เมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
Japan Sake and Shochu Makers Association ประกาศข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024: มีการส่งออกสูงเป็นประวัติการณ์ไปยังกว่า 80 ประเทศ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 กุมภาพันธ์ 2025
ผลการดำเนินงานการส่งออกสาเกปี 2024

ผู้คนทั่วโลกเพลิดเพลินกับสาเกญี่ปุ่นมากขึ้น (ภาพ: Business Wire)
Japan Sake and Shochu Makers Association (JSS) ได้เปิดเผยข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมอยู่ที่ 43.5 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น +6% จากปีก่อน มีการจัดส่ง 3.45 ล้านกล่อง (เทียบเท่า 9 ลิตร) ไปยังกว่า 80 ประเทศเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ปี 2020 มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า ราคาต่อหน่วยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.3 เท่า และจำนวนจุดหมายปลายทางการส่งออกเพิ่มขึ้น 19 แห่ง โดยตลาดสาเกพรีเมียมมีการเติบโตอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
ในระดับภูมิภาค ทวีปเอเชียคิดเป็น 61% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้มีการเติบโตที่โดดเด่นสูงถึง 29% ในขณะที่ประเทศไทยและมาเลเซียก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ทวีปอเมริกาเหนือมีการเพิ่มขึ้น 27% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ร้านอาหารชั้นเลิศนำมาใช้บริการ ทวีปยุโรปตะวันตกเติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยขยายตัว 2.5 เท่าในช่วงห้าปี เนื่องมาจากความร่วมมือในอุตสาหกรรมไวน์ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสที่ขยายตัวประมาณ 3 เท่าและ 2.6 เท่าตามลำดับ
ความคิดริเริ่มที่สำคัญในปี 2024 ของ JSS และแนวโน้มในอนาคต
เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ทั่วโลกเกี่ยวกับสาเก ทาง JSS ได้กระชับความร่วมมือกับ Association de la Sommelerie Internationale (ASI) และ Union de la Sommelerie Française (UDSF) ในปี 2024 โดย JSS ได้จัดมาสเตอร์คลาสที่ ASI Boot Camp ในสเปน เพื่อให้ความรู้แก่ซอมเมอลิเยร์รุ่นเยาว์เกี่ยวกับสาเก นอกจากนี้ JSS ยังเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ รวมถึง ProWein, ProWine São Paulo และ Warsaw Wine Experience เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย
โดยมีเหตุการณ์สำคัญในปี 2024 นั่นคือ การที่สาเกได้รวมอยู่ในงานบริการในรอบชิงชนะเลิศของการประกวด ASI สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านซอมเมอลิเยร์ที่ดีที่สุดของยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ประจำปี 2024 ซึ่งได้ช่วยเพิ่มการยอมรับในหมู่ซอมเมอลิเยร์ นอกจากนี้ การลงทะเบียน “ความรู้และทักษะดั้งเดิมในการบ่มสาเกด้วยแม่พิมพ์โคจิในญี่ปุ่น” ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ในเดือนธันวาคม 2024 ได้ส่งเสริมการปรากฏตัวทั่วโลกของสาเก โดยในปี 2025 JSS ตั้งเป้าที่จะเร่งการขยายธุรกิจไปยังทวีปลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในการส่งออกต่อไป
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54200720/en
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
Contacts
รายชื่อผู้ติดต่อ:
Takeshi Itani
takeshi.itani@sakeexperiencejapan.com
ที่มา: Japan Sake and Shochu Makers Association
KK Group เร่งขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่ 4 ประเทศในปี 2024
กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–03 มกราคม 2025
KK Group ผู้ค้าปลีกนำเทรนด์สัญชาติจีนที่มุ่งเป้าไปที่คนรุ่นใหม่ กำลังขยายการดำเนินงานอย่างรวดเร็วทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยแบรนด์ไลฟ์สไตล์ KKV และแบรนด์เครื่องสำอาง The Colorist ทำให้กลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จในการเข้าสู่สี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2024 โดยในปัจจุบันบริษัทมีร้านค้ามากกว่า 1,000 แห่งในกว่า 200 เมืองทั่วประเทศจีน

KKV แฟล็กชิปสโตร์ มาเลเซียที่บูกิตบินตัง (รูปภาพ: Business Wire)
การเติบโตที่ไม่เคยมีมาก่อนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
KK Group เริ่มดำเนินการขยายธุรกิจด้วยความทะเยอทะยานในปี 2024 โดย KKV ซึ่งเป็นที่รู้จักจากแนวคิดของแบรนด์ “น่าช็อป น่าเล่น และดูดี” เป็นผู้นำในการขยายธุรกิจระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน— ด้วยการเข้าสู่หนึ่งประเทศใหม่ทุกเดือน แบรนด์ KKV เป็นที่รู้จักอย่างแข็งแกร่งในมาเลเซียในช่วงต้นปี 2024 ตามมาด้วยประเทศไทยในเดือนตุลาคม เวียดนามในเดือนพฤศจิกายน และฟิลิปปินส์ในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ The Colorist ยังได้เปิดร้านในต่างประเทศแห่งแรกในประเทศมาเลเซียในเดือนธันวาคม
การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ของ KK Group ในการเจาะตลาดใหม่อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวและมั่นคงในตลาดเหล่านี้จะต้องเอาชนะความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
“KKV ส่องสว่างดาวคริสต์มาสของคุณ” จุดประกายความตื่นเต้นของผู้บริโภค
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปีแห่งความสำเร็จอันน่าทึ่งและกระชับความสัมพันธ์กับผู้บริโภคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น KKV ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานคริสต์มาสอันน่าตื่นตาตื่นใจ “KKV ส่องสว่างดาวคริสต์มาสของคุณ” ซึ่งกิจกรรมนี้ได้ดึงดูดผู้เข้าชมนับหมื่นคน และทำให้เกิดการดูออนไลน์ถึง 100 ล้านครั้ง
ดาวแต่ละดวงแสดงถึงไลฟ์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการเชื่อมโยงดวงดาวเหล่านี้ KKV หวังที่จะนำช่วงเวลาที่สนุกสนานและน่าจดจำมาสู่ผู้คนในทุกๆ พื้นที่ เพื่อสร้างโลกที่เต็มไปด้วยศิลปะแห่งการดำรงชีวิต “ที่ KKV ทุกคนสามารถค้นพบไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสมกับตนเอง” ผู้บริโภครายหนึ่งได้กล่าวไว้ และเสริมว่า “ประสบการณ์คริสต์มาสที่เต็มไปด้วยดาราที่ KKV นี้เป็นสิ่งที่น่าจดจำไม่อาจลืมเลือน”
วิสัยทัศน์สำหรับปี 2025 และปีต่อๆ ไป
ในเดือนธันวาคม 2024 KK Group ได้เปิดตัวร้านค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 30 ร้าน จาก 2 แบรนด์ คือ KKV และ The Colorist
ในปี 2025 นี้ ทางบริษัทมีเป้าหมายเปิดตัวแบรนด์ X11 ซึ่งเป็นสินค้าป็อปคัลเจอร์อย่างยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ในขณะที่ KK Group วางแผนที่จะเข้าสู่ตลาดสิงคโปร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เนื่องจากจำนวนร้านค้าภายใต้แบรนด์หลักสามแบรนด์ ได้แก่ KKV, The Colorist และ X11 กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความสามารถของ KK Group ในการปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น การรักษามาตรฐานของการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ และความมั่นใจในการทำกำไรของร้านค้าแต่ละแห่งจะขึ้นอยู่กับการวิจัยอย่างต่อเนื่องและการสำรวจเชิงกลยุทธ์โดยทีมงานระหว่างประเทศ นอกเหนือจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ทีมงานยังดำเนินการวิจัยที่ครอบคลุมเพื่อสำรวจโอกาสและขับเคลื่อนความก้าวหน้าใหม่ๆ ในการพัฒนาสำหรับภูมิภาคต่างๆ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ KK Group มุ่งมั่นที่จะ เพิ่มความผูกพันของลูกค้าต่อแบรนด์ผ่านการเคารพในวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำความเข้าใจตลาดท้องถิ่น ปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม และเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่น กลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ บริษัทในศักยภาพของตลาดค้าปลีกทั่วโลกและความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้มีส่วนร่วมระยะยาวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54171227/en
ติดต่อ
ที่มา: KK Group
ข้อมูลล่าสุดของ OAG เผยว่าเส้นทางการบินจากฮ่องกง (HKG) ไป ไทเป (TPE) เป็นเส้นทางการบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในโลกในปี 2024
เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้ง
การค้นพบที่สําคัญ:
- · ฮ่องกง (HKG) -ไทเป (TPE) มีกําลังการผลิตเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- · 7 ใน 10 เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
- · เส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุดคือ เชจู (CJU)-โซล กิมโป (GMP), 14 ล้านที่นั่ง
- · นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) เส้นทางบินที่พลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยมี 4 ล้านที่นั่ง
ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024
OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เปิดเผยเส้นทางที่พลุกพล่นที่สุด ในโลกประจำปี 2024 ในวันนี้ การวิเคราะห์นี้ขับเคลื่อนโดยข้อมูลตารางการบินของสายการบินทั่วโลกของ OAG และให้ภาพรวมของประสิทธิภาพและแนวโน้มของเส้นทางบินทั้งในและต่างประเทศ
เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้งด้วยเส้นทางบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 7 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง และเส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 9 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอันดับ 1 ของปี 2024 และเส้นทาง 10 อันดับแรกที่มีการเติบโตมากที่สุดคือฮ่องกง (HKG)-ไทเป (TPE) โดยมีที่นั่ง 6.8 ล้านที่นั่ง และความจุเพิ่มขึ้น 48% ระหว่างปี 2023-2024 ทำให้ขยับขึ้นจากอันดับที่ 3 ของปีที่แล้ว
ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) ครองอันดับ 2 ด้วยที่นั่ง 5.5 ล้านที่นั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเส้นทางที่ให้บริการในตะวันออกกลางที่ติด 10 อันดับแรกตั้งแต่ปี 2019 CAI-JED เติบโต 68% ใน 5 ปี ในขณะที่ ดูไบ (DBX)-ริยาด (RUH) อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยที่นั่ง 4.3 ล้านที่นั่งและความจุเพิ่มขึ้น 37% ตั้งแต่ปี 2019
เส้นทางระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่มีการเติบโตที่น่าประทับใจเมื่อเทียบเป็นรายปี ได้แก่ โซล อินชอน (ICN)-โตเกียว นาริตะ (NRT) ขยับจากอันดับที่ 5 ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ด้วยความจุเพิ่มขึ้น 30% และกรุงเทพฯ (BKK)-ฮ่องกง (HKG) ซึ่งกลับเข้าสู่ 10 อันดับแรกอีกครั้งในอันดับที่ 7 หลังจากเคยอยู่ในอันดับที่ 11 เมื่อปี 2023
นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) ครองอันดับ 1 ของเส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในยุโรปและในอเมริกาเหนือ ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) เป็นเส้นทางระหว่างประเทศอันดับ 1 ทั้งในแอฟริกาและตะวันออกกลาง และ ออร์แลนโด (MCO)-ซานฮวน (SJU) เป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศอันดับ 1 ในละตินอเมริกา
John Grant หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OAG ให้ความเห็นว่า ” เนื่องจากภูมิภาค ASPAC ใกล้จะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดจึงกระจุกตัวอยู่ในศูนย์กลางการบินหลักที่คุ้นเคยอย่างฮ่องกง โซล อินชอน และสิงคโปร์ แม้ว่าองค์ประกอบของอุปทานในเส้นทางเหล่านั้นจะเปลี่ยนไป เนื่องจากภาคส่วนต้นทุนต่ำยังคงเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าภาคส่วนเดิม
การพัฒนาที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งคือการเติบโตของตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเน้นที่ซาอุดีอาระเบียเป็นพิเศษ ซึ่งโครงการ Vision 2030 ยังคงขับเคลื่อนความต้องการทั้งทางธุรกิจและการพักผ่อน”
ค้นหาอันดับเส้นทางการบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลกของปี 2024 และวิธีการจัดอันดับระดับโลกและระดับภูมิภาค ได้ที่เว็บไซต์ของ OAG
เกี่ยวกับ OAG
OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยนําเสนอแหล่งข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และราคา แห่งแรกในอุตสาหกรรม
สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG โปรดไปที่ www.oag.com.
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
ติดต่อ
สอบถามสื่อมวลชน: pressoffice@oag.com
ที่มา: OAG
NIQ BASES เปิดเผยรายชื่อผู้ชนะนวัตกรรมก้าวล้ำปี 2024 และเทรนด์ยอมนิยมที่ขับเคลื่อนการเติบโต
- นักสร้างสรรค์นวัตกรรมยอดเยี่ยม: รางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 (2024 Breakthrough Innovation Award) ยกย่องผู้ชนะ 8 รายและผู้ได้รับเกียรติเป็นคลื่นลูกใหม่ 5 รายจากสำหรับผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในประเทศไทย และโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
- นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโต: ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผลงานดีเกินค่าเฉลี่ยของแต่ละหมวดหมู่ โดยมีอัตราการปิดการขายสูงขึ้น 4 เท่าและการจัดจำหน่ายสูงขึ้น 2 เท่าในช่วงปีเปิดตัว นอกจากนี้ ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำยังสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 50% ในปีที่สองของการเปิดตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบอันยั่งยืนของนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์
- เทรนด์เกิดใหม่: ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นในเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนผสมที่ได้รับแรงบันดาลใจทางด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและผลติภัณฑ์แบบเฉพาะบุคคล กำลังกำหนดอนาคตของนวัตกรรม FMCG ในภูมิภาคนี้อย่างรวดเร็ว
กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024
NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค มีความภูมิใจที่จะเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมยังคงเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ ในงานสุดพิเศษที่จัดขึ้นในประเทศไทย NIQ BASES ได้จัดงานเฉลิมฉลองให้กับผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 โดยยกย่องแบรนด์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดและดึงดูดผู้บริโภคด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อันโดดเด่น

ร่วมเฉลิมฉลองความเป็นเลิศ: ผู้ชนะและผู้ได้รับเกียรติเป็นคลื่นลูกใหม่จากงานประกาศรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำของ NielsenIQ BASES ประจำปี 2024 ในประเทศไทย (รูปภาพ: Business Wire)
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลเหล่านี้เปิดตัวระหว่างปี 2022 ถึง 2023 และประสบความสำเร็จในการนำทางไปสู่ภูมิทัศน์ของผู้บริโภคที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ขับเคลื่อนการเติบโตผ่านนวัตกรรม
ในตลาดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งความคาดหวังของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสภาวะตลาดยังคงคาดเดาไม่ได้ นวัตกรรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังการเติบโตที่ยั่งยืน ตามรายงานของ NIQ BASES นักสร้างสรรค์นวัตกรรมยอดเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบความสำเร็จในการปิดยอดเร็วสูงขึ้น 4 เท่า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สูงขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงปีเปิดตัว เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับการเปิดตัวใหม่ ข้อมูลนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมเชิงกลยุทธ์สามารถผลักดันแบรนด์ให้ก้าวล้ำหน้าคู่แข่งขัน
“การเปิดตัวนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จยังคงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตของแบรนด์ที่ยึดตามความต้องการของผู้บริโภคและการยอมรับของผู้ค้าปลีก” โกตัม เซธ รองประธาน NIQ BASES กล่าว “ผู้ชนะในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงยอดขายอันแข็งแกร่งในช่วงปีเปิดตัวและพลังอันยั่งยืนแห่งนวัตกรรมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รายการนี้เฉลิมฉลองให้กับสิ่งสร้างสรรค์ของผู้ผลิต FMCG ที่บรรลุผลสำเร็จในการขับเคลื่อนการเติบโต อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อเราจับคู่แนวคิดอันยอดเยี่ยมกับผลิตภัณฑ์อันเหนือชั้นและการกระตุ้นเชิงกลยุทธ์ ความสำเร็จของนักการตลาดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่านวัตกรรมที่ประสบผลสำเร็จสามารถเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตได้ แม้ในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจอันท้าทายก็ตาม”
NIQ BASES เพิ่มศักยภาพให้กับแบรนด์ FMCG ด้วยข้อมูลเชิงลึกอันล้ำสมัยเพื่อกระตุ้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงแบรนด์ และการกระตุ้นเปิดตัวสู่ตลาด ด้วยสิทธิบัตรมากกว่า 100 ฉบับและฐานข้อมูลนวัตกรรมที่ได้รับการประเมิน 500,000 รายการ ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในแพลตฟอร์ม AI, Neuro และ Agile สิ่งเหล่านี้ทำให้ NIQ มีความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ในด้านพลวัตของตลาดและกลยุทธ์ที่ดำเนินการได้จริงเพื่อความสำเร็จ
เฉลิมฉลองให้กับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมก้าวล้ำ
ผู้ชนะรางวัลรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำในปีนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการดำเนินการ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ก้าวข้ามความยุ่งเหยิงของตลาดเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่ชนะเลิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งโดยเฉลี่ย 56% ในช่วงปีที่สองเมื่อเทียบกับครั้งแรก ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งนวัตกรรมที่มีจุดมุ่งหมาย
ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา แบรนด์ต่างๆ มากกว่า 900 แบรนด์ทั่วโลกได้รับการยกย่องด้วยเกียรติยศอันทรงเกียรตินี้ รวมถึงนวัตกรรมประมาณ 600 รายการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากหมวดหมู่ต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม (60%) และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและบ้าน (37%)
ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 ในประเทศไทย ได้แก่:
- พี.อาร์.บิ๊กแบ็กรสสาหร่าย โดยพี.อาร์.ฟู้ดแลนด์
- นมเมจิ ไฮโปรตีน โดยซี.พี.เมจิ
- จูปาจุ๊ปส์ กัมมี่ไบท์ส แอนด์ ทูปส์ โดยเพอร์เฟตติ ฟาน เมลล์
- ชาเขียวสกัดเย็นฮารุ โดยดริงก์ เอ็นเตอร์ไพรส์
- ลอรีอัล ปารีส ไกลโคลิก-ไบรท์ สกิน โดยลอรีอัล ประเทศไทย
- ลักซ์ โกลว์ บอดี้ วอช 3X แอนด์ 5X กลูต้า โดยยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง
- ยาสีฟันดาร์ลี่ ออล ชายนี่ ไวท์ เอนไซม์ (เฟรช มิ้นท์) และ ยาสีฟันดาร์ลี่ ออล ชายนี่ ไวท์ เอนไซม์ (ฟลอรัล เฟรช) โดยฮอว์ลี่ย์ แอนด์ ฮาเซล เคมิคอล (ประเทศไทย)
- แชมพูรีจอยส์ โคเรียน เจจู โรส เอดิชั่น โดยพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย)
หมวดหมู่คลื่นลูกใหม่ (Wavemaker) เป็นการยกย่องการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเร็วในการปิดยอดจากตลาดอันแข็งแกร่งและศักยภาพสำหรับความสำเร็จในอนาคต
คลื่นลูกใหม่ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 ในประเทศไทย ได้แก่:
- ป๊อกกี้ ครัชฟรุตแอนด์นัท โดยไทยกูลิโกะ
- อเมซอนแบล็ค อเมซอนเอสเพรสโซ่ และอเมซอนลาเต้ โดยดริงก์ เอ็นเตอร์ไพรส์
- คิวมินซี สมูทตี้ โปรไบโอติก โดยเทรา ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ
- ลิปตัน ไอซ์ที แบล็ค สปาร์คกลิ้ง เลมอน น้ำตาล 0% โดยซันโทรี่ เป๊ปซิโค เบเวอเรจ (ประเทศไทย)
- คาราบาว เบียร์ ลาเกอร์ และ คาราบาว เบียร์ ดังเคิล โดยคาราบาว กรุ๊ป
ผู้ชนะแต่ละรายแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่ดี และการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญ 3 ประการของ NIQ BASES ที่สามารถสร้างความสำเร็จในตลาดอันโดดเด่น
เทรนด์นวัตกรรมเกิดใหม่
การวิเคราะห์นวัตกรรมก้าวล้ำปี 2024 เน้นย้ำถึงโอกาสสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ได้แก่:
- สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี: ผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรี่ต่ำ น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ หรือส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของลำไส้ ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดหมู่อาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ตลาดบางแห่งยังแสวงหาประโยชน์ด้านฟังก์ชันการทำงาน เช่น การเพิ่มพลังงานและภูมิคุ้มกัน
- แรงบันดาลใจทางวัฒนธรรม: ส่วนผสมและรสชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทรนด์เกาหลีและญี่ปุ่นกำลังได้รับกระแสตอบรับอย่างดีในหลากหลายหมวดหมู่ ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
- ท้องถิ่นและกำหนดเอง: มีความต้องการส่วนผสมในท้องถิ่นหรือที่มาจากแหล่งยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับแต่งตามความต้องการของท้องถิ่นในหมวดหมู่ต่างๆ จากภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น
“ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้แสดงถึงโอกาสที่สามารถดำเนินการได้จริงสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่จะตอบสนองต่อความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่หรือช่องว่างในตลาดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และสร้างการเชื่อมโยงที่ยั่งยืนกับผู้บริโภค” เซธกล่าวเสริม
นวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมช่วยแก้ปัญหาผู้บริโภค และทำได้ดีกว่าสิ่งอื่นใด! ใช้พลังแห่งนวัตกรรมเพื่อเติมชีวิตใหม่ให้กับแบรนด์ของคุณ
เกี่ยวกับ NIQ
NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค ซึ่งนำเสนอความเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคอย่างครบถ้วนที่สุด และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่ๆ สู่การเติบโต NIQ ผนวกรวมกับ GfK ในปี 2023 ส่งผลให้ทั้งสองผู้นำในอุตสาหกรรมมีการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ซึ่งคิดเป็น 97% ของ GDP ของโลก โดย NIQ นำเสนอ Full View™ ด้วยการนำเสนอข้อมูลการขายปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมมากที่สุด พร้อมด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มอันทันสมัย
โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.niq.com
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
ติดต่อสื่อมวลชน:
Natharin Nunai, natharin.nunai@nielseniq.com
แหล่งที่มา: NielsenIQ
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54162202/en
Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APJ Customer Innovation Award ประจำปี 2024
ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–21 พฤศจิกายน 2024
ในวันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล Asia Pacific and Japan (APJ) Customer Innovation Awards ประจำปี 2024 โดยมอบที่งาน Boomi World Tour ประจำปี 2024 ที่เมืองซิดนีย์

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัล APJ Customer Innovation Award ประจำปี 2024 (รูปภาพ: Business Wire)
ผู้ชนะได้รับเกียรติจากการคิดค้นนวัตกรรมด้วยการบูรณาการแอปพลิเคชันและข้อมูลลงในระบบปรับปรุงธุรกิจด้วย Boomi Enterprise Platform ผู้ชนะรางวัลในปีนี้ได้รับเลือกจากผลงานที่โดดเด่นในเกณฑ์ต่อไปนี้ คือ การแสดงผลกระทบต่อธุรกิจผ่านผลลัพธ์ที่โดดเด่นและใช้วัดผลได้ การผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล โปรเจคต์นวัตกรรม ผลกระทบต่อสังคม การปรับปรุงให้ทันสมัย ความเป็นเลิศด้านการบูรณาการ และความเป็นเลิศด้านระบบอัตโนมัติ
ผู้ชนะรางวัลในปีนี้ได้แก่
- Norths Collective – รางวัลลูกค้าแห่งปีของ APJ (APJ Customer of the Year Award) — Norths Collective ขับเคลื่อนกลยุทธ์การผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลของตนไปกับ Boomi โดยเชื่อมต่อระบบแยก รวมถึงรวมศูนย์กลางข้อมูลการดำเนินงานและสมาชิกของตน การบูรณาการนี้ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจและมอบประสบการณ์สมาชิกแบบเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งให้กับกลุ่มธุรกิจบริการที่ตั้งอยู่ในนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม รวมถึงอัตราการคลิกอีเมลที่เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า
- HEB Construction (HEB) – รางวัลความเป็นเลิศด้านธุรกิจ (Business Excellence Award) — HEB เพิ่มระดับการใช้งานแพลตฟอร์ม Boomi ของตนเพื่อดึงประสิทธิภาพเครื่องมือตรวจสอบถนนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบุคคลที่สามที่มีอยู่ให้ได้อย่างสูงสุด HEB ใช้ Boomi เพื่อบูรณาการเครื่องมือ AI เข้ากับระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และแพลตฟอร์มการจัดการงานและทรัพย์สิน (WAM) ของรัฐบาลกลางและท้องถิ่น เพื่อให้ฝ่ายบำรุงรักษาและลูกค้าได้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและทันท่วงทียิ่งขึ้น ซึ่งตามมาด้วยความสำเร็จขององค์กรในการนำ Boomi เข้ามาใช้เพื่อสร้างความสอดคล้องให้กับระบบการดำเนินงานในพื้นที่นิวซีแลนด์และบริษัทแม่ในระดับโลก
Uniting Care Queensland (UCQ) – รางวัลความเป็นเลิศด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare Excellence Award) — Uniting Care Queensland สามารถมอบบริการที่พึ่งพาและสเกลระดับได้ทั่วทั้งโรงพยาบาลทั้งสี่แห่งด้วย Boomi การตัดสินใจของ UCQ ในการเปลี่ยนแพลตฟอร์มบูรณาการแบบเดิมของตนไปเป็นแพลตฟอร์มของ Boomi ช่วยให้บริการตั้งแต่แผนกรังสีวิทยา แผนกพยาธิวิทยา และแผนกสูติกรรม ไปจนถึงบริการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของรัฐบาล การรายงานตามกฎหมาย และบริการด้านอาหารได้รับการยกระดับและสามารถนำกลับมาใช้ได้ทั่วทั้งสถานที่ของบริษัท ในบรรดาระบบบูรณาการกว่า 110 ระบบนั้น แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise ยังรองรับการประมวลผลทางการเงินในด้านการเรียกเก็บเงิน การขอเคลมสินไหม และการคืนเงินอีกด้วย
Toyota Motors Corporation Australia (TMCA) – รางวัลความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม (Innovation Award) — TMCA ใช้แพลตฟอร์ม Boomi เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเชื่อมต่อระหว่างระบบธุรกิจองค์กร รวมถึงการบูรณาการกับระบบบางระบบในเครือข่ายแฟรนไชส์ TMCA ในออสเตรเลีย ทั้งยังเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลบางประเภทให้กับลูกค้าโตโยต้าอีกด้วย ซึ่งช่วยให้กลุ่มยานยนต์สามารถสร้างมุมมองรวมของข้อมูลลูกค้า และรองรับการเก็บบันทึกที่แม่นยำเพื่อให้เกิดกำกับดูแลที่ดีขึ้นและปรับปรุงผลลัพธ์ของประสบการณ์ลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมระบบ Back-End แบบนำมาใช้ซ้ำได้ในระบบบูรณาการ และ API รวมถึงการพัฒนาโค้ดด้วยรูปแบบ Asynchronous
- Toowoomba Regional Council (TRC) – รางวัลความเป็นเลิศด้านการส่งผลต่อสังคม (Social Impact Award) —TRC นำแพลตฟอร์ม Boomi มาใช้เพื่อปรับปรุงการส่งมอบบริการดิจิทัลให้แก่ผู้อยู่อาศัย รวมถึงคำขอด้านการบำรุงรักษา การชำระค่าน้ำ และแอปพลิเคชันพัฒนาที่อยู่อาศัย ด้วยการบูรณาการแบบฟอร์มบริการเข้ากับระบบต่างๆ มากมายของสภา ในตอนนี้ ผู้อยู่อาศัยจึงได้รับประโยชน์จากกระบวนการบนแอปพลิเคชันที่รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และช่วยกรอกข้อมูลให้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดเวลาในการกรอกคำร้องขอและปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเจ้าหน้าที่สภาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โทมัส ไล รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ APJ ที่ Boomi กล่าวว่า “ในช่วงปีที่ผ่านมา ระบบบูรณาการและระบบอัตโนมัติถือเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังของการผันเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งให้ความสำคัญไปที่ลูกค้าของเรา” ผู้ชนะรางวัล APJ ประจำปี 2024 เป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีความมุ่งมั่นต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ไปจนถึงการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มผลผลิต เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงปฏิรูปภายในโปรเจกต์นวัตกรรมที่ได้รับการยกย่องในปีนี้”
เพื่อตอบสนองต่อจำนวนผู้ส่งผลงานที่มีคุณสมบัติสูงอย่างล้นหลามที่ส่งผลงานเข้าชิงรางวัล APJ Customer Innovation Awards ของปีนี้ Boomi จึงรู้สึกยินดีที่ได้ให้ความยอมรับและให้เกียรติผู้เข้าชิงทุกคนด้วยเช่นกัน ซึ่งลูกค้าที่ส่งผลงานแต่ละรายแสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศและงานที่โดดเด่นจากการใช้แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise Platform
“ลูกค้าของเราสามารถสร้างผลกระทบในอุตสาหกรรมของตน ส่งมอบประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมในด้านผลผลิต และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการเชื่อมการลงทุนทางดิจิทัลของพวกเขากับแพลตฟอร์ม Boomi และการปรับปรุงการมองเห็นข้อมูลของพวกเขาให้ดีขึ้น” ไลกล่าว
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- ดูข้อมูลเกี่ยวกับ Boomi Enterprise Platform
- Explore the Boomiverse Community
- ติดตาม Boomi ได้บน X (Twitter), LinkedIn, Facebook, และ YouTube
เกี่ยวกับ Boomi
Boomi เป็นผู้นำด้านระบบบูรณาการและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ซึ่งช่วยองค์กรทั่วโลกบูรณาการระบบอัตโนมัติและพัฒนากระบวนการที่สำคัญให้เป็นไปอย่างราบรื่นเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้น Boomi Enterprise Platform สามารถเชื่อมต่อระบบและจัดการกระแสข้อมูลด้วยการจัดการ API ระบบบูรณาการ การจัดการข้อมูล และการสั่งการ AI ได้อย่างไร้รอยต่อลงในโซโลชันครบวงจรเดียวด้วยการดึงความสามารถขั้นสูงของ AI Boomi ช่วยปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานให้กับฐานลูกค้ามากกว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพันธมิตรมากกว่า 800 รายที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com
© 2024 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152745/en
ข้อมูลติดต่อ
ข้อมูลติดต่อนักประชาสัมพันธ์
แจสมิน อี
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลทางความคิดของ APJ
jasmine.ee@boomi.com
แหล่งข้อมูล: Boomi.
Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ประจำปี 2024
ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2024
วันนี้ Boomi™ ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ Partner Awards) ประจำปี 2024 ในงาน 2024 APJ Boomi Partner Summit ซึ่งจัดขึ้น ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย รางวัลในปีนี้มอบให้แก่ Atturra (ASX : ATA), LTIMindtree (NSE : LTIM, BSE : 540005) และ Adaptiv ในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้ทรงคุณค่าและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ซึ่งประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับ Boomi เพื่อเร่งผลลัพธ์ทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า

Boomi ประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลพาร์ทเนอร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ประจำปี 2024 (กราฟิก : Business Wire)
ผู้ชนะรางวัลได้รับการคัดเลือกจากการใช้ความสามารถทั้งหมดของ Boomi Enterprise Platform เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แก้ไขความท้าทายที่ซับซ้อน และสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้แก่ลูกค้า
Jim Fisher รองประธานฝ่ายพันธมิตรและช่องทางการจัดจำหน่าย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าวว่า “พาร์ทเนอร์ของเราทั่วภูมิภาคกำลังยกระดับขีดความสามารถของ Boomi สู่จุดสูงสุดใหม่” “ด้วยความเชี่ยวชาญอันลึกซึ้ง พวกเขาได้มอบสภาพแวดล้อมข้อมูลที่มีการบูรณาการและมีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแค่สามารถขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ แต่ยังช่วยให้สามารถทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลนำ และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ความมุ่งมั่นในระดับนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จของโครงการการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่หรือเล็ก พาร์ทเนอร์ผู้ทรงคุณค่าของเรายังคงเป็นผู้เปิดทาง แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งในการสร้างโลกที่เชื่อมต่อกันมากขึ้นและส่งเสริมความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี”
“รางวัลเหล่านี้เป็นโอกาสให้ Boomi ได้ยกย่องพาร์ทเนอร์ที่เคารพและฉลองให้กับผลงานอันน่าทึ่งในการส่งเสริมแบรนด์ของเราและส่งมอบสิ่งที่ Boomi สัญญา และเรามุ่งหวังที่จะสานต่อแรงขับเคลื่อนแห่งความสำเร็จนี้ไปพร้อมกับผู้ชนะรางวัลและผู้เข้าชิงทุกราย เพื่อเข้าสู่ปีอันน่าตื่นเต้นที่รอเราอยู่”
ผู้ชนะรางวัลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ปี 2024 แบ่งตามประเภท มีดังนี้ :
- พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Atturra
- พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ – Atturra
- พาร์ทเนอร์แห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชีย – LTIMindtree
- พาร์ทเนอร์เติบโตโดดเด่นแห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Adaptiv
- พาร์ทเนอร์ด้านบริการแห่งปี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น – Atturra
Boomi นำเสนอโซลูชันการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติแบบครบวงจรที่ช่วยองค์กรดิจิทัลสมัยใหม่ในการเร่งผลลัพธ์ทางธุรกิจ บริษัทให้บริการลูกค้ากว่า 20,000 ราย มีชุมชนผู้ใช้ที่เติบโตขึ้นกว่า 250,000 ราย และมีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ทั่วโลกประมาณ 800 ราย
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมพาร์ทเนอร์ของ Boomi หรือค้นหาพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกผ่านระบบนิเวศของ Boomi โดยเยี่ยมชมที่ Boomi.com/partners
ติดตาม Boomi ได้บน X (Twitter), LinkedIn, Facebook และ YouTube
เกี่ยวกับ Boomi
Boomi ผู้นำด้านการบูรณาการอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถปรับให้กระบวนการสำคัญต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เร็วขึ้น ด้วยการใช้ความสามารถขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) Boomi Enterprise Platform เชื่อมต่อระบบและจัดการโฟลว์ของข้อมูลด้วยการจัดการ API (API Management) การบูรณาการ (Integration) การจัดการข้อมูล (Data Management) และการประสานงานปัญญาประดิษฐ์ (AI Orchestration) ในโซลูชันครบวงจรเดียว ด้วยฐานลูกค้าที่กว่า 20,000 บริษัททั่วโลก และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่า 800 ราย Boomi กำลังปฏิวัติวิธีการที่องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัวทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ค้นพบเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com
ลิขสิทธิ์ของ Boomi, LP ปีค.ศ. 2024 “Boomi”, โลโก้ “B” และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP, บริษัทในเครือ หรือบริษัทย่อย ชื่อหรือเครื่องหมายอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152732/en
ข้อมูลติดต่อ
สำหรับสื่อ :
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์อินฟลูเอนเซอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น
jasmine.ee@boomi.com
แหล่งที่มา : Boomi
SBC Medical Group Holdings Inc. รายงานงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024
เออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2024
SBC Medical Group Holdings Incorporated (“SBC Medical” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้ดําเนินการ และผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการและผลิตภัณฑ์สำหรับศูนย์บำบัดความงามระดับโลก ในวันนี้ได้ประกาศงบการเงินก่อนตรวจสอบไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024
งบการเงินที่สำคัญไตรมาส 3 ปี 2024
- รายได้รวม ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
- รายได้รวม ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
- รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 13 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023
- ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
- รายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 65.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 40.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023
- ผลลัพธ์นี้ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจดทะเบียนของบริษัท
- EBITDA1 ซึ่งคํานวณโดยการนำค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายมาบวกกับรายได้จากการดําเนินงาน ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 EBITDA margin อยู่ที่ 42% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024
- รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023
- รายได้สุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 60% จาก 25 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023
- จํานวนคลินิกพันธมิตร อยู่ที่ 224 แห่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 24 แห่งจากวันที่ 30 กันยายน 2023
1 EBITDA และ EBITDA Margin เป็นการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP (ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานบัญชี) สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP โปรดดูหัวข้อ “การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP ” และตารางที่มีชื่อว่า “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP (ตามมาตรฐานบัญชี) และแบบ non-GAAP “
- จํานวนลูกค้า ในงวดสิบสองเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.3 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ต่อปี) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิต่อปีที่เป็นของบริษัทหารด้วยค่าเฉลี่ยของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 และ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 31% ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- กําไรต่อหุ้น (พื้นฐาน) ซึ่งหมายถึงกําไรสุทธิที่เป็นของบริษัทหารด้วยจํานวนหุ้นที่ชำระแล้วเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 0.42 เหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
“การประกาศผลประกอบการครั้งแรกของเราในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นก้าวสําคัญสําหรับ SBC Medical หลังจากประสบความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจกับ Pono Capital Two แล้ว SBC Medical เริ่มซื้อขายบน Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ 'SBC' เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2024” Yoshiyuki Aikawa ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBC Medical กล่าว “ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 161 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 59% เน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ของเรา เช่น การปรับโครงสร้างค่าสิทธิและการขยายเครือข่ายคลินิก นอกจากนี้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเงินสด 137 ล้านเหรียญสหรัฐ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนโดยมีนโยบายเงินทุนที่ชัดเจน เราให้ความสําคัญกับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่ง และยังคงให้ความสําคัญกับมูลค่าของผู้ถือหุ้นต่อไปผ่านผลตอบแทนที่สม่ำเสมอด้วยการเติบโตของธุรกิจที่แข็งแกร่ง การลงทุนต่อเชิงกลยุทธ์ และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นทุกคนรวมถึงนักลงทุนรายย่อยของเรา จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตและความสําเร็จของเรา”
งบการเงินไตรมาส 3 ปี 2024
รายได้รวมในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 23% จาก 131 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 รายได้รวมในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าจากคลินิกแฟรนไชส์ของเรา และเนื่องจากการขยายของจํานวนคลินิกแฟรนไชส์ของเรา ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จาก 47 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 29 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 118% จาก 13 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดนั้นมีสาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น
EBITDA ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 68.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% จาก 56.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้ แต่หักล้างไปบางส่วนด้วยค่าปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ EBITDA ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 14.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 36% จาก 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2023 สาเหตุหลักมาจากการให้คําปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ ค่าตอบแทนตามหุ้น และค่าใช้จ่ายสํานักงานที่สูงขึ้น
รายได้สุทธิในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 40.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 24.3 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้รวม แต่หักล้างไปบางส่วนจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมด รายได้สุทธิในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 อยู่ที่ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 8.1 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2023 การลดลงมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่สูงขึ้น
ข้อมูลกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่สำคัญ
ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 SBC Medical ยังคงรักษาสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 137.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 103.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 การเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างเงินสดที่แข็งแกร่งจากกิจกรรมดําเนินงาน การจัดการการลงทุนอย่างรอบคอบ กลยุทธ์การจัดสรรเงินทุนที่มีวินัย
กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงานอยู่ที่ 27 ล้านเหรียญสหรัฐสในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้น 23% จาก 22 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนตามหุ้น 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดของบริษัท และการปรับปรุงในการจัดเก็บบัญชีลูกหนี้ ปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้ถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยการเปลี่ยนแปลงของบัญชีเจ้าหนี้และหนี้สินภาษี ซึ่งสะท้อนถึงการมุ่งเน้นของบริษัทในการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการดําเนินงานที่กําลังเติบโต
กระแสเงินสดจากการลงทุน
เงินสดสุทธิที่ใช้ในกิจกรรมการลงทุนมีมูลค่ารวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 ลดลงจาก 8 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักหลักที่ส่งผลให้ลดลงนี้ ได้แก่ การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องมูลค่า 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทยังคงจัดสรรเงินทุนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อใช้กับสินทรัพย์ที่มีผลกระทบสูงซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว
กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน
เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงินมีมูลค่ารวม 11 ล้านเหรียญสหรัฐในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เพิ่มขึ้นนี้ ได้แก่ รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนธุรกรรม 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสําคัญกับการเติบโตแบบยั่งยืนของบริษัทฯ ผ่านกระแสเงินสดจากการดําเนินงานมากกว่าการจัดหาเงินทุนจากภายนอก โดยไม่มีหนี้สินใหม่ที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
กระแสเงินสดของ SBC Medical ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ บริษัทฯ ยังคงติดตามความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และใช้กลยุทธ์เพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของสกุลเงิน
ด้วยเงินสดสํารองที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่ดี SBC Medical มั่นใจในความสามารถในการตอบสนองความต้องการสภาพคล่องในระยะสั้น และจัดหาเงินทุนสําหรับความคิดริเริ่มการเติบโตในอนาคต ฝ่ายบริหารเชื่อว่าสถานะเงินสดในปัจจุบันควบคู่ไปกับกระแสเงินสดจากการดําเนินงานที่วางแผนไว้จะเพียงพอที่จะรองรับการดําเนินธุรกิจและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้า
เกี่ยวกับ SBC Medical
SBC Medical ซึ่งมีสํานักงานใหญ่ในเมืองเออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการด้านการจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์เสริมความงาม บริษัทมุ่งเน้นที่การให้บริการด้านการบริหารจัดการอย่างครบวงจรแก่คลินิกแฟรนไชส์เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงความต้องการด้านการโฆษณาและการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การบริหารจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาและการฝึกอบรม) การจองคิวสําหรับลูกค้าคลินิกแฟรนไชส์ การช่วยเหลือในการเช่าที่พักและการเช่าสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานแฟรนไชส์ การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (ขายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางให้กับคลินิกแฟรนไชส์เพื่อขายต่อให้กับลูกค้าคลินิก การออกใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างรอรับสิทธิบัตรและไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชั่นซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการให้คําปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมรางวัลสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ (โปรแกรมคะแนนความภักดีของลูกค้า) และเครื่องมือการชําระเงินสําหรับคลินิกแฟรนไชส์
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/
การใช้การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP
บริษัทใช้การวัดผลแบบ non-GAAP เช่น EBITDA ในการประเมินผลการดําเนินงานและเพื่อวัตถุประสงค์ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงาน บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP ช่วยระบุแนวโน้มที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทเชื่อว่าการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลการดําเนินงานของบริษัท เพิ่มความเข้าใจโดยรวมเกี่ยวกับผลการดําเนินงานในอดีตของบริษัทและแนวโน้มในอนาคต และช่วยให้มองเห็นตัวชี้วัดหลักที่ฝ่ายบริหารของบริษัทใช้ในการตัดสินใจทางการเงินและการดําเนินงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP ไม่ได้ถูกกําหนดไว้ภายใต้มาตรฐานบัญชีของสหรัฐอเมริกา (U.S. GAAP) และไม่ได้นําเสนอแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP มีข้อจํากัดในเรื่องเครื่องมือวิเคราะห์ และเมื่อประเมินผลการดําเนินงาน กระแสเงินสด หรือสภาพคล่องของบริษัท นักลงทุนไม่ควรพิจารณาแยกออก หรือพิจารณาแทนผลขาดทุนสุทธิ กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดําเนินงาน หรืองบกำไรขาดทุนอื่นๆ และข้อมูลกระแสเงินสดที่จัดทําขึ้นแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกา
บริษัทบรรเทาข้อจํากัดเหล่านี้โดยการกระทบยอดการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP เข้ากับการวัดผลการดําเนินงานแบบ GAAP ของสหรัฐอเมริกาที่เทียบเคียงได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ควรนำมาพิจารณาเมื่อประเมินผลการดําเนินงานของบริษัท
สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวัดผลทางการเงินแบบ non-GAAP โปรดดูตารางที่หัวข้อ “การกระทบยอดก่อนตรวจสอบของผลลัพธ์แบบ GAAP และแบบ non-GAAP”
ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือข้อความเกี่ยวกับสภาวะปัจจุบัน แต่เป็นเพียงการแสดงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดําเนินงานในอนาคตเท่านั้น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายสิ่งมีความไม่แน่นอนโดยและอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้สะท้อนถึงมุมมองปัจจุบันของบริษัท เกี่ยวกับผลการดําเนินงานทางการเงินของบริษัท การเติบโตของรายรับและรายได้ แนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจ และแผนการจัดสรรเงินทุนและสภาพคล่อง ในบางกรณี ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตสามารถระบุได้ด้วยการใช้คําต่างๆ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหมายว่า” “คาดการณ์ว่า” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อว่า” “มีแผนจะ” “คาดว่า” “ทำนาย” “อาจเป็นไปได้” หรือ “หวังว่า” หรือความหมายเชิงลบของคําเหล่านี้หรือคําที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านว่าอย่าพึ่งพาข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใดๆ มากเกินไป ซึ่งเป็นปัจจุบัน ณ วันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดการณ์หรือวัดผลได้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเป็นความคาดหวังในปัจจุบันของฝ่ายบริหาร มิได้เป็นการรับรองการดําเนินงานในอนาคต บริษัทไม่มีภาระผูกพันหรือยอมรับภาระผูกพันใดๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลอัปเดต หรือการแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตต่อสาธารณะ เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ หรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่ข้อความดังกล่าวอ้างถึง เว้นแต่ตามที่กฎหมายกําหนด ปัจจัยที่อาจทําให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากการคาดการณ์ในปัจจุบันอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ทั้งหมด ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน การตลาด และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับท้องถิ่น รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (“SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED งบดุลรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ |
||||||||
30 กันยายน |
31 ธันวาคม |
|||||||
2024 |
2023 |
|||||||
สินทรัพย์ |
||||||||
สินทรัพย์หมุนเวียน: |
||||||||
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด |
$ |
137,393,070 |
$ |
103,022,932 |
||||
บัญชีลูกหนี้ |
1,944,604 |
1,437,077 |
||||||
บัญชีลูกหนี้– กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
27,835,179 |
33,676,672 |
||||||
สินค้าคงเหลือ |
1,985,883 |
3,090,923 |
||||||
ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
8,443,338 |
6,143,564 |
||||||
ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า หมุนเวียน |
16,125,086 |
8,484,753 |
||||||
ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น |
8,372,668 |
10,050,005 |
||||||
รวมสินทรัพย์หมุนเวียน |
202,099,828 |
165,905,926 |
||||||
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน: |
||||||||
ทรัพย์สินและอุปกรณ์สุทธิ |
13,194,414 |
13,582,017 |
||||||
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ |
16,218,233 |
19,739,276 |
||||||
การลงทุนระยะยาว |
4,905,115 |
849,434 |
||||||
ค่าความนิยมสุทธิ |
3,545,391 |
3,590,791 |
||||||
ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
4,629,047 |
3,420,489 |
||||||
สินทรัพย์สิทธิการใช้สัญญาเช่าดําเนินงาน |
5,251,418 |
5,919,937 |
||||||
สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี |
624,564 |
– |
||||||
ลูกหนี้เงินให้กู้ยืมลูกค้า ไม่หมุนเวียน |
6,590,301 |
6,444,025 |
||||||
การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว |
4,308,810 |
4,099,763 |
||||||
การลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
19,561,069 |
19,811,555 |
||||||
ทรัพย์สินอื่น |
15,550,402 |
15,442,058 |
||||||
รวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน |
94,378,764 |
92,899,345 |
||||||
รวมสินทรัพย์ |
$ |
296,478,592 |
$ |
258,805,271 |
||||
หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น |
||||||||
หนี้สินหมุนเวียน: |
||||||||
บัญชีเจ้าหนี้ |
$ |
14,873,829 |
$ |
26,531,944 |
||||
ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี |
136,683 |
156,217 |
||||||
ตั๋วเงินจ่าย หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
10,202,360 |
3,369,203 |
||||||
รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า |
565,495 |
2,074,457 |
||||||
รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
18,994,015 |
23,058,175 |
||||||
ภาษีเงินได้ค้างจ่าย |
8,000,808 |
8,782,930 |
||||||
หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน หมุนเวียน |
4,060,844 |
3,885,812 |
||||||
หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น |
12,054,047 |
21,009,009 |
||||||
เนื่องจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
3,532,453 |
3,583,523 |
||||||
รวมหนี้สินหมุนเวียน |
72,420,534 |
92,451,270 |
||||||
หนี้สินไม่หมุนเวียน: |
||||||||
เงินให้กู้ยืมระยะยาว |
686,470 |
1,062,722 |
||||||
ตั๋วเงินจ่าย ไม่หมุนเวียน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
11,659,022 |
11,948,219 |
||||||
หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี |
3,515,825 |
6,013,565 |
||||||
หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน ไม่หมุนเวียน |
1,528,972 |
2,444,316 |
||||||
หนี้สินอื่น |
1,147,345 |
1,074,930 |
||||||
รวมหนี้สินไม่หมุนเวียน |
18,537,634 |
22,543,752 |
||||||
รวมหนี้สิน |
90,958,168 |
114,995,022 |
||||||
ส่วนของผู้ถือหุ้น: |
||||||||
หุ้นบุริมสิทธิ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 20,000,000 หุ้น ไม่มีหุ้นที่ออกและชำระแล้ว ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1) |
– |
– |
||||||
หุ้นสามัญ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.0001 เหรียญสหรัฐ จำนวนหุ้นที่ได้รับอนุญาต 400,000,000 หุ้น หุ้นที่ออกและชำระแล้ว 103,020,816 หุ้น และ 94,192,433 หุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2024 และ 31 ธันวาคม 2023) (1) |
10,302 |
9,419 |
||||||
ส่วนเกิน (ต่ำกว่า) มูลค่าหุ้น (1) |
60,825,115 |
36,879,281 |
||||||
ลูกหนี้หุ้นทุนซื้อคืน (หุ้นสามัญ 270,000 หุ้น) – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
(2,700,000 |
) |
– |
|||||
กำไรสะสม |
182,923,786 |
142,848,732 |
||||||
ขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นสะสม |
(36,078,149 |
) |
(37,578,255 |
) |
||||
รวมส่วนของผู้ถือหุ้นของ Total SBC Medical Group Holdings Incorporated |
204,981,054 |
142,159,177 |
||||||
ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม |
539,370 |
1,651,072 |
||||||
รวมส่วนของผู้ถือหุ้น |
205,520,424 |
143,810,249 |
||||||
รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น |
$ |
296,478,592 |
$ |
258,805,271 |
(1) |
ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024 |
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED งบกําไรขาดทุนและงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ |
|||||||||||||||||||||||||||
สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน |
สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน |
||||||||||||||||||||||||||
2024 |
2023 |
2024 |
2023 |
||||||||||||||||||||||||
รายได้สุทธิ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
$ |
51,209,243 |
$ |
45,119,709 |
$ |
152,718,488 |
$ |
125,336,653 |
|||||||||||||||||||
รายได้สุทธิ |
1,875,640 |
2,158,976 |
8,276,517 |
5,856,076 |
|||||||||||||||||||||||
รวมรายได้สุทธิ |
53,084,883 |
47,278,685 |
160,995,005 |
131,192,729 |
|||||||||||||||||||||||
ต้นทุนรายได้ตามจริง |
9,845,793 |
13,780,309 |
38,816,865 |
37,256,066 |
|||||||||||||||||||||||
กําไรขั้นต้น |
43,239,090 |
33,498,376 |
122,178,140 |
93,936,663 |
|||||||||||||||||||||||
ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน: |
|||||||||||||||||||||||||||
ค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไปและการบริหาร |
16,597,032 |
13,446,618 |
43,784,637 |
46,885,138 |
|||||||||||||||||||||||
ค่าตอบแทนตามหุ้น |
12,807,455 |
– |
12,807,455 |
– |
|||||||||||||||||||||||
ขาดทุนจากการยักยอก |
– |
28,516 |
– |
380,766 |
|||||||||||||||||||||||
รวมค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน |
29,404,487 |
13,475,134 |
56,592,092 |
47,265,904 |
|||||||||||||||||||||||
รายได้จากการดําเนินงาน |
13,834,603 |
20,023,242 |
65,586,048 |
46,670,759 |
|||||||||||||||||||||||
รายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย): |
|||||||||||||||||||||||||||
รายได้จากดอกเบี้ย |
7,950 |
10,234 |
37,283 |
86,345 |
|||||||||||||||||||||||
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย |
(5,466 |
) |
(3,978 |
) |
(15,898 |
) |
(37,380 |
) |
|||||||||||||||||||
รายได้อื่น |
65,922 |
1,138,869 |
721,894 |
3,875,723 |
|||||||||||||||||||||||
ค่าใช้จ่ายอื่น |
(795,158 |
) |
(98,314 |
) |
(2,746,450 |
) |
(581,239 |
) |
|||||||||||||||||||
กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย |
– |
– |
3,813,609 |
– |
|||||||||||||||||||||||
รวมรายได้อื่น (ค่าใช้จ่าย) |
(726,752 |
) |
1,046,811 |
1,810,438 |
3,343,449 |
||||||||||||||||||||||
กำไรก่อนภาษีเงินได้ |
13,107,851 |
21,070,053 |
67,396,486 |
50,014,208 |
|||||||||||||||||||||||
ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ |
10,273,384 |
13,012,262 |
27,254,478 |
25,683,244 |
|||||||||||||||||||||||
กำไรสุทธิ |
2,834,467 |
8,057,791 |
40,142,008 |
24,330,964 |
|||||||||||||||||||||||
หัก: กําไรสุทธิ (ขาดทุน) ที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม |
1,573 |
(298,623 |
) |
66,954 |
(696,812 |
) |
|||||||||||||||||||||
กําไรสุทธิที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated |
$ |
2,832,894 |
$ |
8,356,414 |
$ |
40,075,054 |
$ |
25,027,776 |
|||||||||||||||||||
กําไร (ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่น: |
|||||||||||||||||||||||||||
ส่วนปรับปรุงจากการแปลงค่าสกุลเงินต่างประเทศ |
20,783,646 |
(974,249 |
) |
1,543,245 |
(19,825,222 |
) |
|||||||||||||||||||||
การจําแนกประเภทกําไรทียังไม่เกิดขึ้นจากตราสารหนี้เผื่อขายเป็นกําไรสุทธิตามจริง สุทธิจากผลกระทบทางภาษีเป็นศูนย์และ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ ไม่มีและ (97,856) เหรียญสหรัฐ ในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2024 และ 2023 ตามลําดับ |
– |
(205,383 |
) |
– |
(8,760 |
) |
|||||||||||||||||||||
รวมกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ |
23,618,113 |
6,878,159 |
41,685,253 |
4,496,982 |
|||||||||||||||||||||||
หัก: กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เกิดจากส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม |
180,093 |
(387,948 |
) |
110,093 |
(1,129,475 |
) |
|||||||||||||||||||||
กําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated |
$ |
23,438,020 |
$ |
7,266,107 |
$ |
41,575,160 |
$ |
5,626,457 |
|||||||||||||||||||
กําไรสุทธิต่อหุ้นที่เป็นของ SBC Medical Group Holdings Incorporated (1) |
|||||||||||||||||||||||||||
กำไรต่อหุ้นปรับลด |
$ |
0.03 |
$ |
0.09 |
$ |
0.42 |
$ |
0.27 |
|||||||||||||||||||
จำนวนหุ้นเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ชำระแล้ว (1) |
|||||||||||||||||||||||||||
กำไรต่อหุ้นปรับลด |
95,095,144.00 |
94,192,433.00 |
94,495,533.00 |
94,192,433.00 |
|||||||||||||||||||||||
(1) |
ปรับปรุงย้อนหลังสําหรับผลกระทบของการปรับโครงสร้างทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเนื่องจากการรวมธุรกิจแบบย้อนกลับมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2024 |
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED งบกระแสเงินสดรวมที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ |
||||||||
สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน |
||||||||
2024 |
2023 |
|||||||
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงาน |
||||||||
กำไรสุทธิ |
$ |
40,142,008 |
$ |
24,330,964 |
||||
การปรับเพื่อกระทบยอดกำไรสุทธิกับเงินสดสุทธิที่ได้จากกิจกรรมดําเนินงาน: |
||||||||
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย |
2,867,781 |
9,688,640 |
||||||
ค่าใช้จ่ายการเช่าที่ไม่ใช่เงินสด |
2,908,990 |
2,424,220 |
||||||
สํารองหนี้เสีย (กลับรายการ) |
(127,196 |
) |
282,934 |
|||||
ค่าตอบแทนตามหุ้น |
12,807,455 |
– |
||||||
ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินและอุปกรณ์ |
– |
204,026 |
||||||
กําไรที่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุนระยะสั้น |
– |
(223,164 |
) |
|||||
การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนระยะยาว |
1,682,282 |
– |
||||||
กําไรจากการจําหน่ายของบริษัทย่อย |
(3,813,609 |
) |
– |
|||||
ขาดทุน (กําไร) จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน |
185,284 |
(249,532 |
) |
|||||
ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี |
(2,154,837 |
) |
(1,379,922 |
) |
||||
การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดําเนินงาน |
||||||||
บัญชีลูกหนี้ |
(804,000 |
) |
(924,061 |
) |
||||
บัญชีลูกหนี้ – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
4,971,911 |
(19,979,099 |
) |
|||||
สินค้าคงเหลือ |
763,075 |
(4,038,874 |
) |
|||||
ลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
(3,430,267 |
) |
17,241,740 |
|||||
ลูกหนี้สินเชื่อของลูกค้า |
12,860,220 |
– |
||||||
ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น |
902,230 |
8,173,153 |
||||||
การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว |
432,380 |
(1,991,626 |
) |
|||||
สินทรัพย์อื่น |
(348,178 |
) |
(1,884,352 |
) |
||||
บัญชีเจ้าหนี้ |
(10,511,619 |
) |
6,712,977 |
|||||
ตั๋วเงินจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
(14,030,092 |
) |
– |
|||||
ความก้าวหน้าจากลูกค้า |
(1,401,437 |
) |
(681,973 |
) |
||||
รายได้รับล่วงหน้าจากลูกค้า – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
(3,565,778 |
) |
(7,430,332 |
) |
||||
ภาษีเงินได้ค้างจ่าย |
(549,446 |
) |
16,518,062 |
|||||
หนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน |
(2,971,946 |
) |
(2,335,113 |
) |
||||
หนี้สินค้างจ่ายและหนี้สินหมุนเวียนอื่น |
(9,010,270 |
) |
298,743 |
|||||
ค่าใช้จ่ายชดเชยการเกษียณอายุค้างจ่าย – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
– |
(22,082,643 |
) |
|||||
หนี้สินอื่น |
81,290 |
79,215 |
||||||
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงาน |
27,886,231 |
22,753,983 |
||||||
กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน |
||||||||
การซื้อทรัพย์สินและอุปกรณ์ |
(1,974,285 |
) |
(2,299,045 |
) |
||||
การซื้อสินทรัพย์ไม่มีตัวตน |
– |
(1,683,030 |
) |
|||||
การซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ |
(1,700,000 |
) |
(1,000,000 |
) |
||||
การชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าสําหรับทรัพย์สินและอุปกรณ์ |
(843,740 |
) |
(417,353 |
) |
||||
รายได้รับล่วงหน้าจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
(617,804 |
) |
(1,017,292 |
) |
||||
การชําระเงินในนามของบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน |
(5,245,990 |
) |
– |
|||||
การซื้อเงินลงทุนระยะสั้น |
– |
(2,106,720 |
) |
|||||
การซื้อเงินลงทุนระยะยาว |
(331,496 |
) |
– |
|||||
เงินลงทุนระยะยาวใน MCs – กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
– |
(26,780 |
) |
|||||
เงินสดที่ได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่ได้รับ |
– |
722,551 |
||||||
เงินกู้ยืมระยะยาวแก่ผู้อื่น |
(80,793 |
) |
(421,429 |
) |
||||
การชําระคืนจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
5,990,990 |
734,358 |
||||||
การชําระคืนจากผู้อื่น |
62,927 |
47,356 |
||||||
รายได้จากการขายเงินลงทุนระยะสั้น |
– |
4,125,813 |
||||||
รายได้จากการเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต |
– |
3,954,760 |
||||||
การจําหน่ายบริษัทย่อย สุทธิจากเงินสดที่จําหน่ายไป |
(815,819 |
) |
– |
|||||
รายได้จากการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์ |
1,971 |
8,046,007 |
||||||
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน (ใช้ใน) |
(5,554,039 |
) |
8,659,196 |
|||||
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน |
||||||||
การกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
– |
12,310,106 |
||||||
รายได้จากการปรับโครงสร้างทุนแบบย้อนกลับ สุทธิจากต้นทุนการทําธุรกรรม |
11,707,417 |
– |
||||||
รายได้จากการออกหุ้นสามัญ |
– |
10 |
||||||
รายได้จากการใช้สิทธิของใบสําคัญแสดงสิทธิ |
31,374 |
– |
||||||
การชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว |
(89,448 |
) |
(8,691,462 |
) |
||||
การชําระคืนให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกัน |
(65,305 |
) |
(7,619,266 |
) |
||||
ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการกําจัดทรัพย์สินและอุปกรณ์ |
– |
9,620,453 |
||||||
ถือว่าเป็นเงินสมทบที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างองค์กร |
– |
642,748 |
||||||
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน |
11,584,038 |
6,262,589 |
||||||
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ |
453,908 |
(11,982,793 |
) |
|||||
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่เพิ่มขึ้นสุทธิ |
34,370,138 |
25,692,975 |
||||||
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ ต้นงวด |
103,022,932 |
51,737,994 |
||||||
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ สิ้นงวด |
$ |
137,393,070 |
$ |
77,430,969 |
||||
การเปิดเผยข้อมูลกระแสเงินสดเพิ่มเติม |
||||||||
เงินสดที่จ่ายดอกเบี้ยจ่าย |
$ |
15,898 |
$ |
37,380 |
||||
เงินสดที่จ่ายภาษีเงินได้ |
$ |
31,332,123 |
$ |
12,608,072 |
||||
กิจกรรมจัดหาเงินและกิจกรรมลงทุนที่ไม่ใช่เงินสด |
||||||||
ทรัพย์สินและอุปกรณ์ที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว |
$ |
164,781 |
$ |
7,681,830 |
||||
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่โอนจากการชําระคืนเงินต้นล่วงหน้าระยะยาว |
$ |
– |
$ |
17,666,115 |
||||
การชําระหนี้ให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันเกี่ยวกับการจําหน่ายทรัพย์สินและอุปกรณ์ |
$ |
– |
$ |
4,163,604 |
||||
สินทรัพย์สิทธิการเช่าดําเนินงานที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนกับหนี้สินตามสัญญาเช่าดําเนินงาน |
$ |
– |
$ |
1,029,518 |
||||
การวัดค่ามูลค่าใหม่ของหนี้สินตามสัญญาเช่าดำเนินงานและสินทรัพย์สิทธิการใช้อันเนื่องมาจากการแก้ไขสัญญาเช่า |
$ |
2,408,752 |
$ |
2,110,079 |
||||
การออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกันที่เกี่ยวข้องในการให้บริการสินเชื่อ |
$ |
20,398,301 |
$ |
– |
||||
การออกหุ้นสามัญให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันจากการแปลงหุ้นกู้แปลงสภาพ |
$ |
2,700,000 |
$ |
– |
||||
การออกหุ้นสามัญเป็นหุ้นจูงใจ |
$ |
34 |
$ |
– |
||||
การชําระคืนเงินกู้ให้แก่กิจการที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นสามัญ |
$ |
– |
$ |
795 |
||||
การพิจารณาซื้อที่ไม่ใช่เงินสดสําหรับการซื้อสินทรัพย์ |
$ |
– |
$ |
705,528 |
SBC MEDICAL GROUP HOLDINGS INCORPORATED การกระทบยอดผลของ GAAP และ Non-GAAP ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ |
||||||||||||||||
สําหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน |
สําหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน |
|||||||||||||||
2024 |
2023 |
2024 |
2023 |
|||||||||||||
รายได้จากการดําเนินงาน |
13,834,603 |
20,023,242 |
65,586,048 |
46,670,759 |
||||||||||||
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย |
1,018,359 |
3,287,809 |
2,867,781 |
9,688,640 |
||||||||||||
EBITDA |
14,852,962 |
23,311,051 |
68,453,829 |
56,359,399 |
||||||||||||
อัตรากําไร EBITDA |
28 |
% |
49 |
% |
42 |
% |
43 |
% |
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
ติดต่อ
ในเอเชีย:
SBC Medical Group Holdings Incorporated
Hikaru Fukui / Head of Investor Relations
E-mail: ir@sbc-holdings.com
ในสหรัฐอเมริกา:
ICR LLC
Bill Zima / Managing Partner
Email: bill.zima@icrinc.com
ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated.
Xsolla เผยแพร่รายงานประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 เกี่ยวกับอนาคตของเกมมือถือและการพัฒนาเกม: การวิเคราะห์ตัวชี้วัดล่าสุดและแนวโน้มใหม่
หัวข้อสําคัญ ได้แก่ การเติบโตของร้านค้าออนไลน์ อิทธิพลของเกมเมอร์หญิง และผลกระทบของพระราชบัญญัติตลาดดิจิทัล
ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024
Xsolla บริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลก ประกาศเปิดตัว “The Xsolla Report: The State of Play.” ฉบับบฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 อย่างภาคภูมิใจรายงานโดยละเอียดนี้ให้ข้อมูลเชิงลึก แนวโน้ม และโอกาสที่สําคัญในการกําหนดภูมิทัศน์ของเกม ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวและเติบโตในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

(กราฟฟิก: Xsolla)
ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 มุ่งเน้นไปที่เกมมือถือ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ 98,700 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกในปีนี้ โดยเอเชียเป็นผู้นําตลาดที่ 65,000 ล้านดอลลาร์ รายงานยังเน้นย้ำถึงความสําคัญที่เพิ่มขึ้นของร้านค้าออนไลน์ โดยผู้เล่น 77% ซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเน้นย้ำถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของช่องทางเหล่านี้
รายงานยังเน้นย้ำถึงผู้หญิงในการเล่นเกมและความเท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้นในการเล่นเกม โดยตั้งข้อสังเกตว่า 87% เล่นเกมมือถือทุกสัปดาห์ และ 64% ทําการซื้อสินค้าในแอป เมื่อกลุ่มประชากรนี้เติบโตขึ้น บริษัทต่างๆ ก็ตอบสนองด้วยการพัฒนาประสบการณ์การเล่นเกมที่ครอบคลุมและมีส่วนร่วมมากขึ้น
“รายงาน 'The Xsolla Report' ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 นําเสนอมุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มของมือถือ โซลูชันการชําระเงินที่เกิดขึ้นใหม่ ผลกระทบของผู้หญิงในเกม และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องที่ส่งผลต่ออนาคต” Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ Xsolla กล่าว “ด้วยรายงานนี้ เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่จําเป็นแก่พันธมิตรของเราเพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ และประสบความสําเร็จในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและเข้าถึง “The Xsolla Report: The State of Play” ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 ฉบับเต็ม โปรดไปที่ xsolla.pro/txr-autumn24
เกี่ยวกับ Xsolla
Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่แข็งแกร่งและทรงพลังซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมและผู้เผยแพร่เกมหลายพันรายทุกขนาด ในการระดมทุน ทําการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของตนทั่วโลกและบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในฐานะผู้นําด้านนวัตกรรมในการค้าเกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจําหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับเกมเมอร์ทั่วโลก Xsolla มีสํานักงานใหญ่และจัดตั้งขึ้นในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยมีสํานักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla สนับสนุนพันธมิตรเกมชั้นนํา เช่น Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo เป็นต้น
สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151076/en
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
ติดต่อ
ติดต่อสื่อ
Derrick Stembridge
ผู้อํานวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลกของ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com
ที่มา: Xsolla
สุดยอดนวัตกรรมของ TIME ประจำปี 2024: โซลูชัน ForeverGone ของ Gradiant สำหรับการกำจัดและทำลายสารเคมี PFAS
ได้รับการขนานนามว่าเป็นโซลูชันครบวงจรเพียงโซลูชันเดียวแห่งอุตสาหกรรมที่จะกำจัด “สารเคมีตลอดการ” อย่าง PFAS โดยถาวรในแหล่งน้ำเขตเทศบาลและอุตสาหกรรม
บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–30 ตุลาคม 2024
วันนี้ Gradiant ผู้นำระดับสากลด้านการบำบัดน้ำและน้ำเสียประกาศว่าเทคโนโลยี ForeverGone ของบริษัทได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดนวัตกรรมของ TIME ประจำปี 2024

ForeverGone ของ Gradiant ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของนิตยสาร TIME ประจำปี 2024 และเป็นโซลูชันความสามารถครบครันตัวเดียวที่สามารถขจัดและกำจัดสารเคมี PFAS ที่เป็นอันตรายในสถานที่ต่างๆ ได้ ช่วยให้ทั่วอุตสาหกรรมได้มีระบบบำบัดน้ำที่ปลอดภัยและยั่งยืน (ภาพกราฟิกจาก Business Wire)
ForeverGone คือโซลูชันครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวที่จะกำจัดและทำลายสารประกอบเปอร์- และโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) หรือที่เรียกว่า “สารเคมีตลอดกาล” ออกจากแหล่งน้ำปนเปื้อนในแหล่งน้ำอุตสาหกรรม เขตเทศบาล และสถานที่ฝังกลบขยะ โดยไม่เกิดความเสี่ยงที่สารเคมีอันเป็นพิษจะรั่วไหลออกไปสู่สภาพแวดล้อม การปนเปื้อนกับ PFAS ในแหล่งน้ำและระบบนิเวศเกี่ยวโยงกับโรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันผิดปกติ และปัญหาด้านพัฒนาการ จึงกลายเป็นข้อกังวลทางสาธารณสุขทั่วโลก
ในแต่ละปี นิตยสาร TIME จะประกาศสุดยอดนวัตกรรม 200 รายการที่กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนทั่วโลก ผู้ชนะรางวัลผ่านการคัดเลือกมาจากการเสนอชื่อโดยบรรณาธิการและนักข่าวจากทั่วโลกของ TIME รวมถึงกระบวนการสมัคร โดยคัดเลือกจากความคิดริเริ่ม ประสิทธิภาพ ความมุ่งมั่น และผลลัพธ์ของนวัตกรรม
“ForeverGone ต่างจากทุกอย่างที่มีอยู่ในตลาด เพราะแก้ไขปัญหาการปนเปื้อน PFAS ได้ทั้งหมด” Prakash Govindan ผู้ดำรงตำแหน่ง COO ของ Gradiant กล่าว “ForeverGone เป็นนวัตกรรมพลิกโฉมวงการที่อุตสาหกรรมรอคอยอย่างแท้จริง เราขอบคุณที่ TIME ให้การยอมรับนวัตกรรมของเราและความสามารถของนวัตกรรมในการช่วยให้เขตเทศบาลและผู้ใช้งานด้านอุตสาหกรรมทั่วโลกสามารถกำจัดสารเคมี PFAS ออกจากธรรมชาติได้ตลอดกาล”
เทคโนโลยี ForeverGone ของ Gradiant ที่ผ่านการตรวจสอบโดยอิสระจากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองหลายแห่งใช้การแยกส่วนฟองขนาดเล็กควบคู่กับเครื่องยนต์ทำลายเพื่อสกัดสาร PFAS ให้เป็นฟองขนาดเล็กแล้วจึงทำการทำลายโดยใช้กระบวนการอิเล็กโทรออกซิเดชัน ทำให้น้ำมีคุณสมบัติตรงตามหรือเกินมาตรฐานน้ำดื่ม EPA ของสหรัฐฯ ล่าสุด แนวทางบูรณาการนี้สร้างมาตรฐานใหม่ด้านความเรียบง่าย ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน ซึ่งทำให้สามารถกำจัดสารเคมี PFAS ได้อย่างครบถ้วนด้วยต้นทุนรวมที่ต่ำที่สุด
Gradiant กำลังขยายการใช้งาน ForeverGone อย่างรวดเร็วในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำ อาหารและเครื่องดื่ม การทำเหมืองแร่ และเขตเทศบาลใหญ่ ๆ หลายแห่ง เพื่อให้ชุมชนทั่วโลกสามารถทำการบำบัดสารเคมี PFAS ได้ง่ายขึ้น
หากสนใจใช้งาน ForeverGone ในสถานที่ของท่าน Gradiant ก็ได้เปิดตัวโปรแกรมทดลองฟรีเพื่อสาธิตความสามารถของ ForeverGone ในการบำบัดแหล่งน้ำปนเปื้อนหลายประเภท หากเป็นผู้ที่สนใจ โปรดติดต่อ Gradiant ที่ https://www.gradiant.com/contact
ไปที่นี่เพื่อดูรายการสุดยอดนวัตกรรมประจำปี 2024 ทั้งหมดของ TIME
เกี่ยวกับ Gradiant
Gradiant เป็นบริษัทด้านการจัดการน้ำที่แตกต่างออกไป ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยโซลูชันครบวงจรอันเป็นกรรมสิทธิ์ที่โดดเด่นของบริษัทสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ซึ่งขับเคลื่อนโดยบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับน้ำ บริษัทให้บริการแก่ลูกค้าในการปฏิบัติงานที่สำคัญต่อภารกิจในอุตสาหกรรมสำคัญต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องมือ ลิเทียมและแร่สำคัญ ตลอดจนพลังงานหมุนเวียน นวัตกรรมโซลูชันของ Gradiant จะลดปริมาณน้ำที่ใช้และน้ำเสียที่ปล่อย ดึงทรัพยากรที่มีค่ากลับมาอีกครั้ง และบำบัดน้ำเสียให้กลายเป็นน้ำสะอาด สำนักงานใหญ่ของบริษัทอยู่ในบอสตัน ซึ่งมีการก่อตั้งบริษัทที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมที่ gradiant.com
เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย
สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54143996/en
ข้อมูลติดต่อ
ข้อมูลติดต่อสำหรับบริษัท
Felix Wang
Gradiant
Global Head of Brand and PR
fwang@gradiant.com
แหล่งที่มา: Gradiant
.