Tag Archives: technology

รายงาน Technology Radar ของ Thoughtworks พบแนวโน้มของเครื่องมือที่ช่วยทำให้ LLM สำหรับการประยุกต์ใช้ AI ในทางปฏิบัติ เป็นเรื่องง่ายขึ้น

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–23 ตุลาคม 2024

Thoughtworks (NASDAQ : TWKS) บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ผสานกลยุทธ์ การออกแบบ และวิศวกรรมเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล ได้เผยแพร่ Technology Radar ฉบับที่ 31 ซึ่งเป็นรายงานรายครึ่งปี ที่กลั่นกรองจากการสังเกต บทสนทนา และประสบการณ์ของคนทำงานใน Thoughtworks ที่ทำหน้าที่แก้ปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนและท้าทายที่สุดให้กับลูกค้า

รายงานฉบับนี้เน้นย้ำถึงการแพร่หลาย (proliferation) ของเครื่องมือ แพลตฟอร์ม และเฟรมเวิร์ก Generative AI ต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสร้างซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับ Generative AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบมากขึ้น เรารู้กันดีว่าการสามารถควบคุม 'หน้าต่างบริบท' (context window) หรือการใช้เอาต์พุตที่มีโครงสร้าง (structured output) สามารถลดความเสี่ยงต่าง ๆ จากการใช้ Generative AI ซึ่งสุดท้ายแล้ว สิ่งนี้จะช่วยให้องค์กรอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่จะสามารถใช้ประโยชน์จาก Generative AI ได้อย่างประสบความสำเร็จ

แม้ว่าภูมิทัศน์ที่ขยายตัวของเครื่องมือ Generative AI จะให้ประโยชน์มากมายแก่ผู้ปฏิบัติงาน แต่การจะสำรวจเครื่องมือเหล่านี้ทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ก็เป็นเรื่องท้าทายเป็นอย่างมาก ดังนั้นในการพิจารณาว่าจะนำเครื่องมือใดมาใช้ Thoughtworks จึงแนะนำให้องค์กรพิจารณากรณีใช้งานที่ต้องการของตนเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในแง่วัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือเหล่านี้จำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับแนวปฏิบัติทางวิศวกรรมที่เชื่อถือได้และได้รับการพิสูจน์แล้ว เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะนำไปสู่การมีความน่าเชื่อถือและคุณภาพที่สูง

“แม้ว่า AI ช่วยสร้างและ LLM (โมเดลภาษาขนาดใหญ่) จะกินพื้นที่สนทนาส่วนใหญ่ใน Technology Radar ตามที่เราคาดไว้ แต่ความก้าวหน้าที่รวดเร็วของเครื่องมือ เทคนิค และเฟรมเวิร์กที่เกี่ยวข้องกับ AI จากวงแหวน Trial ไปสู่การใช้งานจริงหลายตัว ก็เป็นการพัฒนาการที่น่าจับตามองในการนำโซลูชัน AI ไปใช้ในระดับ Production” Rachel Laycock ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Technology Officer) ของ Thoughtworks กล่าว “ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ กำลังพบเครื่องมือ AI จำนวนมากมายที่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่สำคัญคือต้องประเมินเครื่องมือเหล่านี้ตามแบบแผนดั้งเดิมของแนวปฏิบัติทางวิศวกรรมที่ดี เพื่อผลักดันการใช้ AI ที่ปลอดภัย โปร่งใส และเชื่อถือได้”

ประเด็นสำคัญในรายงาน Technology Radar ฉบับที่ 31 ประกอบด้วย :

  • รูปแบบการใช้งาน AI ที่ไม่พึงประสงค์ (AI usage antipatterns) : ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ แม้ว่า AI จะเป็นทรัพย์สินที่ทรงพลัง แต่สิ่งสำคัญคือต้องระวังหลุมพรางต่างๆ ในการใช้งาน เช่น การพึ่งพาและเชื่อถือ AI มากเกินไป ปัญหาคุณภาพของโค้ด และการขยายตัวของโค้ด มันสำคัญมากที่จะต้องรักษาการกำกับดูแลโดยมนุษย์และมีแนวปฏิบัติทางวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง เพื่อให้แน่ใจว่า AI จะช่วยส่งเสริมแทนที่จะทำให้ความพยายามในการพัฒนาซอฟต์แวร์กลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น การมีแนวทางที่สมดุลจะทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพเต็มรูปแบบของ Generative AI ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้
  • Rust ยังห่างไกลจากคำว่าขึ้นสนิม: ความนิยมของภาษาโปรแกรมนี้เห็นชัดผ่านการที่เครื่องมือและไลบรารีที่ใช้ Rust มีจำนวนเพิ่มขึ้นในหลากหลายระบบนิเวศ ความสามารถของ Rust ในการให้การประมวลผลที่ 'รวดเร็วดุจสายฟ้า' และลดการติดกับดักต่าง ๆ ทำให้ Rust เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและการมีชุมชนนักพัฒนายิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Rust ในฐานะภาษาโปรแกรมระดับระบบชั้นนำ
  • การเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปของ WebAssembly (WASM) : WASM เป็นรูปแบบไบนารีระดับต่ำ (a low-level binary format) สำหรับเครื่องเสมือนแบบใช้สแตก (stack-based virtual machine) ซึ่งมอบวิธีที่ทรงพลังในการรันแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนภายในเว็บเบราว์เซอร์ ด้วยการใช้เครื่องเสมือน JavaScript ที่มี WASM ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน พกพาได้ และใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องด้วยเทคโนโลยีนี้มีมาระยะหนึ่งแล้ว เรารู้สึกประหลาดใจที่มีการกล่าวถึงเทคโนโลยีนี้อยู่บ่อยครั้งในการพูดคุยในรายงานฉบับนี้ ซึ่งอาจเป็นการบ่งบอกว่า WASM พร้อมที่จะก้าวกระโดดและปลดล็อกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ สำหรับนักพัฒนาและธุรกิจ
  • การเติบโตแบบก้าวกระโดดของระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับ AI : ขณะที่โมเดล AI ยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ระบบนิเวศของเครื่องมือ แพลตฟอร์ม และเฟรมเวิร์กสนับสนุนได้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากนักพัฒนาไม่สามารถปรับเปลี่ยนความสามารถหลักของ Generative AI โดยตรง นักพัฒนาจึงได้สร้างเครื่องมือมากมายเพื่อปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพโซลูชัน AI การพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนและคล้ายคลึงกับการเติบโตของระบบนิเวศ JavaScript ในปี 2015 ซึ่งบ่งบอกถึงศักยภาพของระบบนิเวศ AI ที่จะเติบโตก้าวหน้าไปยิ่งขึ้น

เยี่ยมชม www.thoughtworks.com/radar เพื่อดูรายงาน Technology Radar ในเวอร์ชันอินเทอร์แอคทีฟ หรือดาวน์โหลดเวอร์ชัน PDF

ทรัพยากรสนับสนุน :             

– ### – <TWKS915>

เกี่ยวกับ Thoughtworks

Thoughtworks เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ผสานกลยุทธ์ การออกแบบ และวิศวกรรมเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล เรามีพนักงาน กว่า 10,500 ราย ในสำนักงาน 48 แห่ง ใน 19 ประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี เราได้ร่วมมือกับลูกค้าแก้ไขปัญหาทางธุรกิจที่ซับซ้อนโดยใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความโดดเด่นไม่เหมือนใคร

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
 
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54137452/en

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อมวลชน :

Linda Horiuchi, global head of public relations
อีเมล : linda.horiuchi@thoughtworks.com
โทรศัพท์ : +1 (646) 581-2568

Michelle Surendran, head of public relations for Thoughtworks APAC and India
อีเมล : michels@thoughtworks.com

แหล่งที่มา : Thoughtworks

ผู้นำของกลุ่ม Montrose Environmental Group และ 3M Chief Technology Officer พูดคุยเรื่องความก้าวหน้าที่ประสบความสำเร็จในการกำจัด “สารเคมีที่อยู่ตลอดไป” จากน้ำ

Logo

ลิตเทิลร็อก อาร์คันซอ –(BUSINESS WIRE)–28 พฤษภาคม 2024

บริษัท Montrose Environmental Group, Inc. (“Montrose”) (NYSE: MEG) ได้แบ่งปันไฮไลท์จากการนำเสนอร่วมกับบริษัท 3M ที่งานประชุม Bank of America ครั้งที่ 31 สำหรับภาคการขนส่ง สายการบิน และอุตสาหกรรมที่จัดขึ้นในนิวยอร์ก โดย Vijay Manthripragada ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Montrose และ Dr. Steve Woodard หัวหน้าเจ้าหน้าที่นวัตกรรมของ Montrose ได้ร่วมกับ Dr. John Banovetz หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ 3M ในการจัดเสวนาหัวข้อ “PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow” (คณะเสวนา PFAS: การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่สะอาดขึ้น)

ในช่วงการเสวนา ทาง Montrose และ 3M ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิธีการที่ทั้งสองบริษัทจะนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อกำจัดสารประกอบ PFAS ออกจากแหล่งน้ำที่ซับซ้อนในสถานที่ผลิตสารเคมีของ 3M ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน และการบูรณาการความยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนไอออนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Montrose

“บริษัทของเรามีพื้นฐานจากนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ ดังนั้นเราจึงมองหาพันธมิตรในแนวทางเดียวกัน” Dr. Banovetz จาก 3M กล่าว “เราสามารถหาพันธมิตรใน Montrose ได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความร่วมมือของ Montrose ที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะเป้าหมายด้านคุณภาพน้ำของเรา”

“เราทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 หลายแห่ง John และทีมผู้นำของ 3M เป็นหนึ่งในผู้นำที่มุ่งมั่นในเรื่องความยั่งยืนมากที่สุดที่เราเคยมีความยินดีได้ร่วมงานด้วย”  Manthripragada กล่าว “เมื่อทีมของ Montrose และ 3M คิดเกี่ยวกับวิธีการ [กำจัด PFAS จากน้ำ] ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สำคัญ ผลลัพธ์จากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีร่วมกันนั้นคือโซลูชันที่สร้างของเสียน้อยลง ใช้สื่อกลางการกรองน้อยลง มีขนาดเล็กลงซึ่งอาจปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับพนักงาน และใช้พลังงานน้อยลง”

โซลูชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Montrose มีลักษณะเป็นลูกปัดพลาสติกขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้พวกมันมีความสามารถสูงในการจับกับ PFAS และกำจัดสารประกอบเหล่านี้ออกจากน้ำ เราสามารถล้างลูกปัดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้แทนที่จะทิ้งและเปลี่ยนลูกปัดเมื่อใช้งานแล้ว นอกจากนี้ Montrose ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีในการทำความสะอาดโซลูชันการฟื้นฟูที่ใช้ไปแล้วโดยใช้การกลั่นและการบรรจุซ้ำ ทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง การจับคู่เทคโนโลยีการบำบัดด้วยเรซินกับโซลูชันการฟื้นฟูนี้ ทำให้ได้ระบบบำบัด PFAS ที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการกำจัด PFAS ออกจากสิ่งแวดล้อม

Dr. Woodard กล่าวว่าระบบที่พัฒนาขึ้นสำหรับ 3M ผ่านความร่วมมือนี้ได้ถูกนำไปใช้ทั่วโลกและกำลังเป็นประโยชน์ต่อชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ไกลถึงออสเตรเลีย “เราได้พัฒนาเทคโนโลยีหลายประเภทเพื่อกำจัดพวกมันออกจากสิ่งแวดล้อม และ 3M กำลังเป็นผู้นำทาง” Dr. Woodard กล่าว “เราจะเป็นประโยชน์ต่อหลายอุตสาหกรรม ชุมชน และรัฐบาล แต่ที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน

สามารถเข้าฟังการบันทึกเสียงการประชุมซ้ำได้ที่เว็บไซต์การถ่ายทอดสดของการประชุม BofA ที่ PFAS Panel: Advancing Technology for a Cleaner Tomorrow (veracast.com)

เกี่ยวกับ Montrose

Montrose เป็นบริษัทชั้นนำด้านโซลูชันสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นการสนับสนุนองค์กรการค้าและรัฐบาลในการรับมือกับความท้าทายของปัจจุบันและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ด้วยพนักงานประมาณ 3,200 คนในกว่า 100 แห่งทั่วโลก Montrose ผสมผสานความรู้ท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งกับแนวทางแบบบูรณาการในการออกแบบ วิศวกรรม และการดำเนินงาน ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของแต่ละโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การวัดคุณภาพอากาศและบริการห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมไปจนถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การตอบสนองเหตุฉุกเฉิน การออกใบอนุญาต วิศวกรรม และการฟื้นฟู Montrose มอบโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและปฏิบัติได้จริงที่ช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาอยู่เหนือความต้องการในทันทีและล้ำหน้าในเชิงกลยุทธ์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.montrose-env.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Montrose
ฝ่ายสื่อสารกับนักลงทุน:
Rodny Nacier
(949) 988-3383
ir@montrose-env.com

ฝ่ายสื่อสารมวลชน:
Sarah Kaiser
(225) 955-1702
pr@montrose-env.com

ที่มา: Montrose Environmental Group, Inc.

Bolt.Earth และ Taizhou Chinv Science and Technology Development Co., Ltd กระชับความร่วมมือที่มีมายาวนาน เพื่อปฏิวัติระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า

Logo

ขับเคลื่อนอย่างชาญฉลาด เชื่อมต่อการขับขี่ อนาคตของระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ากำลังจะเปิดเผย

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–2 พฤศจิกายน 2023

Bolt.Earth บริษัทในสิงคโปร์ที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดระบบปฏิบัติการ EV ที่เชื่อมต่อกัน ได้กระชับความร่วมมือกับ Chinv ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและผลิตรถจักรยานยนต์ EV 2 ล้อ พวกเขาตั้งเป้าที่จะกำหนดนิยามใหม่แห่งอนาคตของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในงาน EICMA 2023 ที่ Fiera Milano-Rho Milan ในปีนี้ ร่วมเป็นสักขีพยานในการทำงานร่วมกันของความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบของ Chinv และหน่วยปฏิบัติการอันชาญฉลาดของ Bolt.Earth ซึ่งผสานความร่วมมือกันมานานหลายปีเพื่อสร้างประสบการณ์ EV ที่ไม่เคยมีมาก่อน

Driving Innovation: Bolt.Earth and Chinv Redefine the Future of Electric Mobility at EICMA 2023 (Graphic: Business Wire)

การขับเคลื่อนนวัตกรรม: Bolt.Earth และ Chinv กำหนดนิยามใหม่แห่งอนาคตของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในงาน EICMA 2023 (รูปภาพ: Business Wire)

เนื่องจากความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนาน จึงคาดว่าการเปิดตัว Bolt.Earth Blaze ใหม่ที่งาน EICMA 2023 จะเป็นช่วงเวลาสำคัญของวงการรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก Bolt.Earth Blaze คือแพลตฟอร์มการชาร์จที่รวดเร็วที่ออกแบบมาเพื่อกำหนดกระบวนทัศน์การชาร์จ EV ใหม่ นวัตกรรมนี้ช่วยลดระยะเวลาการชาร์จลงอย่างมาก ทำให้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าสะดวกและเข้าถึงได้มากขึ้น

Jyotiranjan Harichandan ผู้ร่วมก่อตั้ง Bolt.Earth กล่าวว่า “การเดินทางของเรากับ Chinv ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ความร่วมมือครั้งนี้สร้างขึ้นจากวิสัยทัศน์ร่วมกันและนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง ถือเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของการขนส่งที่ยั่งยืน ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของ Chinv ในการออกแบบและพัฒนาฮาร์ดแวร์ ผสมผสานกับการชาร์จและการทำงานของยานพาหนะของเรา กำลังวางรากฐานสำหรับอนาคต

การบรรจบกันของโซลูชันซอฟต์แวร์ขั้นสูงของ Bolt.Earth และความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาฮาร์ดแวร์ของ Chinv แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของช่วงการเปลี่ยนแปลงเพื่อการขนส่งที่ยั่งยืน การร่วมทุนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์เหล่านี้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมีความเหนือกว่าใครทางเทคโนโลยี

Ms. Xu Duo (Rita) ประธาน Chinv กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรของเรากับ Bolt.Earth แสดงให้เห็นถึงการก้าวไปสู่อีกระดับที่ชาญฉลาดและยั่งยืนยิ่งขึ้นอย่างกล้าหาญ ศักยภาพในการปฏิวัติวงการ EV นั้นยิ่งใหญ่ และเราพร้อมที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน

เข้าร่วมกับเราที่ EICMA 2023 ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนถึง 12 พฤศจิกายนที่ Fiera Milano-Rho Milan โดยที่ Bolt.Earth จะจัดแสดงข้อเสนอล่าสุดของพวกเขาที่บูธหมายเลข C-49 ในฮอลล์หมายเลข 14 ร่วมกับ Chinv พร้อมด้วยประสบการณ์เสมือนจริงที่น่าทึ่ง

เกี่ยวกับ Chinw

Chinv ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงเมื่อปี 2006 และดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ต่างๆ มากมาย รวมถึง “OKLA” สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า, “Motrac” สำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน, “O-Town” สำหรับเสื้อผ้า, “OKLATEC” สำหรับการวิจัยและพัฒนา และ “CHINV” สำหรับไฟและชิ้นส่วนไฟฟ้า เรากำหนดแนวทางการขับเคลื่อนของเราใหม่และกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และมีเป้าหมายในการพัฒนาโซลูชันการขนส่งที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

OKLATEC มีประสบการณ์ด้านการวิจัยและพัฒนาในการออกแบบรถจักรยานยนต์มากกว่า 50 คัน (ตั้งแต่ ICE ไปจนถึง EV) สำหรับลูกค้าทั่วโลก จากการสำเร็จเป้าหมายที่สำคัญเหล่านี้ Chinv ประสบความสำเร็จในการสนับสนุนการเปิดตัวแบรนด์หลายแบรนด์ในระดับการบูรณาการที่หลากหลายทั้งด้านไฟฟ้าและเครื่องกล ครอบคลุมตั้งแต่รถจักรยานยนต์ EV ความเร็วต่ำไปจนถึงประสิทธิภาพสูง ด้วยเหตุนี้ Chinv จึงกลายเป็นโซลูชันแบบครบวงจรในห่วงโซ่อุปทานของรถจักรยานยนต์ EV

เกี่ยวกับ Bolt.Earth

Bolt.Earth มีภารกิจในการผลักดันตลาดเกิดใหม่ไปสู่การขับเคลื่อนที่สะอาดยิ่งขึ้น บริษัทใช้กลุ่มมาตรวัดความเร็วอัจฉริยะแบบฝังที่ล้ำสมัยซึ่งจะกำหนดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าของคุณใหม่ กลุ่มมาตรวัดความเร็วและหน่วยแสดงผลของ Bolt.Earth ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย โดยใช้ระบบปฏิบัติการของ Bolt.Earth เพื่อนำเสนอเครื่องมือการจัดการยานพาหนะ ข้อมูลสำคัญ ข้อควรระวังในการป้องกันการโจรกรรม และตัวเลือกการปรับแต่งเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ชาญฉลาด เชื่อมต่อ และทันสมัย นอกจากนี้ Bolt.Earth ยังเปิดใช้งานเครือข่ายการชาร์จ EV แบบ peer-to-peer ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมีจุดชาร์จมากกว่า 30,000 แห่งใน 1,100 เมือง พวกเขานำเสนอโซลูชันการชาร์จสำหรับบุคคล ธุรกิจ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการยานพาหนะ และรัฐบาล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน โปรดไปที่ bolt.earth

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53723980/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสำหรับสื่อMarketing@bolt.earth

ที่มา: Bolt.Earth

SC Ventures เปิดตัว audax Financial Technology เพื่อช่วยสถาบันการเงินเร่งพัฒนาความสามารถด้านการทำธุรกรรมดิจิทัล

Logo

  • audax ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธนาคารแข่งขันได้ในยุคดิจิทัลและดำเนินตามโมเดลธุรกิจดิจิทัลใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมระบบหลักที่มีอยู่
  • audax เป็นแพลตฟอร์มการทำธุรกรรมดิจิทัลที่ขับเคลื่อนธนาคารระดับโลกแห่งแรกที่ให้บริการ Banking-as-a-Service (BaaS) ในเอเชีย
  • การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความสำเร็จของ audax ในการนำเสนอ BaaS ในเชิงพาณิชย์ให้กับ Standard Chartered ร่วมกับ Bukalapak แพลตฟอร์มการค้าครบวงจรชั้นนำของอินโดนีเซีย

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–21 กันยายน 2023

SC Ventures บริษัทร่วมทุนด้านนวัตกรรมและการลงทุนด้านฟินเทคของ Standard Chartered เปิดตัว audax Financial Technology (“audax”) ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีด้านการทำธุรกรรมดิจิทัล ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธนาคารและสถาบันการเงินในการเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ส่งมอบโมเดลธุรกิจใหม่ ให้บริการกลุ่มลูกค้าใหม่ และหาแหล่งรายได้ใหม่

ภายในปี 20301 คาดว่าตลาด Business-to-Business to Any-End-User (B2B2X) (ตลาดธุรกิจต่อธุรกิจสู่ผู้ใช้ปลายทาง) จะมีรายได้ต่อปีถึง 440,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้แรงหนุนจากความก้าวหน้าในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ธนาคารดิจิทัล และพื้นที่การเงินแบบฝังตัว audax จะมีบทบาทในตลาดที่กำลังเติบโตนี้โดยช่วยเหลือธนาคารดั้งเดิมในกรณีการใช้งานที่แตกต่างกันสองกรณีคือ การทำธุรกรรมดิจิทัลและ Banking-as-a-Service (BaaS)

audax นำเสนอแพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัลแบบ end-to-end พร้อมความสามารถแบบแยกส่วนที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการข้อมูลลูกค้านับล้านพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โซลูชัน Plug-and-Play รองรับวงจรชีวิตของลูกค้าทั้งหมด ตั้งแต่อินเทอร์เฟซลูกค้าและพนักงาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์การฝากและกู้ยืม ไปจนถึงการบริการลูกค้าและการรายงานข้อมูล เนื่องจากสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมระบบหลักของธนาคารดั้งเดิม เทคโนโลยีแบบทำงานข้ามโครงสร้างพื้นฐานของ Audax ยังช่วยให้ธนาคารดำเนินการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลสมัยใหม่ได้โดยไม่จำเป็นต้องพัฒนาหรือโยกย้ายภายในองค์กรที่มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน

ก่อนที่จะเปิดตัว โซลูชันของ audax ขับเคลื่อน Standard Chartered nexus (“SC nexus”) ซึ่งเป็นบริการ BaaS แบบ White-Label Plug-and-Play สำหรับสถาบันในระบบนิเวศขนาดใหญ่ Standard Chartered Bank เป็นธนาคารระดับโลกแห่งแรกที่ให้บริการ BaaS ในเอเชียผ่าน SC nexus ความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Bukalapak ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการค้าครบวงจรของอินโดนีเซีย ด้วยการใช้เทคโนโลยีของ audax บริการ Standard Chartered nexus ช่วยให้ BukaTabungan ลดความซับซ้อนของขั้นตอนการเปิดบัญชีดิจิทัลให้รวดเร็วเพียงสองนาที เนื่องจากลูกค้าไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาจริงหรือพูดคุยกับนายธนาคารเพื่อกรอกใบสมัคร ซึ่งสามารถทำได้ผ่านระบบอัตโนมัติขั้นสูงของ audax บวกกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ การจดจำใบหน้าแบบไบโอเมตริก และการตรวจสอบ E-KTP (โปรแกรมยืนยันตัวตนที่ใช้งานไบโอเมตริกของอินโดนีเซีย)

ด้วยแพลตฟอร์มของ audax บริการ SC nexus จะช่วย Sociolla ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านความงาม ในการตั้งค่าการทำธุรกรรมดิจิทัลให้กับลูกค้าของพวกเขา นอกจากนี้ audax ยังมีกำหนดจะสนับสนุน SC nexus กับพันธมิตรรายที่สามในตลาดที่สอง โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2023

“โซลูชันการทำธุรกรรมดิจิทัลของ audax จะช่วยให้สถาบันการเงินปลดล็อกโอกาสได้มากขึ้น” Alex Manson ผู้นำ SC Ventures กล่าว “ความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จระหว่าง Standard Chartered และ Bukalapak ในการเปิดตัว BukaTabungan เป็นตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่ Audax มอบการเข้าถึงการทำธุรกรรมดิจิทัลแบบไร้กระดาษอย่างแท้จริง โดยให้บริการระบบนิเวศของ Bukalapak ที่มีผู้ใช้มากกว่า 150 ล้านคนและเจ้าของธุรกิจ 20 ล้านคน ในอนาคตข้างหน้า audax จะสามารถบรรลุเป้าหมายเดียวกันนี้สำหรับสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ต้องการเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มใดๆ ก็ตาม”

audax มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เติบโตในประเทศ ฟินเทคนี้มุ่งเน้นไปที่การเร่งพัฒนาระบบนิเวศเทคโนโลยีโดยเริ่มจากภูมิภาค APAC ภารกิจในปัจจุบันคือการช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินสามารถขยายขนาดและทันสมัยได้อย่างรวดเร็วด้วยความสามารถด้านการทำธุรกรรมดิจิทัลของ audax

Kelvin Tan อดีตกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าระดับโลกของ SC nexus จะเป็นผู้นำของ audax ในตำแหน่ง CEO ร่วมกับทีมงานส่วนใหญ่ของเขา audax จะยังคงให้บริการ Standard Chartered ในด้านเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยขับเคลื่อน SC nexus ที่เป็นบริการ BaaS ต่อไปสำหรับทั้งความร่วมมือในปัจจุบันและอนาคต ด้วยการสำรวจสภาพแวดล้อมทางเทคนิคและกฎระเบียบที่ซับซ้อนภายในระบบนิเวศของธนาคารทั่วโลก และมีประวัติที่พิสูจน์แล้วในการขับเคลื่อนความสำเร็จของลูกค้าผ่านความร่วมมือภายนอก ทีมงานมีความมั่นใจในการช่วยให้ธนาคารดั้งเดิมบรรลุผลการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในลักษณะที่คล้ายกันได้สำเร็จ

“ความหมายของ audax คือ “ความกล้าหาญ” และนั่นคือลักษณะเฉพาะของทีมที่เราสร้างขึ้นและจำเป็นต่อสิ่งที่เรากำลังจะบรรลุผลสำเร็จ” Tan กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะผลักดันขอบเขตของสิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้ audax ได้แสดงให้เห็นศักยภาพของ BaaS และวิธีที่บริษัทได้ขยายขนาดธุรกิจดิจิทัลของ Standard Chartered ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถหาลูกค้าหน้าใหม่สู่ธนาคารด้วยต้นทุนเพียงเล็กน้อยในการได้มาซึ่งลูกค้าแบบเดิม ตอนนี้เราพร้อมที่จะขยายขนาดธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ ทั่วโลก ช่วยให้ทุกคนสร้างมูลค่าที่ดีขึ้นให้กับธุรกิจของตนโดยไม่ต้องเสี่ยงกับทรัพย์สินที่มีอยู่”

audax Financial Technology

audax Financial Technology เป็นผู้ให้บริการโซลูชันการทำธุรกรรมดิจิทัลแบบครบวงจรที่เสริมศักยภาพให้กับธนาคารและสถาบันการเงินในการขยายขนาดและทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว audax Financial Technology ได้ทำให้เกิดโมเดลธุรกิจและแหล่งรายได้ใหม่สำหรับ Standard Chartered ภายใต้บริการ SC nexus โดย Standard Chartered กลายเป็นธนาคารระดับโลกแห่งแรกที่ให้บริการ Banking-as-a-Service ในเอเชีย

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.audax.io และติดตาม audax บน LinkedIn

SC Ventures

SC Ventures เป็นหน่วยธุรกิจที่ให้บริการแพลตฟอร์มและตัวเร่งปฏิกิริยาแก่ Standard Chartered เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม ลงทุนในเทคโนโลยีทางการเงินที่พลิกโฉม และสำรวจโมเดลธุรกิจทางเลือก SC Ventures ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ในฐานะหน่วยธุรกิจใหม่เพื่อเป็นผู้นำนวัตกรรมดิจิทัลและลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายโมเดลธุรกิจที่ล้ำสมัย โดยเปิดตัวกิจการใหม่กว่า 30 แห่ง ชุมชน Fintech Bridge กว่า 2,700 แห่ง และบริษัทในเครือ 22 แห่ง

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.scventures.io และติดตาม SC Ventures บน LinkedIn

1Reimagining the Future of Finance (BCG & QED, 2023)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ:

สำหรับสื่อ:
Fernn Lim ฝ่ายเสนาธิการ audax
fernn.lim@audax.io

Chi-an Chang หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสาร SC Ventures
chian.chang@sc.com

ที่มา: audax

Technology Innovation Institute เปิดตัว Falcon 180B โมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังที่สุดในโลก

Logo

  • โมเดลใหม่ครองอันดับ 1 ใน Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์ส
  • โมเดลที่มีพารามิเตอร์ 180 พันล้านได้รับการฝึกฝนบนชุดข้อมูล 3.5 ล้านล้านโทเค็น พร้อมทรัพยากรการประมวลผลของ LLaMA 2 ของ Meta ถึง 4 เท่า
  • Falcon 180B เป็นโมเดลที่เข้าถึงได้แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับนักวิจัยและผู้ใช้เชิงพาณิชย์

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE )–6 กันยายน 2023

Technology Innovation Institute (TII) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดของ Generative AI อีกครั้งด้วยการเปิดตัว Falcon 180B ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ขั้นสูงที่เป็นรุ่นเรือธงของพวกเขา การเปิดตัวที่ล้ำสมัยนี้ช่วยเสริมความเป็นผู้นำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในด้าน AI โดยนำเสนอ Falcon 180B ให้เป็นโมเดลการเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์สสำหรับการวิจัยและการใช้เชิงพาณิชย์

Falcon 180B Benchmarks (Photo: AETOSWire)

เกณฑ์มาตรฐาน Falcon 180B (รูปภาพ: AETOSWire)

หลังจากความสำเร็จอันน่าทึ่งของ Falcon 40B ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่ทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุดใน Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 TII ซึ่งเป็นเสาหลักการวิจัยประยุกต์ของ Advanced Technology Research Council (ATRC) ของอาบูดาบียังคงเป็นผู้นำในการพัฒนา Generative AI Falcon 40B ถือเป็นตัวอย่างแรกๆ ของโมเดลโอเพ่นซอร์สสำหรับทั้งนักวิจัยและผู้ใช้เชิงพาณิชย์ และถือเป็นการก้าวกระโดดของการบุกเบิกในสาขานี้

H.E. Faisal Al Bannai เลขาธิการของ Advanced Technology Research Council เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของ Falcon ที่มีต่อภูมิทัศน์ของ AI และกล่าวว่า “เรามองเห็นอนาคตที่พลังการเปลี่ยนแปลงของ AI อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมของทุกคน เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเข้าถึง AI ขั้นสูงให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เนื่องจากความเป็นส่วนตัวและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของ AI ต่อมนุษยชาติไม่ควรถูกควบคุมโดยคนเพียงไม่กี่คน แม้ว่าเราอาจไม่มีคำตอบทั้งหมด แต่ความมุ่งมั่นของเรายังคงแน่วแน่ นั่นคือการทำงานร่วมกันและมีส่วนร่วมในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะได้แบ่งปันประโยชน์ของ AI”

ด้วยพารามิเตอร์ที่น่าทึ่งถึง 180 พันล้านพารามิเตอร์และฝึกฝนบนชุดข้อมูล 3.5 ล้านล้านโทเค็น Falcon 180B ทะยานขึ้นสู่อันดับสูงสุดของ Hugging Face Leaderboard ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว โมเดลนี้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งที่มีชื่อเสียงอย่าง LLaMA 2 ของ Meta ในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ รวมถึงการทดสอบการใช้เหตุผล การเขียนโค้ด ความชำนาญ และการทดสอบความรู้

ในบรรดาโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบปิดที่ดีที่สุด Falcon 180B อยู่ในอันดับที่ตามหลัง GPT 4 ล่าสุดของ OpenAI และทัดเทียมกับประสิทธิภาพของ PaLM 2 Large ของ Google ซึ่งเป็นโมเดลที่ขับเคลื่อน Bard แม้ว่าจะมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของโมเดลก็ตาม กรอบการอนุญาตใช้งานสำหรับโมเดลนี้กำหนดขึ้นโดยใช้ “Falcon 180B TII License” ซึ่งอิงตาม Apache 2.0

Dr. Ebtesam Almazrouei กรรมการบริหารและรักษาการหัวหน้านักวิจัยของ AI Cross-Center Unit ของ TII กล่าวว่า “การเปิดตัว Falcon 180B เป็นตัวอย่างของการอุทิศตนของเราในการพัฒนาขอบเขตของ AI และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้แบ่งปันศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของมันกับโลก Falcon 180B ประกาศศักราชใหม่ของ Generative AI โดยสร้างศักยภาพของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ผ่านการเข้าถึงแบบโอเพ่นซอร์สเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคต ขณะที่เราเจาะลึกขอบเขตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิสัยทัศน์ของเราขยายไปไกลกว่านวัตกรรม นั่นคือการรักษาความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกผ่านความก้าวหน้าทางการทำงานร่วมกัน”

ด้วยนักพัฒนามากกว่า 12 ล้านคนที่ยอมรับและปรับใช้ Falcon รุ่นแรก การอัปเกรดครั้งสำคัญนี้จึงพร้อมที่จะกลายเป็นโมเดลชั้นนำสำหรับโดเมนต่างๆ ตั้งแต่แชทบอทไปจนถึงการสร้างโค้ด และอื่นๆ อีกมากมาย

Falcon 180B เข้ากันได้กับภาษาหลักต่อไปนี้: อังกฤษ เยอรมัน สเปน และฝรั่งเศส โดยมีความสามารถจำกัดในภาษาอิตาลี โปรตุเกส โปแลนด์ ดัตช์ โรมาเนีย เช็ก และสวีเดน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ FalconLLM.tii.ae

ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรบั ชมภาพในรูปแบบมลัติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20230906583274/en

รายชื่อผู้ติดต่อ

Jennifer Dewan ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
jennifer.dewan@tii.ae

ที่มา: The Technology Innovation Institute

Falcon 40B ของ UAE ซึ่งเป็นโมเดล AI อันดับต้น ๆ ของโลกจาก Technology Innovation Institute ปลอดค่าลิขสิทธิ์แล้ว

Logo

อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – (BUSINESS WIRE )–31 พฤษภาคม 2023

เทคโนโลยี Falcon 40B ของ Technology Innovation Institute (TII) ที่เป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สขนาดใหญ่ที่สำคัญของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตอนนี้เปิดให้ใช้งานเพื่อการพาณิชย์และการวิจัยโดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทั่วโลกในการเข้าถึง AI อย่างสมบูรณ์

UAE’s Falcon 40B, World’s Top-Ranked AI Model is Now Royalty-free (Photo: AETOSWire)

โมเดล AI ตัวดีที่สุดของโลก Falcon 40B ของ UAE เป็นโมเดลที่ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แล้ว (ภาพ: AETOSWire)

Falcon 40B ติดอันดับ 1 ของโลกการจัดลำดับของ Hugging Face สำหรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง LLaMA ของ Meta และ StableLM ของ Stability AI ภายใต้ใบอนุญาตซอฟต์แวร์ Apache 2.0 ที่อนุญาตเผยแพร่อย่างเสรี ผู้ใช้ Falcon 40B สามารถเข้าถึงสิทธิบัตรใดๆ ที่ครอบคลุมโดยซอฟต์แวร์ที่เป็นปัญหา Apache 2.0 รับรองความปลอดภัยและความพร้อมใช้ของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่มีความสามารถและสร้างโมเดลการบริหารที่มีประสิทธิภาพ

การเข้าถึง Falcon 40B ได้โดยไม่มีข้อจำกัดของ TII ย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในนวัตกรรมเทคโนโลยีและการแบ่งปันความรู้ ซึ่งสนับสนุนระบบนิเวศการร่วมมือและเสริมสร้างตำแหน่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะผู้นำด้าน AI ระดับโลก นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการก้าวข้ามขีดจำกัดในการสร้างอนาคต ซึ่ง AI เป็นตัวแทนในการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อผลสำเร็จ”

การใช้งาน Falcon 40B แบบเปิดเผยและไม่มีค่าลิขสิทธิ์อาจทำให้หน่วยงานทั้งสาธารณะและเอกชนมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ เช่น เริ่มโครงการได้เร็วขึ้น การทำซ้ำที่เร็วขึ้น กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น การรับรองและการสนับสนุนจากชุมชนที่แข็งแกร่ง และการจัดการใบอนุญาตที่ง่ายขึ้น

TII มุ่งเน้นในการสร้างระบบนิเวศที่เติบโตได้สำหรับความร่วมมือ นวัตกรรม และการแบ่งปันความรู้ระหว่างนักพัฒนา นักวิจัย และธุรกิจทั่วโลก การเคลื่อนไหวนี้ส่งเสริมความโปร่งใส การเข้าร่วมทุกฝ่าย และความคืบหน้าที่รวดเร็วในการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์สำหรับโลก และเปิดโอกาสที่หลากหลายในการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ

ดร. เอบเตสัม อัลมาซรูอี้ ผู้อำนวยการหน่วย AI Cross-Center ที่ TII กล่าวว่า: การยกเลิกค่าลิขสิทธิ์ของ Falcon 40B ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีร่วมกันสำหรับสังคมที่เชื่อมโยงกัน เรามุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อรวมมนุษยชาติและปกป้องโลกของเราในอนาคต

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดล Falcon 40B AI ที่เผยแพร่ในปัจจุบันและการลงทะเบียน โปรดเยี่ยมชม: FalconLLM.TII.ae.

สำหรับการจัดอันดับ Falcon 40B โปรดไปที่: https://huggingface.co/spaces/HuggingFaceH4/open_llm_leaderboard

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าชม  www.tii.ae

*ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53410420/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Jennifer Dewan, ผู้อำนวยการสื่อสารระดับอาวุโส
jennifer.dewan@tii.ae.

ที่มา: The Technology Innovation Institute

SōRSE Technology เข้าสู่ตลาด CBD ของประเทศไทยด้วยการเป็นพันธมิตรพิเศษกับ Hempagoda

Logo

  • อิมัลชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE Technology ที่ผลิตขึ้นสินค้าบรรจุภัณฑ์ของผู้บริโภคมีวางจำหน่ายในประเทศไทยผ่าน Hempagoda
  • SōRSE จะเป็นเทคโนโลยีอิมัลชัน cannabinoid และกัญชงที่ละลายน้ำได้จากสหรัฐฯตัวแรกของประเทศไทย
  • ความร่วมมือของ SōRSE/Hempogoda เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ผลิตชาวไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีคุณภาพสูง และรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE
  • แบรนด์ในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE สามารถจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนในประเทศไทยโดยร่วมมือกับ Hempagoda

ซีแอตเทิล–(บิสิเนสไวร์)–05 เม.ย. 2565

SōRSE Technology Corporation บริษัทเทคโนโลยีอิมัลชันชั้นนำที่ละลายน้ำได้สำหรับสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ประกาศว่าบริษัทได้เข้าสู่ตลาดกัญชงและกัญชาในประเทศไทย  ปัจจุบัน SōRSE ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ในตลาดกว่า 100 รายการ  SōRSE ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Hempagoda เพื่อให้แพลตฟอร์ม SōRSE Technology พร้อมใช้งานในตลาดไทย  ในปี 2562 ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออกกฎหมายกัญชาสำหรับใช้ทางการแพทย์และการวิจัย เช่นเดียวกับกัญชงเพื่อการผลิตสิ่งทอ เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ  ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประเทศไทยออกกฎหมายให้ใช้กัญชงและ CBD ในอาหารและเครื่องสำอาง และเมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลได้นำกัญชงและกัญชาออกจากรายการสารควบคุม  ขั้นตอนเหล่านี้ได้สร้างโอกาสสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงและกัญชาในปี 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220405005298/en/

SōRSE VP of International Markets, Tim O'Neill; Hempagoda CEO, Vaughn Graham; SōRSE CEO, Howard Lee; and SōRSE EVP of Research & Technical Business Development, Michael Flemmens, at Cannabis Business Asia 2022. (Photo: Business Wire)

SōRSE VP of International Markets, Tim O'Neill; Hempagoda CEO, Vaughn Graham; SōRSE CEO, Howard Lee; และ SōRSE EVP of Research & Technical Business Development, Michael Flemmens, ที่ Cannabis Business Asia 2022. (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา SōRSE ได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลกในออสเตรเลีย แคนาดา สหภาพยุโรป ละตินอเมริกา สหราชอาณาจักร เอเชีย และแอฟริกาใต้  ข้อตกลงนี้ถือเป็นการที่ SōRSE ได้เข้าสู่ตลาดประเทศไทยและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อิมัลชันจะถูกผลิตขึ้นที่โรงงาน 12,000 ตารางเมตรของ Hempagoda ในกรุงเทพฯ

Vaughn Graham ซีอีโอของ Hempagoda ให้ความเห็นว่า: “เนื่องจากประเทศไทยออกกฎหมายให้ใช้กัญชงและ CBD ในอาหารและเครื่องสำอาง จึงได้รับความสนใจมากมายจากทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสำหรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมกัญชา  เราเคยเห็นชาสมุนไพรพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ 'ตลาดเริ่มต้น' อื่นๆ ในตลาดไทยมาแล้ว  ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ SōRSE เรากำลังเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ผลิตชาวไทยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครที่น่าตื่นเต้นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE”

โซลูชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE เปิดตัวที่ Cannabis Business Asia 2022 เมื่อวันที่ 23 และ 24 มีนาคมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานชั้นนำด้านการพัฒนาตลาดกัญชงและกัญชาทางการแพทย์ในเอเชีย  Tim O'Neill รองประธานฝ่ายตลาดต่างประเทศของ SōRSE และ Vaughn Graham ซีอีโอของ Hempagoda ได้นำเสนอในการประชุมเมื่อวันที่ 23 มีนาคมในหัวข้อ “วิธีการรวม Cannabinoids เข้ากับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคปลายทาง”

Howard Lee ซีอีโอของ SōRSE ให้ความเห็นว่า “การเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับทั้งบริษัทและพันธมิตรของเราในการขยายเข้าสู่ตลาดระดับภูมิภาคสำหรับผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงและกัญชา ประเทศไทยกำลังปูทางให้ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียได้พิจารณาถึงประโยชน์ของการมีผลิตภัณฑ์กัญชงและกัญชาสำหรับผู้บริโภค  เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเป็นบริษัทอเมริกันแห่งแรกที่มีสินค้าออกสู่ตลาดไทย โดยเป็นข้อพิสูจน์ถึงการทำงานหนักทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติดีและปลอดภัย”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดในประเทศไทย ติดต่อ SōRSE ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ SōRSE Technology

SōRSE Technology เป็นเทคโนโลยีอิมัลชันที่ละลายน้ำได้ชั้นนำสำหรับการผสมส่วนผสมที่มีประโยชน์ในเครื่องดื่ม อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์สำอาง  SōRSE ออกแบบมาเพื่อสร้างส่วนผสมที่ทำงานจากน้ำมันที่ละลายน้ำได้เพื่อการผสานที่เรียบง่ายและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยังให้ประสบการณ์ที่สม่ำเสมอ ปลอดภัย และสนุกสนานแก่ผู้บริโภค  ด้วยทีม R&D และทีมปฏิบัติการกว่า 30 คน SōRSE เป็นผู้ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ชั้นนำมากกว่า 100 รายการ รวมถึง Cann, Jones Soda, Mad Tasty, Aprch และ Major.  SōRSE Technology มีจำหน่ายในอเมริกาเหนือ แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป และเอเชีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ www.sorsetech.com

เกี่ยวกับ HEMPAGODA

บริษัท Hempagoda ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นธุรกิจกัญชาแบบบูรณาการในแนวตั้ง  กิจกรรมทางธุรกิจ ได้แก่ การเพาะปลูก สกัด การผลิตส่วนผสม CPG ที่มีมูลค่าเพิ่ม และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่น่าตื่นเต้น ตลอดจนการขายและการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ  การเพาะปลูกรวมถึงสัญญาการทำฟาร์มร่วมกับเกษตรกรชาวไทย ตลอดจนพื้นที่ปลูกและผลิตในที่ร่มขนาด 12,000 ตารางเมตรในกรุงเทพฯ  ผลิตภัณฑ์โดย Hempagoda ที่จะวางจำหน่ายในปี 2565 ได้แก่

  • เครื่องดื่ม อาหาร และยาทาที่ผสมกัญชาและรูปแบบอื่นๆ
  • แป้ง
  • ชีวมวล
  • สารสกัดคุณภาพสูง
  • อิมัลชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ www.hempagoda.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220405005298/en/

ติดต่อ:

SōRSE Technology
Tim O'Neill
VP of International Markets
Tim@sorsetech.com

Hempagoda
Vaughn Graham
CEO และผู้ก่อตั้ง Hempagoda
vaughn@hempagoda.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย