Tag Archives: 2023

การถ่ายทอดสดงาน Tokushima International Consumer’s Forum 2023 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2023

Logo

โทคุชิมะ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–12 ตุลาคม 2023

จังหวัดโทคุชิมะจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน “Tokushima International Consumer’s Forum 2023” ภายใต้หัวข้อ “การเสริมพลังผู้บริโภคในยุคดิจิทัล” เพื่อส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูลและความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายผู้บริโภคในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยจากภายในจังหวัดโทคุชิมะและภูมิภาคอาเซียนและอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงของผู้บริโภคและมาตรการรับมือที่เกิดจาก “ความก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล”

The world famous Awa Dance has a 400 years’ history. The story of its origin varies. It is said that Awa Dance was performed often around the time Hachisuka Iemasa, a feudal load of Tokushima, entered Tokushima in 1586, and hoarded the wealth produced by the indigo and salt trades. Later, indigo traders played an active part and made the dance even more gorgeous year by year. Awa Dance was established in the civil society and flourished as a free-form of mass entertainment. Especially, after World War II, it developed rapidly as a symbol of reconstruction. Nowadays, Awa Dance is well-known around the world as a representative of Japan’s traditional arts. (Photo: Business Wire)

การเต้นรำอาวะซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกนั้นมีประวัติยาวนานถึง 400 ปี ต้นกำเนิดของมันมีเรื่องราวที่มาแตกต่างกันไป กล่าวกันว่าการเต้นรำอาวะได้จัดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงยุคสมัยของ Hachisuka Iemasa ซึ่งเป็นกลุ่มศักดินาของโทคุชิมะได้เข้ามาสู่โทคุชิมะในปี 1586 และสะสมความมั่งคั่งที่เกิดจากการสีย้อมและเกลือ ต่อมาบรรดาผู้ค้าสีย้อมก็เข้ามามีส่วนร่วมและทำให้การเต้นรำนี้งดงามยิ่งขึ้นทุกปี การเต้นรำอาวะถือกำเนิดขึ้นในสังคมพลเมืองและเจริญรุ่งเรืองในฐานะความบันเทิงของมวลชนอันมีรูปแบบอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเต้นรำอาวะได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจนเป็นสัญลักษณ์ของการบูรณะใหม่ ปัจจุบันกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะตัวแทนของศิลปะแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น (รูปภาพ: Business Wire)

ผู้บริโภคต้องเผชิญกับอันตรายอะไรบ้างในสังคมดิจิทัลที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนี้ ผู้บริโภคจะป้องกันตัวเองได้อย่างไรในขณะที่ยังคงเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายของสังคมดิจิทัล อีกทั้งผู้บริโภคมีบทบาทอย่างไรในยุคใหม่นี้

เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ ผู้นำผู้บริโภคและผู้นำรุ่นต่อไปจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันที่โทคุชิมะ ซึ่งเป็นผู้นำของญี่ปุ่นในด้านนโยบายผู้บริโภคร่วมกับสำนักงานใหญ่เชิงกลยุทธ์ของหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคญี่ปุ่น (Consumer Affairs Agency: CCA) บัดนี้ เราเสนอแนวทางบริโภคนิยมรูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัลจากโทคุชิมะสู่โลก

การประชุมแสดงความคิดเห็นจะมีการถ่ายทอดสดบนเว็บไซต์ด้านล่าง เราหวังว่าการประชุมที่กำลังจะมาถึงนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการอภิปรายอันมีความหมายซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าของนโยบายผู้บริโภคระหว่างประเทศและพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีต่อสังคมอันยั่งยืนสำหรับทุกคนทั่วโลก

  1. หัวข้อหลัก
    การเสริมพลังผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
  2. วันที่และเวลา (ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น JST)
    วันที่ 31 ตุลาคม (วันอังคาร) 2023 เวลา 10.30–17.00 น. (ถ่ายทอดสด)
  3. กำหนดการ (ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น JST)
  • 10.30–10.50 น. กล่าวเปิดงาน
  • 10.50–11.50 น. คำปราศัยสำคัญ
    [ 30 ปีแห่งผู้บริโภคดิจิทัล – ความดี ความเลวร้าย และอนาคต – ]
  • 13.00–14.30 น. การประชุมร่วมกับหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคญี่ปุ่น
    [ การคุ้มครองผู้บริโภคในยุคดิจิทัล – ปัจจุบันและอนาคต – ]
  • 15.00–16.40 น. การประชุมเพื่ออนาคตกับเยาวชนจากโทคุชิมะและกลุ่มประเทศอาเซียน

[ พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล – คำแนะนำของเรา – ]

  • 16.40–17.00 น. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั่วไป

* สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Tokushima International Consumer’s Forum 2023 ด้านล่างนี้

Tokushima International Consumer’s Forum 2023
https://www.pref.tokushima.lg.jp/en/world.consumer.forum/2023/

ข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดโทคุชิมะ (ภาษาอังกฤษ จีน และเกาหลี)
https://discovertokushima.net/en/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53584759/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

เพื่อสอบถามข้อมูล

กองนโยบายผู้บริโภค สำนักพัฒนาผู้บริโภคและความปลอดภัย

ฝ่ายบริหารจัดการวิกฤติและสิ่งแวดล้อม

สำนักงานจังหวัดโทคุชิมะ
โทร: +81-88-621-2499
อีเมล : shohishaseisakuka@pref.tokushima.jp

ที่มา: สำนักงานจังหวัดโทคุชิมะ

ผู้นำอุตสาหกรรมสีเขียวระดับโลกมารวมตัวกันที่งาน Eco Expo Asia 2023

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–3 ตุลาคม 2023

Eco Expo Asia 2023 จัดโดยองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกงและบริษัท Messe Frankfurt (HK) Ltd ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาของรัฐบาลของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จะเปิดตัวระหว่างวันที่ 26 – 29 ตุลาคม ในงาน AsiaWorld-Expo ในฮ่องกง พร้อมบริการการจับคู่ธุรกิจออนไลน์ “Click2Match” ที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ถึง 6 พฤศจิกายน

Global Green Industry Leaders Unite at Eco Expo Asia 2023 (Photo: Business Wire)

ผู้นำอุตสาหกรรมสีเขียวระดับโลกมารวมตัวกันที่งาน Eco Expo Asia 2023 (รูปภาพ: Business Wire)

งานแสดงนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “ก้าวกระโดดสู่ความเป็นกลางคาร์บอน” มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวมบุคคลสำคัญจากจีนแผ่นดินใหญ่และอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เพื่อส่งเสริมแนวคิดต่างๆ เช่น การลดคาร์บอน เศรษฐกิจหมุนเวียน และพลังงานใหม่ โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการเปลี่ยนฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางระดับนานาชาติสำหรับเทคโนโลยีสีเขียวและการเงิน นอกเหนือจากกลุ่มบริษัทจัดแสดงนิทรรศการที่กลับมาจากแคนาดาและญี่ปุ่นแล้ว ยังมีกลุ่มบริษัทใหม่หลายกลุ่มจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะเข้าร่วมเป็นครั้งแรกด้วย

Eco Expo Asia ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) โดยมีส่วนจัดแสดงใหม่ของเขตบริหารพิเศษมาเก๊าและเมืองจงซาน รวมถึงส่วนจัดแสดงไฮโดรเจนที่ประกอบด้วยบริษัทฮ่องกงต่างๆ เข้าร่วมด้วย ตลอดจนการกลับมาของส่วนจัดแสดงกว่างโจวและเสินเจิ้น งานจัดแสดงสินค้าครั้งนี้จะช่วยฟื้นคืนบทบาทของฮ่องกงในการเร่งความร่วมมือระหว่างกันภายในมหานครที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ ส่วนจัดแสดงใหม่อื่นๆ จากจีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ ส่วนจัดแสดงจากมณฑลเจียงซูและหูหนาน รวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีนักลงทุนชั้นนำในด้านพลังงานหมุนเวียน ไฮโดรเจน การเงินสีเขียว และอื่นๆ งานจัดแสดงสินค้าในปีนี้ยังดึงดูดนักลงทุนชั้นนำในอุตสาหกรรมสีเขียวจากทั่วโลก ที่มีการยืนยันการเข้าร่วมจาก 11 ประเทศและภูมิภาคด้วย

การประชุมประจำปี Eco Asia Conference  เป็นส่วนที่ไม่ควรพลาด วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจะมาแบ่งปันมุมมองและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหัวข้อสำคัญต่างๆ รวมถึง “กรอบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับสิ่งแวดล้อมที่สร้างขึ้น”, “แนวโน้มแนวคิดการพัฒนายั่งยืน (ESG) ที่เปลี่ยนแปลงและอนาคตของการเงินที่ยั่งยืน” และเทคโนโลยีดิจิทัลแบบหมุนเวียน ไฮไลท์อื่นๆ ได้แก่ การสัมมนา “C40 Climate Action (ภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย) เซสชันที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลฮ่องกง และพิธีเปิดตัว “การสร้างพื้นที่อ่าวขยะเป็นศูนย์” ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) ในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน

งานจัดแสดงสินค้านี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมในวันสุดท้ายเพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตสีเขียว ผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมเวิร์กช็อปด้านสิ่งแวดล้อม การสัมมนา ตลาดสีเขียว และศูนย์หางาน ESG ใหม่ล่าสุดได้

ลงทะเบียนตอนนี้เพื่อรับ e-Badge ฟรี- https://tinyurl.com/2p8942h8

เว็บไซต์www.ecoexpoasia.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53569098/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

โปรดติดต่อแผนกนิทรรศการของ HKTDC:
Jojo Li/Joanne Ma
โทรศัพท์: (852)22404136/22404602
อีเมล: jojo.ty.li@hktdc.org /joanne .ts.ma@hktdc.org

ที่มา: องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง

งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียงประจำปี 2023 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2023

เมื่อวันที่ 20 กันยายน “งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียง (ประเทศไทย)” ซึ่งจัดโดยกระทรวงพาณิชย์เจ้อเจียงได้เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ประเทศไทย งานนี้จัดขึ้นถึงวันที่ 22 กันยายน

The Zhejiang International Trade Exhibition 2023 opens grandly in Thailand (Photo: Business Wire)

งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียงประจำปี 2023 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย (รูปภาพ: Business Wire)

มีผู้เข้าร่วมพิธีเปิดได้แก่ นายเพทาย หมุดธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงพลังงาน ประเทศไทย นายโจว ซีฉี เลขานุการเอกของสำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย นายเอกชัย ประสงค์ ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง (กปท.) และนายสมศักดิ์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการด้านอุปสงค์และกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แขกที่เข้าร่วมงานต่างชื่นชมผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์และตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ “สินค้าเจ้อเจียงคุณภาพ” สื่อหลายสำนักได้ทำการสัมภาษณ์และรายงานเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์เจ้อเจียงและบริษัทแบรนด์ในเจ้อเจียง

งานแสดงนี้เป็นการต่อยอดจากงานแสดงครั้งล่าสุด โดยผสมผสานระบบแสงสว่าง เมืองอัจฉริยะ บ้านอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของเจ้อเจียงเข้าด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นธีม “สินค้าเจ้อเจียงคุณภาพสูงสู่ตลาดโลก” และนำเสนอการพัฒนาต่างๆ ในตลาดไทย องค์กรการผลิตอัจฉริยะของแบรนด์เจ้อเจียง ซึ่งนำเสนอโดย Hikvision, Dahua, Yuzhong Gaohong และ Sky-lighting มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเมืองอัจฉริยะ โดยเน้นย้ำถึงความสำเร็จของอุตสาหกรรมดั้งเดิมของเจ้อเจียงในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี

นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนและไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างจีนและไทย ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างทั้งสองประเทศก็ได้ขยายตัวมากขึ้น งานปีนี้ตรงกับวันครบรอบ 10 ปีของโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” การใช้ประโยชน์จากแนวโน้มของการสร้างชุมชนแห่งอนาคตร่วมกันระหว่างจีนและไทยในยุคใหม่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเจ้อเจียงและไทยได้นำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ เจ้อเจียงเป็นมณฑลที่แข็งแกร่งในด้านเศรษฐกิจของจีนและเป็นมณฑลสำคัญในการค้าต่างประเทศ หลังการแพร่ระบาด เจ้อเจียงได้ส่งเสริมแบรนด์เจ้อเจียงว่าเป็น “สินค้าเจ้อเจียงคุณภาพสูงที่จำหน่ายทั่วโลก” ในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ ฝ่ายไทยให้การต้อนรับบริษัทจากเจ้อเจียงอย่างมาก ประเทศไทยยังหวังว่าผู้ประกอบการชาวจีนและไทยจะสามารถใช้ประโยชน์จากงานแสดงนี้ได้อย่างเต็มที่ผ่านสายสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นระหว่างรัฐบาล รวมถึงมีการติดต่ออย่างกว้างขวาง แลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรม และเจรจาความร่วมมือเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53562325/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

ติดต่อสำหรับสื่อ: Ms. Robby Keshan, 011-46464830

ที่มา: งานแสดงสินค้านวัตกรรมไฟฟ้าและแสงสว่างอัจฉริยะภายใต้การสนับสนุนจากกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียง

Hillstone Networks ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำ XDR ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องจาก Frost & Sullivan สำหรับกลยุทธ์ XDR

SANTA CLARA, Calif.–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2023

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตในรายงาน Frost Radar™ Extended Detection and Response Report ประจำปี 2023

รายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการวิเคราะห์การตลาดที่ดำเนินการโดย Frost & Sullivan โดยประเมินผู้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมตามกลยุทธ์การเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งตลาด รายงานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยองค์กรในการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเมื่อเลือกผู้ให้บริการโซลูชัน XDR ที่เชื่อถือได้

“การได้รับการเสนอชื่อในฐานะผู้นำในรายงาน Frost Radar™ ปี 2023 เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในการนำเสนอโซลูชันที่ล้ำสมัยที่ต่อต้านภัยคุกคามทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “โซลูชันของเรารวมการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และความสามารถด้านนิติวิทยาศาสตร์ไว้ในแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจสามารถปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลในเชิงรุกได้”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan โซลูชัน XDR ได้เห็นการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และบริษัททุกขนาด เนื่องจากมีการนำเสนอภาพรวม การบูรณาการ การวิเคราะห์ ความยืดหยุ่น และระบบอัตโนมัติที่ลูกค้าต้องการในสภาพแวดล้อมไอทีที่ซับซ้อนในปัจจุบัน Frost ระบุว่า XDR มีสัญญาหลัก 3 ประการ ได้แก่ การตรวจจับและการตอบสนองแบบข้ามเลเยอร์ ระบบอัตโนมัติที่มีความหมาย และการผสานรวมกับสแต็กการรักษาความปลอดภัย

“Hillstone Networks แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อแนวทาง Open XDR ในขณะที่กำลังลงทุนงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในการเพิ่มการบูรณาการของบุคคลที่สาม และจัดหาชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) เพื่ออำนวยความสะดวกในการบูรณาการกับแพลตฟอร์ม” Lucas Ferreyra นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan กล่าว “Hillstone Networks ได้พัฒนากลยุทธ์การเติบโตที่น่าสนใจ ซึ่งครอบคลุมการใช้ประโยชน์จากความเกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้นของการรักษาความปลอดภัยที่มีการจัดการ เพื่อให้ MSSP สามารถใช้โซลูชัน XDR ของตนได้ ขยายขอบเขตการเข้าถึงในขณะที่กำหนดเป้าหมายภาคส่วนที่มีการเติบโตสูง เช่น ภาครัฐ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการผลิต ความเข้าใจในตลาดดังกล่าวจะช่วยให้ Hillstone Networks สามารถปลดล็อกโอกาสในการเติบโตเพิ่มเติมในตลาด XDR ที่มีการแข่งขันสูง”

ความมุ่งมั่นของ Hillstone ในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและการใช้งานของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จ มีส่วนช่วยให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในด้าน XDR พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาหลักของ XDR:

  • ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Hillstone สามารถค้นหาและป้องกันการโจมตีได้ ก่อนที่จะมีโอกาสใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในองค์กร นั่นก็คือ ข้อมูล โซลูชัน Hillstone XDR ใช้อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูง (ML) ผ่านมัลแวร์ที่ไม่รู้จักและการตรวจจับที่ผิดปกติ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของภัยคุกคามขั้นสูง และการบรรเทาภัยคุกคามอัตโนมัติ
  • นอกจากนี้ Hillstone XDR ยังมีการเรียบเรียงและการตอบสนองแบบอัตโนมัติอีกด้วย หากมีการกำหนดค่ากลยุทธ์การแก้ไข เมื่อมีการตรวจพบภัยคุกคามแล้ว Hillstone XDR จะดำเนินการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติตาม Playbook ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
  • ซึ่งรวมถึงการบูรณาการกับข้อมูลที่หลากหลายทั่วทั้งเครือข่ายตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์ ข้อมูลนี้อาจรวมถึง NetFlow, Sysmon, Syslogs, ข้อมูลอภิพันธุ์ (Metadata) ข้อมูลภัยคุกคาม และบันทึกของบุคคลที่สาม ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการกำหนดมาตรฐาน เชื่อมโยงกัน และวิเคราะห์เพื่อให้มองเห็นได้อย่างสมบูรณ์และทำลายไซโลข้อมูลความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ให้การมองเห็นด้านความปลอดภัยเต็มรูปแบบโดยมีจุดบอดน้อยลง แต่ยังปรับปรุงความแม่นยำในการตรวจจับด้วยการลดผลบวกลวงให้เหลือน้อยที่สุด

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone XDR ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึงคลาวด์ และในทุกปริมาณงาน แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks นำเสนอความครอบคลุม การควบคุม และการรวมระบบมาสู่องค์กรมากกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

Hillstone Networks ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำด้านการเติบโตและนวัตกรรมของ NGFW ในรายงาน Frost Radar™ 2023

Logo

รับตำแหน่งผู้นำใน NGFW Arena

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–8 กันยายน 2023 

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการเติบโตใน รายงาน 2023 Frost Radar™ Next Generation Firewalls

ในรายงาน Frost Radar™ 2023 ซึ่งจัดทำโดย Frost & Sullivan นำเสนอการวิเคราะห์ตลาดเชิงลึกที่ประเมินผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมผ่านมุมมองด้านกลยุทธ์ในการเติบโต นวัตกรรม ประสบการณ์ของลูกค้า และส่วนแบ่งการตลาด รายงานนี้เป็นแหล่งข้อมูลอันมีค่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจในการตัดสินใจพร้อมข้อมูลสำหรับความต้องการโซลูชันไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป (NGFW)

เราเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำในรายงาน Frost Radar™ 2023” กล่าวโดย Tim Liu CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks “ในขณะที่ภูมิทัศน์เทคโนโลยีมีการขยายตัวที่กว้างขึ้น จึงมีความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของเราด้วยเช่นกัน การได้รับการยอมรับในรายงาน NGFW Frost Radar เป็นการตอกย้ำถึงความทุ่มเทของเราในด้านโซลูชันทางวิศวกรรมขั้นสูง เรามีความภูมิใจที่ได้ยืนอยู่แถวหน้าของการพัฒนาไฟร์วอลล์รุ่นต่อไป พร้อมกับความสามารถด้านเทคนิคของเราที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับความมุ่งมั่นของเราในการสร้างการป้องกันทางไซเบอร์ การได้รับการยอมรับส่งเสริมให้เราสามารถเจาะลึกนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่ลดละ ก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเครือข่ายให้ครอบคลุมได้ดียิ่งขึ้น”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan แนวคิดขอบเขตการรักษาความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการประมวลผลบนคลาวด์ การทำงานระยะไกล อุปกรณ์ระบบ edge และความคิดริเริ่มในการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลอื่น ๆ ปัจจุบันนี้ NGFW ยังมีภาพรวมที่ไม่ชัดเจน ความสามารถในการปรับขนาดและการกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดใหม่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหมายถึง NGFW จะต้องมีการปรับเปลี่ยนด้านความสามารถในการทำงานด้วยเช่นกัน Frost มีการระบุให้มีการผสานรวมและขยายขอบเขตโซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อมโยงกัน รวมถึง “ซอฟต์แวร์กำหนดเครือข่ายบริเวณกว้าง (SD-WAN) สื่อกลางในการเข้าถึงระบบการรักษาความปลอดภัยในระบบคลาวด์ (CASB) เกตเวย์เว็บที่ปลอดภัย (SWG) การเข้าถึงเครือข่ายแบบ zero trust (ZTNA) และ NGFW เข้าเป็นกลุ่ม SASE”

กลุ่มผลิตภัณฑ์ NGFW ที่ได้รับรางวัลของ Hillstone Networks นำเสนอสถาปัตยกรรมระบบความปลอดภัยที่พร้อมสำหรับอนาคต เพื่อปรับให้เข้ากับการขยายโครงสร้างพื้นฐานและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ และเป็นรากฐานสำหรับสถาปัตยกรรมแบบ zero-trust เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ขั้นสูง Hillstone A-Series และ X-Series Next-Generation Firewalls ส่งมอบระบบการป้องกันเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง มีความน่าเชื่อถือ และปรับขนาดได้สำหรับองค์กรและผู้ให้บริการ พร้อมความสามารถในการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมและชาญฉลาด เพื่อปกป้องทรัพย์สินดิจิทัลขององค์กร

แพลตฟอร์ม Hillstone NGFW ยังเป็นรากฐานสำหรับโซลูชัน Hillstone SD-WAN และ ZTNA ซึ่งครอบคลุม ควบคุม และผสานรวม

ด้วยความช่วยเหลือของกลไก AI ที่ซับซ้อน Hillstone ช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์และตรวจจับการรับส่งข้อมูลที่เข้ารหัสโดยไม่ต้องถอดรหัส ปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมและมีความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม” กล่าวโดย Martin Naydenov นักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมอาวุโส – ความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Frost & Sullivan “Hillstone มีวิสัยทัศน์ที่แข็งแกร่งและมีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ พร้อมครอบคลุม Mega Trends ระดับโลก ตัวอย่างเช่น การประมวลผลบนคลาวด์ ด้วยเหตุนี้ จึงยังคงเปิดตัวโซลูชันใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น Cloud Workload Protection โดยมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์รายใหญ่อย่าง AWS และ Azure เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมไอทีแบบไฮบริด”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone Next-Generation Firewalls ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมมอบการปกป้องทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างแก่บริษัททุกขนาด ตั้งแต่ edge ไปจนถึง cloud และรองรับปริมาณงานทุกระดับ แนวทางการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เชิงบูรณาการของ Hillstone Networks มีความครอบคลุม พร้อมการควบคุม และสามารถผสานรวมระบบสำหรับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลก www.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ช่องทางสอบถามสำหรับสื่อ
Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งข้อมูล: Hillstone Networks

งาน Cosmetics & Beauty Expo Osong Korea 2023 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 ถึง 21 ตุลาคม

Logo

มอบความสุขในการแสดงของขวัญแก่ผู้เข้าชมงานทุกท่าน

การมีส่วนร่วมจากบริษัท 200 แห่งและผู้ซื้อประมาณ 700 รายจากเกาหลีและต่างประเทศ โดยเน้นที่โลกาภิวัตน์ของ K-beauty –

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–4 กันยายน 2023

งาน Cosmetics & Beauty Expo Osong Korea 2023 เข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Osong Bio Valley ตั้งแต่วันที่ 17 ถึง 21 ตุลาคม

2023 Cosmetics & Beauty Expo Osong Korea will be held on Oct 17 to 21 (Poster: Osong Bio-Promotion Foundation)

งาน Cosmetics & Beauty Expo 2023 Osong Korea จะจัดขึ้นในวันที่ 17 ถึง 21 ตุลาคม (โปสเตอร์: มูลนิธิ Osong Bio-Promotion)

บริษัทในประเทศที่มีชื่อเสียง 200 แห่ง รวมถึง LG H&H และ Pion-Tech รวมถึงผู้ซื้อประมาณ 700 รายจากเกาหลีและต่างประเทศจะเข้าร่วม และคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานแสดงสินค้ามากกว่า 100,000 ราย

Cosmetics & Beauty Expo Osong Korea 2023 เป็นงานมหกรรมเครื่องสำอางที่ K-Beauty เกิดขึ้นใหม่ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชั้นนำของเกาหลีทั้งหมด

งานนี้จัดขึ้นภายใต้สโลแกน “K-Beauty in the World: Discover It in Osong” และได้รับการออกแบบให้เป็น “Beauty unboxing” จากบริบทที่ทำให้คนทั้งโลกได้รับของขวัญแห่งความงามใน Osong

งานแสดงสินค้าประกอบด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ล่าสุด และการให้คำปรึกษาด้านการส่งออกแบบ 1:1 การจัดแสดงและการขายเครื่องสำอาง การประชุม และกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนแผนที่จะมอบโอกาสและความสุขแก่ผู้มาเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสเทรนด์ K-Beauty

สถานที่จัดงานได้ถูกย้ายจากสถานี Osong ซึ่งเป็นสถานที่เดิมไปยัง Osong Bio Valley (ตรงข้ามกระทรวงความปลอดภัยด้านอาหารและยา) ซึ่งมีพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ 37,000 ตารางเมตร

ไม่เพียงแต่ Corporate Hall I, II และ Main Exhibition Hall ของ Business Hall เท่านั้น แต่ยังมีโซนถ่ายรูปที่หลากหลาย รวมถึงสวนความงามและหอคอยดอกไม้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้คุณได้ชมสิ่งต่างๆ มากมาย

บนเวทีกลางแจ้ง จะมีการจัดการประกวด Osong Beauty Senior Pageant, International Startup Function Fair ปี 2023 และการแสดงโดยองค์กรศิลปะท้องถิ่น และในหอประชุมของศูนย์ C&V ในร่ม ซึ่งเป็นการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับเอฟเฟกต์ความงาม การประกวดความงามเมืองชองจู และการประกวดการทดลองชีวการแพทย์ครั้งที่ 19 จะจัดขึ้น โดยมีกิจกรรมมากมายให้เพลิดเพลิน

นอกจากนี้ รถบรรทุกอาหารต่างๆ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสันทนาการ และที่จอดรถกว่า 700 คันจะพร้อมให้บริการ และจะมีรถบัสรับส่งจากสถานี Osong ไปยังสถานที่จัดงานเพื่อความสะดวกของผู้เข้าชม

นอกจากนี้ คาดว่าจะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การปรับแต่งเครื่องสำอางของคุณเอง (น้ำหอมและเอสเซ้นส์ที่มีกลิ่นหอม), การวินิจฉัย InBody และผิวหนัง, โปรแกรมประสบการณ์การดูแลความงามในการวินิจฉัยหนังศีรษะ, แบบทดสอบ OX ออนไลน์เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและการซื้อของผู้เยี่ยมชม และรูเล็ตในสถานที่พร้อมใบเสร็จการซื้อ เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาในความงามของผู้มาเยือน

ผู้เยี่ยมชมจะสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงใหม่ล่าสุดที่ได้รับความนิยมในราคาที่เอื้อมถึงได้ต่ำกว่าราคาตลาด และสัมผัสประสบการณ์ผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

สัมผัสโชคของการแกะกล่องของขวัญ K-Beauty ใต้ท้องฟ้าฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามของเกาหลี

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/53544275/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อติดต่อ

คณะกรรมการจัดงาน Cosmetics & Beauty Expo Osong Korea Organizing
Ji-eun Oh
+82 43-220-4452
uhee80@korea.kr

ที่มา: คณะกรรมการจัดงาน Cosmetics & Beauty Expo Osong Korea

TTI รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2023 อันแข็งแกร่ง

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–9 สิงหาคม 2023

Techtronic Industries Co. Ltd. (“TTI” หรือ “กลุ่มบริษัท”) ผู้ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านเครื่องมือระดับมืออาชีพไร้สาย เครื่องมือ DIY และอุปกรณ์ไฟฟ้ากลางแจ้ง (รหัสหุ้น: 669, OTCQX: TTNDY, TTNDF) มีความยินดีที่จะประกาศผลประกอบการรอบหกเดือนซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2023

กลุ่มบริษัทมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ซึ่งถือว่าแซงหน้าตลาดในด้านยอดขายและการสร้างผลกำไร ขณะเดียวกันก็ลดสินค้าคงคลังและมีกระแสเงินสดอิสระที่โดดเด่น ยอดขายโดยรวมลดลง 2.2% ในสกุลเงินที่รายงาน และ 1.0% ในสกุลเงินท้องถิ่น คิดเป็น 6.9 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ธุรกิจที่ทำรายได้หลักของ TTI อย่าง MILWAUKEE ได้เติบโตขึ้น 8.7% ในสกุลเงินท้องถิ่น ในขณะที่ธุรกิจอุปโภคบริโภคลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก โดยส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากการริเริ่มลดสินค้าคงคลังภายในเครือข่ายและลูกค้านั่นเอง

  • TTI ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 แซงหน้าตลาดในด้านยอดขายและการสร้างผลกำไร ขณะเดียวกันก็ลดปริมาณสินค้าคงคลังและมีกระแสเงินสดอิสระที่โดดเด่น
  • ธุรกิจที่ทำรายได้หลักของเราอย่าง MILWAUKEE ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าระดับมืออาชีพอันดับ 1 ของโลก ทำผลงานได้ดียิ่งขึ้นในตลาดด้วยการเติบโตถึง 8.7% ในสกุลเงินท้องถิ่น
  • การลดสินค้าคงคลังจากครึ่งแรกของปี 2022 ลง 651 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
  • มีกระแสเงินสดอิสระครึ่งปีแรกที่ 301 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 649 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจากครึ่งแรกของปี 2022
  • อัตราส่วนกำไรขั้นต้นขยายตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 15 ในครึ่งปีแรก เป็น 39.3% ซึ่งเพิ่มขึ้น 22 bps

สรุปผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับครึ่งแรกปี 2023

2023

2022

ล้านเหรียญ

ล้านเหรียญ

ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนต่าง

รายได้

6,879

7,034

(2.2%)

อัตราส่วนกำไรขั้นต้น

39.3%

39.1%

+22 bps

EBIT

560

633

(11.5%)

กำไรส่วนที่เป็นของเจ้าของบริษัท

476

578

(17.7%)

EPS (เซนต์สหรัฐ)

26.00

31.59

(17.7%)

กระแสเงินสดอิสระ

301

(348)

+$649 m

เงินปันผลระหว่างกาลต่อหุ้น (ประมาณหน่วยเป็นเซนต์สหรัฐ)

12.23

12.23

โดยภาพรวมทั่วโลก TTI มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้นโดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 อเมริกาเหนือมียอดขายลดลง 3.9% ในสกุลเงินท้องถิ่น ยุโรปซึ่งนำโดยทีมผู้บริหารระดับโลกของเราเติบโตขึ้น 10.1% ในสกุลเงินท้องถิ่น ส่วนอื่น ๆ ของโลก ซึ่งมีออสเตรเลียและเอเชีย มีการเติบโต 5.7% ในสกุลเงินท้องถิ่น

อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 22 bps จากครึ่งแรกของปี 2022 เนื่องจากการผสมผสานที่มากขึ้นต่อธุรกิจ MILWAUKEE ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น และความคิดริเริ่มด้านการเพิ่มผลผลิตของกลุ่ม ซึ่งเสริมด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแบตเตอรี่หลังการขายที่มีอัตรากำไรสูง

Mr. Horst Pudwill ประธานกรรมการของ TTI กล่าวว่า “เรายังคงมุ่งมั่นในกลยุทธ์การลงทุนในเทคโนโลยีที่ดีขึ้นและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ก้าวล้ำเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของเรา ผมเชื่อว่าเราอยู่ในสถานะที่ดีที่จะทำผลงานได้ดีกว่าตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 และหลังจากนั้นต่อไป”

Mr. Joseph Galli, CEO ของ TTI แสดงความคิดเห็นว่า “ที่ TTI เราพยายามพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เราทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่งในด้านการขาย ผลักดันการลดสินค้าคงคลังลงอย่างมาก และสร้างกระแสเงินสดอิสระที่เป็นบวก ในขณะที่ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคต”

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-Looking Statements)

การประกาศนี้มีแถลงการณ์ในเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าบางคำหรือใช้คำศัพท์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าบางคำซึ่งอิงตามการคาดการณ์ในปัจจุบัน การประมาณการ การคาดการณ์ ความเชื่อและสมมติฐานของ TTI เกี่ยวกับธุรกิจและตลาดที่กลุ่มบริษัทดำเนินงาน และสะท้อนถึงมุมมองของ TTI ณ วันที่ ซึ่งได้แถลงประกาศนี้ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มิได้เป็นการรับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต และอยู่ภายใต้ความเสี่ยงของตลาด ความไม่แน่นอน และปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ TTI ดังนั้นผลลัพธ์และผลตอบแทนที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากสมมติฐานและข้อความในประกาศนี้

เกี่ยวกับ TTI

TTI เป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีไร้สาย ซึ่งครอบคลุมถึงเครื่องมือไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับใช้กลางแจ้ง ผลิตภัณฑ์ดูแลพื้นและทำความสะอาดสำหรับ DIY ผู้บริโภค มืออาชีพ และผู้ใช้งานอุตสาหกรรมภายในบ้าน การก่อสร้าง การบำรุงรักษา อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทมีรากฐานที่สร้างขึ้นจากปัจจัยขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ 4 ประการ ได้แก่ แบรนด์ที่ทรงพลัง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม บุคลากรที่ยอดเยี่ยม และความเป็นเลิศในการดำเนินงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวที่กว้างขวางในการพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย กลยุทธ์การเติบโตระดับโลกของการแสวงหานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างไม่ลดละทำให้ TTI ก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลเอาไว้ในระดับสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพของ TTI ได้แก่ เครื่องมือไฟฟ้า MILWAUKEE, RYOBI และ AEG, อุปกรณ์เสริมและเครื่องมือช่าง, ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้กลางแจ้ง RYOBI, ผลิตภัณฑ์โครงสร้างและการวัด EMPIRE รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันทำความสะอาดพื้น HOOVER, VAX, DIRT DEVIL และ ORECK

ก่อตั้งในปี 1985 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (The Stock Exchange of Hong Kong Limited) ในปี 1990 TTI เป็นหนึ่งในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของ Hang Seng Index, Hang Seng Corporate Sustainability Benchmark Index, FTSE RAFI™ All-World 3000 Index, FTSE4Good Developed Index และ MSCI ACWI Index บริษัทยังซื้อขายในตลาดที่ดีที่สุดของ OTCQX ภายใต้สัญลักษณ์ “TTNDY” และ “TTNDF” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ www.ttigroup.com

เครื่องหมายการค้าทั้งหมดที่ระบุไว้นอกเหนือจาก AEG, OTCQX และ RYOBI เป็นของกลุ่มบริษัท AEG เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ AB Electrolux (publ.) และใช้ภายใต้ใบอนุญาต OTCQX เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ OTC Markets Group Inc. RYOBI เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Ryobi Limited และใช้ภายใต้ใบอนุญาต

ดูเวอร์ชันแหล่งที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20230809902775/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนักลงทุนสัมพันธ์:

ผู้ติดต่อหลัก
นักลงทุนสัมพันธ์ TTI – อเมริกาเหนือ

Ross Gilardi
รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์
อีเมล: ross.gilardi@ttihq.com

Asia/Pacific
นักลงทุนสัมพันธ์ TTI – เอเชีย
Jimmy Li
ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
อีเมล: jimmy.li@tti.com.hk

แหล่งที่มา: Techtronic Industries Co. Ltd.

Mori Building จะเปิด Azabudai Hills ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2023

Logo

Modern Urban Village พร้อมพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีในมหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลก

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–10 สิงหาคม 2023

Mori Building Co., Ltd. ผู้พัฒนาภูมิทัศน์เมืองชั้นนำของญี่ปุ่น ประกาศในวันนี้ว่า Azabudai Hills ซึ่งเป็นคอมเพล็กซ์อเนกประสงค์และย่านใหม่ระดับโลกใจกลางกรุงโตเกียว จะเปิดในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ โครงการพัฒนาเมือง Toranomon-Azabudai District Category 1 Urban Redevelopment ได้รับการส่งเสริมโดย Mori Building และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมถึงเจ้าของที่ดินประมาณ 300 ราย เป็นเวลาประมาณ 35 ปี

Panoramic View(Day)1 © DBOX for Mori Building Co., Ltd - Azabudai Hills (Graphic: Business Wire)

มุมมองพาโนรามา(วัน)1 © DBOX สำหรับ Mori Building Co., Ltd – Azabudai Hills (กราฟิก: Business Wire)

Azabudai Hills โอบรับแนวคิดของ “Modern Urban Village” เป็นสถานที่สำคัญที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ พร้อมด้วยศูนย์ธุรกิจระดับโลก สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการค้าปลีกและที่พักอาศัยที่น่าสนใจ และพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่ดึงดูดผู้คนให้มารวมกัน วิสัยทัศน์ของ Mori Building คือต้องการให้ Azabudai Hills กลายเป็นชุมชน “สีเขียวและสุขภาพที่ดี (Green & Wellness)” ซึ่งผู้คนใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติและมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและเติมเต็ม Azabudai Hills มีอาณาบริเวณกว้างประมาณ 8.1 เฮกตาร์มีพื้นที่สีเขียวขจีที่น่าประทับใจถึง 24,000 ตร.ม. โดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 861,700 ตร.ม. รองรับการใช้งานในเมืองที่หลากหลาย รวมถึงสำนักงาน ที่พักอาศัย สถานที่ค้าปลีก สิ่งอำนวยความสะดวกทางวัฒนธรรม สถาบันการศึกษา และสถานพยาบาล

Azabudai Hills ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างสภาพแวดล้อมสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์และตระหนักถึงวิถีชีวิตคนเมืองแบบใหม่ภายในการพัฒนาเมืองแบบบูรณาการ ในบรรดาพันธมิตรที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ ได้แก่ Keio University Center for Preventive Medicine; The British School in Tokyo หนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในใจกลางเมือง Janu Tokyo โรงแรมในเครือแบรนด์ Aman แห่งแรกของโลก Tokyo Venture Capital Hub ซึ่งรวบรวมบริษัทร่วมทุนของญี่ปุ่นประมาณ 70 แห่ง ร้านค้าปลีกประมาณ 150 ร้าน รวมถึงแบรนด์หรูและตลาด Azabudai Hills และพิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัล Mori Building ที่มีชื่อเสียง EPSON teamLab Borderless ซึ่งเคยตั้งอยู่ในโอไดบะ สถานประกอบการที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ทั้งหมดจะเปิดขึ้นใน Azabudai Hills สิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างใน Azabudai Hills จะทยอยเปิดให้บริการหลังเดือนธันวาคม 2023

Mori Building อุทิศตนเพื่อสร้างภูมิทัศน์เมืองที่มีชีวิตชีวาและมีส่วนร่วมในพลังแม่เหล็กของโตเกียวผ่านแนวคิดเมืองขนาดกะทัดรัดที่ไม่เหมือนใคร “Hills” ซึ่งรวมฟังก์ชันเมืองที่หลากหลายและเสริมเข้าด้วยกัน ด้วย Azabudai Hills เราจะร่วมมือกับพันธมิตรของเราเพื่อเสนอวิสัยทัศน์เมืองใหม่ “สีเขียวและสุขภาพที่ดี (Green & Wellness)” เพื่อตอบสนองความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในสังคมยุคใหม่

หนังสือข้อเท็จจริงที่ให้รายละเอียดทั้งหมดของ Azabudai Hills และสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ต่อไปนี้https://onl.tw/VYcx5TJ

ภาพรวมของ Azabudai Hills

พื้นที่ไซต์

ประมาณ 8.1 เฮกตาร์

พื้นที่กราวด์

ประมาณ 63,900 ตร.ม

พื้นที่ทั้งหมด

ประมาณ 861,700 ตร.ม

พื้นที่สำนักงาน

ประมาณ 214,500 ตร.ม

พื้นที่สีเขียว

ประมาณ 2.4 เฮกตาร์

หน่วยที่อยู่อาศัย

ประมาณ 1,400 ยูนิต

สิ่งอำนวยความสะดวกร้านค้าปลีก

ประมาณ 23,000 ตร.ม

สิ่งอำนวยความสะดวก

สำนักงาน ที่พักอาศัย สถานที่ค้าปลีก โรงแรม สิ่งอำนวยความสะดวกทางวัฒนธรรม

โรงเรียนนานาชาติ สถานพยาบาล ฯลฯ

Central Green (Central Square), Green and Sustainability (Central Green (เซ็นทรัล สแควร์) สีเขียวและความยั่งยืน)

สร้างความเขียวขจีอย่างล้นเหลือ

ด้วยการใช้ประโยชน์จากความแตกต่างทางภูมิประเทศของพื้นที่ รวมถึงหลังคาเตี้ยบนอาคารโพเดียม ไซต์นี้รองรับพื้นที่สีเขียวถึง 24,000 ตร.ม. รวมถึงพื้นที่เซ็นทรัล สแควร์ประมาณ 6,000 ตร.ม. (Central Green) เป็นผลให้ Mori Building สร้างโอเอซิสในเมืองที่ผ่อนคลายในใจกลางโตเกียวได้ สถาปัตยกรรมแบบไดนามิกของชั้นล่างออกแบบโดย Heatherwick Studio ผสมผสานอย่างสวยงามกับความเขียวขจีและสร้างสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ที่ทั้งเมืองล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจี

ส่งเสริมความยั่งยืน

เมืองทั้งเมืองส่งเสริมความพยายามทั่วเมืองในการลดคาร์บอนและรีไซเคิลทรัพยากร ไฟฟ้า 100% ที่จ่ายให้กับคอมเพล็กซ์จะมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดโดย Renewable Energy 100% (RE100) Azabudai Hills กำลังจะได้รับการรับรองระดับแพลตทินัมในหมวด Leadership in Energy & Environmental Design (LEED) ND (Neighborhood Development) สำหรับการพัฒนาแบบผสมผสาน และการรับรอง BD+C (Building & Design/Core and Shell Development) สำหรับอาคารผู้เช่าที่สร้างขึ้นใหม่

Keio University Center for Preventive Medicine (ศูนย์เวชศาสตร์ป้องกันมหาวิทยาลัยเคโอ)

Keio University Center for Preventive Medicine จะย้ายไปที่ Azabudai Hills ด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ล่าสุดและบุคลากรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญสูง ศูนย์แห่งนี้จะให้บริการตรวจร่างกายที่มีความแม่นยำสูงเพื่อตรวจหาความเสี่ยงของโรคตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงโปรแกรมที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคลของผู้ป่วยแต่ละราย สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนี้จะช่วยบรรเทาความแออัดและสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายสำหรับการตรวจสุขภาพ

The British School in Tokyo

British School in Tokyo ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว จะเปิดที่ Azabudai Hills ในวันที่ 30 สิงหาคม 2023 วิทยาเขตใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของโรงเรียนที่จะให้การศึกษาแก่เด็ก ๆ ในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติในใจกลางเมือง และ วิสัยทัศน์ของ Mori Building ในการสนับสนุนความเป็นแม่เหล็กโลกของโตเกียว โรงเรียนเปิดสอนหลักสูตรสไตล์อังกฤษพร้อมกลิ่นอายความเป็นสากลแก่นักเรียนมากกว่า 60 สัญชาติ วิทยาเขตใหม่นี้จะมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เขียวชอุ่มเพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนในการเป็นผู้นำในอนาคต

ห้องแสดงงานศิลปะ

ที่ Azabudai Hills แนวทางของเรามีพื้นฐานมาจากแนวคิดของการทำให้ “ทั้งเมืองเป็นพิพิธภัณฑ์” ที่ศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรวมคือพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่มีพื้นที่รวมประมาณ 9,300 ตร.ม. งานศิลปะสาธารณะกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ สร้างพื้นที่ในเมืองที่ศิลปะและวัฒนธรรมผสมผสานกันอย่างลงตัว

Azabudai Hills Gallery

Azabudai Hills Gallery จะเป็นสถานที่ส่งเสริมวัฒนธรรมหลัก Azabudai Hills Gallery มีสิ่งอำนวยความสะดวกของพิพิธภัณฑ์และจะจัดแสดงประเภทวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพื่อเป็นการฉลองพิธีเปิด จะมีการจัดแสดงนิทรรศการโดย Olafur Eliasson ศิลปินรุ่นบุกเบิกที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในประเด็นสิ่งแวดล้อมและสร้างงานศิลปะสาธารณะชิ้นหนึ่งให้แก่ Azabudai Hills

นิทรรศฉลองพิธีเปิด “Olafur Eliasson Exhibition: A Cycle of Interconnected Moments in Harmony”

ศิลปะสาธารณะ: ขจัดขอบเขตระหว่างศิลปะกับชีวิตประจำวัน

Mori Art Museum ได้คัดสรรผลงานศิลปะที่ช่วยให้ผู้คนเห็นภาพพลังงานของธรรมชาติที่มีอยู่ใน Azabudai Hills โดยผสมผสานขนาดมหึมาของคอมเพล็กซ์เข้ากับขนาดของมนุษย์

MORI Building DIGITAL ART MUSEUM: EPSON teamLab Borderless

พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่าง Mori Building และ teamLab ซึ่งเดิมเปิดในโอไดบะ ดึงดูดผู้เข้าชม 2.3 ล้านคนจากกว่า 160 ประเทศในปีแรก พิพิธภัณฑ์ย้ายที่ตั้งมาเปิดที่ Azabudai Hills จะจัดแสดงคอลเลกชันงานศิลปะที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ของ teamLab รวมถึงอีกหลายชิ้นที่จะเปิดตัวในญี่ปุ่น

สิ่งอำนวยความสะดวกร้านค้าปลีก

Azabudai Hills จะใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ประมาณ 23,000 ตร.ม. ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีที่สวยงาม พื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของร้านค้าประมาณ 150 ร้าน รวมถึงแบรนด์หรู คาเฟ่พร้อมระเบียงเปิดโล่ง และร้านอาหารระดับไฮเอนด์หลายแห่ง

ตลาดอาหารขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Azabudai Hills Market จะถูกสร้างขึ้นที่ชั้นใต้ดินของ Central Green Area มีเนื้อที่ประมาณ 4,000 ตร.ม. จะให้ความสำคัญถึงความสมบูรณ์และความเพลิดเพลินของอาหารผ่านการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน วัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายของโตเกียว และคำมั่นสัญญาของวิถีชีวิตนักชิมเพื่อสุขภาพ

Azabudai Hills Market

อาหารเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เราภูมิใจที่จะแบ่งปันกับคนทั่วโลก ร้านค้าพิเศษชั้นนำของญี่ปุ่น 31 แห่งรวมตัวกันด้วยความปรารถนาที่จะอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมอาหารนี้ต่อไป

แบรนด์หรู

ถนนหรูหราแห่งใหม่ที่ไม่เหมือนใครจะเปิดตัวโดยมีแบรนด์หรูระดับชั้นนำที่ตั้งอยู่เคียงข้างกันในสภาพแวดล้อมที่เขียวชอุ่มในใจกลางเมือง

มีแผนจะเปิด: Hermès, Cartier, CELINE, DIOR, BERLUTI, L'Officine Universelle Buly, ST LOUIS, TimeVallée, BVRGARI, BOTTEGA VENETA

Janu Tokyo

ชั้นล่างของ Residence A (ชั้น 1-13) จะเป็นที่ตั้งของ Janu Tokyo ซึ่งเป็นการเปิดตัว Janu แบรนด์ในเครือของ Aman

โรงแรมมีห้องพัก 122 ห้องตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมหันหน้าไปทาง Central Green อันเขียวขจี และมีศูนย์สุขภาพขนาด 4,000 ตร.ม. ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงแรมหรูหราที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว พร้อมห้องออกกำลังกายและฟิตเนสแบบกลุ่ม รวมถึงร้านอาหารและบาร์แปดแห่งที่สมบูรณ์แบบ สำหรับครอบครัวและหมู่คณะ

Azabudai Hills Residences

Azabudai Hills จะสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ 1,400 ยูนิต ผู้อยู่อาศัยรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีจะได้รับประโยชน์จากเมืองที่สะดวกและทันสมัย และความกลมกลืนกับธรรมชาติเพื่อสัมผัสกับสุขภาพจิตและร่างกาย ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ที่รุ่งเรืองและสูงส่งอย่างแท้จริง ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Azabudai Hills Azabudai Hills Residence จะรวบรวมฟังก์ชันการใช้งานสูงสุดในคอนโดมิเนียมที่ผสมผสานกับความเชี่ยวชาญของ Mori Building ในการสร้างที่อยู่อาศัยที่หรูหรา

Aman Residences, Tokyo ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านบนสุดของ Mori JP Tower และบริหารงานร่วมกับ Aman ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงแรมและรีสอร์ทหรูระดับโลกที่หลากหลาย จะมอบคุณค่าพิเศษในฐานะที่พักอาศัยสุดพิเศษด้วยจำนวนยูนิตเพียง 91 ยูนิตเพื่อการอยู่อาศัยอันเงียบสงบขั้นสูงสุด

สำนักงาน

ที่ Azabudai Hills คอมเพล็กซ์ทั้งหมดจะทำงานเป็นที่ทำงานครบวงจร พื้นที่สำนักงาน (รวมประมาณ 214,500 ตร.ม.) ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 7 ถึง 52 ของอาคาร Mori JP Tower เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่หลากหลายโดยประมาณ 20,000 คน ชั้นมาตรฐานใน Mori JP Tower จะมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 4,800 ตร.ม. ซึ่งเป็นหนึ่งในชั้นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้อาคารสำนักงานระดับโลกแห่งนี้ตอบสนองความต้องการของบริษัทระดับโลกได้อย่างเต็มที่

Hills House

Hills House สิ่งอำนวยความสะดวกบนชั้น 33 และ 34 ของ Mori JP Tower ซึ่งมีพื้นที่รวมประมาณ 3,300 ตร.ม. จะเป็นฐานที่บริษัทผู้เช่าและพนักงานสามารถใช้ทั้งเมืองเป็นที่ทำงาน

Tokyo Venture Capital Hub

Azabudai Hills จะกลายเป็นที่ตั้งของ Tokyo Venture Capital Hub ซึ่งเป็นศูนย์กลางการลงทุนขนาดใหญ่แห่งแรกในญี่ปุ่น Japan Venture Capital Association (JVCA) ผู้ร่วมทุนอิสระชั้นนำ (VCs) ชั้นนำในอุตสาหกรรม VC ของญี่ปุ่น และผู้ร่วมทุนระดับองค์กร (CVC) ประมาณ 70 รายที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นจะรวมตัวกัน

หนังสือข้อเท็จจริงที่ให้รายละเอียดทั้งหมดของ Azabudai Hills และสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ต่อไปนี้https://onl.tw/VYcx5TJ

หากต้องการชมภาพยนตร์ภาพรวมของ Azabudai Hills โปรดคลิกที่นี่เพื่อดูภาพยนตร์ใหม่ล่าสุด และที่นี่สำหรับภาพยนตร์จากปี 2019

เกี่ยวกับ Mori Building

Mori Building เป็นผู้พัฒนาเมืองแห่งนวัตกรรมในโตเกียว บริษัทมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพลังแม่เหล็กของเมืองให้สูงสุดด้วยการสร้างและหล่อเลี้ยงใจกลางเมืองที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเป็นสากล ตามแนวคิดเมืองสวนแนวตั้งที่เป็นเอกลักษณ์ของศูนย์กลางธุรกิจ การศึกษา การพักผ่อน และที่พักอาศัย แนวคิดนี้ถูกนำไปใช้กับโครงการระดับแนวหน้าหลายแห่งของบริษัท รวมถึง ARK Hills, Roppongi Hills และ Toranomon Hills ในโตเกียว และ Shanghai World Financial Center Mori Building ยังดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ การจัดการโครงการ และการให้คำปรึกษาอีกด้วย กรุณาเยี่ยมชม www.mori.co.jp/en

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53509613/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ
Mori Building Co., Ltd.
Kae Takagi
koho@mori.co.jp

Weber Shandwick Japan
Mayuko Harada
moribldg@webershandwick.com

แหล่งที่มา: Mori Building Co., Ltd.












อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย การวิจัย การแพทย์ของจีนผงาดขึ้นแท่นอันดับต้น ๆ ของโลก: ปิดการประชุม International Skin Health Summit ปี 2023 ของ BOTANEE

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–12 กรกฎาคม 2023

Guo Zhenyu ประธานและผู้อำนวยการของ BOTANEE Group กล่าวว่า “ในปี 2015 เราได้ปรากฏตัวครั้งแรกในงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลกที่แวนคูเวอร์ (Vancouver WCD) ด้วยแบรนด์หลัก WINONA หลังจากผ่านไปแปดปี WINONA ได้กลายเป็นแบรนด์ชั้นนำของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้งานในประเทศจีน เราได้รับเชิญให้เข้าร่วมในงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลก (WCD) ถึง 3 ครั้งในปีนี้ และได้นำเสนอแบรนด์หลัก 4 แบรนด์ ผมหวังว่าหลังจาก 4 ปีผ่านไป แบรนด์เหล่านี้จะสร้างผลกระทบใหม่ๆ ให้กับงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลก (WCD) ทั้งในด้านวิชาการ เทคนิค คลินิก และผลกระทบทางสังคม”

2023 BOTANEE International Skin Health Summit (Photo: Business Wire)

2023 BOTANEE International Skin Health Summit (Photo: Business Wire)

ในระหว่างงานประชุมแพทย์ผิวหนังระดับโลก (WCD) ที่สิงคโปร์ BOTANEE Group ได้จัดงาน International Skin Health Summit ปี 2023 ในเวลาเดียวกัน โดยนำ 4 แบรนด์ได้แก่ WINONA, WINONA Baby, AOXMED และ Beforteen ขึ้นสู่เวทีโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางวิชาชีพขององค์กรแพทย์ผิวหนังชั้นนำของจีน

ศาสตราจารย์ He Li คณบดีผู้บริหารโรงพยาบาลโรคผิวหนังของโรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของ Kunming Medical University ได้แบ่งปันประสบการณ์ในการประชุมนี้ เธอกล่าวว่าผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งและลดกระแบบ โฟร์ อิน วัน ที่มาพร้อมการซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว ต้านการอักเสบ ลดการผลิตเม็ดสี และปรับปรุงการไหลเวียนของจุลภาค สามารถให้ผลการรักษาที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อใช้ภายนอกในช่วงที่มีฝ้าทั้งในระยะ active และ stable

จากข้อมูลระบาดวิทยาที่มีอยู่ อัตราความชุกของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ในเด็กอายุ 1-7 ปีในประเทศจีนอยู่ที่ 12.94% และอัตราความชุกของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ในทารกอายุ 1-12 เดือนอยู่ที่ 30.48% ศาสตราจารย์ Ma Lin ผู้อำนวยการแผนกโรคผิวหนังของโรงพยาบาลเด็กปักกิ่ง ในเครือของ Capital Medical University ชี้ให้เห็นว่า WINONA Baby Cream สามารถใช้เป็นครีมบำรุงประจำวันเพื่อผิวที่เนียนนุ่ม เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ในเด็กในระยะทุเลาได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่เด็กจะเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนัง (AD) ซ้ำได้อย่างมากโดยคงผลการรักษาไว้

ด้วยการทำซ้ำอย่างต่อเนื่องของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อผลที่มีประสิทธิภาพและความต้องการของผู้บริโภค BOTANEE ยังมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการสร้างแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ AOXMED จึงเป็นผลงานวิจัยและพัฒนาอันชาญฉลาดของ BOTANEE มานานกว่าสิบปี ซึ่งยืนหยัดในการสำรวจเทคโนโลยีล้ำสมัยและวิทยาศาสตร์ที่อิงตามหลักฐานสำหรับการบริโภคหลักสองประการในด้านความงามทางการแพทย์และชีวิตประจำวัน และนำเสนอโซลูชั่นการฟื้นฟูผิวที่เชื่อมโยงความงามทางการแพทย์และความงามที่ทำได้ที่บ้านไว้ด้วยกัน

ในตอนท้ายของฟอรัม ผู้เชี่ยวชาญได้อภิปรายถึงวิธีการทำให้การวินิจฉัยสิวระดับสูงของแพทย์ลงลึกไปถึงระดับรากหญ้า Beforteen ได้ให้แนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ ในฐานะแบรนด์รักษาสิวน้องใหม่ที่เปิดตัวโดย BOTANEE Beforteen และทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำกรณีศึกษามากกว่าหนึ่งล้านเคส และเมื่อรวมกับเซสชั่นการให้คำปรึกษาด้วย AI พวกเขาสามารถนำเสนอ “อาหาร+ยา+การแต่งหน้า” ในแบบเฉพาะบุคคลแก่ผู้ใช้แต่ละรายตามประเภทสิวต่างๆ

ตามรายงานประจำปี 2022 ของ BOTANEE บริษัทได้ลงทุนประมาณ 255 ล้านหยวนในค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 124.96% เมื่อเทียบเป็นรายปี และมีอัตราการวิจัยและพัฒนา (R&D) สูงถึง 5.08% ในปีนี้ โรงงานกลางแห่งใหม่ของ BOTANEE ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 500 ล้านหยวน ได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแบรนด์ต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53448575/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Wu Ling
อีเมล: wuling@winona.cn
เว็บไซต์: https://www.botanee.com.cn/index.html

แหล่งที่มา: BOTANEE Group

Mary Kay ประกาศโครงการปลูกป่าปี 2023 และเฉลิมฉลอง 15 ปีสำหรับผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนร่วมกับมูลนิธิ Arbor Day

Logo

Mary Kay ตั้งเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้เพิ่มอีก 100,000 ต้นในปี 2023

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–22 มิถุนายน 2023

วันนี้ Mary Kay ประกาศการปลูกป่าในปี 2023 โครงการร่วมกับมูลนิธิ Arbor Day ปีนี้ Mary Kay มีกำหนดจะฉลองครบรอบ 60 ปี และยังฉลองการเป็นหุ้นส่วน 15 ปีกับ Arbor Day Foundation

In 2013, Mary Kay began supporting large-scale reforestation projects around the world including the United States, Brazil, China, Germany, Ireland, Peru, and Madagascar. Mary Kay is set to plant an additional 100,000 trees in 2023 with tree plantings in the United States, Mexico, and Spain. (Credit: Arbor Day Foundation)

ในปี 2013 Mary Kay เริ่มสนับสนุนโครงการปลูกป่าขนาดใหญ่ทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล จีน เยอรมนี ไอร์แลนด์ เปรู และมาดากัสการ์ Mary Kay ตั้งเป้าที่จะปลูกต้นไม้เพิ่มอีก 100,000 ต้นในปี 2023 โดยจะปลูกต้นไม้ในสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และสเปน (เครดิต: Arbor Day Foundation)

โครงการปลูกป่าทั่วโลกในปีนี้ประกอบด้วย

  • สหรัฐอเมริกา
    • ต้นไม้ 80,000 ต้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยที่หายากและความหลากหลายทางชีวภาพในหลายมณฑลของจอร์เจีย Longleaf pine เคยเป็นพันธุ์ไม้ที่โดดเด่นในภาคใต้ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 90 ล้านเอเคอร์ตั้งแต่เวอร์จิเนียไปจนถึงเท็กซัส ทุกวันนี้ ต้นสนใบยาวปกคลุมพื้นที่น้อยกว่า 3% ของพื้นที่เดิม การสูญเสียระบบนิเวศดังกล่าวได้ทำลายล้างสัตว์และพืชเกือบ 600 สายพันธุ์ที่ต้องพึ่งพาอาศัย ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day และ The Nature Conservancy ต้นสนใบยาวและใบสั้นจะปลูกในพื้นที่ส่วนบุคคลและสาธารณะในจอร์เจีย เมื่อต้นไม้เติบโต พวกมันจะลดการกระจายตัวของป่าและสนับสนุนสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์และถูกคุกคาม เช่น นกหัวขวานแดง งูสีครามตะวันออก และเต่าโกเฟอร์
    • ต้นไม้ 12,000 ต้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูไฟป่าในป่าสงวนแห่งชาติลาสเซ็นในแคลิฟอร์เนีย Dixie Fire ลุกลามไปทั่วแคลิฟอร์เนียตอนเหนือเป็นเวลาสามเดือนที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดในปี 2021 โหมกระหน่ำตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม นี่เป็นไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของรัฐ โดยมีแผลเป็นจากการเผาไหม้กว่า 963,000 เอเคอร์ ป่าไม้ที่ถูกทำลายโดยไฟป่าอาจใช้เวลาหลายชั่วอายุคนในการกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองในอดีต หากฟื้นตัวได้ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ความพยายามในการปลูกป่าอย่างเร่งด่วนและตั้งใจจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่การรักษาสุขภาพของป่าสงวนแห่งชาติลาสเซ็นซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายร้อยชนิด และมีความสำคัญต่อสุขภาพของภูมิประเทศและทะเลสาบ Almanor ที่อยู่ใกล้เคียง ต้นไม้ที่ปลูกใหม่ในบริเวณนี้จะเริ่มสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งรวมถึงบ้านของเสือคูการ์ กระแต หมีดำ และซาลาแมนเดอร์หัวยาว เมื่อต้นไม้หยั่งรากและเติบโตเป็นยอดเต็ม ระบบรากจะป้องกันการกัดเซาะ พร้อมปรับปรุงคุณภาพน้ำในทะเลสาบ Almanor
  • เม็กซิโก
    • ต้นไม้ 4,000 ต้นเพื่อสนับสนุนการปลูกป่าอย่างยั่งยืน การฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพในเขตรักษาพันธุ์ผีเสื้อ Cerro Pelon ของเม็กซิโก แม้ว่าเรื่องราวการอพยพและการทำรังของผีเสื้อโมนาร์ชจะเป็นสัญลักษณ์ของเม็กซิโก แต่ตอนนี้สายพันธุ์นี้กำลังเผชิญกับความท้าทายบางอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยของเรา ต้นโอยาเมลเฟอร์พื้นเมืองที่ผีเสื้อโมนาร์ชมักทำรัง กำลังถูกผลักให้สูงขึ้นและอุณหภูมิที่เย็นลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การดำเนินการนี้นอกเหนือจากการตัดไม้และเคลียร์พื้นที่สำหรับต้นอะโวคาโดที่ทำกำไรแล้ว ยังลดพื้นที่ทำรังของพระราชาและคุกคามสายพันธุ์ที่รอดตายในระยะยาว โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างการปกคลุมต้นสนโอยาเมลในพื้นที่เหล่านี้อีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่น
  • สเปน
    • ต้นไม้ 4,000 ต้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูไฟป่าในเมืองเบโลราโด ประเทศสเปน เนินเขาเบโลราโดเป็นพื้นที่ที่สวยงามทางตอนเหนือของสเปน อย่างไรก็ตาม ความลาดชันเหล่านี้ได้เผชิญกับไฟป่าและคลื่นความร้อนจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นไม้ที่เคยยืนต้นอยู่ที่นี่เป็นเรื่องยากที่จะหยั่งรากอีกครั้งด้วยตัวมันเอง ซึ่งทำให้ภูมิทัศน์ธรรมชาติถูกกัดเซาะมากขึ้น การปลูกต้นไม้ผลัดใบผสมกันหลายๆ ชนิดในบริเวณนี้จะช่วยยึดดินและทำให้ดินมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและไฟป่ามากขึ้น และสำหรับพื้นที่ชนบทที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมือง โครงการนี้จะให้งานบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาค

“การตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้เศรษฐกิจโลกเสียหายหลายพันล้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความหวังของเราที่ Mary Kay คือโครงการเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบเหล่านั้นในขณะที่ให้ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่มีค่า” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc กล่าว “ป่าที่ปลูกใหม่เหล่านี้จะเติบโตและให้ทรัพยากรที่มีค่า บริการระบบนิเวศ และมรดกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต”

ความร่วมมือของ Mary Kay และ Arbor Day Foundation เริ่มขึ้นในปี 2008 และประสบความสำเร็จในเหตุการณ์สำคัญหลายประการตลอดความร่วมมือ 15 ปี:

  •  ในปี 2008 ที่ปรึกษาด้านความงามอิสระของ Mary Kay ได้เข้าร่วมในโครงการรีไซเคิลที่ซึ่งต้นไม้ถูกปลูกไว้ในป่าที่ต้องการนำวัสดุเก่าทั้งหมดมารีไซเคิล ด้วยความพยายามในการรีไซเคิลระดับประเทศโดยที่ปรึกษาด้านความงามอิสระและลูกค้า ตลอดจนพนักงานของบริษัท Mary Kay บรรลุเป้าหมายการรวบรวมคอมแพคเก่า 200,000 ชิ้น
  •  ตั้งแต่ปี 2009 ถึง 2012 ความร่วมมือของ Mary Kay กับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ได้สนับสนุนห้องเรียน Nature Explore ในที่พักพิงสำหรับความรุนแรงในครอบครัว เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีสถานที่ที่ปลอดภัยในการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ
  •  ตั้งแต่ปี 2013 Mary Kay เริ่มสนับสนุนโครงการปลูกป่าขนาดใหญ่ทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา บราซิล จีน เยอรมนี ไอร์แลนด์ เปรู และมาดากัสการ์
  •  ในปี 2018 ขณะที่ Mary Kay ตัดริบบิ้นที่โรงงาน Richard R. Rogers Manufacturing/R&D แห่งใหม่ใน Lewisville รัฐเท็กซัส บริษัทได้ฉลองความสำเร็จในการปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้นด้วยการปลูกต้นไม้ในพิธีที่ไซต์งาน
  •  จนถึงวันนี้ Mary Kay และมูลนิธิ Arbor Day ได้ปลูกต้นไม้ 1.3 ล้านต้นผ่านความร่วมมือ และยังคงทำงานเพื่อสร้างผลกระทบในอนาคตด้วยต้นไม้เพิ่มอีก 100,000 ต้นในปีนี้

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้สานต่อความร่วมมือนี้โดยสร้างผลกระทบในวงกว้างต่อผืนป่าทั่วโลก” Katie Loos ประธาน Arbor Day Foundation กล่าว “เป็นเวลา 15 ปีแล้วที่ Mary Kay ได้ทุ่มเทความพยายามในการบูรณะที่มีความหมายในสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด พันธมิตรของเราในชุดสีชมพูยังคงความเป็นเลิศผ่านโครงการปลูกป่าเชิงกลยุทธ์ที่เน้นความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับโลกใบนี้”

เกี่ยวกับ Mary Kay

อดีต ปัจจุบัน และตลอดไป หนึ่งในผู้ทำลายเพดานแก้วดั้งเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งแบรนด์ความงามในฝันของเธอในเท็กซัสในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลา 60 ปีแล้วที่โอกาสของ Mary Kay ช่วยให้ผู้หญิงสามารถกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย เครื่องสำอางที่มีสี อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อในการอนุรักษ์โลกของเราสำหรับคนรุ่นอนาคต ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการถูกทำร้ายในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com ค้นหาเราได้บน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราได้บน Twitter

เกี่ยวกับมูลนิธิ Arbor Day

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีสมาชิกรายใหญ่ที่สุดในโลกที่อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ โดยมุ่งเน้นไปที่ชุมชนและป่าที่มีความจำเป็นสูงสุด มูลนิธิร่วมกับสมาชิก ผู้สนับสนุน และหุ้นส่วนที่มีคุณค่ากว่า 1 ล้านคน ได้ช่วยกันปลูกต้นไม้ 500 ล้านต้นในกว่า 50 ประเทศ ตามพันธกิจในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนปลูก ดูแล และเฉลิมฉลองต้นไม้ Arbor Day Foundation มุ่งมั่นที่จะปลดล็อกพลังของต้นไม้เพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤตที่ผู้คนและโลกกำลังเผชิญอยู่ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของมูลนิธิ Arbor Day ที่ arborday.org

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่ออนุรักษ์ผืนดินและผืนน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพา เราสร้างวิธีแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมและใช้งานได้จริที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ สำหรับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์ผืนดิน น้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและดินแดน เราใช้วิธีการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่นๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

รายชื่อติดต่อ

Mary Kay Inc.
การสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือmedia@mkcorp.com

ที่มา: Mary Kay Inc.