Tag Archives: partners

Berkshire Partners ประกาศปิดระดมทุนครั้งที่ 11 โดยได้รับเงินทุนประมาณ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

ถือเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติ 40 ปีของบริษัท

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2024

Berkshire Partners (“Berkshire”) บริษัทหุ้นนอกตลาดในบอสตันที่มุ่งเต้นตลาดระดับกลางประกาศปิดระดมทุนครั้งที่ 11 (“การระดมทุนครั้งที่ 11”) ของ Berkshire ในวันนี้ โดยได้รับเงินทุนประมาณ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นเงินทุนจำนวนมากที่สุดของ Berkshire นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 1986 การระดมทุนครั้งที่ 11 ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทางบริษัทเชื่อมั่นว่ายิ่งตอกย้ำถึงแรงสนับสนุนจากนักลงทุนต่อกลยุทธ์การลงทุนในตลาดระดับกลางของบริษัท

“เรารู้สึกขอบคุณที่ได้รับแรงสนับสนุนมากถึงระดับนี้จากสุดยอดกลุ่มนักลงทุนชั้นยอดระดับสากล ทั้งรายเดิมและรายใหม่ เนื่องจากอุปสงค์เกินปริมาณเงินทุนเป้าหมายเดิมของเราไปอีก” Mike Ascione ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ Berkshire Partners กล่าว “เราชื่อว่าผลดำเนินงานของทีมงานของเราที่สนับสนุนบริษัทในตลาดระดับกลางที่มีศักยภาพสูงให้พลิกโฉมไปสู่การเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนทั่วทุกวงจรทางเศรษฐกิจนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น และเราก็มั่นใจว่าเรามีความสามารถเหมาะสมที่จะนำเงินไปลงทุนและสร้างผลตอบแทนจำนวนมากภายในภาคส่วนที่เรามุ่งเป้าต่อไปได้”

ในฐานะบริษัทที่เชี่ยวชาญในหลายภาคส่วนที่มุ่งเน้นกับตลาดระดับกลาง Berkshire ตั้งกลยุทธ์เพื่อมุ่งเป้าไปที่โอกาสในการร่วมเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทที่ดำเนินงานอยู่ใน 4 ภาคส่วนอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ บริการและอุตสาหกรรม ผู้บริโภค การดูแลสุขภาพ ตลอดจนเทคโนโลยีและการสื่อสาร ความรู้ความเชี่ยวชาญของทีมลงทุนที่ตั้งมั่นตามเป้าหมายและปฏิบัติงานมาเป็นระยะเวลานานส่งผลให้บริษัทพร้อมระบุโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ รวมถึงใช้ทรัพยากรและเงินทุนที่จำเป็นเพื่อนำทางบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ให้ผ่านการขยับขยายและปรับปรุงการดำเนินงานทุกขั้นไปได้

Kirkland & Ellis LLP ปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้แก่ Berkshire Partners

เกี่ยวกับ Berkshire Partners
Berkshire Partners เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในหุ้นนอกตลาดและหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลายภาคส่วน โดยที่พนักงานถือสิทธิ์เป็นเจ้าของบริษัท 100% ทีมงานด้านหุ้นนอกตลาดของบริษัทลงทุนกับบริษัทต่าง ๆ ที่มีศักยภาพและกำลังเติบโตในธุรกิจบริการและอุตสาหกรรม ผู้บริโภค การดูแลสุขภาพ และเทคโนโลยีและการสื่อสาร นับตั้งแต่ก่อตั้ง Berkshire Partners ได้ลงทุนในหุ้นนอกตลาดมากกว่า 150 รายการและมีผลการดำเนินงานเด่นชัดที่แสดงให้เห็นถึงการร่วมมือกับทีมบริหารจัดการเพื่อพัฒนาบริษัทที่ตนลงทุนให้เติบโต กลุ่มหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทอย่าง Stockbridge ที่ก่อตั้งในปี 2007 มุ่งบริหารจัดการกลุ่มหลักทรัพย์ โดยแสวงหาการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจ หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.berkshirepartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Greg Winter
Berkshire Partners
gwinter@berkshirepartners.com

แหล่งที่มา: Berkshire Partners

SRS Distribution บริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ The Home Depot ในราคา 18.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

LOS ANGELES & BOSTON–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

SRS Distribution (“SRS”) บริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ The Home Depot ในราคา 18.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายละเอียดของการซื้อขายในครั้งนี้ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ออกโดย The Home Depot และ SRS เมื่อเช้าวันนี้ SRS เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ชั้นนำในสหรัฐอเมริกา โดยมีสาขามากกว่า 760 แห่งใน 47 รัฐ The Home Depot เป็นผู้ค้าปลีกอุปกรณ์ปรับแต่งที่พักอาศัยรายใหญ่ที่สุดของโลก

เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการลงทุนและเป็นพันธมิตรกับ SRS และพนักงานกว่า 11,000 คน” Jonathan Seiffer หุ้นส่วนอาวุโสของ Leonard Green & Partners กล่าว “เราขอขอบคุณอย่างจริงใจและขอแสดงความยินดีกับทีมงานทั้งหมดของ SRS สำหรับประวัติศาสตร์การเติบโตที่น่าทึ่ง ความสำเร็จและทุกการดำเนินงานที่บรรลุความสำเร็จที่ผ่านมาของ SRS จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากผู้นำที่ยอดเยี่ยมอย่างซีอีโอ Dan Tinker และทีมงาน และประธาน Ron Ross รวมถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบการดำเนินงานที่มีการสร้างไว้ใน SRS”

“นับจากที่เรามีการลงทุนใน SRS เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เรามีความสุขที่ได้ร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนกับซีอีโอ Dan Tinker และทีมผู้บริหารของ SRS ทุกคน และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จในการซื้อขายกิจการให้กับ The Home Depot ตามการประกาศในครั้งนี้” Josh Lutzker กรรมการผู้จัดการของ Berkshire Partners กล่าว “SRS เริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆ ระดับภูมิภาค และเติบโตขึ้นจนเป็นแพลตฟอร์มระดับประเทศที่รองรับตลาดหลายแห่ง เราทุกคนมีความภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่ยอดเยี่ยมและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวการเติบโตของบริษัท”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ The Home Depot ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของทีมงานทุกคนที่ SRS” Dan Tinker ประธานและซีอีโอของ SRS Distribution กล่าว “ผมมีความภูมิใจในบริษัทของเรา วัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง และเรื่องราวการเติบโตที่น่าประทับใจของเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราบรรลุความสำเร็จมากมายสำหรับลูกค้า ซัพพลายเออร์ ชุมชน และพนักงานของเรา ผมขอขอบคุณในการสนับสนุนและคำแนะนำที่เราได้รับจากหุ้นส่วนของเรา – Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บริษัททั้งสองนี้มีการนำเสนอแนวทางการทำงานร่วมกันในระยะยาวเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างมูลค่า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในธุรกิจของเรา”

Berkshire Partners มีการลงทุนใน SRS ในปี 2013 เมื่อบริษัทสร้างรายได้ประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสาขาน้อยกว่า 100 แห่ง จำหน่ายวัสดุมุงหลังคาที่พักอาศัยเป็นหลัก ในวันนี้ SRS มีสาขามากกว่า 760 แห่งในเกือบทุกรัฐ และสร้างรายได้สูงกว่า 10 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ในปี 2018 Leonard Green & Partners กลายเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของ SRS โดย Berkshire Partners ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญ ตลอดระยะเวลาการเป็นหุ้นส่วน บริษัทไพรเวทอีควิตี้ทั้งสองได้ช่วยกันพัฒนาและสร้างทีมผู้นำที่ดีเยี่ยมที่สุดให้กับ SRS ในการเข้าสู่ภาคส่วนธุรกิจการจัดจำหน่ายด้านการจัดสวนในปี 2019 และการจัดจำหน่ายสระว่ายน้ำในปี 2021 SRS ยังขยายอุตสาหกรรมที่ให้บริการอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง SRS ยังมีความมุ่งมั่นที่โดดเด่นเพื่อให้พนักงานมีส่วนเป็นเจ้าของ ซึ่งขับเคลื่อนวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โครงการส่งเสริมความเป็นเจ้าของสำหรับพนักงานและโปรแกรมการปันหุ้นของบริษัทส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและผลการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ LGP

LGP เป็นบริษัทลงทุนไพรเวทอีควิตี้ชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 และตั้งอยู่ที่ Los Angeles โดยมีสินทรัพย์ภาพใต้การบริหารจัดการกว่า 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทเป็นพันธมิตรกับทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และร่วมกับผู้ก่อตั้งเพื่อลงทุนในบริษัทชั้นนำในตลาด นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น LGP มีการลงทุนในบริษัทกว่า 120 แห่งในรูปแบบของการซื้อกิจการแบบดั้งเดิม การทำธุรกรรมภาคเอกชน การเพิ่มทุน การเพิ่มหุ้น และการลงทุนในตราสารสาธารณะและตราสารหนี้ที่ผ่านการคัดเลือก บริษัทมุ่งเน้นในบริษัทที่ให้บริการ รวมถึงบริการสำหรับผู้บริโภค การดูแลสุขภาพ และธุรกิจ รวมถึงการค้าปลีก การจัดจำหน่าย และอุตสาหกรรม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.leonardgreen.com

เกี่ยวกับ Berkshire Partners

Berkshire Partners เป็นนักลงทุนที่เชี่ยวชาญในหลายภาคส่วน โดยพนักงานเป็นเจ้าของ 100% ทั้งภาคเอกชนและสาธารณะ ทีมไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทมีการลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและมีการเติบโตในภาคส่วนบริการและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีและการสื่อสาร ผู้บริโภค และการดูแลสุขภาพ นับตั้งแต่ก่อตั้ง Berkshire Partners มีการลงทุนในไพรเวทอีควิตี้มากกว่า 150 รายการ และมีประวัติในการร่วมมือกันกับทีมผู้บริหารมาอย่างยาวนานในการขยายบริษัทที่มีการลงทุนไว้ Stockbridge ซึ่งเป็นกลุ่มไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2007 มีการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอที่กระจุกตัวเพื่อแสวงหาการลงทุนระยะยาวที่น่าดึงดูดใจ Stockbridge และไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทจะร่วมมือกันและใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโดยรวมในภาคส่วนต่างๆ บ่อยครั้ง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.berkshirepartners.com

เกี่ยวกับ SRS Distribution

SRS Distribution ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ McKinney, Texas และได้กลายเป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาคารที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท มีการสร้างกลยุทธ์การเติบโตที่แตกต่างกันและมีวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการที่มุ่งเน้นในการให้บริการแก่ลูกค้า การเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ และการดึงดูดผู้ที่มีความสามารถที่ดีเยี่ยมในอุตสาหกรรม ในปัจจุบัน SRS มีการดำเนินงานภายใต้กลุ่มแบรนด์ท้องถิ่นที่แตกต่างกัน โดยมีสาขากว่า 760 แห่งใน 47 รัฐ SRS Distribution เป็นบริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners, L.P. และ Berkshire Partners LLC สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.srsdistribution.com

ราคาที่นำเสนอได้รับการรับรองโดยผู้บริหารของบริษัทในเครือซึ่ง Berkshire Partner เป็นเจ้าของกองทุน ผู้บริหารไม่ได้รับค่าตอบแทนในการให้การรับรอง อย่างไรก็ตาม ผลจากโครงสร้างการเป็นเจ้าของบริษัทในเครือของ Berkshire Partners Private Equity ทำให้เกิดความขัดแย้งในผลประโยชน์ร่วม เนื่องด้วยผู้บริหารมีแรงจูงใจที่จะแถลงเชิงบวกเกี่ยวกับ Berkshire Partners และประสบการณ์ที่มีต่อ Berkshire Partners เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับ Berkshire Partners

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Leonard Green & Partners (LGP)
communications@leonardgreen.com

Berkshire Partners
Greg Winter
617-316-6260
gwinter@berkshirepartners.com

SRS Distribution
PR@srsdistribution.com

แหล่งข้อมูล: Berkshire Partners

OAG เข้าซื้อกิจการของ Infare และร่วมลงทุนใหม่กับ Vitruvian Partners

Logo

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มข้อมูลตั๋วเดินทางสายการบินเข้าในแพลตฟอร์มข่าวกรองชั้นนำอัจฉริยะสำหรับตลาดของ OAG

LONDON–(BUSINESS WIRE)–28 กรกฎาคม 2023

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลกได้เข้าซื้อกิจการของ Infare ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลการเดินทางทางอากาศจาก Ventiga Capital ตามข้อตกลงที่มีมูลค่ากิจการที่ร่วมกันกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ OAG และ Infare จะมีก้าวต่อไปที่น่าตื่นเต้นในอนาคตจากการใช้ประโยชน์ของแพลตฟอร์มข้อมูลแบบ end-to-end เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกด้านข่าวกรองการเดินทางทางอากาศที่สำคัญ

ด้วยมรดกทางอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง ทั้งสองธุรกิจนี้มีแนวคิดเดียวกันด้านคุณภาพ ความแม่นยำ และการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จึงทำให้การจับมือในครั้งนี้จะทำให้ OAG และ Infare มีโอกาสสำคัญในการขยายบริการพันธมิตรสายการบินและระบบนิเวศการเดินทางให้กว้างขึ้น พร้อมข้อมูลและโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง

Infare เป็นพันธมิตรทางเลือกสำหรับสายการบินที่ต้องการแหล่งข้อมูลการเดินทางทางอากาศที่มีคุณภาพดีเยี่ยม เพื่อรองรับการเติบโตของสายการบิน การรวมโซลูชันข้อมูลที่มีอยู่ของ OAG เข้ากับระบบข้อมูลตั๋วเดินทางของสายการบินจะสร้างข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับลูกค้า เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวมของอุปสงค์และอุปทานได้กว้างขึ้น ระบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถคาดการณ์ทรัพยากร ประเมินความต้องการในการเดินทางและการแข่งขัน และสร้างโมเดลที่ซับซ้อนและเป็นนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อเสริมรายได้และการเติบโตของผลกำไร

โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ทำให้ OAG เติบโตมากขึ้นและมีพนักงานกว่า 300 คนทั่วโลกในสำนักงาน 10 แห่ง

Phil Callow, CEO ของ OAG กล่าว

ไดนามิกที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางและเทคโนโลยีทั่วโลกกระตุ้นให้มีความต้องการข้อมูลที่ละเอียดและซับซ้อนมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจ จัดการ และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในการเดินทางทางอากาศ การเข้าซื้อกิจการของ Infare จะช่วยเสริมความสามารถของเราในการนำเสนอข้อมูลที่สอดคล้องกับแม่นยำทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์ที่กว้างขึ้น และช่วยให้ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่สามารถเติบโตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากจะได้ต้อนรับเพื่อนร่วมงานจาก Infare เข้าสู่ครอบครัวของ OAG”

Nils Gelbjerg-Hansen, CEO ของ Infare กล่าว

การเข้าถึงข้อมูลที่ครอบคลุมและแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ข้อมูลมีความสำคัญ สายการบินใช้ข้อมูลต่างๆ เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกในพฤติกรรมการเดินทางของลูกค้า แนวโน้มของตลาด และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของเรา ชุดข้อมูล และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ จะช่วยเสริมการทำงานของ OAG และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับลูกค้าของเราทั่วโลก เรามองว่า นี่เป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ขยายฐานบริการของเรา และแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าของเรา เรารู้สึกตื่นเต้นในก้าวใหม่นี้ไปด้วยกัน

ทีมฝ่ายบริหารทั้งสองทีมจะยังคงอยู่ในกลุ่มบริษัทและถือหุ้นอยู่ตามเดิม โดยได้รับการสนับสนุนจาก Vitruvian

Ben Johnson พันธมิตรของ Vitruvian กล่าว

“OAG และ Infare ต่างเป็นผู้นำในตลาดระดับโลกภาคส่วนเฉพาะอย่างเห็นได้ชัด การร่วมมือกันจะสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับทั้งสองทีม Vitruvian มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ และผสานความสัมพันธ์ของเราให้ก้าวไกลในอนาคต

Niclas Gabrán พันธมิตรฝ่ายบริหารจัดการ ของ Ventiga Capital Partners กล่าว

เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ร่วมงานกับ Nils และทีมงาน ในการสร้าง Infare ให้เป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเดินทางชั้นนำผ่านการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและการเข้าซื้อกิจการ ก้าวต่อไปของ Infare ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว OAG จะสร้างโอกาสในการเติบโตทั้งภายในและภายนอกภาคส่วนการเดินทางทางอากาศอย่างไม่มีข้อสงสัย

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสหรับอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศมาตั้งแต่ปี 1929 โดยมีเครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการเดินทางทุกส่วน ตั้งแต่การวางแผนจนถึงประสบการณ์การเดินทางของลูกค้า ลูกค้าประกอบด้วยสายการบิน ท่าอากาศยาน ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีการเดินทาง ผู้ให้บริการด้านการบิน หน่วยงานราชการ สถาบันการเงิน และที่ปรึกษา OAG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหราชอาณาจักร และมีหน่วยดำเนินงานอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.oag.com และติดตามเราได้ที่ Twitter @OAG Aviation

เกี่ยวกับ Infare

Infare เป็นผู้นำด้านการให้บริการข้อมูลการเดินทางทางอากาศ ช่วยให้สายการบินสามารถตัดสินใจและกำหนดราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภารกิจของ Infare คือ การบริการข้อมูลการเดินทางทางอากาศของแต่ละสายการบินที่แม่นยำให้กับระบบของสายการบินต่างๆ อาจเป็นการส่งข้อมูลให้หลายครั้งในแต่ละวันหรือเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2000 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Copenhagen, Denmark และมีสาขาอยู่ทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.infare.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn

เกี่ยวกับ Vitruvian Partners

Vitruvian เป็นบริษัทลงทุนอิสระที่มีการเติบโต และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน และมีสาขาอยู่ทั่วโลก Vitruvian มุ่งเน้นสถานการณ์ที่โดดเด่นด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงทั้วทั้งอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมเทคโนโลยี บริการทางการเงิน การดูแลสุขภาพ และบริการทางธุรกิจและผู้บริโภค Vitruvian เป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่มีการสนับสนุนบริษัทที่มีนวัตกรรมและการเติบโตที่สูงขึ้น Vitruvian Funds ให้การสนับสนุนบริษัทกว่า 90 แห่ง และมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 1.5 หมื่นล้านยูโร การลงทุนที่โดดเด่นจนถึงปัจจุบันนี้ประกอบด้วยผู้นำตลาดระดับโลกและนักประดิษฐ์ในแต่ละสาขา เช่น Skyscanner, Sykes Holiday Cottages, CFC Underwriting, CallCredit, Travel Counsellors, Trustpilot, Farfetch, Just Eat, Wise และ Global-e

เกี่ยวกับ Ventiga Capital Partners

Ventiga เป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนที่มุ่งเน้นการเติบโต โดยมีการร่วมมือกับผู้ประกอบการและทีมนักบริหารที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้บรรลุการเติบโตแบบยั่งยืน มีผลกำไร และสร้างมูลค่า ด้วยความรับผิดชอบ มีส่วนร่วม และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง Ventiga มีการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตพร้อมกำไร และมีศักยภาพในการขยายธุรกิจที่เหนือกว่า โดยจะเป็นธุรกิจแบบ B2B เป็นหลัก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media Enquiries
pressoffice@oag.com

UK/EMEA /ASPAC
Dom Conolly/ Harvard PR

North America
Chrissy Azevedo
Corporate Ink for OAG

แหล่งที่มา: OAG

Sequoia India & Southeast Asia ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Peak XV Partners

Logo

Peak XV Partners จะดำเนินการในฐานะบริษัทที่มีอิสระเต็มที่

บริษัทจะยังคงสนับสนุนผู้ก่อตั้งที่มีความทะเยอทะยานในอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และที่อื่น จากเงินทุนปัจจุบันซึ่งรวมเงินทุน 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2 แสนล้านรูปี) ที่ยังไม่ได้ลงทุน

นิวเดลี–(BUSINESS WIRE)–6 มิถุนายน 2023

Sequoia India & Southeast Asia บริษัทร่วมทุนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคซึ่งบริหารเงินมากกว่า 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐใน 13 กองทุนจะเป็นที่รู้จักทั่วโลกในชื่อ Peak XV Partners*  การรีแบรนด์มีขึ้นหลังจาก Sequoia Capital (สหรัฐฯ/ยุโรป), Sequoia China และ Sequoia India & Southeast Asia ได้ตัดสินใจที่จะเป็นบริษัทแยกกันเป็นอิสระ ที่มีแบรนด์แตกต่างกัน Peak XV เป็นชื่อดั้งเดิมของยอดเขาเอเวอเรสต์ และเป็นสัญลักษณ์ของการแสวงหาเป้าหมายที่กล้าหาญอย่างไม่หยุดยั้งของผู้ก่อตั้ง

Managing Partners - L to R (General Partners) Standing - Shailesh Lakhani, Ashish Agrawal, Rajan Anandan, GV Ravishankar, Ishaan Mittal, Harshjit Sethi, Mohit Bhatnagar; Seated - Tejeshwi Sharma, Sakshi Chopra, Shailendra Singh, Abheek Anand. (Photo: Business Wire)

หุ้นส่วนผู้จัดการ – จากซ้ายไปขวา (หุ้นส่วนทั่วไป) สถานะ – Shailesh Lakhani, Ashish Agrawal, Rajan Anandan, GV Ravishankar, Ishaan Mittal, Harshjit Sethi, Mohit Bhatnagar; นั่ง – Tejeshwi Sharma, Sakshi Chopra, Shailendra Singh, Abheek Anand (รูปภาพ: Business Wire)

Shailendra Singh กรรมการผู้จัดการของ Peak XV Partners กล่าวว่านี่เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับเราในฐานะ Peak XV Partners แต่ไม่เหมือนการเริ่มต้นส่วนใหญ่ นี่เป็นโอกาสสำหรับเราในการต่อยอดบนรากฐานที่วางมาตลอด 17 ปีที่ผ่านมา บริษัทของเราจะยังคงได้รับการบริหารจัดการโดยทีมผู้บริหารชุดปัจจุบัน และจะลงทุนต่อไปจากชุดกองทุนต่างๆ ที่ระดมมาล่าสุดโดยมุ่งเน้นไปที่อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง Sequoia Capital (สหรัฐอเมริกา/ยุโรป), Sequoia China และ Sequoia India/SEA ได้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นธุรกิจที่แยกจากกัน ด้วยการตัดสินใจลงทุนที่เป็นอิสระ ตลอดระยะเวลาหลายปี กลยุทธ์สำหรับแต่ละธุรกิจได้แยกออกจากกัน ขนาดและความเป็นผู้นำตลาดทั่วทั้งภูมิศาสตร์ต่างๆ ได้เริ่มส่งผลเป็นความสับสนในแบรนด์และพอร์ตโฟลิโอที่ขัดแย้งกัน สิ่งนี้นำไปสู่การที่ผู้นำของแต่ละธุรกิจตัดสินใจร่วมกันที่จะเคลื่อนไปสู่ความเป็นพันธมิตรที่เป็นอิสระเต็มรูปแบบด้วยแบรนด์ที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะให้บริการผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนจำกัดในลักษณะที่ดีที่สุด

เรากำลังมองเห็นบริษัทต่างๆ เกิดขึ้นจากทุกภูมิภาคด้วยความทะเยอทะยานระดับโลก ความยืดหยุ่นที่มาพร้อมกับโครงสร้างใหม่จะเปิดโอกาสระดับโลกที่ไร้ขอบเขต และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้นให้กับบรรดาผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนจำกัดของเราSingh กล่าว

ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา Sequoia India & SEA ได้ระดมทุน 13 กองทุน ลงทุนในสตาร์ทอัพมากกว่า 400 แห่ง โดยมีมากกว่า 50 บริษัทที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป พอร์ตโฟลิโอได้เห็นการเสนอขายหุ้น IPO 19 รายการและการควบรวมกิจการที่ประสบความสำเร็จหลายรายการ ซึ่งส่งผลให้มีการขายบริษัทเพื่อออกจากธุรกิจ (Exit) เกิดขึ้นแล้วเป็นมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจนถึงตอนนี้ ทีมการลงทุนนำโดยกรรมการผู้จัดการ 11 คนซึ่งมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งโดยเฉลี่ยมากกว่า 12 ปี ที่บริษัท

Peak XV Partners จะยังคงลงทุนในระยะต่าง ๆ (เมล็ดพันธุ์ การร่วมทุน การเติบโต) และภาคส่วนต่าง ๆ อย่าง SaaS, AI, เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์, เทคโนโลยีสภาพอากาศ, ฟินเทค, เทคโนโลยีด้านสุขภาพ และผู้บริโภค บริษัทจะเพิ่มความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นให้กับโปรแกรมที่โดดเด่นและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง Surge และ Spark ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากบรรดาผู้ก่อตั้ง

บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นเช่นเดิมที่จะช่วยผู้ก่อตั้งที่กล้าหาญในการสร้างบริษัทที่โดดเด่นที่สามารถเป็นผู้นำในหมวดหมู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก

เกี่ยวกับ Peak XV Partners

Peak XV Partners* ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Sequoia Capital India & Southeast Asia เป็นบริษัทร่วมทุนและการลงทุนเพื่อการเติบโตชั้นนำที่มุ่งเน้นที่อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอื่นๆ บริษัทมุ่งมั่นที่จะช่วยผู้ก่อตั้งที่กล้าหาญในการสร้างบริษัทที่โดดเด่นที่สามารถเป็นผู้นำในหมวดหมู่ระดับภูมิภาคและระดับโลกทั่วทั้ง SaaS, AI, เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์, เทคโนโลยีสภาพอากาศ, ฟินเทค, เทคโนโลยีด้านสุขภาพ และผู้บริโภค

ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมาในภูมิภาค Peak XV Partners ได้ระดมทุน 9.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่าน 13 กองทุนและได้ลงทุนในบริษัทกว่า 400 แห่ง โดยมีบริษัทมากกว่า 50 บริษัทที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป และ 40 บริษัทที่บรรลุถึงรายได้มากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ พอร์ตโฟลิโอยังรวมถึงการเสนอขายหุ้น IPO 19 รายการและการควบรวมกิจการที่ประสบความสำเร็จหลายรายการ ซึ่งส่งผลให้มีการขายบริษัทเพื่อออกจากธุรกิจ (Exit) เกิดขึ้นแล้วเป็นมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจนถึงตอนนี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Peak XV Partners เยี่ยมชมที่ www.peakxv.com

*อ่านว่า พีค ฟิฟทีน

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53415884/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

Peak XV Partners
Shweta Rajpal Kohli
PR.IndiaSEA@sequoiacap.com
+91 98998 88667

Ushma Jhaveri
PR@peakxv.com
+91 99168 08664

Lara Kanga
+65 8650 5983

บริษัท Avian WE
Oeindrila Biswas
oeindrila@avianwe.com
+91 8447776880

ที่มา: Peak XV Partners



Global Partners ประกาศนวัตกรรมสำหรับผู้จัดการ งานบนท้องทะเลเพื่อช่วยเหลือมหาสมุทรของเราโดยได้รับ การสนับสนุนของภาคเอกชนจาก Mary Kay Inc.

Logo

Project Pioneers แพลตฟอร์มนวัตกรรมใหม่ที่เข้าถึงง่ายพร้อมคำแนะนำจากข้อมูลเชิงลึกเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจ และความรู้ภาคปฏิบัติสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ทางทะเล

แวนคูเวอร์ แคนาดา –(BUSINESS WIRE)–9 กุมภาพันธ์ 2023

ผู้จัดการงานและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในมหาสมุทร ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะพบปะกันในการประชุมเกี่ยวกับพื้นที่คุ้มครองทางทะเลระหว่างประเทศครั้งที่ 5 (IMPAC5) ระหว่างวันที่ 3-9 กุมภาพันธ์ ในนครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เพื่อยืนยันทัศนะด้านการคุ้มครองมหาสมุทร

MPAth, short for Marine Protected Area Tool Hub, is a free online resource for seascape stakeholders at every level. It uses the same problem-solving matrix honed by marine experts to guide users through a learning journey and help them address their most pressing challenges on sustainable livelihoods, financing, effectiveness, and climate change. (Credit: UN Environment Programme)

MPAth คือตัวย่อของ​ศูนย์เครื่องมือของพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine​ ​Protected Area Tool Hub) ​เป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์ฟรีสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวข้องกับทะเลในทุกระดับ​ โดยใช้เมทริกซ์การแก้ปัญหาแบบเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญทางทะเลได้ฝึกฝน​เพื่อแนะนำผู้ใช้งานผ่านทางการเรียนรู้ ทั้งยังช่วยพวกเขาจัดการกับความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุดเกี่ยวกับการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน การจัดหาเงินทุน ประสิทธิผล และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ​ (เครดิตจาก: โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ)

เป็นที่ทราบกันดีว่า IMPAC5 เป็นการประชุมชั้นนำด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ภายในกลุ่มผู้จัดการงาน ผู้ปฏิบัติหน้าที่ และผู้มีบทบาทตัดสินใจด้านการอนุรักษ์ท้องทะเล อันเป็นโอกาสที่จะได้เน้นถึงศาสตร์ล่าสุด ตลอดจนแบ่งปันประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในท้องทะเลและปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมของมหาสมุทร

การสัมมนาอภิปรายที่ IMPAC5 ในหัวข้อ “นวัตกรรมเพื่อการปรับปรุงพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (MPA)” แสดงภาพตัวอย่างสุดพิเศษของแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่สำหรับการวางแผนและการจัดการ MPA แพลตฟอร์มการเรียนรู้ให้แนวทางสำหรับผู้วางแผนและผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้าน MPA ผ่านวิธีการภาคปฏิบัติในการจัดการกับปัญหาท้าทายสำคัญที่ตนเองประสบ การสัมมนาอภิปรายนี้เป็นการวบรวมความคิดเห็นจากทุกด้านของงานการอนุรักษ์ท้องทะเล โดยเน้นที่ความสำคัญของการแบ่งปันความรู้เพื่อปรับปรุงการจัดการมหาสมุทรในหมู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกระดับ

เนื่องจากมีมหาสมุทรที่ได้รับความคุ้มครองอย่างมีประสิทธิภาพน้อยกว่า 3% จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งสำหรับความพยายามดำเนินการของเราทั่วโลกในการเพิ่มพื้นที่ทางทะเลที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง นอกจากนี้ เรายังต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของพื้นที่คุ้มครองทางทะเลให้บรรลุถึงเป้าหมายด้านการอนุรักษ์และความยั่งยืน อนึ่ง กรอบงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกที่นำมาใช้เมื่อไม่นานมานี้รวมวัตถุประสงค์หลักด้านการคุ้มครองพื้นที่โลกทั้งส่วนที่เป็นแผ่นดินและท้องทะเลในสัดส่วน 30% การฟื้นฟูผืนดินและแหล่งน้ำเสื่อมสภาพภายในปี ค.ศ. 2030

Dr. Lizzie McLeod หัวหน้างานด้านแนวปะการังของ The Nature Conservancy กล่าวว่า “การใช้ประโยชน์จากบทเรียนที่ได้เรียนรู้และแนวทางปฏิบัติทั่วโลกเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่มุ่งมั่นด้านการจัดการมหาสมุทรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดด้านการอนุรักษ์ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรรายสำคัญในการคิดหาทางออกต่อปัญหาที่มีอยู่ด้วย”

ด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงแนวทางปฏิบัติต่างๆ ทั่วโลก ผู้จัดการงานบนท้องทะเลจะสามารถจัดการกับภัยสำคัญที่คุกคามระบบนิเวศในท้องทะเลทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น “MPA เป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาที่สมบูรณ์และยั่งยืนของมหาสมุทร แต่การพัฒนาดังกล่าวอาจไม่มีประสิทธิภาพเสมอไปหากปราศจากการสนับสนุนในด้านต่างๆ โดยเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจที่ช่วยให้สามารถออกแบบและจัดการ MPA แบ่งปันความรู้ และร่วมมือกันทำงานได้ดีกว่าเดิม เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับงานบนท้องทะเลได้รับสิ่งที่ตนเองต้องการเพื่อให้ความคุ้มครองมหาสมุทรได้ดียิ่งขึ้น” Ole Vestergaard เจ้าหน้าที่ประจำโครงการด้านสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ กล่าว

“Mary Kay มีความยินดีสนับสนุน TNC โดยความร่วมมือกับ UNEP และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ จากทั่วโลก ในการแสดงความพยายามปกป้องมหาสมุทร อันเป็นสินทรัพย์อันล้ำค่าที่สุดในโลกของเรา” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “องค์กรเหล่านี้ถือเป็นแนวทางในการต่อสู้เพื่ออนุรักษ์แหล่งน้ำของเรา เราหวังว่าโดยอาศัยการสนับสนุนด้านเงินทุนจาก Mary Kay องค์กรดังกล่าวจะมีเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อช่วยให้มหาสมุทรของเราอยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อคนรุ่นหลังต่อไปได้”

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรด้านการอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนทำงานด้านการอนุรักษ์ผืนดินและแหล่งน้ำซึ่งมีความจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เราอาศัยวิทยาศาสตร์เป็นทางนำไปสู่การคิดค้นหาทางออกอันมีลักษณะเป็นนวัตกรรมตามสถานที่จริงต่อปัญหาท้าทายที่ยากลำบากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและมนุษย์มีความเจริญไปพร้อมกันได้ เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การอนุรักษ์ผืนดิน แหล่งน้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน การจัดหาอาหารและแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน และการช่วยเหลือให้เมืองต่างๆ มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เราทำงานในประเทศและอาณาเขตต่างๆ 79 แห่ง โดยใช้วิธีการทำงานร่วมกันซึ่งเชิญชวนให้ชุมชนท้องถิ่น  รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.nature.org หรือติดตามทาง @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (UNEP)

UNEP เป็นหน่วยงานชั้นนำระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำและส่งเสริมความร่วมมือกันในการดูแลสิ่งแวดล้อมโดยการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ข้อมูล ตลอดจนช่วยเหลือชาติต่างๆ และผู้คนในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยไม่ส่งผลเสียต่ออนาคตของคนรุ่นหลัง

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash หนึ่งในผู้หญิงคนแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดได้ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอเมื่อปี ค.ศ. 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการยกระดับชีวิตของผู้หญิงให้ดีขึ้น ความฝันนั้นเบ่งบานกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นส่งเสริมผู้หญิงในการเดินทางสู่อิสรภาพทางเศรษฐกิจผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน การสร้างเครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทกับการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการยกระดับชีวิตให้ดีขึ้นวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยด้านโรคมะเร็ง ยกระดับความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดจากการเป็นเหยื่อการทารุณกรรมในครอบครัว สร้างความงดงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนเด็กๆ ให้ทำตามความฝันของตนเอง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ทาง FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ทาง Twitter

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53306060/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

Karen Foerstel
Director, Conservation Communications Strategy, Global Marketing and Comms
917.652.2642 หรือ kfoerstel@TNC.ORG
The Nature Conservancy

แหล่งที่มา: Mary Kay








Contentstack ระดมทุน Series C มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ นำโดย Georgian และ Insight Partners เพื่อเร่งเส้นทางสู่การรวบรวมความสามารถจากโครงสร้างข้อมูลสำหรับองค์กร

Logo

ระบบการจัดการเนื้อหา (CMS) ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียจะใช้เงินทุนเพื่อช่วยให้แบรนด์ระดับโลกตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับประสบการณ์เชื่อมโยงกับร้านค้าทุกช่องทางและประสบการณ์ส่วนบุคคล และเพื่อสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถทั่วอินเดีย

เทศบาลวิราร เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย–(BUSINESS WIRE)–15 พฤศจิกายน 2022

Contentstack ผู้นำประเภท Content Experience Platform (CXP) และผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรมเชิงประกอบ ได้ประกาศในวันนี้ว่าการระดมทุน Series C มีมูลค่า 80 ล้านดอลลาร์ Georgian และ Insight Partners ร่วมเป็นผู้นำในรอบนี้โดยมีส่วนร่วมจาก Illuminate Ventures ทั้งสามบริษัทยังคงเพิ่มการลงทุนด้วย Contentstack ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระดมทุนได้ทั้งหมด 169 ล้านดอลลาร์จนถึงตอนนี้ บริษัทจะใช้เงินทุนเพื่อสนับสนุนบริษัทองค์กรต่าง ๆ ต่อไปในเส้นทางของพวกเขาเพื่อรวบรวมความสามารถจากโครงสร้างข้อมูล โดยเสริมศักยภาพให้พวกเขาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับประสบการณ์เชื่อมโยงกับร้านค้าทุกช่องทางและประสบการณ์ส่วนบุคคล

Emily Walsh หัวหน้านักลงทุนของ Georgian จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ Contentstack พร้อมกับ David Overmyer ผู้อำนวยการสายการเงิน (CFO) ของ Contentstack

“เรามองหาบริษัทที่มีการเติบโตสูงพร้อมความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมและวัฒนธรรมการทำงานที่แข็งแกร่ง เราชอบที่จะช่วยให้ผู้ที่มองเห็นโอกาสและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงได้ทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุด” กล่าวโดย Walsh “ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เราจึงเลือกที่จะเพิ่มการลงทุนของเราเป็นสองเท่า ความสามารถของ Contentstack ในการรับรองว่าลูกค้าจะประสบความสำเร็จในขณะเดียวกันก็สร้างนวัตกรรมด้วยความเร็วที่บันทึกนั้น ทำให้พวกเขาเป็นผู้นำในตลาด CMS เราภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำร่วมกันในรอบนี้และให้การสนับสนุนบริษัทที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำที่แท้จริง”

Contentstack เป็น CMS ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียซึ่งเป็นตัวแทนของแบรนด์ระดับโลก เช่น Chase, Holiday Inn, Levi’s, Mattel, McDonald's, Mitsubishi และ Shell นอกจากนี้ บริษัทยังใช้เงินทุนเพื่อเติบโตและสรรหาบุคลากรอย่างต่อเนื่องในไฮเดอราบัด เบงกาลูรู ปูเน และวิราร-มุมไบ

“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัท SaaS ที่เติบโตเร็วที่สุดในอินเดีย” กล่าวโดย Nishant Patel ผู้ร่วมก่อตั้งและ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Contentstack “Contentstack ได้รับการบ่มเพาะใน Raw Engineering ในอินเดียก่อนที่จะแยกตัวออกไปสู่ระดับโลกมากขึ้นในปี 2018 ภารกิจของเราคือการช่วยสนับสนุนและผลักดันการเติบโตในระบบนิเวศของธุรกิจสตาร์ทอัพในอินเดีย เมื่อเร็วๆ นี้ การสนับสนุนการประชุมผลิตภัณฑ์ NASSCOM ช่วยกระตุ้นภารกิจดังกล่าว ซึ่งคุณสามารถคาดหวังได้ว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่านี้”

ในฐานะที่เป็น CMS แบบไม่มีส่วนหัวเพียงตัวเดียวที่นำเสนอโซลูชัน “การผสานรวม” กับ Automation Hub Contentstack จึงมอบเส้นทางสู่การรวบรวมความสามารถจากโครงสร้างข้อมูลสำหรับองค์กรต่าง ๆ ด้วยการทำให้กิจกรรมหลายร้อยรายการในเทคโนโลยีและผู้ขายเป็นไปอย่างอัตโนมัติและคล่องตัวแบบเรียลไทม์ องค์กรต่างๆ จึงสามารถเลิกใช้งานระบบจัดการเนื้อหา (CMS) แบบเดิมที่มีราคาแพงได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้พวกเขาสามารถปลดล็อกนวัตกรรมประสบการณ์ดิจิทัลในวงกว้างมากขึ้นและตระหนักถึงผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โปรแกรม Care Without CompromiseTM ที่เป็นเรือธงของบริษัทช่วยให้มั่นใจได้ถึงการสนับสนุนข้ามผู้จัดจำหน่ายในสภาพแวดล้อมที่ผสมผสานกัน ด้วย Automation Hub และ Care Without Compromise ทำให้ Contentstack กลับมาอยู่ในระดับแนวหน้าของการเคลื่อนไหวที่ผสมผสานกันได้อีกครั้ง ซึ่งมุ่งมั่นที่จะสร้างลูกค้าให้พร้อมสำหรับความสำเร็จในแนวธุรกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

ตั้งแต่ Series B ของ Contentstack ในเดือนมิถุนายน ปี 2021 ความเชี่ยวชาญของ Contentstack ได้นำไปสู่การเติบโตของขนาดและอัตราของกรณีการใช้งาน เนื่องจากมีองค์กรจำนวนมากขึ้นได้นำสถาปัตยกรรมเชิงประกอบมาใช้เป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ดิจิทัลมากขึ้น บริษัทจึง

  • เติบโตจนมีพนักงานมากกว่า 400 คน และเข้าถึงผู้ใช้กว่า 50,000 รายในตลาดโลกกว่า 70 แห่ง
  • เพิ่มจำนวนลูกค้าที่ให้บริการและเพิ่ม ARR เกือบสามเท่า ขณะที่รักษาอัตราการรักษาลูกค้าไว้ 97%
  • ปรับขนาดด้วยแบรนด์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด โดย 42% มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และ 35% มีการซื้อขายต่อสาธารณะ
  • นำเสนอโซลูชันที่ไม่อิงกับคลาวด์ที่รองรับทั้ง AWS และ Microsoft Azure ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

นอกจากนี้ Contentstack ยังได้รับการรับรองเป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมในอินเดีย (กันยายน 2021-2023) โดยได้รับรางวัลสถานที่ทำงานยอดเยี่ยมแห่งปี 2022 ถึง 6 รางวัลและได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ทำงานที่เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดยอดเยี่ยมแห่งปี 2021 Austin Business Journal เสนอชื่อ Neha Sampat ผู้บริหารสูงสุด (CEO) ให้เป็นหนึ่งใน CEO ที่ดีที่สุดของ Austin ในปี 2022

เกี่ยวกับ Contentstack

Contentstack™ เป็นผู้นำประเภท Content Experience Platform (CXP) ที่ช่วยให้นักการตลาดและนักพัฒนานำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลที่รวบรวมได้ด้วยความรวดเร็วดั่งจินตนาการ บริษัทต่าง ๆ เช่น ASICS, Chase, Express, Holiday Inn, Icelandair, Mattel, McDonald's, Mitsubishi, Riot Games และ Shell ไว้วางใจให้ Contentstack ขับเคลื่อนประสบการณ์เนื้อหาที่สำคัญที่สุดด้วยขนาดที่มั่นคงและความน่าเชื่อถือ Contentstack มีชื่อเสียงในด้าน Care without Compromise™ ซึ่งได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงสุดจากลูกค้าในอุตสาหกรรม Contentstack ยังเป็นผู้ก่อตั้ง MACH Alliance ที่กำหนดวาระอุตสาหกรรมสำหรับเทคโนโลยีแบบเปิดและปรับแต่งได้ที่ใช้ Microservices, API-first, Cloud-native SaaS และ Headless เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ http://www.contentstack.com

ข้อมูลติดต่อ

Manish Sharma
manish.sharma@contentstack.com
+91 98200 43185

แหล่งที่มา: Contentstack

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Nature Conservancy และ Global Partners จัดสัมมนาเรื่องการปรับปรุงพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในการประชุม UN Oceans Conference ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay Inc.

Logo

การคุ้มครองมหาสมุทรที่แทบจะมีน้อยกว่า 3% ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเรียกร้องให้มีความพยายามระดับโลกในการปกป้องมหาสมุทรของเราอย่างน้อย 30% โดยมุ่งเน้นในการปรับปรุงการจัดการพื้นที่ที่มีอยู่แทนที่จะส่งเสริมการจัดตั้งการป้องกันใหม่

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–09 สิงหาคม 2565

การประชุม United Nations Ocean Conference 2022 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 5,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้นำระดับโลก ผู้ประกอบการ เยาวชน อินฟลูเอนเซอร์ และนักวิทยาศาสตร์ การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ค้นหานวัตกรรมและวิธีแก้ปัญหาที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์มหาสมุทรหลายมิติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจับปลามากเกินไป การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย และมลภาวะ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220809005180/en/

The Nature Conservancy logo (Logo: The Nature Conservancy)

โลโก้ของ The Nature Conservancy (โลโก้: The Nature Conservancy)

The Nature Conservancy (TNC) ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay Inc. ได้จัดงานร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP), รัฐบาลเอกวาดอร์, มูลนิธิ Jocotoco Foundation, มูลนิธิ Charles Darwin Foundation สำหรับหมู่เกาะกาลาปากอส, Re:wild และสถาบันอนุรักษ์ทางทะเล

TNC และ UNEP เป็นผู้ดูแลงานโดยเน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งของการรับรองคุณภาพพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (MPAs) โดยการเสริมสร้างธรรมาภิบาล การจัดการที่มีประสิทธิภาพ และความมั่นคงและทนทานต่อความเสี่ยงจากภูมิอากาศ และบทบาทสำคัญที่ชุมชน NGOs รัฐบาล องค์กรการกุศล ภาคเอกชน และ cross-sector collaborations มีบทบาทใน MPAs ที่มีประสิทธิภาพ

งานนี้โดดเด่นในการประชุมเนื่องจากเน้นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงการจัดการพื้นที่ที่มีอยู่ แทนที่จะส่งเสริมการจัดตั้งการป้องกันใหม่ เนื่องจากปัจจุบัน MPAs แทบที่จะจัดการน้อยกว่า 3% ประสิทธิภาพของมาตรการป้องกันเหล่านี้จึงจำเป็นต่อการใช้ประโยชน์จากศักยภาพในการอนุรักษ์และการดำรงชีวิต

Dr. Lizzie Mcleod ของ TNC กล่าวว่า “การจัดการที่มีประสิทธิภาพเป็นรากฐานของการบรรลุพันธสัญญา 30×30 ซึ่งเป็นแคมเปญที่จะปกป้อง 30 เปอร์เซ็นต์ของมหาสมุทรโลกภายในปี 2573 ด้วยการสนับสนุนจาก Mary Kay, TNC, UNEP และพันธมิตรรายอื่น ๆ เรากำลังพัฒนาเครื่องมือสำหรับ ผู้จัดการทางทะเลเพื่อปรับปรุงการจัดการทางทะเล สนับสนุนการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืน และแนะนำการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยทางทะเล ด้วยการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลก ผู้จัดการทางทะเลจะสามารถจัดการกับภัยคุกคามที่สำคัญที่มหาสมุทรของเราเผชิญได้ดียิ่งขึ้น”

“MPAs เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพของมหาสมุทรและการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่ก็ไม่ได้ผลเสมอไปหากไม่มีการสนับสนุนมากมาย เครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจที่ช่วยให้การออกแบบและการจัดการ MPA ดีขึ้น การแบ่งปันความรู้ และการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางทะเลได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรได้ดียิ่งขึ้น” Ole Vestergaard เจ้าหน้าที่โครงการใน Marine, Coastal & Freshwater Ecosystems Branch of Division for Environmental Policy Implementation ของ UNEP กล่าว

“Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งของ Mary Kay เชื่อว่ามีคนสามประเภทในโลกนี้คือ: คนที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น คนที่เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้น และคนที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับคนประเภทแรกในการพัฒนาเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการปกป้องมหาสมุทรของเราสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป”

หากเราต้องปกป้องและฟื้นฟูบริการระบบนิเวศของมหาสมุทรและชายฝั่ง ตลอดจนฟื้นฟูระบบมหาสมุทรและรักษาความปลอดภัยในการดำรงชีวิตในปัจจุบันและอนาคตของมนุษยชาติ เราต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในการบรรลุเป้าหมายการอนุรักษ์และความยั่งยืนควบคู่ไปกับการเร่งให้ครอบคลุม MPA

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy (TNC)

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)

UNEP เป็นกระบอกเสียงชั้นนำระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อม โดยให้ความเป็นผู้นำและส่งเสริมการเป็นพันธมิตรในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอข้อมูล และช่วยให้ประชาชาติและผู้คนสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาโดยไม่กระทบต่อคนรุ่นอนาคต

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220809005180/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.
Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

The Nature Conservancy
Misty Edgecomb
Communications Director
medgecomb@tnc.org or 484-343-3223

United Nations Environment Programme
Laura Darby
Communications and Project Management for Innovative Conservation
laura.darby1@un.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย







SCF Partners และ T.D. Williamson ผู้นำระดับโลกด้านการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านท่อส่ง ประกาศความร่วมมือด้านการลงทุน

Logo

ทัลซา รัฐโอคลาโฮมา.–(BUSINESS WIRE)–5 ก.ค. 2565

SCF Partners (“SCF”) และ T.D. Williamson, Inc. (“TDW”) มีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือด้านการลงทุน โดย SCF ซึ่งเป็นบริษัทการลงทุนด้านพลังงาน ได้ลงทุนใน TDW ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการแทรกแซงและการแยก การตรวจสอบ และการทำความสะอาดท่อและบริการสำหรับภาคการรวบรวม การส่ง และการกระจายสินค้าของอุตสาหกรรมท่อส่งก๊าซ ส่วน TDW จะดูแลด้านการรักษาทรัพย์สินที่สำคัญทั่วโลก โดยให้บริการลูกค้าใน 6 ทวีป ในกว่า 100 ประเทศ

TDW ก่อตั้งขึ้นในปี 2463 และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการบำรุงรักษาท่อและความสมบูรณ์ของท่อมานานกว่า 100 ปี บริษัทมีสิทธิบัตรทั้งที่จดทะเบียนแล้วและที่รอดำเนินการจดทะเบียนเกือบ 500 รายการ ตลอดจนถึงเทคโนโลยีบุกเบิกหลัก ๆ เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดท่อ การตรวจสอบอุปกรณ์คาลิปเปอร์ และการต๊าปและเสียบปลั๊กในขณะที่เครื่องทำงานอยู่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาทรัพย์สินทางท่อที่สำคัญเอาไว้อย่างปลอดภัยและใช้งานได้ทั่วโลก ลูกค้าทั่วทั้งอุตสาหกรรมไปป์ไลน์ต่างมองหา TDW เมื่อต้องการแก้ไขปัญหาด้านเทคนิคที่ซับซ้อนที่สุด

Robert McGrew ประธานและซีอีโอของ TDW กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ทำให้แบรนด์และเทคโนโลยีชั้นนำของตลาดของ TDW ได้รับความเชี่ยวชาญด้านการเงินและกลยุทธ์อย่างลึกซึ้งจาก SCF เพื่อสร้างบริษัทที่แข็งแกร่งและมุ่งเน้นการเติบโตในอนาคต” “ผมตั้งตารอที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำให้ TDW โดดเด่นในวันนี้ และคว้าโอกาสใหม่ ๆ ที่ความร่วมมือกับ SCF จะนำมาให้”

“SCF รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำอย่าง TDW” David Baldwin หุ้นส่วนของ SCF กล่าว “ครอบครัว Williamson ได้สร้างบริษัทที่ยอดเยี่ยมตลอด 100 ปีที่ผ่านมา และ SCF รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ TDW ในบทต่อไป เราชื่นชมการอุทิศตนของบริษัทที่มีต่อบุคลากร ลูกค้า และอุตสาหกรรมของบริษัทมาโดยตลอด เรารอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับครอบครัวและผู้บริหารเพื่อสร้างความสำเร็จต่อยอดจากในอดีตและทำให้บริษัทเติบโตในวัฏจักรพลังงานใหม่นี้”

“เพราะความต้องการพลังงานทั่วโลกและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงทำให้เกิดความท้าทายด้านการปฏิบัติการและด้านกลยุทธ์ที่สำคัญในอุตสาหกรรมที่เราให้บริการ เรารู้สึกซาบซึ้งในโอกาสที่จะได้ทำงานร่วมกับ SCF เพื่อยกระดับและขยายบริการและการสนับสนุนลูกค้าของเราต่อไป เราตั้งตารอที่จะเข้าสู่ศตวรรษที่ 2 ของการบริการในอุตสาหกรรมพลังงานโดยมี SCF เป็นพันธมิตรและผู้ทำงานร่วมกันของเรา” Dick Williamson ประธานกิตติคุณกล่าว

Deviyani Misra-Godwin รองประธานของ SCF กล่าวว่า “TDW ขึ้นชื่อในด้านผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลก การให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความสมบูรณ์ และโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานที่สำคัญจะเข้าสู่ตลาดได้อย่างปลอดภัย” “เราตั้งตารอที่จะสนับสนุน TDW ในการให้บริการทรัพย์สินเดิมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เพื่อสร้างและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในอนาคตสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่ประสบความสำเร็จ”

เกี่ยวกับ T.D. Williamson

T.D. Williamson (“TDW”) ให้บริการภาคการรวบรวม การส่ง และการกระจายของอุตสาหกรรมไปป์ไลน์ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลก ซึ่งรวมไปถึงโซลูชันการแยกขั้นสูง การทำความสะอาดท่อแบบบูรณาการ และการประเมินความสมบูรณ์ ด้วยการใช้งานทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง ทั้งนี้ TDW เสนอกิจกรรมการบำรุงรักษาท่อส่งน้ำมัน และกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ที่ครอบคลุม TDW ปลูกฝังความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ดำเนินการท่อที่ทนทานตลอดอายุของท่อ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tdwilliamson.com.

เกี่ยวกับ SCF Partners

SCF ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 โดยให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและการเติบโตเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างและขยายบริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงาน อุปกรณ์ และเทคโนโลยีชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วโลก SCF ลงทุนในบริษัทแพลตฟอร์มมากกว่า 70 แห่ง และเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีกกว่า 400 แห่ง เพื่อพัฒนาบริษัทให้บริการด้านพลังงานและอุปกรณ์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 18 แห่งตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส และมีสำนักงานในคาลการี สิงคโปร์ อเบอร์ดีน และออสเตรเลีย เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.scfpartners.com.

ที่ปรึกษา

Raymond James & Associates, Inc. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ TDW Vinson & Elkins LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษให้กับ SCF Crowe & Dunlevy, Baker Botts LLP และ Allen & Overy LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษให้กับ TDW

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220705005064/en/

ติดต่อ:

Stanna Brazeel

Stanna.Brazeel@tdwilliamson.com

918-625-3912

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ShawKwei & Partners เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group ด้วยมูลค่า 101 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2564

ShawKwei & Partners บริษัทกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดแห่งเอเชีย (“ShawKwei”) ประกาศการเข้าซื้อกิจการ CR Asia Pte Ltd (สิงคโปร์) มูลค่า 101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทในเครือทั้งหมด ซึ่งรู้จักกันในชื่อ CR Asia Group ด้วยประวัติการดำเนินงาน 30 ปี CR Asia Group เป็นธุรกิจโซลูชั่นด้านวิศวกรรมพลังงานชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย โดยให้บริการลูกค้าระดับโลก อย่างเช่น Shell, Reliance และ Neste โดย ShawKwei เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group จาก Joh Mourik & Co. Holding B.V. แห่งเนเธอร์แลนด์, Arabian Pipeline & Services Co. Ltd. (Anabeeb) แห่งซาอุดีอาระเบีย และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยรายอื่น ๆ

CR Asia Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 ในสิงคโปร์ ปัจจุบันให้บริการลูกค้าใน 18 ประเทศในเอเชียจากฐานที่ตั้งถาวรในสิงคโปร์ ไทย อินเดีย และมาเลเซีย ลูกค้าเหล่านี้เป็นเจ้าของโรงงานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการแปรรูปพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตพลาสติก สิ่งทอ เครื่องสำอาง อิเล็กทรอนิกส์ สี และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ CR Asia Group เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการชาร์จและการปลดปล่อยตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญต่อภารกิจ ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์หลักที่ใช้ในการกลั่นพลังงาน สารเคมีและปุ๋ย และโรงงานแปรรูปอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ CR Asia Group ยังให้บริการอื่น ๆ รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และโรงงาน บริการกระบวนการดำเนินงานและการเดินท่อ การหยุดทำงานและการซ่อมบำรุง ตลอดจนบริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้าง (EPC)

Kyle Shaw ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ ShawKwei กล่าวว่า “CR Asia Group มีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศในการแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมพลังงานทั่วทั้งเอเชีย และอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนที่ต่ำกว่า CR Asia Group ได้รับการสนับสนุนจากพนักงานที่ซื่อสัตย์ ความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว และเครือข่ายพันธมิตรด้านเทคนิคที่กว้างขวาง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับทีมงาน CR Asia Group ทั้งหมด และลงทุนในโครงการริเริ่มด้านเทคโนโลยีระดับองค์กร การดำเนินงาน และระบบอัตโนมัติ เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงคาร์บอนที่ต่ำกว่า”

Mark Stansfield กรรมการผู้จัดการของ CR Asia Group กล่าวว่า “ทีมผู้บริหารของเรายินดีต้อนรับ ShawKwei ตามที่เราช่วยเหลือลูกค้าของเราในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะที่ยังคงรักษาความมั่นคงของพลังงาน อาหาร และห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของ CR Asia Group ในปี 2564 เราสะท้อนกลับด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จที่ผ่านมาของเรา และเราตั้งตารอด้วยความมั่นใจในการมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับลูกค้าของเรา”

เกี่ยวกับ ShawKwei & Partners

ShawKwei & Partners เป็นผู้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาด ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ และซานฟรานซิสโก ShawKwei & Partners ลงทุนในบริษัทการผลิต อุตสาหกรรม และบริการที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีรายได้ระหว่าง 50-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการลงทุน ShawKwei & Partners จะปรับปรุงธุรกิจโดยการร่วมมือกับผู้บริหารเพื่อระบุและตระหนักถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ยั่งยืนในการเติบโตของยอดขาย การขยายอัตรากำไรขั้นต้น และประสิทธิภาพของเงินทุน

Kyle Shaw ก่อตั้ง ShawKwei & Partners ในปี 2541 หลังจากก่อนหน้านี้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดในเอเชียสำหรับ Tudor Investment Group และ Security Pacific National Bank การลงทุนในอดีต รวมถึง YongLe Tape ผู้ผลิตเทปกาวชั้นนำของจีน Beyonics ผู้ผลิตโลหะ พลาสติก และอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำสำหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ยานยนต์ และเทคโนโลยีที่ดำเนินงานทั่วเอเชีย Flex Holdings (เดิมชื่อ Flextronics) ผู้รับจ้างผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และ Schmid Group นักออกแบบและผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับลูกค้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ลิเธียมในเยอรมนี

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211107005104/en/

ติดต่อ:

Mark Stansfield, Group Managing Director at CR Asia Group
T: +66-2-653-3913-5
E: mstansfield@crasia.net
Visit: www.crasia.net

Shirley Li, Communications Manager at ShawKwei & Partners
T: +852 3162 8479 / +86 138 1789 4699
E: shirley@shawkwei.com
Visit: www.shawkwei.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

STACK Infrastructure และ IPI Partners ประกาศขยายธุรกิจทั่วโลกสู่เอเชียแปซิฟิก

Logo

Preet Gona เข้าร่วม STACK ในตำแหน่ง CEO ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เดนเวอร์  ชิคาโก  และ สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 ต.ค. 2564

STACK Infrastructure (“STACK”) ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้กับบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกหลายแห่ง ประกาศในวันนี้ว่าได้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในสิงคโปร์

STACK ได้รับการสนับสนุนโดย IPI Partners (“IPI”) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนระดับโลกที่มีภาระผูกพันด้านทุนรวมแล้วมากกว่า 5.25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเชี่ยวชาญในการจัดหา พัฒนา เช่าซื้อ และดำเนินการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทที่มีเทคโนโลยีขนาดใหญ่และที่มีคุณภาพสูง ทั่วโลก

STACK ตั้งเป้าหมายในขั้นต้นที่โตเกียวและโอซาก้า โดยมีแผนจะเข้าสู่สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และตลาดอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิกในเวลาต่อมาอีกไม่นาน ผ่านการรวมการเข้าซื้อกิจการและการพัฒนาอย่างละมุนละม่อมร่วมกับเจ้าของที่ดินและแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขยายนี้ IPI และ STACK มีความยินดีที่จะประกาศว่า Pithambar (Preet) Gona ได้เข้าร่วม STACK ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเป็นผู้นำในการดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทในภูมิภาค ก่อนหน้านี้ Gona ดำรงตำแหน่งประธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bridge Data Centres ซึ่งควบรวมกิจการกับ ChinData Holdings โดยก่อนหน้าที่จะทำงานที่ Bridge Data Centers คุณ Gona เคยเป็นกรรมการผู้จัดการของ Blackstone ซึ่งเขารับผิดชอบการดำเนินงานด้านไพรเวทอิควิตี้ของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Tom Duncan เพิ่งเข้าร่วม STACK เอเชียแปซิฟิกและจะเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจ ขยายรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของ STACK กับเจ้าของที่ดินและแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในภูมิภาค ก่อนหน้านี้คุณ Duncan เคยเป็นกรรมการบริหารของ CBRE ซึ่งเขาได้ใช้โซลูชันเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลในเอเชียแปซิฟิก พัฒนาความเชี่ยวชาญในการเลือกไซต์และความสัมพันธ์กับลูกค้าตลอดระยะเวลา 13 ปีของเขา

ทีมผู้บริหารจะประจำอยู่ที่สิงคโปร์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาในท้องถิ่นซึ่งได้รับการว่าจ้างในตลาดเป้าหมายหลักอยู่แล้ว

Brian Cox ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STACK กล่าวว่า “การเปิดตัว STACK Asia Pacific ถือเป็นก้าวที่น่าตื่นเต้นในการพัฒนาบริษัทของเรา “เรามุ่งมั่นที่จะสร้างตลาดต่างประเทศที่เป็นกลยุทธ์สำหรับลูกค้าของเรา และการขยายสู่เอเชียแปซิฟิกเป็นขั้นตอนต่อไปสำหรับการนำเสนอโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่ยืดหยุ่น ซึ่งตอบสนองและสนับสนุนความต้องการที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรายินดีที่จะต้อนรับ Preet ซึ่งเป็นผู้นำที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในอุตสาหกรรมนี้ มาสู่ทีมของเรา และหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการลงทุน การพัฒนา และความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานในท้องถิ่นของเขา”

“STACK ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับลูกค้าระดับไฮเปอร์สเกลและองค์กรผ่านโซลูชั่นทางเทคนิคที่เป็นนวัตกรรมและโมเดลเชิงพาณิชย์ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ STACK ในอเมริกาเหนือ ซึ่งเราหวังว่าจะทำซ้ำได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” นาย Gona กล่าว “เป้าหมายของเราคือการสร้างทีมระดับโลกโดยการเป็นนายจ้างที่ได้รับเลือกในอุตสาหกรรมและช่วยเหลือลูกค้าของเราในการนำทางการพัฒนาที่ไม่เหมือนใครและความท้าทายในการดำเนินงานในภูมิภาคนี้”

Matt A'Hearn หุ้นส่วนของ IPI กล่าวว่า “เรามีโอกาสที่ดีในการสร้างความสำเร็จของ STACK ต่อไปด้วยการขยายนี้ และเรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มชั้นนำของอุตสาหกรรมของ STACK พร้อมด้วยความเป็นผู้นำและประสบการณ์ของ Preet ในภูมิภาคนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว IPI มุ่งมั่นที่จะลงทุนในเอเชียแปซิฟิกและเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าสำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก”

เกี่ยวกับ STACK INFRASTRUCTURE

STACK ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อขยายบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกหลายแห่ง ด้วยแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก บริษัทจึงนำเสนอชุดโซลูชั่นแบบบิลด์ทูสูท โคโลเคชั่น และพาวเวอร์เชลล์แบบครบวงจรสำหรับการขายส่งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเอเชียแปซิฟิก ด้วยความสามารถในการขยายตัวที่มีอยู่อย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่นในโซนความพร้อมใช้งานชั้นนำ ทำให้ STACK สามารถนำเสนอการขยายขนาดและการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์แบบที่บริษัทระดับองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็วต้องการ โลกสามารถขับเคลื่อนได้บนฐานข้อมูล และฐานข้อมูลก็ถูกขับเคลื่อนบน STACK

เกี่ยวกับ IPI PARTNERS

IPI Partners เชี่ยวชาญในการจัดหา พัฒนา เช่าซื้อ และดำเนินการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และที่มีคุณภาพสูงทั่วโลก ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา IPI ได้สร้างหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอของศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกลและองค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสถานประกอบการในสหรัฐอเมริกา (แปดจาก 10 อันดับแรกของตลาด) แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และ อิตาลีด้วยความสามารถในการรองรับความจุไอทีมากกว่า 1.3 กิกะวัตต์ IPI Partners ได้ระดมทุนมากกว่า 5.25 พันล้านดอลลาร์ในภาระผูกพันด้านเงินทุนจากการลงทุนแบบปิดสองรูปแบบ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211013005341/en/

ติดต่อ:

STACK Infrastructure
Sammer Khalaf
press@stackinfra.com

IPI
Alyssa Lorenzo/Tim Amoui/Michelle van Wyk
Sard Verbinnen & Co.
+1 310.201.2040
IPI-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย