รีสอทใหม่ New World Phu Quoc Resort จะเปิดให้บริการในปี 2564

Logo

ความร่วมมือระหว่าง New World Hotels & Resorts และ Sun Group จะเปิดตัวบ้านพักตากอากาศในจุดหมายปลายทางริมชายหาดชั้นนำของเวียดนาม

ฟู้โกว๊ก เวียดนาม–(บิสิเนสไวร์)–18 พ.ย. 2563

New World Hotels & Resorts ได้รับการแต่งตั้งจาก Sun Group ให้บริหาร New World Phu Quoc Resort (เดิมชื่อ Sun Premier Village Kem Beach Resort) บนเกาะฟู้โกว๊กทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยคาดว่าต้อนรับแขกรายแรกในปี 2564  ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสถานที่แห่งที่ 11 และรีสอร์ทแห่งที่สองที่จะเข้าร่วมพอร์ตโฟลิโอของ New World Hotels and Resorts ในทั่วเอเชีย  นอกจากนี้รีสอทแห่งที่สามในเวียดนามจะได้แก่ New World Saigon Hotel และ New World Hoiana Hotel ที่จะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201118005507/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

รีสอร์ตแบบวิลล่าทั้งหมดตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟู้โกว๊กบนพื้นที่เกือบ 60 เฮกตาร์บนริมชายหาด Kem Beach อันเลืองชื่อ ซึ่งเป็นแนวชายฝั่งรูปพระจันทร์เสี้ยวที่งดงามเป็นยาว 3.5 กม. ที่หันหน้าไปทางอ่าวไทย  โดยเป็นหมู่บ้านริมหาดสุดหรู รีสอร์ทแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับในการสำรวจความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของฟู้โกว๊ก ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีป่าไม้หนาแน่นแบ่งออกที่เป็นสองส่วนด้วยเทือกเขา “99 ยอด” และล้อมรอบด้วยชายหาดที่ดีที่สุดของโลก  เกาะมากกว่าครึ่งเป็นเขตสงวนชีวมณฑลขององค์การยูเนสโกและน้ำโดยรอบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล

ผู้เข้าพักสามารถเลือกวิลล่า 375 หลังในเจ็ดรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ขนาด 124 ตารางเมตรไปจนถึง Sun Beach Front Villa ขนาดใหญ่ 414 ตารางเมตร  วิลลาหลังคามุงจากทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว  วิลลาแต่ละหลังผสมผสานการออกแบบร่วมสมัยเข้ากับแนวคิดสถาปัตยกรรมเวียดนามที่ได้รับการยกย่องตามกาลเวลา  แต่ละหลังประกอบด้วยพื้นที่สามส่วนที่แยกจากกัน โดยได้รับอิทธิพจากลมทะเลและแสงแดดจากธรรมชาติ  ไม้ ไม้ไผ่ และหวายถูกรวมเข้ากับการตกแต่งภายในสไตล์เวียดนามที่หรูหราและมีสไตล์

ชายหาดส่วนตัว Kem Beach เป็นจุดดึงดูดสำหรับกีฬาทางน้ำ การพักผ่อนริมชายหาด และพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม  นอกจากนี้ ทางเดินที่คดเคี้ยวผ่านภูมิทัศน์สวนของรีสอร์ทนำผู้เข้าพักไปสู่ทางเลือกในการพักผ่อนหย่อนใจมากมาย รวมถึงสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ศูนย์ออกกำลังกาย และสตูดิโอสปาที่มี 16 ห้องทรีทเมนท์และโซนเด็กสำหรับนักพักผ่อนตัวน้อย

ร้านอาหารและบาร์ช่วยให้ผ่อนคลายในวันหยุดด้วยคาเฟ่ที่เปิดตลอดทั้งวัน ร้านอาหารพิเศษ บาร์ริมสระว่ายน้ำ และร้านอาหารริมชายหาดที่ให้บรรยากาศแบบเขตร้อนอันเขียวชอุ่มและทิวทัศน์ของเกาะ อาหารในภูมิภาค และอาหารนานาชาติ

“เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับความไว้วางใจของ Sun Group ที่มอบหมายให้เราการจัดการรีสอร์ทที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตแห่งนี้ในจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นแห่งนี้” Sonia Cheng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rosewood Hotel Group กล่าว “ที่แห่งนี้ทำให้เราสามารถแสดงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ของเราได้อย่างเต็มที่ ด้วยบริการเต็มใจท่ามกลางความสวยงามของฟู้ก๊วกและความอบอุ่นของผู้คน”

“ความร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในด้านการบริการไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มาเยือนเวียดนามเท่านั้น แต่ยังช่วยตอกย้ำจุดยืนของฟู้โกว๊กในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดระดับโลกด้วย” Dang Minh Truong ประธาน Sun Group กล่าว

บรรยากาศ สถานที่ และสไตล์  New World Phu Quoc Resort สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ทั้งหมดของเกาะเวียดนามที่เขียวชอุ่มที่จะครองใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก  นอกจากนี้ยังเป็นประตูสู่การสำรวจวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวเกาะที่น่าหลงใหลของฟู้โกว๊กที่รู้จักกันในนาม “เกาะไข่มุก” เช่นฟาร์มไข่มุก หมู่บ้านดั้งเดิม ตลาดที่คึกคัก เจดีย์ในพุทธศาสนา และไร่พริกไทยเป็นตัวอย่างสิ่งที่ชวนค้นพบที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึง nuoc cham น้ำปลาที่แพร่หลายในอาหารเวียดนามและอาหารทะเลที่ดีที่สุดในประเทศ

เกี่ยวกับ New World Hotels & Resorts

New World Hotels & Resorts เป็นธุรกิโรงแรมและรีสอร์ทที่เน้น MICE ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลักและเมืองรองในจีน ประตูหลักในเอเชีย และสถานที่พักผ่อนยอดนิยม  โรงแรม New World Hotels & Resorts ทั้งหมด 9 แห่งตั้งอยู่ในฮ่องกง ปักกิ่ง ต้าเหลียน กุ้ยหยาง อู่ฮั่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และโรงแรมในเครือในซุ่นเต๋อ  โรงแรมส่วนใหญ่มีห้องพักมากกว่า 350 ห้องพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ รวมถึงร้านอาหาร บริการธุรกิจ ห้องประชุมที่กว้างขวาง ชั้น Executive Club และตัวเลือกสันทนาการ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม newworldhotels.com

เกี่ยวกับ Rosewood Hotel Group

Rosewood Hotel Group หนึ่งในบริษัทโรงแรมชั้นนำของโลกประกอบด้วยสามแบรนด์ ได้แก่ Rosewood Hotels & Resorts® สุดหรูในอเมริกาเหนือ แคริบเบียน/แอตแลนติก ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย  โรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกแห่งใหม่ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ KHOS แบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ธุรกิจระดับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง  ผลงานที่รวมกันประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 40 แห่งใน 19 ประเทศ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม rosewoodhotelgroup.com

เกี่ยวกับ Sun Group

Sun Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 เป็นหนึ่งในกลุ่มเศรษฐกิจเอกชนชั้นนำในเวียดนามซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเวียดนาม  Sun Group เป็นเจ้าของแบรนด์ Sun World, Sun Hospitality และ Sun Property และเพิ่งได้รับรางวัล World Travel Awards 25 รางวัลสำหรับโครงการด้านการท่องเที่ยว ความบันเทิง และโครงสร้างพื้นฐาน  โครงการโรงแรมที่มีชื่อเสียงในฟู้ก๊วกได้ยกระดับจุดหมายปลายทางสู่ระดับโลกและมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นและสวัสดิภาพของชาวเกาะ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม sungroup.com.vn

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201118005507/en/

ติดต่อ:

Florence Chan
Rosewood Hotel Group
โทร: +852 2138 2262
อีเมล: florence.chan@rosewoodhotelgroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Novo Nordisk ประเทศไทยได้รับการรับรองให้เป็น “สถานที่ทำงานที่ดีที่สุด หรือ Best Place to Work” ในปี 2563

Logo

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–18 พ.ย. 2563

Novo Nordisk ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านการดูแลผู้ป่วยเบาหวานมากว่า 90 ปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน บริษัท ที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานในประเทศไทยในปี 2563 บริษัทนำเสนอวัฒนธรรมที่ได้รับรางวัลความก้าวหน้า โอกาสการฝึกอาชีพ การให้คำปรึกษาระดับสูง โครงการด้านสุขภาพ และการค่าตอบแทนที่ดี ส่งผลให้ได้เป็นหนึ่งในนายจ้างในประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากลูกจ้างมากที่สุด โดยจากผลสำรวจพบว่า 92% ของพนักงานกล่าวว่าที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทำงาน เมื่อเทียบกับ 80% ที่สถานที่ทำงานในไทยอื่น ๆ ได้รับจากพนักงาน

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานในประเทศไทย” John Dawber, GM ของ Novo Nordisk ประจำประเทศไทยกล่าว "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงกับผลลัพธ์นี้ เพราะนี่มาจากคำตอบที่ผู้ตอบไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่รวบรวมจากพนักงานที่มีค่าของเรา เราทำงานอย่างหนักทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้จัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่พนักงานของเราสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ที่พวกเขาทำงานและที่ที่เขาประสบความสำเร็จได้  รางวัลนี้ถือเป็นการยกย่องการมีส่วนร่วมของพนักงานของเราทุกคน”

“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมครอบครัวที่พนักงานของเราทุกคนเติบโต การเข้าร่วมโครงการนี้มีความสำคัญเนื่องจากการให้ข้อเสนอแนะที่มีคุณค่าแก่เราในแง่ของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ตลอดจนถึงการเป็นพื้นที่ที่เราสามารถพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานต่อไป พนักงานของเราคือกระดูกสันหลังของความสำเร็จและเราขอขอบคุณทุกคนสำหรับการมีส่วนร่วมอย่างมากในวัฒนธรรมของ บริษัทของเรา”  Vera Bakirova, ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Novo Nordisk Thailand กล่าว

“แม้จะมีการหยุดชะงักซึ่งเกิดจากการระบาดของโรค แต่ Novo Nordisk ประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จในการได้รับความไว้วางใจจากพนักงานของพวกเขา ช่วยสร้างวัฒนธรรมในการทำงานที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่น”  Hamza Idrissi, ผู้จัดการโครงการสำหรับภูมิภาค APAC.

เกี่ยวกับโครงการ BEST PLACES TO WORK PROGRAM

Best Places To Work คือโครงการการรับรองระดับโลกสำหรับสถานที่ทำงานชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก การประเมินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราจะวิเคราะห์ความน่าดึงดูดใจของบริษัท ผ่านกระบวนการสองขั้นตอนโดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยในสถานที่ทำงาน 8 ประการ ซึ่งรวมถึง วัฒนธรรม ความเป็นผู้นำ โอกาสในการเติบโต และการปฏิบัติของผู้คน นอกเหนือจากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานแล้วเรายังดำเนินการประเมินด้านทรัพยากรบุคคลโดยเน้นที่การปฏิบัติด้านทรัพยากรบุคคลที่นำมาใช้ในองค์กรเทียบกับมาตรฐานกรอบงานด้านบุคลากรของเราที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้ในระดับที่เป็นผู้นำตลาดและการยกระดับนวัตกรรม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.bestplacestoworkfor.org

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201117006152/en/

สำหรับสื่อ:

Grace Kelly

อีเมล: grace@bestplacestoworkinasia.com

โทร: +65 3159 1167

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รางวัลทรงเกียรติ Jonathan B. Postel Service Award มอบให้ Onno W. Purbo

Logo

รางวัลนี้ยกย่องผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซีย

กรุงเทพฯ–(บิสิเนสไวร์)–18 พฤศจิกายน 2020

The Internet Society องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ส่งเสริมการพัฒนาและการใช้อินเทอร์เน็ตแบบเปิดกว้าง เชื่อมต่อกับทั่วโลก และปลอดภัยได้มอบรางวัลอันทรงเกียรติ Jonathan B. Postel Service Award แก่ Onno W. Purbo สำหรับผลงานด้านเทคนิคที่ยั่งยืนและสำคัญ ความเป็นผู้นำ และการบริการแก่ชุมชนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

รางวัลนี้มีชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ Jonathan Postel ผู้เป็นตำนานด้านเทคนิคในวงการ โดยยกย่องบุคคลที่ไม่ธรรมดาเช่นคุณ Purbo ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีการเติบโตและความแข็งแกร่งของอินเทอร์เน็ต

Mr. Purbo เป็นที่รู้จักในนาม “ผู้ปลดล๊อคอินเทอร์เน็ตของอินโดนีเซีย” คุณ Purbo เป็นผู้สนับสนุนอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยราคาที่ไม่แพง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทของอินโดนีเซีย

"การสนับสนุนของคุณ Purbo ในภาคดิจิทัลเป็นสิ่งล้ำค่าและรางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของเขาและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น  ความคิดริเริ่มของเขาในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายชุมชนได้นำมาสู่การเติบโตของอินเทอร์เน็ตที่ราคาไม่แพงและการเข้าถึงได้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วอินโดนีเซีย  ผมมั่นใจว่ารางวัลนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเดินตามรอยเท้าของเขาและเอาชนะความท้าทายในชุมชนของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปรับปรุงระบบดิจิทัล” Johnny Plate รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของอินโดนีเซียกล่าว

จากความสำเร็จมากมายของเขา คุณ Purbo เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซียผ่านการใช้เทคโนโลยีไร้สายและ Voice over Internet Protocol   เขาเป็นผู้นำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตครั้งแรกที่สถาบันเทคโนโลยีในบันดุงและสร้างเครือข่ายการศึกษาของชาวอินโดนีเซียแห่งแรก  นอกจากนี้เขายังสนับสนุนการยกเลิกกฎระเบียบของความถี่ Wi-Fi และได้ก่อตั้งไซเบอร์คาเฟ่ เครือข่ายชุมชน และเครือข่ายเซลลูลาร์ชุมชนในอินโดนีเซีย  คุณ Purbo ได้จัดระเบียบเครือข่ายโทรศัพท์ชุมชนผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกและเป็นผู้นำ ICT กลับมาใช้ในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายของชาวอินโดนีเซีย  ปัจจุบันเขามีส่วนร่วมในบริการอีเลิร์นนิงฟรีที่ใหญ่ที่สุดในชาวอินโดนีเซีย ซึ่งนำเสนอหลักสูตรมากกว่า 700 หลักสูตรให้กับนักเรียนเกือบ 40,000 คนและได้ฝึกอบรมครูมากกว่า 8,000 คนในการดำเนินงานอีเลิร์นนิง

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องที่สูงและล้ำค่าจากชุมชนอินเทอร์เน็ตของอินโดนีเซีย คุณ Purbo กล่าว “ด้วยการดัดแปลงอุปกรณ์ที่เรียบง่าย เรามีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและความรู้ซึ่งเป็นรากฐานที่จำเป็นสำหรับทุกชาติที่จะก้าวไปข้างหน้า  The Internet Society ยอมรับว่าแนวทางดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับแนวทางอินเทอร์เน็ตสำหรับทุกคน  อย่างไรก็ตามภารกิจนี้ยังไม่เสร็จสิ้น  รางวัล Postel Service Award ชี้ให้เห็นถึงหนทางแก่พวกเราทุกคนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับความกระตือรือร้นในการก้าวไปสู่สังคมแห่งความรู้”

คุณ Purbo ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงซึ่ง ประกอบด้วยอดีตผู้ได้รับรางวัล Jonathan B. Postel ซึ่งรวมถึงผู้มีวิสัยทัศน์ทางอินเทอร์เน็ตและผู้ทรงคุณวุฒิ  โดยเป็นปีที่ 21 รางวัล Postel Award ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย Internet Society เพื่อให้เกียรติประชาชนและองค์กรที่สนองจิตวิญญาณของ Jonathan Postel ซึ่งอิทธิพลทางเทคนิคของเขาเป็นหัวใจสำคัญของหลาย กระบวนการที่ทำให้อินเทอร์เน็ตทำงานได้  Andrew Sullivan ประธานและซีอีโอของ Internet Society จะมอบรางวัลซึ่งรวมถึงเงินสนับสนุน US$20,000 และรูปโลกคริสตัลในพิธีเสมือน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม 109th Internet Engineering Task Force (IETF) Meeting ที่เกิดขึ้นในวันที่ 16-20 พฤศจิกายน 2563

เกี่ยวกับ Internet Society

ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดยผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ต Internet Society เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ทำงานเพื่อให้อินเทอร์เน็ตเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับทุกคน  โดยผ่านชุมชน สมาชิกกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ และ 120+ สมาคมทั่วโลก องค์กรปกป้องและส่งเสริมนโยบายอินเทอร์เน็ต มาตรฐาน และโปรโตคอลที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเปิดกว้าง เชื่อมต่อกับทั่วโลก และปลอดภัย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม: internetsociety.org

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201117006053/en/

ติดต่อสื่อ:
Allesandra deSantillana
Internet Society
desantillana@isoc.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch: ความไม่แน่นอนในการลงทุนและพลังงานหมุนเวียนสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย

Logo

ความยืดหยุ่นในการปรับตัว ความสามารถในการจับจ่าย และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมในเอเชีย

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย (18 พ.ย. 2563) – ความไม่แน่นอนของการลงทุนที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและพลังงานหมุนเวียน เป็นสองความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชียในปัจจุบันนี้ จากรายงาน Strategic Directions: Electric Industry Asia 2563 ครั้งแรกของ Black & Veatch

จากข้อมูลที่ได้จากผู้นำระดับอาวุโสในอุตสาหกรรมพลังงาน ในรายงานชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุลระหว่างความสามารถในการจับจ่าย กับแรงกดดันในการลดปริมาณคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า ในขณะเดียวกันต้องสร้างระบบที่เชื่อถือได้และมีความหยืดหยุ่นที่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ สภาพอากาศที่รุนแรง และความไม่ต่อเนื่องของพลังงานหมุนเวียน

สิ่งที่เป็นภัยต่อประสิทธิภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ในตลาดไฟฟ้าในเอเชีย ได้แก่ :

  1. การลงทุนด้านกำลังการผลิตเครือข่ายไม่ทันกับความต้องการ
  2. การลงทุนที่น้อยเกินไปในเครือข่ายการส่งกระแสไฟที่เชื่อถือได้
  3. การนำพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ต่อเนื่องมาใช้มากเกินไป
  4. ความจุในการจัดเก็บพลังงานไม่เพียงพอ
  5. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ.

“การจัดหาเงินทุนและการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ เนื่องจากเรายังคงดำเนินการอยู่ในช่วงที่ได้รับผลกระทบของ COVID-19” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการของ Black & Veatch, Asia Power Business กล่าว “เราเห็นความจำเป็นในการใช้โซลูชันแบบบูรณาการมากขึ้นในการผลิต การส่งและการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการขยายตัวของโรงไฟฟ้าระบบเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติและการกักเก็บพลังงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการใช้พลังงาน”

การลงทุนที่จะเติบโตแบบเห็นได้ชัดที่สุด สำหรับกำลังการผลิตใหม่ ๆที่จะเกิดขึ้นในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ในรูปแบบพลังงานหมุนเวียน ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ (บนพื้นดิน), การกักเก็บพลังงาน, พลังงานแสงอาทิตย์ (แบบลอยน้ำ), ลม (นอกชายฝั่ง) และไมโครกริด ซึ่งจะเป็นห้าอันดับแรกของการลงทุน ต้นทุนของพลังงานที่ถูกลงถูกมองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนโดยมีการปรับปรุงเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์โฟโตวอลเทอิก  (PV) แบบสองหน้าและการจัดแผงที่มีความล้ำหน้ามากขึ้นจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วโลก

นอกจากนี้ยังคาดว่าอนาคตของการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจะดำเนินไปอย่างน้อยถึงปี 2578 โดย 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าก๊าซจะยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงข่ายไฟฟ้า ในขณะที่มีเพียง 18 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นว่าถ่านหินจะยังคงมีบทบาทคล้ายกันในการผลิตไฟฟ้า บ่อยครั้งที่เราเห็นการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย ก๊าซจะทำหน้าที่เป็นพลังงานพื้ฐานหลักในการผลิตไฟฟ้าเพื่อสร้างเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าควบคู่ไปกับการใช้งานระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์เอาไว้

“อุตสาหกรรมคาดว่าการลงทุนระยะใกล้จะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ แทนที่จะเป็นการสร้างใหม่ หรือแม้แต่การเลื่อนการลงทุนออกไป” Harry Harji รองประธานฝ่ายที่ปรึกษาด้านการจัดการของ Black & Veatch ในเอเชีย “ COVID-19 ป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล, ระบบควบคุมตรวจสอบจากระยะไกล และแนวทางการบริหารจัดการสินทรัพย์ร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนในปี 2564 หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาล (66%) ยังคงถูกมองว่าเป็นตัวแทนที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของพวกเขาในอีกหลายเดือนข้างหน้า สำหรับข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Electric Industry Asia 2564 ดาวน์โหลดที่นี่

คลิกที่นี่ และ ที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดภาพประกอบ

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • Strategic Directions: Electric Industry Asia 2564 เป็นรายงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Black & Veatch เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย รายงานนี้ได้ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมอาวุโสในอุตสาหกรรม 35 คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบธุรกิจในพื่นที่ครอบคลุมเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ / หรือเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ถึง 21 สิงหาคม 2563
  • ซีรีย์รายงานการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ Black & Veatch ให้ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมโดยอ้างอิงกับการวิจัยชั้นนำของตลาด ประกอบด้วยรายงานประจำปีหลายฉบับ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ น้ำและไฟฟ้า   โดยทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่มีความสำคัญ รวมถึงความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ เยี่ยมชม http://bv.com/reports เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษาและการก่อสร้างที่มีพนักงานเป็นเจ้าของซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เราได้ช่วยทำให้ชีวิตผู้คนในกว่า 100 ประเทศดีขึ้น ด้วยการจัดการกับความสามารถในการฟื้นฟูและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของโลก รายได้ของเราในปี 2562 อยู่ที่ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ติดต่อสำหรับสื่อ

EMILY CHIA

+65 6761 3511 p

+65 9875 8907 m

ChiaLP@BV.com

ฮอตไลน์สำหรับสื่อติดต่อ 24 ชั่วโมง

+1 866 496 9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

APRU Quarantunes การแข่งขันที่ช่วยสารสัมพันธ์และยกระดับชุมชนของนักเรียนผ่านดนตรีที่กระตุ้นจิตวิญญาณในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19

Logo

ผู้ชนะจากฮ่องกง ไต้หวัน เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา โคลอมเบียและเกาหลีใต้ ร่วมกันส่งเสริมด้านการมีสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–17 พ.ย. 2563

เพื่อเป็นการนำนักศึกษานานาชาติมารวมตัวกัน โดยการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และแบ่งปันเชิงบวกในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ เช่นตอนนี้ ทาง Association of Pacific Rim Universities (APRU) จึงได้เปิดตัวการแข่งขันดนตรีของนักศึกษาที่มีชื่อโครงการว่าการแข่งขัน Quarantunes โดยการแข่งขัน Quarantunes ซึ่งจัดขึ้นโดย APRU Plus ซึ่งเป็นศูนย์กลางออนไลน์ (online hub) ที่ได้เปิดตัวขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายในช่วง COVID นี้ ได้รับผลงานส่งเข้าประกวดจำนวนกว่า 108 ผลงาน จากนักศึกษากว่า 13 เขตเศรษฐกิจทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยทีมที่ชนะรางวัลสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของนักเรียนจากนานาชาติ โดยในกลุ่มนี้มีผลงานชั้นนำจากทีมนักศึกษาจากฮ่องกง ไต้หวันเม็กซิโก ฟิลิปปินส์ แคลิฟอร์เนีย (สหรัฐอเมริกา) โคลอมเบีย และเกาหลีใต้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201116006114/en/

เนื่องจากแทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวของนักเรียนต่างชาติ ประกอบกับการที่ห้องเรียนในรูปแบบปกติหยุดชะงักไป นักเรียนจึงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในการเรียนและประสบการณ์ในมหาวิทยาลัย โดยจากข้อมูลการศึกษาที่ดำเนินการในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาของกลุ่มวิจัยระดับอุดมศึกษาซึ่งรวมถึงสมาชิก APRU University of California, Berkeley พบว่า 35% ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมีอาการโรคซึมเศร้า ในขณะที่ 39% มีอาการวิตกกังวลทั่วไปซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก ด้วยความวิตกกังวลที่แพร่หลายไปทั่วมหาวิทยาลัยทั่วโลก APRU Plus จึงมอบโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานร่วมกันเพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการห่างเหินทางสังคม

การแข่งขัน Quarantunes ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวคิดในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการอภิปรายเกี่ยวกับความสำคัญของสุขภาพจิตในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้  ทำให้นักเรียนมีวิธีใหม่ในการรับมือกับความโดดเดี่ยวและสามารถมารวมตัวกันเพื่อผลิตผลงานดนตรีที่ช่วยส่งต่อความรู้สึกเชิงบวก เพลงที่นักเรียนส่งมาแต่ละเพลงบอกเล่าเรื่องราวของ COVID ที่ไม่เหมือนใครซึ่งช่วยให้เราสามารถมองข้ามความลำบากในปัจจุบันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้มีความหวังสำหรับอนาคต

"'Get Down' เป็นเพลงที่ผสมผสานระหว่างความไพเราะดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและเนื้อเพลงที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เราหวังว่าเราจะนำเสนอโลกในแบบที่มันเป็นจริง ๆ แต่ก็แฝงความขี้เล่นเอาไว้ โลกซึ่งผู้คนรับทราบข้อบกพร่องของสังคม แต่ก็ยังคงมองโลกในแง่ดี และเชื่อมั่นในอนาคตที่สดใสกว่านี้” – ทีม National Taiwan University andThe Chinese University of Hong Kong team กล่าว

ดู วิดีโอไฮไลต์ และ วิดีโอที่ชนะ :

  • รางวัลชนะเลิศ (เสมอกัน)
    • “Get Down”  จาก National Taiwan University and The Chinese University of Hong Kong
    • “Sonos Más” จาก Tecnológico de Monterrey
  • รางวัลที่สาม
    • “Six Feet Apart” จาก University of the Philippines
  • รางวัลพิเศษ
    • “Golden Girl” จาก University of Southern California
    • “Homenaje a Lucho Bermúdez”  จาก Universidad de los Andes
    • “We're All Heroes” จาก Yonsei University

เพื่อเชื่อมโยงนักเรียนนานาชาติมากขึ้น APRU ยังเสนอโครงการ APRU Virtual Student Exchange (VSE) ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษในการเชื่อมต่อกับเพื่อนจากทั่วโลกเพื่อเรียนรู้ความรู้และทักษะใหม่ ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวัฒนธรรมและพัฒนาความสัมพันธ์ที่สำคัญต่อความสำเร็จ คลิก ที่นี่ เพื่ออ่านเพิ่ม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201116006114/en/

ติดต่อ:

APRU: Jack Ng jack.ng@apru.org

PLUG: Marisa Lam marisa@plug.agency

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks ติดอันดับในรายงาน Magic Quadrant ด้าน Network Firewall เป็นครั้งที่ 7

Logo

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2563

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันความปลอดภัยบนเครือข่ายสำหรับองค์กรและการจัดการความเสี่ยงชั้นนำ ประกาศรั้งตำแหน่งหัวแถวในรายงาน Gartner Magic Quadrant ด้าน Network Firewall จากปัจจัยด้านขีดความสามารถในกลุ่ม Niche Player

“มีคนกล่าวไว้ว่าการฝึกฝนทำให้เกิดความชำนาญ” Tim Liu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “เราได้รับการจัดอันดับในรายงาน Magic Quadrant ด้าน Network Firewall 7 ปีต่อเนื่อง (2 ปีต่อเนื่องในรายงาน Critical Capabilities ซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน) เรามองว่าการทำตามสัญญาที่จะยืนหยัดร่วมกับลูกค้าในการป้องกันเครือข่ายของพวกเขาที่ช่วยให้เราเป็นหนึ่งเดียวคือพันธกิจอันแน่วแน่และพันธกิจหลักของเรา”

พอร์ตโฟลิโออันแข็งแกร่งของ Hillstone ครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาเกี่ยวกับกรณีและสถานการณ์การใช้งานต่าง ๆ การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายโดยใช้เทคโนโลยีสำหรับตลาดกลุ่มย่อย รวมถึงกลยุทธ์อันมุ่งมั่นซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ระบบคลาวด์มาตั้งแต่เริ่มต้น

  • โซลูชัน Hillstone Intelligent Breach Prevention ประกอบด้วย Hillstone iNGFW และ sBDS เป็นโซลูชันป้องกันภัยคุกคามตลอดวงจรซึ่งสามารถป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง ปกป้องทรัพยากรที่มีความสำคัญสูง และร่นระยะเวลาระหว่างภัยคุกคามและการตรวจจับ
  • โซลูชัน Hillstone Data Center Protection ประกอบด้วย Hillstone Data Center NGFW และ Micro-segmentation solution CloudHive เป็นโซลูชันที่ให้การป้องกันด้านความมั่นคงปลอดภัยแบบ L2~L7 และการันตีถึงความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจสำหรับศูนย์ข้อมูลที่มีความทันสมัย
  • โซลูชัน Hillstone Secure SD-WAN ช่วยให้องค์กรที่มีหลายสาขาสามารถติดตั้งเครือข่าย VPN ที่ปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานที่ เพื่อยกระดับการใช้งานของผู้ใช้โดยไม่ทำให้ความปลอดภัยลดลง

ด้วยองค์กรกว่า 18,000 แห่งที่ได้รับการปกป้องดูแลโดยโซลูชันของ Hillstone ในปัจจุบัน เราเชื่อว่าเหตุผลที่ลูกค้าเลือกโซลูชันของเรา และเหตุผลที่ทำให้เราได้รับการยอมรับนั้นเห็นได้ชัดเจน

*: การ์ทเนอร์, รายงาน Magic Quadrant ด้านเน็ตเวิร์กไฟร์วอลล์, Rajpreet Kaur, Adam Hils, Jeremy D’Hoinne, 9 พฤศจิกายน 2563

การ์ทเนอร์ไม่ได้ให้การรับรองผู้ผลิต สินค้า หรือบริการใด ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานวิจัยของบริษัทฯ และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เลือกใช้เทคโนโลยีของผู้ผลิตที่จัดอยู่ในอันดับสูงสุด รายงานวิจัยของการ์ทเนอร์ประกอบด้วยความคิดเห็นของฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ และไม่ควรถือว่าเป็นการระบุข้อเท็จจริง การ์ทเนอร์ขอปฏิเสธการรับประกันใด ๆ ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันเกี่ยวกับความสามารถในการจัดจำหน่าย หรือความเหมาะสมสำหรับจุดประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับองค์กรและการจัดการความเสี่ยงโดย Hillstone Networks มาพร้อมทัศนวิสัย ความอัจฉริยะ และระบบป้องกันที่จะสร้างความมั่นใจให้องค์กรว่าพวกเขาสามารถมองเห็นอย่างรอบด้าน เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันของ Hillstone ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลกหลายแห่งสามารถปกป้องอุปกรณ์ทั้งระบบเอดจ์และคลาวด์ขององค์กร พร้อมช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของในขณะเดียวกัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Zeyao Hu
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zeavola Resort ได้ลงนามในปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของ UNESCO ในฐานะหนึ่งในโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 พ.ย. 2563

Wedge Holdings มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า  Zeavola Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูที่กลุ่มบริษัทของเราเป็นเจ้าของและตั้งอยู่บนเกาะพีพีประเทศไทย เป็นหนึ่งในโรงแรมแรก ๆ ที่ลงนามปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Pledge) กับองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( UNESCO)  โดยได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการและ มีข้อมูลปรากฎบนเว็บไซต์ของยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว

ปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นโครงการของ UNESCO ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ Expedia Group เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวทั่วโลกโดยเริ่มจากประเทศไทย ทั้งนี้ โรงแรมสมาชิกจะดำเนินงานในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะลดการใช้พลาสติกและการมีโครงการริเริ่มด้านการท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระหว่างประเทศที่กำหนดไว้ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) จากคำชี้แนะขององค์การสหประชาชาติ

Zeavola Resort เป็นผู้บุกเบิกด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศไทยมายาวนาน โดยสื่อได้เขียนบทความเกี่ยวกับ Zeavola Resort หลายบทความ และโรงแรมได้รับรางวัลด้านโรงแรมมากมายสำหรับแนวทางการจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

*บทความ: Zeavola Resort ได้รับรางวัลด้านโรงแรม 3 รางวัลติดต่อกันในหนึ่งเดือน (2562)

https://www.carrushome.com/en/zeavola-resort-in-thailand-wins-three-awards-in-a-month/

https://latteluxurynews.com/2019/11/12/zeavola-resort-scoops-suite-of-awards/

จากความพยายามดังกล่าวทำให้ Zeavola กลายเป็นหนึ่งในโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ หลังจากนั้นโรงแรมอีกหลายแห่งก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้และ Zeavola Resort ก็มีชื่อปรากฏบนเว็บไซต์ของ UNESCO ในฐานะโรงแรมสมาชิก

(https://unescosustainable.travel/en/zeavola-resort)

ขณะนี้ Zeavola Resort เปิดรับการจองผ่านเว็บไซต์ของตัวเองและผ่านเว็บไซต์จองโรงแรมหลัก ๆ ทั้งหมด และยังเสนอแพ็คเกจที่น่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายตลาดการท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่อไปนี้

เว็บไซต์ทางการของ Zeavola Resort: https://www.zeavola.com/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201115005020/en/

ติดต่อ:

Wedge Holdings Co., Ltd

ติดต่อ PIC: Yasuhiro Kotake

โทร: +81-3-6225-2207

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นักวิจัยของ NTHU ค้นพบดัชนีชี้วัดทางชีวภาพตัวใหม่สำหรับมะเร็งกระเพาะอาหาร เพื่อการบำบัดที่ปรับแต่งได้

Logo

ซินจู๋  ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2563

ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ Wang Wen-ching จากสถาบันชีววิทยาระดับโมเลกุลและเซลล์มหาวิทยาลัย National Tsing Hua (NTHU) ได้ใช้ประโยชน์จากพลังของข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ big data เพื่อระบุตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สำคัญสองตัวที่มีส่วนในการก่อตัวและการแพร่กระจายของมะเร็งกระเพาะอาหาร ด้วยการใช้ยาที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ทีมได้ทำการบำบัดแบบกำหนดเป้าหมายซึ่งสามารถกำจัดการเติบโตของเนื้องอกและยับยั้งการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปูทางไปสู่การบำบัดแบบใหม่ งานวิจัยของพวกเขาได้รับการตีพิมพ์ในฉบับล่าสุดของ Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States.

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201113005183/en/

Professor Wang Wen-ching (left) of the Institute of Molecular and Cellular Biology and Dr. Tseng Linlu researching a new treatment for gastric cancer. (Photo: National Tsing Hua University)

ศาสตราจารย์ Wang Wen-ching (ซ้าย) จากสถาบันชีววิทยาโมเลกุลและเซลล์และ ดร. Tseng Linlu ค้นคว้าวิธีการรักษามะเร็งกระเพาะอาหารแบบใหม่ (ภาพ: National Tsing Hua University)

ค้นหาวิธีใหม่ในการรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร

มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 5 ของโลกและเป็นมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับสองเนื่องจากการรักษาที่ทรหดและยากสำหรับผู้ป่วยจำนวนมาก Wang กล่าวว่า เวลาที่คนจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เซลล์มะเร็งก็มักจะได้แพร่กระจายไปแล้ว

Wang กล่าวว่าจนถึงขณะนี้มียาเป้าหมายเพียงตัวเดียว (Her 2 therapy) ที่สามารถรักษามะเร็งกระเพาะอาหารได้และเหมาะสำหรับผู้ป่วยน้อยกว่า 20% ทั่วโลกเท่านั้น ในไต้หวันตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 8% ทีมงานของ Wang กำลังทำงานเพื่อคลี่คลายกลไกที่เป็นรากฐานของการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและค้นหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพใหม่โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาการบำบัดแบบใหม่

การเบรกมะเร็งกระเพาะอาหาร

Wang อธิบายว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เซลล์มะเร็งกระเพาะอาหารแพร่กระจายคือความไร้ประสิทธิผลของโปรตีนฟอสฟาเตสและเทนซินโฮโมโลกัล (PTEN) ซึ่งเป็นโปรตีนยับยั้งเนื้องอกซึ่งทำหน้าที่เหมือนเบรค เมื่อเบรคล้มเหลวแล้ว เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายขยายตัวและเติบโตเป็นเนื้องอกระยะลุกลามที่เป็นอันตราย งานแรกของทีมคือการหาสาเหตุของ “เบรกล้มเหลว” ตัวนี้

ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่า 300 รายและใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) เพื่อหาเส้นทางทางชีววิทยาที่นำไปสู่การลุกลามของมะเร็งจากยีนมากกว่า 30,000 ยีน พวกเขาค้นพบว่าเอนไซม์ทั้งสองได้แก่ PHF8 และ PKCα มีบทบาทสำคัญในการไขปริศนานี้ เอนไซม์นิวเคลียร์ PHF8 แพร่หลายในเนื้อเยื่อมะเร็งกระเพาะอาหารประมาณ 40% และทำให้ PKCα พุ่งสูงขึ้นทำให้เกิดการสูญเสีย PTEN ทำให้เกิด “เบรกล้มเหลว”

โชคดี ที่กิจกรรมของ PKCα สามารถถูกยับยั้งได้โดยยา midostaurin ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็งในการรักษามะเร็งในเลือดที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเมื่อสามปีก่อน ทีมงานใช้แบบจำลองจากปลาม้าหลายและหนูเพื่อพิสูจน์หลักฐานว่าการรักษา midostaurin สามารถลดขนาดเนื้องอกและลดการแพร่กระจายของมะเร็ง

Wang กล่าวว่าความก้าวหน้าในการค้นหาการบำบัดที่แม่นยำนั้นเกิดจากความร่วมมือแบบสหวิทยาการ Tseng Linlu ผู้ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากการฝึกอบรมด้านการแพทย์ระดับโมเลกุลและชีวสถิติที่ NTHU ดร. Yeh Ta-sen ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาล Chang Gung Memorial ใน Linkou, Dr Yuh Chiou-hwa จากสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติและ  Kung Hsing-jien  จาก Academia Sinica 

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201113005183/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh

National Tsing Hua University

(886)3-5162006

hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Graforce และ Berlin Hotel เปิดตัวเทคโนโลยีการปล่อยสาร CO2 ติดลบ

Logo

เบอร์ลิน–(บิสิเนสไวร์)–13 พ.ย. 2563

โรงแรม Mercure Hotel MOA Berlin จะกลายเป็นโรงแรมและสถานที่จัดงานแห่งแรกของโลกที่มีค่า CO2 ติดลบเวลาสร้างความร้อน  ด้วยเทคโนโลยีพลาสมาไลซิสของก๊าซมีเทนที่พัฒนาโดย Graforce ทาง MOA เบอร์ลินจะไม่เพียงแต่สร้างความร้อนโดยไม่ปล่อยมลพิษใดๆ แต่ยังสามารถดึง CO2 ออกจากชั้นบรรยากาศในขณะที่ให้ความร้อน  ดังนั้นเทคโนโลยี "MOA-H2eat" จึงเพิ่งได้รับรางวัล German Gas Industry Innovation Prize เนื่องจาก "แนวทางที่ปฏิวัติตลาดเครื่องทำความร้อนและมีส่วนช่วยในการลดคาร์บอนแบบในท้องถิ่น" คณะกรรมการตัดสินกล่าว

Graforce's "MOA-H2eat" solution will revolutionize the heating market (Graphic: Business Wire)

"MOA-H2eat" ของ Graforce จะปฏิวัติตลาดเครื่องทำความร้อน (กราฟฟิค: บิสิเนสไวร์)

MOA Berlin ไม่ได้สร้างความร้อนด้วยก๊าซธรรมชาติอีกต่อไป แต่สร้างจากไฮโดรเจนโดยใช้ก๊าซชีวภาพ  เทคโนโลยีพลาสมาไลซิสของมีเทนแยกก๊าซชีวภาพออกเป็นไฮโดรเจนและคาร์บอนที่เป็นของแข็ง  การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน กระบวนการพลาสมาไลซิสของก๊าซมีเทนนั้นเป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส แต่ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าอย่างมาก

สำหรับกระบวนการทำความร้อนแบบปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ MOA Berlin ใช้หม้อไอน้ำกลั่นตัวดัดแปลงที่เติมเชื้อเพลิงจากส่วนผสมของไฮโดรเจนสีเขียวและก๊าซชีวภาพ  อัตราการผสมจะถูกควบคุมโดยพลาสมาไลเซอร์ของมีเทน  การผลิตความร้อนเริ่มต้นด้วยไฮโดรเจนปริมาตร 30% และก๊าซชีวภาพ 70%  ในเดือนต่อๆ ไปส่วนแบ่งของไฮโดรเจนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

คาร์บอนที่เป็นของแข็ง สามารถใช้เป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม ใช้เป็นสีและเซรามิกส์ หรือในกรณีของ MOA Berlin ใช้ผลิตยางมะตอย  ดังนั้น CO2 จึงถูกก่อตัวอย่างถาวร  ด้วยเหตุนี้ Graforce นำเสนอเทคโนโลยีที่พร้อมใช้ในตลาดเป็นครั้งแรกสำหรับการลด COและเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับแทนการจัดเก็บ CCS

เครื่องทำความร้อนก๊าซที่ใช้ใน MOA Berlin ก่อนหน้านี้จะปล่อย CO2 ถึง 800 ตันต่อปี การจะดูดซับปริมาณนี้จากชั้นบรรยากาศจำเป็นต้องมีต้นไม้มากกว่า 65,000 ต้น

"ในการลดภาวะโลกร้อน กระบวนการสร้างความร้อนและน้ำร้อนจำเป็นต้องปราศจาก CO2  อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2593 โดยมีสองวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายนี้: เราจะให้ความร้อนด้วยไฟฟ้าหมุนเวียนเท่านั้นหรือเราจะแยกก๊าซธรรมชาติออกด้วยทางเลือกที่ปราศจากคาร์บอนเช่นไฮโดรเจน" ผู้ก่อตั้ง Graforce และ CTO Dr. Jens Hanke อธิบาย

เกี่ยวกับ

บริษัท Graforce ของเยอรมันได้พัฒนาเทคโนโลยีการใช้งานพลาสม่าใหม่สำหรับการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและก๊าซที่มีค่าอื่นๆ ในอุตสาหกรรมในราคาไม่แพงจากวัสดุเหลือใช้ www.graforce.com/EN

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52324006/en

ติดต่อ:

Graforce GmbH
Dr. Jens Hanke
โทร: +49 30 – 63 2222-110
presse@graforce.de

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Florasis ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศจีน เปิดตัวบนหน้าจอขนาดใหญ่ MBK ในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2563

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การแต่งหน้าแบบจีนและแบรนด์เครื่องสำอางจีนเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย ในบรรดาแบรนด์เครื่องสำอางยอดนิยมของประเทศจีน แบรนด์ Florasis มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

เมื่อเร็ว ๆ นี้  ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Florasis  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection" เปิดตัวบนจอขนาดใหญ่ MBK ในกรุงเทพฯ  หลังจากนี้  China Beauty ฮอตมาก  ผลิตภัณฑ์ชุดนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Florasis,  Jiaqi Li ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวแฟชั่นชื่อดังในประเทศจีนและช่างเครื่องเงินแม้วจีน แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของการแต่งหน้าแบบจีนและความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน

ผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับแวดวงความงามจะพบแน่นอน   ชุด  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ได้จุดประกายการพูดคุยกันบ่อยครั้งบนแพลตฟอร์มโซเชียลเช่น Instagram และ YouTube ตั้งแต่เดือนตุลาคม ชาวเน็ตหลายคนกล่าวว่า "ว้าว! ฉันอยากรู้ว่าจะซื้อได้ที่ไหน"  "ผลิตภัณฑ์ของ Florasis มีคุณภาพสูงเหมือนนำมาจากวังโดยตรง"  พวกเขาแสดงความรักต่อ Florasis โดยไม่ลังเล

แบรนด์เครื่องสำอาง Florasis ก่อตั้งขึ้นในปี 2560  ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีพันธกิจในการสืบทอดและส่งเสริมสุนทรียภาพแบบตะวันออก  ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน คาดว่ายอดขายทั้งปีในปี 2563 จะเกิน 500 ล้านดอลล่าร์ 

ตามที่เรารู้กันดีว่า  ผลิตภัณฑ์ ชุด "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ของ Florasis ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มชาวหนึ่งที่เป็นชนกลุ่มน้อย-ชาวแม้ว คนสัญชาติแม้วเป็นคนที่มีความสามารถในการทำเครื่องประดับเงินและงานปัก  เครื่องประดับเงินและงานปักต้องใช้หลายกระบวนการ  และสามารถทำได้ด้วยมือเท่านั้น  ด้วยการพัฒนาในยุคอุตสาหกรรม   ฝีมือเครื่องประดับเงินแม้วก็ยังประสบปัญหาเรื่องมรดก  ดังนั้น Florasis จึงทำเครื่องประดับเงินแม้วบนเครื่องสำอางด้วย เพื่อให้คนอื่น ๆ รู้ว่าประเทศจีนมีเครื่องประดับเงินชาติพันธุ์ที่สวยงามเช่นนี้ 

ดูที่ผลิตภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของ Florasis เราสามารถพบได้อย่างง่ายว่า Florasis ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แต่งหน้ามากมายที่มีลักษณะเฉพาะของประเทศจีน Florasis ได้ทำซ้ำงานฝีมือจีนโบราณจำนวนมาก   แสดงให้เห็นถึงสุนทรียภาพและระดับการผลิตของจีนด้วยเครื่องสำอาง  ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของ  Florasis แตกต่างกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยอดนิยมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก  ทำให้ผู้บริโภคในประเทศไทยสร้างความสดชื่นเกี่ยวกับเครื่องสำอางจีน

ชุด  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ของ Florasis ได้เปิดตัวบนหน้าจอขนาดใหญ่ MBK ที่กรุงเทพฯในครั้งนี้  แสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน  ความงามของชาติก็คือความงามของโลก  ในความหลากหลายทางสุนทรียภาพในปัจจุบันนี้ ความสวยงามแห่งชาติสามารถกระตุ้นอารมณ์สะท้อนของผู้คนทั่วโลกได้มากขึ้น ทำให้บุคคลรู้สึกถึงเสน่ห์และอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald