลิเคชั่นออกจากกันอย่างเป็นอิสระจากโครงสร้างพื้นฐานหลัก  นอกจากนี้ยังช่วยให้ทีมงานด้านไอที มีระบบบริหารจัดการไลฟ์ไซเคิลของแอปพลิเคชั่นและกรอบการทำงานด้านความปลอดภัยที่ใช้งานง่ายและสอดคล้องกัน การเปิดตัวครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของนูทานิคซ์ที่มีต่อเป้าหมายในการขยายบริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้องค์กรทุกแห่งสามารถใช้งานคลาวด์เนทีฟได้เร็วขึ้น

imgองค์กรต่าง ๆ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องได้รับประโยชน์จากการเริ่มดำเนินการด้านดิจิทัล มักต้องใช้ความพยายามเพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ขององค์กรปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดออกมา และใช้กระบวนการ DevOps ที่คล่องตัว ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่องค์กรจำเป็นต้องทำให้เป็นจริง  Kubernetes ที่ทำงานควบคู่กับเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟต่าง ๆ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความยากในการนำไปใช้งานเพราะขาดทรัพยากรทางเทคนิคที่จำเป็นต้องขยายเพิ่มตามความยากนั้น ๆ นอกจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ต้องได้รับประโยชน์จากการใช้งาน Kubernetes ทั้งที่อยู่ที่ on-premises และบนพับลิค คลาวด์ โดยยังคงความสามารถในการบริหารจัดการดาต้า แอปพลิเคชั่น ประสิทธิภาพและความไม่ยุ่งยากในการใช้ทรัพยากรด้านไอทีของตนไว้ได้

นายราจีฟ มิรานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “ทรัพยากรไอทีเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนองค์กรดิจิทัล แต่เมื่อบริษัทต้องการขยาย ต้องใช้ไฮบริดคลาวด์ และต้องจัดการกับแอปพลิเคชั่นที่มีจำนวนมากขึ้น การรองรับความต้องการต่าง ๆ ทางวิศวกรรมอาจกลายเป็นความท้าทายด้านไอทีได้ เราตั้งเป้าให้ Karbon Platform Services ช่วยลดความซับซ้อนในการพัฒนาและจัดระเบียบการทำงานของแอปพลิเคชั่นให้สอดคล้องกัน ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทีมไอทีและทีมพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อการสนับสนุนกลยุทธ์ DevOps ของลูกค้าของเรา”

คลาวด์เนทีฟ PaaS ใหม่นี้จะช่วยให้วิศวกรซอฟต์แวร์พัฒนาและจัดระเบียบการทำงานให้กับแอปพลิเคชั่นอย่างราบรื่นสอดคล้องกัน โดยไม่จำเป็นต้องจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานหลัก  Karbon Platform Services สร้างอยู่บนระบบการจัดการไลฟ์ไซเคิลหลักของ Kubernetes ที่เริ่มเปิดตัวกับ Karbon ในลักษณะผสานเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์แวร์ HCI ของนูทานิคซ์  Karbon Platform Services เป็นระบบอัตโนมัติ มีระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและ multi-tenancy ที่โครงสร้างซอฟต์แวร์ชุดหนึ่งสามารถบริการผู้ใช้ได้หลายราย เพื่อใช้ในการรันไมโครเซอร์วิสแอปพลิเคชั่นได้หลากหลายบนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์หลายประเภท

นายเดเมียน พาสกวิเนลลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Hardis Group กล่าวว่า “เรา
กำลังมองหาแพลตฟอร์ม PaaS หนึ่งเดียวที่สามารถโฮสต์ Reflex และ Vision Insights ของเราได้ทั้งที่ edge และบนไพรเวทคลาวด์ของเรา เพื่อใช้ประโยชน์จาก distributed architecture ของสภาพแวดล้อม ทั้งสอง และสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์และการฝึกอบรมการใช้เครื่องจักรบนพับลิคคลาวด์  Karbon Platform Services มีบริการมากมายและมีทุกสิ่งที่เราต้องการจากโซลูชั่น PaaS ทั้งยังบริหารจัดการง่ายและสะดวกบนคลาวด์ทุกประเภท ซึ่งเป็นคุณสมบัติของนูทานิคซ์ที่เป็นที่รู้จักกันดี  การใช้ Karbon Platform Services ทำให้การพัฒนา Vision Insight และทีม DevOps ของเราสามารถเริ่มทำงานจากศูนย์จนสำเร็จเป็นตัวต้นแบบได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งในสี่จากที่เคยใช้มา  ลูกค้าที่ใช้งานซอฟต์แวร์นี้บน Karbon Platform Services ได้แก่ Schneider Electric ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลกด้านการจัดการพลังงาน และระบบอัตโนมัติ เป็นต้น

ประโยชน์หลักของ Karbon Platform Services

  • Managed Services ที่ครบครัน: PaaS ที่นำเสนอนี้ช่วยให้การพัฒนาและการใช้งานแอปพลิเคชั่นเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่นแบบ stateful containerized
    ที่เรียบง่ายไปจนถึง web-scale applications ที่ซับซ้อน โดยใช้ประโยชน์จากบริการแบบ
    open abstraction ที่หลากหลายและเรียบง่าย นอกจากนี้ Karbon Platform Services
    ยังประกอบด้วย managed Kubernetes (K8s-aaS), Containers-as-a-Service (CaaS), serverless Functions, AI, message bus, ingress, service mesh, ความสามารถในการสังเกตเพื่อประเมินสถานการณ์ (observability) และบริการด้านการรักษาความปลอดภัย
  • การทำงานลักษณะ SaaS บนมัลติคลาวด์: ทีมปฏิบัติการจะได้รับประโยชน์จากการทำงานที่เรียบง่ายและ uniform application ข้อมูล และการบริหารจัดการไลฟ์ไซเคิลด้านความปลอดภัย โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะทำงานอยู่บนคลาวด์ประเภทใด โดยใช้ประโยชน์จากการบริหารจัดการไลฟ์ไซเคิลโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น SaaS  ส่วนนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นจะได้ประโยชน์จากบริการแพลตฟอร์มที่พรั่งพร้อมเพื่อใช้ในการเขียนแอปพลิเคชั่นและใช้งานได้ทันทีบนคลาวด์ผ่านระบบบริหารจัดการไลฟ์ไซเคิลของแอปพลิเคชั่นที่เป็น SaaS
  • ไฮบริด PaaS ที่ขยายได้: Karbon Platform Services มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูลข้ามระบบคลาวด์ และการจัดการไฮบริดแอปพลิเคชั่น ผ่านช่องทางที่โปร่งใสในการส่งข้อมูลแบบ WAN-optimized และ data interface ที่ปรับขยายได้ ซึ่งคุณลักษณะนี้จะช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการนำบริการของตนเองมาทำงานบนแพลตฟอร์ม และใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศ Kubernetes ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
  • เพิ่มการรักษาความปลอดภัย – Karbon Platform Services ช่วยให้ทีมไอทีสามารถใช้ประโยชน์จาก API และการรักษาความปลอดภัยที่มีความเหนียวแน่น พร้อมความสามารถที่เป็นหนึ่งเดียวในการสังเกต และตรวจสอบข้อมูลและแอปพลิเคชั่นโดยรวมบนคลาวด์  นอกจากนี้ยังรวมถึงบริการที่ครอบคลุมการรักษาความปลอดภัยแบบอัตโนมัติ พร้อม multi-tenancy และ role-based access control (RBAC) ที่ติดตั้งไว้ในตัวอีกด้วย

นายบ๊อบ ลาลิเบอตี้ Practice Director และนักวิเคราะห์อาวุโสของ ESG Research กล่าวว่า “ความซับซ้อนในการจัดการ Kubernetes และโครงสร้างพื้นฐานมัลติคลาวด์ ไม่เพียงทำให้ทีมปฏิบัติการไอที
มีงานล้นมือเท่านั้น แต่ยังทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่นสมัยใหม่มีทรัพยากรและเครื่องมือใช้อย่างจำกัด  Karbon Platform Services ช่วยแยกความซับซ้อนด้านโครงสร้างออก และให้การจัดการ Kubernetes คอนเทนเนอร์ และโฮสต์บริการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนาในสภาพแวดล้อมแบบ PaaS ที่ง่ายและพร้อมใช้งาน  และจากการสำรวจ[1]ที่เราทำเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ลูกค้า 70% ชอบการรวมพับลิคคลาวด์กับไพรเวทดาต้าเซ็นเตอร์ไว้ด้วยกันสำหรับการใช้ containerized applications มากกว่า  ซึ่ง Karbon Platform Services ตอบสนองความต้องการนั้นได้จากความยืดหยุ่นด้วยความสามารถในการควบคุมได้ทั้งหมดและบริหารจัดการมัลติคลาวด์ได้อย่างเรียบง่าย

Karbon Platform Services ของนูทานิคซ์พร้อมให้บริการกับลูกค้าแล้ว กรุณาเยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

นอกจาก Karbon Platform Services แล้ว นูทานิคซ์ยังได้ประกาศเปิดตัว Xi Calm ที่เป็นโฮสต์โซลูชั่นในการจัดการและจัดระเบียบแอปพลิเคชั่น เพื่อสนับสนุนการทำงานของทีม DevOps ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

 


[1] Source: ESG Master Survey Results, Trends in Modern Application Environments, December 2019

การเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดของวงการหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อทั่วโลก

Logo

UVD Robots ผู้ผลิตหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อชั้นนำของโลก เปิดตัวหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติเจเนอเรชันที่สามของบริษัทที่สามารถกำจัดไวรัสและแบคทีเรียในอากาศและบนพื้นผิวได้ด้วยแสง UV-C หุ่นยนต์ที่มีความฉลาดล้ำรุ่นใหม่นี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฆ่าเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานได้ง่าย และใคร ๆ ก็สามารถเรียนรู้การใช้งานได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

โอเดนเซ, เดนมาร์ก–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2563

การระบาดของไวรัสโคโรนา (Covid-19) ทำให้ความจำเป็นในการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นความปกติทั่วโลก ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ตัวแทนจำหน่ายของ UVD Robots ต่างได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากโรงพยาบาล สนามบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า บริษัทอาหาร อุตสาหกรรมทำความสะอาด เรือสำราญ บริษัทเภสัชกรรม อาคารสำนักงานและธุรกิจและบริการอื่น ๆ ที่มองหาโซลูชันด้านการจัดหาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดการติดเชื้อ

  img

หุ่นยนต์รุ่นใหม่พัฒนาขึ้นจากการศึกษาเรียนรู้ครั้งใหญ่และเสียงตอบรับจากตลาดทั่วโลกตลอดกว่า 5 ปี รวมถึงโรงพยาบาลและลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์ด้านการควบคุมการติดเชื้อในระดับสูง ข้อมูลเชิงลึกและความรู้เชิงขั้นตอนถูกนำเปลี่ยนให้อยู่ในรูปดิจิทัลและสร้างเป็นอัลกอริทึมซึ่งนำมาสู่คุณสมบัติและฟังก์ชันการใช้งานใหม่ ๆ มากมายที่ได้รับการเปิดตัวพร้อมหุ่นยนต์รุ่นนี้ รวมถึงติดตั้งไปในช่วงแรกของการวางจำหน่าย ณ สถานที่ทำการของลูกค้าหลายแห่งทั่วโลก (รูปภาพ: Business Wire)

“เราได้ออกแบบหุ่นยนต์ UV ที่มีความล้ำสมัยที่สุดของโลกขึ้นมา และยังเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้งานง่ายที่สุดในโลกอีกด้วย” Per Juul Nielsen ซีอีโอแห่ง UVD Robots กล่าว “ใคร ๆ ก็สามารถติดตั้งหุ่นยนต์นี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที และสามารถสั่งให้หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในอากาศและบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้ทันที”

หุ่นยนต์เจเนอเรชันที่สามจาก UVD Robots ยังสามารถนำทางและทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีขนาดเล็กและแคบมาก ๆ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสในตลาดใหม่ ๆ เช่น การฆ่าเชื้อโดยอัตโนมัติสำหรับห้องพักโรงแรมขนาดเล็ก หุ่นยนต์รุ่นใหม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ขณะที่ยังสามารถคงจุดแข็งด้านการฆ่าเชื้อไว้ได้อย่างครบถ้วน

“หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อเจเนอเรชันที่สามของเราเป็นหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C แบบเคลื่อนที่อัตโนมัติเจเนเรอชันแรกของโลกที่จะเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนเกมในหลาย ๆ ด้าน และจะพลิกโฉมอนาคตการใช้หุ่นยนต์ UV-C กำจัดเชื้อโรคในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไปตลอดกาล” Claus Risager ประธานกรรมการบริหาร UVD Robots กล่าว ก่อนที่จะเสริมต่อว่า “หุ่นยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่า โดยเป็นระบบความปลอดภัยสี่ชั้นที่ให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมทุกประเภทแม้แต่ในพื้นที่ที่มีการจราจรสูงเนื่องจากหุ่นยนต์จะหยุดการทำงานเมื่อมีคนอยู่ในระยะที่ใกล้เกินไป หุ่นยนต์รุ่นนี้ยังมีความสามารถเฉพาะในการรับรู้ สร้างเอกสาร และแสดงให้ผู้ใช้เห็นว่าพื้นที่นั้นผ่านการฆ่าเชื้ออย่างดีเพียงไร ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานได้ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงปรับปรุงคุณภาพให้เหมาะสมหากต้องการ นี่คือคุณสมบัติที่คุณจะไม่ได้พบในหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ UV-C รุ่นใด ๆ บนโลกนี้ และคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ได้รับการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว”

UVD Robots เป็นบริษัทในเครือของหนึ่งในกลุ่มบริษัทด้านการพัฒนาหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ชั้นนำของโลกอย่าง Blue Ocean Robotics ซึ่งมี GoBe Robots และ PTR Robots เป็นบริษัทภายในเครือเดียวกัน

ลิงก์ไปยังแฟ้มข้อมูลสำหรับสื่อ

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52282668/en

ข้อมูลติดต่อบริษัท:

Merima Cikotic
Blue Ocean Robotics
mc@blue-ocean-robotics.com
+45 71-99-56-06

การสนับสนุนด้าน COVID-19 ของ Mary Kay Inc. มุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มหมายประชากรชาวอเมริกันพื้นเมืองที่ได้รับผลกระทบมากอย่างไม่สมสัดส่วน โดยผ่านเครือข่าย the Indian Health Service

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–9 ก.ย. 2563

เมื่อต้นปีที่ผ่าน Mary Kay Inc. ได้ประกาศว่าจะบริจาคเงินเกือบ 10 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุนด้านการเงินและการแจกจ่ายสิ่งของในชุมชนที่บริษัทดำเนินงานอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นความพยายามที่จะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสนับสนุนพนักงานที่ทำงานในแนวหน้า มาวันนี้โลกก็ยังคงต่อสู้กับไวรัสต่อไป Mary Kay จึงได้ขยายความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือดังกล่าวให้เป็นมูลค่าที่สูงกว่า 10 ล้านดอลลาร์ พร้อม ๆ ไปกับการขยายความร่วมมือกับองค์กรที่สนับสนุนและเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากอย่างไม่สมสัดส่วน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200909005162/en/

Mary Kay has donated nearly 75,000 units of hand sanitizer to the Indian Health Service (IHS), an operating division within the US Department of Health and Human Services. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ได้บริจาคเจลทำความสะอาดมือเกือบ 75,000 ชุดให้กับ Indian Health Service (IHS) ซึ่งเป็นแผนกปฏิบัติการภายในแผนกหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ หรือ  the US Department of Health and Human Services (ภาพ: Mary Kay Inc.)

หนึ่งในกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบมากอย่างไม่สมสัดส่วนดังกล่าวคือเขตปกครองชาวพื้นเมืองนาวาโฮ ซึ่งประสบปัญหา COVID-19 ต่อหัวมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยดินแดนที่มีพื้นที่กว่า 25,000 ตารางไมล์ทั่วทั้งรัฐแอริโซนา นิวเม็กซิโก และยูทาห์มีประชากรประมาณ 244,000 คนที่เรียกเขตปกครองนาวาโฮว่าบ้าน ชุมชนนี้มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าชุมชนส่วนใหญ่อื่น ๆ โดยมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ยืนยันแล้วเกือบ 10,000 ราย

“ความพยายามครั้งใหญ่ในการช่วยต่อสู้กับไวรัสในครั้งนี้มีความสำคัญและสร้างผลกระทบได้จริง  แต่เราต้องให้ความสำคัญกับชุมชนที่เปราะบางที่สุดของเราด้วย” David Holl ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรื่องราวมากมายของครอบครัวประชากรอเมริกันพื้นเมืองในเมืองของเราที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มันน่าสลดมาก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์กรต่าง  ๆยังคงจะให้การสนับสนุน the Indian Health Service ต่อไป เพื่อให้พนักงานในแนวหน้าสามารถหยุดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างปลอดภัยและให้การดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสได้อีกด้วย”

Mary Kay ได้บริจาคเจลทำความสะอาดมือเกือบ 75,000 ชุดให้กับ Indian Health Service (IHS) ซึ่งเป็นแผนกปฏิบัติการแผนกหนึ่งภายในกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ โดย IHS มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขโดยตรงแก่สมาชิกของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางและชนพื้นเมืองในอะแลสกา เครือข่ายนี้เป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหลักของรัฐบาลกลางและเป็นผู้สนับสนุนด้านสุขภาพสำหรับชาวอินเดียนพื้นเมือง โดยการจัดบริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมสำหรับชาวอเมริกันอินเดียนและชาวอะแลสกาประมาณ 2.6 ล้านคนซึ่งมาจากชนเผ่าที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางจำนวน 574 เผ่าใน 37 รัฐ เจลทำความสะอาดมือที่ถูกบริจาคถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาล 26 แห่งศูนย์อนามัย 59 แห่งและสถานีอนามัย 32 แห่งในเครือข่าย IHS ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัท ยังได้จัดส่งอุปกรณ์เจลทำความสะอาดมือให้กับ Gallup Indian Medical Center (GIMC) เพื่อช่วยสนับสนุนความพยายามในการสร้างชุดดูแลสุขอนามัยที่บ้านและส่งเสริมสุขภาพผ่านสื่อการเรียนรู้ ทีมที่ทำงานในด้านชุมชนของ GIMC กำลังสร้างมาตรฐานในการแจกจ่ายวัสดุส่งเสริมสุขภาพและสุขอนามัยที่จุดที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ป่วยได้ เช่น ที่สถานที่ที่ทำการทดสอบการให้บริการแบบ drive through อนึ่ง การส่งเสริมสุขภาพจะให้บริการผ่านการสนทนาโดยตรงตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ตลอดไปจนถึงการให้ข้อมูลที่เป็นตัวหนังสือในทั้งภาษาอังกฤษและภาษานาวาโฮ

" The Indian Health Service พร้อม ๆ กับพันธมิตรซึ่งเป็นองค์กรสำหรับชาวพื้นเมืองและชนเผ่าต่าง ๆ ของเรา กำลังให้บริการที่สำคัญ ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา" ผู้อำนวยการและพลอากาศตรี Michael D. Weahkee แห่ง IHS กล่าว "เจลทำความสะอาดมือเป็นทรัพยากรสำคัญในการหยุดการแพร่ระบาดของ COVID-19 เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการบริจาคครั้งนี้และสำหรับการบริจาคทั้งหมดที่เราได้รับจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งหมด พวกเขาสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในด้านความสามารถของเราในการให้บริการชุมชนของเราได้ดีขึ้น และช่วยให้ภารกิจของ IHS ในการยกระดับสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณของชาวพื้นเมืองอเมริกันอินเดียนและชาวอะแลสกาในช่วงการระบาดนี้ บรรลุได้ "

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 56 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนใน เกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่  MaryKay.com.

เกี่ยวกับ the Indian Health Service

IHS ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Department of Health and Human Servicesมีระบบการให้บริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมสำหรับชาวอเมริกันอินเดียนพื้นเมืองและชาวพื้นเมืองอะแลสกาประมาณ 2.6 ล้านคนซึ่งเป็นชนเผ่าที่รวมอยู่ในชนเผ่าได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางจำนวน 574 เผ่า ในพื้นที่ 37 รัฐ สามารถติดตาม IHS ผ่านโซเชียลมีเดียบน Facebook, Twitter, และ LinkedIn

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200909005162/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

ป้องกันป้อมปราการของคุณเอาไว้ให้ดีในเกม Final Fate TD ซึ่งวางจำหน่ายแล้วตอนนี้บน iOS และ Android

Logo

Final Fate TD  เกม RPG แนวป้องกันหอคอย ผสมผสานการเล่นเกม RPG กลยุทธ์ที่ท้าทายเข้ากับกราฟิกอนิเมะที่น่าตื่นตา

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–9 กันยายน 2563

Final Fate TD ขอต้อนรับผู้เล่นสู่ Luna  ซึ่งเป็นโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยการผจญภัยในธีมอนิเมะ การผสมผสานการเล่นเกมแนวป้องกันหอคอย (Tower Defense) และการเล่นแบบอาร์พีจีเปิดไพ่  (Card-Draw RPG) เข้าด้วยกัน โดยเกมใหม่ที่ยอดเยี่ยมนี้เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการความท้าทายด้านทักษะ

Welcome to Luna – an immersive fantasy world of anime-themed adventure (Graphic: Business Wire)

ยินดีต้อนรับสู่ Luna – โลกแฟนตาซีแห่งการผจญภัยในธีมอนิเมะ (กราฟิก: Business Wire)

ผู้เล่นสามารถเตรียมตั้งตารอเกมรูปแบบอนิเมะที่สวยงามพร้อมเอฟเฟกต์พิเศษอันน่าทึ่งที่เน้นความสามารถของตัวละครที่ทรงพลังเอาไว้ได้เลย ผู้เล่นจะต้องทำการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในขณะที่พวกเขาดำเนินเกม โดยมีชุดทักษะและชุดการ์ดที่หลากหลายให้เลือกใช้เพื่อปกป้องเมือง Luna จากศัตรูที่ชั่วร้ายและปีศาจทุกชนิด

เกมดังกล่าวมีตัวละครอนิเมะฮีโร่มากมายที่ออกแบบมาอย่างสวยงามในแบบที่แฟน ๆ เกมแนวนี้จะต้องหลงรัก ทดสอบทักษะและกลยุทธ์ของคุณในโหมดการต่อสู้ที่หลากหลายในเวที Luna ซึ่งรวมถึงแบบ PvP และ PvE รวบรวมเพื่อนของคุณเพื่อป้องกันหอคอยของทีมหรือต่อสู้แบบตัวต่อตัวระหว่างตัวละครฮีโร่ก็ได้

สไตล์อนิเมะ

เรียกฮีโร่อนิเมะในตำนานมาใช้ โดยคุณจะตกหลุมรักกับภาพลักษณ์ตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน สำรวจโลกอันงดงามของ Luna เยี่ยมชมแผนที่หลายร้อยแห่งตั้งแต่สนามรบที่เต็มไปด้วยหิมะอันหนาวเหน็บไปจนถึงป่าไม้เขียวขจี

สานความผูกพันกับตัวละคร

ปรนเปรยตัวละครโปรดของคุณด้วยของขวัญเพื่อสานความผูกพันของพวกคุณ การสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตัวละครก็เพื่อทำให้พวกเขามีพลังมากขึ้นทำให้พวกเขาเกงไร้เทียมทานเวลาเล่นเกม

การเล่นแบบ PvP และ PvE

ทดสอบกลยุทธ์ของคุณในโหมดเกมผู้เล่นที่เผชิญกับสภาพแวดล้อม หรือ  player versus environment (PvE) และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตำนานอันลึกซึ้งของ Luna ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่เวทีเพื่อต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่น ๆ พิสูจน์ทักษะของคุณและแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในการเล่นแบบผู้เล่นเจอผู้เล่น หรือ player versus player (PvP)

Final Fate TD เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วบน Google Play  และ App store ดูตัวอย่างได้ที่นี่ พร้อมรับชมตัวอย่างของตัวละครอนิเมะที่ยอดเยี่ยม เช่น Scribe, Dora, Dante และ Nanami ติดตามข่าวสารบน Facebook และ Instagram

รับชมคลังภาพ/มัลติมิเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52281068/en

ติดต่อ:

Ivy Chen

ivychen@gamesworld.com

DITP ชวนร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” ครั้งแรกของงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ผสานออฟไลน์และออนไลน์ ตอบรับชีวิต New Normal

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–7 กันยายน 2563

imgกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ร่วมด้วยหอการค้าไทย (TCC) และโคโลญเมสเซ่ (KM) ขอเชิญนักธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX-ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” ครั้งแรกของการผสานการจัดงาน 2 รูปแบบ ออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยเป็นการจัดงานแบบปกติให้เยี่ยมชมคูหาจริงที่อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้มาตรการดูแลสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ภายในงานพบกับผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจากไทยและต่างชาติที่มาเปิดเจรจาการค้ากว่า 1,800 คูหา พร้อมชมนิทรรศการภายใต้แนวคิด EAT RESPONSIBLY เพื่อนำเสนอแนวโน้มของการบริโภคยุคใหม่ที่ลงลึกไปถึงที่มาของวัตถุดิบ กรรมวิธี หรือเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารจานนั้น ผ่านประเภทการจัดแสดง 8 กลุ่ม ได้แก่ Future Food, Free from Food, Food Ingredients,  Asia’s Herb to the World, New Protein Source, Thailand Trust Mark, Style Bangkok Popup Showcase (สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน) และ Halal to the World และในส่วนของออนไลน์จะจัดให้มีการซื้อขายผ่าน www.thaifex-vts.com  ที่ให้ความรู้สึกเสมือนเดินชมงานจริง ดูรายละเอียดสินค้าได้แบบ 360 องศา รวมทั้งพูดคุยผ่านการ Chat, Call และ VDO Call ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาออนไลน์ กิจกรรม Live Streaming และ Virtual Meet เป็นต้น  

งาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2020 “The Hybrid Edition” จะจัดขึ้น 5 วัน แบ่งเป็นวันเจรจาการค้าในวันที่ 22-26 กันยายน 2563 และวันจำหน่ายปลีกในวันที่ 25-26 กันยายน 2563 ผู้ที่จะเข้าชมงานสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ www.thaifex-anuga.com กำหนดเข้าชมงานวันละ 2 รอบ ได้แก่ 10.00-14.00 น. และ 14.00-18.00 น. รอบละไม่เกิน 15,000 คน

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

“ซิตี้แบงก์” สมทบทุนอุปกรณ์การแพทย์

Logo

imgกรุงเทพฯ 7 กันยายน 2563 –  นายปวิณ รอดลอยทุกข์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานรัฐกิจสัมพันธ์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย (คนที่ 4 จากซ้าย) พร้อมด้วยนางสาววันวิสาข์ โคมินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย และตัวแทนพนักงานซิตี้แบงก์ ประเทศไทย (คนที่ 5 จากซ้าย) มอบเงินบริจาคจำนวน 362,057 บาท สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ โดยเงินดังกล่าวได้รับการบริจาคภายในองค์กรภายใต้กิจกรรม “วันชุมชนซิตี้ 2563” หรือ Citi Global Community Day 2020 ที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสังคมในหลากหลายมิติ โดยมีนพ.อุดม เชาวรินทร์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี เป็นผู้รับมอบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี  กรุงเทพฯ

###

เกี่ยวกับ “ซิตี้”

ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citibank.co.th | เฟซบุ๊ก: Citi Thailand  | LINE: Citi Thailand

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน ติดต่อ

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย

วันวิสาข์ โคมินทร์

+662 079 3251

 wanvisa.komindr@citi.com

เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์  JC&CO PUBLIC RELATIONS

ณภัทร กาญจนะจัย / +668 1355 9221 / napatk@jcpr.co.th  

นิกรณ์กานต์ วิจักษณ์ไพศาล / +669 7230 0528 / nikornkarnw@jcpr.co.th  

MEDIA HOTLINE : 02-634-4557 / 6663-641-9549 (ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์)

“บัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้” จัดโปรแรง “ช้อปปี้ 9.9 ซูเปอร์ ช้อปปิ้ง เดย์” แจกโค้ดส่งฟรี และส่วนลดสูงสุดถึง 2,499 บาท

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–3 กันยายน 2563

imgบัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้ ออกโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้เฮ กับแคมเปญจัดหนัก “ช้อปปี้ 9.9 ซูเปอร์ ช้อปปิ้ง เดย์” (Shopee 9.9 Super Shopping Day) วันที่ 9 เดือน 9 รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,499 บาท เมื่อ ช้อปขั้นต่ำ 7,999 บาท และรับโค้ดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ ตลอดเดือนกันยายนนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ข้อมูลเพิ่มเติมโปรโมชัน หรือสนใจสมัครบัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้ กดได้ที่ลิงค์นี้ https://kbank.co/2XBU5Wy

ข้อมูลการติดต่อสำหรับสื่อมวลชน

บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด

อมรเทพ อักษร (ตื้น) โทร. 081-489-4242 หรือ คณิติน ทัศพินิจ (แมนนี่) โทร. 085-319-8916

อีเมล์: media.th@shopee.com

ติดต่อธนาคารกสิกรไทย (สำหรับสื่อมวลชน):

ส่วนบริหารเครือข่ายสื่อ : 02-470-2654-8

kbankpr@kasikornbank.com / kbankpr@gmail.com

Private Group RLS (USA) Inc. เข้าซื้อกิจการ Radiopharmacy Network ของ GE Healthcare

Logo

แทมปา ฟลอริดา–(บิสิเนสไวร์)–2 กันยายน 2563

RLS (USA) Inc., (Radioisotope Life Sciences) ได้ซื้อเครือข่ายร้านขายยาทางรังสีของ General Electric (GE) ในสหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นบริษัทที่เน้นการถ่ายภาพโมเลกุลบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา  Capitor(www.capitor.co) ที่ปรึกษาทางการเงินระดับโลกได้ร่างและนำเสนอธุรกรรมครั้งนี้ให้กับนักลงทุน โดยเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเจรจาต่อรองนับหลายปีและการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย  การเข้าซื้อกิจการนี้ไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงิน

ร้านจำหน่ายยารังสีจะยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพโมเลกุลให้แก่ GE Healthcare ต่อไป โดย RLS จะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงความร่วมมือในการจัดจำหน่ายนานนับ 10 ปี  ในขณะนี้ เครือข่ายร้านจำหน่ายยาทางรังสีที่เป็นของเอกชนมีผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเป็นเจ้าของโดย Perceptive Advisors บริษัทเชี่ยวชาญการลงทุนด้านการดูแลสุขภาพมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก

ทีมผู้บริหารของ RLS ประกอบด้วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Werner Gruner ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน Jaco van Niekerk และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Shane Cobb  คุณ Gruner ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารในบทบาทต่างๆ ในอุตสาหกรรมการเงินระหว่างประเทศรวมถึงการก่อตั้ง Capitor ให้ความเห็นว่า “ผมรู้สึกทึ่งและตื่นเต้นกับกับโอกาสที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการบริษัทด้านสุขภาพในครั้งนี้ที่มีนอกเหนือจากโอกาสด้านการเงินเท่านั้น  ผมมีอาชีพเป็นที่ปรึกษาการลงทุนแก่ลูกค้าทั่วโลกและเชื่อเสมอว่าไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด ลูกค้าสมควรและมีสิทธิ์ที่จะได้รับบริการระดับสูงที่เป็นส่วนตัว ตรงเวลา และมีคุณภาพ” เขากล่าวเสริมว่า “นี่คือเหตุผลที่เราให้ความสำคัญกับการบริการ คุณภาพ และเทคโนโลยีนวัตกรรมอันเป็นปัจจัยสำคัญในกลยุทธ์การลงทุนของเรา”

เครือข่ายร้านจำหน่ายยาทางรังสีประกอบด้วยร้านขายยา 31 แห่งใน 18 รัฐ รวมถึงสำนักงานใหญ่ปัจจุบันในแทมปา ฟลอริดา  ภายใต้การดูแลของ คุณ van Niekerk, RLS ตั้งเป้าที่จะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้าเพื่อขยายสาขาของร้านขายยาและจะลงทุนอย่างต่อเนื่องในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย “เราใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้มีเปลี่ยนแปลงอย่างราบรื่นเพราะปรัชญาของเราที่มีบริการเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการรักษาพนักงานผู้บริหารที่สำคัญเช่น Shane Cobb ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมนี้”  คุณ van Niekerk กล่าวสรุปว่า “RLS มุ่งมั่นที่จะให้การวินิจฉัยและการรักษาที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วประเทศ  ด้วยเหตุนี้และด้วยผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากความเสียหายของอวัยวะที่เกิดจาก COVID-19 เราได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษที่มุ่งเน้นการรองรับความเป็นไปได้ที่จะมีความต้องการบริการตรวจวินิจฉัยเฉพาะทางเพิ่มขึ้น”

ปัจจุบันพนักงาน GE เกือบห้าร้อยคนทั่วประเทศเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว RLS  บริษัทคาดว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังชายฝั่งตะวันออกของฟลอริดาในอนาคตอันใกล้ และอยู่ระหว่างการสนทนากับสภาพัฒนาเศรษฐกิจหลายแห่งรวมถึงเทศบาล

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200901006104/en/

ติดต่อ:

Amanda Penebaker
608-345-9420
amanda.penebaker@rls.bio
https://rls.bio/

Featurespace ได้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 250 รายชื่อบริษัทสตาร์ทอัพที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2563 จากการจัดลำดับของ CB Insights Fintech

Logo

บริษัทได้รับการยกย่องจากความสำเร็จในการตรวจจับและป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กร

แอตแลนต้า–(BUSINESS WIRE)–1 ก.ย. 2563

Featurespace™ ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรชั้นนำได้รับจัดให้อยู่ใน 250 ลำดับรายชื่อบริษัท Fintech 250 ที่จัดประจำทุกปีเป็น ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่สาม โดยทาง CB Insights นำเสนอรายชื่อบริษัทเอกชนอันทรงเกียรติเกิดใหม่ที่เข้ามาพัฒนาในด้านเทคโนโลยีทางการเงินให้ก้าวล้ำมากขึ้น

“เป็นอีกครั้งที่เราภูมิใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 250 บริษัทฟินเทคเอกชนที่ดีที่สุดจากบริษัททั่วโลก บริษัทที่มีรายชื่อใน Fintech 250 ในปีนี้เป็นตัวแทนจาก 25 ประเทศ และครอบคลุม 19 หมวดหมู่ ซึ่งมาจากหลากหลายสาขาตั้งแต่ด้าน retail banking (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย) และด้านเงินคริปโต ตลอดจนถึงการประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์” Anand Sanwal ซีอีโอของ CB Insights กล่าว

Featurespace ได้รับเลือกเพราะการใช้แมชชีนเลิร์นนิงและ Adaptive Behavioral Analytics ในการสร้างและดูแลรักษาใช้งาน ARIC™ Risk Hub ซึ่งเป็น แพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ใช้การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงที่อธิบายได้เพื่อช่วยให้สถาบันการเงินสามารถระบุความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ พร้อม ๆ ไปกับการตรวจจับการโจมตีด้านการฉ้อโกงใหม่ ๆ และระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์

“การโจมตีของผู้ฉ้อโกงมีความซับซ้อนมากขึ้นในด้านการกำหนดเป้าหมายเหยื่อในทุกช่องทางและทุกจุดของการมีปฏิสัมพันธ์กับร้านค้า กับบริษัทชำระเงิน และกับสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายของเราในการหาทางออกแบบองค์รวมและที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างเท่าทันภัยคุกคาม” Dave Excell ผู้ก่อตั้ง Featurespace กล่าว “นี่แหละคือจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเราที่ผลักดันให้เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างที่เป็นอยู่ และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับใน Fintech 250 ท่ามกลางบริษัทอื่น ๆ ที่แบ่งปันความหลงใหลและมุ่งมั่นในเรื่องนี้เช่นกัน”

Sanwal กล่าวต่อว่า “ รายชื่อ Fintech 250 class ก่อนหน้านี้ระดมทุนนักลงทุนได้มากกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์และรอดพ้นจากอาชญากรรมมากกว่า 20 ครั้งหลังจากที่ระบุภัยได้ และเราคาดว่ารายชื่อในปีนี้จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันพร้อม ๆ ไปกับการที่พวกเขาทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนและธุรกิจใช้จ่าย เก็บเงิน ยืมเงิน และนำเงินไปลงทุน ต่อ ๆ ไป”

ด้วยวิธีการที่สามารถอ้างอิงได้ตามหลักฐาน หน่วย CB Insights Intelligence ได้คัดเลือกรายชื่อ Fintech 250 จากกลุ่มบริษัท 16,000 แห่ง ซึ่งรวมทั้งผู้สมัครและผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยผ่านการพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ กิจกรรมด้านสิทธิบัตร คุณภาพของนักลงทุน การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นข่าวสาร คะแนนโมเสก (proprietary Mosaic scores) ความเป็นหุ้นส่วน ศักยภาพทางการตลาด ภาพรวมการแข่งขัน ความแข็งแกร่งของทีม และความแปลกใหม่ทางเทคโนโลยี คะแนนโมเสกอิงตามอัลกอริทึมของ CB Insights ซึ่งจะวัดคุณภาพโดยรวมและศักยภาพในการเติบโตของบริษัทเอกชนเพื่อช่วยทำนายโมเมนตัมของบริษัท

เกี่ยวกับ CB Insights

ที่ CB Insights เราเชื่อว่าคำถามทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ที่ซับซ้อนที่สุดจะถูกตอบได้ดีที่สุดด้วยการใช้ข้อเท็จจริง เราเป็นบริษัทด้านแมชชีนอินเทลลิเจนซ์ที่สังเคราะห์ วิเคราะห์และผลิตเอกสารหลายล้านฉบับเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกตามข้อเท็จจริงแก่ลูกค้าของเราอย่างรวดเร็ว เราการให้บริการบริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ใน Fortune 100 เราให้อำนาจแก่บริษัทต่าง ๆในการตัดสินใจที่ดีขึ้น ควบคุมอนาคตของตนเองได้ดีขึ้น และใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงได้มากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Featurespace – www.featurespace.com

Featurespace™เป็นผู้นำระดับโลกในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรสำหรับการฉ้อโกงและการต่อต้านการฟอกเงิน Featurespace ได้คิดค้น Adaptive Behavioral Analytics และสร้างแพลตฟอร์ม ARIC™ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แมชชีนเลิร์นนิงแบบเรียลไทม์ที่ระบุคะแนนความเสี่ยงของสถานการณ์ในกว่า 180 ประเทศ เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางการเงิน

ARIC ™ Risk Hub ใช้การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงที่อธิบายได้เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถระบุความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ ตรวจจับการโจมตีจากการฉ้อโกงใหม่ ๆ และระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยในแบบเรียลไทม์ สถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลกกว่า 30 แห่งใช้ ARIC เพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้าของตน ลูกค้าของ ARIC ที่เปิดเผยตัวต่อสาธารณะ ได้แก่ HSBC, TSYS, Worldpay, NatWest Group, Contis, Danske Bank, ClearBank และ Permanent TSB

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200901005738/en/

ติดต่อ:

Keith Swiader, CB Insights

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์

keith.swiader@cbinsights.com

Michael Touchton, Featurespace

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร

Michael.touchton@featurespace.com

+1 (423) 364-5491

Mary Kay Inc. และ Mary Kay FoundationSM ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี และ CARE USA ในโครงการระดับโลกเพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 สิงหาคม 2563

ด้วยความพยายามที่จะสนับสนุนงานด้านการช่วยชีวิตเพื่อป้องกันและยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลกและถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

Melinda Foster Sellers, Chief People Officer at Mary Kay (Photo: Mary Kay Inc.)

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

ผู้หญิงมากกว่าหนึ่งในสามทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับความรุนแรงทั้งทางร่างกายและ/หรือทางเพศตลอดชีวิตของพวกเธอ1 สถิติที่น่าตกใจเหล่านี้ถูกซ้ำเติมให้รุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้ง ภัยธรรมชาติ และวิกฤตต่าง ๆ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ที่ดำเนินการภายใต้องค์การสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังการมีส่วนร่วมของผู้หญิง และมีหน้าที่บริหารจัดการกองทุนสหประชาชาติ (UN Trust Fund) ภายใต้ระบบของสหประชาชาติ ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เกิดความตื่นตัวและสร้างการตระหนักรู้ต่อการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของความรุนแรงต่อผู้หญิงระหว่างที่เกิดการระบาดของ COVID-19 รวมถึงผลที่จะตามมาอย่างถาวรซึ่งจะทำให้สิทธมนุษยชนของผู้หญิงตกอยู่ในความเสี่ยงขณะที่ชาติต่าง ๆ ง่วนอยู่กับการกอบกู้สถานการณ์ในประเทศ

“ตลอดหลายสิบปี Mary Kay มุ่งมั่นที่จะหยุดความรุนแรงที่เกิดต่อผู้หญิงและเด็กทั่วโลก ความมุ่งมั่นนี้คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้” Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay Inc. กล่าว “วันนี้ เราได้ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE สองผู้จัดกิจกรรมเพื่อสิทธิของผู้หญิงรายสำคัญที่ได้สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ผ่านการลงพื้นที่สร้างผลลัพธ์ทางสังคม การเก็บข้อมูลเรื่องเพศ และงานสนับสนุนต่าง ๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือนี้ เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้โลกของเราปราศจากการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง”

“นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM มุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาความรุนแรงในครัวเรือน” Anne Crews รองประธานด้านกิจการสาธารณะของ Mary Kay และคณะกรรมการ The Mary Kay FoundationSM กล่าว “ตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา สถานที่พักพิงกว่า 2,600 แห่งที่ทำงานเพื่อยุติปัญหาความรุนแรงทางเพศในครัวเรือนได้รับเงินสนับสนุนรวมเกือบ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เราได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงและสตรีกว่า 6 ล้านคนที่ต้องการที่พักอาศัยและความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการกระทำทารุณ ความร่วมมือระดับโลกร่วมกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE จะช่วยให้เราขยายขอบเขตในการต่อสู้เพื่อปกป้องเด็กผู้หญิงและสตรีให้ลึกและกว้างยิ่งขึ้น”

จากการทำงานอย่างต่อเนื่องของมูลนิธิองค์กรทั้ง 4 แห่ง ผนวกกับความร่วมมือระดับโลกครั้งล่าสุดนี้ Mary Kay ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการชี้ให้เห็นถึงปัญหาและป้องกันการเกิดความรุนแรงต่อผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 โครงการริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Mary Kay ต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 5 (SDG 5) ว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ พัฒนาบทบาทสตรีและเด็กผู้หญิง

  • ภายใต้ความร่วมมือกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี Mary Kay จะมอบเงินทุนสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เพื่อปกป้องสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 70 ประเทศ

กองทุนสหประชาชาติ ในฐานะกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าตามอุปสงค์ที่เชี่ยวชาญด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก เป็นกลไกเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในสถานะที่จะทำให้เป้าหมายนี้บรรลุผลผ่านการมอบเงินสนับสนุนให้กับโครงการริเริ่มที่เกี่ยวข้องกันเชิงบริบทและให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ กับผู้รับทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรด้านสิทธิสตรีขนาดเล็กที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 โดยข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 50/166 กองทุนสหประชาชาติได้มอบทุนสนับสนุนไปแล้ว 175 ล้านดอลลาร์ให้กับ 572 โครงการ ใน 140 ประเทศ

ผู้รับทุนจากกองทุนสหประชาชาติเป็นผู้ที่อยู่แนวหน้าในการรับมือกับการระบาดของการใช้ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานมาจนขณะนี้

กว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา กองทุนสหประชาชาติได้ให้ความช่วยเหลือที่เข้าถึงผู้คนกว่า 22 ล้านคนผ่านทางโครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายป้องกันและยุติปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิทธิสตรีที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ และองค์กรที่นำโดยผู้หญิงซึ่งใช้กำลังความสามารถของตัวเองในการอยู่แถวหน้าเพื่อมอบความช่วยเหลือให้ผู้รอดชีวิต รวมถึงการใช้ข้อกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ สตรีและเด็กกว่าหนึ่งล้านคนได้รับประโยชน์โดยตรงจากความช่วยเหลือเหล่านี้ รวมถึงกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างพลังและป้องกันพวกเขาจากความรุนแรง และยังมีอีกอย่างน้อย 107,428 ชีวิตที่รอดพ้นจากความรุนแรง เฉพาะในปี 2563 กองทุนสหประชาชาติได้สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ไป 137 โครงการ และมอบทุนให้กับผู้รับทุนรายใหม่ 79 ราย มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์

“ความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นมากที่สุดในวงกว้างทั่วโลกและไม่มีที่สิ้นสุด” Aldijana Sisic ผู้อำนวยการกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี กล่าว “สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงการเลือกปฏิบัติที่มีความร้ายแรงมากที่สุด เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นมานานและยังไม่หายไป ซ้ำยังมีวิกฤต COVID-19 เข้ามาเพิ่มความรุนแรงของสถานการณ์ให้มากขึ้นตอนนี้ มาตรการล็อคดาวน์เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาผนวกกับระบบสาธารณสุขที่ต้องแบกรับภาระเกินความสามารถและระบบการบังคับใช้กฎหมายทิ้งให้สตรีและเด็กผู้หญิงที่เป็นผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงต้องตกอยู่ท่ามกลางอันตราย ในบริบทนี้ องค์กรเพื่อผู้หญิงทั่วโลกเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในฐานะบุคคลกลุ่มแรก ๆ ที่ขานรับเหล่าผู้รอดชีวิต ขณะนี้ ถึงเวลาที่จะต้องผนึกกำลังกัน ก้าวออกมาและช่วยเหลือพวกเขาเพื่อไม่ให้มีผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องถูกทิ้งไว้ลำพังหลังกำแพงที่พวกเขาไม่สามารถส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้ เราขอขอบคุณพันธมิตรของเราที่ Mary Kay ที่ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างด้วยการสนับสนุนการทำงานชิ้นนี้ และเดินบนเส้นทางนี้ร่วมไปกับเรา”

  • Mary Kay จะให้การสนับสนุนโครงการ CARE ในการต่อสู้กับความรุนแรงทางเพศ ที่จะเปลี่ยนชีวิตของสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 100 ประเทศ

ผู้หญิงทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากความยากจนและความรุนแรงทางเพศในระดับที่มากน้อยต่างกันไป โดยในบรรดาผู้ที่ได้รับผลกระทบ มีผู้หญิงจำนวน 1.4 พันล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนส่วนใหญ่ ที่มีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ด้วยเหตุผลนี้ CARE จึงได้กำหนดพันธกิจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่องเพศขึ้นมา และให้การสนับสนุนอย่างไม่ลดละเพื่อให้ผู้หญิงมีสิทธิมีเสียงและมีความเป็นผู้นำ

การรับมือสภาวะฉุกเฉินต่อวิกฤต COVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกของ CARE ได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วสู่ 67 ประเทศที่เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมอันมีสาเหตุจากโรคระบาด และเข้าถึงผู้คนโดยตรงราว 16 ล้านคนผ่านโครงการต่าง ๆ รวมถึงจัดการอบรมและให้บริการข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับความช่วยเหลือเพื่อหยุดการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงแก่ผู้คนกว่า 1 ล้านคน ด้วยตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ต่อเรื่องเพศได้รับความสนใจ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา CARE ได้เริ่มใช้การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 (RGA) หลังจากปรึกษากับคณะกรรมการช่วยเหลือและกู้ภัยนานาชาติ (IRC) การสนับสนุนของ Mary Kay มีความแตกต่างออกไปด้วยมีข้อมูลและผลการศึกษาจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 ใน 50 ณ ขณะนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศแบบรวดเร็วของ CARE แสดงให้เห็นว่าการระบาดของโรคทำให้ปัญหาแย่ลงโดยเฉพาะในทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาและในยุโรป รวมถึงยังรายงานว่ามีผู้หญิงหลายหมื่นคนที่กำลังเผชิญกับการทำร้ายร่างกายหรือการคุกคามทางเพศในช่วงล็อคดาวน์และไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้

Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM ยังได้มอบเงินมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ให้กับ Together For Her’s ซึ่งเป็นความพยายามในระดับนานาชาติในการบรรเทาความรุนแรงด้านเพศภายใต้ CARE เงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกที่ให้ความช่วยเหลือเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากความรุนแรง จัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือ PPE ให้กับเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามไปกับผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงไปยังศาล รวมถึงจัดหาอาหาร อุปกรณ์ดูแลความสะอาดและสุขอนามัยให้กับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงซึ่งเข้ารับบริการด้านจิตใจ การแพทย์ และที่พักพิงชั่วคราว

"การสร้างความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงให้เกิดขึ้นและกำจัดความรุนแรงทางเพศ (GBV) สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ในหลายทิศทาง" Michelle Nunn ประธานและซีอีโอของ CARE กล่าว "ในชุมชนที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในโลก เด็กผู้หญิงและสตรีต่างต้องเผชิญกับความอยุติธรรม เฉพาะวิกฤต COVID-19 เพียงอย่างเดียวอาจเป็นสาเหตุให้เหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น 31 ครั้งในช่วงหกเดือนของการล็อคดาวน์ที่เกิดจากไวรัส เราตระหนักว่าสามารถป้องกันไม่ให้ความเป็นไปได้นี้เกิดขึ้นได้ และเราต้องจัดการกับการคุมคามที่น่าสยดสยองนี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น การลงทุนในการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้าของผู้หญิงในท้องถิ่นเป็นหนึ่งในสิ่งดี ๆ ที่ทรงพลังที่เราสามารถทำได้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม"

คุณรู้หรือไม่?

  • ในปี 2560 ผู้หญิงราว 87,000 คนทั่วโลกถูกทำให้เสียชีวิตอย่างจงใจ และกว่าครึ่ง (58 เปอร์เซ็นต์) ถูกฆ่าโดยคู่รักหรือสมาชิกในครอบครัว
  • ดังนั้น ในทุก ๆ วัน มีผู้หญิง 137 คนทั่วโลกที่ถูกฆ่าโดยสมาชิกในครอบครัว
  • ปัจจุบัน มีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงราว 650 ล้านคนทั่วโลกที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี เยาวชนหญิงราว 15 ล้านคน (อายุระหว่าง 15 ถึง 19 ปี) ทั่วโลกเคยถูกบังคับให้ร่วมเพศ (การขืนใจให้ร่วมเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศรูปแบบอื่น) ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตของพวกเขา

แหล่งที่มา: กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี รายงานประจำปี 2562

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนใน 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

เกี่ยวกับ The Mary Kay FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay หรือ The Mary Kay FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่องค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้น มูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

เกี่ยวกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี

กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund) อยู่ภายใต้องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบโดยสหประชาชาติ เป็นกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าระดับโลกเพียงกลไกเดียวที่มุ่งยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงทุกรูปแบบ ภายในเวลา 24 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง กองทุนได้ให้การสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 572 แห่ง ลงทุนในการหาทางออกที่นำโดยประชาสังคมโดยยึดหลักฐานและมีความทันสมัยและถึงโครงการเปลี่ยนชีวิตอีกหลายโครงการ โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนมุ่งเน้นการป้องกันความรุนแรง การนำกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ มาใช้เพื่อรับมือกับปัญหาและลดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงยกระดับการเข้าถึงความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับผู้รอดชีวิต เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ untf.unwomen.org และติดตามเราได้ทาง FacebookInstagram และ Twitter

เกี่ยวกับ CARE

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 พร้อมกับการถือกำเนิดขึ้นของ CARE Package® เป็นองค์กรด้านมนุษยชนชั้นนำที่ต่อสู้กับความยากจนทั่วโลก สะสมประสบการณ์มากว่าเจ็ดทศวรรษในการส่งมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินในช่วงวิกฤต การตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินของเรามุ่งเน้นไปที่ความต้องการของประชากรกลุ่มที่มีความเปราะบางที่สุดโดยเฉพาะสตรีและเด็กผู้หญิง ปีที่ผ่านมา CARE เข้าไปทำงานใน 100 ประเทศและเข้าถึงผู้คนเกือบ 70 ล้านคนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราที่ www.care.org

เกี่ยวกับ Together for Her

Together for Her เป็นการเรียกร้องให้มีดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่แสดงว่าเป็นการยืนหยัดเคียงข้างสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลกด้วยการมอบเงินทุนและความช่วยเหลือเพื่อตอบโต้ความรุนแรงภายในครัวเรือนระหว่างช่วงการระบาดของ COVID-19 โครงการ Charlize Theron Africa Outreach Project (CTAOP), CARE และ Entertainment Industry Foundation (EIF) ได้เข้าร่วมกันเพื่อกำจัดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร Charlize และ CTAOP ได้มอบของขวัญ และ Charlize ได้ออกมาเรียงร้องให้ผู้หญิงทั่วโลกรวมพลังกันและช่วยสาดแสงไปยังความพยายามครั้งสำคัญนี้ เสียงของพวกเราที่ร่วมกันเปล่งออกมาคือสิ่งที่แสดงถึงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะรวมพลังกันเพื่อสนับสนุน Together for Her


1 รายงานองค์การอนามัยโลก. 2013

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

ติดต่อ:
ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com