แซลมอนขึ้นแท่นธนาคารจดทะเบียนในฟิลิปปินส์

Logo

มะนิลา ฟิลิปปินส์ –(BUSINESS WIRE)–9 มกราคม 2024

แซลมอน บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่มุ่งมั่นพัฒนาการเข้าถึงสินเชื่อ การออมและการลงทุนให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินกว่า 500 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประกาศการรับรองการอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเงินแห่งธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ (BSP) ให้ทำการถือครองหุ้นในธนาคารแห่งซานตาโรซา (ลากูน่า) ซึ่งถือเป็นสถาบันทางการเงินจดทะเบียนที่ได้รับความไว้วางใจในการให้บริการชาวฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2506

ทั้งนี้แซลมอนจะถือครองหุ้น 59.7% ของธนาคารแห่งซานตาโรซาเมื่อมีการบรรลุข้อตกลงในการถือครองหุ้นฉบับนี้ ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ จะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ โดยใบรับรองการจดทะเบียนและรอยเท้านิเวศน์ของธนาคารแห่งซานตาโรซาจะทำให้แซลมอนสามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์สินเชื่อและการกู้ยืมที่มีการบริหารจัดการโดยใช้เอไอให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ทั้งนี้แซลมอนจะดำเนินธุรกิจทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ โดยสร้างความแตกต่างให้กับตนเองโดยการให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าทุกระดับ ซึ่งลูกค้ากว่า 92% ของบริษัทแนะนำให้เพื่อนและครอบครัวใช้บริการของแซลมอน

การก้าวขึ้นมาเป็นธนาคารจดทะเบียนในตลาดหลักถือเป็นก้าวสำคัญทั้งสำหรับแซลมอนและฟิลิปปินส์ โดยแซลมอนได้จับมือกับบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินหลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจสถาบันธนาคารจดทะเบียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสัญญาความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มการเข้าถึงบริการธนาคารสมัยใหม่ในหมู่ชาวฟิลิปปินส์ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินหลายล้านคนในภูมิภาคสำคัญ ๆ เช่น เมโทรมะนิลา เซบู และดาเวา ซึ่งแซลมอนวางแผนที่จะขยายสาขาใหม่อีกหลายสาขาตามความเห็นชอบของธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ โดยธุรกรรมทางการเงินถือเป็นการส่งเสริมโครงการเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคารท้องถิ่นที่ริเริ่มโดยธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ในปี 2565 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับภาคการธนาคารท้องถิ่นของประเทศและส่งเสริมการเติบโตแบบองค์รวมเพื่อรับมือกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของประชากรชาวฟิลิปปินส์ที่มีความตื่นตัว พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ และมีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี

“เรารู้สึกตื่นเต้นกับการพัฒนาการครั้งสำคัญซึ่งเป็นอีกก้าวที่สำคัญของแซลมอน และรู้สึกซาบซึ้งกับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางแห่งฟิลิปปินส์ และวิสัยทัศน์ของธนาคารในการขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการทางการเงินในประเทศ ข้อตกลงฉบับนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงชุมชนด้อยโอกาสในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น โดยให้บริการทางการเงินที่ทันสมัย ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเข้าถึงง่ายกับผู้คนมากขึ้น เรายังภาคภูมิใจกับความสัมพันธ์อันน่าอัศจรรย์ของเรากับทีมบริหารของธนาคารแห่งซานตาโรซา (ลากูน่า) และหมายมั่นที่จะสร้างสถาบันการเงินที่แข็งแกรงไปพร้อม ๆ กันเพื่อขยายการบริการให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศฟิลิปปินส์”

แซลมอนจะคงรักษาและยกระดับการให้บริการในรูปแบบออฟไลน์ของธนาคารไว้เช่นเดิม โดยอัดฉีดเงินทุนและเทคโนโลยีอย่างเพียงพอให้กับธนาคารเพื่อยกระดับการบริการให้กับลูกค้าทุกคน กลยุทธ์การยึดเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางของแซลมอน ที่เป็นที่ชื่นชมในกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน จะมีการนำไปปรับใช้ให้ครอบคลุมทุกช่องทาง รวมถึงช่องทางออฟไลน์ด้วย

ติดต่อ
pr@fhl.world

ที่มา: Salmon

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SingPost เปิดใช้งานการขนส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบเรียลไทม์ทั่วเอเชียแปซิฟิกด้วย Boomi

Logo

ทีมงาน SingPost ผู้ให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซชั้นนำ ร่วมมือกับ Boomi เพื่อเสริมการให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น 75  เปอร์เซนต์

SINGAPORE & CHESTERBROOK, Pa.–(BUSINESS WIRE)–10 มกราคม 2024

Boomi™ ผู้นำด้านการเชื่อมต่อและระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ประกาศในวันนี้ว่า  Singapore Post Limited (SingPost) มีการร่วมมือกับ แพลตฟอร์ม Boomi เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและเพิ่มความเร็วในการให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับเป้าหมายการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัล

SingPost Enables Real-Time eCommerce Logistics Delivery Across Asia Pacific With Boomi (Graphic: Business Wire)

SingPost เปิดใช้งานการขนส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบเรียลไทม์ทั่วเอเชียแปซิฟิกด้วย Boomi (กราฟิก: Business Wire)

ในขณะที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกคาดว่า จะมีมูลค่าสูงถึง 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 รายได้จากอีคอมเมิร์ซเฉพาะในเอเชียคาดว่าจะสูงถึง 1.92 ล้านล้านเหรียญในปี 2024 ในฐานะผู้ให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก SingPost ให้บริการ 13 ตลาดทั่วจุดหมายปลายทางทั่วโลกถึง 220 แห่ง ด้วยเป้าหมายที่มุ่งเน้นการจัดส่งพัสดุอีคอมเมิร์ซทั้งในประเทศและต่างประเทศ SingPost ได้เริ่มโครงการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัล พร้อมกับการใช้งานเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงแพลตฟอร์มบูรณการข้อมูลที่ปรับแต่งได้ และ AI เชิงสร้างสรรค์

เพื่อปรับปรุงธุรกิจให้ทันสมัยท่ามกลางภูมิทัศน์ห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน พร้อมการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น SingPost จึงต้องการโซลูชันที่ปรับขนาดได้และมีประสิทธิภาพสำหรับการปรับแปลงข้อมูลและแผนที่ข้อมูล รวมถึงการจัดการบูรณาการและอินเทอร์เฟซโปรแกรมมิ่งสำหรับแอปพลิเคชัน (API)

“ข้อมูลเป็นรากฐานสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา เราใช้ข้อมูลเพื่อประสานการจัดส่งโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร โดยคำนึงถึงประสบการณ์ของลูกค้าเป็นหลัก เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ลูกค้าของเราได้รับข้อมูลที่อัปเดตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์จนถึงสินค้ามาถึงหน้าประตูบ้าน” Noel Singgih, Group CIO ของ SingPost กล่าว

ในการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ข้อมูลพร้อมใช้งาน และสามารถใช้งานได้แบบเรียลไทม์ เป็นส่วนสำคัญในเป้าหมายการปรับแปลงเป็นระบบดิจิทัลของ SingPost บริษัทต้องการยกเลิกการใช้ข้อมูลแบบแนวดิ่ง ปรับปรุงการกำกับดูแลข้อมูล และเปลี่ยนจากระบบเดิมที่ซ้ำซ้อน เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ SingPost ต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการที่เสถียรและเชื่อถือได้สำหรับบริการ (iPaaS)

“เราต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการเชิงกลยุทธ์สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) และการผสานข้อมูลแบบ API เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดสำหรับธุรกิจของเราและความต้องการตามฤดูกาล” Singgih กล่าว “ด้วยแพลตฟอร์ม Boomi ในปัจจุบัน เราสามารถเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นถึง 75 เปอร์เซนต์ จากที่เราต้องใช้เวลาห้าถึงหกสัปดาห์ ปัจจุบันเราใช้เวลาน้อยกว่าสองสัปดาห์ ความร่วมมือของเรากับ Boomi ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงความโปร่งใสในการจัดส่งและการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ช่วยให้เรามีความคล่องตัวยิ่งขึ้น และมีโอกาสทางการตลาดสูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดกลางและผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ”

“ในโลกดิจิทัลที่เราเชื่อมต่อถึงกันโดยทั่ว การก้าวนำหน้าเป็นกุญแจสำคัญ Boomi ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วและในวงกว้าง เพื่อให้บรรลุการปรับแปลงให้เป็นระบบดิจิทัลและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นพันธมิตรกับ SingPost ในการปรับแปลงบริษัทดิจิทัลแห่งแรก โดยมุ่งเน้นที่ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์” Thomas Lai รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi
Boomi มีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นโดยการเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกันกับทุกสิ่งและจากทุกที่ ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกแพลตฟอร์มบูรณาการบนระบบคลาวด์ในฐานะบริการ (iPaaS) และปัจจุบันเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ที่ให้บริการ (SaaS) ชั้นนำระดับโลก Boomi มีฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้จำหน่ายแพลตฟอร์มบูรณาการและเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกประมาณ 800 ราย – รวมถึง Accenture, Capgemini, SAP และ Snowflake องค์กรระดับโลกหันมาใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Boomi ในการค้นหา จัดการ และผสานรวมข้อมูล ในขณะเดียวกัน ก็เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน กระบวนการ และผู้คนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ boomi.com

© 2023 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ ‘B’, และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทสาขาหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53866937/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ:
Jasmine Ee
Head of Media and Analyst Relations, APJ
jasmine.ee@boomi.com

แหล่งข้อมูล: Boomi, LP

GIGABYTE ปลดปล่อยความมหัศจรรย์ของ AI ในงาน CES 2024: ผู้บุกเบิกเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC, เทคโนโลยีสีเขียว, AIoT และGaming Powerhouses

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–10 มกราคม 2024

GIGABYTE Technology ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านไอทีที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกผ่านระบบคลาวด์และคอมพิวเตอร์ AI และยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ กำลังเป็นศูนย์กลางที่งาน CES 2024 ด้วยซีรีส์เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ที่ล้ำสมัย ซึ่งเน้นโดยเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU, NVIDIA Grace Hopper Superchip, และ NVIDIA HGX H100 8-GPU ชิปใหม่เหล่านี้จากผู้นำในอุตสาหกรรมได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการเติบโตแบบทวีคูณของ AI โดยจัดการพารามิเตอร์โมเดลและชุดข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น จึงถือเป็นก้าวสำคัญใหม่ในภูมิทัศน์ของ AI

GIGABYTE's presentation at CES includes cutting-edge AI/HPC servers, servers for advanced data centers, green computing solutions, AIoT, and AI-powered flagship computers, embodying the booth theme

การนำเสนอของ GIGABYTE ที่งาน CES มีทั้งเซิร์ฟเวอร์เทคโนโลยี HPC/AI สุดล้ำ, เซิร์ฟเวอร์สำหรับศูนย์ข้อมูลขั้นสูง, โซลูชันการประมวลผลสีเขียว, AIoT, และคอมพิวเตอร์รุ่นเรือธงที่ประมวลผลด้วยเทคโนโลยี AI, โดยรวมอยู่ในบูธที่มาในธีม “อนาคตแห่งระบบประมวลผล” (รูป: Business Wire)

ที่บูธ GIGABYTE ยังจัดแสดงโซลูชั่นระบบประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับเวิร์กโหลด AI จำนวนมากพร้อมลดการใช้พลังงานลง บรรลุเป้าหมายแห่งความยั่งยืนด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยลง

นิทรรศการของ GIGABYTE ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมที่หลากหลาย เซิร์ฟเวอร์ โซลูชันadvanced cooling solutions AIoT และคอมพิวเตอร์รุ่นเรือธงที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งออกแบบมาสำหรับนักเล่นเกมและผู้สร้าง โดยรวบรวมบูธต่างๆ ในหัวข้อ “Future of COMPUTING” แบ่งเป็นห้าส่วนที่โดดเด่น

เซิร์ฟเวอร์ AI/HPC: คอมพิวเตอร์ระดับ Exascale

GIGABYTE และบริษัทในเครือ Giga Computing กำลังเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI/HPC ระดับท็อปสี่ตัวที่งาน CES เซิร์ฟเวอร์ G383-R80 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมล่าสุด รองรับ AMD Instinct™ MI300A APU ซึ่งผสานรวม CPU, GPU และหน่วยความจำ HBM3 แบบรวมขนาด 128GB เพื่อรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์

ความโดดเด่นอีกอย่างคือ AI server ซีรีส์ G593 ที่มาพร้อมกับ NVIDIA HGX H100 8-GPU ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมในการฝึกฝนโมเดล AI และการอนุมานภายในการกำหนดค่า 5U ความหนาแน่นสูงที่ไม่มีใครเทียบได้ เซิร์ฟเวอร์นี้มีความเป็นเลิศในเกณฑ์มาตรฐานการฝึกอบรม MLPerf และพิสูจน์ให้เห็นถึงความเก่งกาจของเวิร์กโหลด AI ที่หลากหลาย

สำหรับความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ที่ปรับขนาดได้และยืดหยุ่น GIGABYTE ขอแนะนำ XH23-VG0 ซึ่งขับเคลื่อนโดย NVIDIA Grace Hopper Superchip ซึ่งยึดตามการออกแบบโมดูลาร์ MGX โดยมอบสล็อตขยาย FHFL สำหรับแอปพลิเคชัน AI/HPC ขนาดใหญ่ G493-SB0 รองรับ GPU Gen5 สล็อตคู่ 8 ช่อง รองรับปริมาณงานที่หลากหลาย รวมถึง generative AI การจำลองเสมือน การเรนเดอร์ และกราฟิก 3D

ศูนย์ข้อมูลที่ยั่งยืน: ระบบประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อม

โซลูชันการประมวลผลรักษ์สิ่งแวดล้อมของ GIGABYTE ช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ท่ามกลางการดำเนินงานที่ต้องใช้การประมวลผลสูงและเวิร์กโหลด AI เซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมระบายความร้อนด้วยของเหลวและแบบ immersion cooling-ready servers ได้รับการรับประกันประสิทธิภาพด้วยการออกแบบระบายความร้อนชั้นนำของอุตสาหกรรมของ GIGABYTE ซึ่งรับประกันประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม (PUE) และต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ได้เปรียบ GIGABYTE ยังนำเสนอระบบ direct liquid cooling (DLC) และโซลูชันการทำความเย็นแบบ single-phase immersion cooling ซึ่งรวมทั้งหมดในหนึ่งเดียว สำหรับนิทรรศการพร้อมตู้เซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กรและถังแช่ A1P0-EA0

การใช้งานไอทีแบบ Agile

ที่บูธ GIGABYTE ขอแนะนำเซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูล S183-SH0 ซึ่งได้รับการปรับแต่งสำหรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) โดยมี E1.S NVMe SSD จำนวน 32 ตัวสำหรับการจัดเก็บและเรียกค้นข้อมูลความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ R163-P32 พร้อมโปรเซสเซอร์ตระกูล AmpereOne™ ที่รองรับสูงสุด 192 คอร์ และเซิร์ฟเวอร์ Edge ความหนาแน่นสูง E163-S30 ที่สร้างขึ้นสำหรับสภาพแวดล้อมเครือข่าย 5G เซิร์ฟเวอร์ที่ล้ำสมัยเหล่านี้ช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถปรับตัวเข้ากับแนวโน้มของตลาดที่กำลังพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

IoT ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และความคล่องตัวทางอิเล็กทรอนิกส์

GIGABYTE นำเสนอโซลูชั่นอัจฉริยะที่ครอบคลุมสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมด้วย  Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) และระบบเทเลเมติกส์ของยานพาหนะช่วยให้ขับขี่อัตโนมัติในสภาพถนนที่ซับซ้อน คอมพิวเตอร์แบบแล็ปท็อปที่ทนทานเป็นพิเศษและพีซีอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่มีความทนทานสูงและประสิทธิภาพที่เสถียรในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นในสถานการณ์ของสถานีตรวจอากาศที่บูธ

การเล่นเกมและการสร้างสรรค์

GIGABYTE ได้รับการยกย่องด้าน gaming and creator computers รวมถึง AORUS AERO และ แล็ปท็อป เมนบอร์ด การ์ดกราฟิก และจอภาพ 4K OLED ของ GIGABYTE Gaming series แสดงให้เห็นถึงพลังและเสน่ห์ในงาน CES กลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปสำหรับเล่นเกม AI ในปี 2024 ของ GIGABYTE มีคอร์ AI เจเนอเรชันถัดไปและ AI Nexus ที่เป็นกรรมสิทธิ์สำหรับประสบการณ์ AI ที่ราบรื่นในด้านประสิทธิภาพ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และ AI กำเนิด นอกจากนี้ ผู้ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ยังสามารถสำรวจการออกแบบที่มีน้ำหนักเบาราวขนนก 1.49 กก. ของแล็ปท็อป AERO 14 OLED และจอแสดงผล OLED HDR 2.8K ที่ปรับเทียบสี ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานไปสู่อีกระดับหนึ่ง

เยี่ยมชมหน้าเวบเพจของ GIGABYTE’s CES event page.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53876542/en

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology


อีเว้นท์งานนับถอยหลังวันส่งท้ายปีเก่า “HAPPY NEW YEAR TOKYO” จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ตึกศาลาว่าการกรุงโตเกียว!

Logo

พร้อมการแสดงแสงสีเสียงและกิจกรรมบนเวที

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–9 มกราคม 2024

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปี 2023 และแบ่งปันเสน่ห์ของเมืองโตเกียวในยามค่ำคืนที่รอคอยสำหรับปี 2024 จึงมีการจัดอีเว้นท์งานนับถอยหลังเพื่อต้อนรับวันปีใหม่ “HAPPY NEW YEAR TOKYO” ที่ Tomin Hiroba (Citizen’s Plaza) ที่ตึกศาลาว่าการกรุงโตเกียว เพื่อความสนุกสนานสำหรับทุกคน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 650 คนในค่ำคืนนั้น

The Projection Mapping Show (Photo: Business Wire)

การแสดงแสงสีเสียง (ภาพถ่าย: Business Wire)

เริ่มต้นด้วยการแสดงแสงสีเสียงอันงดงามที่นำเสนอเสน่ห์ของเมืองโตเกียว เช่น สถานที่ที่มีชื่อเสียงต่างๆ และฤดูกาลทั้งสี่ ตามด้วยการแสดงพิเศษร่วมกับ Pikotaro นักร้องนักแต่งเพลง และตัวการ์ตูนจาก Sanrio เช่น Hello Kitty ปรากฏตัวบนเวทีในฐานะแขกรับเชิญ ทำให้ทุกคนตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก ในตอนจบ แขกรับเชิญ และผู้ว่าการ Koike พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมต่างชูโคมขึ้น เพื่อขอพรสำหรับปีใหม่และอนาคตของโตเกียวขึ้นสู่ท้องฟ้า ตามด้วยอีเว้นท์งานนับถอยหลังเพื่อต้อนรับวันปีใหม่อันน่ามหัศจรรย์

กิจกรรมบนเวทีกับ Pikotaro ตัวการ์ตูนจาก Sanrio และผู้ว่าการ Koike เข้าร่วมงาน

Pikotaro มาเป็นแขกรับเชิญและเผยการเรียบเรียงเพลงประจำตัว “PPAP” เป็นเวอร์ชันพิเศษสำหรับอีเว้นท์นี้ Pikotaro กล่าวว่า “ผมแต่งเนื้อเพลงด้วยคำว่า 'YO' ซึ่งแสดงถึง 'ตัวคุณ' และ 'TOK' ซึ่งหมายถึงการเคลื่อนที่ของเข็มนาฬิกา ในคำว่า 'TOKYO' และผสานข้อความ 'ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันกับโตเกียว' เข้ากับเพลง”

จากนั้น เริ่มต้นด้วยการปรากฏตัวของ Hello Kitty ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการ์ตูนจาก Sanrio โดยมีการโชว์การแสดงสุดน่ารักพร้อมการแสดงแสงสีเสียง

หลังการแสดงของแขกรับเชิญ ผู้ว่าการ Koike ขึ้นเวที เธอเขียนข้อความไว้ว่า “เราทุกคนส่องแสงเน้นเสน่ห์ของโตเกียว” บนหนึ่งในโคมลอยที่มีอยู่ และกล่าวว่า “เสน่ห์ของโตเกียวที่เกิดใหม่ โดยสร้างขึ้นโดยพวกเราทุกคน นั่นหมายถึง เมื่อคุณมีความสว่างไสว โตเกียวจะส่องสว่างมากยิ่งขึ้น” ในช่วงสุดท้าย มีการฉายธีมการแสดงแสงสีเสียงที่สดใสพร้อมแสดงธีมสี่ฤดูกาลของโตเกียวบนจอผนังโค้งขนาดใหญ่ และจากนั้น พร้อมกับการแสดงภาพนับถอยหลัง โคมลอยจะนำพาความปรารถนาของผู้เข้าร่วมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั่วทั้งบริเวณ พร้อมแสงสีเสียงอันน่ามหัศจรรย์

© 2023 SANRIO CO., LTD. เลขที่อนุมัติ P151227-2

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53874967/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากนักข่าวมีคำถามหรือต้องการข้อมูล:
Shigeki Yamaguchi
Director for City Sales, Tourism Division, Bureau of Industrial and Labor Affairs, Tokyo Metropolitan Government
Shigeki_Yamaguchi@member.metro.tokyo.jp

แหล่งข้อมูล: Tokyo Metropolitan Government



Sharp เตรียมเข้าร่วมงาน CES 2024 ซึ่งเป็นงานกิจกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญในอเมริกา

Logo

ลาสเวกัส–(BUSINESS WIRE)–4 มกราคม 2024

Sharp Corporation จะเข้าร่วมในงาน CES 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในงานกิจกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก ตามสโลแกนที่ว่า “Toward the Future for a Better Life (ก้าวล้ำไปในอนาคต)” Sharp จะส่งเสริมเทคโนโลยีระดับเวิร์ลคลาสที่หลากหลายในตลาดโลกด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้กรรมสิทธิ์ของเรา

  • ไฮไลท์
  1. การใช้ชีวิตแบบสมาร์ท
    เทคโนโลยีที่ลดข้อกังวลต่างๆ มากมายภายในบ้านและทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณ
    ผู้สอนเสมือนจริง (บอตอธิบายรายละเอียด) ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบ Edge AI ที่ทาง Sharp ได้พัฒนาขึ้นมาชื่อว่า CE-LLM*1 (Communication Edge-LLM) จะทำการแนะนำนิทรรศการผ่านการสนทนาแบบอินเตอร์แอคทีฟอย่างไร้ที่ติ นอกจากนี้เตาอบความความเร็วสูงที่ลดเวลาในการปรุงอาหารลงอย่างมากด้วยเทคโนโลยีการทำความร้อนที่มีลักษณะเฉพาะตัวและการควบคุมแหล่งจ่ายความร้อนได้อย่างลงตัวที่สุด นิทรรศการนี้ยังมีทั้งเครื่องเป่าผมและเครื่องดูดฝุ่นทรงตั้งที่มาพร้อมกับเสียงรบกวนต่ำและทรงพละกำลังสูง
  2. การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม
    แนวคิดที่จะมอบความเร็วและประสิทธิภาพต่อแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ นิทรรศการนี้จึงประกอบไปด้วยเทคโนโลยีกล้องที่รองรับเทคโนโลยี XR นอกจากการนำเสนอภาพเสมือนจริงในการสนทนาและแนวคิดต่างๆ ต่อการดำเนินธุรกิจโดยใช้แว่นตา XR*2 และระบบ AI และจอแสดงข้อมูลที่สามารถใช้งานได้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น คำแนะนำในการใช้งานของตู้เสื้อผ้า นอกจากนี้ เซ็นเซอร์รับกลิ่น Olfactory ที่ใช้ระบบ AI ที่ได้รับการพัฒนาด้วยการปรับเทคโนโลยีพื้นผิวของจอแสดงผล ช่วยในการตรวจจับกลิ่นโดยการเลียนแบบสิ่งมีชีวิต และอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ก๊าซ IMS (ion Mobility Spectrometry) ที่ใช้องค์ประกอบการปล่อยอิเล็กตรอนในชั้นบรรยากาศจะนำใช้ในการจัดแสดง
  3. ความยั่งยืน
    เทคโนโลยีต่างๆ ที่สร้างพลังงานหมุนเวียนแห่งโลกอนาคตและแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ดียิ่งขึ้น การจัดแสดงป้าย LCD แบบใช้การสะท้อนแสงสำหรับจอกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ชนิดสีที่ใช้ภายนอกอาคารและ ePoster ที่มีการใช้พลังงานต่ำ Sharp จะยังทำการเปิดตัวอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้ภายในอาคารอย่าง LC-LH ที่ใช้แสงสว่างภายในอาคารและให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง และสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ IoT ได้อีกด้วย รีโมตคอนโทรลของ TV ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ LC-LH ก็นำมาแสดงด้วยเช่นเดียวกัน
  • ตำแหน่งบูทของ Sharp: 17229 เซ็นทรัลฮอล์ ลาสเวกัสคอนเวนชันเซ็นเตอร์ (เนวาดา สหรัฐอเมริกา)
  • วันและเวลาจัดนิทรรศการ: 9 ถึง 12 มกราคม 2024 (วันอังคารถึงวันศุกร์) เวลา: 10:00 – 18:00 น.
    สำหรับรายละเอียด: Dates and Hours (ces.tech)

*1

ระบบจะตอบการสนทนาและการโต้ตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบไร้ที่ติด้วยการตัดสินใจจัดการกับคำถามในทันทีโดยใช้ Edge AI เช่น LLM ที่ติดตั้งมาพร้อมกับระบบ หรือ AI บนคลาวด์ เช่น Chat GPT สำหรับการตอบคำถามจากผู้ใช้งาน

*2

เทคโนโลยี XR/เทคโนโลยี CR: เทคโนโลยีที่ใช้สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านการผสานระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนจริง

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53873296/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ทีมประชาสัมพันธ์และการสร้างแบรนด์ของ Sharp Corporation
pr-brand@sharp.co.jp

แหล่งข้อมูล: Sharp Corporation





Tim Liu CTO ของ Hillstone Networks แชร์แนวโน้มความปลอดภัยทางไซเบอร์ประจำปี 2024

Logo

CTO’s Corner: การนำทางภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่กำลังพัฒนากับ Tim Liu

ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Hillstone Networks ภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 นั้นถูกเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งนำเสนอทั้งความท้าทายและโอกาส ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกำลังติดตามแนวโน้มสำคัญหลายประการอย่างใกล้ชิดซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงกลยุทธ์ด้านไอทีที่เป็นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับพวกมัน Tim Liu CTO แบ่งปันแนวโน้มสูงสุดของเขาในปี 2024:

ผลกระทบของ AI ต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์

การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยได้รับแรงกระตุ้นจากการเปิดตัว ChatGPT และเทคโนโลยี AI อื่นๆ ในปี 2023 ทั้งยังได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า AI จะสัญญาว่าจะปรับปรุงความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพการทำงาน และการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ทั่วไป แต่ก็ยังนำมาซึ่งเวกเตอร์ภัยคุกคามใหม่แบบใหม่อีกด้วย ธรรมชาติของ 'wild West' ในขอบเขตของ AI ร่วมกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ความอ่อนแอของ AI ต่อการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตและการหาประโยชน์ทางวิศวกรรมสังคมที่มีการเสริมพลังด้วยกลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เป็นผลให้เกิดความซับซ้อนอีกชั้นต่อภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เมื่อ AI เข้าถึงได้มากขึ้น ยิ่งก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ทั้งในวัตถุประสงค์ด้านดีและด้านที่เป็นอันตราย อีกทั้งเราต้องยังคงตื่นตัวเสมอเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมา

ความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์

การนำระบบคลาวด์มาใช้ยังคงไม่หยุดยั้งโดยส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการริเริ่มด้าน AI ขององค์กร อย่างไรก็ตาม รูปแบบความรับผิดชอบร่วมกันด้านความปลอดภัยบนคลาวด์และการปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นไม่เป็นที่เข้าใจในระดับสากลโดยเฉพาะในระดับผู้บริหารระดับสูงและระดับคณะกรรมการ ปัญหาต่างๆ เช่น ข้อกังวลด้านความปลอดภัยของอินสแตนซ์บนคลาวด์ที่มีการจัดการแบบระบบไอทีเงาและการขาดการดูแลโดยทีมไอทีที่มีประสบการณ์ มีส่วนทำให้เกิดความท้าทายด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ที่ยังคงอยู่

การขยายพื้นที่โจมตี

การแพร่หลายของอุปกรณ์ Edge รวมถึงอุปกรณ์ IoT สิ่งอำนวยความสะดวกที่เชื่อมต่อกับ 5G และยานพาหนะไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเครือข่ายกำลังขยายขอบเขตภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว การป้องกันเครือข่ายแบบดั้งเดิมจะต้องพัฒนาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ของการโจมตีใหม่ ๆ และจุดเข้าใช้งานใหม่เหล่านี้โดยต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมสู่ความปลอดภัยทางไซเบอร์

ปัจจัยมนุษย์ในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

ท่ามกลางการมุ่งเน้นไปที่ AI Cloud และอุปกรณ์ปลายทาง ปัจจัยมนุษย์ยังคงเป็นเวกเตอร์การโจมตีที่แพร่หลาย เหตุการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์มักเกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยเน้นน้ำหนักไปที่ของการปฏิบัติด้านความปลอดภัยพื้นฐาน การอัปเดตการฝึกอบรมพนักงานและการจัดการอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงภัยคุกคามทางไซเบอร์ และทำให้ชัดเจนว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นเป็นปัญหาของผู้คนมากพอ ๆ กับเทคโนโลยี

การแปลงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยดิจิตอล

ในขณะที่ธุรกิจพึ่งพาการทำธุรกรรมดิจิตอลมากขึ้นการสร้างและการรักษาความไว้วางใจดิจิทัลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น กลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีส่วนทำให้ความไว้วางใจดิจิทัลโดยเน้นที่ท่าทางความปลอดภัยแบบองค์รวมและการพัฒนาที่พัฒนาเช่นการดำเนินงานด้านความปลอดภัย (SECOPS) เครื่องมือเช่น SIEM และ XDR มีบทบาทสำคัญในการย้ายจากการรื้อล่วงหน้าไปยังท่าโพสต์ที่ผ่านมาโดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจจับการตอบสนองและการบรรเทา แนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่เช่น SASE และ SSE เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรและแบบบูรณาการ

ภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปี 2024 ต้องการการปรับตัวและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการไปอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนองค์กรจะต้องระมัดระวังการจัดลำดับความสำคัญของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลางและยอมรับกลยุทธ์ความปลอดภัยแบบองค์รวมเพื่อนำทางภูมิทัศน์การคุกคามที่พัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

สุขสันต์วันหยุดจาก Hillstone Networks

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

Hillstone Networks เป็นผู้นำในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ส่งมอบทั้งความลึกและความกว้างของการป้องกันให้กับบริษัททุกขนาดตั้งแต่ Edge ไปจนถึง Cloud ตลอดจนทั่วทั้งภาระงาน แนวทางการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แบบบูรณาการของ Hillstone Networks นำมาซึ่งความครอบคลุม การควบคุมและการรวมเข้าด้วยกันให้กับองค์กรกว่า 26,000 แห่งทั่วโลกwww.hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

แหล่งที่มา: Hillstone Networks

Nippon Steel Corporation (NSC) เตรียมซื้อกิจการของ U. S. Steel เพื่อผนึกกำลังร่วมสร้าง ‘ผู้ผลิตเหล็กที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Logo

NSC เข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ในราคา 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นสำหรับธุรกรรมเงินสดทั้งหมด โดยคิดเป็น 40% พรีเมี่ยม สำหรับมูลค่าที่กำหนดและมีผลทันทีสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ U. S. Steel

เป็นการควบรวมสองบริษัทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคม

ผสมผสานเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และความสามารถในการผลิตเพื่อให้สามารถบริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่มีความหลากหลายและพร้อมในการแข่งขันในสหรัฐอเมริกา เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่ลูกค้าผ่านความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านเหล็กกล้าระดับโลกสองราย

NSC ได้รับเกียรติเข้าร่วมข้อตกลงการเจรจาต่อรองร่วมกับ United Steelworkers Union ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ถือหุ้น

ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าทั่วไปไปสู่การลดคาร์บอนและโลกที่ยั่งยืน

U. S. Steel จะยังคงชื่อเสียงที่โดดเด่นและสำนักงานใหญ่ยังคงอยู่ที่ Pittsburgh, PA

การทำธุรกรรมจะเป็นไปตามกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของ U. S. Steel

สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้ง NSC และ U. S. Steel

จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันในเวลา 8:00 น. โซนเวลา ET เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของการทำธุรกรรม

TOKYO & PITTSBURGH–(BUSINESS WIRE)–22 ธันวาคม 2023

Nippon Steel Corporation (NSC) (TSE: 5401) ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำของโลก และ United States Steel Corporation (NYSE: X) (“U. S. Steel”) ผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านแร่เหล็กต้นทุนต่ำ การผลิตเหล็กกล้าแบบโรงถลุงขนาดเล็ก และความสามารถในการตกแต่งเหล็กกล้าขั้นสุดท้ายที่หาที่เปรียบมิได้ ประกาศร่วมกันในวันนี้ว่า มีการตกลงขั้นสุดท้ายตามที่ NSC จะเข้าซื้อกิจการของ U. S. Steel ทั้งหมดโดยเป็นการทำธุรกรรมด้วยเงินสดที่ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหุ้นประมาณ 14.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ บวกกับภาระหนี้ รวมเป็นมูลค่ากิจการโดยรวม 14.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ราคาซื้อต่อหุ้นมีมูลค่าเท่ากับ 55.00 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 40% พรีเมี่ยมสำหรับราคาปิดของหุ้น U. S. Steel เมื่อวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023 ธุรกรรมดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการบริหารของทั้ง NSC และ U. S. Steel

การเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะช่วยเสริมขีดความสามารถด้านการผลิตและเทคโนโลยีชั้นนำของโลก และช่วยให้สามารถขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ที่ NSC สามารถให้บริการแก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลูกค้าและสังคมโดยรวม ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นการกระจายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลกของ NSC โดยการขยายการผลิตในปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ โดยขยายเพิ่มพื้นที่ทางภูมิศาสตร์หลักในญี่ปุ่น อาเซียน และอินเดีย ผลจากการเข้าซื้อกิจการ U. S. Steel ของ NSC จะส่งผลให้กำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบโดยรวมต่อปีตามที่คาดการณ์ไว้ขึ้นสูงถึง 86 ล้านตัน – เอื้อให้สามารถเร่งความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ NSC เพื่อเพิ่มกำลังในการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกให้ถึง 100 ล้านตันต่อปี

Eiji Hashimoto ประธาน NSC กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ธุรกรรมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของสองบริษัทที่มีความสามารถในการผลิตและมีเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ซึ่งแสดงความมุ่งมั่นของเราเพื่อให้สามารถนำเสนอบริการแก่ลูกค้าได้ทั่วโลก รวมถึงความตั้งใจที่จะสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้นโดยการลดคาร์บอนในการผลิตเหล็กกล้า NSC มีความชื่นชมใน U. S. Steel และเคารพในเทคโนโลยีชั้นนำมาตลอด รวมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และบุคลากรที่มีความสามารถสูง เราเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถร่วมกันรับมือกับความท้าทายในการยกระดับแรงบันดาลใจของเราให้สูงยิ่งขึ้น ธุรกรรมนี้จะเสริมสร้างภาพลักษณ์ของเราในสหรัฐอเมริกา และเรามุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามสัญญาสหภาพแรงงานที่มีอยู่ทั้งหมดของ U. S. Steel เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้ดำเนินการร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทีมงานของ U. S. Steel เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองบริษัทและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’

Takahiro Mori รองประธานบริหารของ NSC กล่าวว่า “เราเชื่อมั่นว่า ธุรกรรมครั้งนี้เป็นประโยชน์สูงสุดของทั้งสองบริษัท โดยเพิ่มมูลค่าหุ้นเพื่อผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และขณะเดียวกัน ก็เพิ่มโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของ NSC เรามีงบดุลที่ดี และเรามั่นใจในความสามารถของเราที่จะปลดล็อกศักยภาพในการร่วมมือกันของ NSC และ U. S. Steel เพื่อเสริมสร้างความก้าวล้ำในการผลิตเหล็กกล้า สร้างมูลค่าในระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท รวมถึงลูกค้า พนักงาน ซัพพลายเออร์ ชุมชน และผู้ถือหุ้น”

David B. Burritt ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของ U. S. Steel กล่าวว่า “NSC มีประวัติที่ดีซึ่งสามารถพิสูจน์ได้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ การดำเนินงาน และการลงทุนในโรงงานถลุงเหล็กทั่วโลก และเรามีความมั่นใจ เช่นเดียวกับกลยุทธ์ของเราว่า การรวมตัวในครั้งนี้จะเป็นผลดีเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง การทำธุรกรรมในครั้งนี้จะเป็นการทำให้เราสามารถตระหนักถึงมูลค่าอันมหาศาลของบริษัทในปัจจุบัน และเป็นผลมาจากกระบวนการทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมของคณะกรรมการบริหารของเรา สำหรับพนักงาน U. S. Steel ของเรา ซึ่งเราขอบคุณในการดำเนินงานกันมาตลอด การดำเนินธุรกรรมในครั้งนี้ เป็นการผสมผสานบริษัทผลิตเหล็กกล้าที่มีความคิดไปในทางเดียวกัน ทั้งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไม่เคยเปลี่ยน การมีเป้าหมายร่วมกัน ค่านิยม และกลยุทธ์ที่มีการสนับสนุนจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน สำหรับลูกค้า U. S. Steel และ NSC ร่วมกันสร้างบริษัทผลิตเหล็กกล้าระดับโลกอย่างแท้จริง โดยการผสมผสานความสามารถและนวัตกรรมซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของลูกค้าได้ การประกาศควบรวมกิจการในวันนี้ ยังเป็นการเอื้อประโยชน์แก่สหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน โดยรับประกันการแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าภายในประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในภาพลักษณ์ของเราทั่วโลก การมุ่งเน้นการลดคาร์บอนร่วมกันของเรานั้น คาดว่าจะสามารถเพิ่มความสามารถของเราที่จะจัดหาโซลูชันนวัตกรรมการผลิตเหล็กกล้าให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน”

ผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์

  • ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันในฐานะผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลกการทำธุรกรรมในครั้งนี้เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยทั้งจาก NSC และ U. S. Steel เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยและนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าคุณภาพสูง เช่น เหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้า และเหล็กแผ่นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สำหรับลูกค้าทั่วโลก NSC และ U. S. Steel จะร่วมพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกและความสามารถด้านการผลิต เพื่อเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการปรับแปลงด้านดิจิทัลในการผลิตเหล็กกล้า เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้า U. S. Steel เป็นนักพัฒนานวัตกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ด้วยการดำเนินการ Big River Steel ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงถลุงเหล็กกล้าที่ยั่งยืนและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ ในการดำเนินธุรกรรมร่วมกันนี้จะได้รับการขับเคลื่อนโดยการรวบรวมเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและความรู้ความชำนาญจากทั้ง U. S. Steel และ NSC เข้าด้วยกัน รวมถึงการดำเนินงานอย่างคุ้มทุน มีการประหยัดพลังงาน และการรีไซเคิล เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของ NSC จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถทางเทคนิคในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากเหมืองแร่ การหลอม และการผลิตในสหรัฐอเมริกาของ U. S. Steel ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาได้ดียิ่งขึ้น
  • เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก U. S. Steel เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาอันยาวนาน ในขณะที่ NSC ประสบความสำเร็จในการให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกามานานหลายทศวรรษเช่นกัน การร่วมมือกันกับ U. S. Steel จะช่วยเสริมให้ NSC มีความพร้อมยิ่งขึ้นในการรองรับความต้องการเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเหล็กกล้าสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และระบบไฟฟ้า รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ นอกเหนือจากนี้ NSC ยังมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าในสหรัฐอเมริกา และนำเสนอผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าประสิทธิภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับการใช้งานทุกประเภท
  • ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล็กกล้าระดับโลกไปสู่การลดคาร์บอนและสร้างโลกที่ยั่งยืน NSC และ U. S. Steel มีความมุ่งมั่นเดียวกันที่จะลดคาร์บอนภายในปี 2050 และตระหนักว่า การแก้ไขปัญหาความท้าทายด้านความยั่งยืนเป็นเสาหลักพื้นฐานในการดำรงอยู่และการเติบโตของผู้ผลิตเหล็กกล้า ประเด็นสำคัญของความร่วมมือหลังการทำธุรกรรมนี้คือ การดำเนินการตามเป้าหมายนี้ต่อไปและขับเคลื่อนเทคโนโลยีทางเลือกในการลดคาร์บอน NSC มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสามประการเพื่อมุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2050 รวมถึงเทคโนโลยีการฉีดไฮโดรเจนเข้าในเตาถลุงเหล็กกล้า การผลิตเหล็กกล้าคุณภาพสูงในเตาอาร์คไฟฟ้าขนาดใหญ่ และการใช้ไฮโดรเจนในกระบวนการลดปริมาณเหล็กโดยตรง U. S. Steel มีการมุ่งเน้นการลดระดับคาร์บอนในทำนองเดียวกัน รวมถึงการใช้พลังงานให้น้อยลงอย่างต่อเนื่องในการดำเนินงานปัจจุบัน การบูรณาการความสามารถของเตาอาร์คไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการลดคาร์บอน และการสร้างโรงถลุงจขนาดเล็กที่ล้ำสมัยแห่งที่สองที่ Arkansas
  • เคารพข้อตกลงทั้งหมดระหว่าง U. S. Steel และ United Steelworkers Union: NSC มีประวัติที่ดีเยี่ยมด้านความปลอดภัยในที่ทำงานและการทำงานร่วมกันกับสหภาพแรงงาน จะมีการดำเนินกาตามข้อตกลงทั้งหมดของ U. S. Steel ที่มีต่อพนักงาน รวมถึงข้อตกลงการเจรจาต่อรองทั้งหมดกับสหภาพแรงงาน และ NSC มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างเหนียวแน่น
  • ความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นอย่างเหนียวแน่น รวมทั้งความสัมพันธ์กับพนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ และชุมชน การผสานรวมพนักงานมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ภายหลังการปิดข้อตกลงสำหรับการทำธุรกรรมนี้  U. S. Steel จะยังคงชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ แบรนด์ และยังคงมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, PA NSC มุ่งมั่นที่จะสานต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า ชุมชนโดยรอบ และบุคลากรของ U. S. Steel ที่สนับสนุนการดำเนินงานของ U. S. Steel มาตลอด และมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิผลสำหรับชุมชนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
  • สร้างมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งของ NSC และ U. S. Steel ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของ NSC ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ ซึ่งพร้อมรองรับการเติบโตที่สูงขึ้น เสริมสร้างความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และมูลค่าระยะยาวสำหรับผู้ถือหุ้นของ NSC ข้อเสนอเงินสดทั้งหมดนี้ยังสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นและมีความเสถียรสำหรับผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel ธุรกรรมนี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมและเสถียรซึ่งดำเนินการโดย U. S. Steel และคณะกรรมการบริหาร โดยราคาซื้อ 55.00 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นคิดเป็นพรีเมียม 40% จากราคาปิดของหุ้น U. S. Steel ในวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปี 2023

รายละเอียดการทำธุรกรรม

คาดการณ์ว่าจะสามารถปิดธุรกรรมนี้ได้ในช่วงไตรมาสที่สองหรือสามของปีปฎิทิน 2024 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ U. S. Steel และได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบการกำกับดูแลและเงื่อนไขการปิดตามข้อกำหนดอื่นๆ ที่กำหนดไว้ NSC วางแผนที่จะสนับสนุนเงินทุนสำหรับการทำธุรกรรมโดยรายได้ส่วนใหญ่จะมาการกู้ยืมจากธนาคารญี่ปุ่นบางแห่ง และมีภาระผูกพันทางการเงินตามหลักประกันอยู่แล้ว การทำธุรกรรมนี้จะไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขทางการเงินใดๆ

ที่ปรึกษา

Citi ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ NSC Ropes & Gray LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ NSC Barclays Capital Inc., Goldman Sachs & Co. LLC และ Evercore ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับ U. S. Steel Milbank LLP and Wachtell, Lipton, Rosen & Katz ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายสำหรับ U. S. Steel

การประชุมทางโทรศัพท์

NSC และ U. S. Steel จะมีการประชุมทางโทรศัพท์ร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการพร้อมนักวิเคราะห์และนักลงทุนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 18 เดือนธันวาคม ปี 2023 เวลา 8:00 น. โซนเวลา EST ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา (22:00 น. โซนเวลา JST ตามเวลาในญี่ปุ่น) สามารถเข้าฟังการประชุมที่จะมีการเผยแพร่ออกอากาศและเข้าดูการนำเสนอสไลด์ได้ในเว็บไซต์ของ U. S. Steel www.ussteel.com และคลิกที่ส่วน “นักลงทุน” และสามารถรับชมย้อนหลังหลังการประชุมได้ที่เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของ U. S. Steel ได้ที่: https://investors.ussteel.com/

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกรรมที่นำเสนอได้ที่ www.BestDealforAmericanSteel.com

เกี่ยวกับ NSC

NSC เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นในของโลก NSC มีกำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 66 ล้านตัน และมีพนักงานประมาณ 100,000 คนทั่วโลก ฐานการผลิตของ NSC อยู่ที่ญี่ปุ่น และบริษัทมีการดำเนินงานใน 15 ประเทศนอกเหนือจากในญี่ปุ่น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม บราซิล เม็กซิโก สวีเดน จีน และอื่นๆ NSC มีการก่อตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว และมุ่งเน้นในการสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีกับพนักงาน สหภาพแรงงาน ซัพพลายเออร์ ลูกค้า และชุมชน ในฐานะ ‘ผู้ผลิตเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่มีความสามารถชั้นนำของโลก’ NSC แสวงหาเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิตชั้นนำของโลก และมีส่วนช่วยเหลือสังคม โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเลิศ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.nipponsteel.com

เกี่ยวกับ U. S. Steel

U. S. Steel เป็นผู้ผลิตเหล็กกล้าชั้นนำ มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1901 ด้วยการมุ่งเน้นอย่างแน่วแน่ด้านความปลอดภัย จึงมีการพัฒนากลยุทธ์ Best for All® ซึ่งมุ่งเน้นลูกค้าของบริษัทเป็นสำคัญ โดยมุ่งเน้นอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับ U. S. Steel และผู้ถือหุ้น ในการเน้นย้ำด้านนวัตกรรม U. S. Steel ให้บริการแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ การก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงาน ภาชนะบรรจุ และบรรจุภัณฑ์ ด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง บริษัทยังมีการคงไว้ซึ่งการผลิตแร่เหล็กขั้นสูงและมีความสามารถในการผลิตเหล็กกล้าดิบต่อปีเป็นปริมาณ 22.4 ล้านตันสุทธิ U. S. Steel มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Pittsburgh, Pennsylvania และมีการดำเนินงานระดับโลกทั่วสหรัฐอเมริกาและในยุโรปกลาง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.ussteel.com

ข้อมูลเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูล

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอระหว่าง United States Steel Corporation (ซึ่งจะเรียกว่า บริษัท”) และ NSC ในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอนี้ บริษัทจะยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (“SEC”) รวมถึงหนังสือมอบฉันทะของบริษัทตามตาราง 14A (ซึ่งเรียกว่า “หนังสือมอบฉันทะ”) ข้อมูลในหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างนี้จะยังไม่สมบูรณ์และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ จะมีการนำส่งหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท บริษัทยังอาจมีการยื่นเอกสารอื่นๆ ต่อ SEC ที่เกี่ยวเนื่องการทำธุรกรรมที่นำเสนอนี้ด้วยเช่นกัน ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นเอกสารทดแทนสำหรับหนังสือมอบฉันทะ หรือสำหรับเอกสารอื่นๆ ที่อาจมีการยื่นต่อ SEC ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ จะมีการนำส่งธุรกรรมที่นำเสนอดังกล่าวไปยังผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อพิจารณา ก่อนดำเนินการตัดสินใจลงคะแนนเสียงใดๆ ผู้ถือหุ้นของบริษัทควรอ่านเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีการยื่นหรือจะมีการยื่นต่อ SEC รวมถึงหนังสือมอบฉันทะ ตลอดจนการแก้ไขหรือเอกสารเพิ่มเติมใดๆ สำหรับเอกสารเหล่านี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และหากหรือเมื่อใดที่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC, และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ

ผู้ถือหุ้นของบริษัทจะสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะฉบับร่างและหนังสือมอบฉันทะฉบับสมบูรณ์ได้ฟรี (ในแต่ละกรณี หากและเมื่อมีผลบังคับใช้) รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท, NSC และการทำธุรกรรมที่นำเสนอ เมื่อมีการยื่นเอกสารดังกล่าวต่อ SEC โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่เว็บไซต์ของ SEC (www.sec.gov) นอกจากนี้ ยังสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ที่ทางบริษัทยื่นต่อ SEC ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยสามารถส่งคำขอไปยัง United States Steel Corporation, 600 Grant Street, Pittsburgh, Pennsylvania 15219 ติดต่อ: เลขานุการบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ 412-433-1121 หรือได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.ussteel.com

ผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม

NSC, บริษัทและคณะกรรมการ, และเจ้าหน้าที่บริหารและพนักงานบางคน อาจเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรม โดยเป็นผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อดำเนินการธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อมูลเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่อาจถือเป็นผู้เข้าร่วมในการทำธุรกรรมสำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทตามหลักเกณฑ์ของ SEC ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนอ รวมถึงคำจำกัดความเกี่ยวกับผลประโยชน์โดยตรงหรือโดยอ้อม โดยการถือหลักทรัพย์ ซึ่งมีการระบุไว้ในหนังสือมอบฉันทะที่มีการยื่นต่อ SEC ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้จะมีการระบุรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะประจำปีของแต่ละบริษัทและเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC และจะมีการรวมไว้ในหนังสือมอบฉันทะเมื่อยื่นต่อสำนักงาน สามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะและเอกสารอื่นๆ ตามที่กล่าวถึงในข้างต้นนี้ได้ฟรี

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทและ NSC ซึ่งอาจมีการใช้เป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามคำนิยามที่กำหนดไว้ภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์เอกชนปี 1995 และกฎหมายหลักทรัพย์อื่นๆ ที่อาจมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เรากำหนดให้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ครอบคลุมภายใต้ข้อกำหนดด้านความคุ้มครองสำหรับแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ในแต่ละส่วนดังกล่าว โดยทั่วไปแล้ว เรามีการระบุแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า โดยใช้คำว่า “เชื่อว่า” “คาดหวังว่า” “ตั้งใจ” “ประเมินการ” “มุ่งหมาย” “โครงการ” “เป้าหมาย” “คาดการณ์” “กำหนด” “ควร” “วางแผน” “จุดมุ่งหมาย” “อนาคต” “จะ” “อาจจะ” และข้อความที่คล้ายคลึงกัน หรือโดยการใช้วันที่ในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการหารือใดๆ ที่แสดงถึงมุมมองทั่วไปเกี่ยวกับการดำเนินงานในอนาคตหรือผลทางการเงิน ผลการดำเนินงานหรือทางการเงิน แนวโน้ม เหตุการณ์หรือการพัฒนาที่เราคาดหวังหรือคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต การประหยัดต้นทุนตามคาดการณ์ เงินทุนที่ต้องใช้และการปรับปรุงกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงแถลงการณ์เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และระยะเวลาที่ธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การไม่มีคำเหล่านี้หรือข้อความที่คล้ายคลึงไม่ได้หมายความว่า จะไม่ถือเป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์จะเป็นแถลงการณ์ทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต แต่เป็นการแสดงถึงความเชื่อของบริษัทในเป้าหมายอนาคต แผนการ และความคาดหวังเกี่ยวกับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเหตุการณ์อื่นๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หลายๆ ข้อความดังกล่าวอาจมีความไม่แน่นอน และอยู่เหนือการควบคุมของบริษัทหรือของ NSC โดยมีความเป็นไปได้ที่ผลลัพธ์ตามจริงและสถานะทางการเงินของบริษัทหรือของ NSC อาจมีความแตกต่างจากผลลัพธ์ที่คาดหารร์ไว้ในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ฝ่ายบริหารของบริษัทหรือของ NSC เชื่อว่า แถลงการณ์เชิงคาดการณ์เหล่านี้มีความสมเหตุสมผล ณ จุดเวลาที่จัดทำขึ้น อย่างไรก็ตาม จะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการระบุข้อความคาดการณ์ที่เกินความจริง เนื่องจากข้อความแถลงการณ์ดังกล่าวจะระบุถึงสถานการณ์ ณ วันที่จัดทำขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์นี้ ยังประกอบด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเป็นเหตุให้ผลลัพธ์ตามจริงแตกต่างจากประสบการณ์ในอดีตของบริษัทหรือของ NSC และความคาดหวังหรือการคาดการณ์ของเราในปัจจุบัน ความเสี่ยงและความแน่นอน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ความสามารถของทุกฝ่ายในการดำเนินธุรกรรมที่นำเสนอให้เสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนดหรือทันเวลา ระยะเวลา การรับตามข้อกำหนดและเงื่อนไขในการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายยุติข้อตกลงฉบับสมบูรณ์และแผนการควบรวมกิจการตามที่ระบุไว้ในการทำธุรกรรมที่นำเสนอ (“ข้อตกลงควบรวมกิจการ”) การเกิดขึ้นของเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงหรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่อาจทำให้ยุติข้อตกลงควบรวมกิจการ ความเป็นไปได้ที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทอาจไม่อนุมัติสำหรับธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงและความแน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติของผู้ถือหุ้น ความเสี่ยงที่คู่สัญญาในข้อตกลงควบรวมกิจการอาจไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขของธุรกรรมที่นำเสนอได้ทันเวลาหรือไม่ได้เลย ความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่สามารถจัดการเวลาในการดำเนินการธุรกิจ เนื่องจากธุรกรรมที่นำเสนอ ข้อจำกัดบางประการในระหว่างการทำธุรกรรมที่นำเสนอ ซึ่งอาจมีผลกระต่อความสามารถของบริษัทในการติดตามโอกาสทางธุรกิจหรือธุรกรรมเชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงที่การประกาศใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่นำเสนออาจมีผลกระทบทางลบต่อราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทหรือของ NSC หรือของ American Depositary Receipts ความเสี่ยงของต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ไม่คาดคิดอันเป็นผลมาจากธุรกรรมที่นำเสนอ ความเสี่ยงของการดำเนินคดีใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่นำเสนอ และความเสี่ยงที่ธุรกรรมที่นำเสนอและการประกาศอาจมีผลกระทบต่อความสามารถของบริษัทของของ NSC ในการรักษาลูกค้าและรักษาหรือว่าจ้างบุคลากรที่สำคัญ และคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ต่อลูกค้า ซัพพลายเออร์ พนักงาน ผู้ถือหุ้น และความสัมพันธ์ทางธุรกิจอื่นๆ และผลการดำเนินงานและธุรกิจโดยทั่วไป และความเสี่ยงในการที่ธุรกรรมที่นำเสนอกำลังรอดำเนินการและมีผลกระทบต่อการบริหารของบริษัท บริษัทขอแนะนำให้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมใน Form 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2022 และรายงานไตรมาสใน Form 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 เดือนกันยายน ปี 2023 และเอกสารอื่นๆ ที่มีการยื่นต่อ SEC เกี่ยวกับความเสี่ยงอื่นๆ ที่มีผลต่อการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท เอกสารเหล่านี้ประกอบด้วยและมีการระบุถึงปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลทำให้ผลลัพธ์ตามจริงมีความแตกต่างจากแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ ความเสี่ยงเกี่ยวกับแถลงการณ์เชิงคาดการ์ของ NSC รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงในภาวะเศรษฐกิจมหภาคระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา กำลังการผลิตส่วนเกินและอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า แนวทางการปฏิบัติด้านการค้าและราคาที่ไม่เป็นธรรมในตลาดระดับภูมิภาคของ NSC ความเป็นไปได้ที่ราคาเหล็กกล้าตกต่ำ หรือมีอุปทานในแร่เหล็กสูงเกิน ความเป็นไปได้ที่ราคาตลาดของวัตถุดิบที่สำคัญจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความเป็นไปได้ที่ค่าเงินเยนญี่ปุ่นจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐและสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ ที่สำคัญ การสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับวัสดุทดแทน ความสามารถของ NSC ในการลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ความเป็นไปได้ที่การดำเนินงานอาจไม่เป็นไปตามแผนพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการ หรือการลงทุน หรือการเป็นพันธมิตร การเข้าซื้อกิจการหรือการลงทุนอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง ภัยพิบัติทางธรรมชาติและอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของ NSC รวมถึงเหตุการณ์อื่นๆ ที่อาจมีผลเสียต่อการดำเนินการธุรกิจของ NSC ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และความท้าทายในการทำให้ระดับคาร์บอนให้เป็นกลางสำหรับ NSC ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง สังคม และกฎหมาย ต่อการดำเนินธุรกิจในระบบเศรษฐกิจแบบควบรวม ความเป็นไปได้ที่จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ของเรา หรือก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและมีความเสียหายอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตเหล็กกล้ารายอื่น ความเป็นไปได้เราอาจไม่สามารถปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา หรือเผชิญกับการเรียกร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาโดยบุคคลที่สาม การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและข้อบังคับของประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ รวมถึงกฎหมายการค้าและอัตรา รวมถึงกฎหมายภาษี สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย และความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและธุรกิจของเรา อันเนื่องมาจากการละเมิดข้อมูลและการโจรกรรมข้อมูล ข้อมูลทั้งหมดในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทหรือ NSC จะไม่มีหน้าที่ใดๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อความสำหรับผลลัพธ์ตามจริง หรือาการเปลี่ยนแปลงในการคาดการณ์ของบริษัทหรือ NSC ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ ยกเว้นตามกฎหมายกำหนด

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53872312/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

NSC Contacts
สื่อ
pr_contact@jp.nipponsteel.com
Kayo Kikuchi / +81-3-6867-2977 / kikuchi.26s.kayo@jp.nipponsteel.com
Masato Suzuki / +81-3-6867-2135 / suzuki.s4f.masato@jp.nipponsteel.com

ผู้ลงทุน
ir@jp.nipponsteel.com
Yuichiro Kaneko / +81-80-9022-6867 / kaneko.yc3.yuichiro@jp.nipponsteel.com
Yohei Kato / +81-80-2131-0188 / kato.rk5.yohei@jp.nipponsteel.com

สอบถามทั่วไป (U.S.)
Nippon Steel North America, Inc. / +1 (713) 654 7111

U.S. Media Contacts
NSCMedia@teneo.com
Robert Mead / +1 (917) 327 9828 / Robert.Mead@teneo.com
Monika Driscoll / +1 (929) 388 9442 / Monika.Driscoll@teneo.com
Tucker Elcock / +1 (917) 208 4652 / Tucker.Elcock@teneo.com

U. S. Steel Contacts
สื่อ
Tara Carraro
Senior Vice President, Chief Communications Officer
T- 412-433-1300
E- media@uss.com

Kelly Sullivan / Ed Trissel
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
T- 212-355-4449

ผู้ลงทุน
Emily Chieng
Investor Relations Officer
T – (412) 618-9554
E – ecchieng@uss.com

แหล่งข้อมูล: United States Steel Corporation and Nippon Steel Corporation

Dr. Akira Yoshino ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize ของ VinFuture Prize

Logo

TOKYO & HANOI, Vietnam–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2023

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei ได้รับเลือกเป็นผู้ชนะได้รับรางวัล Grand Prize สำหรับ VinFuture Prize ประจำปี 2023 เพื่อยกย่องการมีส่วนร่วมในการประดิษฐ์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LIB)

Dr. Yoshino at the Award Ceremony (Photo: Business Wire)

Dr. Yoshino ในงานเฉลิมฉลองรางวัล (ภาพถ่าย: Business Wire)

Dr. Yoshino ได้มีการคิดค้นวิธีการผสมผสานคาร์บอนใหม่สำหรับอิเล็กโทรดเชิงลบ และ LiCoO2 (ลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์) สำหรับอิเล็กโตรดขั้วบวก พัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับ LIB ซึ่งใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุสำหรับสะสมกระแสบวก และสร้างเซลล์ LIB เซลล์แรกของโลก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์สำหรับ LIB รวมถึงเทคโนโลยีสำหรับการผลิตอิเล็กโตรด เทคโนโลยีสำหรับการประกอบแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเสริมให้ LIB เป็นแบตเตอรี่แบบชาร์จใหม่ได้ขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา

Dr. Akira Yoshino ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ของ Asahi Kasei กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่คิดค้นขึ้นนี้ไม่เพียงทำให้ไอทีระบบเคลื่อนที่สามารถเป็นไปได้ในสังคมเท่านั้น แต่ยังสร้างความยั่งยืนสำหรับอนาคตอีกด้วย LIB จะมีบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในการใช้พลังงานทดแทนสำหรับการขนส่งและการใช้งานอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น”

รางวัล VinFuture Prize ซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นในปี 2020 โดยมูลนิธิ VinFuture ในเวียดนาม เป็นรางวัลที่เชิดชูนักประดิษฐ์และนักวิจัยที่มีความสามารถโดดเด่นจากสถาบันการศึกษา ศูนย์การวิจัย และภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกย่องการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่นำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเชิงบวกสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก

LIB มีส่วนในการนำอุปกรณ์เคลื่อนที่สำหรับข้อมูลและการสื่อสารไปใช้งานทั่วโลกเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีการใช้ยานพาหนะระบบไฟฟ้าและระบบจัดเก็บพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสนับสนุนความยั่งยืนระดับโลก

พิธีมอบรางวัล VinFuture Prize ประจำปี  2023 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เดือนธันวาคม ปี 2023 ที่กรุงฮานอย เวียดนาม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://vinfutureprize.org/

เกี่ยวกับ Asahi Kasei

Asahi Kasei Group มีส่วนร่วมในการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1922 เนื่องโดยธุรกิจแอมโมเนียและเส้นโยเซลลูโลส โดย Asahi Kasei มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับแปลงพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจในเชิงรุก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของคนในทุกยุคทุกสมัย ด้วยพนักงานกว่า 48,000 คนทั่วโลก บริษัทมีส่วนสนับสนุนสังคมที่ยั่งยืนด้วยการจัดหาแนวทางแก้ไขปัญหาความท้าทายของโลกผ่านสามภาคส่วนของธุรกิจ ได้แก่ วัสดุ บ้าน และการดูแลสุขภาพ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.asahi-kasei.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53873584/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Asahi Kasei Corp.
Ryo Kobayashi
อีเมล: ak-houdou@om.asahi-kasei.co.jp

แหล่งข้อมูล: Asahi Kasei

ไทยประกันชีวิต, สถานี PTT, คิง เพาเวอร์, คาเฟ่ อเมซอน, Royal Umbrella, Aurora, VISTRA, TrueOnline, ฟาร์มเฮ้าส์, VITADAY, M-150 และ TOPS เป็นหนึ่งในผู้ชนะได้รับรางวัล World Branding Awards ประจำปี 2023 – 2024

Logo

LONDON–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2023

งานประกาศรางวัล World Branding Awards ครั้งที่ 17 มีความยินดีประกาศความสำเร็จและผลประกอบการของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลกบางส่วน ในฐานะผู้ชนะระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก รางวัล World Branding Awards ประจำปี 2023 – 2024 มีแบรนด์มากกว่า 1,500 แบรนด์จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “แบรนด์แห่งปี” ในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศน้อยกว่า 200 แบรนด์

พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้มีการจัดขึ้นอีกครั้งที่พระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน ได้ให้การต้อนรับแขกมากกว่า 100 คน และดำเนินรายการโดย David Croft ผู้จัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง

ผู้ชนะระดับโลกที่ได้รับยกย่องในความเป็นเลิศและมีการสร้างแบรนด์ที่ไร้ที่ติภายในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ Sunsilk (สหราชอาณาจักร), LURPAK (เดนมาร์ก), Marriott International (สหรัฐอเมริกา) และ IKEA (สวีเดน)

ผู้ชนะได้รับรางวัลจากประเทศ ได้แก่ ไทยประกันชีวิต, สถานี PTT, คิง เพาเวอร์, คาเฟ่ อเมซอน, Royal Umbrella, Aurora, VISTRA, TrueOnline, ฟาร์มเฮ้าส์, VITADAY, M-150 และ TOPS ผู้ชนะระดับประเทศอื่นๆ ได้แก่ FERN- D (ฟิลิปปินส์), Frank & Co. (อินโดนีเซีย), Chow Tai Fook (ฮ่องกง), Sokos Hotels (ฟินแลนด์), Airland (ฮ่องกง) และ Getha (มาเลเซีย) เป็นต้น

มีเพียง 14 แบรนด์ที่ได้รับเลือกให้เข้ารับรางวัล Regional Tier ในปีนี้ ได้แก่ Nippon Rent-A-Car (ญี่ปุ่น), GIG (คูเวต), MR.DIY (มาเลเซีย), M-150 (ไทย) และ HECOM (ฮ่องกง) แบรนด์เหล่านี้ได้รับการโหวตให้เป็นรายการโปรดจากผู้บริโภคใน 4 ประเทศขึ้นไปจากมากกว่า 3 พื้นที่ในภูมิภาคเชิงภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองสำหรับการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น เพื่อคงความตระหนักรู้ในฐานะแบรนด์ แบรนด์จะต้องสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและเสถียร นั่นหมายถึงไม่เพียงเฉพาะการสร้างวัฒนธรรมและชุมชนแบรนด์ผ่านทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังรับประกันว่า แบรนด์จะมีความน่าสนใจสำหรับทุกคนทุกเจเนอเรชั่น” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

มีผู้บริโภคมากกว่า 150,000 รายเข้าร่วมกระบวนการนำเสนอชื่อทั่วโลกในปีนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละประเทศมีแบรนด์ที่ชนะได้รับรางวัลเพียง 5 แบรนด์เท่านั้น ซึ่งได้รับการพิสูจน์ได้ว่า การได้รับรางวัล World Branding Award ถือเป็นความสำเร็จอันน่าจดจำ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลพรีเมียร์ของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีการจดทะเบียน รางวัลนี้ยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

โซเชียลมีเดีย

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/
Twitter: https://twitter.com/WorldBranding
Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/
LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

อีเมล: editorial@brandingforum.org

แหล่งข้อมูล: World Branding Awards

Thai Herald

Thai Herald