Tag Archives: market

บริษัท H.I.G. Capital ปิดตัวด้วยสถิติ 5.5 พันล้านดอลลาร์ในกองทุน H.I.G. Middle Market LBO Fund IV

Logo

ไมอามี–(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2023

H.I.G. Capital (หรือ H.I.G.) ซึ่งเป็นริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกชั้นนำระดับโลกด้วยทุน 58 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้การจัดการของบริษัท ยินดีในการประกาศปิดกองทุน H.I.G. Middle Market LBO Fund IV (“กองทุน”) กองทุนปิดด้วยจำนวนเงินสูงสุดที่เรียกเก็บจากผู้ถือหุ้นในการลงทุนทั้งหมดจำนวน 5.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากเงินลงทุนร่วมของบัญชีผู้ถือหุ้นแยกจำนวน 450 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมเป็นอย่างมาก

กองทุนจะสร้างจากประวัติผลการดำเนินการที่ยาวนานของทีมด้วยเริ่มจากการลงทุนในตราสารหุ้นที่มีการควบคุมในสถานการณ์อันซับซ้อนในบริษัทที่อยู่ในกลุ่มตลาดขนาดกลางซึ่งมีลักษณะความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่ไม่สมดุล และมีการเสนอคุณค่าของบริษัทที่แตกต่าง

Sami Mnaymneh และ Tony Tamer ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารร่วมแห่ง H.I.G กล่าวว่า “เรายินดีอย่างยิ่งกับการสนับสนุนจากนักลุงทุนที่มีมาตลอดซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถภาพอันแข็งแกร่งของ ทีมตลาดระดับกลางของ H.I.G. และวิธีการลงทุนอันแตกต่าง เรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มอันเป็นเอกลักษณ์ของเราจะทำให้เราโดดเด่นในพื้นที่นี้ได้ต่อไป”

Keval Patel, หัวหน้าทีมตลาดระดับกลางของ H.I.G. กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สร้างกลยุทธ์ในตลาดระดับกลางที่ประสบความสำเร็จของ H.I.G. สำหรับกองทุนนี้ ด้วยขนาดและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติการที่อุทิศให้กับตลาดระดับกลางนี้ มันได้สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญให้กับเรามาตลอดและทำให้เราผลักดันผลตอบแทนอันสำคัญให้แก่นักลงทุนต่างๆ ไม่ว่าสภาพแวดล้อมด้านภาพรวมทางเศรษฐกิจจะเป็นแบบใดก็ตาม”

Jordan Peer Griffin กรรมการผู้จัดการระดับสูงและหัวหน้าการลงทุนระดับโลก กล่าวเสริมว่า “การสนับสนุนอันทรงพลังของเหล่าห้างหุ้นส่วนจำกัดของเรานำไปสู่การระดมทุนที่สำเร็จซึ่งมีผู้สมัครเข้าร่วมอันล้นหลามซึ่งมีความหมายมากในสภาพแวดล้อมการระดมทุนที่ยากลำบากเช่นนี้ มันเป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนให้เห็นถึงความมั่นใจอย่างสูงของนักลงทุนต่อ H.I.G. กลยุทธ์การลงทุนของเรา และความสามารถในการเป็นแหล่งที่ดึงดูดการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น”

กองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจากฐานนักลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนมาเป็นเวลานานของ H.I.G. และยังยินดีเปิดรับนักลงทุนใหม่จากทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ห้างหุ้นส่วนจำกัดของกองทุนเป็นกลุ่มของนักลงทุนสถาบันที่หลากหลายและมีชื่อเสียง ซึ่งประกอบด้วย มูลนิธิ กองทุนการกุศล กองทุนบำนาญของรัฐและเอกชน ที่ปรึกษา กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และสำนักงานครอบครัว

เกี่ยวกับ H.I.G. Capital

บริษัท H.I.G. Capital เป็นบริษัทการลงทุนทางเลือกชั้นนำระดับโลกซึ่งมีเงินทุน 58 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การจัดการ* มีที่ตั้งหลักอยู่ที่ไมอามีและมีสำนักงานต่างๆ อยู่ใน นิวยอร์ก บอสตัน ชิคาโก ดัลลัส ลอสแองเจลลิส ซานฟรานซิสโก และแอตแลนตา ในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งยังมีสำนักงานในเครืออยู่ในลอนดอน แฮมเบิร์ก แมดริด มิลาน ปารีส โบโกตา รีโอเดจาเนโร และเซาเปาโล H.I.G. เชี่ยวชาญในด้านตลาดตราสารหนี้และตลาดทุนในบริษัทตลาดระดับกลางโดยใช้วิธีการปฏิบัติการที่มุ่งเน้น/เพิ่มมูลค่าและมีความยืดหยุ่น

  1. กองทุนรวมตราสารทุนของ H.I.G. ลงทุนในการซื้อกิจการผู้บริหาร การปรับโครงสร้างการเงิน และการแยกออกจากโครงสร้างธุรกิจเดิมของธุรกิจที่ทั้งมีผลกำไรและธุรกิจบริการและอุตสาหกรรมการผลิตที่ผลดำเนินการต่ำกว่าเกณฑ์
  2. กองทุนรวมตราสารหนี้ของ H.I.G. ลงทุนในแหล่งเงินทุนจากหนี้ไม่ด้อยสิทธิ หนี้ตามหน่วยลงทุน และหนี้ด้อยสิทธิให้กับบริษัทในทุกๆ ขนาด ทั้งในตลาดแรก (โดยตรง) และตลาดรอง H.I.G. ยังจัดการการซื้อขายสาธารณะของ BDC, WhiteHorse Finance อีกด้วย
  3. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ H.I.G. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเพิ่มมูลค่าซึ่งได้ประโยชน์จากการวางแผนการจัดการทรัพย์สินที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น
  4. โครงสร้างพื้นฐานของ H.I.G. มุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่มและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดระดับ core plus ในภาคส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

เริ่มตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทในปี 1993 นั้น H.I.G ได้มีการลงทุนและจัดการมากกว่า 400 บริษัททั่วโลก พอร์ตโฟลิโอของบริษัทในปัจจุบันมีมากกว่า 100 บริษัทซึ่งมียอดขายรวมกันเกินกว่า 52 พันล้านดอลลาร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์ของ H.I.G. ที่ www.higcapital.com

*จากทุนระดมทั้งหมดโดย H.I.G. Capital และบริษัทในเครือ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Jordan Peer Griffin
กรรมการผู้บริหารระดับสูง
jpeer@higcapital.com

Keval Patel,
กรรมการผู้จัดการ
หัวหน้า H.I.G. ตลาดระดับกลาง
kpatel@higcapital.com

ที่มา: H.I.G. Capital

Leena AI ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้แทนจำหน่ายใน Gartner Market Guide สำหรับโซลูชั่นการจัดการบริการทรัพยากรบุคคลแบบบูรณาการ

Logo

โดยได้รับการยกย่องเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน

นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–15 ธ.ค. 2564

Leena AI บริษัทที่ปฏิวัติประสบการณ์พนักงานระดับองค์กร ประกาศว่าได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนผู้จำหน่ายในปี 2564 สำหรับ Gartner's Market Guide for Integrated HR Service Management Solutions1 เป็นปีที่สองติดต่อกัน

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับในรายงานของ Gartner ในการช่วยให้ธุรกิจปรับปรุงขั้นตอนการทำงานของพนักงาน นวัตกรรมที่นำโดย AI ของเราทำให้กระบวนการ HR เป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่พนักงานในพื้นที่การทำงานต่างๆ  การรวม Leena AI ในคู่มือการตลาดช่วยยืนยันตำแหน่งของเราในระดับแนวหน้าของระบบนิเวศเทคโนโลยี HR” Adit Jain ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Leena AI กล่าว

Gartner กล่าวว่า “โซลูชันการจัดการบริการ HR แบบบูรณาการ (IHRSM) มีความสามารถในการจัดการเวิร์กโฟลว์แบบ end-to-end สำหรับการเปลี่ยนแปลงการทำงานและชีวิต  นอกจากนี้ ภายในปี 2567 70% ขององค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 2,500 คนจะลงทุนในโซลูชัน IHRSM”

1 Gartner, “20021 Market Guide for Integrated HR Service Management Solutions,” Ranadip Chandra, Ron Hanscome, Helen Poitevin, 29 พฤศจิกายน 2564

เข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Leena AI แลรายงานได้ที่ https://leena.ai/gartner-market-guide-hr-service-management

ข้อจำกัดความรับผิดชอบของ Gartner:

Gartner ไม่รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่ปรากฎในเอกสารการวิจัยของเรา และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้ขายที่มีคะแนนสูงสุดหรือการยกย่องอื่นๆ  สิ่งพิมพ์งานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรและไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง  Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยในส่วนที่เกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Leena AI

Leena AI เป็นแพลตฟอร์ม AI แบบสนทนาอัตโนมัติที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ มอบบริการด้านทรัพยากรบุคคลได้ดียิ่งขึ้น  ด้วย Leena AI บริษัทต่างๆ สามารถขจัดงานยุ่งเหยิงของพนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล เช่น การตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบาย การจัดการความรู้ การสร้างเอกสารพนักงานตามต้องการ และการจัดการตั๋วพนักงานเพื่อให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมที่มีมูลค่าสูงได้

Leena AI ทำงานได้ดีกับแพลตฟอร์มมากกว่า 100 แห่ง รวมถึง SAP SuccessFactors, ADP, Oracle, Workday และ Microsoft Office 365 และลูกค้ากว่า 200 ราย รวมถึงบริษัทต่างๆ เช่น Nestle, Puma, AirAsia, Coca-cola, Lafarge Holcim และ Abbott ด้วยจำนวนพนักงานทั่วโลกนับล้านที่พึ่งพาแพลตฟอร์ม  Leena AI ก่อตั้งขึ้นในปี 2561

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม https://leena.ai

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211215005558/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ
Divya Nagpal
Manager – ฝ่ายสื่อสารองค์กร, Leena AI
divya@leena.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

International Content Market SPP 2021 จะจัดขึ้นทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 30 กรกฎาคม

Logo

– ตลาดคอนเทนต์ B2B ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 30 กรกฎาคม

– แนะนำ ‘SPP connect’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจับคู่ธุรกิจใหม่ที่มีฟังก์ชันการแนะนำระบบ AI และโซลูชันของการประชุมทางวิดีโอ

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–12 กรกฎาคม 2564

Seoul Business Agency (SBA, ซีอีโอ Jang Young-seung) เป็นองค์กรที่สนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมคอนเทนต์เชิงวัฒนธรรมของกรุงโซล ได้ประกาศว่าบริษัทจะจัดตลาดคอนเทนต์ ‘SPP 2021’ ทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 30 กรกฎาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210708005402/en/

The international content market SPP 2021 (<a href=www.spp.kr/) hosted by Seoul Business Agency is held online from July 12 to 30. SPP (Seoul Promotion Plan) is the largest B2B market where various content-related businesses are made. In SPP 2021, SPP connect, a new business matching platform will be introduced for the first time and various B2B programs such as online biz-matching, pitching, showcase, and promotional events will take place. The Asia Animation Alliance will strengthen the content business network between Asian countries through showcases of new animations from Korea, China, Japan, India, and ASEAN countries and briefing sessions to share animation market trends in each country. (Graphic: Business Wire)” src=”https://mms.businesswire.com/media/20210708005402/en/890185/4/image_spp.jpg” />

The international content market SPP 2021 (https://www.spp.kr/) จัดงานโดย Seoul Business Agency จะมีขึ้นทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 30 กรกฎาคม ซึ่ง SPP (Seoul Promotion Plan) เป็นตลาด B2B ที่ใหญ่ที่สุดที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ต่างๆ ในงาน SPP 2021 แพลตฟอร์มการจับคู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ชื่อว่า SPP connect จะเปิดตัวเป็นครั้งแรก และโปรแกรม B2B ที่หลากหลาย เช่น การจับคู่ธุรกิจออนไลน์ การเสนอขาย การจัดแสดง และกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดย Asia Animation Alliance จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายธุรกิจคอนเทนต์ระหว่างประเทศในเอเชียผ่านการจัดแสดงแอนิเมชันใหม่ๆ จากเกาหลี จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และกลุ่มประเทศอาเซียน และช่วงบรรยายสรุปเพื่อแบ่งปันแนวโน้มตลาดแอนิเมชันในแต่ละประเทศ (กราฟิก: Business Wire)

'SPP (Seoul Promotion Plan)' การตลาดที่เชี่ยวชาญด้านแอนิเมชัน ตัวละคร เว็บตูน และคอนเทนต์เกม เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น การซื้อลิขสิทธิ์ การร่วมผลิต และสิ่งจูงใจในการลงทุน ปีที่แล้วมีบริษัทเข้าร่วม 619 แห่ง รวมถึงบริษัทระดับโลกอย่างเช่น Disney และ Tencent และการจับคู่ธุรกิจ 4,092 เรื่อง โดยเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะจัดขึ้นทางออนไลน์เนื่องจากการระบาดของโควิด-19

ความสำเร็จของ 'SPP' นี้ คือประสิทธิภาพที่โดดเด่นของแพลตฟอร์มออนไลน์ การแนะนำระบบออนไลน์ก่อนล่วงหน้าในปี 2560  โดย SPP ได้มอบโอกาสในการจับคู่ธุรกิจคุณภาพสูงแก่บริษัททำคอนเทนต์ในประเทศด้วยฟังก์ชันการตั้งเวลาล่วงหน้าที่ช่วยให้สามารถจัดการประชุมและฟังก์ชันการคัดกรองออนไลน์ที่อนุญาตให้รับชมวิดีโอคอนเทนต์ล่วงหน้าได้อีกด้วย

SPP connect ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ในปีนี้ ได้ปรับปรุงความสะดวกสบายของผู้ใช้ด้วยการใช้ฟังก์ชันหลักที่จำเป็นสำหรับธุรกิจแบบทิ้งระยะห่าง เช่น โซลูชันการแนะนำอ้างอิงระบบ AI และโซลูชันการประชุมทางวิดีโอนอกเหนือจากการตั้งเวลาล่วงหน้าและการคัดกรองออนไลน์

ในงาน SPP 2021 จะเป็นการแนะนำให้รู้จัก SPP connect เป็นครั้งแรก โปรแกรม B2B ที่หลากหลายอย่างเช่น การจับคู่ธุรกิจออนไลน์ การเสนอขาย การจัดแสดง และกิจกรรมส่งเสริมการขาย ที่จะเกิดขึ้นนี้

Asia Animation Alliance จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายธุรกิจคอนเทนต์ระหว่างประเทศในเอเชียผ่านการจัดแสดงแอนิเมชันใหม่ๆ จากเกาหลี จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และกลุ่มประเทศอาเซียน และช่วงบรรยายสรุปเพื่อแบ่งปันแนวโน้มตลาดแอนิเมชันในแต่ละประเทศ ในช่วงการบรรยายสรุปตลาดที่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย เช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ประเทศไทย สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เข้าร่วม คุณสามารถตรวจสอบสถานะปัจจุบันและวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมแอนิเมชันในประเทศต่างๆ ในเอเชียได้

นอกจากนี้ในงาน Global Ignite ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายที่นำโดยองค์กร ช่วงที่เป็นประโยชน์ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการผลิต การตลาด เทคโนโลยี และการลงทุนในด้านคอนเทนต์รวมถึงแอนิเมชัน ช่วงเหล่านี้รวมถึงสตูดิโอแอนิเมชันของหนุ่มชาวเกาหลีที่กำลังแพร่หลายขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วงการบรรยายสรุปโดยสตูดิโอที่เชี่ยวชาญด้านแอนิเมชัน และช่วงแนะนำนโยบายแอนิเมชันและสถานะกองทุนในแคนาดา

“SPP connect ที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะกลายเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถมีบทบาทสำคัญในการส่งออกคอนเทนต์ในประเทศท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ” Park Bo-kyung หัวหน้า SBA Seoul Animation Center กล่าว “ในงาน SPP 2021 เราวางแผนที่จะให้การสนับสนุนบริษัทในประเทศเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญโดยนำเสนอโครงการของพวกเขาไปยังผู้ซื้อชั้นนำในต่างประเทศ”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน SPP 2021 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-30 กรกฎาคม สามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ SPP connect (www.spp.kr)

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210708005402/en/

ติดต่อ:

Seoul Business Agency (SBA)
Yujin Park
+82-2-3455-8365
yjpark@sba.seoul.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LiveArt Market เปิดการซื้อขายแล้ว

Logo

ตลาดสินค้าดิจิทัลแบบ Peer-to-Peer ทำยอดขายได้สูงถึง 5 ล้านดอลลาร์ในช่วงวันแรกของการเปิดตัวซื้อขายแบบจำกัด ซึ่งประกอบไปด้วยราคาตัวเลข 6 หลักจากผลงานของ Amoako Boafo และ Ed Clark

งานศิลปะ 1,000 ชิ้น มูลค่า 120 ล้านดอลลาร์อยู่ระหว่างรอการขาย

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2564

LiveArt มีความยินดีที่จะประกาศเปิดตัว LiveArt Market ซึ่งเป็นตลาดสินค้าดิจิทัลแบบ peer-to-peer ที่ให้การควบคุมอยู่ในมือของผู้ขายและผู้ซื้อ LiveArt Market เริ่มซื้อขายแบบจำกัดเฉพาะผู้ได้รับเชิญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมียอดขายทะลุ 5 ล้านดอลลาร์ โดยมีผลงานศิลปะมากกว่า 1,000 ชิ้นมูลค่าประมาณ 120 ล้านดอลลาร์ที่อยู่ในขั้นตอนเพื่อเตรียมขาย ราคาการซื้อขายอยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 500,000 ดอลลาร์ โดยผลงานของ Amoako Boafo และ Ed Clark มีราคารวมด้วยตัวเลข 6 หลัก ข้อเสนอการซื้อขายช่วงแรก ประกอบด้วยผลงานของ Derrick Adams, Jean-Michel Basquiat, Yayoi Kusama, Pablo Picasso และ Andy Warhol เป็นต้น

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005925/en/

Yayoi Kusama, Little Flower, 1952, Gouache, pastel, ink, pen on paper, 11.5 x 8.5 in (Photo: Business Wire)

Yayoi Kusama, Little Flower, 1952, กระดาษวาดด้วยสีน้ำ ดินสอสี หมึกและปากกา ขนาด 11.5 x 8.5 (รูปภาพ: Business Wire)

LiveArt ให้นักสะสมควบคุมตลาดเองโดยมอบปลายทางข้อมูลเรียลไทม์แบบหนึ่งเดียวและตลาดซื้อขายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการทำธุรกรรมส่วนตัวให้แก่ผู้เข้าร่วม ผู้เข้าร่วม LiveArt Market ทุกคนจะถูกคัดกรองอย่างละเอียด ดังนั้นทุกคนจะสามารถทำธุรกรรมได้โดยไม่เปิดเผยตัวตนในห้องซื้อขายเสมือนจริง นอกจากนี้ ผู้ขายยังสามารถควบคุมการมองเห็นผลงานศิลปะของพวกเขา รวมถึงแชร์รายละเอียดและรูปภาพจริงได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาพอใจในตัวผู้ซื้อเท่านั้น โดยระบุข้อกังวล 2 ข้อหลักที่ผู้เข้าร่วมตลาดมักยกมา

Marisa Kayyem ประธานฝ่ายเนื้อหาและข้อมูล แห่ง LiveArt กล่าวว่า “ความเป็นส่วนตัวเป็นจุดเด่นของ LiveArt ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามการขายหรือการซื้อที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ต้องเสี่ยงที่จะเปิดเผยชิ้นงานหรือเปิดเผยกลยุทธ์การสะสม ในเวลาเดียวกัน LiveArt ก็ให้ความโปร่งใสในกระบวนการขายมากกว่าแพลตฟอร์มหรือช่องทางอื่น ๆ ทั้งผู้ขายรายเดียวและผู้ซื้อรายเดียวและค่าธรรมเนียมที่ตรงไปตรงมาและไม่สูงมาก ส่วนห้องซื้อขายเสมือนจริงก็ช่วยให้ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อสามารถควบคุมผลลัพธ์และราคาได้ทั้งหมด”

ผู้ขายสามารถอัปโหลดผลงานศิลปะจากคอลเล็กชันของตนเองไปยังแพลตฟอร์มข้อมูลที่ครอบคลุมซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ของ LiveArt และรับ LiveArt Estimate™ ทันที ดูแนวโน้มราคาและยอดขายเปรียบเทียบ  และตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเกี่ยวกับการขายที่อาจเกิดขึ้น

ผู้ซื้อสามารถดูผลงานโดยการเปิด LiveArt Market และดูผลงานที่แสดงต่อสาธารณะ รวมถึงผลงานที่แสดงรายการแบบส่วนตัว โดยจะแสดงผลงานเปรียบเทียบและจะแบ่งปันรายละเอียดเมื่อผู้ขายอนุมัติเท่านั้น เมื่อตัดสินใจดำเนินการขายต่อไปแล้ว ชิ้นงานจะถูกส่งไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยในรัฐเดลาแวร์เพื่อตรวจสอบก่อนที่การขายจะเสร็จสิ้น เงินจะถูกเก็บไว้ในระบบเอสโครว์ก่อนที่จะโอนให้กับผู้ขาย และจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่ 10% จากผู้ซื้อที่ซื้อขายสำเร็จ

George O’Dell รองประธานบริหาร แห่ง LiveArt กล่าวว่า “LiveArt ยกระดับการเข้าถึงและการค้นหาจากเดิมที่มีให้เฉพาะผู้เข้าร่วมตลาดที่ช่ำชองที่สุดเท่านั้น แพลตฟอร์มนี้เป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักสะสมที่จะได้สัมผัสโดยตรงและตามหาขุมทรัพย์มูลค่าสูงและไม่ปรากฏที่ไหน ได้สังเกตการณ์เทรนด์ล่าสุด และได้พบกับศิลปินที่มักจะสงวนไว้สำหรับกลุ่มคนวงในเล็ก ๆ เท่านั้น ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นักสะสมทั่วโลกจะได้สัมผัสผลงานอันน่าตื่นเต้นและเหมาะกับทุกรสนิยม”

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210616005925/en/

ติดต่อ:

Tommy Napier
tommy.napier@finnpartners.com
212-715-1694

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายงานการแบ่งส่วนของตลาดของ Best หรือ Best’s Market Segment Report พบว่าบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทยมีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์รุนแรง แต่ความท้าทายก็ยังคงมีอยู่

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–20 พ.ค. 2564

แม้จะมีการหดตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทยซึ่งเป็นผลมาจาก COVID-19 ในปี 2563  แต่ตลาดประกันวินาศภัยของประเทศก็ยังคงสามารถขยายตัวได้ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในกลุ่มสุขภาพ ข้อมูลจากรายงานฉบับใหม่ของ AM Best

ด้วยผลกระทบเชิงลบของการระบาดต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยทำให้ GDP ที่แท้จริงของประเทศหดตัวลง 6.1% ในปี 2564ในขณะที่ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยลง 75 คะแนนทำให้ไปสู่ระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 0.5% ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในรายงาน Market Segment Report ของ Best ฉบับใหม่“ ตลาดประกันวินาศภัยของประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น แต่อย่างไรเสีย ความท้าทายก็ยังคงอยู่” AM Best ระบุว่า บริษัทประกันวินาศภัยที่อยู่ในประเทศมีกำไรจากการจัดจำหน่ายโดยรวม 12,500 ล้านบาท (0.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณหกเท่าเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเบี้ยประกัน พร้อมกับค่าใช้จ่ายและการเคลมที่ลดลง ตลาดประกันวินาศภัยขยายตัว 3.5% เป็น 253,000 ล้านบาท (8.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในรูปของเบี้ยประกันภัยรับตรง หรือ direct premium written (DPW)

การประกันสุขภาพซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัว 44% ในปี 2563 โดยความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มความตระหนักด้านสุขภาพเนื่องมาจากการระบาดของโรค ประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นสายธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดและมีสัดส่วนมากกว่า 55% ของ DPW ทั้งหมด เติบโตขึ้น 1.4% ทั้งนี้ AM Best ตั้งข้อสังเกตว่าการลดลงของยอดขายรถยนต์และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงในปี 2563 ไม่ได้แปลว่าจะมีการลดลงของเบี้ยประกันภัยรถยนต์ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นได้รับการชดเชยด้วยอัตราที่แข็งค่าขึ้นในบางส่วน

มาตรการกักกัน COVID-19 ที่รัฐบาลกำหนดได้กระตุ้นให้เกิดการปรับตัวสู่ดิจิทัลและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมประกันภัยของประเทศไทย ในฐานะบริษัทที่มีส่วนแบ่งในตลาดประกันวินาศภัยที่มีการแข่งขันสูงและกำลังพัฒนาในประเทศ แม้ความต้องการประกันการเดินทางจะลดลงซึ่งโดยปกติจะขายทางออนไลน์ แต่การขายประกันผ่านช่องทางออนไลน์ก็เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2563 เนื่องจากบริษัทประกันพยายามที่จะปรับปรุงแพลตฟอร์มดิจิทัลและเครื่องมือเพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

AM Best คาดว่า บริษัทประกันจะให้ความสำคัญกับนวัตกรรมมากขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัยสามารถช่วยยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน การกระจายสินค้า รวมทั้งเสริมสร้างความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการกำหนดราคา AM Best คาดว่าการเติบโตในส่วนงานประกันวินาศภัยของประเทศไทยจะดำเนินต่อไปโดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ GDP ในปี 2564 ที่เป็นบวก 2.6% อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะใกล้ถึงระยะกลางยังคงไม่แน่นอนโดยมีความท้าทายที่น่าจะเกิดจากการจัดการการระบาดที่กำลังดำเนินอยู่และความสามารถของประเทศไทยในการเปิดภาคการท่องเที่ยวอีกครั้ง

หากต้องการเข้าถึงสำเนาฉบับเต็มของรายงานการแบ่งส่วนตลาดฉบับนี้ โปรดไปที่ http://www3.ambest.com/bestweek/purchase.asp?record_code=308773

AM Best เป็นหน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกผู้เผยแพร่ข่าวและผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประกันภัย บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศโดยมีสำนักงานประจำภูมิภาคในลอนดอน อัมสเตอร์ดัม ดูไบฮ่องกง สิงคโปร์ และเม็กซิโกซิตี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ambest.com

ลิขสิทธิ์© 2021 ของ A.M. Best Rating Services, Inc. และ / หรือ บริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210519005767/en/

ติดต่อ:

Susan Tan

นักวิเคราะห์การเงิน

+65 6303 5023

susan.tan@ambest.com

Christopher Sharkey

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์

+1 908 439 2200, ext. 5159

christopher.sharkey@ambest.com

Yuan Tian

นักวิเคราะห์การเงินอาวุโส

+65 6303 5016

yuan.tian@ambest.com

Jim Peavy

ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร

+1 908 439 2200, ext. 5644

james.peavy@ambest.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย