สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 6 เปิดสะพานเชื่อมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการเรียนรู้ร่วมกัน

Logo

พนมเปญ, กัมพูชา–(BUSINESS WIRE)–20 ธันวาคม 2024

สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 6 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม ณ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ที่จะนำผู้ชมในประเทศเข้าสู่การเดินทางแห่งโลกภาพยนตร์เป็นเวลา 5 วัน

The 6th Lancang-Mekong International Film Week kicked off in Phnom Penh on December 17. (photo by Li Tao)

สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขงครั้งที่ 6 จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม (ภาพถ่ายโดย Li Tao)

Phoeung Sakona รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมแห่งกัมพูชา เน้นย้ำว่างานนี้เป็นเวทีที่ช่วยส่งเสริมการสนทนาทางวัฒนธรรมและความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคล้านช้าง-แม่น้ำโขง

ในช่วงสัปดาห์ภาพยนตร์นี้ จะมีการฉายภาพยนตร์ 20 เรื่องจากกลุ่มประเทศล้านช้าง-แม่โขง ซึ่งนำเสนอธีมและประเภทภาพยนตร์ที่หลากหลาย เช่น ภาพยนตร์ตลก ภาพยนตร์แอ็คชั่น ภาพยนตร์โรแมนติก และภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Rooftop Soccer ที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์เด็กยอดเยี่ยมจากงาน Golden Rooster Awards ครั้งที่ 37 ในประเทศจีน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านโบราณ รวมถึงประเพณีของชาติพันธุ์แห่งมณฑลยูนนานแก่ผู้ชม

โดยภาพยนตร์แอนิเมชั่นหนึ่งเดียวในงานนี้อย่าง I Am What I Am จะแนะนำผู้ชมให้รู้จักวัฒนธรรมการเชิดสิงโตแบบจีนดั้งเดิม รวมถึงประเพณีของหลิงหนานผ่านภาพที่งดงามและเนื้อเรื่องที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจ

ภาพยนตร์จากกัมพูชา When Mom Gets Old ที่มุ่งเน้นไปที่ชีวิตของสตรีวัยชรา โดยเน้นถึงความขัดแย้งระหว่างรุ่น ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการคิดอย่างไตร่ตรองรอบด้าน

ภาพยนตร์จากประเทศไทย Grandma’s Grandchild (หลานม่า) ที่ถ่ายทอดการขับเคลื่อนทางอารมณ์อันละเอียดอ่อนภายในครอบครัวไทย-จีนสามชั่วอายุคน ที่ได้ทำลายสถิติของบ็อกซ์ออฟฟิศหลายรายการเมื่อออกฉาย

จากผ่านภาพยนตร์เหล่านี้ ผู้ชมสามารถร่วมเดินทาง เข้าถึงอารมณ์ รู้สึก และสัมผัสกับทัศนียภาพอันสวยสดงดงาม วัฒนธรรมอันหลากหลาย รวมถึงความสะท้อนทางอารมณ์ของกลุ่มประเทศล้านช้าง-แม่น้ำโขงได้ทั้ง 6 ประเทศ

นอกจากนี้ กิจกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การอภิปราย และการส่งเสริมโครงการ ยังช่วยเสริมสร้างความสำคัญทางวัฒนธรรมของสัปดาห์ภาพยนตร์ และช่วยเพิ่มอิทธิพลของแบรนด์อีกด้วย

Zhai Yulong ผู้อำนวยการสำนักงานภาพยนตร์แห่งมณฑลยูนนานของจีน แสดงความหวังว่างานนี้จะช่วยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนภาพยนตร์ ช่วยเสริมสร้างการสื่อสารระหว่างผู้สร้างภาพยนตร์ และเพิ่มการเชื่อมโยงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาของภาคส่วนภาพยนตร์ในกลุ่มประเทศล้านช้าง-แม่น้ำโขง

Mr. CHEN Cong อัครราชทูตที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวว่า สัปดาห์ภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขงจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงลึก ความร่วมมือ และการพัฒนาภายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนของประเทศเหล่านี้

ขณะที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 6 กำลังดำเนินอยู่ บทหนึ่งที่งดงามเกี่ยวกับการบูรณาการทางวัฒนธรรมและความเข้าใจซึ่งกันและกันจะถูกเขียนขึ้นอย่างชัดเจน โดยแสดงให้เห็นว่าอารยธรรมนั้นได้รับการเสริมสร้างผ่านการแลกเปลี่ยน และเติบโตผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54170021/en

Contacts

Eason Zhou
อีเมล: evisionsinfo@gmail.com

แหล่งข้อมูล: Yunnan Information Office

Kao Corporation: ว่าด้วยเรื่องการเสนอเชื่อเพื่อคัดเลือกบุคคลขึ้นเป็นกรรมการบริษัทของเรา

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–19 ธันวาคม 2024

คณะกรรมการและทีมผู้บริหารของบริษัท Kao มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นจากมุมมองในระยะยาวตามตามกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของเราโดยตรงและในเชิงสร้างสรรค์เพื่อวัตถุประสงค์ในการเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรของเรา และเรายินดีที่จะเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ ในการรับมือกับความท้าทายด้วย

Kao ยึดมั่นในกระบวนการคัดเลือกที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถคัดเลือกองค์คณะในคณะกรรมการบริหารได้อย่างเหมาะสมที่สุด ตามที่ประกาศในข่าวซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ในปีงบประมาณนี้นั้น คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการตรวจสอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลได้พิจารณาคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งกรรมการและกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลเป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือน ซึ่งเราได้ประกาศชื่อผู้รัดคัดเลือกสำหรับตำแหน่งกรรมการและกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมเพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศโครงสร้างเจ้าหน้าที่บริหารชุดใหม่

บุคคลที่ได้รับการประกาศออกไปนั้น คือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อและจะไม่เป็นการตัดสิทธิ์การเสนอชื่อจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ขณะนี้ เรากำลังดำเนินการประเมินผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการที่ผู้ถือหุ้นบางรายเสนอชื่อมา โดยเป็นกระบวนการหลังจากกระบวนการคัดเลือกของบริษัทเรา

Kao จะยังคงมุ่งมั่นเพื่อให้แน่ใจได้ว่าเราจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดแก่ผู้ถือผลประโยชน์ร่วมทั้งหมดได้อย่างยุติธรรมต่อไป

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สื่อสามารถสอบถามได้โดยตรงที่:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
Kao Corporation
corporate_pr@kao.com

Source: Kao Corporation

ClinChoice ขยายความร่วมมือ 13 ปีกับ Medidata ด้วยการเพิ่ม Clinical Data Studio เพื่อปรับปรุงการจัดการข้อมูลและเสริมศักยภาพการทดลองทางคลินิก

Logo

ข้อตกลงใหม่จะผสานรวมแพลตฟอร์ม Medidata ขจัดขั้นตอนการศึกษาที่ซับซ้อน และเร่งการวิจัยผ่าน AI ระบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ขั้นสูง

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–18 ธันวาคม 2024

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ขยายความร่วมมือทางธุรกิจระยะยาวกับ ClinChoice ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยตามสัญญา (CRO) ระดับโลก ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ ClinChoice จะใช้แพลตฟอร์ม Medidata เพื่อปรับปรุงข้อมูลการศึกษาและการจัดการการจัดหา เพิ่มประสิทธิภาพการทดลอง และเร่งการเติบโตในฐานะ CRO แบบครบวงจรในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ClinChoice ยังวางแผนที่จะให้ความสำคัญกับการรับรอง Clinical Data Studio เป็นหลัก โดยการเพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้นผ่านประสบการณ์การจัดการคุณภาพข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เชิงปฏิรูป

ClinChoice มุ่งมั่นที่จะใช้โซลูชันของ Medidata มานานกว่าทศวรรษ โดยช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างผู้ป่วย สถานที่ และผู้สนับสนุนภายในสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบรวมศูนย์ ในฐานะผู้ใช้รายแรกๆ ClinChoice มีบทบาทสำคัญในช่วงการระบาดใหญ่จากการนำโมเดล Direct-to-Patient ของ Rave RTSM มาใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างต่อเนื่องและปรับปรุงสินค้าคงคลังให้เหมาะสมในหลายๆ ภูมิภาคและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบต่างๆ การผสานรวมโซลูชันของ Medidata ช่วยให้ ClinChoice เสริมศักยภาพในการดำเนินงานและพร้อมสำหรับการเติบโตในสภาพแวดล้อมการทดลองทางคลินิกที่ซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน

“ตั้งแต่ที่เราเริ่มนำ Medidata Rave EDC มาใช้ครั้งแรกในปี 2011 ความร่วมมือระหว่างเรากับ Medidata ได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาของเรา โดยเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นที่จีน และในที่สุดก็ขยายไปสู่ระดับโลก” Ling Zhen ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลกของ ClinChoice กล่าว “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะขยายความร่วมมือเพื่อนำ Clinical Data Studio ของ Medidata และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ มาใช้เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของเราต่อไป”

“ความมุ่งมั่นของ ClinChoice ในด้านนวัตกรรมและแนวทางที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นหลักทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่ล้ำค่า” Edwin Ng รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Medidata กล่าว “ด้วยความร่วมมือใหม่นี้ เรามุ่งหวังที่จะเสริมศักยภาพให้กับ ClinChoice ด้วยโซลูชันขั้นสูงของ Medidata เพื่อส่งเสริมกระบวนการทดลองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขยายการเข้าถึงทั่วโลก และเร่งการเข้าถึงการรักษาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตสำหรับผู้ป่วยทั่วโลก”

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 35,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,300 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ ตั้งแต่ปี 1981 บริษัทได้ริเริ่มโลกเสมือนจริงเพื่อพัฒนาชีวิตจริงสำหรับผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systèmes ช่วยให้ลูกค้า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทั้งหมดและทุกขนาดสามารถทำงานร่วมกัน จินตนาการ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืนซึ่งส่งผลกระทบที่มีคุณค่าได้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่: www.3ds.com

เกี่ยวกับ ClinChoice

ClinChoice เป็นองค์กรวิจัยตามสัญญา (CRO) ชั้นนำระดับโลกที่มุ่งมั่นจัดหาโซลูชันบริการครบวงจรและฟังก์ชันการทำงานตลอดวงจรชีวิตการพัฒนาสำหรับบริษัทเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก ClinChoice ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 และมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากกว่า 4,000 คนใน 30 ประเทศทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ

ClinChoice คือแหล่งข้อมูลโซลูชันไบโอเมตริกที่ครอบคลุมซึ่งออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลการทดลองทางคลินิกของคุณเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราสร้างชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรที่ลูกค้าทั่วโลกเลือก ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่เหนือกว่าซึ่งช่วยลดความซับซ้อนและเร่งเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ของคุณออกสู่ตลาด ClinChoice ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจระเบียบวิธีล่าสุดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านกฎระเบียบและวิทยาศาสตร์การพัฒนาทางคลินิกได้อย่างลึกซึ้ง

ในอนาคต ClinChoice จะยังคงสร้างระบบนิเวศทางคลินิกระดับโลกต่อไปโดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทั่วโลก

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.clinchoice.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

MRI-Simmons เข้าร่วมกับ Truthset Data Collective เพื่อตรวจสอบคุณภาพข้อมูลยิ่งขึ้น

Logo

ผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อความถูกต้องและความโปร่งใสของข้อมูล

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

MRI-Simmons ผู้นำด้านผู้ให้บริการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกันได้ประกาศวันนี้ว่าตนได้เข้าร่วมกลุ่มกับ Truthset Data Collective ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ให้บริการข้อมูลที่รวมตัวกันเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการตลาดทำธุรกรรมกับข้อมูลด้วยความแม่นยำและมีคุณภาพในระดับที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การเข้าร่วมกลุ่ม Data Collective ได้แสดงให้เห็นว่าผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในความโปร่งใสและความถูกต้องแม่นยำ ซึ่งเป็นคุณลักษณะ 2 ประการที่บริษัทยึดมั่นมาเป็นเวลากว่า 70 ปี

Truthset Data Collective เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2022 โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อมอมบริการแบบหลายแหล่งที่มีความแม่นยำและเป็นกลางให้กับอุตสาหกรรมเพื่อสร้างมาตรฐานความแม่นยำถูกต้องตามข้อมูลประชากรให้กับการกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและการการวัดผลสื่อ ซึ่งกลุ่มนี้ใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบที่เป็นอิสระจาก Truthset ในระดับขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาความถูกต้องของข้อมูลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้แน่ใจได้ว่าจะมีความแตกต่างและความสามารถในการดำเนินการสำหรับผู้ให้บริการด้านข้อมูลรายต่าง ๆ ที่เข้าร่วม

สำหรับ MRI-Simmons แล้ว การร่วมมือกับ Truthset จะช่วยมอบการตรวจสอบเพิ่มเติมได้ว่าชุดข้อมูลจะมีคุณภาพสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งทั้งอุตสาหกรรมโดยรวมสามารถไว้วางใจได้ การบูรณาการผลิตภัณฑ์สี่รายการของ MRI-Simmons ที่ได้รับการรับรองจากสภาจัดเรทสื่อ (Media Rating Council/MRC) รวมถึงการศึกษาวิจัยผู้บริโภคหลัก 'USA' หรือการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา การเข้าไปเป็นสมาชิกของ Data Collective จึงช่วยเพิ่มระดับความโปร่งใสอีกชั้นหนึ่งให้กับกระบวนการที่ค่อนข้างยากลำบากอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประจำปีอย่างเข้มงวดที่บริษัท CPA อิสระเป็นผู้ดำเนินการ

MRI-Simmons ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความโปร่งใสและคุณภาพข้อมูลที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม”  Lana Busignani หัวหน้าแผนกสื่อระดับโลกของ NIQ ซึ่งเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ของ MRI-Simmons กล่าว “การเข้าร่วมกลุ่ม Truthset Data Collective ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นและส่งสัญญาณไปยังอุตสาหกรรมว่าเราสามารถไว้วางใจข้อมูลคุณภาพสูงของเราในการขับเคลื่อนผลลัพธ์การแปลงข้อมูลเชิงดิจิทัลที่สามารถปรับให้เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น””

Scott McKinley ซีอีโอของ Truthset กล่าวว่า “MRI-Simmons มีประวัติในการส่งมอบข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดที่เชื่อถือได้ให้กับอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน” “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะต้อนรับพวกเขาเข้าสู่กลุ่ม Data Collective และทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับมาตรฐานความถูกต้องแม่นยำของอุตสาหกรรมการตลาด

Truthset ได้เข้าร่วมกลุ่ม Data Collective หลังจากที่ MRI-Simmons ขยายโซลูชันการเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูล ซึ่งช่วยให้นักการตลาดปรับปรุงคุณภาพและประโยชน์ใช้สอยของข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่งได้ ซึ่งความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของชุดข้อมูลของบุคคลที่สามที่ใช้ในการเสริมประสิทธิภาพการตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากนักการตลาดมีหน้าที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสื่อและผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณาให้มากขึ้น  การเข้าร่วมกลุ่ม Data Collective จึงช่วยให้นักทำการตลาดมั่นใจได้มากขึ้นว่า MRI-Simmons และชุดข้อมูลผู้บริโภคจะมีคุณสมบัติเหมาะสมในการขับเคลื่อนผลลัพธ์การตลาดที่พวกเขาตั้งเป้าเอาไว้ได้

เกี่ยวกับ MRI-Simmons

MRI-Simmons เป็นผู้นำด้านด้านการให้บริการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกัน MRI-Simmons ได้ทำให้ข้อมูลผู้บริโภคฉลาดขึ้นและส่งเสริมการดำเนินการจากข้อมูลเชิงลึกด้วยความโปร่งใสและความเข้มงวดเชิงวิธีการ ซึ่งเป็นรากฐานบริษัท MRI-Simmons เป็นผู้นำด้านข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคมาเป็นเวลากว่า 60 ปี โดยมีชุดข้อมูลจากแหล่งเดียวที่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องความเป็นส่วนตัวจำนวนหนึ่ง ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการจัดทำโปรไฟล์ผู้บริโภค การวางแผนสื่อ การปรับแต่งข้อมูลให้เหมาะสม และการแปลงข้อมูล MRI-Simmons ใช้วิธีการสุ่มวัดประชากรจริงในรูปแบบต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ด้วยสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ความน่าจะเป็น ผลลัพธ์จึงมาจากชุดข้อมูลที่มีตัวแทนระดับประเทศและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งช่วยให้มุมมองเกี่ยวกับผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ครอบคลุมและถูกต้องแม่นยำที่สุด

Catalyst ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดข้อมูลเชิงลึกและการแปลงข้อมูลผู้บริโภคของบริษัทจะช่วยทำหน้าที่แจ้งถึงกลยุทธ์การตลาดและปรับปรุงการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ Catalyst ซึ่งสร้างขึ้นจากชุดข้อมูลจริงของผู้บริโภคที่เป็นตัวแทนระดับประเทศของ MRI-Simmons จะมอบชุดโมดูลต่าง ๆ ให้แก่ผู้ทำการตลาด ตั้งแต่การจัดทำโปรไฟล์ผู้บริโภคไปจนถึงการแปลงข้อมูลเชิงดิจิทัลและปรับแต่งข้อมูลให้เหมาะสมได้ โดยออกแบบมาเพื่อให้มอบประสบการณ์แบบบริการตนเองที่มีความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์

MRI-Simmons เปิดตัวในรูปแบบบริษัทร่วมทุนในปี 2019 โดยมี GfK และ SymphonyAI Group ร่วมเป็นเจ้าของ และมีมี GfK เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ GfK ได้รวมตัวกับ NIQ เพื่อรวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้สองรายในปี 2023 ดูเพิ่มเติมได้ที่ mrisimmons.com

เกี่ยวกับ Truthset

Truthset เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกที่มุ่งเน้นเฉพาะการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้บริโภคเท่านั้น บริษัทนี้ทำหน้าที่ช่วยให้แบรนด์สร้างความเชื่อมั่นในข้อมูล และปรับปรุงประสิทธิภาพในการตัดสินใจด้วยข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น Truthset รวบรวมความน่าจะเป็นของความจริงสำหรับบันทึกแต่ละรายการที่สามารถใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและส่งเสริมการโต้ตอบกับผู้บริโภคที่แม่นยำยิ่งขึ้น Truthset ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมจาก Nielsen, Salesforce, LiveRamp และ Procter & Gamble ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อ:

MRI-Simmons
Matt Cumello รองประธานฝ่ายการตลาด
press.ms@mrisimmons.com

Truthset
Mike Gasbara, Fabric Media
mike@fabricmedia.net

แหล่งข้อมูล: MRI-Simmons

Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย

Logo

ฟังก์ชันมัลติโมดอลพร้อมโหมดเสียงที่จะตามมาในเดือนมกราคม 2025

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยประยุกต์ชั้นนําระดับโลกภายใต้สภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้เปิดตัว Falcon 3 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของซีรีส์โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) แบบโอเพ่นซอร์ส การเปิดตัวครั้งสำคัญนี้กําหนดมาตรฐานประสิทธิภาพใหม่สําหรับ LLM ขนาดเล็ก และทําให้การเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงเป็นประชาธิปไตย โดยทําให้โมเดลทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อป Falcon 3 นําเสนอการใช้เหตุผลที่เหนือกว่าและความสามารถในการปรับแต่งขั้นสูง ทําให้เป็นโมเดล AI ที่ทรงพลังและใช้งานได้มากขึ้น

Falcon 3: UAE’s Technology Innovation Institute Launches World’s most Powerful Small AI Models that can also be run on Light Infrastructures, including Laptops (Photo: AETOSWire)

Falcon 3: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดตัวโมเดล AI ขนาดเล็กที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งสามารถทํางานบนโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็ก เช่น แล็ปท็อปได้ด้วย (ภาพ: AETOSWire)

Falcon 3 ได้รับการออกแบบมาเพื่อทําให้การเข้าถึง AI ประสิทธิภาพสูงเป็นประชาธิปไตย โดยนําเสนอโมเดลที่ทั้งทรงพลังและมีประสิทธิภาพ Falcon 3 ซึ่งฝึกด้วยโทเค็น 14 ล้านล้านโทเค็น ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มี 5.5 ล้านล้านโทเค็นถึงสองเท่า แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Falcon 3 ติดอันดับหนึ่งในรุ่นชั้นนําของโลกที่สามารถทํางานบน GPU ตัวเดียวได้ เมื่อเปิดตัว Falcon 3 ก็สามารถครองตําแหน่งอันดับหนึ่งในลีดเดอร์บอร์ด LLM ของบุคคลที่สามทั่วโลกของ Hugging Face โดยแซงหน้ารุ่นโอเพ่นซอร์สอื่นๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน รวมถึงรุ่น Llama ของ Meta โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดล Falcon 3-10B เป็นผู้นําในหมวดหมู่นี้ โดยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าทุกโมเดลที่มีพารามิเตอร์ต่ำกว่า 13 พันล้านตัว

ฯพณฯ Faisal Al Bannai เลขาธิการ ATRC และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้านการวิจัยเชิงกลยุทธ์และกิจการเทคโนโลยีขั้นสูงกล่าวว่า “พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของ AI นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ในวันนี้ เราได้พัฒนาการมีส่วนร่วมของเราในชุมชน AI โดยเฉพาะภาคโอเพ่นซอร์ส ด้วยการเปิดตัวโมเดลข้อความตระกูล Falcon 3 การเปิดตัวครั้งนี้ต่อยอดจากรากฐานที่เราสร้างขึ้นกับ Falcon 2 ซึ่งถือเป็นก้าวสําคัญสู่โมเดล AI รุ่นใหม่ ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมืออันทรงพลังเหล่านี้ได้ทุกที่ สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทของเราเพื่อความเท่าเทียมระดับโลกและนวัตกรรมที่ครอบคลุม”

ตระกูล Falcon 3

ซีรีส์ Falcon 3 มีสี่ขนาด ได้แก่ Falcon3-1B, -3B, -7B และ -10B เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ จะพบว่ามีการให้ความสำคัญกับการบูรณาการที่ราบรื่นเป็นอย่างมาก โมเดลเหล่านี้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ API (Application Programming Interfaces) และไลบรารีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งช่วยลดความพยายามในการบูรณาการได้อย่างมาก และทําให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกในการใช้งาน ในที่สุดสิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกโซลูชันที่เหมาะกับความต้องการของตนมากที่สุด ด้วย Falcon 3 ที่มอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในด้านการใช้เหตุผล ความเข้าใจภาษา การปฎิบัติตามคําสั่ง การสร้างโค้ด และงานทางคณิตศาสตร์ จึงพร้อมที่จะกําหนดมาตรฐานใหม่ในความสามารถของ AI

Falcon 3 ขนาดเล็กแต่ละโมเดลมี Base และ Instruct ซึ่งแต่ละโมเดลอยู่ในอันดับที่ทรงพลังที่สุดในโลกตามขนาดของมัน โมเดล Base อนุญาตให้ทํางานสร้างเอนกประสงค์ ในขณะที่ Instruct เป็นโมเดลที่ปรับแต่งมาอย่างดีสําหรับแอปพลิเคชันการสนทนา Falcon 3 มีให้บริการในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส โมเดล Falcon 3 ยังมีเวอร์ชันเชิงปริมาณที่ช่วยให้สามารถบูรณาการเข้ากับสถาปัตยกรรมเฉพาะทางได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและมีน้ำหนักเบา จึงสามารถนำไปใช้และอนุมานได้อย่างรวดเร็ว

ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII กล่าวว่า “ความทุ่มเทของเราในการบุกเบิกการวิจัยและดึงดูดผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าได้มาถึงจุดสูงสุดในการพัฒนา Falcon 3 ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือโมเดลที่แสดงให้เห็นถึงการแสวงหาความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ โดยนําเสนอประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และกําหนดเกณฑ์มาตรฐานใหม่ในด้านเทคโนโลยี AI”

Dr. Hakim Hacid หัวหน้านักวิจัยของศูนย์วิจัย AI และวิทยาศาสตร์ดิจิทัล (AIDRC) ของ TII กล่าวว่า “AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ Falcon 3 ผลักดันขอบเขตของ LLM ขนาดเล็กให้ไกลขึ้น โดยมีส่วนสนับสนุนชุมชนโอเพ่นซอร์สโดยให้การเข้าถึง AI ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น เรามั่นใจว่าการเปิดตัวล่าสุดนี้จะเปิดโอกาสอันไม่จํากัด และจะมีประโยชน์มากมาย ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถใช้ AI ในรูปแบบที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้”

Falcon 3 พร้อมให้ดาวน์โหลดทันทีบน HuggingFace และที่ FalconLLM.TII.ae พร้อมกับรายละเอียดเกี่ยวกับเกณฑ์มาตรฐาน

นอกจากนี้ TII ยังเปิดตัว Falcon Playground ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทดสอบสําหรับผู้ใช้ปลายทาง โปรแกรมเมอร์ ผู้เขียนโค้ด และนักวิจัย เพื่อสํารวจ Falcon 3 ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยเปิดโอกาสให้ทดลองและให้ข้อเสนอแนะ

Falcon 3 ได้รับอนุญาตภายใต้ TII Falcon License ซึ่งเป็นใบอนุญาตซอฟต์แวร์แบบ Apache 2.0 ซึ่งรวมถึงนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ซึ่งส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ

ต้นเดือนมกราคม 2025 โมเดลตระกูล Falcon 3 จะเปิดตัวสมาชิกใหม่ โดยเน้นที่ฟังก์ชันมัลติโมดอล รวมถึงโหมดข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และเสียง

ที่มา: AETOWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54167979/en

ติดต่อ

Victoria Meven
victoria.meven@edelman.com

ที่มา: สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี


ข้อมูลล่าสุดของ OAG เผยว่าเส้นทางการบินจากฮ่องกง (HKG) ไป ไทเป (TPE) เป็นเส้นทางการบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในโลกในปี 2024

Logo

เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้ง

การค้นพบที่สําคัญ:

  • ·  ฮ่องกง (HKG) -ไทเป (TPE) มีกําลังการผลิตเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบเป็นรายปี
  • ·  7 ใน 10 เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
  • ·  เส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุดคือ เชจู (CJU)-โซล กิมโป (GMP), 14 ล้านที่นั่ง
  • ·  นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) เส้นทางบินที่พลุกพล่านที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยมี 4 ล้านที่นั่ง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–17 ธันวาคม 2024

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เปิดเผยเส้นทางที่พลุกพล่นที่สุด ในโลกประจำปี 2024 ในวันนี้ การวิเคราะห์นี้ขับเคลื่อนโดยข้อมูลตารางการบินของสายการบินทั่วโลกของ OAG และให้ภาพรวมของประสิทธิภาพและแนวโน้มของเส้นทางบินทั้งในและต่างประเทศ

เอเชียแปซิฟิกครองอันดับประจําปีอีกครั้งด้วยเส้นทางบินระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 7 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง และเส้นทางภายในประเทศที่พลุกพล่านที่สุด 9 เส้นทางจาก 10 เส้นทาง เส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดอันดับ 1 ของปี 2024 และเส้นทาง 10 อันดับแรกที่มีการเติบโตมากที่สุดคือฮ่องกง (HKG)-ไทเป (TPE) โดยมีที่นั่ง 6.8 ล้านที่นั่ง และความจุเพิ่มขึ้น 48% ระหว่างปี 2023-2024 ทำให้ขยับขึ้นจากอันดับที่ 3 ของปีที่แล้ว

ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) ครองอันดับ 2 ด้วยที่นั่ง 5.5 ล้านที่นั่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสองเส้นทางที่ให้บริการในตะวันออกกลางที่ติด 10 อันดับแรกตั้งแต่ปี 2019 CAI-JED เติบโต 68% ใน 5 ปี ในขณะที่ ดูไบ (DBX)-ริยาด (RUH) อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยที่นั่ง 4.3 ล้านที่นั่งและความจุเพิ่มขึ้น 37% ตั้งแต่ปี 2019

เส้นทางระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่มีการเติบโตที่น่าประทับใจเมื่อเทียบเป็นรายปี ได้แก่ โซล อินชอน (ICN)-โตเกียว นาริตะ (NRT) ขยับจากอันดับที่ 5 ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ด้วยความจุเพิ่มขึ้น 30% และกรุงเทพฯ (BKK)-ฮ่องกง (HKG) ซึ่งกลับเข้าสู่ 10 อันดับแรกอีกครั้งในอันดับที่ 7 หลังจากเคยอยู่ในอันดับที่ 11 เมื่อปี 2023

นิวยอร์ก (JFK)- ลอนดอน ฮีทโธรว์ (LHR) ครองอันดับ 1 ของเส้นทางระหว่างประเทศที่พลุกพล่านที่สุดในยุโรปและในอเมริกาเหนือ ไคโร (CAI)-เจดดาห์ (JED) เป็นเส้นทางระหว่างประเทศอันดับ 1 ทั้งในแอฟริกาและตะวันออกกลาง และ ออร์แลนโด (MCO)-ซานฮวน (SJU) เป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศอันดับ 1 ในละตินอเมริกา

John Grant หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OAG ให้ความเห็นว่า ” เนื่องจากภูมิภาค ASPAC ใกล้จะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว เส้นทางที่พลุกพล่านที่สุดจึงกระจุกตัวอยู่ในศูนย์กลางการบินหลักที่คุ้นเคยอย่างฮ่องกง โซล อินชอน และสิงคโปร์ แม้ว่าองค์ประกอบของอุปทานในเส้นทางเหล่านั้นจะเปลี่ยนไป เนื่องจากภาคส่วนต้นทุนต่ำยังคงเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าภาคส่วนเดิม

การพัฒนาที่น่าสนใจที่สุดอย่างหนึ่งคือการเติบโตของตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเน้นที่ซาอุดีอาระเบียเป็นพิเศษ ซึ่งโครงการ Vision 2030 ยังคงขับเคลื่อนความต้องการทั้งทางธุรกิจและการพักผ่อน”

ค้นหาอันดับเส้นทางการบินที่พลุกพล่านที่สุดในโลกของปี 2024 และวิธีการจัดอันดับระดับโลกและระดับภูมิภาค ได้ที่เว็บไซต์ของ OAG

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนําสําหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยนําเสนอแหล่งข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และราคา แห่งแรกในอุตสาหกรรม

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG โปรดไปที่ www.oag.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามสื่อมวลชน: pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council: แคมเปญ Smile Japanese Fruits Gift

Logo

เพลิดเพลินกับผลไม้จากประเทศญี่ปุ่นด้วยฟิลเตอร์ AR จาก Hello Kitty!

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–14 ธันวาคม 2024

Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council พร้อมกับ The Japan Food Product Overseas Promotion Center (JFOODO) ร่วมมือกับตัวการ์ตูนยอดนิยมจาก Sanrio Co., Ltd. “Hello Kitty” ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศด้วยเช่นกัน เฉลิมฉลองวันครบรอบปีที่ 50 เพื่อส่งเสริมผลไม้และพืชผักจากทั่วประเทศญี่ปุ่น เราจึงมีการจัดแคมเปญบนโซเชียลมีเดีย โดยคุณสามารถโพสต์รูปภาพบน Instagram ในธีมเทศกาลสำคัญต่างๆ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ ตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษ “Smile Japanese Fruits Gift” ของขวัญสุดพิเศษที่สามารถเพลิดเพลินด้วยกันทั้งครอบครัวได้

Note: The actual gift will be processed Japanese fruits. (Photo: Business Wire)

หมายเหตุ: ของขวัญที่แท้จริงมาพร้อมผลไม้จากประเทศญี่ปุ่น (ภาพถ่าย: Business Wire)

ความร่วมมือพิเศษระหว่างฉลาก “Japan-grown Fruit”* กับ Hello Kitty
*ฉลาก “Japan-grown Fruit” เป็นแบรนด์ฉลากสำหรับผลไม้และพืชผักที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งตรงตามมาตรฐานคุณภาพที่ควบคุมอย่างเข้มงวดจากกระทรวงการเกษตร ป่าไม้ และประมง

ระยะเวลาของแคมเปญ:

  • คริสต์มาส: วันที่ 14 เดือนธันวาคม ปี 2024 ถึงวันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2024
  • ปีใหม่: วันที่ 1 เดือนมกราคม ปี 2025 ถึงวันที่ 10 เดือนมกราคม ปี 2025
  • ตรุษจีน: วันที่ 29 เดือนมกราคม ปี 2025 ถึงวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025
  • วันวาเลนไทน์: วันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025 ถึงวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025

วิธีการเข้าร่วม:

  1. ติดตาม Instagram japanesefruit_official
  2. โพสต์วิดีโอที่ตรงตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งจากสองเงื่อนไขด้านล่าง และระบุ japanesefruit_official
    *สำหรับตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ คุณสามารถสมัครได้โดยดำเนินการตามเงื่อนไขที่ 2 เท่านั้น

(1) วิดีโอที่ใช้ฟิลเตอร์สนุกๆ จาก japanesefruit x Hello Kitty
**คลิกที่ลิงก์ในโปรไฟล์เพื่อดูเอฟเฟกต์
(2) วิดีโอหรือภาพคนยิ้มและเพลิดเพลินกับผลไม้ญี่ปุ่น

สินค้าเป้าหมาย:
ลูกพีช องุ่น แอปเปิ้ล ลูกพลับ ผลไม้รสเปรี้ยว สตรอว์เบอร์รี่ มันเทศ

ผู้เข้าร่วมแคมเปญเป้าหมาย:
ผู้ที่อยู่อาศัยในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง และไต้หวัน

รางวัล:
ชุด “Smile Japanese Fruits Gift” พิเศษ

บัญชี Instagram อย่างเป็นทางการ:
https://www.instagram.com/japanesefruit_official/

คลิกที่นี่สำหรับสถานที่จัดจำหน่ายในแต่ละประเทศ:
https://jpfruit-export.jp/promotion/en/shop/

หน่วยงานดำเนินการ

Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council (JFEC)
https://jpfruit-export.jp/english.html

The Japan Food Product Overseas Promotion Center (JFOODO)
https://www.jetro.go.jp/en/jfoodo/

ความร่วมมือ

เกี่ยวกับ Sanrio
Sanrio เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับ Hello Kitty ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นในปี 1974 และเป็นบ้านของแบรนด์ตัวการ์ตูนชื่อดังสุดโปรดอีกมากมาย เช่น My Melody, Kuromi, LittleTwinStars, Cinnamoroll, Pompompurin, gudetama, Aggretsuko, Chococat, Bad Badtz-Maru และ Kerokerokeroppi Sanrio ก่อตั้งขึ้นบนปรัชญาที่ว่า ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สามารถนำมาซึ่งความสุขและมิตรภาพสู่ผู้คนทุกวัย นับตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา ปรัชญาดังกล่าวได้เป็นแรงบันดาลใจในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมที่มีคุณภาพ และส่งเสริมการสื่อสาร และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ทุกวันนี้ ธุรกิจของ Sanrio ได้ขยายตัวไปสู่ภาคอุตสาหกรรมบันเทิงด้วยซีรีส์คอนเทนต์ เกม และสวนสนุกมากมาย Sanrio นำเสนอผลิตภัณฑ์มากมาย โดยมีการวางจำหน่ายในกว่า 130 ประเทศ Sanrio ต้องการที่จะนำรอยยิ้มมาสู่ทุกคนด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “One World, Connecting Smiles” หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sanrio สามารถติดตาม @sanriosingapore ได้บน Instagram และ @SanrioSG บน Facebook

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54166397/en

ติดต่อ

ทีมประชาสัมพันธ์สำหรับ Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council
อีเมล: jpfruits_imc2024@group.dentsuprc.co.jp

แหล่งข้อมูล: The Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council


AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

GIGABYTE Technology ขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และยังคงเดินหน้าพัฒนาความก้าวหน้าต่างๆ ที่กำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 10 มกราคม 2025 GIGABYTE จะเข้าร่วมงาน CES เพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดในด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและโซลูชันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่างๆ

The Next Gen of AI Awaits, GIGABYTE Sets the Benchmark for HPC at CES 2025 (Photo: Business Wire)

AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025 (ภาพ: Business Wire)

โดยในบูธของ GIGABYTE จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่หลากหลายภายใต้ธีม “ACCEVOLUTION” ที่มีไฮไลท์ ได้แก่:

โซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์แบบแร็คสเกลสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

เซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับ “ซูเปอร์ชิป” รุ่นถัดไป

เทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและ ประสิทธิภาพการทำงาน

เวิร์กสเตชันที่ออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลดขนาดเล็ก

Mini-PC ระบบฝังตัว และแพลตฟอร์มในรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานปลายทางและการใช้งานเชิงพาณิชย์

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ GIGABYTE แสดงให้เห็นว่าพลังการประมวลผลได้ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI ซึ่งจะช่วยให้องค์กร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วไปบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านนวัตกรรม AI ในทุกสาขาวิชา และทุกๆ ขนาดได้อย่างไร

ความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงได้เร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกและนวัตกรรม AI ขั้นสูง ด้วยความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับผู้นำในอุตสาหกรรม GIGABYTE จึงสามารถส่งมอบโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ AI ล้ำสมัยได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการปรับใช้ที่รวดเร็วหลังจากการอัปเกรดในแต่ละรุ่น โดยในงาน CES 2025 GIGABYTE จะเปิดตัว:

• เซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ AMD Instinct™ MI300, ตัวเร่งความเร็ว Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™

• โมดูล NVIDIA GB200 NVL72 ที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก” สำหรับการประมวลผลของ AI โดยมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่า GPU H100 ถึง 30 เท่า

ด้วยสถาปัตยกรรม “rack-as-a-GPU” ที่เป็นนวัตกรรม โดย NVIDIA GB200 NVL72 ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการประมวลผล AI ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของ GIGABYTE เพื่อกำหนดอนาคตของโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การประมวลผลประสิทธิภาพสูงกับความยั่งยืน

เพื่อเร่งวิวัฒนาการของ AI ให้เร็วขึ้น GIGABYTE กำลังกำหนดนิยามประสิทธิภาพการระบายความร้อนใหม่ด้วยโซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (DLC) แบบครบวงจร ระบบที่ครอบคลุมนี้จะผสานรวมกับเซิร์ฟเวอร์ ชุดระบายความร้อนแบบกำหนดเอง และแร็คที่มีความเข้ากันได้อย่างราบรื่นกับ CDU จากผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น CoolIT และ Motivair ด้วยการจัดการกับข้อจำกัดของการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม GIGABYTE จึงรับประกันความหนาแน่นในการคำนวณที่เหมาะสมที่สุด ความเสถียรของระบบที่เพิ่มขึ้น และการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัย

เซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD, Intel และ NVIDIA รุ่นล่าสุด ใช้ประโยชน์จาก DLC เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ล้ำสมัยกับการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเปิดใช้งานเอาต์พุตการคำนวณที่สูงขึ้น โซลูชันเหล่านี้จึงตอบสนองกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนในทั้งสองด้าน

ขับเคลื่อนการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์และนวัตกรรมแบบฝังตัว

ความเชี่ยวชาญของ GIGABYTE ในการออกแบบเมนบอร์ดทำให้ GIGABYTE กลายเป็นผู้เล่นหลักในการประมวลผลอุตสาหกรรมและการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ด้วยความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ GIGABYTE นำเสนอระบบฝังตัวที่ขับเคลื่อนด้วยโมดูล Jetson Orin™ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้บริการด้านระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม การตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติ (AOI) การตรวจจับข้อบกพร่อง การประมวลผลแบบเอจ และหุ่นยนต์ ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ BRIX mini-PC ที่มีโปรเซสเซอร์พร้อมหน่วยประมวลผลนิวรอล (NPU) แบบบูรณาการ จะส่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้ AI ขั้นสูงในดีไซนกะทัดรัด

เร่งความเร็วให้กับเทคโนโลยีอัตโนมัติ

การบรรจบกันของพลังการคำนวณและ AI กำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับ รถโดยสาร และยานยนต์ผิวน้ำไร้คนขับ (USV) โดย GIGABYTE ยังคงเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และเทเลเมติกส์ ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ที่สำคัญ

การปฏิวัติประสบการณ์พีซีระดับไฮเอนด์

พีซี AI AORUS ของ GIGABYTE กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเกมเมอร์และเหล่าบรรดามืออาชีพทั้งหลาย โดยนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น:

AI Boost: การโอเวอร์คล็อกแบบไดนามิกสำหรับเซสชันการเล่นเกมที่เข้มข้น

AI Power Gear: การสลับ GPU อัจฉริยะเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งานมือถือ

AI Generator: ความสามารถ AI ที่สร้างได้บนอุปกรณ์เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ราบรื่น

ในงาน CES 2025 GIGABYTE ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี กำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต และนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำสำหรับระบบนิเวศการประมวลผล

เยี่ยมชมหน้ากิจกรรม CES ของ GIGABYTE ได้ที่ https://www.gigabyte.com/Events/CES

ข้อมูลผู้ติดต่อ

ข้อมูลผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

AI เจเนอเรชันใหม่กำลังรออยู่ GIGABYTE ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับ HPC ในงาน CES 2025 (ภาพ: Business Wire)

ไทเป–(BUSINESS WIRE)– GIGABYTE Technology ขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมล้ำสมัยด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และยังคงเดินหน้าพัฒนาความก้าวหน้าต่างๆ ที่กำหนดนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 10 มกราคม 2025 GIGABYTE จะเข้าร่วมงาน CES เพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าล่าสุดในด้านการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและโซลูชันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลต่างๆ

โดยในบูธของ GIGABYTE จะมีการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยที่หลากหลายภายใต้ธีม “ACCEVOLUTION” ที่มีไฮไลท์ ได้แก่:

โซลูชันการประมวลผลคลัสเตอร์แบบแร็คสเกลสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่

เซิร์ฟเวอร์ AI ที่รองรับ “ซูเปอร์ชิป” รุ่นถัดไป

เทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและ ประสิทธิภาพการทำงาน

เวิร์กสเตชันที่ออกแบบมาสำหรับเวิร์กโหลดขนาดเล็ก

Mini-PC ระบบฝังตัว และแพลตฟอร์มในรถยนต์ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานปลายทางและการใช้งานเชิงพาณิชย์

ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ GIGABYTE แสดงให้เห็นว่าพลังการประมวลผลได้ช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI ซึ่งจะช่วยให้องค์กร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วไปบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ ในด้านนวัตกรรม AI ในทุกสาขาวิชา และทุกๆ ขนาดได้อย่างไร

ความมุ่งมั่นของ GIGABYTE ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงได้เร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระดับโลกและนวัตกรรม AI ขั้นสูง ด้วยความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับผู้นำในอุตสาหกรรม GIGABYTE จึงสามารถส่งมอบโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ AI ล้ำสมัยได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการปรับใช้ที่รวดเร็วหลังจากการอัปเกรดในแต่ละรุ่น โดยในงาน CES 2025 GIGABYTE จะเปิดตัว:

• เซิร์ฟเวอร์ AI ซีรีส์ AMD Instinct™ MI300, ตัวเร่งความเร็ว Intel® Gaudi® 3 และ NVIDIA HGX™

• โมดูล NVIDIA GB200 NVL72 ที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เซิร์ฟเวอร์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก” สำหรับการประมวลผลของ AI โดยมอบประสิทธิภาพที่สูงกว่า GPU H100 ถึง 30 เท่า

ด้วยสถาปัตยกรรม “rack-as-a-GPU” ที่เป็นนวัตกรรม โดย NVIDIA GB200 NVL72 ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการประมวลผล AI ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานจะมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของ GIGABYTE เพื่อกำหนดอนาคตของโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การประมวลผลประสิทธิภาพสูงกับความยั่งยืน

เพื่อเร่งวิวัฒนาการของ AI ให้เร็วขึ้น GIGABYTE กำลังกำหนดนิยามประสิทธิภาพการระบายความร้อนใหม่ด้วยโซลูชันการระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง (DLC) แบบครบวงจร ระบบที่ครอบคลุมนี้จะผสานรวมกับเซิร์ฟเวอร์ ชุดระบายความร้อนแบบกำหนดเอง และแร็คที่มีความเข้ากันได้อย่างราบรื่นกับ CDU จากผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น CoolIT และ Motivair ด้วยการจัดการกับข้อจำกัดของการระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม GIGABYTE จึงรับประกันความหนาแน่นในการคำนวณที่เหมาะสมที่สุด ความเสถียรของระบบที่เพิ่มขึ้น และการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานในศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัย

เซิร์ฟเวอร์ของ GIGABYTE ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD, Intel และ NVIDIA รุ่นล่าสุด ใช้ประโยชน์จาก DLC เพื่อสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ล้ำสมัยกับการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเปิดใช้งานเอาต์พุตการคำนวณที่สูงขึ้น โซลูชันเหล่านี้จึงตอบสนองกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความยั่งยืนในทั้งสองด้าน

ขับเคลื่อนการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์และนวัตกรรมแบบฝังตัว

ความเชี่ยวชาญของ GIGABYTE ในการออกแบบเมนบอร์ดทำให้ GIGABYTE กลายเป็นผู้เล่นหลักในการประมวลผลอุตสาหกรรมและการนำ AI ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ด้วยความร่วมมือกับ NVIDIA ช่วยให้ GIGABYTE นำเสนอระบบฝังตัวที่ขับเคลื่อนด้วยโมดูล Jetson Orin™ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้บริการด้านระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม การตรวจสอบด้วยแสงอัตโนมัติ (AOI) การตรวจจับข้อบกพร่อง การประมวลผลแบบเอจ และหุ่นยนต์ ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ BRIX mini-PC ที่มีโปรเซสเซอร์พร้อมหน่วยประมวลผลนิวรอล (NPU) แบบบูรณาการ จะส่งมอบประสบการณ์ผู้ใช้ AI ขั้นสูงในดีไซนกะทัดรัด

เร่งความเร็วให้กับเทคโนโลยีอัตโนมัติ

การบรรจบกันของพลังการคำนวณและ AI กำลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับ รถโดยสาร และยานยนต์ผิวน้ำไร้คนขับ (USV) โดย GIGABYTE ยังคงเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และเทเลเมติกส์ ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ที่สำคัญ

การปฏิวัติประสบการณ์พีซีระดับไฮเอนด์

พีซี AI AORUS ของ GIGABYTE กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับเกมเมอร์และเหล่าบรรดามืออาชีพทั้งหลาย โดยนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น:

AI Boost: การโอเวอร์คล็อกแบบไดนามิกสำหรับเซสชันการเล่นเกมที่เข้มข้น

AI Power Gear: การสลับ GPU อัจฉริยะเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งานมือถือ

AI Generator: ความสามารถ AI ที่สร้างได้บนอุปกรณ์เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ราบรื่น

ในงาน CES 2025 GIGABYTE ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี กำหนดทิศทางของ AI ในอนาคต และนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำสำหรับระบบนิเวศการประมวลผล

เยี่ยมชมหน้ากิจกรรม CES ของ GIGABYTE ได้ที่ https://www.gigabyte.com/Events/CES

ข้อมูลผู้ติดต่อ

ข้อมูลผู้ติดต่อด้านสื่อ: Michael Pao brand@GIGABYTE.com

ที่มา: GIGABYTE Technology

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Capcom ประกาศเปิดตัว Onimusha Way of the Sword ซึ่งเป็นเกมภาคใหม่เกมแรกในรอบกว่า 20 ปี! โปรเจกต์ภาคต่อของ Okami เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Logo

โอซาก้า ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2024

Capcom Co., Ltd. (TOKYO:9697) ได้ประกาศในวันนี้ว่า Onimusha Way of the Sword ซึ่งเป็นเกมภาคใหม่เกมแรกในซีรีส์เกม Onimusha ในรอบกว่า 20 ปี มีกําหนดวางจําหน่าย ในขณะเดียวกันการทำงานในโปรเจกต์ภาคต่อของ Okami ก็เริ่มขึ้นเช่นกัน

Onimusha Way of the Sword (Graphic: Business Wire)

Onimusha Way of the Sword (กราฟิก: Business Wire)

ซีรีส์  Onimusha ประกอบด้วยเกมแอคชั่นที่ต่อสู้ด้วยดาบที่ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นนักรบที่มีพลังเหนือมนุษย์อย่าง Oni และต่อสู้กับปีศาจที่มุ่งหมายจะครองโลก Onimusha Way of the Sword มีกําหนดวางจําหน่ายทั่วโลกในปี 2026 เป็นเกมดาร์กแฟนตาซีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น โดยมีฉากหลังเป็นเมืองเกียวโตในยุคเอโดะตอนต้น ซึ่งถูกเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายเปลี่ยนโฉมไปอย่างน่าขนลุก ในเกม ตัวเอกคือซามูไรผู้ครอบครอง Oni Gauntlet และเข้าร่วมในการต่อสู้ด้วยดาบครั้งยิ่งใหญ่กับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดจากนอกโลกที่รู้จักกันในชื่อ Genma Capcom หวังว่าผู้เล่นจะตั้งตารอเกมแอคชั่นที่ต่อสู้ด้วยดาบสุดตื่นเต้น ที่ผู้เล่นจะได้ฟันฝ่าฝูง Genma

นอกจากนี้ Capcom ได้เริ่มดำเนินการกับโครงการภาคต่อของ Okami แล้ว ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2006 และมีฉากเป็นโลกสไตล์ญี่ปุ่น ใน Okami ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็น Amaterasu และออกผจญภัยเพื่อนําชีวิตกลับคืนมาในเกมแอคชั่นผจญภัยนี้ โปรเจกต์ใหม่นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ของ Okami ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นโลกที่ไม่เหมือนใคร การผจญภัยอันน่าตื่นเต้น และเรื่องราวที่อบอุ่นหัวใจ โปรเจกต์นี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับผู้กํากับและสมาชิกของทีมพัฒนาจาก Okami ดั้งเดิม Capcom หวังว่าผู้เล่นจะตั้งตารอการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่จาก Amaterasu และบริษัท

นอกเหนือจากการเปิดตัวเกมใหม่ที่สําคัญเป็นประจําทุกปีแล้ว Capcom ยังมุ่งเน้นไปที่ปลุก IP ที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงหลังๆ ขึ้นมาใหม่ บริษัทกําลังพยายามเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กรโดยใช้ประโยชน์จากไลบรารีเนื้อหาที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการนำ IP ในอดีตกลับมาใช้ใหม่ เช่น สองชื่อที่ประกาศไว้ข้างต้น เพื่อให้สามารถผลิตเกมที่มีประสิทธิภาพสูงและคุณภาพสูงได้อย่างต่อเนื่อง

Capcom ยังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้ทุกคน โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการพัฒนาเกมชั้นนําของอุตสาหกรรม เพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกสนานอย่างยิ่ง

เกี่ยวกับ CAPCOM

Capcom เป็นผู้พัฒนา ผู้เผยแพร่ และผู้จัดจําหน่ายความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟชั้นนําระดับโลกสําหรับเกมคอนโซล พีซี อุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์ไร้สาย บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1983 และได้สร้างเกมหลายร้อยเกม รวมถึงแฟรนไชส์ที่ก้าวล้ำอย่าง Resident Evil™, Monster Hunter™, Street Fighter™, Mega Man™, Devil May Cry™ และ Ace Attorney™ Capcom มีการดําเนินงานในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และโตเกียว โดยมีสํานักงานใหญ่ตั้งอยู่ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Capcom ได้ที่ https://www.capcom.co.jp/ir/english/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54166378/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ของ Capcom

Daniel Levine

+81-6-6920-3623
daniel-levine@capcom.com

Yoshiko Ikeda

+81-6-6920-3623
yoshiko-ikeda@capcom.com

ที่มา: Capcom Co., Ltd..



Thai Herald

Thai Herald