Tag Archives: data

แก้ไขและแทนที่: Kioxia สาธิต SSD ที่รองรับ Flexible Data Placement พร้อมฐานข้อมูล RocksDB ในงาน OCP Global Summit 2024

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–18 ตุลาคม 2024

บริษัท Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ เตรียมจัดแสดงและสาธิตประสิทธิภาพของ SSD รุ่น KIOXIA XD Series ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Flexible Data Placement (FDP) ซึ่งรองรับฐานข้อมูล RocksDB ในงาน OCP Global Summit 2024 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2024 ณ เมืองซานโฮเซ่ สหรัฐอเมริกา ฐานข้อมูล RocksDB โดดเด่นด้วยความสามารถในการค้นหาข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและจัดการข้อมูลประวัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชัน AI ช่วยสร้าง (generative AI) และแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ฟังก์ชัน FDP ซึ่งถูกกำหนดในข้อเสนอทางเทคนิคของ NVM Express™ TP4146 ช่วยให้สามารถควบคุมการจัดวางข้อมูลภายใน SSD ได้อย่างยืดหยุ่น การจัดการตำแหน่งข้อมูลใน SSD อย่างเหมาะสม โดยปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์โฮสต์และไดรเวอร์อุปกรณ์เพียงเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของ SSD ได้อย่างมีนัยสำคัญ

SSD ทำงานตามคำสั่งจากซอฟต์แวร์โฮสต์และไดรเวอร์อุปกรณ์ในการจัดเก็บและลบข้อมูล เมื่อกระบวนการนี้เกิดซ้ำ ๆ อาจเกิดการจัดสรรข้อมูลใหม่ภายใน SSD ซึ่งอาจส่งผลให้ความเร็วในการเข้าถึงลดลงและสิ้นเปลืองรอบการเขียนข้อมูลของหน่วยความจำแฟลชโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อการจัดสรรข้อมูลเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การใช้ FDP ช่วยลดปัญหาการจัดสรรข้อมูลใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของ SSD ได้อย่างเต็มที่

การสาธิตในงาน OCP Global Summit จะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของฟังก์ชัน FDP ใน SSD สำหรับศูนย์ข้อมูล KIOXIA XD Series NVMe™ พร้อมปลั๊กอินที่พัฒนาโดย Kioxia เพื่อรองรับความสามารถของ FDP ซึ่งได้รับการทดสอบร่วมกับ RocksDB ผลการทดสอบและประเมินอย่างละเอียดพบว่า ระบบที่ใช้ FDP ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของแอปพลิเคชัน RocksDB ได้ประมาณสามเท่า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ประมาณ 1.8 เท่า เมื่อเทียบกับระบบแบบดั้งเดิมที่ใช้ SSD ทั่วไปและระบบไฟล์มาตรฐาน1

ผลลัพธ์เหล่านี้จะถูกนำเสนอผ่านการสาธิตแบบสดที่บูธของ Kioxia (A7) ในงาน OCP Global Summit นอกจากนี้ Kioxia ยังมีแผนที่จะเผยแพร่ปลั๊กอินที่รองรับ RocksDB FDP ในรูปแบบโอเพนซอร์ส Kioxia ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและแบ่งปันเทคโนโลยีเพื่อการใช้งาน SSD และหน่วยความจำแฟลชอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลขั้นสูงและศูนย์ข้อมูลในอนาคต

หมายเหตุ :

1 อ้างอิงจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ Kioxia ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2024

NVM Express และ NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

เครื่องหมาย OCP และ Open Compute Project เป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิ Open Compute Project และใช้โดยได้รับอนุญาต

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทอื่น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ มุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทต้นกำเนิดของ Kioxia ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ผู้คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่ให้ทางเลือกแก่ลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้แก่สังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D อันเป็นนวัตกรรมของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่ต้องการความจุสูง เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้ ซึ่งรวมถึงราคาผลิตภัณฑ์และข้อมูลจำเพาะ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับคำถามจากสื่อ :

บริษัท Kioxia Corporation

แผนกวางแผนกลยุทธ์การขาย

Satoshi Shindo

โทร : +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา : บริษัท Kioxia Corporation

Kioxia สาธิต SSD ที่รองรับ Flexible Data Placement พร้อมฐานข้อมูล RocksDB ในงาน OCP Global Summit 2024

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–15 ตุลาคม 2024

บริษัท Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ เตรียมจัดแสดงและสาธิตประสิทธิภาพของ SSD รุ่น KIOXIA XD Series ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Flexible Data Placement (FDP) ซึ่งรองรับฐานข้อมูล RocksDB ในงาน OCP Global Summit 2024 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2024 ณ เมืองซานโฮเซ่ สหรัฐอเมริกา ฐานข้อมูล RocksDB โดดเด่นด้วยความสามารถในการค้นหาข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและจัดการข้อมูลประวัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชัน AI ช่วยสร้าง (generative AI) และแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ฟังก์ชัน FDP ซึ่งถูกกำหนดในข้อกำหนดพื้นฐานของ NVM Express™ (TP4161) ช่วยให้สามารถควบคุมการจัดวางข้อมูลภายใน SSD ได้อย่างยืดหยุ่น การจัดการตำแหน่งข้อมูลใน SSD อย่างเหมาะสม โดยปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์โฮสต์และไดรเวอร์อุปกรณ์เพียงเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของ SSD ได้อย่างมีนัยสำคัญ

SSD ทำงานตามคำสั่งจากซอฟต์แวร์โฮสต์และไดรเวอร์อุปกรณ์ในการจัดเก็บและลบข้อมูล เมื่อกระบวนการนี้เกิดซ้ำ ๆ อาจเกิดการจัดสรรข้อมูลใหม่ภายใน SSD ซึ่งอาจส่งผลให้ความเร็วในการเข้าถึงลดลงและสิ้นเปลืองรอบการเขียนข้อมูลของหน่วยความจำแฟลชโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อการจัดสรรข้อมูลเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การใช้ FDP ช่วยลดปัญหาการจัดสรรข้อมูลใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของ SSD ได้อย่างเต็มที่

การสาธิตในงาน OCP Global Summit จะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของฟังก์ชัน FDP ใน SSD สำหรับศูนย์ข้อมูล KIOXIA XD Series NVMe™ พร้อมปลั๊กอินที่พัฒนาโดย Kioxia เพื่อรองรับความสามารถของ FDP ซึ่งได้รับการทดสอบร่วมกับ RocksDB ผลการทดสอบและประเมินอย่างละเอียดพบว่า ระบบที่ใช้ FDP ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของแอปพลิเคชัน RocksDB ได้ประมาณสามเท่า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ประมาณ 1.8 เท่า เมื่อเทียบกับระบบแบบดั้งเดิมที่ใช้ SSD ทั่วไปและระบบไฟล์มาตรฐาน1

ผลลัพธ์เหล่านี้จะถูกนำเสนอผ่านการสาธิตแบบสดที่บูธของ Kioxia (A7) ในงาน OCP Global Summit นอกจากนี้ Kioxia ยังมีแผนที่จะเผยแพร่ปลั๊กอินที่รองรับ RocksDB FDP ในรูปแบบโอเพนซอร์ส Kioxia ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและแบ่งปันเทคโนโลยีเพื่อการใช้งาน SSD และหน่วยความจำแฟลชอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลขั้นสูงและศูนย์ข้อมูลในอนาคต

หมายเหตุ :

1 อ้างอิงจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ Kioxia ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2024

NVM Express และ NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

เครื่องหมาย OCP และ Open Compute Project เป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิ Open Compute Project และใช้โดยได้รับอนุญาต

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทอื่น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ มุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทต้นกำเนิดของ Kioxia ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ผู้คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่ให้ทางเลือกแก่ลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้แก่สังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D อันเป็นนวัตกรรมของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่ต้องการความจุสูง เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้ ซึ่งรวมถึงราคาผลิตภัณฑ์และข้อมูลจำเพาะ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับคำถามจากสื่อ :

บริษัท Kioxia Corporation

แผนกวางแผนกลยุทธ์การขาย

Satoshi Shindo

โทร : +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา : บริษัท Kioxia Corporation

Kioxia พัฒนา SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว (Green Data Center) แห่งยุคต่อไป

Logo

การสาธิตเทคโนโลยีในงานสัมมนา Future of Memory and Storage ที่บูธ Kioxia หมายเลข 307

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2024

Kioxia Corporation บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ จะจัดแสดงต้นแบบของ SSD บรอดแบนด์พร้อมอินเทอร์เฟซแบบออปติคอลสำหรับศูนย์กลางข้อมูลแห่งยุคต่อไปในงานประชุม “FMS: the Future of Memory and Storage” ซึ่งจะจัดขึ้นในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 6 ถึง 8 สิงหาคม เทคโนโลยี SSD ช่วยเพิ่มระยะห่างทางกายภาพระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อย่างมาก โดยเปลี่ยนอินเทอร์เฟซการเดินสายไฟฟ้าเป็นแบบออปติคัล ลดขนาดสายไฟลง แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานและคุณภาพสัญญาณที่สูงเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความยืดหยุ่นสูงให้กับการออกแบบและการใช้งานระบบศูนย์ข้อมูลอีกด้วย

การใช้อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลทำให้สามารถรวบรวมส่วนประกอบแต่ละชิ้นที่ประกอบเป็นระบบ เช่น SSD และ CPU และเชื่อมต่อเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น นับเป็นการพัฒนาต่อยอดของ “ระบบคอมพิวเตอร์แบบแยกส่วน” ที่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพตามปริมาณงานที่เฉพาะเจาะจง นอกจากนี้ ด้วยความสมบูรณ์ของสัญญาณที่สูง อินเทอร์เฟซแบบออปติคัลจึงสามารถทำให้สภาพแวดล้อมการประมวลผล เช่น อวกาศ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้

ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากโครงการ “การพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวแห่งยุคต่อไป” ของญี่ปุ่น JPNP21029 ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEDO) ซึ่งอยู่ภายใต้ “โครงการกองทุนนวัตกรรมสีเขียว: การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยุคถัดไป”  ในโครงการทุนนี้ เทคโนโลยีรุ่นต่อไปได้รับการพัฒนาโดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลในปัจจุบัน ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการนี้ Kioxia กำลังพัฒนา SSD บรอดแบนด์ที่มีอินเทอร์เฟซออปติคัลสำหรับการจัดเก็บข้อมูลในศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวรุ่นต่อไป

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งมุ่งมั่นในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตทไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “ความจำ” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าอีกทั้งยังสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติอันล้ำสมัยของ Kioxia หรือ BiCS FLASH™ กำลังกำหนดทิศทางของอนาคตของระบบจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ เช่น ราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Satoshi Shindo
Tel: +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

Eisai เลือก Clinical Data Studio ของ Medidata เพื่อเสริมสร้างและปรับปรุงประสิทธิภาพของการทดลองทางการแพทย์และประสบการณ์ของผู้ป่วย

Logo

โซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี AI จะช่วยให้ Eisai เร่งการตรวจสอบและการปรับปรุงข้อมูลได้เร็วขึ้น 80%

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–26 กรกฎาคม 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวิต ประกาศว่า Eisai Inc. (“Eisai”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Eisai Co., Ltd. ที่ตั้งอยู่ในโตเกียวในสหรัฐอเมริกา เป็นลูกค้ารายแรกที่ใช้ Medidata Clinical Data Studio ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดย Eisai Inc จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ข้อมูลที่เป็นนวัตกรรมนี้เพื่อให้ควบคุมข้อมูลทางการแพทย์ได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน อำนวยความสะดวกในการดำเนินการทดลองทางการแพทย์ที่สามารถขยายขนาดและมีความซับซ้อน รวมถึงเพิ่มประสบการณ์ของผู้ป่วย”

“เราได้รวม Clinical Data Studio ของ Medidata เข้ากับแพลตฟอร์มการจัดการการทดลองทางการแพทย์ของเรา เนื่องจากความสามารถในการทำลายข้อจำกัดของข้อมูลและบูรณาการอย่างราบรื่นกับซอฟต์แวร์ที่เราใช้ในปัจจุบัน พร้อมกับรักษาคุณภาพและความสมบูรณ์ของข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้ด้วย”

Shobha Dhadda, Ph.D. หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ทางคลินิกและการดำเนินงานที่ Eisai กล่าว

“การมีชุดเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลข้อมูลทางคลินิกและข้อมูลผู้ป่วยที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ลดทอนคุณภาพหรือจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพิ่มเติม

Clinical Data Studio ขับเคลื่อนโดย Medidata Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรเพียงแห่งเดียวในอุตสาหกรรมที่จัดการแหล่งข้อมูลทั้งหมดจากส่วนกลาง ปรับปรุงความน่าเชื่อถือของข้อมูลทั่วทั้งระบบนิเวศการทดลองทางคลินิกทั้งหมด ด้วยการผสานรวมข้อมูลจากแหล่ง Medidata ทั้งสองแหล่งอย่างราบรื่น รวมถึง Medidata Rave EDC และแหล่งที่ไม่ใช่ Medidata เช่น ห้องปฏิบัติการหรือระบบบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่น Clinical Data Studio จึงปรับปรุงกระบวนการนำเข้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเปิดใช้งานการตรวจสอบอัตโนมัติผ่านข้อตกลงการถ่ายโอนข้อมูลที่กำหนดค่าไว้ การใช้ AI จะช่วยลดปัญหาที่เกิดจากระบบข้อมูลที่แตกต่างกัน และเสนอการตรวจสอบข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันก็ให้มุมมองที่ครอบคลุมของข้อมูลผู้ป่วยที่สามารถตรวจสอบ แสดงภาพ และดำเนินการได้พร้อมกัน

“Eisai ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการดูแลสุขภาพเอาชนะความซับซ้อนของการทดลองทางการแพทย์สมัยใหม่ผ่าน Clinical Data Studio และส่งเสริมการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับข้อมูลที่สะอาดและนำไปปฏิบัติได้มากขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว

“เราช่วยให้ทีมการศึกษาสามารถระบุปัญหาข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และได้รับความเข้าใจที่แม่นยำยิ่งขึ้นของผู้ป่วยด้วยการมอบประสบการณ์การจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แบบครบวงจร”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในการทดลองมากกว่า 33,000 รายการและผู้ป่วย 10 ล้านคน Medidata นำเสนอความเชี่ยวชาญชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้ากว่า 2,200 รายไว้วางใจแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งความก้าวหน้าทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเรา @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งให้เกิดความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงสำหรับการทํางานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คน เพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างประสบการณ์แฝดเสมือนจริงของโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ลูกค้าของเราสามารถกําหนดกระบวนการสร้าง การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอใหม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลกระทบที่มีความหมายในการทําให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น ความงดงามของ Experience Economy คือ เศรษฐกิจที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อประโยชน์ของทุกคน  ทั้งผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน Dassault Systèmes นําคุณค่ามาสู่ลูกค้าทุกขนาดมากกว่า 350,000 ราย ในทุกอุตสาหกรรม ในกว่า 150 ประเทศ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์. 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้า หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนการค้าและบริษัท Versailles ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้า Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Eisai Inc.

Eisai Inc. เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพมนุษย์ เป็นบริษัทในเครือด้านเภสัชกรรมในสหรัฐฯ ของบริษัท Eisai Co., Ltd. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในโตเกียว ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองนัทลีย์ รัฐนิวเจอร์ซี โดยดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านเนื้องอกวิทยาและประสาทวิทยา ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนา การผลิต รวมถึงอุปทานและโลจิสติกส์ระดับโลก และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://us.eisai.com และติดตามเราบน X และ LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ
การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

ที่มา: Medidata

NIQ และ World Data Lab เปิดเผยรายงาน “Spend Z”

Logo

รายงานฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้จ่ายของกลุ่ม Generation Z ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์

“Spend Z” ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการจับจ่ายในตลาด Gen Z ที่จะมีมูลค่าถึง $12 ล้านล้าน ภายในปี 2030

ความเชื่อมั่น ESG ที่แข็งแกร่งยังคงมีอยู่ โดย 77% ของ Gen Z กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าจากประเทศที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมไม่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปแบบการใช้จ่ายของกลุ่มคนในอนาคต

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–18 มิถุนายน 2024

NielsenIQ (“NIQ”) ร่วมมือกับ World Data Lab (WDL) ตีพิมพ์รายงาน “Spend Z” เป็นครั้งแรก โดยเป็นรายงานการใช้จ่ายที่มีเนื้อหาครอบคลุมและมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม Gen Z เพียงเท่านั้น งานวิจัยและการวิเคราะห์ที่นำเสนอในรายงานนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NIQ ในการให้ข้อมูลการตลาดเชิงลึกที่เป็นประโยชน์

รายงานนี้เปิดเผยอย่างละเอียดถึงข้อมูลสำคัญที่บริษัทต่าง ๆ ต้องการในการรักษาแนวทาง ความต้องการในการเติบโต ไปจนถึงความเข้าใจอย่างรวดเร็วและลึกซึ้งในกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกลุ่มแรกในระดับโลกอย่างแท้จริง โดยรายงานนี้รวมความชอบ พฤติกรรมการใช้จ่าย ค่านิยม สิ่งที่ให้ความสำคัญ วิธีการและช่องทางที่ซื้อ สินค้าที่ซื้อ และวิธีที่คนกลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อรูปแบบการใช้จ่ายของกลุ่มคนรุ่นอื่น ๆ

รายงานพบว่ากลุ่ม Gen Z ซึ่งหมายถึงผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2012 คิดเป็น 25% (2 พันล้านคน) ของประชากรโลก จะมีกำลังซื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 ทำให้พวกเขาอาจกลายเป็นรุ่นที่มีความร่ำรวยมากที่สุดในทุกภูมิภาคของโลก โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้จะมีการใช้จ่ายแซงหน้ากลุ่มคนรุ่นบูมเมอร์ในช่วงเวลานั้น และภายในปี 2034 กลุ่มคน Gen Z จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั่วโลกกว่า 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่ากลุ่มคนรุ่นอื่น ๆ

กลุ่ม Gen Z ในตอนนี้พร้อมที่จะจ่ายเงิน และบริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องรู้วิธีปรับตัวเพื่อให้บริการพวกเขา การเข้าใจสิ่งที่ทำให้กลุ่มคนรุ่นนี้แตกต่างจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกโอกาสในการเติบโตที่มีมูลค่ามากกว่า $12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ” Tracey Massey กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการของ NIQ กล่าว “หลาย ๆ บริษัทกำลังพยายามเรียนรู้โอกาสในการเติบโตกับ Gen Z และวิธีที่พวกเขามีอิทธิพลต่อผู้อื่น “Spend Z” เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่ NIQ ช่วยลูกค้าของเราให้บรรลุเป้าหมายเฉพาะโดยคาดการณ์และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค”

ประเด็นสำคัญของกลุ่มคน Gen Z:

  • พวกเขาต้องการความจริงใจ: พวกเขาให้ความสนใจกับความสัมพันธ์แบบจริงใจกับอินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ “การเป็นตัวของตัวเอง” เป็นคำอธิบายแรกของความสำเร็จสำหรับชาว Gen Z ทั่วโลก ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและการเห็นคุณค่าในตนเองเป็นอีกสองค่านิยมที่สำคัญ เช่นเดียวกับความรู้สึกที่แข็งแกร่งของการมีตัวตนที่เชื่อมโยงกับสังคมและการเคลื่อนไหวทางสังคม
  • การจับจ่ายใช้สอยในห้างร้านแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน:  การซื้อสินค้าในร้านค้าของกลุ่มคนรุ่นนี้คิดเป็นเกือบ 50% ของส่วนแบ่งเหรียญสหรัฐและสูงกว่าทุกเจเนอเรชันก่อนหน้านี้ แม้ว่า Gen Z จะเริ่มการชอปปิงออนไลน์ แต่พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับรีวิวออนไลน์จากผู้ซื้อรายอื่นมากที่สุดและได้รับอิทธิพลอย่างมากจากโซเชียลมีเดีย
  • กำลังซื้อทั่วโลก: Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้จ่ายมากที่สุดในหลาย ๆ ภูมิภาค และเป็น 30% ของคนทำงานทั่วโลกในปี 2030 อเมริกาเหนือ ยุโรป และ APAC จะยังคงครองการใช้จ่ายส่วนใหญ่ โดยที่ APAC มีความสำคัญเพิ่มขึ้น ปัจจุบันพวกเขามีส่วนแบ่งการบริโภคที่มากกว่าในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น แอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮารา ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ และละตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งภูมิภาคเหล่านี้มีสัดส่วนของประชากรมากกว่า
  • สุขภาพและด้านความเป็นอยู่….ในระดับหนึ่ง: โดยรวมแล้วพวกเขาใส่ใจสุขภาพและมีจิตสำนึกในการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเติบโตของความต้องการอย่างมีพลวัตมากที่สุดในกลุ่มผู้บริโภค Gen Z คือในหมวดสุขภาพ เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์และเครื่องดื่ม
    • คาดว่า 81% ของยอดขายเป็นหน่วยเหรียญสหรัฐบน TikTok จะมาจากหมวดสุขภาพและความงาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ใหญ่พิเศษ
    • 50% ของ Gen Z เคยใช้แอปฟิตเนสหรือแอปออกกำลังกาย และ 17% เคยใช้ฟิตเนสแบนด์เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพและฟิตเนส
  • เทคโนโลยีที่เร่งพฤติกรรม:
    • รีวิวออนไลน์จากผู้ซื้อรายอื่นมีความสำคัญมากที่สุดเวลาชอปปิง โดย 53% ของประชากร Gen Z มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียหรือแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีม
    • 26% ของ Gen Z ใช้โทรศัพท์ขณะชอปปิงในร้านค้าเพื่อตัดสินใจ เทียบกับ 23% สำหรับ Gen Y, 18% สำหรับ Gen X และ 12% สำหรับบูมเมอร์

.ด้วยการที่ Gen Z ให้ความสำคัญต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เรามีความคาดหวังต่อ NIQ Better For™ ซึ่งเป็นการจัดหมวดหมู่ที่ใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมเฉพาะของเราในการระบุแบรนด์ผ่านลักษณะผลิตภัณฑ์ การจัดวาง ยอดขาย และการจัดจำหน่ายให้ยังคงเติบโตรวดเร็วกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ในหมวดนี้รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ “ดีกว่า” สำหรับผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และสังคม ปัจจุบัน แบรนด์เล็ก ๆ และกลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่ ๆ ขับเคลื่อนการเติบโตในหมวดนี้ถึง 62%

 “Gen Z เป็นเจเนอเรชันที่เชื่อมโยงกันมากที่สุด ใหญ่ที่สุด และมีอิทธิพลมากที่สุด” กล่าวโดย Marta Cyhan-Bowles ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการสื่อสาร NIQ. “Gen Z จะมีลูกน้อยลงและมีลูกช้ากว่าเดิม จะมีกำลังการใช้จ่ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และจะยังคงให้ความสำคัญกับบางหมวดหมู่ เช่นสุขภาพและความเป็นอยู่ อย่างที่เจเนอเรชันก่อนหน้านี้ไม่เคยทำ การวิเคราะห์ของเราชัดเจนว่า: การลงทุนกับกลุ่มคน Gen Z วันนี้ จะคุ้มค่าในอนาคต”

“Gen Z คือรุ่นที่ใหญ่ที่สุด รวยที่สุด และมีความเป็นสากลมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” Wolfgang Fengler ซีอีโอของ WDL กล่าว “ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องรู้ว่า Gen Z มีจำนวนคนถึง 2 พันล้านคน และการตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขานั้นเป็นสิ่งจำเป็น”

เกี่ยวกับ Spend Z

Spend Z มีข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของ Gen Z ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างละเอียด พร้อมการวิเคราะห์ความจงรักภักดีในแบรนด์เมื่อเทียบกับเจเนอเรชันอื่น ๆ และเจาะลึกสิ่งที่สำคัญสำหรับบริษัทใน CPG เทคโนโลยี/สินค้าคงทน หรืออุตสาหกรรมค้าปลีก ทั้งนี้รายงานนี้ยังมีความสำคัญหลักต่อผู้นำทางความคิดและผู้ที่ตัดสินใจ เพื่อนำพาบริษัทของคุณไปสู่การเติบโตครั้งใหม่ที่ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งปกป้องธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ดาวน์โหลดรายงาน ฟรี

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคทั่วโลก ที่นำเสนอความรู้ความเข้าใจที่ครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเปิดเผยแนวทางใหม่ ๆ สู่การเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้รวมกับ GfK นำการรวมผู้นำในสองอุตสาหกรรมที่เข้าถึงได้ทั่วโลกและไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ ดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด จึงนำเสนอผ่านการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย — NIQ มอบมุมมองครบวงจร (Full View™)

เกี่ยวกับ World Data Lab

World Data Lab (WDL) สร้างข้อมูลเอกสิทธิ์ที่ล้ำหน้าเพื่อทำนายและคาดการณ์แนวโน้มการบริโภค การใช้จ่ายของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) จนถึงปี 2034 ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ของข้อมูลขั้นสูงที่ได้รับการตรวจทานโดยผู้เชี่ยวชาญและตีพิมพ์ในวารสาร Nature ทำให้เรานำเสนอความแม่นยำ สดใหม่ และความสอดคล้องกันอย่างไร้ที่ติในทุกกลุ่มประชากรใน 180 ประเทศและกว่า 6,000 เมือง

วิธีการวิจัย

รายงาน “Spend Z” ได้คาดการณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยรวมข้อมูลการใช้จ่ายในครัวเรือนที่ได้มาจากหน่วยงานสถิติแห่งชาติและข้อมูลประชากรจากสหประชาชาติและ IIASA โดยรวมข้อมูลจาก 2,065 แบบสอบถามที่ครอบคลุม 160 ประเทศในฐานข้อมูล NIQ ในกรณีที่ประเทศใดขาดข้อมูลการสำรวจการใช้จ่าย การใช้จ่ายจะถูกอ้างขึ้นโดยการระบุลักษณะเฉพาะของประเทศอื่นที่มีโครงสร้างที่คล้ายกัน โดยใช้เทคนิคทางสถิติให้เหมาะสมที่สุด ข้อมูลจากการสำรวจจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ได้รับในบัญชีประชาชาติของแต่ละประเทศ การคาดการณ์ในปัจจุบันและในอนาคตจะอ้างอิงตามแผนการของ IMF สำหรับระยะกลางและฉากทัศน์เส้นตัวแทนเศรษฐกิจและสังคมร่วมที่พัฒนาให้กับ UNFCCC สำหรับระยะยาว กระบวนการอันครอบคลุมนี้ช่วยให้ NIQ และ WDL สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของผู้บริโภคใน 183 ประเทศตั้งแต่ปี 2016 ถึงปี 2034 โดยแยกออกเป็นกลุ่มตามอายุ เพศ และระดับรายได้ นอกจากนี้ เรายังแยกการใช้จ่ายรวมเป็นกลุ่มสินค้ากว่า 100 ประเภทต่าง ๆ โดยใช้การจัดหมวดหมู่ตาม COICOP วิธีการหลักของเราได้รับการตรวจทานโดยผู้เชี่ยวชาญในวารสาร Nature https://www.nature.com/articles/s41599-018-0083-y

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54028612/en

ติดต่อ

รายชื่อผู้ติดต่อทั่วโลก:

ทั่วโลก:
Sweta Patra
Sweta.patra@nielseniq.com

APAC:
Liza Martija
liza.martija@nielseniq.com

ละตินอเมริกา:
Ari Rodriguez
ari.rodriguez@nielseniq.com

อเมริกาเหนือ:
Gillian Mosher
gillian.mosher@nielseniq.com

ยุโรปตะวันตก:
Julia Mayer
julia.mayer@nielseniq.com

แหล่งข้อมูล: NielsenIQ

Medidata เปิดตัว Clinical Data Studio โดยใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ข้อมูลในการทดลองทางคลินิกให้ทันสมัย

Logo

นำเสนอกิจกรรมการตรวจสอบข้อมูลและการกระทบยอดด้วย AI แบบฝังเร็วขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทําให้วงจรชีวิตข้อมูลง่ายขึ้นด้วยการเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลจํานวนมาก

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–18 มิถุนายน 2024

Medidata แบรนด์ในเครือ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการชั้นนําด้านโซลูชันการทดลองทางคลินิกสําหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ประกาศเปิดตัว Medidata Clinical Data Studio   ซึ่งเป็นประสบการณ์แบบครบวงจรที่ปลดล็อกพลังที่แท้จริงของข้อมูลการวิจัยทางคลินิก เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถควบคุมคุณภาพของข้อมูลได้ดีขึ้น และความสามารถในการส่งมอบการทดลองที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับผู้ป่วยได้เร็วขึ้น

Clinical Data Studio สร้างขึ้นบน  แพลตฟอร์ม Medidata  โดยผสานข้อมูลจากทั้งแหล่งข้อมูล Medidata และแหล่งข้อมูลที่ไม่ใช่ Medidata เร่งการตัดสินใจตลอดกระบวนการทดลองทางคลินิกเต็มรูปแบบ ส่งมอบข้อมูลแบบองค์รวม และกลยุทธ์ความเสี่ยงที่เชื่อมโยงผู้ป่วย สถานที่ และผู้สนับสนุน ทีมวิจัยสามารถระบุปัญหาข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นและสัญญาณความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้เข้าใจผู้ป่วยได้แม่นยํายิ่งขึ้น สิ่งนี้จะช่วยลดความท้าทายที่เกิดจากระบบข้อมูลแบบไซโล และช่วยให้การตรวจสอบข้อมูลการดําเนินการและการกระทบยอดเร็วขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์

“Clinical Data Studio ปลดล็อกระบบนิเวศของข้อมูลทางคลินิกในวงกว้าง ขับเคลื่อนโดย AI แบบฝัง เรากําลังทําให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นประชาธิปไตย และเปิดเผยสัญญาณ ความเสี่ยง และข้อมูลเชิงลึกที่สําคัญที่สุด สิ่งนี้เมื่อรวมกันแล้วจะช่วยเร่งการดําเนินการทดลองและสร้างข้อมูลที่สมบูรณ์สําหรับการค้นพบใหม่” Tom Doyle ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าว

Clinical Data Studio นําเสนอพื้นที่ทํางานที่ครอบคลุมสําหรับการบูรณาการ การแปลง และการจัดการข้อมูล ซึ่งรวมถึงการกระทบยอดข้อมูลที่ได้รับความช่วยเหลือจาก AI และการตรวจจับความผิดปกติ รายการข้อมูลแบบบริการตนเอง การจัดการคุณภาพตามความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง และเครื่องมือในการใช้ข้อมูลแบบองค์รวม และกลยุทธ์ความเสี่ยงที่ได้รับการสนับสนุนจากเวิร์กโฟลว์และการแสดงภาพ

“เมื่อปริมาณข้อมูลและแหล่งข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ การจัดการข้อมูลนี้และการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์จึงมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ไม่เพียงส่งผลต่อเวลาในการนำออกสู่ตลาด แต่ยังทําให้การส่งมอบการรักษาแก่ผู้ป่วยล่าช้าอีกด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ป่วย” Dr. Nimita Limaye รองประธานฝ่ายวิจัย Life Sciences R&D Strategy and Technology, IDC กล่าว “ด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการข้อมูลทั้งหมดของตน ทั้งข้อมูล Medidata และข้อมูลที่ไม่ใช่ Medidata ได้ในที่เดียว Medidata Clinical Data Studio มีศักยภาพที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมด้วยการเร่งการทดลองทางคลินิกและรับการรักษาผู้ป่วยได้เร็วขึ้น”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและผู้คนที่มีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก ฉลองครบรอบ 25 ปีของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในการทดลองมากกว่า 33,000 ครั้ง และผู้ป่วย 10 ล้านคน Medidata นําเสนอความเชี่ยวชาญชั้นนําของอุตสาหกรรมข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้ามากกว่า 2,200 ราย ไว้วางใจแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งความก้าวหน้าทางคลินิก และนําการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY PA) มีสํานักงานใหญ่ในนิวยอร์กซิตี้ และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นําโดย Everest Group และ IDC หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเรา @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งให้เกิดความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงสำหรับการทํางานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คน เพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างประสบการณ์แฝดเสมือนจริงของโลกแห่งความเป็นจริง ด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ลูกค้าของเราสามารถกําหนดกระบวนการสร้าง การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอใหม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลกระทบที่มีความหมายในการทําให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น ความงดงามของ Experience Economy คือ เศรษฐกิจที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อประโยชน์ของทุกคน  ทั้งผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน Dassault Systèmes นําคุณค่ามาสู่ลูกค้าทุกขนาดมากกว่า 350,000 ราย ในทุกอุตสาหกรรม ในกว่า 150 ประเทศ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์. 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, Compass icon, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้า หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักทะเบียนการค้าและบริษัท Versailles ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้า Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดแจ้ง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

ที่มา: Medidata

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร

Logo

HEB Construction ของนิวซีแลนด์ใช้ Boomi เพื่อเชื่อมต่อการดําเนินงานในท้องถิ่นและบูรณาการเข้ากับการปรับปรุง ERP ของบริษัทแม่ให้ทันสมัย ปกป้องความสามารถในท้องถิ่น การกํากับดูแล และความพร้อมของ AI

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–14 พฤษภาคม 2024

Boomi™ ผู้นําด้านบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ได้ประกาศในวันนี้ว่า HEB Construction เลือก Boomi เพื่อเปิดใช้งานการส่งมอบโครงการปรับปรุงการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ให้ทันสมัย ซึ่งรับประกันความสอดคล้องทั่วโลกกับบริษัทแม่ สนับสนุนการกํากับดูแลท้องถิ่น และสร้างปรัชญาการนํากลับมาใช้ใหม่

Major Construction Company Deploys Boomi to Build Stable Data Core (Graphic: Business Wire)

บริษัทก่อสร้างรายใหญ่ใช้ Boomi เพื่อสร้าง Data Core ที่เสถียร (กราฟิก: Business Wire)

HEB Construction (HEB) เป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ที่มีพนักงาน 1,500 คนในนิวซีแลนด์ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดยให้บริการโครงการพัฒนาถนน ทางรถไฟ ทางทะเล ที่ดิน และเมืองทั่วประเทศ ในปี 2015 HEB ถูกซื้อกิจการโดย VINCI Construction

ในปี 2022 HEB เริ่มนําโครงการ ERP ของบริษัทแม่มาใช้ ซึ่งถือเป็นการใช้งานครั้งแรกนอกสหภาพยุโรป แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วแพลตฟอร์ม ERP จะเข้ามาแทนที่ระบบในประเทศทั้งหมด แต่ก็ไม่เหมาะสําหรับ HEB เนื่องจากการครบกำหนดของการลงทุนด้านเทคโนโลยีในท้องถิ่นที่มีอยู่ และกรอบการกํากับดูแลที่ดําเนินการอยู่

“ด้วยข้อกําหนดด้านกฎระเบียบและการทํางานของนิวซีแลนด์ ซึ่งขัดแย้งกับกับตลาดที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ จึงเห็นได้ชัดว่า 'การปลูกถ่ายดิจิทัล' นั้นไม่เหมาะสม เนื่องจาก HEB ต้องการแนวทางที่แตกต่างออกไป” Mircel Van Der Walt สถาปนิกองค์กรของ HEB Construction กล่าว “ทีมของผมได้พิจารณาแนวทางการบูรณาการแบบไฮบริดแทน การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงได้รับแรงผลักดันจากความจําเป็นสําหรับระบบการกํากับดูแลที่เป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความจําเป็นของเราในการรักษาความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในระบบท้องถิ่นเช่น ทรัพยากรบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่า ERP ใหม่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยนี้ เราตระหนักดีว่า HEB จะได้รับความไว้วางใจจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยใช้แกนกลางที่มั่นคงเท่านั้น”

HEB ใช้ integration platform as a service (iPaaS) ของ Boomi เพื่อสร้างฮับและพูดถึงรูปแบบการบูรณาการระหว่างแอปพลิเคชันในท้องถิ่น รวมถึงบัญชีเงินเดือน ใบบันทึกการทำงาน การจัดการสินค้าคงคลัง และระบบบํารุงรักษาอุปกรณ์ การใช้โครงสร้างข้อมูลของ ERP เป็นมาตรฐานข้อมูล HEB ได้สะท้อนรูปแบบท้องถิ่นด้วยสแต็ก ERP ทั่วโลกเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างฮับกับฮับ แนวทางนี้ทำให้เกิดการสื่อสารที่ราบรื่นระหว่างทั้งสองบริษัท และสร้างรูปแบบการบูรณาการที่นํากลับมาใช้ใหม่ได้

“แม้ว่าโครงการ ERP จะมีความซับซ้อน แต่ 'สล็อต' ของเราในการเปิดตัวทั่วโลกที่ใหญ่ขึ้นก็ยังคงรักษากรอบเวลา 12 เดือนที่เข้มงวดเหมือนเดิม แต่ด้วย Boomi Enterprise Platform เรามีเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถส่งมอบตรงเวลา รวมถึงสร้างอินเทอร์เฟซการออกแบบที่มีคุณค่าในการนํากลับมาใช้ใหม่ โดยสามารถจําลองสิ่งที่เราประสบความสําเร็จในส่วนอื่นๆ ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการ์ดเรล ข้อบังคับ และข้อกําหนดในการปฏิบัติงานในท้องถิ่นที่คล้ายคลึงกัน”

HEB ยังใช้ Boomi Master Data Hub (MDH) เพื่อเพิ่มการทํางานร่วมกันและความแม่นยําให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วย MDH HEB สามารถจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมผ่านเลเยอร์ที่เป็นนามธรรมสามชั้น ได้แก่ คน โครงการ และอุปกรณ์

“ด้วยการกําหนดขอบเขตระหว่างต้นแบบข้อมูลทั้งสามแบบ ข้อมูล ERP จึงสามารถป้อนผ่านได้อย่างแม่นยำ และลงจอดในตำแหน่งที่ควรจะเป็นในท้องถิ่น และในทางกลับกัน ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ข้อมูลการจ้างงานใหม่จะดึงข้อมูล 'ผู้คน' ของ Boomi ของเรา และไหลไปที่ ERP เมื่อถึงความสมบูรณ์ของข้อมูลขั้นต่ำ

“เรากําลังกลายเป็นธุรกิจที่เน้นดิจิทัล ไม่ใช่แค่บริษัทก่อสร้างที่มีข้อมูลเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเราไม่ได้เพียงแค่ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมเท่านั้น เรากําลังให้ความหมายแก่ระบบโดยการเชื่อมต่อระบบเหล่านี้เข้ากับแกนข้อมูลองค์กรที่มีความเสถียร สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับแผน AI ของเรา เนื่องจากคุณไม่สามารถมี AI ได้หากไม่มี IA (สถาปัตยกรรมข้อมูล) ด้วย Boomi ตอนนี้เราพร้อมแล้ว”

Nathan Gower ผู้อํานวยการอาวุโสฝ่ายองค์กร APAC ของ Boomi กล่าวว่า “นี่เป็นตัวแทนที่แท้จริงของนวัตกรรมในท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทระดับโลกยอมรับข้อกําหนดเฉพาะที่จําเป็นในภูมิภาค HEB ใช้ Boomi เพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแบบผสมผสาน และด้วยการทําเช่นนั้น ได้สร้างความเข้าใจร่วมกันว่าไม่มีค่ายไหน แต่ทั้งสององค์กรใช้ระบบและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างผลลัพธ์แบบบูรณาการที่บรรลุเป้าหมายร่วมกัน”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจด้วยการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ในฐานะบริษัทชั้นนําการให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) ระดับโลก Boomi เฉลิมฉลองให้กับลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 20,000 รายและเครือข่ายพันธมิตร 800 รายทั่วโลก องค์กรต่างๆ หันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi เพื่อเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน ข้อมูล และผู้คนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© © 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์. ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อ:
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่าย Influencer Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53984377/en

ที่มา: Boomi

NTT DATA เข้าร่วม Global Alliance Program ของ EOI Space

Logo

ข้อตกลงนี้จะเอื้อให้ลูกค้าของ NTT DATA สามารถวางแผนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและการป้องกันประเทศด้วยความสามารถการถ่ายภาพทางดาวเทียมของ EOI Space

LOUISVILLE, Colo.–(BUSINESS WIRE)–29 พฤศจิกายน 2022

 EOI Space คือบริษัทที่ปรับใช้กลุ่มดาวเทียมซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตำแหน่งแก่ลูกค้าภาครัฐและเชิงพาณิชย์ วันนี้ได้ประกาศเกี่ยวกับข้อตกลงด้านการจัดจำหน่ายเชิงกลยุทธ์กับ NTT DATA Corporation ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจดิจิทัลและบริการทางไอทีระดับโลก เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีภาพถ่ายโลกที่มีความละเอียดสูงเป็นพิเศษของ EOI Space แก่ลูกค้าในตลาดประเทศญี่ปุ่น

Christopher Thein, CEO of EOI Space (left) and Hidenori Chihara, Executive Vice President of NTT DATA. (Photo: Business Wire)

Christopher Thein, CEO จาก EOI Space (ซ้าย) และ Hidenori Chihara, รองกรรมการผู้จัดการจาก NTT DATA. (ภาพ: Business Wire)

NTT DATA เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการเจ้าแรกใน Global Alliance Program ของ EOI Space ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรจำกัดระดับโลกที่มีสิทธิ์เข้าถึงเนื้อหาและบริการดาวเทียมของ EOI Space ก่อนใคร ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ NTT DATA จะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยใหม่ล่าสุดของ EOI Space นั่นคือ ดาวเทียม Stingray ซึ่งมีวงโคจรโลกที่ต่ำมาก (Very Low Earth Orbit (VLEO)) ช่วยให้สามารถมอบข้อมูลความจุสูงที่ลูกค้าต้องการ เพื่อตรวจสอบและรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนการคุกคามความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่ง EOI Space วางแผนที่จะเปิดตัวดาวเทียมดวงแรกในไตรมาส 1 ปี 2024 โดยมีดาวเทียมอีกห้าดวงที่คาดว่าจะเปิดตัวภายใน 12 เดือน ขณะเดียวกัน NTT DATA ก็จะสร้าง Secure Access Facility ในญี่ปุ่น เพื่อเสริมความสามารถในการดาวน์ลิงก์โดยตรงจากกลุ่มดาวเทียม Stingray

“EOI Space และ NTT DATA ร่วมมือกันสร้าง Secure Access Facility สำหรับ NTT DATA แบบระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้สามารถส่งข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เคย” Christopher Thein ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง EOI Space กล่าว “นี่คืออุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการถ่ายภาพคุณภาพสูงอย่างทันเวลา เราขอขอบคุณพันธมิตรที่ทุ่มเทร่วมใจให้กับภารกิจและตลาดนี้สำหรับ NTT DATA”

“โดยการใช้ดาวเทียม Stingray ของ EOI Space เราจะสามารถรวบรวมภาพความละเอียดสูงจำนวนมากในศูนย์ข้อมูลของเรา เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ภายใน การใช้อัลกอริธึม AI ล่าสุดของเราจะช่วยให้เราสามารถให้บริการผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้าของเรา โดยการแยกความแตกต่างในข้อมูลที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้และข้อมูลที่รวบรวมใหม่ เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ” Hideyuki Nakamura ผู้จัดการฝ่ายบริหารจาก NTT DATA กล่าว “นอกเหนือจากนี้ เรายังสามารถขยายการใช้งานภาพของ EOI Space สำหรับระบบป้องกันภัยพิบัติต่างๆ และโครงการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะมีการพัฒนาขึ้นในอนาคต และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เสริมระดับความยืดหยุ่น”

อนาคตของดาวเทียม: ขนาดเล็ก แต่ให้ผลสูง

ดาวเทียมกลายมามีความสำคัญมากขึ้นในชีวิตประจำวันและในด้านความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนทั่วโลก ดาวเทียม Stingray ของ EOI Space สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนพลาสมาที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โดยทำงานในวงโคจรที่ใกล้โลกมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับดาวเทียมอื่นๆ ในตลาด ช่วยให้ดาวเทียมสามารถจับภาพความละเอียดสูงเกือบ 15 ซม. ได้แบบเรียลไทม์ ระบบขับเคลื่อนแบบไอออนไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นอย่างเป็นอิสระของ EOI Space ซึ่งอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร ช่วยให้สามารถมั่นใจได้ว่า ดาวเทียมจะสามารถทำงานได้อย่างเสถียรในวงโคจรโลกต่ำ นอกจากนี้ ดาวเทียม Stingray ของ EOI Space ที่มีขนาดเล็กจะช่วยให้ NTT DATA และลูกค้าสามารถเข้าถึงภาพความละเอียดสูงและความจุข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับดาวเทียมขนาดใหญ่ที่มีราคาแพงกว่าในการพัฒนาและเปิดตัว

NTT DATA คาดว่า ยอดขายข้อมูลของ EOI Space และผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม เช่น การวิเคราะห์ AI มีมูลค่าสูงกว่า 70 ล้านดอลลาร์ในปี 2028 โดยคาดการณ์ว่า ยอดขายส่วนใหญ่จะมาจากการนำไปใช้ในการป้องกัน ความปลอดภัยสาธารณะ และการจัดการภัยพิบัติ บริษัทยังได้เข้าร่วมกับนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ ในกลุ่ม Series A ของ EOI Space พร้อมการลงทุนในตราสารทุน แสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อ EOI Space และตลาดการสังเกตการณ์โลก

เกี่ยวกับ EOI Space

EOI Space ตั้งอยู่ใน Louisville, Colorado กำลังพัฒนาดาวเทียมขนาดเล็กที่สามารถบินต่ำอย่างไม่เหมือนใคร เพื่อรวบรวมภาพถ่ายความละเอียดสูงเป็นพิเศษ รองรับการใช้งานด้านสังเกตการณ์ในโลกที่หลากหลายในวงโคจรโลกที่ต่ำมาก (Very Low Earth Orbit (VLEO)) โดยใช้สิทธิบัตรเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ผ่านการรับรองและกำลังอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร การปฏิบัติการใกล้โลกมากขึ้นกว่าเดิมจะทำให้ EOI บันทึกมุมมองของโลกจากอวกาศ เพื่อให้ได้ข้อมูลข่าวกรองแบบเรียลไทม์ที่มีมูลค่าสูงเชิงพาณิชย์ การติดตามทรัพย์สิน และการตรวจสอบสถานการณ์ ขณะนี้ EOI Space กำลังระดมทุนเพื่อลงทุนในการขยายกลุ่มดาวเทียม ติดตามเราได้ที่ https://eoi.space เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจและโอกาสในการลงทุนของเรา

เกี่ยวกับ NTT DATA

NTT DATA เป็นส่วนหนึ่งของ NTT Group  และเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมด้านไอทีและบริการธุรกิจระดับโลกที่เชื่อถือได้ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่โตเกียว เราให้บริการช่วยลูกค้าในการเปลี่ยนแปลงผ่านการให้คำปรึกษา โซลูชันอุตสาหกรรรม บริการกระบวนการทางธุรกิจ การปรับปรุงไอทีให้ทันสมัย และบริการบริหารจัดการ โดย NTT DATA ช่วยให้ลูกค้าและสังคมสามารถก้าวไปสู่อนาคตแห่งดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ เรามุ่งมั่นในการช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในระยะยาวและวางแผนที่จะขยายบริการไปให้ถึงทั่วโลกมากกว่า 50 ประเทศ พร้อมดูแลใส่ใจลูกค้าในท้องถิ่น ติดตามเราได้ที่ https://www.nttdata.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52979658/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อฝ่ายสื่อ:
Paul Smith
EOI Space
+1 650.200.3360
media@eoi.space

แหล่งข้อมูล: EOI Space

The Open Group OSDU™ Forum ประกาศเปิดตัว OSDU Data Platform Mercury Release

Logo

~ แพลตฟอร์มข้อมูลมาตรฐานที่ใช้กระตุ้นนวัตกรรม ส่งเสริมการจัดการข้อมูล และลดเวลาการวางตลาดสำหรับโซลูชันใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมพลังงาน ~

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–24 มีนาคม 2564

The Open Group ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรเทคโนโลยีที่เป็นกลางสำหรับผู้ขาย วันนี้ประกาศเปิดตัว OSDU Data Platform Mercury Release โดย The Open Group OSDU™ Forum เป็นผู้พัฒนา OSDU Data Platform ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเปิด และแพลตฟอร์มข้อมูลที่อิงตามมาตรฐานและเทคโนโลยีล้วน ๆ สำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อช่วยกระตุ้นนวัตกรรมการจัดการข้อมูลเชิงอุตสาหกรรมและลดเวลาในการวางตลาดสำหรับโซลูชันใหม่ ๆ

OSDU Data Platform จะให้เวลาเพิ่มเติมในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ของแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยผู้ขาย ซึ่งเปิดให้เข้าถึงและได้รับการยอมรับจากแหล่งข้อมูลด้านพลังงานมากมาย จากการเข้าถึงระบบนิเวศนี้ ผู้พัฒนาจะไม่ต้องพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างขนาดมหึมาเพื่อใช้ส่งมอบบริการเสริมอีกต่อไป ด้วย API ชุดเดียวที่กำหนดไว้เฉพาะอุตสาหกรรมในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ สามารถเร่งการออกแบบแพลตฟอร์มและพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นกรรมสิทธิ์บน OSDU Data Platform ได้อย่างง่ายดาย

ด้วยวิธีการของ Open Source บริษัททุกแห่งตั้งแต่องค์กรที่ก่อตั้งมานานไปจนถึงบริษัทสตาร์ทอัพ สามารถมีส่วนร่วมพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ มายังแพลตฟอร์มเพื่อสนับสนุนขั้นตอนการทำธุรกิจที่หลากหลาย งานทุกชิ้นจะถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการจัดการโปรแกรม OSDU หรือ OSDU Program Management Committee (PMC) เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่างานนั้นจะล้อไปกับทิศทางโดยรวมของประชาคม

ด้วยมุมมองเดียวของข้อมูลเชิงอุตสาหกรรม OSDU Data Platform สามารถนำไปใช้งานเพื่อนวัตกรรมแอปพลิเคชันทางธุรกิจ ปัจจุบัน OSDU Data Platform Mercury Release พร้อมให้บริการแก่ผู้ปฏิบัติงานและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต้องการใช้เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ ดังนี้

  • ปลดปล่อยข้อมูลจากไซโลแบบเดิมและทำให้ข้อมูลทั้งหมดสามารถค้นพบและใช้งานได้ในแพลตฟอร์มข้อมูลเดียว
  • เปิดใช้งานขั้นตอนพัฒนาและค้นหาแบบบูรณาการใหม่ ๆ ที่ช่วยลดเวลาในการทำงานโดยรวม
  • ใช้ประโยชน์จากโซลูชันดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและช่วยเร่งการตัดสินใจ

Steve Nunnประธานและซีอีโอแห่ง The Open Group ให้ความเห็นว่า “The OSDU Data Platform Mercury Release คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่พัฒนาโดย OSDU Forum ในระยะเวลาอันสั้น OSDU Forum ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 มีสมาชิกองค์กรเพิ่มขึ้น 185 แห่ง โดยมาร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นนวัตกรรมและลดค่าใช้จ่ายภาคพลังงาน ด้วยแพลตฟอร์มข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน บริษัทด้านพลังงานต่าง ๆ จะสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ระบบมาตรฐานเปิดเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น ในอนาคต สิ่งนี้มีความจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นของโลก พร้อมยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย”

Johan Krebbers ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายเทคโนโลยีเกิดใหม่ และ รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท Shell กล่าวว่า “หัวใจสำคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัทด้านพลังงานส่วนใหญ่คือการใช้เทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและพาเราก้าวไปข้างหน้าในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน สิ่งนี้ทำให้ความจำเป็นในการออกแบบโครงสร้างทั่วไปมีความชัดเจน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนว่าอุตสาหกรรมของเราทำงานร่วมกับข้อมูลได้อย่างไร”

ด้าน David Eyton รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายนวัตกรรมและวิศวกรรม บริษัท bp กล่าวว่า “ข้อมูลคือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง bp ไปเป็นบริษัทพลังงานครบวงจร เราเชื่อว่าอนาคตของอุตสาหกรรมพลังงานจะขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการข้อมูลในรูปแบบการแบ่งปันข้อมูลกับพันธมิตร ส่งเสริมนวัตกรรมผ่านข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และกระตุ้นการตัดสินใจอย่างรวดเร็วตลอดวงจรชีวิตห่วงโซ่พลังงาน จากการเป็นสมาชิกก่อตั้งของ OSDU Forum นั้น bp ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่เปลี่ยนรากฐานภูมิทัศน์ของข้อมูลแก่อุตสาหกรรมของเรา และจากการรวมองค์กรด้านพลังงาน ผู้ให้บริการคลาวด์ และผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ไว้ด้วยกัน OSDU Forum จึงมอบโอกาสสำหรับความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น Mercury Release ของ OSDU Data Platform และหวังว่าจะขยายวิธีการนี้ไปยังงานด้านวิศวกรรม การปล่อยก๊าซ และพลังงานใหม่ ๆ ในอนาคต”

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาแอปพลิเคชันของ OSDU Data Platform เข้าไปที่หน้าชุมชนนักพัฒนาแอปพลิเคชันได้ที่นี่

ดูรายชื่อสมาชิกปัจจุบันของ OSDU Forum ได้ที่นี่

-สิ้นสุดเนื้อหา-

เกี่ยวกับ The Open Group OSDU Forum

The Open Group OSDUTM Forum ช่วยให้อุตสาหกรรมพลังงานพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานของโลกที่เปลี่ยนไป The OSDU Forum เปิดรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน รวมถึงผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี บริษัทซอฟท์แวร์ มหาวิทยาลัย และอื่น ๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The OSDU Forum ดูได้ที่นี่

เกี่ยวกับ The Open Group

The Open Group ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรระดับโลกที่ช่วยกันผลักดันความสำเร็จของธุรกิจผ่านมาตรฐานของเทคโนโลยี ด้วยสมาชิกองค์กรที่มากถึง 800 แห่ง อันประกอบด้วยลูกค้า ซัพพลายเออร์โซลูชันและระบบ ผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือ ผู้รวบรวม สถาบันการศึกษา และที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาได้ที่ www.opengroup.org

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210324005005/en/

ข้อมูลติดต่อสื่อ:
Jenny Morris
Hotwire
+44 (0)7393465529
UKOpengroup@hotwirepr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เอเชียเปิดตัวพอร์ทัลข้อมูลเปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Open Data Day 2021

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–11 มีนาคม 2564

สมาคมคอมพิวเตอร์ไทเป (Taipei Computer Association) ในฐานะสำนักเลขาธิการโครงการความร่วมมือด้านการเปิดเผยข้อมูลแห่งเอเชีย หรือ Asia Open Data Partnership (AODP) ร่วมกับงานประชุมเชิงปฏิบัติการการประยุกต์ใช้ข้อมูลซึ่งจัดโดย AODP ในกิจกรรม Open Data Day 2021 ได้ประกาศเปิดตัวพอร์ทัลข้อมูลเปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเอเชีย พอร์ทัลข้อมูลเปิดแห่งเอเชีย จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเข้าถึงข้อมูลแบบเปิดที่เผยแพร่โดยสถาบัน หน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ในประเทศสมาชิกของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นการส่งสัญญาณถึงยุคใหม่ของการเข้าถึงข้อมูลอย่างเสรี หรือ democratization ทั่วทั้งเอเชีย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210310006082/en/

Screenshot from the Asia Open Data Portal launch and data application workshop, organized by Asia Open Data Partnership (AODP) at Open Data Day 2021. (Photo: Business Wire)

ภาพสกรีนช็อตจากการเปิดตัวพอร์ทัลข้อมูลเปิดแห่งเอเชียและการประชุมเชิงปฎิบัติการด้านการประยุกต์ใช้ข้อมูล จัดโดยโครงการความร่วมมือด้านการเปิดเผยข้อมูลแห่งเอเชีย (AODP) ในกิจกรรม Open Data Day 2021 (รูปภาพ: Business Wire)

พอร์ทัลปัจจุบันประกอบด้วยชุดข้อมูลมากกว่า 73.1 พันชุด จัดเป็น 20 แคตตาล็อก และ 12 หมวดหมู่ ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น มลพิษในเมือง และการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล หรือ PPE ข้อมูลถูกจัดเก็บจากประเทศสมาชิก AODP ที่จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และอินเดีย ส่วนความท้าทายที่โครงการต้องเผชิญคือเรื่องความหลากหลายของภาษาที่ใช้ในเอเชีย และรูปแบบข้อมูลที่ใช้โดยภาครัฐและเอกชนของประเทศสมาชิกที่แตกต่างกัน ซึ่ง AODP กำลังเอาชนะด้วยการใช้เทคโนโลยีการแปลด้วยเครื่องและความพยายามทางการทูตในการกำหนดมาตรฐานข้อมูล

การเปิดตัวพอร์ทัลข้อมูลเปิดแห่งเอเชียและการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการประยุกต์ใช้ข้อมูลมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง ช่อง DataEconomy.Taiwan บน YouTube รวมถึงมีการเสวนาโดยตัวแทน AODP จากประเทศไต้หวัน เวียดนาม ญี่ปุ่น อินเดีย ไทย และกัมพูชา และมีการนำเสนอผลงานพิเศษจากผู้ชนะรางวัล Invincible Award จากการประกวด Asia Open Data Challenge ในปีก่อนหน้าสามทีม โดยอันดับแรก สมาชิกจากทีม GliaCloud (ไต้หวัน) ได้แนะนำแพลตฟอร์มสร้างวิดีโอโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เรียกว่า GliaStar ซึ่งนำเสนอข้อมูลแบบเปิดเป็นภาพเคลื่อนไหวโดยใช้ตัวละครจากการ์ตูน ถัดมา สมาชิกทีม Smart Delivery (ญี่ปุ่น) ได้นำเสนอนวัตกรรมทางด้านลอจิสติกส์ โดยนำข้อมูลเปิดมาใช้เพื่อสร้างแรงจูงใจและช่วยให้พนักงานส่งอาหารและยาให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ชนบทของประเทศญี่ปุ่น สุดท้าย สมาชิกทีม Dbdbdeep (เกาหลีใต้) ได้อธิบายเกี่ยวกับ “แบบจำลองเหตุวุ่นวายทางสังคมในระดับภูมิภาค” ซึ่งใช้ข้อมูลเปิดมาตรวจหาผลกระทบจากโรคติดเชื้อต่อสังคม

โครงการความร่วมมือด้านการเปิดเผยข้อมูลแห่งเอเชีย หรือ AODP ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 โดยมีเป้าหมายหลักในการอำนวยความสะดวกทางด้านการสื่อสารและความร่วมมือเกี่ยวกับข้อมูลเปิดและการประยุกต์ใช้ข้อมูลระหว่างประเทศในเอเชีย พอร์ทัลข้อมูลเปิดแห่งเอเชียริเริ่มขึ้นโดย Organization for Data-driven Application (ไต้หวัน) ในปี 2560 โดยใช้พอร์ทัลข้อมูลเปิดของสหภาพยุโรปเป็นต้นแบบ และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการโดยประเทศสมาชิก AODP ในปี 2562 เป้าหมายของโครงการความร่วมมือคือการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมของเอเชียในทุกภาคส่วนรวมถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อย่างเช่น AI และ IoT

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210310006082/en/

สื่อ: Daniel Cunningham, daniel.cunningham@ddg.com.tw +886 223117007

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย