NIQ เปิดเผยรายงานแนวโน้มผู้บริโภคปี 2024 ฉบับสมบูรณ์: การนำทางสู่เทรนด์ทั่วโลกและข้อมูลเชิงลึกสำหรับการเติบโตเชิงกลยุทธ์

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–7 กุมภาพันธ์ 2024

NIQ ผู้นำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภคได้ประกาศเปิดตัวรายงานแนวโน้มผู้บริโภคปี 2024 ที่เป็นที่คาดหวังอย่างมาก (2024 Global Consumer Outlook Report) เอกสารฉบับสมบูรณ์นี้จะพาสำรวจเทรนด์และข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญที่จะช่วยกำหนดภูมิทัศน์ของผู้บริโภค ส่งมอบข้อมูลที่ประเมินค่าไม่ได้และการวิเคราะห์สำหรับธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

เพื่อเป็นการนำทางสู่ภูมิประเทศทางเศรษฐกิจโลกที่ซับซ้อน รายงานฉบับนี้เจาะลึกเข้าไปในผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์และแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งช่วยอธิบายผลกระทบของสิ่งเหล่านั้นที่มีต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย การวิเคราะห์นี้จะช่วยสำรวจตัวแปรในระดับภูมิภาค ที่มีข้อมูลเชิงลึกในไดนามิกที่เป็นเอกลักษณ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป อเมริกาเหนือ แอฟริกา ตะวันออกกลาง และละตินอเมริกา ซึ่งมากกว่าภาพรวมกว้าง ๆ การศึกษาความคิดเชิงนโยบายที่ทำสองครั้งต่อปีนี้ได้เปิดเผยรายละเอียดเล็กน้อยในความชอบของผู้บริโภคและการเปลี่ยนแปลงในทัศนคติและรูปแบบการซื้อของผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญในการตระหนักถึงความเข้าใจเชิงกลยุทธ์ของตลาดเป้าหมายของพวกเขา เพื่อให้ง่ายต่อการจัดทำกลยุทธ์ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการเติบโตที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการค้าและผู้ผลิต

“ในเศรษฐกิจโลกรุ่นใหม่ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน เราพบว่ารายงานแนวโน้มผู้บริโภคปี 2024 ของเราเป็นเหมือนเสาทางที่นำเราผ่านคลื่นสร้างระทึกในเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค,” กล่าวโดย Tracey Massey, COO ของ NIQ. “เมื่อธุรกิจเผชิญกับความท้าทายของภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลง รายงานนี้จะเตรียมความพร้อมให้พวกเขาด้วยการมองไปในอนาคตอย่างชาญฉลาด เสนอความเข้าใจที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความแตกต่างของภูมิภาคและช่วยเสริมความสามารถให้พวกเขาสามารถนำทางตัวเองไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนได้”

ผลลัพธ์ที่สำคัญจากรายงานแนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลกของ NIQ

  • การชะลอตัวในมูลค่าและปริมาณ: ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2023 ราคาเพิ่มขึ้น 6.1% ซึ่งเป็นการลดลงมาจากการเพิ่มขึ้น 13.6% ที่สังเกตเมื่อมาถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2023 โดยการลดลงของอัตราเงินเฟ้อนี้ชัดเจนว่าการเติบโตของมูลค่าการขายลดลงไม่ได้ปกปิดอัตราการบริโภคที่ต่ำหรือลดลง ผู้ค้าปลีกและแบรนด์ต่างๆ ต้องตอบโต้เชิงกลยุทธ์เพื่อป้องกันการส่งเสริมการขายที่มากจนเกินไปและปกป้องผลกำไร
  • ผู้บริโภคภายใต้ความกดดัน: ณ ปัจจุบัน 34% ของผู้บริโภคระดับโลกรู้สึกทุกข์ร้อนเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยอัตราการว่างงานยังคงคงที่และรายได้ยังไม่สามารถทำให้พ้นจากการเติบโตของอัตราการเงินเฟ้อได้ ในขณะที่วิกฤติระดับโลกยังคงเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความคิด คาดหวังว่าการแข่งขันเพิ่มขึ้นสำหรับส่วนแบ่งการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะมีการเพิ่มขึ้นในอนาคต
  • การดำเนินการเชิงรุกและความแม่นยำเกี่ยวกับสุขภาพ: 40% ของผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุขภาพของตนโดยใช้วิธีการโดยที่มีการเติบโตในตลาด รู้จักความสำคัญของการบริหารจัดการสุขภาพอย่างรู้ดี ผู้บริโภคต้องการ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและคุณสมบัติสินค้าที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางด้านสุขภาพของตน
  • มุมมองผสมเกี่ยวกับมูลค่า: ในการวิเคราะห์แบบกำหนดเองตามชั้นราคาที่แตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์ราคาคุ้มค่าเป็นกลุ่มเดียวที่มีการเติบโตในส่วนแบ่งการขาย (0.6 จุดเปอร์เซ็นต์) ในปี ค.ศ. 2023 การแบ่งแยกทางการเงินระหว่างผู้บริโภคระดับสูงและผู้บริโภคที่อ่อนแอจะทำให้เกิดความต้องการหาตัวเลือกมูลค่าเพิ่มขึ้น และผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตควรคาดการณ์ถึงความต้องการสำหรับชุดผลิตภัณฑ์ที่มีราคาจับต้องได้ใหม่ในปี ค.ศ. 2024
  • การเติบโตของนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับคุณค่า: ผู้ผลิตที่มีนวัตกรรมมีโอกาสเพิ่มยอดขายโดยรวมมากขึ้น 1.8 เท่า การนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับบริษัทในช่วงการชะลอในตลาด นวัตกรรมไม่จำกัดเฉพาะการตั้งตำแหน่งสินค้าในระดับพรีเมี่ยม เพราะฉะนั้น บริษัทต้องการทำงานเพื่อสร้างนวัตกรรมที่มุ่งเน้นคุณค่าเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจได้
  • ความเคลื่อนไหวของช่องทางที่ยืดหยุ่น: มีรายงานว่า 11% ของผู้บริโภคทั่วโลกช้อปปิ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ในขณะที่ภูมิทัศน์ของธุรกิจร้านค้าเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวเพื่อให้เข้ากับแนวโน้มการสำรวจของผู้บริโภค การทดลอง และการซื้อสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก

“รายงานแนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลกไม่เพียงแค่สะท้อนเทรนด์ แต่ยังสำรวจการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในความชอบของผู้บริโภคและรูปแบบการซื้อของพวกเขาที่เกินขอบเขตและครอบคลุมภูมิภาคตั้งแต่ทวีปอเมริกาเหนือไปจนถึงเอเชียแปซิฟิก” กล่าวโดย Lauren Fernandes ผู้อำนวยการด้านความเป็นหัวใจในการคิด บริษัท NIQ “จากการขึ้นๆ ลงๆ ของมูลค่าและปริมาณไปจนถึงมุมมองผสมเกี่ยวกับมูลค่า รายงานนี้จะทำให้ธุรกิจมีเครื่องมือที่ครอบคลุมแบบเบ็ดเสร็จเพื่อปรับตัว สร้างนวัตกรรม และปรุงรายได้ในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่เพียงรายงานเท่านั้น แต่เป็นคู่มือสำหรับธุรกิจที่กำลังมองหาความคงทนและความสำคัญในตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง”

ความมุ่งมั่นของ NIQ ในการให้ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้นั้นแสดงอย่างชัดเจนในการวิจัยและการวิเคราะห์ที่นำเสนอในรายงานทัศนคติของผู้บริโภค ทรัพยากรที่มีค่านี้ช่วยเสริมให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจอย่างมีเหตุผลในท้องถิ่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของผู้บริโภค ดาวน์โหลดรายงานได้แล้ววันนี้

เกี่ยวกับ NIQ

NIQ เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านนวัตกรรมของผู้บริโภคระดับโลก โดยให้ความเข้าใจที่ครบถ้วนที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมในการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ในปี ค.ศ. 2023 ทาง NIQ ร่วมมือกับ GfK โดยรวมกันเป็นสองนายผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่เหมือนใคร NIQ นำเสนอ Full ViewTM ด้วยการสำรวจทางร้านค้าอย่างเป็นรูปธรรมและข้อมูลของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ที่นำมาพร้อมกับการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย

NIQ เป็นบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ลงทุนของ Advent International ที่ดำเนินธุรกิจในตลาดมากกว่า 100 ประเทศ และครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ไปที่ NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สื่อ
อเมริกาเหนือ – Gillian Mosher (Gillian.Mosher@NIQ.com)
แอฟริกา/ตะวันออกกลาง – Melina Mammidou (Melina.Mammidou@NIQ.com)
เอเชียแปซิฟิก – Liza Martija (Liza.Martija@NIQ.com)
ยุโรป – Sebastien Monard (Sebastien.Monard@NIQ.com)
ลาตินอเมริกา – Ari Rodriguez (Ari.Rodriguez@NIQ.com)

ที่มา: NIQ

InvestCloud แต่งตั้ง Shawn Donovan เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้

Logo

บริษัทจัดสรรทีมผู้นำกว้างขึ้น พร้อมด้วยการเพิ่มผู้มีความสามารถระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้

LOS ANGELES–(BUSINESS WIRE)–7 กุมภาพันธ์ 2024

วันนี้ InvestCloud ผู้ให้บริการโซลูชันด้านการจัดการความมั่งคั่งและสินทรัพย์ระดับโลกได้มีการประกาศแต่งตั้ง Shawn Donovan ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ (“CRO”) โดยรับผิดชอบด้านการขายและกลยุทธ์การจัดการบัญชีของบริษัททั่วโลก และมีจุดมุ่งเน้นหลักในการส่งเสริมการสร้างมูลค่าและการส่งมอบให้กับลูกค้า การประกาศในครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ InvestCloud ในการเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งทางดิจิทัล เสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้า และเร่งการเติบโต เนื่องจากบริษัทสนับสนุนสินทรัพย์กว่า 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายใต้การจัดการทั่วทั้งแพลตฟอร์ม

Donovan นำพาประสบการณ์ที่กว้างขวางในอุตสาหกรรมการบริการทางการเงินและเทคโนโลยีมาสู่บทบาทใหม่ที่ InvestCloud เป็นเวลากว่า 30 ปีในบทบาทผู้นำระดับโลกที่มีความก้าวหน้า โดยมีหน้าที่รับผิดชอบครอบคลุมด้านการขายและการจัดการบัญชี กลยุทธ์และการดำเนินงาน และการบริหารทั่วไป ในขณะที่อยู่ที่ EDS, Acxiom, Fiserv และ Neustar นอกเหนือจากการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารระดับสูงหลายตำแหน่งและเป็นผู้นำองค์กรการขายระดับโลกขนาดใหญ่ตลอดเส้นทางการทำงาน พื้นหลังของ Donovan ยังรวมถึงประสบการณ์กว่าห้าปีในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ Fiserv ซึ่งดำเนินการบริหารทีมผู้บริหารฝ่ายขายกว่า 400 คนและประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์

“เป็นเวลากว่าสามทศวรรษแล้วที่ Shawn เป็นผู้นำทีมฝ่ายขายและฝ่ายดำเนินงานในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนยอดขายและรายได้ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น” Jeff Yabuki ประธานและ CEO ของ InvestCloud กล่าว “เรามีความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับ Shawn มาสู่ InvestCloud ซึ่งเราจะสามารถใช้ความเชี่ยวชาญของเราในการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพสูง และเพิ่มมูลค่าสำหรับลูกค้าและหุ้นส่วนของเรา”

Donovan เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ที่มีผลกำไร และมีความมุ่งมั่นในการปลูกฝังผู้มีความสามารถ พัฒนากระบวนการที่ดีที่สุด และบรรลุผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เป็นผู้ที่ได้รับยอมรับในการสร้างทีมขายและแบบจำลองที่ให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่ง

“InvestCloud นำเสนอชุดโซลูชันเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเปิดใช้งานเพื่อส่งเสริมสินทรัพย์กว่า 80 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่คาดว่าจะส่งต่อระหว่างรุ่นในทศวรรษหน้า ซึ่งเราเชื่อว่า จะสามารถตอบสนองความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้ารุ่นใหม่” Shawn Donovan กล่าว “ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเรา และหวังว่าจะได้ร่วมงานกับทีมเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรุ่นต่อไปในอนาคต”

ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ Fiserv Donovan ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของ Acxiom โดยเป็นผู้นำองค์กรการขายระดับโลกที่มีผู้เชี่ยวชาญกว่า 375 คนที่รับผิดชอบในการขยายการขายและสนับสนุนกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการของ Acxiom อย่างต่อเนื่อง จาก Fiserv Donovan ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำองค์การการขายระดับโลกที่มีผู้เชี่ยวชาญกว่า 300 คนที่ Neustar โดยรับผิดชอบด้านการขาย การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และขยายกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

เกี่ยวกับ InvestCloud

InvestCloud เป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ระดับโลกในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมการบริหารความมั่งคั่ง และเป็นผู้นำด้านการปรับแต่งเฉพาะบุคคลและปรับขนาดสำหรับโปรแกรมที่ปรึกษาในสหรัฐอเมริกา รวมถึงบัญชีที่มีการจัดการแบบครบวงจร (UMA) และบัญชีที่มีการจัดการแยกกัน (SMA) ในวันนี้ InvestCloud สนับสนุนสินทรัพย์กว่า 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีลูกค้าสายตรงกว่า 550 ราย รวมถึงธนาคารและผู้จัดการความมั่งคั่ง ธนาคารเอกชน และผู้จัดการสินทรัพย์ บริษัทนำเสนอประสบการณ์และเครื่องมือสำหรับลูกค้าและที่ปรึกษาดิจิทัล ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาโซลูชันการบริหารความมั่งคั่งฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และการจัดการผลิตภัณฑ์และบริการ UMA/SMA การดำเนินการซื้อขาย การบัญชี การจัดการแบบจำลอง และโซลูชันการลงทุนด้านประสิทธิภาพ ส่งผลให้ได้รับประสบการณ์และการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมสำหรับอุตสาหกรรมการจัดการความมั่งคั่งและสินทรัพย์ InvestCloud มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เมืองลอสแองเจลิส และมีสำนักงานทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สิงคโปร์ อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ InvestCloud ได้ที่ www.investcloud.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

INVESTCLOUD MEDIA:
InvestCloudCommunications@fticonsulting.com

แหล่งข้อมูล: InvestCloud

Gradiant’s H+E ได้รับเลือกให้ลงนามในสัญญาการสร้างโรงงานบำบัดน้ำในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมัน

Logo

สัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผ่านร่างกฎหมาย European Chips Act เมื่อเดือนกันยายน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความยืดหยุ่นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์

BOSTON–(BUSINESS WIRE)–6 กุมภาพันธ์ 2024

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูง ประกาศในวันนี้ว่า H+E Group ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่เพิ่งมีการเข้าซื้อกิจการได้รับเลือกให้ลงนามในสัญญาใหม่เพื่อออกแบบและสร้างโรงงานน้ำบริสุทธิ์พิเศษ (UPW) สำหรับหนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยโปรเจ็กนี้เป็นส่วนสำคัญของโปรเจ็กที่ยังคงค้างอยู่ของ H+E ซึ่งมีมูลค่าราว 120 ล้านเหรียญสหรัฐที่มีการลงนามแล้ว และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเป้าหมายการปรับเปลี่ยน European Chips Act เพื่อสนับสนุนความยืดหยุ่นและขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลและโลกสีเขียว

Gradiant’s H+E Wins Contract in Germany to Build Water Treatment Facility for One of the Largest Semiconductor Fabs (Photo: Business Wire)

Gradiant’s H+E ได้รับเลือกให้ลงนามในสัญญาการสร้างโรงงานบำบัดน้ำสำหรับหนึ่งในโรงงานเซมิคอนดัคเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันี (ภาพถ่าย: Business Wire)

โรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมันซึ่งเป็นประเทศที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการบูรณาการให้เข้ากับภาคส่วนการผลิตขั้นสูงและอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างจุดยืนสำหรับสหภาพยุโรปในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก คณะกรรมาธิการยุโรปได้ระบุเป้าหมายที่จะเข้าถึงส่วนแบ่งการตลาดถึง 20 เปอร์เซนต์ของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในระดับภูมิภาคในปี 2030 European Chips Act เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่าง H+E และลูกค้าเซมิคอนดักเตอร์

โรงงานแห่งใหม่นี้จะเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยและยั่งยืนที่สุดในยุโรปและรองรับตลาดพลังงานหมุนเวียน ศูนย์ข้อมูล และรถยนต์ไฟฟ้า UPW ที่ผลิตโดยโรงงานแห่งใหม่นี้จะมีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิตชิปเซมิคอนดัคเตอร์เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ

“เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น นโยบายการสนับสนุนและการลงทุนภาคเอกชนซึ่งผลักดันการเติบโตของเซมิคอนดัคเตอร์ในสหภาพยุโรปและทั่วโลก ผู้ผลิตชิปชั้นนำจึงมีความเห็นว่านวัตกรรมน้ำเป็นหนึ่งในหนทางการสร้างความยืดหยุ่นให้กับการดำเนินงานในระยะยาวและบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน” Prakash Govindan, COO ของ Gradiant กล่าว “สัญญานี้แสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงของ H+E ด้านความเป็นเลิศในการบำบัดน้ำและจุดเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชั้นนำของ Gradiant ในการนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมแก่ลูกค้าของเรา ความร่วมมือของเรากับ H+E จะช่วยเสริมผลลัพธ์เชิงบวกสำหรับความมุ่งมั่นครั้งสำคัญในยุโรปครั้งนี้

“ความร่วมมือระหว่างลูกค้าของเรากับ H+E ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Gradiant ซึ่งตอกย้ำความทุ่มเทของเราด้านความยั่งยืนและนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ” Philipp Sausele กรรมการผู้จัดการของ H+E Group กล่าว “โรงงาน UPW แห่งใหม่ของเราจะตอบสนองความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติงานและมาตรฐานประสิทธิภาพที่ลูกค้าต้องการเพื่อเพิ่มผลผลิตสูงสุด ในขณะที่ความคืบหน้าด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรมใน UPW การรีไซเคิลน้ำ และการบำบัดน้ำเสียจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าของเราได้เปรียบในการแข่งขันเมื่อร่วมมือกับ Gradiant เราจะมีจุดยืนในฐานะผู้นำในการให้บริการโซลูชันน้ำชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ในยุโรป”

สัญญานี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ H+E, Gradiant, และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในยุโรปคาดว่าจะเริ่มโปรเจ็กนี้ได้ในทันทีและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2025

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นบริษัทผลิตน้ำที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ด้วยโซลูชันเต็มรูปแบบที่มีความแตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำชั้นนำ บริษัทให้บริการด้านการดำเนินงานที่มีความสำคัญต่อภารกิจสำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญและพลังงานทดแทน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและน้ำเสียที่ระบายออก เรียกคืนทรัพยากรอันมีค่าและเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำจืด บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่บอสตัน ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เกี่ยวกับ H+E Group

H+E Group มีฐานที่ตั้งอยู่ในเมือง Stuttgart ประเทศเยอรมันมากว่า 100 ปี เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการบำบัดน้ำ      จากอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสียและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ H+E Group มีการส่งมอบโครงการน้ำสำหรับอุตสาหกรรมเป็นจำนวน 30,000 โครงการและได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายสำนักงานทั่วโลกทั่วยุโรปและเอเชีย บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั่วโลกไว้วางใจ H+E สำหรับโซลูชันน้ำที่สำคัญของพวกเขา ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ he-water.group

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53881865/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้นและควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Felix Wang
Gradiant, VP of Marketing
fwang@gradiant.com

แหล่งข้อมูล: Gradiant

ZCG ประกาศความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับ Scuderia Ferrari

Logo

ขยายความร่วมมือและความร่วมมือที่ประสบความสําเร็จสําหรับ Formula 1 ฤดูกาล 2024

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–6 กุมภาพันธ์ 2024

Z Capital Group (“ZCG”) ประกาศในวันนี้ว่าได้ลงนามเป็นพันธมิตรทีมกับ Scuderia Ferrari สําหรับ Formula 1 ฤดูกาล 2024 ความมุ่งมั่นนี้จะสานต่อความร่วมมือที่ประสบความสําเร็จระหว่าง ZCG และ Scuderia Ferrari ที่เริ่มขึ้นในปี 2023

ความร่วมมือในปี 2023 ประกอบด้วยความคิดริเริ่มด้านความร่วมมือและนวัตกรรมมากมาย และในช่วง Formula 1 ฤดูกาล 2024 ZCG ตั้งเป้าที่จะทํางานอย่างใกล้ชิดกับ Scuderia Ferrari เพื่อขยายความคิดริเริ่มเหล่านี้ และค้นหาวิธีใหม่ๆที่สร้างสรรค์เพื่อดึงดูดแฟน Formula 1 ทั่วโลก เนื่องจาก ZCG เป็นที่รู้จักในระดับสากล

Scuderia Ferrari จะเปิดตัวรถ Formula 1 ปี 2024 ในวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2024 ในฐานะพันธมิตรทีมที่โดดเด่น ZCG จะแสดงโลโก้บนตัวรถอย่างโดดเด่นตลอดการแข่งขัน Formula 1 World Championship ปี 2024 โดยเริ่มต้นที่ Bahrain Grand Prix ในวันที่ 2 มีนาคม นอกเหนือจากการจัดวางโลโก้แล้ว ความร่วมมือนี้ยังรวมถึงการทํางานร่วมกันในวงกว้างขึ้น และการมีส่วนร่วมหลายแง่มุม ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการก้าวสู่ความสําเร็จและการเติบโต สําหรับความร่วมมือระหว่าง Scuderia Ferrari และ ZCG

“เรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ของเรา และตั้งตารอที่จะสนับสนุน Scuderia Ferrari ต่อไป และต่อยอดจากความสําเร็จของความร่วมมือของเราในฤดูกาล 2023″ James Zenni ผู้ก่อตั้ง ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ZCG กล่าว ” Ferrari ก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรม และการขยายตัวไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ZCG แบ่งปันวิสัยทัศน์ของ Scuderia Ferrari ในด้านความเป็นเลิศและการเติบโตเชิงกลยุทธ์ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมงานกันต่อไป ซึ่งจะสามารถนําประสบการณ์และความตื่นเต้นของ Formula 1 มาสู่แฟนๆ ทั่วโลกได้มากขึ้น”

“เรามีความยินดีที่ได้ต่ออายุความร่วมมือกับ ZCG ซึ่งเรามีความหลงใหลในความเป็นเลิศและความปรารถนาที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของนวัตกรรม โดยไม่ละสายตาจากคุณค่าและอํานาจที่เกิดจากประสบการณ์หลายทศวรรษในสาขาของเรา” Lorenzo Giorgetti ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้จากการแข่งรถของ Scuderia Ferrari กล่าว “เรากระตือรือร้นที่จะทํางานร่วมกับ ZCG ต่อไป เพื่อเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างยิ่งขึ้น เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครของ Formula 1 และโลกที่พิเศษสุดของ Scuderia Ferrari”

หนึ่งในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่น่าตื่นเต้นและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก Formula 1 ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทั่วสหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ชมโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปี 2018 ถึง 2023 โดยมีผู้ชมเฉลี่ย 1.11 ล้านคนต่อการแข่งขันในช่วงฤดูกาล 2023 ZCG ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตของ Formula 1 ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ Scuderia Ferrari ซึ่งเป็นทีมที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬาประเภทนี้

เกี่ยวกับ ZCG

ZCG เป็นผู้นําในอุตสาหกรรมที่ประกอบด้วยการจัดการสินทรัพย์ในตลาดเอกชน บริการให้คําปรึกษาทางธุรกิจ การพัฒนาเทคโนโลยี และโซลูชั่น

เป็นเวลาเกือบ 30 ปีที่ ZCG Principals ได้ลงทุนหลายหมื่นล้าน และมีผลงานชั้นนําของอุตสาหกรรมในด้านไพรเวทอิควิตี้และสินเชื่อ

ZCG มี AUM ประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐในด้านการจัดการสินทรัพย์ และนักลงทุนของบริษัทเป็นนักลงทุนสถาบันระดับโลกรายใหญ่ที่สุดและเชี่ยวชาญที่สุดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงกองทุนบําเหน็จบํานาญ กองทุนการกุศล มูลนิธิ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ธนาคารกลาง และบริษัทประกันภัย

ZCG มีทีมงานระดับโลกที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คน สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมwww.zcg.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Tim Ragones / Kate Thompson / Erik Carlson
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
212-355-4449

ที่มา: Z Capital Group

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53890624/en

Saudi Sports for All Federation ประกาศสถานที่ Kingdom Arena แห่งใหม่สำหรับ Riyadh Marathonมาราธอน ครั้งที่สาม

Logo

RIYADH, Saudi Arabia–(BUSINESS WIRE)–4 กุมภาพันธ์ 2024

Saudi Sports for All Federation (SFA) ประกาศว่า สถานที่เริ่มต้นและสิ้นสุดสำหรับ Riyadh Marathon ครั้งที่สาม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการกีฬานั้น จะอยู่ที่ Kingdom Arena ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่

Saudi Sports for All Federation announces new Kingdom Arena location for third Riyadh Marathon (Photo: AETOSWire)

Saudi Sports for All Federation ประกาศสถานที่ Kingdom Arena แห่งใหม่สำหรับ Riyadh Marathonมาราธอน ครั้งที่สาม (Photo: AETOSWire)

Riyadh Marathon ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมกีฬาที่มีคนรอคอยมากที่สุดของประเทศ Kingdom Arena จึงเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบที่จะเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดสำหรับการแข่งขันบนท้องถนนอันน่าตื่นเต้นนี้ ในปี 2023 การแข่งขันมาราธอนดึงดูดนักวิ่งถึง 15,000 คน จาก 128 สัญชาติ โดยมีพลเมืองของซาอุดีอาระเบียนถึง 61.6% นอกจากนี้ ยังมีการวัดผลในปี 2023 เพื่อรับรองการวิ่งมาราธอนนี้ว่าเป็น World Athletics Label Road Race อีกด้วย

จุดเริ่งต้นและจุดสิ้นสุดจะอยู่ที่ Imam Saud bin Faisal Road ซึ่งอยู่ตรงข้าม Kingdom Arena สำหรับคอร์สฟูลมาราธอน (42.2 กม.) ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) ระยะทาง 10000 กิโลเมตรสำหรับผู้ที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป และระยะทาง 4000 กิโลเมตรสำหรับผู้เริ่มต้น ครอบครัว และเด็กๆ มีการจัดตั้งพื้นที่ ‘Marathon Village’ ขึ้นที่ Kingdom Arena Square เป็นเวลาสองวันด้วยเช่นกัน – วันที่ 9-10 เดือนกุมภาพันธ์ – โดยมีการตั้งบูธอาหารและเครื่องดื่ม ความบันเทิงที่หลากหลาย และกิจกรรมฟิตเนสและสุขอนามัยที่ดีอีกมากมาย

มีการทำเครื่องหมายสำหรับเส้นทาง 21.1 กม. โดยจะผ่านถนนต่างๆ ใน Riyadh พร้อมสำหรับผู้เข้าร่วมฮาล์ฟและฟูลมาราธอน โดยผ่านสถานที่สำคัญๆ ของเมือง เช่น Diriyah และ Wadi Hanifa – สำหรับผู้ที่เข้าร่วมวิ่ง 42.2 กม. จะวิ่งสองรอบ จากนั้น เส้นทาง 10000 กิโลเมตรจะอยู่ทางเหนือของเมือ โดยผ่าน Wonder Garden และ Boulevard World และสำหรับเส้นทาง 4000 กิโลเมตรจะอยู่ระหว่างเส้นทางนี้และเส้นทาง 21.1 กิโลเมตร

Shaima Saleh Al-Husseini กรรมการผู้จัดการของ SFA กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับการกลับมาของ Riyadh Marathon อีกครั้ง และได้ใช้ Kingdom Arena ซึ่งเป็นสนามกีฬาแห่งใหม่ล่าสุดของเมือง เราคาดหวังว่า งานในปีนี้จะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและดีที่สุดแห่งปี และจะช่วยให้เราสามารถบรรลุความมุ่งมั่นของเราที่จะสนับสนุนให้ประชากรของเราในราชอาณาจักรออกมามีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านการกีฬาและออกกำลังกายกันให้มากยิ่งขึ้น”

Riyadh Marathon มีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนให้ผู้คนจำนวนมากที่มีความสนใจร่วมกันมารวมตัวกัน เพื่อสร้างเพื่อนใหม่ และความทรงจำในกิจกรรมด้านการกีฬาร่วมกัน สามารถลงทะเบียนได้แล้วที่เว็บไซต์ของ Riyadh Marathon และที่เว็บไซต์ รวมทั้งแอปของ SFA

Saudi Sports for All Federation (SFA) เป็นองค์กรด้านการกีฬาและการดูแลสุขภาพในชุมชนเชิงรุกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีคุณภาพดีในราชอาณาจักรแห่งซาอุดีอาระเบีย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sportsforall.com.sa/

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53891728/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดตาม

Norah Almohaimeed
nalmohaimeed@apcoworldwide.com

แหล่งข้อมูล: Saudi Sports for All Federation

Kioxia ร่วมมือกับเซิร์ฟเวอร์จาก Hewlett Packard Enterprise สำหรับจรวดอวกาศที่มุ่งสู่สถานีอวกาศนานาชาติ

Logo

HPE Spaceborne Computer-2 มาพร้อม Value SAS จาก KIOXIA, SSD แบบ SAS และ NVMe ระดับองค์กร ช่วยให้สามารถทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้โดยมีความจุในการเก็บข้อมูลกว่า 130 TB

เคปคานาเวอรัล ฟลอริดา–(BUSINESS WIRE)–2 กุมภาพันธ์ 2024

วันนี้ SSD จาก KIOXIA ได้ออกเดินทางไปกับจรวดสำหรับทำภารกิจ NG-20 ซึ่งเป็นการส่ง HPE Spaceborne Computer-2 เวอร์ชันปรับปรุงโดยอาศัยเซิร์ฟเวอร์ HPE EdgeLine และ ProLiant จาก Hewlett Packard Enterprise (HPE) ออกสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station หรือ ISS) ทั้งนี้ SSD จาก KIOXIA ช่วยให้ HPE Spaceborne Computer-2 มีพื้นที่เก็บข้อมูลแบบแฟลชที่ทนทานสำหรับดำเนินการทดลองทางวิทยาศาสตร์บนสถานีอวกาศ

KIOXIA SSDs on Space Launch Destined for the International Space Station (Graphic: Business Wire)

SSD จาก KIOXIA บนจรวดอวกาศที่มุ่งสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (รูปภาพ: Business Wire)

HPE Spaceborne Computer-2 ซึ่งใช้เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ที่หาซื้อได้ทั่วไปนี้มาพร้อมเทคโนโลยี Edge Computing และความสามารถจาก AI ในตัวเพื่อรองรับการวิจัยในที่ห่างไกล โดยเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในการยกระดับขีดความสามารถในการประมวลผลบนอวกาศให้พัฒนาอย่างมีนัยสำคัญและลดการพึ่งพาการสื่อสารในเวลาเช่นนี้ที่การสำรวจอวกาศขยายขอบเขตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้ HPE Spaceborne Computer-2 ออกแบบมาให้รองรับการทำงานแบบการประมวลผลสมรรถนะสูง (High-performance Computing หรือ HPC) หลากหลายแบบในอวกาศ ซึ่งรวมถึงการประมวลผลรูปภาพแบบเรียลไทม์ การเรียนรู้เชิงลึก และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ จึงสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ในการประมวลผลการทดลองได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพ, การฟื้นฟูจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ, การพิมพ์แบบสามมิติ, 5G, AI และอีกมากมาย

Kioxia ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับ HPE Spaceborne Computer-2 ได้มอบ SSD ที่ใช้หน่วยความจำแบบแฟลช ซึ่งรวมถึง KIOXIA RM Series value SAS, PM Series enterprise SAS และ XG Series NVMeTM SSD เพื่อช่วยให้ความก้าวหน้าเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง ทั้งนี้ นอกจาก SSD แบบ NVMe ขนาด 1,024 กิกะไบต์ (GB) จำนวนแปดตัวและ SSD แบบ value SAS ขนาด 960 GB จำนวนสี่ตัวแล้ว SSD แบบ SAS ระดับองค์กรแต่ละตัวในสี่ตัวจาก Kioxia ยังมีความจุอยู่ที่ 30.72 เทระไบต์ (TB) อีกด้วย รวมกันเป็นพื้นที่กว่า 130 TB นับเป็นพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากที่สุดที่ได้ออกเดินทางสู่สถานีอวกาศในครั้งเดียว [1]

SSD ที่ใช้หน่วยความจำแบบแฟลชนั้นเหมาะกับการใช้งานมากกว่าพื้นที่เก็บข้อมูลแบบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบเดิม เพราะสามารถรองรับข้อกำหนดด้านพลังงาน ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือได้เมื่ออยู่นอกอวกาศเนื่องจากไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ได้และให้ประสิทธิภาพที่รวดเร็วกว่า สภาวะการทำงานของ SSD จะได้รับการตรวจสอบทุกวันตลอดระยะเวลาในการทำภารกิจจากไฟล์บันทึกรายวันที่ส่งมาจาก ISS ทั้งนี้ Kioxia จะติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลสภาวะการทำงานนี้เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นว่าพื้นที่เก็บข้อมูลที่ใช้หน่วยความจำแบบแฟลชมีการทำงานเช่นไรเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่หนักหน่วงบนอวกาศ

Kioxia ร่วมมือกับ HPE ในการรังสรรค์โซลูชันพื้นที่เก็บข้อมูลชั้นยอดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้ก็ช่วยให้เกิดโซลูชันและบริการต่าง ๆ มากมายของ HPE ตั้งแต่อุปกรณ์เคลื่อนที่ไปจนถึงระบบคลาวด์ ตลอดจนระดับองค์กร

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
รายการ SSD จาก KIOXIA สำหรับลูกค้าที่เป็นธุรกิจ
https://www.kioxia.com/en-jp/business/ssd.html

หมายเหตุ
[1] ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2024 โดยการสำรวจจาก Kioxia Corporation

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดให้เมกะไบต์ (MB) คือ 1,000,000 ไบต์, กิกะไบต์ (GB) คือ 1,000,000,000 ไบต์ และเทระไบต์ (TB) คือ 1,000,000,000,000 ไบต์ แต่ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะรายงานความจุโดยใช้เลขยกกำลังของ 2 โดยคำจำกัดความของ 1 GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์และ 1 TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลที่น้อยกว่า ทั้งนี้ ความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลที่ใช้งานได้ (ซึ่งรวมถึงตัวอย่างไฟล์สื่อต่าง ๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์, การจัดรูปแบบ, การตั้งค่า, ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ โดยความจุที่ใช้งานได้จริงอาจแตกต่างกันออกไป

*NVMe เป็นเครื่องหมายที่จดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทภายนอก

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งมุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแบบแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSDs) ในเดือนเมษายนปี 2017 บริษัท Toshiba Memory ที่เป็นชื่อเดิมของ Kioxia ได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแบบแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกใบนี้ด้วย “หน่วยความจำ” โดยมอบผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างประโยชน์จากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแบบแฟลชสามมิติอันล้ำสมัยจาก Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ ช่วยขับเคลื่อนอนาคตสำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้ (ซึ่งรวมถึงราคาผลิตภัณฑ์และข้อมูลจำเพาะ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ) เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53889435/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

คำถามจากสื่อ:
Kioxia Corporation
แผนกวางแผนเชิงกลยุทธ์สำหรับการขาย
คุณ Koji Takahata
โทรศัพท์: +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา: Kioxia Corporation

ข้อตกลงระหว่างจีนและ Global Cement ว่าด้วยคาร์บอนต่ำในอนาคต

Logo

เปิดตัวความร่วมมือครั้งสำคัญในการเสริมสร้างความยั่งยืนเพื่อวัสดุที่จำเป็นของโลก

BEIJING–(BUSINESS WIRE)–1 กุมภาพันธ์ 2024

องค์กรชั้นนำสองแห่งที่เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมซีเมนต์ทั่วโลกได้ลงนามในข้อตกลงครั้งสำคัญในการช่วยเร่งการลดคาร์บอนของภาคส่วนต่างๆ ทั่วโลก China Cement Association (CCA) ซึ่งมีการผลิตซีเมนต์ทั่วโลกกว่า 50% และ Global Cement and Concrete Association ซึ่งมีสมาชิกถึง 80% ของกำลังการผลิตซีเมนต์นอกประเทศจีน ได้ลงนามในคำมั่นสัญญาความร่วมมือครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์

Global Cement and Concrete Association and China Cement Association sign decarbonisation agreement in Beijing (Photo: Business Wire)

Global Cement and Concrete Association และ China Cement Association ลงนามข้อตกลงร่วมกันในการลดการปล่อยคาร์บอนที่กรุงปักกิ่ง (ภาพถ่าย: Business Wire)

คำมั่นสัญญานี้รวมถึงข้อตกลงในการทำงานร่วมกันด้านความยั่งยืน และการพัฒนาคาร์บอนต่ำสำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีต คอนกรีตเป็นวัสดุที่มีการใช้งานมากที่สุดในดลก รองจากน้ำ และซีเมนต์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตคอนกรีต และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก

ข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์นี้จะครอบคลุมการพัฒนาแผนงาน China Cement Carbon Neutrality Roadmap ของห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด และจะมีการเปิดตัวในปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นการกำหนดแนวทางและความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมซีเมนต์ในจีนอย่างสมบูรณ์ GCCA ซึ่งมีการเปิดตัวแผนงานคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์เมื่อปี 2021 จะช่วยในการพัฒนาควบคู่ไปกับ Sinoma International Engineering Co Ltd (Sinoma) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ European Cement Research Academy (ECRA) ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนข้อมูลทางเทคนิคทั้งหมด

Kong Xiangzhong, ประธานฝ่ายบริหารของ CCA กล่าวในระหว่างการเปิดตัวข้อตกลงในพิธีลงนามที่กรุงปักกิ่งว่า “ข้อตกลงอันสำคัญนี้ถือได้ว่าเป็นความร่วมมือแบบได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย และแสดงให้เห็นว่า เราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึก องค์ความรู้ทางเทคนิค และมีการมุ่งเน้นที่กว้างขึ้น เพื่อภารกิจการลดการปล่อยคาร์บอนร่วมกันของเรา ผมมั่นใจว่า จะสามารถสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันและเป็นความร่วมมือกันในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

Thomas Guillo, GCCA CEO กล่าวว่า “โลกต้องการความเป็นผู้นำและความร่วมมือกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญในยุคสมัยของเรา นั่นคือ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ข้อตกลงระหว่างอุตสาหกรรมในประเทศจีนและอุตสาหกรรมระดับโลกนี้เป็นสัญญาณแสดงให้โลกรู้ว่า เราพร้อมที่จะส่งเสริมวัสดุก่อสร้างสำคัญที่ลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นสิ่งที่โลกของเราต้องการในขณะนี้ ซีเมนต์และคอนกรีตสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ชุมชนที่เจริญรุ่งเรืองและฟื้นตัวได้ น้ำสะอาด บ้านที่ปลอดภัย และการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานที่สะอาด ซึ่งจำเป็นสำหรับโลกที่ยั่งยืนในอนาคต”

ข้อตกลงนี้ครอบคลุมความร่วมมืออย่างเป็นทางการในช่วงสามปีข้างหน้า และเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนที่กว้างยิ่งขึ้น

Thomas Guillot กล่าวเสริมว่า “การทำงานร่วมกันกับพันธมิตรใหม่ของเราในประเทศจีน หมายถึง การมุ่งมั่นเพื่อคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และการดำเนินการในแต่ละวันของเราถือเป็นภารกิจระดับโลกอย่างแท้จริง”

เกี่ยวกับ China Cement Association – CCA
China Cement Association ได้ก่อตั้งขึ้นที่กรุงปักกิ่งในปี 1987 ในฐานะหนึ่งในองค์กรทางสังคมที่จดทะเบียนโดย Ministry of Civil Affairs ซึ่งเป็นองค์กรอิสระทางกฎหมาย CCA เป็นองค์กรอุตสาหกรรมทางสังคมระดับชาติที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีการก่อตั้งขึ้นโดยความสมัครใจของกลุ่มผู้ผลิตซีเมนต์ สถาบันวิจัย วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย องค์กรทางสังคม และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมซีเมนต์ทั่วประเทศ CCA มุ่งมั่นที่จะให้บริการแก่อุตสาหกรรม ปกป้องสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายและผลประโยชน์ของสมาชิก ช่วยเหลือรัฐบาลโดยร่วมกันรักษาฐานตลาดการแข่งขันที่ยุติธรรม เพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่างรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ และส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาร์บอนต่ำ และมีคุณภาพสูงของอุตสาหกรรมซีเมนต์ในประเทศจีน ซึ่งมีบทบาทในการนำ ประสานงาน และให้บริการ

เกี่ยวกับ Global Cement and Concrete Association – GCCA
GCCA เป็นโครงการริเริ่มในอุตสาหกรรมที่นำโดย CEO ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ ได้รับการยอมรับ และเป็นกระบอกเสียงสำหรับภาคส่วนอุตสาหกรรมซีเมนต์และคอนกรีตทั่วโลก

GCCA และสมาชิก คิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำลังการผลิตซีเมนต์ทั่วโลกนอกประเทศจีน เช่นเดียวกับจำนวนผู้ผลิตในประเทศจีนก็มีการเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน บริษัทสมาชิกมีความมุ่งมั่นในการลดและกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมคอนกรีต ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนถึง 7% ทั่วโลก โดยผ่านการดำเนินแผนงาน Concrete Future 2050 Net Zero Roadmap ของ GCCA – ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนักแห่งแรกที่มีการจัดทำแผนงานโดยละเอียดดังกล่าว

GCCA มุ่งมั่นในการสร้างอนาคตร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมที่มีความสดใส ยืดหยุ่น และยั่งยืน ทั้งสำหรับอุตสาหกรรมและเพื่อโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53890723/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอเข้าสัมภาษณ์ โปรดติดต่อ:
Simon Thomson, Head of Media, GCCA
simon.thomson@gccassociation.org
+44 7380 972282

แหล่งข้อมูล: Global Cement and Concrete Association

Kioxia เปิดตัวอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝัง UFS Ver.4.0 ตัวแรกของอุตสาหกรรมสำหรับการใช้งานในยานยนต์

Logo

การปรับปรุงประสิทธิภาพวิวัฒนาการเชื้อเพลิงของการใช้งานด้านยานยนต์ ยกระดับประสบการณ์ของผู้ขับขี่

โตเกียว

Tsuno Group ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและยื่นขอรับสิทธิบัตรสำหรับสูตรเสถียรที่มี FERULIC ACID ในปริมาณสูง โดยมีส่วผสมจากพืชธรรมชาติที่หายากและมีหน้าที่ในการดูดซับรังสียูวี

Logo

WAKAYAMA, Japan–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2024

Tsuno Group Co., Ltd. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Katsuragi-cho, Ito-gun, Wakayama และนำโดยประธาน Fumi Tsuno และ Matsumoto Trading Co., Ltd. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Chuo-ku, Tokyo โดยมี Shunsuke Matsumoto เป็น CEO ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสูตรครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Ferulic Acid โดย Ferulic Acid เป็นตัวดูดซับรังสียูวีที่เป็นพืชธรรมชาติหายาก และมีความคงตัวพร้อมการละลายได้ยากใน ferulic acid ที่มีความเข้มข้นสูง

สำหรับ ferulic acid

Tsuno Group เป็นรายแรกในโลกที่ประสบความสำเร็จในการผลิต ferulic acid ปริมาณมาก ซึ่งเป็นโพลีฟีนอลจากรำข้าว Ferulic acid มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม และได้รับการยอมรับว่า มีศักยภาพในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เบาหวาน และคอเลสเตอรอลสูง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตวานิลลินธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนผสมในเครื่องปรุงวานิลลา ในเครื่องสำอาง ก็เป็นสารช่วยยับยั้งการผลิตเมลานิน โดยปิดกั้นการทำงานของไทโรซิเนส และมีคุณบัติด้านการอักเสบ ต้านจุลชีพ และต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น จึงมีการนำมาใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอสงหลากหลายชนิด

“ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านเคมีภัณฑ์จากข้าวและรำข้าวของโลก เราได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงฟังก์ชันจำนวนหนึ่งด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก โดยใช้เทคโนโลยีในการผสานรวม รวมทั้งยังมีการวิจัยระดับความปลอดภัยและผลกระทบ เพื่อให้ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในอุตสาหกรรมยา อาหาร อาหารสัตว์ และเครื่องสำอาง ปัจจุบัน เรามีการเปิดตัวเทคโนโลยีในการใช้ ferulic acid จากรำข้าง เพื่อใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ และเป็นตัวดูดซับรังสียูวี ซึ่งเป็นนวัตกรรมแรกของโลก เรามั่นใจว่า คุณจะพบว่า ผลิตภัณฑ์นี้มีเอกลักษณ์และสร้างผลดีไม่เฉพาะเพียงต่อสุขภาพและความงามของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนของโลกอีกด้วย” —— Fumi Tsuno ประธานของ Tsuno Group Co., Ltd.

ผลการดูดซับรังสียูวีของ ferulic acid

Ethylhexyl methoxycinnamate (EHMC) ซึ่งเป็นตัวกรองรังสียูวีจากปิโตรเคมี มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในครีมกันแดด อย่างไรก็ตาม มีผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า มีผลกระทบด้านลบต่อสภาวะแวดล้อมทางน้ำ รวมถึงการฟอกขาวของปะการัง Ferulic acid ซึ่งเป็นส่วนผสมของสารพันแดดจากธรรมชาติจากข้าว จะช่วยดูดซับรังสียูวีในช่วงสเปกตรัมที่ใกล้เคียงกันกับ octyl methoxycinnamate (OMC) คุณลักษณะดังกล่าวเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทน EHMC ท่ามกลางความกังวลทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ศักยภาพของ ferulic acid เนื่องจากเป็นส่วนผสมของครีมกันแดดที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพดี มีแนวโน้มที่จะได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น มีศักยภาพที่สำคัญเมื่อนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลายประเภทของญี่ปุ่น

การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ดูแลรังสียูวีที่มีความเสถียรสูง โดยมีส่วนประกอบ Ferulic Acid ที่มีความเข้มข้นสูง

การได้รับการยอมรับด้านคุณสมบัติดูดซับรังสียูวี สำหรับ ferulic acid ที่เป็นส่วนผสมจากพืชธรรมชาติ ทำให้มีการนำเสนอความท้าทายในด้านความสามารถในการละลาย และความคงตัวที่ความเข้มข้นสูงสำหรับสูตรครีมกันแดด เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้  Matsumoto Trading จึงทุ่มเทในการวิจัยและการพัฒนา โดยบุกเบิกเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยใช้ ferulic acid ที่มีความเข้มข้นสูงในสูตรที่เป็นแท่งสติ๊ก สูตรใหม่นี้ได้รับการพัฒนาให้มี SPF50+ และ PA++ (in vitro) โดยมีเพียงส่วนผสมของ ferulic acid ซึ่งเป็นสารดูดซับรังสียูวีธรรมชาติที่สกัดได้จากรำข้าวเท่านั้น สูตรเฉพาะนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนผสมป้องกันรังสียูวีอื่นๆ ที่มีการใช้กันโดยทั่วไป ในขณะที่ยังสามารถคงประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดในระดับสูง และอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร

เกี่ยวกับ Tsuno Rice Fine Chemicals Co., Ltd.

Tsuno Rice Fine Chemicals ผลิตส่วนผสมต่างๆ จากผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นในกระบวนการกลั่นน้ำมันรำข้าว และสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเพื่อสุขภาพ วัตถุเจือปนอาหาร อาหารสัตว์ และสารเคมีทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เรายังมีส่วนร่วมในการผลิตเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของเราเองโดยใช้ส่วนผสมเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

โปรไฟล์ธุรกิจของ Tsuno Group Co., Ltd.

เรามีการส่งเสริมการใช้รำข้าวขั้นสูงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพและความงามที่ได้รับความนิยมตั้งแต่สมัยโบราณ เรากำลังพัฒนาธุรกิจสามประเภท ได้แก่ ธุรกิจการผลิตน้ำมันรำข้าว ธุรกิจเคมีภัณฑ์ละเอียด และธุรกิจเคมีภัณฑ์ Oleo

ก่อตั้งเมื่อ: วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1947
กรรมการฝ่ายตัวแทนและประธานของ Fumi Tsuno
URL : https://www.tsuno.co.jp/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Fine Chemical dept
Tsuno Group Co., Ltd.
Mayu Aizawa
+81-739-22-8000
boeki@tsuno.co.jp

แหล่งข้อมูล: TSUNO GROUP CO., LTD.

Cargill กลายเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันบริโภคระดับโลกรายแรก ที่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดขององค์การอนามัยโลก ในการกําจัดกรดไขมันทรานส์ที่ผลิตในอุตสาหกรรม

Logo

ตรงตามคํามั่นสัญญาปี 2021; กําจัด iTFA ออกจากไขมันและน้ำมัน แม้ในประเทศที่ไม่มีข้อบังคับทางกฎหมาย

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–01 กุมภาพันธ์ 2024

ณ วันที่ 1 มกราคม 2024 ลูกค้าผลิตภัณฑ์อาหารของ Cargill ทุกรายไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก สามารถมั่นใจได้ว่าไขมันและน้ำมันของบริษัท เป็นไปตามระดับความทนทานสูงสุดที่แนะนําขององค์การอนามัยโลก (WHO) สําหรับกรดไขมันทรานส์ (iTFA) ที่ผลิตในอุตสาหกรรมในไขมันและน้ำมัน Cargill บรรลุเป้าหมายนี้ด้วยการเป็นซัพพลายเออร์ระดับโลกรายแรก ที่มีกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันบริโภคทั่วโลก ตรงตามมาตรฐานแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ WHO เกี่ยวกับ iTFA โดยจํากัดปริมาณ iTFA ไว้ไม่เกิน 2กรัมต่อไขมัน/น้ำมัน 100 กรัม รวมถึงในประเทศที่ปัจจุบันไม่มีข้อบังคับทางกฎหมาย

Cargill has helped hundreds of customers reformulate and innovate nutritious and tasty products that meet WHO standards on iTFA (Photo: Business Wire)

Cargill ได้ช่วยลูกค้าหลายร้อยราย ในการปรับสูตรและคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อย ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของ WHO ใน iTFA (ภาพ: Business Wire)

ในขณะที่ Cargill ประกาศความมุ่งมั่นในการกําจัด iTFA ออกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ไขมันและน้ำมันในเดือนธันวาคม 2021 ความสําเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการทํางานที่ยาวนานหลายทศวรรษ การเดินทางของ iTFA ของบริษัทครอบคลุมมานานกว่าหนึ่งในสี่ศตวรรษ รวมถึงนวัตกรรมในช่วงต้น การลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในค่าใช้จ่ายด้านทุนและทรัพยากร และชั่วโมงการวิจัยและพัฒนาหลายพันชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Cargill ได้ช่วยเหลือลูกค้ามากกว่า 400 ราย ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อย ซึ่งช่วยให้ชีวิตมีความสุขและมีสุขภาพดีขึ้น โดยกําจัดผลิตภัณฑ์ที่มี iTFA มากกว่า 1.5 พันล้านปอนด์ออกจากแหล่งอาหารทั่วโลก

“เรายินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Cargill ในการลดไขมันทรานส์ ที่ผลิตในอุตสาหกรรมในน้ำมันทั้งหมดของพวกเขา และไม่นานนี้ก็ได้บรรลุเป้าหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่แนะนําขององค์การอนามัยโลก” René Lammers หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ PepsiCo กล่าว “ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สอดคล้องกับความสําเร็จของ PepsiCo ในการลด iTFA ในอาหารของเรา เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันนี้ และเราสนับสนุนให้พันธมิตรในอุตสาหกรรมของเรา เข้าร่วมในโครงการริเริ่มที่สําคัญนี้ เพื่อพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มของเราให้ดียิ่งขึ้นสําหรับโลกและผู้คน”

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Cargill ได้ลงทุนเพิ่มอีก 8.5 ล้านดอลลาร์ เพื่ออัพเกรดสิ่งอํานวยความสะดวก เพื่อลดปริมาณไขมันทรานส์ที่ผลิตในระหว่างการแปรรูปน้ำมัน ขณะเดียวกันก็ทํางานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพิ่มมากกว่า 100 รายใน 24 ประเทศ เพื่อปรับรูปแบบโซลูชันผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา

iTFA ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากการเติมไฮโดรเจนบางส่วนของน้ำมันพืช (PHOs) แต่ก็สามารถสร้างขึ้นได้โดยการบำบัดด้วยความร้อนสูง ในระหว่างการกลั่นน้ำมันบริโภค ในปี 2018 WHO เรียกร้องให้กําจัด iTFA ทั่วโลกภายในปี 2023 โดยสังเกตว่าการบริโภคไขมันทรานส์มากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคพลังงานทั้งหมด สัมพันธ์กับเหตุการณ์โรคหลอดเลือดหัวใจและการเสียชีวิต

“เราภูมิใจอย่างยิ่งที่เราได้ปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาของเรา และช่วยบรรลุวัตถุประสงค์ของเรา – ในการหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และยั่งยืน” Natasha Orlova รองประธานฝ่ายน้ำมันบริโภคของ Cargill และกรรมการผู้จัดการประจําอเมริกาเหนือกล่าว “การก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนี้ แม้ในประเทศที่ไม่มีกฎหมาย iTFA ในปัจจุบัน ช่วยให้มั่นใจถึงความสม่ำเสมอในห่วงโซ่อุปทาน สําหรับผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ ในขณะเดียวกันก็นําเสนอนวัตกรรมและประสบการณ์ที่หลากหลายของ Cargill ให้กับผู้ผลิตรายย่อย”

เพื่อให้มั่นใจถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ Cargill ได้เพิ่ม iTFA เข้าไปในโปรแกรมความปลอดภัย และการประกันคุณภาพอาหารที่ใหญ่ขึ้น แนวทางที่ใช้ระบบนี้ประกอบด้วยการตรวจสอบ การปฏิบัติตามข้อกําหนด และการตรวจสอบหลายชั้น

ในรายงานความคืบหน้าล่าสุด WHO ตั้งข้อสังเกตว่านโยบายจํากัดการใช้ iTFA ได้ถูกนํามาใช้ใน 60 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งครอบคลุมประมาณ 43% ของประชากรโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ของโลกมีความเสี่ยงต่อการบริโภค iTFA อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวเรียกร้องให้ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของน้ำมันและไขมัน “ปฏิบัติตามความพยายามบุกเบิกของ Cargill ในการนำ TFA ที่ผลิตในอุตสาหกรรมออกจากผลิตภัณฑ์ที่ขายให้กับผู้ผลิตอาหารทั่วโลก”1

“เราเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันบริโภคระดับโลกรายแรกและรายเดียว ที่มุ่งมั่นและปฏิบัติตามมาตรฐานของ WHO อย่างต่อเนื่องและทั่วถึงสำหรับผลงานทั่วโลกทั้งหมดของเรา และแม้ว่าเราจะภูมิใจกับความสำเร็จครั้งสําคัญนี้ แต่รายงานของ WHO ก็เน้นย้ำว่ายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ” Orlova กล่าว “เราได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแต่เป็นไปได้ที่จะปฏิบัติตามคําแนะนําของ iTFA โดยคํานึงถึงระดับไขมันอิ่มตัวเท่านั้น แต่ยังสามารถทําได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนรสชาติ หรือเนื้อสัมผัสของอาหารโปรดของผู้บริโภคอีกด้วย เราเรียกร้องให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ปฏิบัติตามผู้นําของเรา และกำจัด iTFA ออกจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของพวกเขาด้วย”

Cargill ยังได้ดําเนินการตามขั้นตอน เพื่อช่วยให้การปฏิรูปทั่วทั้งอุตสาหกรรม ก้าวหน้าในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ไม่มีกฎระเบียบ iTFA ณ เวลาที่บริษัทให้คำมั่นสัญญา ในบรรดาการดําเนินการต่างๆ ในปากีสถาน Cargill ร่วมมือกับสถาบันนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณะ ในมาเลเซียและเม็กซิโก บริษัท มีปฏิสัมพันธ์กับภาคอุตสาหกรรม นักวิชาการ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ WHO ขณะเดียวกันก็แบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการปฏิรูป iTFA

1 “นับถอยหลังสู่ปี 2023: รายงานของ WHO เกี่ยวกับการกําจัดไขมันทรานส์ทั่วโลก” องค์การอนามัยโลก, 2022 ดาวน์โหลดได้ที่: https://www.who.int/publications/i/item/9789240067233

เกี่ยวกับ Cargill

Cargill มุ่งมั่นที่จะจัดหาอาหาร ส่วนผสม โซลูชั่นทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อหล่อเลี้ยงโลกด้วยวิธีที่ปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และยั่งยืน ในฐานะหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน เราร่วมมือกับเกษตรกรและลูกค้าในการจัดหา ผลิต และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีความสําคัญต่อการดํารงชีวิต

สมาชิกทีมงาน 160,000 คนของเราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างมีเป้าหมาย โดยมอบสิ่งจําเป็นในชีวิตให้กับลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ชุมชนเจริญรุ่งเรือง และผู้บริโภคมีชีวิตที่ดี ด้วยประสบการณ์ 159 ปีในฐานะบริษัทครอบครัว เรามองไปข้างหน้าโดยยังคงยึดมั่นในค่านิยมของเรา เราให้ความสําคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรก เราตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น เราทําในสิ่งที่ถูกต้อง—วันนี้และสําหรับคนรุ่นต่อๆ ไป สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ Cargill.com และ News Center ของเรา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53887225/en

ติดต่อ

Kelly Sheehan, media@cargill.com           

ที่มา: Cargill

มัลติมีเดีย

HYPERLINK “https://connect.businesswire.com/bwapps/mediaserver/PublicViewMedia?mgid=2007912&vid=4”

Thai Herald

Thai Herald