Tag Archives: series

CertiK บริษัทรักษาความปลอดภัย Web3 ได้รับทุนจาก SoftBank เพิ่มอีก 60 ล้านดอลลาร์ หลังระดุมในรอบ Series B3 ได้ 88 ล้านดอลลาร์

Logo

การระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภารกิจของ CertiK ในการรักษาความปลอดภัยบนโลกของ Web3 ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการด้านนวัตกรรม

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2565

CertiK บริษัทรักษาความปลอดภัยชั้นนำระดับโลกด้าน Web3 และบล็อกเชน ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติม 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก SoftBank Vision Fund 2 และ Tiger Global โดย CertiK ได้ประกาศเกี่ยวกับการระดมทุนในรอบ Series B3 มูลค่า 88 ล้านดอลลาร์ และการประเมินมูลค่าหุ้น 2 พันล้านดอลลาร์ที่นำโดย Insight Partners ในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การระดมทุนเพิ่มเติมนี้ทำให้ยอดรวมที่ลงทุนใน CertiK ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 290 ล้านเหรียญสหรัฐ

ภารกิจของ CertiK คือการรักษาความปลอดภัยให้กับโลกของ Web3 ผ่านชุดบริการรักษาความปลอดภัยแบบ end-to-end โดยให้บริการลูกค้าด้วยแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบสำหรับความปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน ความต้องการด้านความปลอดภัยชั้นนำสำหรับบล็อกเชนในอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2565 หลังจากทรัพย์สินคริปโตมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ถูกโจรกรรมโดยอาชญากรไซเบอร์ในปี 2564 อุตสาหกรรมเผชิญกับความสูญเสียสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์อันเนื่องมาจากการโจมตีสะพานหลักที่เชื่อมโยงระบบ 4 ครั้ง และการโจมตีด้วยแฟลชโลนมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ภายในไตรมาสแรกของปีนี้

Dennis Chang หุ้นส่วนผู้จัดการของ SoftBank Investment Advisers กล่าวว่า “การนำ Web3 มาใช้กำลังได้รับความนิยม แต่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยทำให้ไม่สามารถใช้งานเต็มศักยภาพได้ เราเชื่อว่า CertiK ผสมผสานความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ บล็อกเชน และการตรวจสอบระบบ เพื่อให้บริษัทมีโซลูชันชั้นนำในการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบบล็อกเชน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับศาสตราจารย์ Gu และทีมงานเพื่อสนับสนุนภารกิจในการรักษาความปลอดภัยในโลกของ Web3”

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการรักษาความปลอดภัย Web3 ได้ผลักดันให้มีการพัฒนาและดำเนินการผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้นให้แก่อุตสาหกรรมบล็อกเชน CertiK ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ผ่านผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรม เช่น Security Leaderboard, Code Auditing และ Skynet ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบภัยคุกคามทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง CertiK เพิ่งเปิดตัว KYC และบริการตรวจจับการทุจริตเพื่อป้องกันกลอุบาย Rug-pulls และการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้น

Ronghui Gu ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CertiK กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการติดตามธุรกรรมรอบล่าสุดของเรา การสนับสนุนเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัย web3 และจะช่วยให้เราปกป้องอุตสาหกรรมบล็อคเชน และสร้างความไว้วางใจในชุมชนคริปโต เหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การโจมตีแบบข้ามบล็อกเชน แฟลชโลน กลอุบาย Rug-Pulls และอื่น ๆ ได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการรักษาความปลอดภัย web3 แบบ end-to-end ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจนำเสนอ รวมถึงการตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะ การตรวจสอบภัยคุกคามตลอด 24/7 และ KYC”

เกี่ยวกับ CertiK

ภารกิจของ CertiK คือการรักษาความปลอดภัยในโลกของ Web3 โดย CertiK นำนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้งานตั้งแต่สถาบันการศึกษาไปจนถึงองค์กร โดยเริ่มต้นด้วยบล็อกเชน ทำให้ชุดซอฟต์แวร์ที่สำคัญในการจัดการวิกฤติถูกสร้างขึ้นพร้อมความปลอดภัยและแม่นยำ CertiK ก่อตั้งโดยอาจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ Ronghui Gu และ Zhong Shao โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก CertiK ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำในอุตสาหกรรม ได้แก่ Insight Partners, Tiger Global, Sequoia, Coatue Management, Advent International, Goldman Sachs, Lightspeed, SoftBank Vision Fund 2, Hillhouse Capital, Binance, Coinbase Ventures และอีกมากมาย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.certik.com/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005030/en/

ติดต่อ:

Makayela Hills, Red Lorry Yellow Lorry

makayelah@rlyl.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ประกาศผู้ชนะการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge

Logo

ความท้าท้ายนี้ขอให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2565

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE)  โดยประสบการณ์การศึกษาระดับโลกเชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปีใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในขณะที่ส่งเสริมกรอบความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

In celebration of Creativity and Innovation Day, Mary Kay is proud to announce STEMinists as the winner of the NFTE World Series of Innovation Challenge addressing SDG 5: Gender Equality. (Photo: Mary Kay Inc.)

ในการเฉลิมฉลองวันแห่งความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation Day) Mary Kay มีความภาคภูมิใจที่จะประกาศให้ STEMinists เป็นผู้ชนะของการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge ที่กล่าวถึง SDG 5: ความเท่าเทียมทางเพศ (ภาพ: Mary Kay Inc.)

การแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกเสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายนี้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ก่อนการเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างของค่าจ้างนั้นยังคงมีอยู่ แต่มีผู้หญิงเข้าร่วมตลาดแรงงานมากขึ้นทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่นั้นส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่สมส่วน และตั้งแต่ปี 2563 การตะเกียกตะกายไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ประจำปีนี้! Mary Kay รับรู้ถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มเพื่อช่วยส่งเสริมสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นมากสำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะที่จัดการกับความท้าทายนี้และแสดงให้เห็นถึงการคิดในการแก้ปัญหาล่วงหน้า และระบุโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการบรรลุถึงความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของการเป็นผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ การแข่งขัน World Series of Innovation (WSI) Challenge เชิญชวนความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

NFTE เข้าถึงเยาวชนกว่า 50,000 รายทั่วโลก มีนักเรียนมากกว่า 3,000 รายที่มีภูมิหลังที่หลากหลายส่งแนวคิดในการแข่งขัน WSI Challenges ในปีนี้ ทั้งนี้นักเรียนมากกว่า 400 รายเข้าร่วมในความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ผู้ชนะสามรายของการแข่งขัน Mary Kay’s 2021 Challenge ได้แก่:

  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง: STEMinists การสร้างพอร์ทัลออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญหญิงกับนักศึกษาหญิงสาว STEM ในฐานะที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของผู้หญิงในสาขา STEM พัฒนาโดย Misaki Nguyen อายุ 15 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สอง: Pads for Peace การบริการกล่องสมัครสมาชิกผลิตภัณฑ์สำหรับสตรี โดยบริจาคจำนวนหนึ่งกล่องให้แก่ที่ผู้ไร้บ้านในทุก ๆ กล่องที่ซื้อ พัฒนาโดย Ashley Cohen, Olivia Mooney และ Ashley Simonian อายุ 14 ปี จากโรงเรียน Brentwood School ในเมืองลอสแองเจลิส
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สาม: Black Girls Mean Business โปรแกรมธุรกิจภาคฤดูร้อนเสมือนจริงสำหรับนักเรียนหญิงผิวดำระดับมัธยม จับคู่กับมืออาชีพรุ่นเยาว์กับที่ปรึกษาจากธุรกิจชั้นนำด้านอุตสาหกรรม พัฒนาโดย Brianna Holmes, Alyssa Torres, Rachel Holmes อายุ 17 ปี และ Cherry Zhang อายุ 18 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย

“ในทุก ๆ ปี ทีมเยาวชนจากทั่วโลกตอบสนองต่อการเรียกร้องของ WSI โดยใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดของโลก” Dr.J.D. LaRock ประธานและซีอีโอของ NFTE กล่าว “เยาวชนมีความกล้าหาญและมีความทะเยอทะยาน และมักได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่พวกเขาหลงใหล WSI เปิดโอกาสให้พวกเขาพัฒนาความคิดและให้รางวัลสำหรับการคิดอย่างสร้างสรรค์ในประเด็นต่าง ๆ อย่างเช่น ความยากจน ความเสมอภาคและการไม่แบ่งแยก ตลอดจนความยุติธรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม”

2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และคุณสมบัติการแข่งขันจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด กรุณาเยียมชมได้ที่ https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าที่ทันสมัยที่สุดแล้ว Mary Kay ยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในวันนี้ยังคงเปล่งประกาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ MaryKayGlobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 50,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 18 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Cyble บริษัทสตาร์ทอัพตรวจสอบอาชญากรรมทางไซเบอร์และเว็บมืด ประกาศระดมทุนในรอบ Series A ได้ 10 ล้านดอลลาร์ฯ

Logo

แอตแลนตา & เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2565

Cyble บริษัทป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทระดมทุนในรอบ Series A ได้มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการระดมทุนดังกล่าวนำโดยบริษัท Blackbird และบริษัทที่เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ Spider Capital, January Capital, Cendana Capital และ VentureSouq เงินที่ได้จากการระดมทุนจะถูกจัดสรรเพื่อขยายแผนงานผลิตภัณฑ์ของ Cyble ให้สามารถเจาะลึกเข้าไปในตลาดปัจจุบันและตลาดใหม่ รวมทั้งขยายขีดความสามารถของ Cyble Research Labs (CRL)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220215006151/en/

Cyble Co-founders, Beenu Arora (right) and Manish Chachada (left) (Photo: Business Wire)

Beenu Arora (ขวา) และ Manish Chachada (ซ้าย) ผู้ร่วมก่อตั้ง Cyble (รูปภาพ: Business Wire)

Cyble ก่อตั้งขึ้นโดย Beenu Arora และ Manish Chachada ในปี 2562 บริษัทให้บริการตรวจสอบข้อมูลเว็บมืดและเว็บทั่วไปอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ในแหล่งที่มาแบบเปิดและแบบปิด เพื่อทำแผนที่ ตรวจสอบ และลดความเสี่ยงทางดิจิทัลของบริษัทต่าง ๆ วันนี้ Cyble มีสาขาอยู่ใน 6 ประเทศและธุรกิจเพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ข่าวการระดมทุนในรอบ Series A เกือบครบรอบหนึ่งปีนับตั้งแต่การระดมทุนในรอบ Seed ครั้งแรกของ Cyble ในเดือนเมษายน 2564, Cyble ประกาศว่าได้ระดมทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำโดยบริษัท Blackbird และ Spider Capital รวมทั้งบริษัทที่เข้าร่วมอย่าง Picus Capital และ Cathexis Ventures นับตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงผ่านการเติบโตอย่างยั่งยืน พัฒนาข้อเสนอของลูกค้าด้วยการเฝ้าระวังเว็บมืด แบรนด์ และการโจมตี ขยายฐานลูกค้าใน 6 ประเทศ และเพิ่มจำนวนพนักงานจาก 25 เป็น 80 คน

Manish Chachada ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Cyble กล่าวว่า “Cyble เริ่มต้นด้วยเป้าหมายที่ทะเยอทะยานเพื่อทำให้องค์กรต่าง ๆ มองเห็นเว็บมืดอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง และเพิ่มความสามารถให้องค์กรเหล่านั้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย และทำให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการรับมือต่อการโจมตีทางไซเบอร์ที่อันตราย เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนของเราในการดำเนินตามวิสัยทัศน์ของ Cyble ต่อไป และรู้สึกเป็นเกียรติที่ Cyble ได้รับการยอมรับว่าเป็นกระบอกเสียงชั้นนำในด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนากลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงด้านดิจิทัลได้”

Minsoo Chi จาก Spider Capital กล่าวว่า “เรารู้สึกประทับใจกับ Beenu และ Manish และทีมงาน Cyble ทั้งหมดเกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อให้องค์กรสามารถมองเห็นเว็บมืดได้แบบเรียลไทม์ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สนับสนุนวิสัยทัศน์ของพวกเขาต่อไป เพื่อทำให้การป้องกันความเสี่ยงทางดิจิทัลสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง”

Tom Humphrey จาก Blackbird กล่าวว่า “ในเวลาไม่ถึง 12 เดือน การเติบโตที่ Cyble ทำได้นั้นช่างน่าอัศจรรย์มาก Beenu, Manish และทีมงานของพวกเขามีความคืบหน้าอย่างมากในแผนงานด้านผลิตภัณฑ์และการขยายธุรกิจไปทั่วโลก และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น Cyble กำลังแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่และแสนเจ็บปวดสำหรับธุรกิจทั่วโลก และเราภูมิใจที่จะสนับสนุนความทะเยอทะยานของพวกเขาต่อไป”

นอกจากความตั้งใจอย่างต่อเนื่องในการลดและจัดการความเสี่ยงในโลกไซเบอร์ให้แก่ลูกค้าแล้ว Cyble ยังได้เปิดตัวหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย (LEA) และโซลูชันการป้องกันภัยคุกคามตามความเหมาะสม หรือ Cyble Hawk เพื่อช่วยบังคับใช้กฎหมาย และช่วยหน่วยงานของรัฐในการต่อสู้กับความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่แผ่ขยายไปยังระดับชาติและประเทศอื่น ๆ

Beenu Arora ประธานจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Cyble กล่าวว่า “การระดมทุนในรอบ Series A เป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเรา และเป็นการยืนยันว่า Cyble ได้เข้ามาเป็นผู้บุกเบิกและผู้นำทางความคิดในอุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับการสนับสนุนในครั้งนี้ และตั้งใจที่จะนำเงินทุนเหล่านี้ไปใช้เพื่อสนับสนุนการวิจัย การพัฒนา และความสามารถในการเฝ้าระวังของเราให้สูงขึ้นไปอีก อาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ดำเนินการผ่านเว็บมืดเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณและไม่มีการปิดบัง เราเชื่อว่าการป้องกันภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องและการเฝ้าระวังเว็บมืดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรในการระบุและจัดการการละเมิดข้อมูลในเวลาที่เหมาะสม Cyble มุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม ซึ่งสอดคล้องกับฐานลูกค้าที่กำลังเติบโตของเรา”

เกี่ยวกับ Cyble:
Cyble เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การป้องกันภัยคุกคามระดับโลกที่ช่วยให้องค์กรปกป้องตนเองจากอาชญากรรมทางไซเบอร์และการเผชิญกับเว็บปกติ (surface web) เว็บเฉพาะกลุ่ม (deepweb) และเว็บมืด (darkweb) ความตั้งใจหลักของบริษัทคือการทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถมองเห็นร่องรอยความเสี่ยงทางดิจิทัลแบบเรียลไทม์ได้ Cyble ได้รับการสนับสนุนจาก Blackbird Ventures, Xoogler และ Y Combinator ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้สนับสนุนในฤดูหนาวปี 2564 Cyble ยังได้รับการยอมรับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นหนึ่งใน 20 อันดับแรกของบริษัทสตาร์ทอัพด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีที่สุด และรางวัลชื่นชมในสาขาอื่น ๆ อีกหลายรายการ Cyble มีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานในออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอินเดีย และยังมีสาขาอยู่ทั่วโลกอีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cyble ได้ที่ www.cyble.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220215006151/en/

ติดต่อ:

Enquiries@Cyble.com
+1 678 379 3241

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Parse Biosciences ระดมทุนรอบ Series B มูลค่า 41.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับผลิตภัณฑ์การจัดลำดับเซลล์เดียวและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์

Logo

บริษัทจะทำการค้าและสร้างผลิตภัณฑ์ multi-omics แบบเซลล์เดียว

ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2565

วันนี้ Parse Biosciences บริษัทที่ทุ่มเทในการให้บริการโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดียวที่ปรับขนาดได้ ประกาศเกี่ยวกับการระดมทุนในรอบ Series B เป็นมูลค่า 41.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย Marshall Wace และ Janus Henderson Investors ขณะที่ Soleus Capital, Logos Capital และ Bioeconomy Capital ก็เข้าร่วมในการระดมทุนรอบนี้เช่นเดียวกัน ทำให้มูลค่าการระดมทุนทั้งหมดของ Parse Biosciences ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านเหรียญ

เงินทุนจะนำไปใช้เพื่อขยายการค้าผลิตภัณฑ์ Evercode Whole Transcriptome ของ Parse ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสร้างโปรไฟล์เซลล์ในระดับต่าง ๆ และทำให้พวกเขาสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการในการทดลองเฉพาะของพวกเขาได้ Evercode ใช้ประโยชน์จากเทคนิคที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วของบาร์โค้ดแบบผสมผสาน ซึ่งช่วยปรับปรุงความละเอียดของตัวอย่าง เพิ่มความไวในการถอดรหัส และทำให้กระบวนการทำงานง่ายขึ้น

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Parse ประกอบด้วย Evercode Whole Transcriptome Mega ซึ่งสามารถกำหนดโปรไฟล์ได้มากถึง 1,000,000 เซลล์ในแบบคู่ขนาน และ Evercode Whole Transcriptome Mini ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ที่ใช้สร้างโปรไฟล์มากถึง 10,000 เซลล์แบบคู่ขนานสำหรับการศึกษาในระดับที่เล็กกว่า หลังจากการระดมทุน Parse จะขยายแพลตฟอร์ม Evercode ไปมากกว่า transcriptomics ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสามารถยกระดับการวัด multi-omic แบบเซลล์เดียวในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

Alex Rosenberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าวว่า “การทำความเข้าใจและกำหนดโปรไฟล์เซลล์อย่างละเอียดตามระดับที่ต้องการเป็นพื้นฐานสำหรับการค้นพบครั้งใหญ่ในอนาคตในสาขาต่าง ๆ เช่น เนื้องอกวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา และประสาทวิทยาศาสตร์ การทำความเข้าใจ transcriptome เป็นหัวใจสำคัญ แต่การพัฒนาไปสู่ ​​multi-omics เป็นการพัฒนาตามธรรมชาติ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเริ่มขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเริ่มในปลายปีนี้”

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทจะรองรับการใช้งานต่าง ๆ ได้แก่:

  • การทำโปรไฟล์ภูมิคุ้มกันที่จะช่วยให้นักวิจัยสามารถรวบรวมการแสดงออกของยีนและการทำโปรไฟล์ตัวรับ
  • การทำโปรไฟล์ Chromatin ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับกลไกการควบคุมยีนเฉพาะเซลล์ และช่วยให้เข้าใจ epigenome มากขึ้น
  • การคัดกรอง CRISPR ปริมาณงานสูงที่จะช่วยให้สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนตามการปรับยีนในเซลล์เดียว
  • เครื่องมือการวิเคราะห์ยีนเป้าหมายที่จะเสริมสร้างยีนย่อยเฉพาะอีกชุดที่เกี่ยวข้องกับนักวิจัย โดยจะช่วยให้การศึกษาที่ปรับระดับได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับรักษาต้นทุนในแต่ละลำดับที่เหมาะสม
  • ความไวเพิ่มเติมของชุดเครื่องมือ Evercode Whole Transcriptome ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากในการถอดรหัสและการตรวจหายีน

หลังจากการระดมทุน Series A มูลค่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม 2564, Parse Biosciences ก็ได้ขยายขอบเขตการบริการไปยังระดับโลก ในเดือนตุลาคม 2564, Parse ร่วมมือกับ Decode Sciences เพื่อจัดหาโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดียวให้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นไม่นาน Parse ได้ประกาศข้อตกลงการจัดจำหน่ายกับ Research Instruments Pte Ltd เพื่อขยายการให้บริการไปยังสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม

Charlie Roco ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าวว่า “ตั้งแต่ Series A ปิดตัวลง Parse ก็เติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรากำลังพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งกำลังใช้การจัดลำดับเซลล์เดียวในวงกว้างในแบบที่เราไม่เคยพบมาก่อน เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อนักลงทุนของเราที่ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ และเรารู้สึกภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักวิจัยผู้ขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อยารักษาที่ตรงจุดและการบำบัดด้วยยาโดยรวม”

Parse Biosciences จะเข้าร่วมการประชุมประจำปี Molecular and Precision Med Tri-Conference ตั้งแต่วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2565 ในเซสชันของเขา หัวข้อ “The Implications of Single-Cell Transcriptomics at Unprecedented Scale” หรือ ผลกระทบของการถอดรหัสเซลล์เดียวในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดย Charlie Roco จะนำเสนอผลกระทบที่สำคัญของการทำโปรไฟล์ transcriptome ตามระดับที่ต้องการในพื้นที่การรักษาจำนวนมาก Parse จะเป็นเจ้าภาพการสัมมนาผ่านทาง webinar คู่กับ American Society of Human Genetics เพื่อแสดงประสิทธิภาพใหม่ของแพลตฟอร์ม Evercode ในวันที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

Parse กำลังรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมเพื่อเข้าร่วมทีม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.parsebiosciences.com/careers

เกี่ยวกับ Parse Biosciences

Parse Biosciences เป็นบริษัทในซีแอตเทิลที่มีภารกิจในการเร่งความก้าวหน้าในด้านสุขภาพของมนุษย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

หัวใจหลักของบริษัทของเราคือแนวทางการบุกเบิกสำหรับการจัดลำดับเซลล์เดียว การจัดลำดับเซลล์เดียวได้เปิดใช้งานการค้นพบที่แปลกใหม่ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับการรักษามะเร็ง การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ โรคไตและตับ การพัฒนาสมอง และระบบภูมิคุ้มกัน  ที่ Parse Biosciences เรากำลังจัดหานักวิจัยที่มีความสามารถในการดำเนินการจัดลำดับเซลล์เดียวในขนาดและความง่ายดายที่ไม่เคยมีมาก่อน

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: https://www.parsebiosciences.com/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220215005525/en/

ติดต่อ:

Shannia Coley
shannia@jones-dilworth.com
443-471-6830

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Robotic Research ประกาศระดมทุนรอบ Series A มูลค่า 228 ล้านดอลลาร์ เพื่อโตเทคโนโลยีอัตโนมัติในเชิงพาณิชย์

Logo

การลงทุนที่นำโดย SoftBank Vision Fund 2 และ Enlightenment Capital จะช่วยให้แผนกการค้า RR.AI ของบริษัทเติบโตและจัดหาโซลูชันอิสระแบบครบวงจรสำหรับการขนส่งและ ตลาดโลจิสติกส์

คลาร์กสเบิร์ก แมริแลนด์–(บิสิเนส ไวร์)–10 ม.ค. 2565

Robotic Research ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นยานยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ ประกาศระดมทุนรอบ 228 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินทุนภายนอกรายแรกที่บริษัทระดมทุนได้  เงินทุนนี้จะขับเคลื่อนนวัตกรรมและการขยายตัวของแผนกการค้าของ Robotic Research RR.AI ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชั่นการขับขี่อัตโนมัติที่ครอบคลุมสำหรับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ รถโดยสารประจำทาง การระบายน้ำ และการขนส่ง  นักลงทุนในรอบ Series A ได้แก่ SoftBank Vision Fund 2, Enlightenment Capital, Crescent Cove Advisors, Henry Crown and Company และ Luminar Technologies, Inc.

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211208006171/en/

The company's vehicle-agnostic autonomy kit, AutoDrive®, has already been integrated in a variety of vehicles including North America’s first autonomous heavy-duty transit bus, Class 8 trucks, and yard trucks. (Photo: Business Wire)

AutoDrive® ซึ่งเป็นชุดควบคุมอัตโนมัติสำหรับยานยนต์ของบริษัท ได้ทำการติดตั้งในรถยนต์หลากหลายประเภทแล้ว รวมถึงรถบรรทุกหนักอัตโนมัติรุ่นแรกของอเมริกาเหนือ – รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก Class 8 และรถบรรทุกสนาม (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

“การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของเราในการพัฒนาโซลูชั่นอัตโนมัติสำหรับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐของเรา และจะจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นและการขยายความพยายามในเชิงพาณิชย์ของเรา” Alberto Lacaze ซีอีโอ Robotic Research กล่าว “ประวัติศาสตร์และประสบการณ์อันยาวนานของเราช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแค่ทนทาน ปลอดภัย และเชื่อถือได้ แต่ยังใช้งานได้หลากหลายและเหมาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และกรณีการใช้งานมากมาย”

Robotic Research ประสบความสำเร็จในการปรับใช้โซลูชันอัตโนมัติและหุ่นยนต์บนถนนทั่วโลก รวมถึงในสภาพแวดล้อมที่ไร้โครงสร้างที่วิบากที่สุดในอุตสาหกรรม ชุดควบคุมรถอัตโนมัติรถ AutoDrive® ได้ถูกรวมเข้ากับยานพาหนะหลากหลายประเภทแล้ว รวมถึงรถบัสขนส่งมวลชนสำหรับงานหนักอัตโนมัติระบบแรกในอเมริกาเหนือ รถบรรทุก Class 8 และรถบรรทุกสำหรับสนาม  AutoDrive® สามารถใช้ได้ทั้งบนถนน บนทางวิบาก หรือในสนาม ทำให้เหมาะเป็นพิเศษในการจัดหาโซลูชั่นการขับขี่อัตโนมัติแบบ 360° ที่ครอบคลุมขอบเขตการออกแบบการปฏิบัติงานที่ซับซ้อน (ODDs)

Akshay Naheta รองประธานอาวุโสของ SoftBank Group Corp และอดีตหุ้นส่วนผู้จัดการของ SoftBank Investment Advisers กล่าวว่า “เราเชื่อว่าเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับมีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คน  การวิจัยหุ่นยนต์มีประวัติการดำเนินงานในภาคการค้า และได้สร้างโซลูชันอิสระที่แตกต่างโดยมุ่งเน้นไปที่โอกาสที่เป็นรูปธรรมและการสร้างรายได้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรทางการเงินและจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นในการเร่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโซลูชันของ Robotic Research”

นับเป็นการลงทุนในหุ้นเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันโดย Luminar ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ Lidar ระดับยานยนต์  Robotic Research ทำงานร่วมกับ Luminar ในด้านโอกาสเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาความเป็นอิสระ และเลือก Luminar เป็นผู้ให้บริการ Lidar ระยะยาว

UBS Investment Bank ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและตัวแทนจัดหางานสำหรับ Robotic Research Cravath โดย Swaine & Moore LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ Covington & Burling LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพิเศษให้กับ Robotic Research

เกี่ยวกับ RR.AI

RR.AI เป็นแผนกการค้าของ Robotic Research ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ให้บริการโซลูชั่นด้านการเคลื่อนที่และหุ่นยนต์อัตโนมัติแก่ภาคการป้องกันมาเป็นเวลาสองทศวรรษ RR.AI สนับสนุนยานยนต์หลายรูปแบบเต็มรูปแบบด้วยระบบการเคลื่อนที่อัตโนมัติ (AutoDrive®) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้งานแล้วสำหรับทั้งในและนอกถนนสภาพแวดล้อมและได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรอุตสาหกรรม OEM ชั้นนำ  โดยเหมาะอย่างยิ่งในการจัดหาโซลูชั่นการขับขี่อัตโนมัติแบบ end-to-end 360° สำหรับการขนส่งเชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุมโดเมนการออกแบบการปฏิบัติงานที่ซับซ้อน (ODDs)  หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ RR.AI กรุณาเยี่ยมชม www.rr.ai

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211208006171/en/

ติดต่อ:

สื่อ

Don Lefeve
Head of Corporate Affairs (ฝ่ายกิจการองค์กร)
Press@rr.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นเยาว์แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงานผ่านเครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ (NFTE) World Series of Innovation Challenge

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–04 พฤศจิกายน 2564

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) ในปีที่สองของการเป็นพันธมิตรกับ NFTE โดย Mary Kay ได้ให้การสนับสนุนโปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation ซึ่งเป็นประสบการณ์การศึกษาระดับโลกที่เชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปี ใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะในการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังเผชิญกับโลกในปัจจุบันและช่วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ให้ก้าวไกลในขณะที่ส่งเสริมความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

Mary Kay’s World Series of Innovation Challenge asks students to think about ways to promote workplace equality and ensure equal access to economic opportunity for women and girls. (Photo: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมในสถานที่ทำงานและรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง (ภาพ: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกได้เสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายครั้งนี้ได้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีการส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองของการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งก่อนเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างค่าจ้างยังคงมีอยู่ ผู้หญิงจำนวนที่มากขึ้นเข้าร่วมตลาดแรงงานทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่เป็นสัดส่วนนัก และตั้งแต่ปี 2563 การพยายามอย่างสูงไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“Mary Kay ทราบถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มต่าง ๆ เพื่อช่วยส่งเสริมผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เราต้องการช่วยที่ไม่เพียงแต่ให้โอกาสทางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาไล่ตามความฝันไปทั่วโลก เราตื่นเต้นมากสำหรับความท้าทายนี้ซึ่งเชื่อมโยงกับภารกิจหลักของบริษัทของเรา”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ World Series of Innovation (WSI) Challenge ได้เชื้อเชิญความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ด้วยจำนวนนักเรียน 100,000 คนจากทั่วโลก ในปี 2563 NFTE ได้รับนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 4,000 คนจากทุกภูมิหลังที่ส่งแนวคิดใน WSI Challenges และนักเรียนเกือบ 350 คนเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งแรกที่ Mary Kay สนับสนุนเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12: การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible Consumption and Production ผู้ชนะสามรายของความท้าทายปี 2563 ของ Mary Kay ได้แก่:

  • อันดับที่หนึ่ง: Loop Tee Loop
    • Loop Tee Loop เป็น clothing loop แบบยั่งยืนที่รวมโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอไลโอเซลล์เข้ากับการบริการรีไซเคิลเครื่องแบบจากมหานครมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับที่สอง: SwagSwap
    • SwagSwap เป็นเครือข่ายโซเชียลในสหรัฐอเมริกาสำหรับเสื้อผ้ามือสอง โดยเปิดการใช้งานการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ peer-to-peer สำหรับวัยรุ่น
  • อันดับที่สาม: Project DBrand
    • Project DBrand เป็นบริการที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ง de-brands เครื่องแบบที่ใช้แล้ว เพื่อว่าพวกเขาสามารถนำไปรีไซเคิลสร้างสิ่งใหม่ได้ในสหรัฐอเมริกา

J.D. LaRock ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NFTE กล่าวว่า “การสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการของเยาวชนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยสร้างโลกให้ดียิ่งขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป” “ในแต่ละปีเรายังคงได้รับแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมที่ผู้ประกอบการรุ่นต่อไปได้จินตนาการ และเราหวังว่าจะได้เห็นแนวคิดใหม่ทั้งหมดจากผู้เข้าแข่งขันใน WSI ปี 2564 เรารู้สึกขอบคุณ Mary Kay Inc. สำหรับการสนับสนุนเป็นปีที่สอง โดยวางความท้าทายระดับโลกที่สำคัญนี้เพื่อช่วยพัฒนาความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงานและเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง”

นอกเหนือจาก World Series of Innovation แล้ว Mary Kay ยังสนับสนุนโครงการ Entrepreneurship ของ NFTE ในทุกโรงเรียน โดยนำเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการผ่านหลักสูตรไปสู่นักเรียนทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และสนับสนุนความท้าทายในการเป็นผู้ประกอบการเยาวชนระดับภูมิภาคของ NFTE ที่ซึ่งนักเรียนนำเสนอโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างเงินในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขัน

โปรแกรม 2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และมีความท้าทายจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay, Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain ความท้าทายนี้เปิดตัวในวันที่ 15 กันยายน และรายการจะครบกำหนดภายในวันที่ 15 ธันวาคม การตัดสินจะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2565 ผู้เข้ารอบสุดท้ายจะประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ และผู้ชนะจะประกาศในวันที่ 31 มีนาคม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ www.marykayglobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 45,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 20 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211104005178/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Deel ระดมเงินทุน 425 ล้านดอลลาร์ในเงินทุน Series D เพื่อเดินหน้าพลิกโฉมอนาคตของการทำงาน

Logo

ด้วยการประเมินมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ Deel ได้ครองตำแหน่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในด้านการจ้างงาน การชำระเงิน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับโลก

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–18 ตุลาคม 2564

Deel บริษัทจัดหางานทางไกลที่ทลายอุปสรรคด้านงานทั่วโลก ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้ระดมเงินทุน 425 ล้านดอลลาร์ในเงินทุน Series D ทำให้ยอดรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 630 ล้านดอลลาร์ รอบการระดมทุนครั้งล่าสุดทำให้บริษัทมีมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ Deel ได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในด้านการจ้างงาน การชำระเงิน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211018005567/en/

Deel Interface (Graphic: Business Wire)

อินเตอร์เฟซ Deel (กราฟิก: Business Wire)

รอบการระดมทุนใหม่ครั้งนี้นำโดย Coatue ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยมีหุ้นส่วน Rahul Kishore และ Lucas Swisher เป็นผู้นำในข้อตกลง นักลงทุนรายใหม่และรายเดิมหลายรายได้เข้าร่วมในรอบนี้อีกด้วย เช่น Altimeter Capital, Andreessen Horowitz, YC Continuity Fund, Spark Capital, Greenbay Ventures, Neo และผู้ประกอบการชั้นนำของโลกอีกกว่า 40 ราย

นับตั้งแต่ Deel ก่อตั้งในปี 2562 ทีมงานได้เติบโตขึ้นจากสี่คนเป็น 400 คน โดยมีพันธกิจในการทำให้การทำงานทางไกลเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับทีมและธุรกิจไม่ว่าที่ใดทั่วโลก และสร้างประสบการณ์การปฐมนิเทศพนักงานที่ดีที่สุดในตลาด ในวันนี้บริษัทต่าง ๆ กำลังคิดใหม่ว่าการจัดเตรียมงานที่ยืดหยุ่นในรูปแบบใหม่ควรมีลักษณะอย่างไรในการได้มาและรักษาผู้มีความสามารถระดับสูงไว้ Deel ขจัดอุปสรรคในการจ้างงานจากระยะไกลและสร้างโอกาสให้กับทุกคนด้วยแพลตฟอร์ม เครื่องมือ และความยืดหยุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อให้ทีมเติบโตได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่พวกเขาต้องการทำงาน

Deel ให้บริการลูกค้ามากกว่า 4,500 รายทั่วโลกจากบริษัทที่มีชื่ออย่าง Coinbase, Intercom และ Shopify ในกว่า 150 ประเทศ ไม่ว่าบริษัทที่กำลังมองหาการใช้สภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดหรือแบบระยะไกลอย่างครบครัน หรือจัดหาผู้มีความสามารถจากทั่วโลก เทคโนโลยีของ Deel เสนอการจัดการบัญชีเงินเดือนที่ไม่ตรงกัน งานทรัพยากรบุคคล การปฏิบัติตามข้อกำหนด สวัสดิการ ผลประโยชน์ และความสามารถอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจ้างและจัดการทีมระดับโลก ซึ่งธุรกิจบางอย่างจะต้องมีทีมงานภายในทั้งหมดดูแลก่อน ด้วย Deel แล้วธุรกิจต่าง ๆ สามารถจ้างพนักงานและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดโดยไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานในท้องถิ่นภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที บริษัทยังสามารถจ่ายเงินให้กับทีมได้มากกว่า 120 สกุลเงินด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว

“เราติดตาม Deel มาตั้งแต่ปี 2563 และประทับใจในวิสัยทัศน์ของ Alex และ Shuo” Rahul Kishore กรรมการผู้จัดการอาวุโสของ Coatue กล่าว “เมื่อเราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Deel เรารู้สึกตื่นเต้นกับขนาดที่เพิ่มขึ้นและน่าชื่นชมของพวกเขา และเชื่อว่าเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของสิ่งที่ทีมสามารถทำได้” Lucas Swisher หุ้นส่วนทั่วไปของ Coatue ซึ่งร่วมเป็นผู้นำในรอบนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกประทับใจกับการที่แพลตฟอร์มนี้กลั่นกรองบางสิ่งที่ล้นหลามจนกลายเป็นเครื่องมือที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้เพื่อจ้างงานทั่วโลกจากความฝันสู่ความเป็นจริง”

“วิถีการทำงานของผู้คนกำลังเปลี่ยนแปลงตามรากฐาน และจะไม่มีวันหวนกลับ” Alex Bouaziz ซีอีโอของ Deel กล่าว “เราก่อตั้ง Deel เพราะเราไม่ต้องการจ้างหรือจ่ายเงินในการป้องกันธุรกิจสร้างทีมระดับโลกที่ดีที่สุดและค้นหาผู้มีความสามารถระดับโลกที่ดีที่สุด เราจะยังคงท้าทายบรรทัดฐานของการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ และยังคงสร้างเครื่องมือที่กำหนดอนาคตของการทำงานต่อไป”

Anish Acharya หุ้นส่วนทั่วไปของ Andreessen Horowitz กล่าวว่า “เราร่วมงานกับ Deel ด้วยดีตั้งแต่เริ่มต้น และได้เห็นว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเครื่องมือในสถิติเวลาเพื่อช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับธุรกิจและทีมของพวกเขาได้อย่างไร” Anish Acharya หุ้นส่วนทั่วไปของ Andreessen Horowitz กล่าว “อนาคตที่สดใสสำหรับ Deel แต่จะยิ่งสดใสมากกว่าสำหรับทีมต่างประเทศที่พวกเขาช่วยปลดล็อกทั่วทั้งโลก”

เกี่ยวกับ Deel

Deel เป็นโซลูชันการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจ่ายเงินเดือนชั้นนำระดับโลกที่ช่วยให้ธุรกิจจ้างใครก็ได้จากทุกแห่งหน เทคโนโลยีของ Deel เสนอการจัดการบัญชีเงินเดือนที่ไม่ตรงกัน งานทรัพยากรบุคคล การปฏิบัติตามข้อกำหนด สวัสดิการ ผลประโยชน์และความสามารถอื่น ๆ ที่ไม่มีใครเทียบได้ที่จำเป็นในการจ้างและจัดการทีมระดับโลก

ลูกค้าของ Deel สามารถจ้างผู้รับเหมาอิสระและพนักงานเต็มเวลาในกว่า 150 ประเทศได้โดยใช้กระบวนการให้บริการตนเองที่ใช้เทคโนโลยีซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดและใช้เวลาในไม่กี่นาที ด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย การบัญชี ความคล่องตัวในการทำงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีมากกว่า 250 คนในฐานะพันธมิตร Deel ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง ลงนาม และส่งสัญญาที่สอดคล้องตามข้อกำหนดจากไลบรารีเทมเพลตและชำระเงินให้กับทีมในกว่า 120 สกุลเงินด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว

Deel ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดย Alex Bouaziz และ Shuo Wang เป็นบริษัทที่มีพนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Deel ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Coatue

Coatue เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยสินทรัพย์กว่า 45 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหารจัดการ ทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่ทุ่มเทของเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ก่อตั้งและทีมผู้บริหารในพอร์ตโฟลิโอของเรา ด้วยการลงทุน การเติบโต และกองทุนสาธารณะ เราสนับสนุนผู้ประกอบการจากทั่วโลกและในทุกขั้นตอนของการเติบโต โดยการลงทุนส่วนตัวบางส่วนของเรานั้นรวมถึง Airtable, Ant Financial, Anaplan, ByteDance, Chime, Databricks, DoorDash, Instacart, Meituan, Snap, Snowflake และ Spotify

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211018005567/en/

ติดต่อ:

Kiran Wylie
kiran.wylie@letsdeel.com
+44(0)7875057754

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


RubrYc Therapeutics ประกาศความร่วมมือด้านการจัดหาเงินทุนสำหรับหุ้นบุริมสิทธิ Series A2 และการได้รับการอนุญาตใช้โปรแกรม RTX-003 ร่วมกับ iBio Inc.

Logo

ซานคาร์ลอส แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–25 ส.ค. 2564

RubrYc Therapeutics, Inc. (“RubrYc”) และ iBio, Inc. (“iBio”, NYSEA: IBIO) ประกาศในวันนี้ว่าการจัดหาเงินทุนสำหรับหุ้นบุริมสิทธิของ ของ RubrYc และข้อตกลงการอนุญาตและการทำงานร่วมกันได้สิ้นสุดสำเร็จ โดยการทำงานร้วมกันครั้งนี้จะมุ่งสู่การวิจัยและพัฒนาการบำบัดด้วยแอนติบอดีที่มุ่งเป้าไปที่ epitope  การตกลงครั้งนี้จะทำให้ iBio กลายมาเป็นนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญด้วยเงินลงทุน 7.5 ล้านดอลลาร์ในหุ้นบุริมสิทธิ์ Series A2 ของ RubrYc โดยจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักลงทุนของบริษัทกับ Third Point Ventures, Paladin Capital Group, Vital Venture Capital และ Hayan Health Networks นอกจากนี้ iBio ยังได้รับสิทธิพิเศษทั่วโลกในการพัฒนา RTX-003 ซึ่งเป็นโปรแกรมหลักของ RubrYc ซึ่งเป็นโมโนโคลนัลแอนติบอดีเป้าหมาย CD25 สำหรับการลดปริมาณทีเซลล์ในสภาพแวดล้อมจุลภาคของเนื้องอกที่เป็นของแข็ง

การทำงานร่วมกันจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรวม Discovery Engine ของ RubrYc และความเชี่ยวชาญด้านการค้นพบแอนติบอดีเข้ากับความสามารถของ iBio ในฐานะผู้พัฒนาชีวเภสัชภัณฑ์ยุคหน้าและผู้บุกเบิก FastPharming Manufacturing System® ที่ยั่งยืน เพื่อสร้างการบำบัดแบบใหม่สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงนี้ RubrYc จะรับผิดชอบในการค้นพบตัวยาที่มี epitope เป็นเป้าหมาย  โดยใช้ Meso-scale Engineered Molecules ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ RubrYc เพื่อการค้นพบแอนติบอดีที่พาไปยัง epitope เฉพาะ เพื่อต่อกรกับเป้าหมายโรคที่มีการตกลงร่วมกันไว้ก่อนหน้านี้ โดย iBio จะเข้ามาทำงานร่วมด้วยในการค้นพบครั้งนี้ และจะรับผิดชอบในการดำเนินกิจกรรมพรีคลินิก คลินิก และการค้าเชิงพาณิชย์สำหรับตัวยาที่ถูกเลือกมาจากการทำงานร่วมกันครั้งนี้

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง หาก iBio พัฒนาและทำการค้ากับผู้สมัครหลายรายที่ผลิตภายใต้การทำงานร่วมกันในครั้งนี้ อาจทำให้ RubrYc ได้รับเงินมากกว่า 84 ล้านดอลลาร์สำหรับการชำระเงินครั้งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการค้นพบและการพัฒนา และ RubrYc อาจได้รับค่าลิขสิทธิ์จากยอดขายสุทธิทั่วโลกของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ใด ๆ ที่พัฒนาขึ้นผ่านความร่วมมือนี้ด้วย

Isaac Bright, MD ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ RubrYc กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ iBio ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีความทะเยอทะยานซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในการค้นพบและพัฒนาการรักษาที่มุ่งเป้าไปที่ epitope อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งสัญญาว่าจะให้ผลที่ดีกว่า การค้นพบโมเลกุลแบบทั่วไป นอกจากนี้ iBio ยังเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนาแคมเปญ RTX-003 หลักของเรา ซึ่งเป็นโมโนโคลนอลแอนติบอดีต้าน CD25 ที่เราค้นพบ ซึ่งแสดงให้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ในฐานะตัวทำลาย T Cell สำหรับการบ่งชี้เนื้องอกที่เป็นของแข็งหลายชนิด”

“เราคาดว่าเทคโนโลยีการค้นพบแอนติบอดีที่กำหนดเป้าหมาย epitope ของ RubrYc จะขับเคลื่อนแคมเปญที่แตกต่างในการโจมตีเป้าหมายที่ท้าทาย และเพื่อให้โอกาสมากมายในการค้นพบและพัฒนาแอนติบอดีที่ได้เปรียบจาก epitope กับเป้าหมายด้านเนื้องอกวิทยาที่มีลักษณะเฉพาะที่ดี” Tom Issett ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ iBio ซึ่งจะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ RubrYc กล่าว “RTX-003 เป็นสินทรัพย์ที่น่าทึ่งที่จะเพิ่มลงในไปป์ไลน์การรักษาของเรา และเราตั้งตารอที่จะทำกิจกรรมที่เปิดใช้งาน IND พร้อม ๆ ไปกับการที่เรายังคงขยายขีดความสามารถในการค้นพบและพัฒนาต่อไป”

เกี่ยวกับ RubrYc Therapeutics, Inc.

RubrYc Therapeutics, Inc. เป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้โซลูชันแมชชีนเลิร์นนิงและการคำนวณทางชีววิทยาที่เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อค้นหาแอนติบอดีแบบโมโนและไบสเปซิฟิกเฉพาะอีพิโทป RubrYc ได้แรงบันดาลใจจากความก้าวหน้าล่าสุดในการสังเคราะห์ไลบรารีโมเลกุล การคัดกรองและการคำนวณแบบคู่ขนานอย่างหนาแน่น RubrYc กำลังสร้างเส้นทางใหม่สำหรับการค้นพบแอนติบอดีเพื่อการรักษาโดยอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ RubrYc Therapeutics, Inc. ใช้ประโยชน์จาก Discovery Engine เพื่อระบุแอนติบอดีจำนวนมากอย่างรวดเร็วพร้อมคุณสมบัติการยึดเกาะที่เป็นเอกลักษณ์กับเป้าหมายที่ผ่านการตรวจสอบและท้าทาย RubrYc แยกตัวออกจาก HealthTell, Inc. ในปี 2561 เพื่อพัฒนาการค้นพบทางชีวภาพขั้นสูง และร่วมมือกับบริษัทยาชั้นนำที่มีภารกิจร่วมกันในการขยายทางเลือกในการรักษาและปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ RubrYc ตั้งอยู่ในเมืองซานคาร์ลอส รัฐแคลิฟอร์เนีย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rubryc.com.

เกี่ยวกับ iBio, Inc.

iBio เป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตสารชีวภาพจากพืชที่ยั่งยืน โปรแกรม FastPharming System® ของบริษัทรวบรวมการทำฟาร์มแนวตั้ง การปลูกพืชไร้ดินแบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีไกลโคซิเลชันแบบใหม่ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อพัฒนาโมโนโคลนัลแอนติบอดีคุณภาพสูง วัคซีน การหมึกชีวภาพ และโปรตีนอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว iBio กำลังพัฒนาตัวยาที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ซึ่งรวมถึงชีวเภสัชภัณฑ์สำหรับการรักษาโรคมะเร็ง เช่นเดียวกับโรคไฟโบรติกและโรคติดเชื้อ iBio CDMO LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ให้บริการการพัฒนาและการผลิตตามสัญญา FastPharming พร้อมด้วย Glycaneering Development Services™ สำหรับการออกแบบโปรตีนลูกผสมขั้นสูง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ibioinc.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210825005165/en/

ติดต่อ:

Isaac Bright, MD

RubrYc Therapeutics, Inc.

ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ

650.832.6473

info@rubryc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

VRChat ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Anthos Capital เพื่อปิดดีลการลงทุนรอบ Series D มูลค่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

เงินทุนนี้จะช่วยให้ VRChat เติบโตและส่งเสริมชุมชนของ VRChat

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–25 มิ.ย. 2564

VRChat แพลตฟอร์มโซเชียลเสมือนจริง (VR) ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้าง เผยแพร่ และสำรวจโลกเสมือนจริงร่วมกับผู้ใช้รายอื่นทั่วโลก ได้ประกาศการลงทุนรอบ Series D มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ อนึ่ง การลงทุนในรอบนี้นำโดย Anthos Capital พร้อมกับนักลงทุนที่เข้าร่วมอื่น ๆ อาทิเช่น Makers Fund และ GFR Fund

VRChat เป็นแพลตฟอร์มโซเชียล VR ชั้นนำที่มีผู้ใช้หลายล้านคน โดยมีโลกเสมือนหลายแสนแห่ง และอวาตาร์ที่ไม่เหมือนใครกว่าสิบล้านอวาตาร์ VRChat เป็นแอปพลิเคชั่น VR ฟรีอันดับต้น ๆ ทั้งบน Steam และ Oculus Rift โดยมีผู้ใช้ในเวลาเดียวกันมากกว่า 40,000 คน ด้วยอิสระในการสร้างสรรค์ของเครื่องมือ VRChat ผู้ใช้สามารถเปลี่ยน VRChat ให้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเชื่อมโยงกับมีมบนอินเทอร์เน็ต กิจกรรม และวัฒนธรรมต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้มันยังกลายเป็นแฮงเอาท์เสมือนจริงสำหรับกิจกรรมและชุมชนออนไลน์ อีกด้วย

“VRChat เป็นผู้จัดกิจกรรมชุมชนที่มีชีวิตชีวา สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับหุ้นส่วนการลงทุนของเราเพื่อขยายและเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนของเราอย่างรวดเร็ว” Graham Gaylor ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ VRChat กล่าว

การลงทุนนี้จะมอบทรัพยากรให้กับ VRChat เพื่อเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของครีเอเตอร์ ทำให้สามารถสร้างรายได้ และเป็นระบบการค้นพบทางสังคมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้ประสบการณ์ที่มีความหมายมากขึ้น และการขยายไปสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ การพัฒนาเหล่านี้จะส่งผลให้ VRChat เติบโตอย่างรวดเร็วและทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึงจักรวาลเสมือนจริงนี้ได้

“เราภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับ VRChat ในขณะที่มันปฏิวัติประสบการณ์ทางสังคมต่อไป เมื่อตลาดความเป็นจริงเสมือนเติบโตขึ้น VRChat ก็พร้อมสำหรับการขยายตัวและการเติบโตที่สำคัญในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับโลกเสมือนจริง” Brian Ames กรรมการผู้จัดการของ Anthos Capital กล่าว

“ทีมงานที่กระตือรือร้นและมีความสามารถของ VRChat ได้สร้างแพลตฟอร์มที่มีครีเอเตอร์เป็นผู้นำ และที่ให้ความสำคัญกับชุมชนเป็นอันดับแรก” Jay Chi ผู้ร่วมก่อตั้งของ Makers Fund กล่าว “ที่ Makers Fund เรามองหาบริษัทที่มีนวัตกรรมซึ่งมีผู้นำที่ยอดเยี่ยม เราเชื่อมั่นในภารกิจของ VRChat อย่างแท้จริงในการมอบประสบการณ์ VR ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง เพื่อเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลก และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะเดินทางต่อไปกับพวกเขา”

เพื่อสัมผัสประสบการณ์ VRChat และเข้าร่วมชุมชนกรุณาเยี่ยมชม www.vrchat.com.

VRChat กำลังหาผู้มาร่วมงาน ไปที่หน้า careers เพื่อสมัคร

เกี่ยวกับ VRChat

VRChat ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2557 นำเสนอคอลเลกชั่นประสบการณ์ VR ทางสังคมที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง ผู้เล่นสามารถสำรวจ เข้าสังคม และสร้างสรรค์ร่วมกับผู้เล่นอื่น ๆ จากทั่วโลก แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งประสบการณ์ VR ของตนเองได้ รวมถึงอวาตาร์ที่กำหนดเอง โลก เกม แฮงเอาท์ กิจกรรม และอื่นๆ VRChat สามารถใช้ได้บน Steam, Oculus Rift, Oculus Quest และ VIVEPORT และกำลังจะมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตามมา

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210625005073/en/

สอบถามสำหรับสื่อมวลชน Jason Camillo, jason@vrchat.com และ Press Kit

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Bluestar Genomics ปิดการระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 70 ล้านเหรียญ พร้อมกับขยายคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์

Logo

เงินทุนเพิ่มเติมและความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางคลินิกของบริษัทและความพยายามเชิงพาณิชย์

ซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)– 13 พ.ค. 2564

Bluestar Genomics, ซึ่งเป็นบริษัทระดับนวัตกรรมที่เป็นผู้นำในการพัฒนาแนวทางพันธุศาสตร์เหนือจีโนม epigenomic แห่งยุคอนาคตในการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้น ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ระดมทุน 70 ล้านดอลลาร์ในการระดมทุนครั้งใหม่ ซึ่งมีแกนนำการระดมทุนโดย Mattias Westman ซึ่งเป็นผู้ลงทุนอยู่เดิม  ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง Prosperity Capital Management ทั้งนี้ การลงทุนในรอบ Series C ที่มีผู้เข้าร่วมอย่างล้นหลามประกอบด้วยนักลงทุนรายเดิมอยู่หลายราย พร้อมกับมีนักลงทุนรายใหม่หลายราย เช่นกัน เช่น Pathology Asia Holdings Pte Ltd (Pathology Asia) ซึ่งเป็นกลุ่มการวินิจฉัยทางการแพทย์อิสระที่ใหญ่ที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นเดียวกับกองทุนร่วมทุนที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย และผู้จัดการสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายรายใหญ่ด้านชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและที่อื่น ๆ อย่าง VAHOCA Pte Ltd ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ Bluestar Genomics ด้วย

บริษัทได้ประกาศการขยายคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์โดยมีการแต่งตั้ง ดร. Felix Feng ศาสตราจารย์ด้านเนื้องอกวิทยาระบบทางเดินปัสสาวะและการแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก และ ดร. Craig Venter, Ph.D., ประธานและซีอีโอของ J. Craig Venter Institute ทั้งนี้ ด้วยการได้รับการแต่งตั้งครั้งใหม่นี้ ทั้ง Feng และ Venter จะร่วมงานกับ Alan Ashworth, Ph.D. , FRS, ประธาน, Helen Diller จาก ศูนย์มะเร็งครบวงจร มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก

“ในขณะที่เรายังคงสนับสนุนการพัฒนาการตรวจหามะเร็งแบบไม่รุกรานรุ่นต่อไป เรายินดีต้อนรับ ดร. Feng และ Venter ให้มาร่วมงานกับทีมของเรา ความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และทางคลินิกชั้นนำของพวกเขาจะช่วยเร่งความพยายามในการพัฒนาทางคลินิกและทางการค้าของเรา” Samuel Levy, Ph.D. , หัวหน้าผู้บริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ Bluestar Genomics กล่าว “ โดยรวมแล้วความสำเร็จก้าวสำคัญเหล่านี้จะขยายความสามารถของเราในการทำตามคำมั่นสัญญาของเราที่จะปรับปรุงการตรวจคัดกรองมะเร็งที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นพร้อมไปกับการสร้างแนวทางใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน”

การลงทุนในรอบ Series C และการขยายสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้รับแรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของ Bluestar Genomics ซึ่งใช้การเรียนรู้ของเครื่องที่ทันสมัยควบคู่ไปกับ 5-hydroxymethylcytosine (5hmC) ซึ่งเป็นวิธีการตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหามะเร็งในหลายอวัยวะในผู้ชายและผู้หญิง แนวทางใหม่ของบริษัท ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ในเชิงบวกเมื่อไม่นานมานี้ในงานวิจัยสองชิ้นที่ตีพิมพ์ใน Nature Communications และได้รับรางวัลอุปกรณ์ที่ก้าวล้ำของ FDA ในฐานะอุปกรณ์การตรวจหามะเร็งตับอ่อนแบบไม่รุกราน ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท

“การรวมกันของเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้ช่วยให้ต้นทุนในการตรวจคัดกรองมะเร็งหลายชนิดลงถึง 20 เท่า ทำให้สามารถตรวจหามะเร็งได้อย่างต่อเนื่องโดยการเจาะเลือดเป็นประจำ เพื่อพัฒนาตัวเลือกการรักษาในระยะเริ่มต้นของผู้ป่วย“ Venter กล่าว ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดของการตรวจคัดกรองมะเร็งหลายชนิดถูกคาดว่าจะมีการเพิ่มมูลค่าไปถึงมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว เทคโนโลยีของ Bluestar Genomics จึงมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยกว่า 60 ล้านคน ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมที่สำคัญเช่นนี้ในการปรับปรุงชีวิตผู้ป่วยผ่านการปลดล็อกศักยภาพของจีโนมิกส์อย่างเต็มที่”

เกี่ยวกับ Bluestar Genomics

Bluestar Genomics พัฒนาวิธีพันธุศาสตร์เหนือจีโนม หรือ epigenomic แห่งยุคอนาคตในการตรวจหามะเร็งที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งตับอ่อน โดยเร็วที่สุด  เพื่อให้สามารถหาวิธีการรักษาได้ บริษัท Bluestar Genomics ก่อตั้งขึ้นจากผลงานของ Dr. Stephen Quake โดยผสมผสานเทคโนโลยี epigenomic แบบใหม่เข้ากับสถาปัตยกรรมการเรียนรู้ของเครื่องระดับนวัตกรรมใหม่ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุด เช่น การตรวจหามะเร็ง การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการตรวจชิ้นเนื้อเหลวที่ง่ายดายการตรวจด้วยดีเอ็นเอแบบไม่ใช้เซลล์ของบริษัทเอง บริษัท Bluestar Genomics ซึ่งนำโดยทีมงานที่มีประสบการณ์หลายสิบปีในการนำผลิตภัณฑ์จากแนวคิดสู่ตลาด กำลังแสวงหาวิธีที่ดีกว่าอย่างต่อเนื่องในการตรวจวัดพยาธิวิทยาของโรคและนำเทคโนโลยีมาสู่ผู้ป่วยแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักลงทุนที่ค้นหาวิธีการรักษาในอนาคต

www.bluestargenomics.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210512005879/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน:

media@bluestargenomics.com

สอบถามข้อมูลสำหรับนักลงทุน:

Susan Berland

sberland@bluestargenomics.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย