Tag Archives: edge

GIGABYTE จุดประกายวิสัยทัศน์ AI และ 5G ในงาน MWC 2024 เน้นซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Edge AI และการอัพเกรดด้านไอทีที่ยั่งยืน

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–26 กุมภาพันธ์ 2024

GIGABYTE Technology ผู้บุกเบิกด้านไอทีที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านคลาวด์ และระบบประมวลผล AI นําเสนอโซลูชันการประมวลผลระดับองค์กรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในงาน MWC 2024 โดยมีเซิร์ฟเวอร์ที่บุกเบิก โซลูชั่นการประมวลผลเพื่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี edge AI ภายใต้ธีม “อนาคตของการประมวลผล”ความก้าวหน้าเหล่านี้นํามาซึ่งความเป็นไปได้ใหม่ๆ สําหรับกลยุทธ์ด้านไอทีที่คล่องตัวและยั่งยืน ช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถควบคุมข้อมูลอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ผ่านศูนย์ข้อมูล คลาวด์ เอดจ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกันหลายมิติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าคุ้มทุน และความได้เปรียบในการแข่งขันเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนโดยการทํางานร่วมกันของเทคโนโลยี 5G และ AI

GIGABYTE Ignites AI and 5G Visions at MWC 2024, Highlighting New Supercomputers, Edge AI and Sustainable IT Upgrades (Photo: Business Wire)

GIGABYTE จุดประกายวิสัยทัศน์ AI และ 5G ในงาน MWC 2024 เน้นซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Edge AI และการอัพเกรดด้านไอทีที่ยั่งยืน (รูปภาพ: Business Wire)

เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใหม่

GIGABYTE นำเสนอ G593-ZX1/ZX2 ซึ่งเป็น AI server ที่มี AMD Instinct™ MI300X 8-GPU ซึ่งเป็นส่วนเสริมใหม่ในซีรีส์เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC เรือธงของ GIGABYTE การจัดแสดงไฮไลท์อื่น ๆ ได้แก่ H223-V10 ความหนาแน่นสูงที่รองรับ NVIDIA Grace Hopper Superchip เซิร์ฟเวอร์ G383-R80 ที่รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU สี่ตัว และเซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ G593 ที่มาพร้อมกับ NVIDIA HGX H100 8-GPU อันทรงพลัง

ที่อยู่ติดกับเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ที่บุกเบิกเหล่านี้ คือเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูลแบบอาเรย์แฟลชล้วน S183-SH0 ด้วยความจุ 32 E1.S NVMe SSDs จึงมอบการจัดเก็บข้อมูลความเร็วสูง เหมาะอย่างยิ่งสําหรับการจัดการเวิร์กโหลด AI ที่ซับซ้อน เช่น โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยรวมแล้วเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้สามารถรวมเข้ากับคลัสเตอร์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์และเฟรมเวิร์ก 5G ได้ ซึ่งทําหน้าที่เป็นรากฐานที่สําคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน AI และขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางธุรกิจและการวิจัยในระดับ exascale

แพลตฟอร์ม Edge ที่ยืดหยุ่นสําหรับเฟสต่อไปของ 5G และ AI

ภายในบูธ GIGABYTE ได้เปิดตัว Edge Server E263-S30 ที่ปรับเปลี่ยนได้สูง E263-S30 ล้อมรอบด้วยพาวเวอร์ซัพพลายและมาเธอร์บอร์ด ควบคู่ไปกับ NIC และตัวเร่งความเร็วจาก AMD, Broadcom, Intel และ NVIDIA เป็นตัวอย่างว่า เซิร์ฟเวอร์โมดูลาร์ของ GIGABYTE  ตอบสนองต่อสถานการณ์ด้านไอทีที่หลากหลายได้อย่างไร โดยการอัพเกรดข้อกําหนดฮาร์ดแวร์ต่างๆ ภายในแชสซีแบบครบวงจร ความยืดหยุ่นนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงเครื่องมือในการเร่งการปรับใช้เครือข่าย 5G ขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนการบํารุงรักษาและอัปเกรด

โซลูชันแบบครบวงจรสําหรับการอัเกรดไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อม

การกระจายความร้อนส่วนเกินจากเซิร์ฟเวอร์กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทําให้สิ้นเปลืองพลังงาน GIGABYTE จัดการกับความท้าทายนี้ด้วยการนําเสนอ A1P0-EB0 ซึ่งเป็นถังระบายความร้อนแบบจุ่ม 25U EIA ขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงการกระจายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์ที่โดดเด่นสูงถึง 80kW และ PUE ที่ต่ำถึง 1.02 GIGABYTE ยังมีเซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมสำหรับการแช่ที่หลากหลาย รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD และรองรับเวิร์กโหลดทุกประเภท. พวกเขาเป็นตัวอย่างว่าโซลูชันการประมวลผลเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมของ GIGABYTE ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถลดการใช้พลังงานและบรรลุต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ดีขึ้นได้อย่างไร

เซิร์ฟเวอร์องค์กรอเนกประสงค์พร้อมความสามารถด้านเครือข่ายที่แข็งแกร่ง

GIGABYTE นําเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลาย ซึ่งออกแบบมาสําหรับโทรคมนาคม ผู้ให้บริการคลาวด์ องค์กร และ SMB ช่วยให้สามารถสร้างสถาปัตยกรรมดิจิทัลแบบเปิดและปลอดภัยในสภาพแวดล้อมเครือข่าย เซิร์ฟเวอร์ Arm รุ่น R163-P32 มีระบบคอร์หนาแน่นที่ประหยัดพลังงาน ซึ่งมอบความได้เปรียบในการปฏิบัติงานสําหรับเวิร์กโหลดบนคลาวด์ขนาดใหญ่

ในเวิร์กโหลด AI และแอปพลิเคชันเอดจ์คลาวด์  เซิร์ฟเวอร์ R243-EG0 และ R143-EG0 รองรับโปรเซสเซอร์ AMD EPYC™ 8004 Series ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมต่อวัตต์ และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโทรคมนาคม สําหรับโซลูชันไอทสำหรับ SMB GIGABYTE ขอแนะนํา R113-C10 และ R123-X00 ซึ่งมาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 7000 และ Intel® Xeon® E-2400 เพื่อให้มั่นใจถึงการดําเนินงานด้านไอทีที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บโฮสติ้ง ไฮบริดคลาวด์ และการจัดเก็บข้อมูล

เทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองที่มีความแม่นยําสูงซึ่งขับเคลื่อนโดย Edge AI

การบูรณาการเทคโลยีล้ำสมัย อัลกอริธึม AI และชิปล้ำสมัย ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) และ ระบบเทเลเมติกส์ ของ GIGABYTE ทําให้การตัดสินใจในการขับขี่แบบเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์การขับขี่ด้วยตนเองที่ปลอดภัยและชาญฉลาด ด้วยอินเทอร์เฟซ I/O ที่สมบูรณ์แบบ จึงผสานรวมกับอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ ได้อย่างราบรื่น รวมถึงกล้อง เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก LiDAR และเรดาร์ mmWave รวบรวมข้อมูลสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุม เพื่อนําทางยานพาหนะไปตามเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดภายใต้สภาพถนนแบบไดนามิกและท้าทาย

เยี่ยมชม MWC event page ของ GIGABYTE

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53899099/en


Hillstone Networks ได้รับการรวมอยู่ในรายงานภาพรวมแผนผังโซลูชัน Security Service Edge

Logo

โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone Networks ติดอันดับในภาพรวม SSE ของกลุ่มบริษัทผู้ดำเนินการวิเคราะห์

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการรวมอยู่ในรายงานภาพรวมโซลูชัน Security Service Edge สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2023 รายงาน Forrester นำเสนอภาพรวมของแผนผังทางตลาดสำหรับโซลูชัน Security Service Edge (SSE) ซึ่งได้รับการปรับใช้เพื่อเสริมความสามารถในการเช้าถึงแอปและข้อมูลแบบ Zero Trust และเพื่อรักษาความปลอดภัยสำหรับการทำงานจากระยะไกล รายงานมุ่งเน้นประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น คำจำกัดความของตลาด มูลค่าทางธุรกิจ ความพร้อมทางการตลาด ไดนามิก ผู้จำหน่ายที่โดดเด่น กรณีการใช้งานยอดนิยม ฟังก์ชันการทำงานตามกรณีการใช้งาน และการมุ่งเน้นของผู้ขายสำหรับกรณีการใช้งานที่ขยายเพิ่มเติม

“โซลูชัน SSE ช่วยแก้ไขปัญหาที่แท้จริงสำหรับช่องว่างด้านความปลอดภัยในระบบเครือข่ายที่มีการขยายตัวสูงขึ้น” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone นำเสนอการป้องกันแบบ zero trust โดยเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชัน SSE ซึ่งมอบการรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการทำงานทั้งแบบไฮบริดหรือจากระยะไกล ปกป้องแอปพลิเคชันและข้อมูลโดยไม่คำนึงถึงการใช้งาน – ตั้งแต่ Edge ไปจนถึงคลาวด์”

ด้วยโมเดลการทำงานจากระยะไกลและแบบไฮบริดมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ขอบเขตเครือข่ายแบบดั้งเดิมจึงมีประสิทธิภาพน้อยลง CISO จึงมีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงทรัพย์สินขององค์กรจากหลากหลายสถานที่ ตั้งแต่เครือข่ายในมหาวิทยาลัย ไปจนถึงสำนักงานสาขา บ้านของพนักงาน และแม้กระทั่งเครือข่ายมือถือสาธารณะ เพื่อตอบสนองความท้าทายในความต้องการเข้าถึงทรัพยากรขององค์กรจากอุปกรณ์ทุกเครื่อง ทุกที่ ทั้งแบบไฮบริดและจากระยะไกล ชุดโซลูชัน Edge ของ Hillstone จึงมีการรวมเทคโนโลยีการเข้าถึงเครือข่ายแบบ zero-trust (ZTNA) โดย ZTNA จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงที่ตั้งของผู้ใช้ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการกระจายตัวในการทำงานของพนักงานในปัจจุบัน และป้องกันปริมาณการใช้งานของแอปพลิเคชัน ปกป้องข้อมูลขององคกร และสามารถเข้าถึงจากระยะไกล

โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มไฟร์วอลล์ระดับแนวหน้า และมอบความสามารถในการให้สิทธิ์การเข้าถึงได้อย่างละเอียดตามข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้และอุปกรณ์ สามารถตรวจสอบการใช้งานของอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมการควบคุมสิทธิ์การใช้งานได้อย่างแม่นยำ และทำให้เป็นโซลูชัน SSE ในอุดมคติ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ โซลูชัน ZTNA ของ Hillstone

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ นำเสนอการป้องกันทางเชิงลึกและเชิงกว้างสำหรับบริษัททุกขนาด ตั้งแต่ Edge ไปจนถึงคลาวด์ และรองรับทุกปริมาณการใช้งาน แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นี้ นำเสนอขอบเขตความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบสำหรับองค์กรมามากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลกแล้ว www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

EDGE นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่น่าประทับใจภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่งาน LIMA 2023

Logo

บริษัทในพอร์ต EDGE ทั้งเจ็ดแห่งนำเสนอโซลูชันระบบการเดินเรือและการบินขั้นสูงชั้นนำในอุตสาหกรรมในงานที่มีการจัดขึ้นทุกสองปีที่ประเทศมาเลเซี

ABU DHABI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2023

EDGE หนึ่งในกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูงและการป้องกันชั้นนำของโลกที่มีการเติบโตเร็วมาก มีความภูมิใจที่ได้รับการสนับสนุนในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับเกียรติให้เข้าร่วมงาน Langkawi International Maritime and Aerospace Exhibition (LIMA) 2023 ครั้งที่ 16 ซึ่งเป็นนิทรรศการการเดินเรือและอวกาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่สำคัญที่สุด โดย EDGE จะจัดแสดงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งสามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของภูมิภาค โดยสอดคล้องกับการมุ่งมั่นที่จะขยายไปทั่วโลก

EDGE’s Reinforces Presence in Southeast Asia with Impressive Product Display at LIMA 2023 (Photo: AETOSWire)

EDGE’s ตอกย้ำการมีอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการจัดแสดงผลิตภัณฑ์อันน่าประทับใจที่ LIMA 2023 (รูปภาพ: AETOSWire)

ด้วยความมุ่งมั่นที่ชันเจนในระบบอัตโนมัติและอาวุธอัจฉริยะ EDGE จะมุ่งเน้นในโซลูชันการป้องกันทางเทคโนโลยีขั้นสูงตลาดงานทั้งห้าวัน ซึ่งจัดขึ้นที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 23 ถึง 27 เดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ ยังช่วยให้ EDGE สามารถเสริมสร้างความร่วมมือภายในระบบนิเวศอุตสาหกรรมท้องถิ่น ขับเคลื่อนการสนับสนุนการป้องกันในประเทศต่างๆ ที่สำคัญ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม พร้อมการแสดงความสามารถต่างๆ ที่หลากหลาย

Mansour AlMulla กรรมกรผู้จัดการและซีอีโอของ EDGE กล่าวว่า “เรามีความภูมิใจมากที่ได้แสดงความสามารถขั้นสูงของเราทั้งทางอากาศ ทางบก และทางทะเลในงา LIMA 2023 ตลอดจนการพัฒนาความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ UAE และมาเลเซียมีประวัติศาสตร์ในการร่วมมือกันเป็นอย่างดี และเรามุ่งมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์เหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น โดยการพัฒนาความร่วมมืออันมีค่าทั่วทั้งภูมิภาค หลังจากการเสด็จเยือน UAE ของสมเด็จพระราชาธิบดีอัลสุลต่าน อับดุลลาห์ สุลต่าน อาหมัด ชาห์ แห่งมาเลเซีย เมื่อต้นปีนี้ พวกเราตั้งตารอที่จะเข้าร่วมงานนี้เป็นการส่วนตัว และมีส่วนร่วมกับผู้นำในอุตสาหกรรมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคั LIMA มอบโอกาสพิเศษให้กับเราในการขยายห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่น และช่วยเสริมสร้างการพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศและทางทะเลสำหรับประเทศมาเลเซียและประเทศอื่นๆ โดยรอบ”

ระหว่างการจัดแสดง บริษัทในพอร์ต EDGE ทั้งเจ็ดแห่งจะแสดงโซลูชันนวัตกรรมที่ให้ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติภารกิจระดับสูง พร้อมนำเสนอการออกแบบขั้นสูงและความสามารถในการผลิตของ EDGE ในส่วนระบบภาคอากาศและพื้นดินอัตโนมัติ- ระบบเรือ อาวุธนำวิถีแม่นยำ และอาวุธขนาดเล็ก

ในส่วนระบบอากาศอัตโนมัติ EDGE จะจัดแสดงยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับ (UAV) รุ่น HUNTER SP (Soldier Portable) ระบบ UAV แบบฝูงบิน HUNTER 2-S และยานพาหนะต่อสู้ทางอากาศไร้คนขับ REACH-S (UCAV) อาวุธยุทโธปกรณ์ QX-1, QX-2, QX-3 พร้อมกับ UAV แบบปีกหมุนของ GARMOOSHA

จะมีการแสดงระบบอัตโนมัติและโซลูชันต่างๆ สำหรับยานพาหนะทางพื้นดินไร้คนขับ THeMIS Combat (UGV) ของ MILREM

ความสามารถทางเรือขั้นสูงของ EDGE จะรวมถึง 160 ITEP (Inshore Tactical Engagement Platform), 120 FIP (Fast Inshore Platform), 510 OPV (Offshore Patrol Vessel) รวมถึงการเปิดตัวเรือลาดตระเวนใหม่ที่ตรงตามข้อกำหนดของภูมิภาค

EDGE มีการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์นำวิถีทางอากาศสู่พื้นดินที่มีความแม่นยำหลายพิสัย DESERT STING ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ SKYKNIGHT, AL TARIQ-S (ระยะมาตรฐาน) และ AL TARIQ-LR (ระยะไกล) ขั้นสูงที่มีความแม่นยำเชิงโมดูลาร์ นอกเหนือจากระบบอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง RASH 1-M, RASH 2-H และ RASH 2-M

สำหรับอาวุธขนาดเล็กและกระสุน EDGE มีการจัดแสดงปืนพก CARACAL F ปืนกลมือ CMP 9 ปืนไรเฟิลจู่โจม CAR 816 ปืนไรเฟิลซุ่มยิง CSR 50 โดยเน้นย้ำนวัตกรรมในการผลิตอาวุธปืนแบบโมดูลาร์ที่แม่นยำ นอกจากนี้ EDGE ยังมีการจัดแสดงกระสุนลำกล้องขนาดเล็กเต็มรูปแบบ รวมถึงกระสุนขนาด 40 มม. 60 มม. 81 มม. และ 120 มม. สำหรับลำกล้องหลายขนาดและรูปแบบต่างๆ เช่น เทรเซอร์ เจาะเกราะ และแจ็คเก็ตโลหะทั้งชุด

ผู้เข้าร่วมงาน LIMA 2023 สามารถเข้าเยี่ยมชมบูธของ EDGE ได้ที่บูธ A07 ในงาน Mahsuri International Exhibition Centre (MIEC) ที่เมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซีย

เกี่ยวกับ EDGE

EDGE ของ UAE ได้มีการเปิดตัวขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 โดยเป็นหนึ่งในกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูงชั้นนำของโลก ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโซลูชันที่สามารถป้องกันการก่อกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง บริษัทมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ก้าวล้ำสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เพื่อเสริมสร้างให้ UAE เป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต และมีการวางทิศทางที่ชัดเจนสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะความสามารถสูง โดยมีการมุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยี 4IR มาใช้ EDGE ดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาขีดความสามารถเพื่อส่งเสริมการส่งออกทั่วโลกและรักษาความมั่นคงของชาติ ร่วมมือกันกับผู้ให้บริการแถวหน้า มีพันธมิตรระหว่างประเทศ และมีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ เช่น ระบบอัตโนมัติ ระบบไซเบอร์ ระบบขับเคลื่อนขั้นสูง หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ EDGE  มีการผสานรวม R&D เทคโนโลยีใหม่ ระบบแปลงเชิงดิจิทัล และนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ เข้ากับระบบทางด้านทหาร เพื่อพัฒนาโซลูชันเพื่อปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของลูกค้า สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองอาบูดาบี เมืองหลวงของ UAE และ EDGE มีการรวมกิจการกว่า 20 แห่งเข้าด้วยกันเป็นสี่กลุ่มหลัก ได้แก่ แพลตฟอร์มและระบบ ขีปนาวุธและยุทโธปกรณ์ เทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์และไซเบอร์ และ การค้าและการสนับสนุนภารกิจ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ edgegroup.ae

*แหล่งข้อมูลAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

www.businesswire.com/news/home/53399300/en

ติดต่อ

EDGE Group Communications
Priya Roy
C-Priya.Roy@edgegroup.ae

แหล่งข้อมูล: EDGE

ในงาน MWC 2023 GIGABYTE จะมีการนำเสนอโซลูชัน 5G Edge และ Green Computing พร้อมเปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่แห่ง “Power of Computing”

Logo

TAIPEI–(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2023

GIGABYTE ผู้นำด้านนวัตกรรมฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์และโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ จัดงานแสดงผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ในงาน MWC 2023 (บูธ #5F60 ฮอลล์ 5) โดยเป็นครั้งแรกที่ GIGABYTE นำเสนอร่วมกับ Giga Computing ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ล่าสุดภายในเครือ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในโซลูชันสำหรับองค์กร โดยจะร่วมกันเปิดตัวโซลูชันไอทีล่าสุดสำหรับ edge computinggreen computing, AI, ศูนย์ข้อมูล HPC และการใช้งานระบบคลาวด์สำหรับองค์กร โดยจะมีการแสดงภาพรวมของ “Power of Computing” และวิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและเปิดกว้างโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ของโลก

At MWC 2023, GIGABYTE to Present 5G Edge and Green Computing Solutions, Unveiling New Visions of “Power of Computing” (Photo: Business Wire)

ในงาน MWC 2023 GIGABYTE จะมีการนำเสนอโซลูชัน 5G Edge และ Green Computing พร้อมเปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่แห่ง “Power of Computing” (ภาพ: Business Wire)

ตั้งแต่วันที่ 27 เดือนกุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 2 เดือนมีนาคม ในงาน MWC GIGABYTE จะมีการนำเสนอเซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ใหม่ที่มุ่งเน้นผลกระทบที่เกิดใน HPC การพัฒนา AI และระบบการประมวลผลบนคลาวด์ ด้วยความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน โซลูชันเซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในสถาบันการศึกษา ศูนย์การบินและอวกาศ บริการคลาวด์สาธารณะ บริษัทผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ และสตูดิโอผลิตแอนิเมชั่น เพื่อเปิดกว้างศักยภาพของนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ

ศูนย์ข้อมูล Edge จะช่วยเพิ่มการเติบโตของระบบนิเวศ 5G

ในระหว่างงาน MWC GIGABYTE จะมีการเปิดตัว เซิร์ฟเวอร์สำหรับ edge computing รุ่นล่าสุด โดยเซิร์ฟเวอร์ edge เหล่านี้จะสามารถประมวลผลข้อมูลด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลและประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีเยี่ยมโดยใช้พลังงานที่น้อยลง การออกแบบแชชซีที่มีความลึกน้อยลงจะช่วยให้เซิร์ฟเวอร์มีขนาดที่เข้ากับพื้นที่ที่จำกัดใกล้กับแหล่งข้อมูล โดยเป็นส่วนที่สำคัญในการรองรับอุปกรณ์ IoT แบบเรียลไทม์ปริมาณมาก

ด้วยขอบเขตการครอบคลุมที่เพิ่มขึ้นในเครือข่าย 5G ระบบการผลิตแบบอัจฉริยะ เทคโนโลยียานยนต์ และ เมืองอัจฉริยะ ที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความต้องการของศูนย์ข้อมูล edge จำนวนสูง โดยโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ edge ที่สมบูรณ์ของ GIGABYTE มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมให้องค์กรและสถาบันสามารถเปิดกว้างโอกาสการดำเนินการธุรกิจภายใต้ระบบ 5G ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

โซลูชัน Green Computing ของ GIGABYTE จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูล พร้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลง

การที่ศูนย์ข้อมูลมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงขึ้นถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ รวมถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและสภาพอากาศที่รุนแรงทำให้โซลูชันการระบายความร้อนของศูนย์ข้อมูลยิ่งทำให้เป็นความต้องการที่สำคัญในกลยุทธ์ด้านไอที

GIGABYTE เตรียมนำเสนอ โซลูชันการระบายความร้อน และเซิร์ฟเวอร์ที่สอดคล้องกันในงาน MWC โดยจะมีการนำโซลูชันดังกล่าวมาใช้ในโรงหล่อ IC เพื่อปรับปรุงระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการกระจายความร้อนของศูนย์ข้อมูล HPC ให้ดียิ่งขึ้น โดยมีระดับ PUE (ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน) ลดลงเป็นอย่างมากต่ำกว่า 1.08 และเพิ่มประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ HPC ให้มากขึ้นกว่า 10% โดยจะเป็นศูนย์ข้อมูลแม่แบบตัวอย่างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

GIGABYTE มีการสร้างมาตรฐานระดับสูงสำหรับเทคโนโลยี green computing สำหรับสายการผลิตเซิร์ฟเวอร์โดยรวม โดยเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการออกแบบระบบระบายความร้อนระดับพรีเมียมและประสิทธิภาพที่โดดเด่นแม้จะมีโหลดการประมวลผลที่หนักหน่วง โดยมีสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยและบริษัทโทรคมนาคมเข้าร่วมมือกับ GIGABYTE เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ดีเยี่ยมโดยมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยลง

ในงาน MWC ที่กำลังจะมาถึงนี้ GIGABYTE ขอแสดงความยินดีต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมเพื่อสำรวจวิสัยทัศน์อย่างชาญฉลาดและยั่งยืนยิ่งขึ้นผ่าน “Power of Computing” โดยไฮไลต์ในบูธจะเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ edge computing, green computing, AI, ศูนย์ข้อมูล HPC และ enterprise cloud รวมถึงวิธีการผสานรวมโอกาสความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เกี่ยวกับ GIGABYTE

GIGABYTE เป็นกลุ่มนักวิศวกร ผู้มีวิสัยทัศน์ และเป็นผู้นำในโลกแห่งเทคโนโลยีที่ใช้ความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ นวัตกรรมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร และความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ในการสร้าง แรงบันดาลใจ และพัฒนาให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น GIGABYTE เป็นรากฐานที่สำคัญในชุมชน HPC โดยมีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับเมนบอร์ดและกราฟิกการ์ดมากว่า 30 ปี นำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จด้วยความเชี่ยวชาญด้านเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ GIGABYTE ทุ่มเทในการคิดค้นโซลูชันอัจฉริยะที่ปรับแปลงระบบดิจิทัลจาก edge เป็นคลาวด์ และช่วยให้ลูกค้าสามารถมองเห็นภาพรวม วิเคราะห์ และแปลงข้อมูลดิจิทัลให้เป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และ “ยกระดับชีวิตของคุณ” พร้อมกับอยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยี

เยี่ยมชม GIGABYTE MWC event page

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53314598/en

ติดต่อ

สื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

แหล่งข้อมูล: GIGABYTE

Digital Edge จะขยายกิจการด้านแพลตฟอร์มไปยังเกาหลีใต้

Logo

เข้าซื้อศูนย์ข้อมูล 2 แห่งในเกาหลีใต้และสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวกับ Sejong Telecom

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–1 เม.ย. 2564

Digital Edge (Singapore) Holdings Pte. Ltd. (“ Digital Edge” หรือ “บริษัท ”) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียและได้รับการสนับสนุนจาก Stonepeak Infrastructure Partners ประกาศแผนการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคไปยังเกาหลีใต้โดยกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทำสัญญาหลัก (definitive agreement) ในการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ ของศูนย์ข้อมูลของ Sejong Telecom โดยจะเป็นการทำธุรกรรมเงินสดทั้งหมด เมื่อสัญญาแล้วเสร็จ Digital Edge จะเข้าซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล 1 แห่งในเขตกังนัม เมืองโซล และศูนย์ Cable Landing Station ในเซ็นทัมซิตี้ เมืองปูซาน การเพิ่มสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์เหล่านี้ ยังรวมถึง การดำเนินงานและลูกค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของบริษัทในการเข้าสู่ตลาดเกาหลีและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มระดับภูมิภาค

ธุรกรรมนี้จะช่วยให้ Digital Edge สามารถนำเสนอโซลูชันการเชื่อมต่อระหว่างกันและศูนย์ข้อมูลในตลาดเกาหลีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้ทันที พร้อม ๆ ไปกับการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการขยายตัวในอนาคตในสองเมืองใหญ่ ได้แก่ โซลและปูซาน ศูนย์ข้อมูลของ Sejong Telecom ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาตร์ และนำเสนอตัวเลือกการเชื่อมต่อมากมายจากลูกค้าปัจจุบัน นอกจากนี้ Digital Edge มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายขีดความสามารถและปรับปรุงประสิทธิภาพและช่วยประหยัดการใช้พลังงานของศูนย์ทั้งสองแห่ง Digital Edge คาดว่าจะลงทุนมากกว่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐในระหว่างการทำธุรกรรม และเมื่อมีการขยายตัวในภายหลัง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ เนื้อหา และเครือข่ายทั่วโลกแสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าสำหรับการมีตัวเลือกการเชื่อมต่อระหว่างกันที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่ากว่าในตลาดเกาหลี ในส่วนของธุรกรรมดังกล่าว Sejong Telecom และ Digital Edge ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่สู่ตลาดเพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

“ด้วยความมุ่งมั่นด้านเงินทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้าง Digital Edge Platform ในเอเชีย เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศแผนการรุกเข้าสู่ตลาดเกาหลีหลังจากการลงทุนครั้งแรกในศูนย์ข้อมูลในญี่ปุ่น เกาหลีเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุด” Samuel Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Digital Edge กล่าว “ ธุรกรรมนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทข้ามชาติ และบริษัทของเกาหลีในการเข้าใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Digital Edge เพื่อเพิ่มรอยเท้าดิจิทัลในเกาหลีโดยการเชื่อมต่อกับระบบนิเวศที่หลากหลายของลูกค้าและคู่ค้าในสถานที่ที่สำคัญ ๆ ทั้งหมดในโซลและปูซาน”

“ความร่วมมือของเรากับ Digital Edge จะช่วยเร่งโอกาสในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลสำหรับลูกค้าองค์กรในเกาหลี” Yoo Ki-yoon ประธาน Sejong Telecom กล่าว “ เราตั้งตารอการรวมการเข้าถึงแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลที่มีการเชื่อมต่อครบถ้วนระหว่างกันของ Digital Edge กับการเชื่อมต่อเครือข่ายขั้นสูงของ Sejong Telecom เพื่อนำเสนอโซลูชันที่เปิดใช้งานระบบคลาวด์และเครือข่ายที่หลากหลายมากขึ้น”

“การเข้าซื้อสินทรัพย์เชิงยุทธศาตร์เหล่านี้ในเกาหลีใต้จะสร้างแกนหลักที่มั่นคงสำหรับแพลตฟอร์มระดับภูมิภาคของเราที่กำลังเติบโต” Yongsuk Choi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์ข้อมูลของ Digital Edge กล่าว “ มันจะวางตำแหน่ง Digital Edge ให้เป็นศูนย์ข้อมูลและผู้ให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ในเกาหลีใต้โดยมีทรัพย์สินคุณภาพสูงตั้งแต่โซลไปจนถึงปูซานและระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่หลากหลายของธุรกิจเกาหลีและธุรกิจข้ามชาติ นอกจากนี้ยังเปิดเกตเวย์หลักสำหรับประเทศอื่น ๆ ของเอเชียผ่านระบบเคเบิลใต้น้ำในพื้นที่ปูซาน”

การทำธุรกรรมคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สองของปี 2564 และจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดบัญชีตามปกติและการอนุมัติตามกฎข้อบังคับ

เกี่ยวกับ Digital Edge

Digital Edge ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์เป็นบริษัทแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้าที่น่าเชื่อถือ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชีย ด้วยการสร้างและดำเนินการศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยและประหยัดพลังงานที่เต็มไปด้วยตัวเลือกการเชื่อมต่อ Digital Edge จึงมีเป้าหมายที่จะนำเสนอทางเลือกใหม่และการเชื่อมต่อระหว่างกันสู่ตลาดเอเชียเพื่อทำให้การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียเป็นเรื่องง่าย มีประสิทธิภาพ และประหยัด

Digital Edge ก่อตั้งขึ้นโดยทีมผู้บริหารระดับสูงที่คร่ำหวอดและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมานานหลายทศวรรษและมีประวัติการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลคลาวด์และโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Digital Edge ได้รับการสนับสนุนจาก Stonepeak Infrastructure Partners โดยมีเงินทุนเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในการจัดตั้งและขับเคลื่อนแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลของบริษัทในเอเชีย

เกี่ยวกับ Stonepeak Infrastructure Partners

Stonepeak Infrastructure Partners (www.stonepeakpartners.com) เป็น บริษัทเอกชนที่เน้นทำงานด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก ซึ่งบริหารจัดการเงินทุน 31.3 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับนักลงทุน (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564) Stonepeak ลงทุนในธุรกิจที่มีสินทรัพย์โภคภัณฑ์และที่มีอายุยาวนาน รวมไปถึงครงการที่ให้บริการที่จำเป็นแก่ลูกค้า และพยายามที่จะร่วมมือกับทีมผู้บริหารที่มีคุณภาพสูงอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงการดำเนินงานและจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการด้านการเติบโต

เกี่ยวกับ Sejong Telecom

Sejong Telecom Incorporated ก่อตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน 2535 ในกรุงโซลประเทศเกาหลีเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารผลิตภัณฑ์และบริการข้อมูล Sejong Telecom นำเสนอบริการและโซลูชั่นด้านเสียง ข้อมูล และวิดีโอบนเครือข่ายและแพลตฟอร์มขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เชื่อถือได้ มีความปลอดภัย และอยู่ภายใต้การควบคุมที่ดี ในฐานะผู้ให้บริการที่เป็นกลาง Sejong Telecom ให้บริการเชื่อมต่อที่รวมถึงสายเฉพาะ (dedicated lines) IX และบริการข้อมูลในขณะที่การให้บริการโทรศัพท์มือถือแบบมีสาย ไร้สาย และแบบ MVNO Sejong Telecom ได้ขยายไปสู่ตลาดเกิดใหม่ เช่น ตลาดแพลตฟอร์ม เนื้อหาต่าง ๆ บ้านความปลอดภัย โซลูชั่นและบล็อกเชนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภารกิจของ Sejong Telecom คือการเชื่อมต่อ ร่วมสร้างและแบ่งปันคุณค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้เข้าร่วมทุกคนโดยกระตุ้นให้เกิดการผสานรวมกับธุรกิจโทรคมนาคมและแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sejong Telecom โปรดไปที่ https://sejongtelecom.net.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210331006062/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Digital Edge and Stonepeak Infrastructure Partners

Sard Verbinnen & Co

Ben Spicehandler / Julie Rudnick

Stonepeak-SVC@SARDVERB.com

Sejong Telecom

Yoo EunHee

+82-70-7997-6098

yeh@sejongtelecom.net

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย