Tag Archives: amazon

Veea, O.N.E. Amazon และ AECOM ร่วมกันสร้างเครือข่าย Internet of Forests (IoF) โซลูชันคอมพิวเตอร์แบบไฮบริด Edge-Cloud เพื่อปกป้องชีวนิเวศป่าฝนและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

Logo

โครงการ IoF แรกจะมีการสาธิตสดที่งานประชุมว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของสหประชาชาติ (COP 16) ในเมืองกาลิ โคลอมเบีย ในเดือนตุลาคม 2024

นิวยอร์ก และกาลิ, โคลอมเบีย–(BUSINESS WIRE)–29 ตุลาคม 2024

Veea (NASDAQ : VEEA) ผู้นำรายแรกในตลาดด้านเครือข่ายมัลติแอ็กเซสแบบไฮเปอร์คอนเวอร์จ (hyperconverged multiaccess) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้จับมือกับรัฐบาลโคลอมเบีย, O.N.E. Amazon และ AECOM ร่วมกันติดตั้งโซลูชันแบบไฮบริดที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าและหลากหลาย ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และการสื่อสารแบบ Edge-Cloud ในพื้นที่อนุรักษ์ที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลโคลอมเบีย วัตถุประสงค์ของการติดตั้งครั้งนี้คือเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์สุขภาพของป่าฝนและเชื่อมโยงทุกเฮกตาร์ของป่าเข้าสู่ระบบดิจิทัล เพื่อมอบประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนแก่ชุมชนในชนบท โครงการริเริ่ม Internet of Forests นี้เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแต่ละหน่วยงานต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองขณะเดียวกันก็ปกป้องโลกใบนี้ด้วย

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งทวีปอเมริกากล่าวว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศทั่วโลกกำลังลดลง และแรงกดดันที่นำไปสู่การลดลงดังกล่าวยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องการการดำเนินการเร่งด่วนเพื่อผันกลับความสูญเสียทางธรรมชาติและหลีกเลี่ยงการสูญพันธุ์ขนานใหญ่ครั้งที่ 6 (IPBES, 2019) ตั้งแต่ปี 1970 ทั่วโลกมีการลดลงโดยเฉลี่ยของประชากรสัตว์ถึง 69% ในขณะที่ภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียนอยู่ในอันดับสูงสุดของรายชื่อนี้ โดยมีการลดลงที่น่าตกใจถึง 94% (WWF, 2022)” โครงสร้างเทคโนโลยีขั้นสูงของ IoF ได้รับการออกแบบมาไม่เพียงเพื่อช่วยรักษาระบบนิเวศของอุทยาน Chiribiquete อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของโคลอมเบียและเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกเท่านั้น แต่ยังเพื่อเผยคุณค่าที่แท้จริงของทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของโลก ซึ่งมุ่งสู่การบริหารจัดการและปกป้องป่าฝนอะเมซอนอย่างยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต

“เมื่อเราให้การมองเห็นทางโลกดิจิทัลกับสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก เราเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการอนุรักษ์ สร้างการมีส่วนร่วม และพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ” Allen Salmasi ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Veea กล่าว “ด้วยโซลูชันขั้นสูงอย่าง digital twins นั้น IoF มีศักยภาพในการแปลง (transformative capabilities) ที่สามารถคำนวณและมองเห็นสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้ในวิธีใหม่หมดจด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุรักษ์และสร้างอนาคตที่ยั่งยืน”

โครงการริเริ่ม IoF จะช่วยให้สามารถตรวจสอบและเก็บข้อมูลได้โดยละเอียด โดยเริ่มจากเซ็นเซอร์ภาคพื้นดินและกล้องที่ติดตั้งในป่าฝน ซึ่งข้อมูลที่เก็บได้จะถูกประมวลผลในพื้นที่ด้วยอุปกรณ์ VeeaHub ที่ทำงานในระบบคลัสเตอร์แบบ mesh ที่ติดตั้งในโซนต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดเลือกอย่างรอบคอบทั่วป่าฝน โดยใช้การเชื่อมต่อดาวเทียมเป็นตัวสนับสนุน การผสานข้อมูล (data fusion) ผ่านการรวมข้อมูลภาคพื้นดินที่ได้รับการประมวลผลจากแหล่งที่มาต่าง ๆ เข้ากับข้อมูลจาก LIDAR ที่ใช้ดาวเทียม และ/หรือภาพความละเอียดสูง พร้อมการแมชชีนเลิร์นนิงและ AI ช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญและความรู้ขั้นสูงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม กิจกรรมของมนุษย์ ตัวแปรชีวฟิสิกส์ และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ความสามารถหลากหลายที่ติดตั้งใน IoF นี้ทำให้สามารถสร้างกลไกการตรวจสอบ การรายงาน และการยืนยัน (monitoring, reporting and verification : MRV) ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถให้ข้อมูลสภาพของพื้นดินแบบเรียลไทม์ เช่น การเริ่มต้นของไฟป่า การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะเดียวกันยังช่วยในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิและความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่น

Rodrigo Veloso ซึ่งเป็น CEO ของ O.N.E. Amazon กล่าวว่า “ภารกิจของเราคือการขับเคลื่อนโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเกือบ 50 ล้านคนในภูมิภาคอะเมซอน ในขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาชีวนิเวศ (biome) ไว้สำหรับคนรุ่นหลัง”

Robert Spencer หัวหน้าฝ่ายธรรมชาติและความยั่งยืนระดับโลกของ AECOM กล่าวว่า “เทคโนโลยีด้านธรรมชาติกำลังปฏิวัติวิธีการตัดสินใจเกี่ยวกับป่าฝนเขตร้อนอะเมซอนที่เป็นเอกลักษณ์และชุมชนที่พึ่งพาอยู่ การใช้ข้อมูลสดช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า การดำเนินการของเรามีประสิทธิภาพและยั่งยืน AECOM มุ่งมั่นที่จะผลักดันการตัดสินใจที่ดีขึ้นและผลลัพธ์ของชุมชนผ่านความร่วมมือที่มีธรรมชาติเป็นโฟกัสนี้”

แพลตฟอร์ม IoF ที่สร้างโดยพันธมิตรในระบบนิเวศนี้ไม่เพียงแต่มีศักยภาพในการปกป้องระบบนิเวศป่าฝนและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมสำหรับชุมชนท้องถิ่นด้วย ซึ่งจะช่วยให้แอปพลิเคชันที่ใช้ Edge AI สามารถสนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน เช่น เกษตรอัจฉริยะด้วยการเกษตรที่มีความแม่นยำ การจัดการน้ำ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การผลิตพลังงานหมุนเวียนที่หลากหลาย และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์แบบไฮบริด Edge-Cloud ของ Veea ช่วยให้เกิดเครือข่ายขั้นสูงและแอปพลิเคชัน Edge ที่รองรับโดยการเชื่อมต่อและการจัดการแอปพลิเคชันที่ครอบคลุม รวมถึงบล็อกเชน IoT/IIoT/AIoT และเทคโนโลยีการจัดการข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้ผสานรวมกันให้โซลูชัน “last-hectare” ที่ครบวงจรในป่าฝน เช่น :

  • การเข้าถึงเนื้อหาที่แคชไว้ในพื้นที่และอัปเดตเป็นประจำสำหรับการศึกษา การดูแลสุขภาพ การฝึกอบรม ข่าว และความบันเทิง
  • การวางแผนและการจัดการโซลูชันพลังงานหมุนเวียนในราคาย่อมเยา
  • การติดตามมลพิษทางน้ำ คุณภาพอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เกี่ยวกับ Veea

Veea® ทำให้การใช้ชีวิตและการทำงานที่ขอบเครือข่ายง่ายขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น Veea ได้รวมการประมวลผลแบบหลายผู้เช่า การสื่อสารแบบมัลติแอคเซสหลายโปรโตคอล การจัดเก็บข้อมูลที่ขอบเครือข่าย และโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ไว้ในผลิตภัณฑ์ที่บริหารจัดการทั้งบนคลาวด์และที่ขอบเครือข่ายแบบครบวงจร ผลิตภัณฑ์ Multiaccess Edge Computing (MEC) ของ Veea ซึ่งพัฒนาขึ้นตั้งแต่ต้นในรูปแบบขนาดกะทัดรัด ได้นำฟังก์ชันการทำงานที่โดยปกติจะได้รับจากการรวมกันของเซิร์ฟเวอร์, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย (Network Attached Storage หรือ NAS), เราท์เตอร์, ไฟร์วอลล์, จุดเชื่อมต่อ Wi-Fi (Access Points หรือ AP), เกตเวย์ IoT, การเข้าถึงไร้สาย 4G หรือ 5G และการประมวลผลบนคลาวด์ (Cloud Computing หรือ CC) มารวมไว้ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน ที่มีการบูรณาการระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบต่าง ๆ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานด้าน IT/OT จะต้องดูแลรักษา เมื่อเปรียบเทียบกับโซลูชันแบบเดิมแล้ว Veea Edge Platform ให้ประสิทธิภาพในการตอบสนองแอปพลิเคชันที่สูงขึ้น เพิ่มความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ปกป้องข้อมูล และมีการรับรู้ตามบริบท รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งข้อมูลและค่าใช้จ่ายรวมของการเป็นเจ้าของ ทั้งยังติดตั้ง ใช้งาน ตรวจสอบ และบำรุงรักษาเครือข่ายขอบได้อย่างง่ายดาย ผลิตภัณฑ์ VeeaHub ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่รันด้วยระบบ Linux ซึ่งมีสภาพแวดล้อมซอฟต์แวร์ที่จำลองแบบเสมือนอย่างครบถ้วนสำหรับแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นในรูปแบบคลาวด์โดยใช้คอนเทนเนอร์ Docker™ ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง โดยมีการแยกข้อมูลผู้ใช้และแอปพลิเคชันออกจากกันอย่างเข้มงวด รวมถึงมีการสร้างเครือข่ายที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (Software Defined Networking หรือ SDN) และการจำลองฟังก์ชันของเครือข่าย (Network Function Virtualization หรือ NFV) ที่ครอบคลุมความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อส่งมอบเครือข่ายแบบมัลติฟังก์ชันผ่านเครือข่ายเชื่อมต่อและประมวลผล โซลูชันครบวงจรที่ติดตั้งได้ง่ายนี้มีการจัดการอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และบริการเสริมต่าง ๆ จากคลาวด์อย่างครบวงจร พร้อมการเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero Trust Network Access (ZTNA) และบริการ Secure Access Service Edge (SASE) ที่ใช้ 5G ซึ่งติดตั้งได้อย่างง่ายดายที่เลือกติดตั้งได้ Veea Edge Platform รองรับการเชื่อมต่อโดยตรงจากเครือข่ายไฟเบอร์ออปติก เครือข่ายเซลลูลาร์ และดาวเทียม สู่เครือข่ายท้องถิ่นที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มเครือข่าย VeeaHub ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi และอุปกรณ์ IoT ในลักษณะเดียวกับการจัดการเครือข่ายเซลลูลาร์ ซึ่งเป็นความสามารถที่ได้รับการจดสิทธิบัตรภายใต้ชื่อการแบ่งเครือข่าย (Network Slicing) นอกจากนี้ Veea Developer Portal และเครื่องมือพัฒนายังช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขอบเครือข่ายเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว พร้อมความสามารถในการรองรับ Edge AI เป็นทางเลือกเสริม Veea ได้พัฒนาโซลูชันที่คุ้มค่าหลากหลายสำหรับข้อเสนอ B2B และ B2B2C ผ่านผู้ให้บริการ ผู้จัดจำหน่ายพันธมิตร ระบบอินทิเกรเตอร์ พันธมิตรด้านองค์กร และหน่วยงานรัฐบาล สำหรับการใช้งานด้านการค้าปลีกอัจฉริยะ การก่อสร้างอัจฉริยะ โลจิสติกส์และคลังสินค้าอัจฉริยะ การเกษตรอัจฉริยะ อาคารอัจฉริยะ โรงเรียนอัจฉริยะ โรงพยาบาลอัจฉริยะ พิพิธภัณฑ์อัจฉริยะ ไปจนถึงเมืองอัจฉริยะ Veea ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก โดยมีประวัติอันยาวนานในด้านนวัตกรรมเครือข่ายขั้นสูง เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายและการประมวลผล รวมถึงมีสิทธิบัตรที่ได้รับการอนุมัติกว่า 103 รายการ และกำลังรอการอนุมัติอีก 33 รายการในเทคโนโลยีหลักด้านการประมวลผลที่ขอบเครือข่ายแบบมัลติฟังก์ชัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม veea.com และติดตามเราทาง X และ LinkedIn

เกี่ยวกับ O.N.E. Amazon

ในฐานะผู้บุกเบิกการผสานรวมด้านความยั่งยืน การทำโทเคไนเซชัน (tokenization) เทคโนโลยี และตลาดการเงิน O.N.E. Amazon พัฒนาโซลูชันนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ภารกิจของบริษัทคือการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคอะเมซอนผ่านกองทุนเพื่อผลกระทบเชิงบวก O.N.E. Amazon ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล เจ้าของที่ดินภาคเอกชน ชนเผ่าพื้นเมือง องค์กรไม่แสวงหากำไร และภาคธุรกิจในดินแดนป่าฝนอะเมซอนครอบคลุมพื้นที่โบลิเวีย บราซิล โคลอมเบีย เอกวาดอร์ กายอานา เปรู ซูรินาเม เวเนซุเอลา และเฟรนช์เกียนา เยี่ยมชมได้ที่ www.oneamazon.com

เกี่ยวกับ AECOM

AECOM คือบริษัทที่ปรึกษาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก บริการระดับมืออาชีพตลอดวงจรชีวิตของโครงการ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางแผน การออกแบบและวิศวกรรม ไปจนถึงการบริหารจัดการโครงการและการก่อสร้าง ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนไว้วางใจให้เราแก้ไขความท้าทายที่ซับซ้อนที่สุดในโครงการต่าง ๆ ครอบคลุมด้านการขนส่ง อาคาร น้ำ พลังงานใหม่ และสิ่งแวดล้อม ทีมงานของเราขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายร่วมกันในการสร้างโลกที่ดีกว่าผ่านความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและดิจิทัลที่ไม่มีใครเทียบ ผ่านวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ความหลากหลาย และการอยู่ร่วมกัน รวมถึงความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล AECOM เป็นบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 โดยธุรกิจบริการระดับมืออาชีพมีรายได้ 14.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2023 ติดตามวิธีการที่เรากำลังสร้างมรดกแห่งความยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไปได้ที่ aecom.com และ @AECOM

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ
สื่อมวลชนติดต่อ :
James Christopherson
Sterling Communications สำหรับ Veea Inc.
veea@sterlingpr.com

แหล่งที่มา : Veea

.

.

Kolmar Korea ร่วมมือกับ Amazon เพื่อสนับสนุนการขยายบริษัท K-beauty ไปทั่วโลก

Logo

– จัดงาน “K-Beauty Seller Day” ร่วมกับบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อส่งเสริมนวัตกรรม K-Beauty ทั่วโลก

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2024

Kolmar Korea (KRX: 161890) ผนึกกําลังกับ Amazon ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนําของโลก เพื่อสนับสนุนแบรนด์ K-beauty ในการเข้าสู่ตลาดโลกอย่างประสบความสำเร็จ

Sang-hyun Yoon, Vice President of Kolmar Group, delivers welcoming remark at the Amazon K-Beauty Conference Seller Day (Image: Kolmar Korea)

Sang-hyun Yoon รองประธานของ Kolmar Group กล่าวต้อนรับในงาน Amazon K-Beauty Conference Seller Day (ภาพ: Kolmar Korea)

Kolmar Korea ประกาศว่าได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน 'Amazon K-Beauty Conference Seller Day' กับ Amazon ในวันที่ 27 มิถุนายน ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลในกรุงโซล

งานนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,500 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่จากแบรนด์ความงามของเกาหลี ตลอดจนถึงผู้ที่มาจากภาคการจัดจําหน่ายและการผลิตทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ผู้เข้าร่วมงานที่สําคัญ ได้แก่ Sang-hyun Yoon รองประธาน Kolmar Group; Hyun-gyu Choi ซีอีโอของ Kolmar Korea; Jim Yang รองประธานบริหารของ Amazon Global Selling Asia Pacific (APAC); และ Yuki Suita หัวหน้าฝ่ายธุรกิจความงามสําหรับผู้บริโภคของ Amazon Japan

ในสุนทรพจน์ต้อนรับ Sang-hyun Yoon ได้อธิบายวัตถุประสงค์ของงาน เขากล่าวว่า “งานนี้จัดโดย Kolmar และ Amazon เป็นมากกว่าความร่วมมือทางธุรกิจ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่นวัตกรรมและคุณค่าของ K-beauty ไปทั่วโลก เราหวังว่างานนี้จะเป็นรากฐานที่สําคัญในการสํารวจโอกาสระดับโลกสําหรับ K-beauty และแบ่งปันกลยุทธ์โดยละเอียดสําหรับการนําไปใช้”

งานนี้เกิดขึ้นเมื่อ K-beauty กําลังได้รับความนิยมอย่างมากใน Amazon และทั้งสองบริษัทต้องการสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดโลกของบริษัทความงามของเกาหลีอย่างจริงจัง

K-beauty ได้รับความนิยมอย่างมากจนยอดขายผลิตภัณฑ์ K-beauty บนร้านค้าทั่วโลกของ Amazon เพิ่มขึ้นมากกว่า 75% ในปีที่แล้ว Kolmar Korea เป็นผู้นําเทรนด์นี้ด้วยการทําสัญญาใหม่กับลูกค้า 253 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์อินดี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 48.7% จากปีก่อน ทั้งสองบริษัทวางแผนที่จะค้นหาแบรนด์ที่โดดเด่นซึ่งขับเคลื่อนแนวโน้มของตลาดโลกด้วยแนวคิดที่น่าสนใจและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม

ในงาน Kolmar Korea ได้จัดบูธขนาดใหญ่ที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ดูแลผิว การแต่งหน้า ครีมกันแดด และแพ็คเกจเครื่องสําอาง พวกเขายังให้คําปรึกษาเฉพาะด้านสําหรับธุรกิจเครื่องสําอางทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Sang-Keun Han รองผู้อํานวยการ Kolmar Korea R&D Complex ได้บรรยายในหัวข้อ 'Deeply Grounded Confidence: The Competitiveness of Korean Cosmetics'

ตัวแทนจาก Kolmar Korea กล่าวว่า “งานนี้มีความสําคัญเนื่องจากเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง Kolmar Korea ซึ่งเป็นบริษัท ODM เครื่องสําอางระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ K-beauty และ Amazon ซึ่งเป็น บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก Kolmar และ Amazon จะติดตามการเติบโตร่วมกันโดยนําเสนอเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้าของเราในการเข้าสู่ตลาดโลก”

วิดีโอไฮไลท์ของงาน: https://www.youtube.com/watch?v=sbqXL8fBgpM

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54091414/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Kolmar Holdings

Jang Woo Lee
jay.lee@kolmar.co.kr

ที่มา: Kolmar Holdings

Aurora, Bangkok Bank, Farmhouse, Café Amazon ร่วมรับรางวัลแบรนด์ ออฟ เดอะ เยียร์ อวอร์ด ประจำปี 2022

Logo

ลอนดอน –(BUSINESS WIRE)–7 พฤศจิกายน 2022

ในการประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 15 มีแบรนด์มากกว่า 3,500 แบรนด์จากประเทศต่างๆ มากกว่า 45 ประเทศได้รับการประกาศชื่อให้เป็น “แบรนด์ ออฟ เดอะ เยียร์” ในจำนวนนี้ มีน้อยกว่า 250 แบรนด์ที่ได้รับการประกาศรางวัล มีแขกผู้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัล 100 คนจากทั่วโลกมาร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก ณ พระราชวังเค็นซิงตัน ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีมอบรางวัล

Lurpak, Club Med, Yakult, Spotify, CoCo, Ikea, Amazon, Netflix, Neutrogena, Lego, Cadbury, Johnnie Walker, Hennessy ได้รับการประกาศให้เป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัลระดับโลกในพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติดังกล่าว

แบรนด์จากไทยที่ได้รับรางวัล ได้แก่ Aurora, Bangkok Bank, Farmhouse, Café Amazon, Gems Pavillion, King Power, PTT Station, Siam Paragon, Thai Life Insurance, True Online, Mk Suki, M-150, Twelve Plus สำหรับแบรนด์อื่นๆ ที่ได้รับรางวัลระดับประเทศ ได้แก่ Alibaba (จีน), Dior (ฝรั่งเศส), Haribo (เยอรมนี), Janji Jiwa (อินโดนีเซีย), Sprite (เคนย่า), Toast Box (สิงคโปร์), Sparco (อิตาลี) เป็นต้น

มีเพียง 17 แบรนด์ที่ได้รับรางวัลระดับภูมิภาคปีนี้ ได้แก่ Bosch, Media Markt, Sennheiser, SoundCloud, Al Abraaj Restaurants, Huawei, Carrefour, Optical 88, MR. D.I.Y., Elkjøp, BreadTalk, Naturgy, H&M, Walrus Pump, Gems Pavilion และ CBRE โดยแบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์โปรดของผู้บริโภคในอย่างน้อย 4 ประเทศของพื้นที่ในภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ 3 แห่งขึ้นไป

“พิธีนี้เป็นการเฉลิมฉลองแบรนด์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก รางวัลดังกล่าวเป็นเสมือนการยอมรับในความอุตสาหะที่ทีมงานของแต่ละแบรนด์ได้ทุ่มเทอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยในการทำงาน เพื่อสร้างและรักษาแบรนด์ของตนเองไว้ในตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด” คุณ Danny Pek กรรมการบริหาร World Branding Forum กล่าว

“ปีนี้มีผู้บริโภคเข้าร่วมกระบวนการเสนอชื่อมากกว่า 150,000 คนจากทั่วโลก โดยเฉลี่ยแล้วจะมีแบรนด์ที่ได้รับรางวัลในแต่ละประเทศอยู่เพียง 5 แบรนด์ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นต่อไปอีกว่าการได้รับรางวัล World Branding Awards นั้นเป็นความสำเร็จอันโดดเด่นอย่างแท้จริง” คุณ Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

งานนี้ดำเนินรายการโดย Jemma Forte พิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกสุดพิเศษเกี่ยวกับผู้บริโภคในอนาคตโดย Chris Sanderson ผู้ร่วมก่อตั้ง 'The Future Laboratory' ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกด้านผู้บริโภคและการให้คำปรึกษาด้านการพยากรณ์แนวโน้มชื่อดัง

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อแบรนด์ทั้งหมดที่ได้รับรางวัล โปรดไปที่ awards.brandingforum.org

###

เกี่ยวกับรางวัล World Branding Awards

รางวัล World Branding Awards เป็นรางวัลชั้นนำของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียน โดยรางวัลดังกล่าวจะมอบเพื่อยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://awards.brandingforum.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Media Team
media@brandingforum.org
+44(0)2037439880

ที่มา: World Branding Awards

Farmhouse Aurora Bangkok Bank Café Amazon King Power M-150 PTT Station Thai Life Insurance และ TrueOnline คว้ารางวัล World Branding Awards ประจำปี 2564 ที่จัดขึ้นเสมือนจริง

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–30 พฤศจิกายน 2564

งานประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่สิบสี่ มีแบรนด์มากกว่า 500 แบรนด์จากกว่า 60 ประเทศที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” หรือ “Brand of the Year” และต้อนรับบรรดาผู้เยี่ยมเยือนกว่า 100 คนทั่วโลกเพื่อเชื่อมต่อจากระยะทางไกลและเฉลิมฉลองความสำเร็จของพวกเขาในพิธีเสมือนจริงครั้งแรกของฟอรั่ม

Spotify, Zoom, Yakult, Netflix, Amazon, The Lego Group, Neutrogena, Nescafé, Heinz, L'Oréal, Starbucks, Google และ VISA เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลกที่ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะระดับโลกในพิธีออนไลน์ครั้งแรกที่พระราชวังเคนซิงตัน

ผู้ชนะจากประเทศไทย ได้แก่ Aurora, Bangkok Bank, Café Amazon, King Power, M-150, PTT Station, Thai Life Insurance และ TrueOnline ผู้ชนะระดับประเทศอื่น ๆ ได้แก่ Airland (ฮ่องกง), Sinarmas Land (อินโดนีเซีย), Tanduay (ฟิลิปปินส์), ToastBox (สิงคโปร์), Tanishq (อินเดีย), Nahdi (ซาอุดีอาระเบีย), Natural Aqua Gel Cure (ญี่ปุ่น) เป็นต้น

โดยมีเพียงสิบสองแบรนด์เท่านั้นที่ได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลระดับภูมิภาคในปีนี้ ได้แก่ Farmhouse, H&M, Mr D.I.Y., De’Longhi และ Pandora ซึ่งเป็นผลงานที่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นสามารถผ่านกระบวนการเสนอชื่อ ตัดสิน และประเมินผลที่ไม่เหมือนใครของฟอรั่ม ทั้งนี้ต้องใช้ 70 % ของการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคเพื่อค้นหาแบรนด์ที่ชื่นชอบของสาธารณชน

“ปี 2564 เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับธุรกิจทั่วโลก โดยโควิด-19 บีบคั้นแบรนด์ต่าง ๆ มากมายให้ปรับตัวสู่ความปกติใหม่ และรางวัลดังกล่าวก็เฉลิมฉลองให้กับความพยายามที่ธุรกิจเหล่านี้ได้ทุ่มเทให้กับการสร้างแบรนด์และการตลาด ผู้ชนะแต่ละคนได้รับความรักและความไว้วางใจจากผู้บริโภค และรางวัลนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสิ่งนี้” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

โดยมีการโหวตของผู้บริโภคมากกว่า 1.3 ล้านคนตั้งแต่เริ่มต้นของรางวัล และในปีนี้ผู้บริโภคมากกว่า 345,000 คนเข้าร่วมในกระบวนการเสนอชื่อทั่วโลก โดยเฉลี่ยแล้วมีแบรนด์ที่ชนะเพียง 7 แบรนด์ในแต่ละประเทศ การพิสูจน์ว่าการได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นอย่างแท้จริง

งานนี้จัดโดยพิธีกรรายการโทรทัศน์ Jemma Forte และฟอรั่มวางแผนที่จะกลับไปจัดที่พระราชวังเคนซิงตันในปีหน้า

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ awards.brandingforum.org

###

เกี่ยวกับ the World Branding Awards

World Branding Awards เป็นรางวัลระดับพรีเมียร์ของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จดทะเบียน รางวัลดังกล่าวเป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ชั้นนำของโลกบางส่วน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://awards.brandingforum.org

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211130005606/en/

ติดต่อ:

Kira Heather
media@brandingforum.org
+44(0)2037439880

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Amazon ประกาศการลงทุนในโซลูชันการกำจัดคาร์บอนจากธรรมชาติในบราซิลกับ The Nature Conservancy

Logo

ความคิดริเริ่มนี้จะเปิดตัวในป่าดิบชื้นแอมะซอน โดยเน้นที่การปลูกป่าและวนเกษตรแบบปฏิรูป พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

การลงทุนของ Amazon มีเป้าหมายที่จะกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 10 ล้านเมตริกตันภายในปี 2593 ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยมลพิษหนึ่งปีจากรถยนต์จำนวน 2 ล้านคัน

ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–2 กันยายน 2564

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสนับสนุนโซลูชันระดับโลกเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศ วันนี้ Amazon (NASDAQ: AMZN) ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ Agroforestry and Restoration Accelerator โดยร่วมมือกับ The Nature Conservancy ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก โครงการ Accelerator จะสร้างแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับเกษตรกรในท้องถิ่นหลายพันรายใน Brazilian Amazonian state of Pará ในขณะเดียวกันก็ช่วยฟื้นฟูป่าฝนพื้นเมืองและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการดักจับและกักเก็บคาร์บอนตามธรรมชาติ

ตามรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานมีบทบาทสำคัญในการหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลและภาคเอกชนทั้งสองสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและกำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศโดยการลงทุนในการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานตามขนาด  โครงการ Agroforestry and Restoration Accelerator เป็นหนึ่งในโครงการกำจัดคาร์บอนดังกล่าว และเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ Amazon ที่จะบรรลุปฏิญญา The Climate Pledge ซึ่งบริษัทได้ร่วมก่อตั้ง Global Optimism ผู้ลงนามในปฏิญญามุ่งมั่นที่จะลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2583— 10 ปีข้างหน้าในความตกลงปารีส

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามปฏิญญา Climate Pledge โดย Amazon คืออันดับแรกและสำคัญที่สุดในการเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและลงทุนในการลดคาร์บอนให้กับธุรกิจ บริษัทได้ซื้อรถส่งของไฟฟ้าจำนวน 100,000 คัน และเป็นผู้ซื้อองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในด้านพลังงานหมุนเวียน Amazon ยังลงทุนในการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานนอกห่วงโซ่คุณค่าผ่านกองทุน Right Now Climate Fund ซึ่งสนับสนุนโครงการ Accelerator และโครงการอื่นๆ เพื่อฟื้นฟูดินแดนที่เสื่อมโทรมด้วยวิธีที่ปรับปรุงการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่นและกำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ที่เพิ่งประกาศพันธมิตร LEAF Coalition ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของภาครัฐและเอกชนในการระดมเงินอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อปกป้องป่าเขตร้อนของโลก Amazon และพันธมิตรรายอื่น ๆ กำลังทำงานเพื่อลดการตัดไม้ทำลายป่าในเขตร้อนชื้น โดยการลดปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาในชั้นบรรยากาศ

Kara Hurst รองประธานฝ่ายความยั่งยืนทั่วโลกของ Amazon กล่าวว่า “การฟื้นฟูป่าไม้ของโลกเป็นหนึ่งในการดำเนินการที่มีความหมายมากที่สุดที่เราสามารถทำได้ในขณะนี้เพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจะต้องมีโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่จึงจะประสบความสำเร็จ” “เราภูมิใจที่ได้เปิดตัวโครงการ Agroforestry and Restoration Accelerator โดยร่วมมือกับ The Nature Conservancy เพื่อสนับสนุนโซลูชันที่คำนึงความถึงสำคัญอย่างสูงของความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมและผลประโยชน์ของชุมชนที่แข็งแกร่ง Amazon ตั้งตารอที่จะร่วมเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของเราพร้อมกับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่นในบราซิล ในขณะเดียวกันก็ช่วยปกป้องโลกสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต”

Christiana Figueres ผู้ร่วมก่อตั้ง Global Optimism และอดีตหัวหน้าฝ่ายภูมิอากาศของ UN ที่รับผิดชอบในความตกลงปารีสกล่าวว่า “วิทยาศาสตร์มีความชัดเจนเกี่ยวกับระบบธรรมชาติเป็นลำดับความสำคัญในการดูดซับคาร์บอนจากชั้นบรรยากาศและรายงานล่าสุดของ IPCC เน้นย้ำเรื่องนี้” “การปกป้องระบบนิเวศที่ยืนยงและการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมเป็นสิ่งสำคัญใกลยุทธ์การลดคาร์บอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทศวรรษหน้าหรือสองทศวรรษข้างหน้า โครงการที่บรรลุเป้าหมายนี้เพื่อรักษาทั้งธรรมชาติและการดำรงชีวิตของชุมชนท้องถิ่นอันมีค่าอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตที่เหนือกว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เราขอชื่นชม Amazon และ The Nature Conservancy”

การลงทุนครั้งแรกของ Amazon ในโครงการ Accelerator จะช่วยสนับสนุนเกษตรกรจำนวน 3,000 ราย และฟื้นฟูพื้นที่ประมาณ 20,000 เฮกตาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขนาดประมาณเมืองซีแอตเทิล โดยภายในสามปีจะกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศได้มากถึง 10 ล้านเมตริกตันจนถึงปี 2593

The Nature Conservancy จะทำงานร่วมกับ World Agroforestry Center และองค์กรภาคประชาสังคมในท้องถิ่นหลายแห่งเพื่อดำเนินการโครงการ Accelerator โดยช่วยเกษตรกรรายย่อยฟื้นฟูทุ่งหญ้าปศุสัตว์ที่เสื่อมโทรมไปสู่ป่าพื้นเมืองและวนเกษตร ระบบวนเกษตรจะช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนผ่านการขายเมล็ดโกโก้และพืชผลอื่น ๆ นอกจากนี้โครงการ Accelerator ยังจะทำการทดลองด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการสนับสนุนเกษตรกรและดูแลตลาดสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์จากป่าที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และจะพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ และเทคโนโลยีที่ใช้ดาวเทียมในการหาปริมาณและติดตามในการกำจัดคาร์บอน

“รัฐปาราเป็นพื้นที่อาศัยของป่าเขตร้อน 9% ของโลก แต่ต้องเผชิญกับอัตราการตัดไม้ทำลายป่าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยสูญเสียพื้นที่ 3,300 เอเคอร์ในทุก ๆ วันของปีที่แล้ว” Jennifer Morris ซีอีโอของ The Nature Conservancy กล่าว “ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา ฟาร์มขนาดเล็กในรัฐปาราเป็นพื้นที่การทำเกษตรกรรมแบบเผาป่าซึ่งดูเหมือนเป็นทางเลือกเดียว—โดยมีส่วนรับผิดชอบต่อการตัดไม้ทำลายป่าโดยเฉลี่ย 40% ของรัฐ เป็นเวลา 20 ปีแล้วที่ The Nature Conservancy ทำงานร่วมกับเกษตรกรรายย่อย ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และชนพื้นเมืองเพื่อระบุและดำเนินการโดยใช้โซลูชันแบบที่ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ เช่น วนเกษตร ที่ช่วยให้ผู้คนและธรรมชาติเจริญเติบโต การเป็นพันธมิตรใหม่กับ Amazon จะช่วยให้เราสามารถจัดหาทรัพยากรและความช่วยเหลือด้านเทคนิคที่จำเป็นต่อการพัฒนาโครงการนี้ และแสดงให้เห็นว่าตลาดวนเกษตรเชิงปฏิรูปและตลาดคาร์บอนเป็นรูปแบบธุรกิจที่ใช้งานได้จริงสำหรับชุมชนในป่าแอมะซอน”

“เราต้องร่วมมือกันเพื่อบรรลุสิ่งที่อาจเป็นเป้าหมายของศตวรรษ นั่นคือการพัฒนาเศรษฐกิจและปกป้องรายได้ของผู้คน ในขณะเดียวกันก็รักษาและฟื้นฟูป่าไม้” Helder Barbalho ผู้ว่าการรัฐปารากล่าว “รัฐปาราพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายนี้ และกลยุทธ์ของเราได้วางไว้อย่างชัดเจนในแผน Amazonia Agora  ซึ่งมุ่งมั่นที่จะปราศจากคาร์บอนภายในปี 2579 โดยผ่านการลดการตัดไม้ทำลายป่าและโดยการส่งเสริมการฟื้นฟูป่า การลงทุนอย่างเช่น Amazon ในด้านวนเกษตรที่ยั่งยืนและการปลูกป่าในรัฐปารานั้นเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ความคิดริเริ่มนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อชุมชนของรัฐ ทรัพยากรธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Amazon ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน กรุณาเยี่ยมชมได้ที่: https://sustainability.aboutamazon.com.

เกี่ยวกับ Amazon

Amazon ซึ่งนำด้วยหลักการสี่ประการดังต่อไปนี้: ให้ความสำคัญกับความคลั่งใคล้ในลูกค้ามากกว่าการมุ่งเน้นของคู่แข่ง แรงผลักดันในการประดิษฐ์ ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน และการคิดระยะยาว  Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามากที่สุดในโลก นายจ้างที่ดีที่สุดในโลก และสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก โดยความคิดเห็นของลูกค้า, การซื้อของในคลิกเดียว, คำแนะนำเฉพาะบุคคล, Prime, Fulfillment by Amazon, AWS, Kindle Direct Publishing, Kindle, Career Choice, Fire tablets, Fire TV, Amazon Echo, Alexa, เทคโนโลยี Just Walk Out, Amazon Studios และ The Climate Pledge เป็นส่วนหนึ่งที่บุกเบิกโดย Amazon สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ amazon.com/about และติดตาม @AmazonNews

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 72 ประเทศและภูมิภาค: ซึ่งแบ่งเป็น 38 ประเทศและภูมิภาคผ่านผลกระทบด้านการอนุรักษ์โดยตรง และ 34 ประเทศและภูมิภาคผ่านพันธมิตร เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210902005314/en/

ติดต่อ:

Amazon.com, Inc.
สายด่วนสื่อ
Amazon-pr@amazon.com
www.amazon.com/pr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME ภาพยนตร์บล๊อกบัสเตอร์อนิเมะที่ทำลายสถิติของญี่ปุ่น เปิดตัวเฉพาะที่ Amazon Prime Video เท่านั้นในวันที่ 13 สิงหาคมนี้

Logo

ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในแฟรนไชส์อนิเมะญี่ปุ่นในตำนานจะฉายรอบปฐมทัศน์ในกว่า 240 ประเทศและภูมิภาคยกเว้นประเทศญี่ปุ่น

ภาพยนตร์แฟรนไชส์ทั้งสามเรื่องก่อนหน้านี้จะสามารถรับชมได้เฉพาะที่ Prime Video เท่านั้น

ดาวน์โหลดภาพ key art กรุณากดที่นี่
รับชมเทรลเลอร์อย่างเป็นทางการได้ที่นี่

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–1 กรกฎาคม 2564

Amazon Prime Video วันนี้ได้ประกาศเปิดตัวภาพยนตร์บล๊อกบัสเตอร์อนิเมะญี่ปุ่นเรื่อง EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON ATIME กำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ (นอกประเทศญี่ปุ่น) ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME  ซึ่งเป็นตอนที่สี่และเป็นตอนสุดท้ายของ Evangelion ฉบับละครใหม่ ภาพยนตร์อนิเมะที่ทำรายได้สูงสุดในบรรดาภาพยนตร์ทุกเรื่องโดยหัวหน้าผู้กำกับ Hideaki Anno และเป็นภาพยนตร์ที่มีผู้ชมมากที่สุดในโรงภาพยนตร์ญี่ปุ่นในปี 2564 โดยมาจากผู้กำกับ Kazuya TsurumakiKatsuichi Nakayama และ Mahiro Maeda รวมถึงผู้สร้างในตำนาน ผู้เขียนบท และหัวหน้าผู้กำกับ Hideaki Anno (Shin Godzilla) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองตอนจบของแฟรนไชส์นี้ Prime Video จะออกภาพยนตร์สามเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งประกอบด้วยภาพยนตร์เรื่อง EVANGELION:1.11 YOU ARE (NOT) ALONE., EVANGELION:2.22 YOU CAN (NOT) ADVANCE., EVANGELION:3.33 YOU CAN (NOT) REDO ให้กับแฟนๆ ในกว่า 240 ประเทศและภูมิภาค

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210701005692/en/

Japanese Record-Breaking Anime Blockbuster Film EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME to Launch Exclusively on Amazon Prime Video on August 13th (Graphic: Business Wire)

EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME ภาพยนตร์บล๊อกบัสเตอร์อนิเมะที่ทำลายสถิติของญี่ปุ่น เปิดตัวเฉพาะที่ Amazon Prime Video เท่านั้นในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ (กราฟิก: Business Wire)

แฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์เป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมสมัยนิยมอนิเมะของญี่ปุ่นโดยอิงจากเรื่องราวของ Evangelion มนุษย์ประดิษฐ์และอาวุธฮิวแมนนอยด์อเนกประสงค์ และเทวทูต ซึ่งเป็นรูปแบบของชีวิตที่ไม่เคยรู้จักที่เกิดขึ้นหลังจากโลกถูกทำลายโดยเหตุภัยพิบัติ ภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบด้วยนักพากย์เสียงต้นฉบับรวมถึง Megumi OgataMegumi HayashibaraYûko Miyamura และใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพล่าสุดเพื่อแสดงบุคลิกและความสัมพันธ์ของตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ในขณะที่พวกเขาต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด โดยจะมีการพากย์เสียงใน 10 ภาษาด้วยกันได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน โปรตุเกส สเปน และอิตาลี และคำบรรยายใน 28 ภาษา

นับตั้งแต่ทีวีซีรีส์ออกอากาศครั้งแรกในปี 2538 แฟรนไชส์ ​​Evangelion ได้ส่งผลสะท้อนอย่างมากต่อวัฒนธรรมสมัยนิยมของญี่ปุ่นและได้ยกระดับแนวอนิเมะไปทั่วโลก แฟรนไชส์อนิเมะในตำนานได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่เป็นภาพยนตร์ซีรีส์ที่ชื่อว่า Evangelion: New Theatrical Edition ในปี 2550 และภาพยนตร์เรื่องที่สี่นี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นที่ทำลายสถิติในเดือนมีนาคม ทั้งภาพยนตร์ของ Hideaki Anno และภาพยนตร์ละครที่มีผู้ชมมากที่สุดของญี่ปุ่นแห่งปี EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME บน Amazon Prime Video จะเป็นเวอร์ชันล่าสุดของภาพยนตร์ซึ่งรวมถึงฉากที่แก้ไขแล้วและกำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในญี่ปุ่นในขณะนี้

“ภาพยนตร์ EVANGELION สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ มานานหลายปี และเรารู้ว่าผู้ชมทั่วโลกต้องการชมตอนอวสานเป็นอย่างมาก” Brad Beale รองประธานของ Worldwide Content Licensing Prime Video กล่าว “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่สมาชิก Prime ทั่วโลกจะได้มีโอกาสรับชมผลงานชิ้นเอกของอนิเมะเรื่อง EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME และอีกสามเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย”

“ผมอยากจะขอบคุณแฟนๆ ของ Eva ทุกคนในโลกใบนี้ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง” Hideaki Anno ผู้สร้าง ผู้เขียนบท และหัวหน้าผู้กำกับกล่าว “เรามองหาวิธีที่ดีที่สุดในการนำเสนอภาพยนตร์ให้กับแฟนๆ ในต่างประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในสถานการณ์แบบนี้ในโรงภาพยนตร์ช่วง COVID-19 และเรามีความสุขที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Prime Video ในการสตรีมทั่วโลก เราขอแนะนำให้รับชมบนจอทีวีขนาดใหญ่เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด”

เกี่ยวกับ EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME

การสร้างใหม่ของ Evangelion ภาคที่สี่และภาคอวสาน โดย Misato และ Wille กลุ่มต่อต้านองค์กร Nerv ได้มาถึงปารีส เมืองที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงฉานจาก core-ization ลูกเรือจากเรือบัญชาการ Wunder ลงจอดบนหอควบคุม พวกเขามีเวลาเพียง 720 วินาทีในการฟื้นฟูเมือง เมื่อเหล่าฝูง Nerv Evas ปรากฎตัว Eva Unit 8 ที่ปรับปรุงใหม่ของ Mari จะต้องขัดขวาง ในขณะเดียวกัน Shinji, Asuka และ Rei (ชื่อชั่วคราว) เดินตระเวนไปทั่วญี่ปุ่น

สตูดิโอ: khara, Inc.
หัวหน้าผู้กำกับ: Hideaki Anno ผู้กำกับ: Kazuya TsurumakiKatsuichi Nakayama และ Mahiro Maeda ผู้เขียนบท: Hideaki Anno

เกี่ยวกับภาพยนตร์ 3 เรื่องก่อน

EVANGELION:1.11 YOU ARE (NOT) ALONE.
ด้วยรอยแผลเป็นจากผลกระทบที่สอง เทวทูตตนที่สี่โจมตีเมืองโตเกียวที่ 3 และชะตากรรมของมนุษยชาติอยู่ในมือของหน่วยงานรัฐบาลพิเศษที่ชื่อว่า Nerv หนุ่มน้อย Shinji Ikari ถูกบังคับให้ขับ EVA-01 เขาและ Rei Ayanami ผู้ขับ EVA-00 ได้รับมอบหมายให้ต่อสู้ แต่ EVA-01 ได้รับความเสียหายจากเทวทูตตนที่ 6 Misato Katsuragi วางแผนจะนำกระแสไฟฟ้าของญี่ปุ่นทั้งหมดลงในปืนใหญ่โพซิตรอนของ EVA-01 เพื่อปราบเทวทูต
สตูดิโอ: khara, Inc.
หัวหน้าผู้กำกับ: Hideaki Anno ผู้กำกับ: Masayuki และ Kazuya Tsurumaki ผู้เขียนบท: Hideaki Anno

EVANGELION:2.22 YOU CAN (NOT) ADVANCE.
Mari Illustrious-Makinami ผู้ขับ Provisional Unit-05 ในการเอาชนะเทวทูตตนที่สามที่ขุดขึ้นมา Asuka Langley-Shikinami และ EVA-02 เอาชนะเทวทูตตนที่เจ็ด ส่วนเทวทูตตนที่แปด ปรากฏตัวขึ้นและโจมตี Nerv HQ เทวทูตตนที่เก้าได้ควบคุม EVA-03 ในระหว่างการทดสอบ และ Shinji พยายามที่จะหยุดมัน แต่ได้รู้ว่า Asuka อยู่ด้านนอก Gendo เปลี่ยนการควบคุม EVA-01 ไปที่ Dummy System และเริ่มต่อสู้กับ EVA-03
สตูดิโอ: khara, Inc.
หัวหน้าผู้กำกับ: Hideaki Anno ผู้กำกับ: Masayuki และ Kazuya Tsurumaki, ผู้เขียนบท: Hideaki Anno

EVANGELION:3.33 YOU CAN (NOT) REDO.
Shinji ตื่นขึ้นหลังจาก 14 ปี ด้านนอกเรือประจัญบาน AAA Wunder ซึ่งเป็นองค์กรต่อต้าน Nerv ที่ก่อตั้งโดยอดีตสมาชิก Nerv หนุ่มน้อย Shinji ได้ยินเสียงของ Rei ดังมาจาก EVA Mark.09 ซึ่งถูกส่งไปช่วยเขา ดังนั้นเขาจึงออกจาก Wunder และมุ่งหน้าไปที่ Nerv โดย Kaworu Nagisa แสดงให้ Shinji เห็นถึงดินแดนที่เปลี่ยนไป เขารู้ว่าการช่วยชีวิต Rei กระตุ้นให้เกิดผลกระทบที่สามซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อโลก
สตูดิโอ: khara, Inc.
หัวหน้าผู้กำกับ: Hideaki Anno ผู้กำกับ: MasayukiMahiro Maeda และ Kazuya Tsurumaki, ผู้เขียนบท: Hideaki Anno

EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME จะเข้าร่วมรายการทีวีและภาพยนตร์หลายพันรายการในแค็ตตาล็อกของ Prime Video ซึ่งรวมถึง Amazon Originals ที่ได้รับรางวัลและคำชมจากทั่วโลก เช่น Borat Subsequent Moviefilm, Tom Clancy's Jack Ryan, The Boys, Hunters, Fleabag และ The Marvelous Mrs. Maisel  ทั้งหมดนี้สามารถรับชมบน Prime Video โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับสมาชิก Prime โดยสมาชิก Prime จะสามารถรับชม EVANGELION:3.0+1.01 THRICE UPON A TIME  ได้ทุกที่ทุกเวลาบนแอป Prime Video สำหรับสมาร์ททีวี อุปกรณ์มือถือ อุปกรณ์ Fire TV อุปกรณ์ Fire TV stick แท็บเล็ต Fire อุปกรณ์ Apple TV และสตรีมออนไลน์ ในแอป Prime Video สมาชิก Prime สามารถดาวน์โหลดตอนต่างๆ บนอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ต และรับชมได้ทุกที่แบบออฟไลน์

Amazon

Amazon นำหลักการ 4 ประการ: ความใส่ใจลูกค้ามากกว่าการยึดติดกับคู่แข่ง ความหลงใหลในการประดิษฐ์ ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน และแนวคิดในเชิงระยะยาว ความคิดเห็นของลูกค้า การซื้อของในคลิกเดียว คำแนะนำเฉพาะบุคคล Prime, Fulfillment by Amazon, AWS, Kindle Direct Publishing, Kindle, แท็บเล็ต Fire, Fire TV, Amazon Echo และ Alexa เป็นผลิตภัณฑ์และการบริการที่ Amazon เป็นผู้บุกเบิก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมที่ amazon.com/about และติดตาม @AmazonNews

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210701005692/en/

ติดต่อสื่อสำหรับ Prime Video & Amazon Studios:
Arianne Rocchi: roccha@amazon.com
Ayumi Sakaguchi: ayusaka@amazon.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Amazon และ National Safety Council ร่วมเป็นพันธมิตรในการแก้ปัญหาการบาดเจ็บในสถานที่ทำงานที่พบบ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถิอเป็นครั้งแรกของความร่วมมือเช่นนี้

Logo

ความร่วมมือห้าปีระหว่าง Amazon และ NSC จะร่วมกันคิดค้นวิธีใหม่ในการป้องกันการบาดเจ็บด้านกล้ามเนื้อและกระดูกทั่วไป หรือ musculoskeletal disorders (MSDs) เช่น การเคล็ดขัดยอก และกล้ามเนื้อฉีก

ซีแอตเทิลและชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–10 มิ.ย. 2564

วันนี้ Amazon (NASDAQ:AMZN) และ National Safety Council (NSC) ได้ประกาศความร่วมมือระยะเวลาห้าปีในการคิดค้นวิธีการใหม่ในการป้องกันการบาดเจ็บในที่ทำงานประเภทที่เกิดขึ้นมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก (MSDs) โดย Amazon และ NSC ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลาหลายเดือนในการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกในโครงการลักษณะนี้

Lorraine Martin ประธานและซีอีโอของ National Safety Council กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถแก้ปัญหาที่ผู้คนต้องเผชิญทุกวันเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่” “การไปทำงานควรเป็นประสบการณ์ที่ดี คุ้มค่า และปลอดภัย เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างล้นหลามของ Amazon เพื่อช่วยบริษัทต่างๆ ทั่วโลกในการแก้ปัญหาที่สำคัญนี้ ไปพร้อม ๆ กับการเติมพลังให้กับภารกิจไม่แสวงหาผลกำไรของเราในการรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานในที่ทำงาน”

“ในฐานะสมาชิกของทีมความปลอดภัยในสถานที่ทำงานของ Amazon เป้าหมายของฉันคือการทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้เพื่อนร่วมงานของฉันมีสุขภาพแข็งแรงในที่ทำงาน เพื่อที่เราจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยไปหาเพื่อน ๆ และครอบครัวของเรา” Chelsea Weimer พนักงานรายชั่วโมงของ Amazon Fulfillment Center ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ กล่าว  “Amazon มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูง ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์เพื่อช่วยลดโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก”

การเป็นหุ้นส่วนจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกัน MSDs ในอุตสาหกรรมต่างๆ  ผ่านการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก การดำเนินการวิจัย คิดค้นเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ และปรับขนาดผลลัพธ์ ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นได้จากการที่  Amazon บริจาค 12 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอดการบริจาคที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NSC และจะรวมองค์ประกอบหลัก 5 ประการ:

สภาที่ปรึกษา: การจัดตั้งสภาที่ปรึกษาระหว่างประเทศเพื่อรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย บริษัท และนักวิจัยในภาครัฐและเอกชน สภาที่ปรึกษาจะทำงานร่วมกันเพื่อทบทวนแนวทางที่มีแนวโน้มมากที่สุดในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก กำหนดรูปแบบการพัฒนาองค์ประกอบการเป็นหุ้นส่วน และการมีส่วนร่วมกับบุคคลภายนอกในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก

การวิจัยบุกเบิก: ดำเนินการวิจัยโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์แห่งอนาคต การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และเครื่องมือการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อสำรวจนวัตกรรมและแนวโน้มของ MSD ในปัจจุบันและอนาคต งานวิจัยนี้จะเปิดให้ทุกอุตสาหกรรมได้สำรวจและรวบรวมข้อมูลเชิงลึก

ทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและมหาวิทยาลัย: มอบทุนให้กับธุรกิจขนาดเล็ก มหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัย ทุนเหล่านี้จะให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมที่ช่วยให้บริษัททุกขนาดประสบความสำเร็จได้

ความท้าทายด้านนวัตกรรม: การบ่มเพาะและส่งเสริมโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและใช้งานได้จริงเพื่อจัดการกับ MSD ผ่านการแข่งขันด้านนวัตกรรมที่ท้าทาย การแข่งขันเหล่านี้จะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกัน ทำซ้ำ และแบ่งปันเทคนิคและแนวคิด

การรณรงค์ให้มีการสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม – The MSD Pledge: Amazon และ NSC จะแบ่งปันโซลูชันที่ค้นพบตลอดการเป็นหุ้นส่วนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านการสร้าง The MSD Pledge และเรียกร้องให้บริษัทอื่นๆ เข้าร่วมในโครงการ เพื่อที่จะ

  • ติดตามตัวบ่งชี้การบาดเจ็บเชิงรุกเพื่อให้แน่ใจว่ามีการลดความเสี่ยงที่เหมาะสมและใช้กลยุทธ์การป้องกันที่อิงจากข้อมูล
  • ใช้โครงการป้องกัน MSD ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้พนักงานและนายจ้างเกี่ยวกับการป้องกันการบาดเจ็บ
  • เปิดรับและขับเคลื่อนโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อป้องกัน MSD และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดกับองค์กรอื่นๆ ทั่วโลก

ความร่วมมือดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายนในช่วงเดือนความปลอดภัยแห่งชาติ โดยในปีแรกจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวสภาที่ปรึกษา National Safety Council การระบุพันธมิตรด้านการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ การพัฒนาทุนสนับสนุน และโครงการท้าทายด้านนวัตกรรม

Heather MacDougall รองประธานฝ่ายสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงานทั่วโลกของ Amazon กล่าวว่า “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของพนักงาน และการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถเจาะลึกถึงวิธีที่ดีที่สุดในการลด MSD” “สภาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ National Safety Council มีประวัติอันยาวนานในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับพวกเขาเช่นเดียวกับบริษัทต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญ และนักศึกษาอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาที่สำคัญนี้”

การทำงานร่วมกันของ NSC เป็นอีกก้าวหนึ่งในภารกิจระยะยาวของ Amazon ในการเป็นสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึงการลงทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในโครงการด้านความปลอดภัยในปี 2564 และเป้าหมายที่จะลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่บันทึกได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2568 ทุก ๆ วัน Amazon ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความปลอดภัย ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยหลายพันครั้งภายในทุกอาคาร และแสวงหาข้อเสนอแนะจากพนักงานเกี่ยวกับวิธีปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน หากต้องการรับชมสถานที่ทำงานของ Amazon และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทีมและเทคโนโลยีของ Amazon ลงชื่อเพื่อเข้าร่วมทัวร์ ได้ที่ www.amazon.com/FCtours.

สภาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ NSC เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยที่ไม่แสวงหากำไรชั้นนำของอเมริกา—และตั้งอยู่มานานกว่า 100 ปีแล้ว ในฐานะองค์กรที่ยึดถือการปฏิบัติตามภารกิจ องค์กรจะดำเนินการเพื่อขจัดสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและการบาดเจ็บที่ป้องกันได้ โดยมุ่งเน้นที่การทำงานในสถานที่ทำงาน ถนน และอุปสรรค สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเพื่อให้ผู้คนปลอดภัยยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ในที่ทำงาน แต่ยังรวมถึงนอกที่ทำงานด้วย

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยของพนักงานที่ Amazon โปรดไปที่ www.amazon.com/employee-safety.

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วน โปรดไปที่ www.nsc.org/amazonpartnership.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210610005214/en/

ติดต่อ:

Amazon-pr@amazon.com

www.amazon.com/pr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย