Aptorum Group ประกาศยื่นขอการทดลองทางคลินิกสำหรับยา ALS-4 ซึ่งเป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กที่ให้ผ่านทางปากเพื่อรักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรียสตาฟิโลคอคคัสออเรียส รวมถึงแบคทีเรียสตาฟิโลคอคคัสออเรียสที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA)

Logo

นิวยอร์ก & ลอนดอน & ปารีส–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2563

ข่าวระเบียบข้อบังคับ:

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM, Euronext Paris: APM) (“Aptorum Group” หรือ “Aptorum”) บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับรักษาโรคประจำตัวและโรคติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ประกาศว่าบริษัทได้ยื่นขอทำการทดลองทางคลินิก (CTA) ต่อ Public Health Agency of Canada หรือ Health Canada ผ่าน Aptorum International Limited  บริษัทย่อยที่เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 ของ ALS-4 ซึ่งเป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับให้ผ่านทางปากเพื่อรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส รวมถึงแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA) การทดลองในระยะที่ 1 ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก Health Canada นั้น กำหนดให้มีการทดสอบ ALS-4 ด้านความปลอดภัย ความทนต่อยา และเภสัชจลนศาสตร์กับอาสาสมัคร

Dr. Clark Cheng ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์และกรรมการบริหาร Aptorum Group กล่าวว่า “หลังได้มีการแจ้งความคืบหน้าไปเมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ประกาศให้ทราบถึงการยื่นขอทำการทดลองทางคลินิก ซึ่งแสดงถึงอีกก้าวสำคัญด้านการพัฒนาในโครงการยาปฏิจุลชีวนะ ALS-4 ของเรา ALS-4 เป็นโมเลกุลขนาดเล็กชนิดใหม่ซึ่งใช้วิธียับยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค หรือ anti-virulence (ที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) เพื่อรับมือกับความต้องการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของโรคติดเชื้อซึ่งมีสาเหตุจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ALS-4 เป็นยาที่ให้ผ่านทางปาก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านสุขภาพทั่วโลกที่มุ่งส่งเสริมให้เปลี่ยนการรักษาด้วยยาปฏิจุลชีวนะจากการให้ยาผ่านหลอดเลือดดำมาเป็นมาการให้ยาทางปากแทน1,2,3 จากข้อมูลภายในที่ได้จากการทดลองก่อนทดสอบในมนุษย์ (preclinical) ของเรา ซึ่งเตรียมที่จะเข้าสู่การทดลองทางคลินิกต่อไปนั้น พบว่า ALS-4 สามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะทีมีอยู่แล้วอย่าง (เช่น vancomycin) เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยเฉพาะในกรณีที่รุนแรง เช่นเดียวกัน เราเชื่อว่ายา ALS-4 สำหรับรับประทานของเราสามารถรักษาการติดเชื้อต่าง ๆ ที่เกิดจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) แบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน และการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งจะมีการทดสอบทางคลีนิกต่อไปตามลำดับ”

การทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 มีแผนที่จะดำเนินการในประเทศแคนาดา และตั้งเป้ารับสมัครอาสาสมัครสำหรับการให้ยาคนละครั้งเดียวโดยเพิ่มขนาด (SAD) ทั้งหมด 48 ราย และการให้ยาคนละหลายครั้งโดยเพิ่มขนาด (MAD) ทั้งหมด 32 ราย ตามลำดับ วัตถุประสงค์หลักของการทดลองครั้งนี้คือประเมินความปลอดภัยและความทนต่อยาจากการให้ยา ALS-4 ทางปากทั้งแบบ SAD และ MAD กับตัวอย่างที่มีร่างกายแข็งแรง วัตถุประสงค์รองของการทดลองครั้งนี้คือประเมินคุณลักษณะด้านเภสัชจลนศาสตร์จากการให้ยา ALS-4 ทางปากทั้งแบบ SAD และ MAD กับตัวอย่างที่มีร่างกายแข็งแรง

เกี่ยวกับ ALS-4

ALS-4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มโรคติดเชื้อ Acticule โดย Aptorum Group เป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับให้ทางปากตัวแรกในกลุ่ม (first-in-class) ที่ใช้ใช้วิธียับยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค (ที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) โจมตีแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส รวมถึงแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA) เป้าหมายของ ALS-4 คือการยับยั้งความรุนแรงของแบคทีเรียและทำให้มีความไวรับสูงต่อช่วงที่ร่างกายเริ่มทำงานเพื่อกำจัดเชื้อ (immune clearance) รวมถึงมีแนวโน้มที่จะให้ผลดีขึ้นเมื่อให้ร่วมกับยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เกี่ยวกับ Aptorum Group

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM, Euronext Paris: APM) เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนเพื่อการคิดค้น พัฒนา และนำเทคโนโลยีการรักษาและวินิจฉัยมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อจัดการกับความต้องการด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรคติดเชื้อและมะเร็ง (รวมถึงยากำพร้าที่ใช้รักษาโรคเนื้องอก) ช่องทางพัฒนาของ Aptorum ยังเติมเต็มด้วยการก่อตั้งแพลตฟอร์มคิดค้นยาที่นำมาสู่การค้นพบผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาโรคใหม่ ๆ จากโครงการต่าง ๆ เช่นการคัดกรองโมเลกุลยาที่ได้รับการอนุมัติในปัจจุบันอย่างเป็นระบบ และแพลตฟอร์มวิจัยด้านไมโครไบโอมสำหรับการรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของเมตาบอลิซึม นอกเหนือจากเป้าหมายหลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บริษัทยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาและวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ทางด้านประสาท ทางเดินอาหาร ความผิดปกติของเมตาบอลิซึม สุขภาพสตรี และด้านอื่น ๆ นอกจากนี้ Aptorum ยังมีโครงการที่มุ่งเน้นในเรื่องหุ่นยนต์ผ่าตัดและอาหารเสริมธรรมชาติสำหรับสตรีที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนซึ่งได้รับผลกระทบจากอาการดังกล่าว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้เข้าซื้อหลักทรัพย์ใด ๆ ของ Aptorum Group

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น “อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ" หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงาน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตของ Aptorum Group ซึ่งรวมถึงข้อความเกี่ยวกับระยะเวลาที่คาดการณ์ไว้สำหรับการยื่นขอทำการทดลองและการทำการทดลอง พิจารณาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ ณ  ปัจจุบันต่อเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงาน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้เป็นปัจจุบัน ณ วันที่เผยแพร่ และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของ Aptorum Group และเอกสารอื่น ๆ ที่ Aptorum Group อาจทำกับ กลต. ในอนาคต รวมถึงหนังสือชี้ชวนหมายเลข visa n°20-352 ที่ได้รับจาก Autorité des Marchés Financiers ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563

ฉะนั้นการคาดคะเนต่าง ๆ ในข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังและผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้ ณ ที่นี้ Aptorum Group ปฏิเสธข้อผูกมัดใด ๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

ประกาศนี้ไม่ถือเป็นการชี้ชวนภายใต้ความหมายที่กำหนดไว้ใน Regulation (EU) n°2017/1129 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ตามที่แก้ไขโดย Regulations Delegated (EU) n°2019/980 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562 และ n°2019/979 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

เนื้อหาในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ถูกนำเสนอ “ตามสภาพ” โดยไม่อาจรับรองหรือรับประกันใด ๆ


1 https://www.gloshospitals.nhs.uk/gps/antimicrobial-resources/adult-antibiotic-treatment-guidelines-site-infection/iv-oral-switch-guideline/ และ https://www.dbth.nhs.uk/wp-content/uploads/2017/10/IV-to-oral-switch-and-5-day-stop-policy.pdf
2 https://hgs.uhb.nhs.uk/wp-content/uploads/Guidelines-for-Antimicrobial-Prescribing-v5.0.pdf
3 https://www.jwatch.org/na48403/2019/02/12/sequential-intravenous-oral-treatment-mrsa-bacteremia

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201221005196/en/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
Aptorum Group Limited
แผนกนักลงทุนสัมพันธ์:
investor.relations@aptorumgroup.com
+44 20 80929299

Redchip – ฝ่ายสื่อสารด้านการเงินประจำสหัรฐอเมริกา
งานนักลงทุนสัมพันธ์
Dave Gentry
dave@redchip.com
+1 407 491 4498

Actifin – ฝ่ายสื่อสารด้านการเงินประจำภูมิภาคยุโรป
งานนักลงทุนสัมพันธ์
Ghislaine Gasparetto
ggasparetto@actifin.fr
+33 1 56 88 11 22

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zeek ผู้บุกเบิกด้านโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระดมทุนได้ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางสภาวะที่ยากลำบากของตลาด

Logo

การพลิกโฉมระบบนิเวศด้านการจัดส่งกำลังจะเกิดขึ้น

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2563

Zeek บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์ที่มุ่งเน้นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทสามารถระดุมจากนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคและกองทุนเพื่อการลงทุนต่าง ๆ ได้ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ในรอบ Series Pre-A โดย Zeek จะใช้เงินทุนดังกล่าวเพื่อขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงนำไปใช้ด้านการยกระดับและปรับปรุงเทคโนโลยีการจัดการโลจิสติกส์และแอปพลิเคชันการวิเคราะห์ข้อมูล การระดมทุนครั้งล่าสุดทำให้ยอดเงินรวมทั้งหมดที่ระดมได้ของ Zeek เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15 ล้านดอลลาร์ ณ ปัจจุบัน โดยเหล่านักลงทุนประกอบด้วย SF Holding (SZSE: 002352), Chinachem Group, Philippines KHO Group, ดร. Lee Ka Kit ประธานและกรรมการผู้จัดการแห่ง Henderson Land (SEHK: 0012) ลงทุนในภาคเอกชน บริษัทร่วมลงทุนในธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง, HKSTP Ventures, Elite Time Limited, Radiant Tech Venture Fund LP, Caelus Asset Management, SQ Capital Ventures เป็นต้น โดย SQ Capital Partners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้กับ Zeek ในการระดมทุนรอบนี้

Zeek Co-founders (From Left): Cliff Tse, Chief Technology Officer,  KK Chiu, Chief Executive Officer, and Vincent Fan, Chief Strategy Officer. (Photo: Business Wire)

ผู้ร่วมก่อตั้ง Zeek (จากซ้ายไปขวา): Cliff Tse ประธานเจ้าหน้าที่สายเทคโนโลยี, KK Chiu ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Vincent Fan ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์ (รูปภาพ: Business Wire)

KK Chiu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Zeek กล่าวว่า “การเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ร้านค้าทั่วไปจำนวนมากต่างต้องการเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลให้เร็วขึ้นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2563 นี้ Zeek ได้รับคำสั่งซื้อสำหรับการจัดส่งสิ่งของมากกว่าสามล้านรายการ ซึ่งมีอัตราการเติบโต 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า เราได้เพิ่มทรัพยากรกำลังคนขึ้น 50% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น คาดว่าภายในปี 2566 ขนาดตลาดกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มและสินค้าเพื่อการดำรงชีพจะมีมูลค่าถึง 2.6 พันล้าน โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีไม่น้อยกว่า 10% และรายได้รวมสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ การระดมทุนในรอบนี้จะช่วยให้แอปพลิเคชันโลจิสติกส์อัจฉริยะของเราเข้าถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น และกระตุ้นการขยายตัวของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและผู้บริโภควัยหนุ่มสาวขนาดมีจำนวนมาก รวมถึงการบริโภคบนโลกออนไลน์ที่กำลังเติบโตแบบทวีคูณ”

ใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าและเทคโนโลยีฟื้นฟูอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

Zeek ซึ่งก่อตั้งโดย Kin Shun Information Technology Limited ในปี 2560 มุ่งเน้นการจัดหาเทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะที่ใช้ข้อมูลขับเคลื่อนให้กับผู้ค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมทั้งการจัดการคำสั่งซื้อออนไลน์ การจัดการความสามารถในการจัดส่ง การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่หรือ big data และการยกระดับการดำเนินการต่าง ๆ ของธุรกิจที่ผสมผสานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) ให้กับหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น “Zeek F&B Delivery” สำหรับการจัดส่งอาหารแบบทันที “ZeekDash” สำหรับการจัดส่งแบบจุดต่อจุด (Point-to-Point) สำหรับธุรกิจ O2O และ “Zeek2Door” สำหรับการจัดส่งพัสดุธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ลุกค้าของ Zeek ประกอบด้วย แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มระดับท็อปไฟว์ของโลกและเครือข่ายร้านอาหารฟาส์ตฟูด ซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เครือข่ายร้านสะดวกซื้อ แพลตฟอร์มออนไลน์และอีกมากมาย Zeek ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงและได้ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วไปยังสิงคโปร์ ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย และอยู่ระหว่างวางแผนที่จะขยายสู่ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียในปี 2564

ร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกจับตลาดโลจิสติกส์ระหว่างเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน

เทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะจาก Zeek ได้รับความไว้วางใจจากร้านค้าทั่วโลกและแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้สร้างความเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Zeek ในการประยุกต์ใช้โลจิสติกส์อัจฉริยะเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ในเวียดนาม Golden Resources Development (SEHK: 0677) ได้กลายมาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับธุรกิจในท้องถิ่นของ Zeek และได้ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลให้กับร้านค้าของ Circle K กว่า 400 แห่งในเวียนดนามที่บริหารโดย Golden Resources Development โดยใช้โซลูชันส่งสินค้าช่วงสุดท้าย (last mile delivery) อัฉริยะสำหรับธุรกิจแบบ O2O สำหรับในประเทศไทย บริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งได้กลายเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับธุรกิจของ Zeek ในไทย โดย Zeek ทำหน้าที่จัดหาโซลูชันโลจิสติกส์อัจฉริยะให้กับ McDonald ในประเทศไทย

Vincent Fan ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์ของ Zeek กล่าวว่า “เรากำลังพลิกโฉมรูปแบบการจัดส่งแบบดั้งเดิมโดยใช้เทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก ในอนาคต Zeek จะลงทุนในทรัพยากรเพื่อยกระดับ ZeekSolutions ขยายแผนการประยุกต์ใช้บริการที่เรานำเสนอสำหรับลูกค้าให้กว้างขึ้น และพัฒนาการประยุกต์ใช้ข้อมูลโลจิสติกส์อัจฉริยะเพื่อให้ลูกค้ายังติดแบรนด์อย่างเหนียวแน่นรวมถึงสร้างกำแพงในการแข่งขัน เรายังจะร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อคิดค้นโมเดลการค้าปลีกที่เป็นนวัตกรรมใหม่ พร้อมเปิดกว้างสำหรับโอกาสในการควบรวมกิจการหรือการลงทุนที่สามารถเร่งการเติบโตของธุรกิจและการทำงานร่วมกันในแวดวงของธุรกิจ O2O”

Zeek มีรายได้สูงกว่า 28 ล้านเหรียญดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 100% ในปี 2564 ทั้งนี้ Zeek มั่นใจที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้เล่นชั้นนำด้านการข่นส่งอัจฉริยะระหว่างเมืองในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เกี่ยวกับ Zeek

Zeek เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในเอเชีย ที่ให้บริการโซลูชันส่งสินค้าช่วงสุดท้ายแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ O2O ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ไลฟ์สไตล์ และสินค้า FMCG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงโดย Kin Shun Information Technology Limited เมื่อปี 2560 โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อินเทอร์เน็ต และอาหารและเครื่องดื่ม Zeek เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าทางด้านโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนขยายธุรกิจไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมก้าวลงสนามในไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

เว็บไซต์: https://www.zeek.one
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/zeek-one

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Angela Lau
โทร: (852) 6760-5831 / (852) 3955-0823
อีเมล: angela.lau@zeek.one


โรงแรม New World Nha Trang จะเปิดให้บริการปี 2566

Logo

New World Hotels & Resorts ขยายพอร์ตโฟลิโอในเอเชียด้วยอสังหาริมทรัพย์ลำดับที่สี่ในเวียดนาม

ญาจาง, เวียดนาม–(BUSINESS WIRE)– 18 ธ.ค. 2563

New World® Hotels & Resorts ได้รับการแต่งตั้งจาก KDI Holdings ให้บริหารโรงแรม New World Nha Trang จำนวน 306 ห้องที่เปิดให้บริการในปี 2566 ด้วยการเริ่มต้นบทใหม่ของการขยายธุรกิจในเอเชีย ทั้งนี้ โรงแรม New World Nha Trang Hotel จะเข้าร่วมพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ในฐานะ อสังหาริมทรัพย์แห่งที่สี่ในเวียดนามที่เป็นทั้งเกตเวย์และสถานที่พักผ่อนในประเทศเวียดนาม ซึ่งพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ยังรวมถึง โรงแรม New World Saigon Hotel ที่เป็นที่รู้จักในฐานะแลนด์มาร์ก และรีสอร์ทอีกมากมายที่เปิดให้บริการในฮอยอันและฟูก๊วกในปี 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201218005018/en/

NEW WORLD NHA TRANG HOTEL TO OPEN 2023 (Photo: Business Wire)

โรงแรม NEW WORLD NHA TRANG HOTEL จะเปิดในปี 2566 (ภาพ: Business Wire)

ญาจางได้รับการยกย่องมานานแล้วว่าเป็นอัญมณีบนชายฝั่งเวียดนามตอนกลางตอนใต้ซึ่งตั้งอยู่บนอ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเสริมด้วยทิวทัศน์ภูเขาเขียวชอุ่มและชายหาดสีฟ้าใสทอดยาวและหมู่เกาะใกล้เคียง โรงแรม New World Nha Trang Hotel ตั้งอยู่บนทำเลที่ยอดเยี่ยมในคอมเพล็กซ์รีสอร์ทแบบครบวงที่ดำเนินการในระดับสากลในชื่อ Vega City Nha Trang หรือที่เรียกว่าเมืองแห่งศิลปะและความบันเทิงของเวียดนาม โดย Vega City Nha Trang เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ซึ่งเป็นที่ตั้งของความบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจมากมายในพื้นที่ 44 เฮกตาร์ คอมเพล็กซ์ริมอ่าวยังประกอบด้วยโรงละครโอเปร่าอันโดดเด่น ศูนย์การค้า Vega Continental การแสดงระบำแสงไฟ Dance of Lights อันตระการตา สวน Vega Coral Park และ Beach Club แบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่ไม่เคยหลับใหล ตลอดจนถึงงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งแสดงอยู่ทุก ๆ มุม

โรงแรม New World Nha Trang Hotel ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีโดยรถยนต์จากใจกลางเมืองญาจาง ฉากหลังของโรงแรมเป็นป่าเขาและยังเป็นโรงแรมแห่งแรกที่โอบกอดหาด Bai Tien ที่มีความยาว 1.5 กิโลเมตร โดยตรงห้องพักและห้องสวีทได้รับการออกแบบอย่างสวยงามแต่ละห้องมีขนาดใหญ่อย่างน้อย 42 ตารางเมตรที่มาพร้อมกับระเบียงขนาดใหญ่และทิวทัศน์มุมกว้างของอ่าวญาจาง เกาะ Hon Rua และภูเขา Co Tien ในส่วนของวิลล่าริมชายหาดตั้งอยู่ริมชายหาดแบบแยกออกจากกันเป็นอิสระ ให้บรรยากาศหรูหราสไตล์เขตร้อน และจะประกอบด้วยห้องนอน 2 ถึง 4 ห้อง พร้อมตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินส่วนบุคคล ห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารแยกเป็นสัดส่วน สระว่ายน้ำส่วนตัวและฝักบัวกลางแจ้ง

โรงแรมนิวเวิลด์ญาจางจะมอบสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมกลุ่มและการประชุมในธีมเขตร้อน ที่มาพร้อมกับวิวทะเล ที่มีขนาดรวม 1,450 ตารางเมตร ซึ่งรวมถึงห้องประชุมส่วนตัว 5 ห้องห้อง ห้องบอลรูมไร้เสาขนาด 566 ตารางเมตรและห้องพักพิเศษสำหรับงานคู่บ่าวสาวสำหรับการจัดงานแต่งงาน โรงแรมจะนำเสนอโอกาสในการพักผ่อนหย่อนใจมากมาย เช่น สระว่ายน้ำอินฟินิตี้กลางแจ้ง สปา ศูนย์ออกกำลังกาย สตูดิโอออกกำลังกาย สโมสรสำหรับเด็กและบีชคลับ ที่พักแห่งนี้มีห้องอาหารและเลานจ์สี่แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีบรรยากาศและสไตล์การทำอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมไปถึงคาเฟ่ที่เปิดตลอดวัน ห้องอาหารและบาร์สุดพิเศษ บาร์ริมสระว่ายน้ำ และล็อบบี้เลานจ์

“การเติบโตอย่างรวดเร็วของการดำเนินงานของเราในเวียดนามเป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นสำหรับแบรนด์ของเรา และด้วยการสนับสนุนของ KDI Holdings โรงแรม New World Nha Trang จะเป็นส่วนเสริมที่น่าประทับใจในพอร์ตโฟลิโอของเรา” Sonia Cheng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rosewood Hotel Group กล่าว

“เราเลือกโรงแรม New World Hotels & Resorts เพื่อบริหารจัดการที่พักแห่งนี้ เพราะว่า ปรัชญาของการบริการความสัมพันธ์ของพวกเขารวมกับการบริการระดับเฟิร์สคลาสถือเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับโรงแรมริมชายหาดแห่งนี้ ซึ่งจะช่วยแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งความอบอุ่นและการต้อนรับที่แสนพิเศษของญาจาง”  Mr. Do Tuan Anh  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ KDI Holdings กล่าว “ เนื่องจากญาจางถูกคาดว่าจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำในเวียดนาม ทาง Vega City จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางและการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมจากกลุ่มผู้บริหารโรงแรมชั้นนำของโลก

เมื่อโรงแรม New World Nha Trang Hotel เปิดให้บริการ ก็จะมีการให้บริการกีฬาทางน้ำที่แขกผู้มาเยี่ยมเยือนจะพลาดไม่ได้ ตั้งแต่การดำน้ำไปจนถึงการล่องแพ การเล่นกระดานโต้คลื่น และการดำน้ำตื้นในแนวปะการังที่สวยงามของอ่าว Vega Nha Trang  อย่างไรก็ดีการเที่ยวชมทางบกก็เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เช่นกัน ปราสาทจามโพนครที่มีอายุมากกว่า 10 ศตวรรษที่ผ่านมาเป็นสัญลักษณ์ของญาจางเช่นเดียวกับเจดีย์ Long Son และ Suoi Do และมหาวิหารญาจาง ท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของญาจางได้ที่ป้อม Dien Khanh ที่สร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดในเวียดนามใต้ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น

เกี่ยวกับ New World Hotels & Resorts

New World® Hotels & Resorts เป็นธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทระดับดีลักซ์ที่เน้นไปที่การให้บริการแบบ MICE ซึ่งหมายถึง ธุรกิจการจัดประชุมขององค์กร (Meetings)การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) การจัดประชุมนานาชาติ (Conventions) และการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibitions) โดยจะให้บริการในทำเลใจกลางเมืองที่สะดวกสบายในเมืองหลักและเมืองรองในประเทศจีน และแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ในเอเชียและสถานที่พักผ่อนยอดนิยม โรงแรม New World Hotels & Resorts ทั้งหมด 9 แห่งตั้งอยู่ในฮ่องกง ปักกิ่ง ต้าเหลียน กุ้ยหยาง อู่ฮั่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยมีโรงแรมในเครืออยู่ในเมืองซุ่นเต๋อ อีกด้วย โรงแรมส่วนใหญ่จะเป็นแบบห้องพักมากกว่า 350 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงร้านอาหาร บริการด้านธุรกิจ ห้องประชุมที่กว้างขวาง การให้บริการพื้นที่ Residence Club แบบ executive และตัวเลือกสันทนาการมากมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

newworldhotels.com

เกี่ยวกับ Rosewood Hotel Group

Rosewood Hotel Group เป็นหนึ่งในบริษัทโรงแรมชั้นนำของโลกประกอบด้วยสามแบรนด์ ได้แก่ Rosewood Hotels & Resorts® สุดหรูในอเมริกาเหนือ แคริบเบียน / แอตแลนติก ยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกแห่งใหม่ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ KHOS ทั้งนี้ Rosewood Hotel Group เป็นแบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ธุรกิจระดับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง ผลงานที่รวมกันประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 40 แห่งใน 19 ประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ rosewoodhotelgroup.com.

เกี่ยวกับ KDI Holdings

KDI Holdings ("KDI") เป็น บริษัท ที่จัดการการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทรวมถึงหุ้นเอกชน อสังหาริมทรัพย์ การเกษตรและการศึกษา การดำเนินธุรกิจของ KDI แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ (1) การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมไปถึงโครงการรีสอร์ทแบบบูรณาการในสถานที่สำคัญในเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในเวียดนามเช่น Vega City Nha Trang และ Vega City Van Don (2) เกษตรกรรมซึ่งประกอบด้วย โครงการเกษตรไฮเทค 525 เฮกตาร์โดยใช้พันธุ์พืชที่นำเข้าการเพาะปลูกตามวิธีการและระบบการจัดการที่ทันสมัยในอำเภอ Krong Pac จังหวัด Dak Lak (3) การศึกษาโดย KDI Education เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโปรแกรม STEM ชั้นนำสำหรับโรงเรียนเกือบ 100 แห่งในเวียดนาม และนักเรียนมากกว่า 40,000 คน ในฐานะนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์ที่มีประสบการณ์หลายสิบปีและเครือข่ายระดับโลกที่ยาวนาน KDI มีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าในขณะที่สร้างสินทรัพย์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งให้กับชุมชนผ่านทางโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม ตามแนวทางที่มีวินัยแน่วแน่และทีมผู้บริหารที่มีความสามารถ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kdiholdings.com.vn.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201218005018/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Florence Chan

Rosewood Hotel Group

โทรศัพท์: +852 2138 2262

อีเมล: florence.chan@rosewoodhotelgroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Spotify เตรียมเปิดตัวในเกาหลีใต้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564

Logo

นิวยอร์ก & โซล–(BUSINESS WIRE)–18 ธันวาคม 2563

วันนี้ Spotify (NYSE: SPOT) ได้ประกาศถึงการเริ่มให้บริการในประเทศเกาหลีใต้ โดยจะเริ่มภายในครึ่งปีแรกของปี 2564 และด้วยบริการสตรีมมิงเพลงสำหรับสมาชิกที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลก ผู้ฟังในเกาหลีใต้จะได้เข้าถึงเพลงกว่า 60 ล้านแทร็กและเพลย์ลิสต์อีกกว่า 4 พันล้านรายการ บริการดังกล่าวนี้ยังให้ศิลปินชาวเกาหลีเข้าถึงแฟน ๆ ทั้งในประเทศและผู้ฟังเพลงผ่าน Spotify ที่มีถึง 320 ล้านคนทั่วโลก ขณะที่ให้ผู้ฟังเพลงในเกาหลีได้สัมผัสกับกับศิลปินและดนตรีจากทั่วโลก

ในฐานะหนึ่งในตลาดดนตรีขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก* และตลาดดนตรีที่ใหญ่เป็นอันดับหกของโลก** ประเทศเกาหลีใต้คือกุญแจสำคัญของ Spotify ในการบรรลุเป้าหมายของเราที่ต้องการให้ศิลปินที่เปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์กว่าล้านคนได้สร้างรายได้จากงานศิลปะของพวกเขา และให้แฟน ๆ กว่าหลายพันล้านคนมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับนักสร้างสรรค์และรับแรงบันดาลใจจากพวกเขาเหล่านี้ Spotify ต้องการช่วยให้วงการสตรีมมิงเพลงของเกาหลีเติบโตรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของศิลปิน ค่ายเพลง ตัวแทนจำหน่าย รวมถึงแฟน ๆ

“พวกเราตื่นเต้นกับการเริ่มให้บริการในเกาหลีซึ่งเป็นตลาดที่ถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางสำคัญทางด้านดนตรี วัฒนธรรม และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย” Alex Norström ซึ่งดำรงตำแหน่ง Chief Freemium Business Officer ของ Spotify กล่าว “Spotify เป็นพันธมิตรของอุตสาหกรรมดนตรีเกาหลีมาแล้วหลายปี เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวดนตรีเค-ป็อปในระดับโลก และได้เผยแพร่ดนตรีประเภทนี้บนแพลตฟอร์มของเรา รวมถึงช่วยให้ดนตรีประเภทนี้ถูกค้นพบโดยคนทั่วโลก จากในเอเชียไปจนถึงสหรัฐอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรในเกาหลี เพื่อเผยโฉมหน้าศิลปินเกาหลีรายใหม่ ๆ และให้ศิลปินเกาหลีได้เป็นที่รู้จักในกลุ่มแฟน ๆ ทั้งในเกาหลีใต้เองและทั่วโลก”

ตั้งแต่ Spotify เริ่มเผยแพร่เพลย์ลิสต์เพลงเค-ป็อปครั้งแรกในปี 2557 มีผู้ฟังสตรีมเพลงประเภทนี้ไปแล้วกว่า 1.8 แสนล้านนาที และเพิ่มเพลงเค-ป็อปลงในเพลย์ลิสต์มากกว่า 120 ล้านเพลย์ลิสต์ สัดส่วนการฟังเพลงเค-ป็อปยังเพิ่มขึ้นกว่า 2,000% ในช่วงหกปีที่ผ่านมา ปัจจุบันห้องเพลงเค-ป็อปของ Spotify มีเพลงเกาหลีหลากหลายแนวทั้งเค-ป็อป ฮิปฮอป อินดี เพลงประกอบภายนตร์ อาร์แอนด์บี และอีกมากมาย รวมถึงเพลย์ลิสต์ที่ชื่อ ‘RADAR Korea’ ซึ่งเป็นเพลย์ลิสต์ที่แนะนำเพลงเกาหลีใหม่ ๆ และเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมแนะนำศิลปินหน้าใหม่จากทั่วโลกโดย Spotify และมีการปรับให้เหมาะกับผู้ฟังใน 64 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย อินเดีย บราซิล และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

# # #

* อ้างอิงจาก IFPI (https://www.ifpi.org/ifpi-global-music-report-2019/)

** อ้างอิงจาก IFPI (https://www.ifpi.org/wp-content/uploads/2020/07/Global_Music_Report-the_Industry_in_2019-en.pdf)

เกี่ยวกับ Spotify Technology S.A.

Spotify ได้เปลี่ยนรูปแบบการฟังเพลงไปตลอดกาลนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2551 เรามีพันธกิจที่จะปลดล็อคศักยภาพด้านความสร้างสรรค์ของมนุษย์ด้วยการมอบโอกาสให้ศิลปินที่เปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์กว่าล้านคนได้สร้างรายได้จากงานศิลปะของพวกเขา และให้แฟน ๆ กว่าหลายพันล้านคนมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับนักสร้างสรรค์และรับแรงบันดาลใจจากพวกเขาเหล่านี้

ปัจจุบัน เราเป็นผู้ให้บริการสตรีมมิงเพลงสำหรับสมาชิกที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลก มีเพลงมากกว่า 60 ล้านแทร็กและเพลย์ลิสต์กว่า 4 พันล้านรายการ รวมถึงคอมมิวนิตีซึ่งประกอบด้วยผู้ใช้กว่า 320 บัญชี ในตลาด 92 แห่งทั่วโลก

เราใช้เว็บไซต์ Investors และ For the Record รวมถึงโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ที่จัดไว้ในแท็บ “Resources – Social Media” บนหน้าเว็บ Investors ของเราเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม รูปภาพ และข้อมูลติดต่อทีมสื่อ โปรดดูที่ https://newsroom.spotify.com/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201217006194/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
สหรัฐอเมริกา – Spotify:
Eileen Moore
press@spotify.com

เกาหลี – Spotify:
koreapress@spotify.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LDRA เตรียมจัดการประชุมสุดยอด Embedded Safety & Security Summit (ESSS) ทางออนไลน์ในเดือนมิถุนายน 2564

Logo

การประชุมสุดยอด ESSS ครั้งที่ 6 ภายใต้ธีม “Empowering the Development of Safe & Secure Embedded Systems” จะประกอบด้วยการประชุมสดในหัวข้อล่าสุดทางด้านอวกาศและการป้องกัน ยานยนต์ อุตสาหกรรมและการแพทย์

เบงกาลูรู, อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–15 ธันวาคม 2563

วันนี้ LDRA ได้ร่วมกับพันธมิตรและสมาคมในอุตสาหกรรม ประกาศจัดการประชุมสุดยอดประจำปี Embedded Safety & Security Summit หรือ ESSS ครั้งที่ 6 ในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานในรูปเเบบออนไลน์ การประชุมสุดยอดระดับนานาชาตินี้เป็นโครงการริเริ่มที่จะช่วยให้ผู้คนเห็นถึงความสำคัญของการนำแนวทางปฏิบัติและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในระบบฝังตัว (embedded system) ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน

การประชุมสุดยอดในรูปแบบออนไลน์ภายใต้ธีม “Empowering the Development of Safe & Secure Embedded Systems” ครั้งนี้ จะจัดพื้นที่ให้กับชุมชนในแวดวงระบบฝังตัวทั่วโลกได้เรียนรู้ พบปะ และสานสัมพันธ์ให้เติบโต เวทีการประชุมเสมือนจริงนี้จะมาพร้อมประสบการณ์ในรูปแบบออนไลน์ที่น่าสนใจ รวมถึงช่วงการประชุมในหัวข้อทางเทคนิคเชิงลึก พื้นที่ล็อบบี้แบบอินเทอร์แอคทีฟ และโอกาสในการสร้างเครือข่ายที่หลากหลาย

ไฮไลต์ที่สำคัญ ๆ ในงาน #ESSS21Virtual ประกอบด้วย:

  • การประชุมสดในหัวข้ออวกาศและการป้องกัน ยานยนต์ อุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมทางการแพทย์
  • วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกกว่า 25 คน และตัวแทนผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสำหรับเครือข่ายกว่า 1000 คน
  • ศูนย์กลางทรัพยากรพร้อมหลักประกันด้านเทคนิคและวิดีโอจากคู่ค้า
  • ช่วงเวลาพูดคุยผ่านข้อความ เสียง และวิดีโอสำหรับคู่ค้าและตัวแทน

“การประชุมในรูปแบบออนไลน์ระหว่างสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแวดวงความปลอดภัยในระบบฝังตัวได้พบปะสานสัมพันธ์กัน” Ian Hennell ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการแห่ง LDRA UK กล่าว “ความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะช่วยให้เรานำเสนอเนื้อหาเทคโนโลยีที่น่าสนใจและโอกาสทางธุรกิจซึ่งมีสภาวการณ์ในปัจจุบันเข้ามาเป็นอุสรรคได้สำเร็จ”

Shinto Joseph ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ LDRA กล่าวเสริมว่า “ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ESSS ประสบความสำเร็จในการรวมชุมชนในแวดวงระบบฝังตัวทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อร่วมกันออกค้นหาความก้าวหน้าใหม่ ๆ รวมถึงหัวข้อและเทคโนโลยีที่เป็นที่พูดถึงล่าสุด ในช่วงเวลาที่เราต้องการพบปะกันเช่นนี้ การรวมตัวแบบเสมือนจริงจะช่วยให้เราสามารถแบ่งปันความเชี่ยวชาญ เรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าใหม่ ๆ และสร้างเครือข่ายได้จากทุกที่ เราหวังว่าจะได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน #ESSS21Virtual นี้กับทุกคนอีกครั้งเมื่อการจัดกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นนี้ใกล้เข้ามา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการสนับสนุนการจัดงาน การส่งผลงาน และการลงทะเบียนเข้าร่วมงาน #ESSS21Virtual โปรดดูที่ www.embedded-safety-security.com

เกี่ยวกับ LDRA

เป็นเวลากว่า 40 ปีที่ LDRA ได้พัฒนาและขับเคลื่อนตลาดซอฟต์แวร์สำหรับวิเคราะห์โค้ดและทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติให้ด้านความปลอดภัย ภารกิจ การรักษาความปลอดภัย และอื่น ๆ ที่จำเป็นทางธุรกิจ การทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อระบุและป้องกันข้อผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้นบนแนวปฏิบัติมาตรฐานอุตสาหกรรมช่วยให้ LDRA ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ได้โดยผ่านการวิเคราะห์ทั้งแบบ static และ dynamic เพื่อทำการทดสอบและตรวจสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย LDRA ซึ่งดำเนินธุรกิจในทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย และมีเครือข่ายตัวแทนจำนวนมาก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็คเกจบริการของ LDRA โปรดดูที่ www.ldra.com

เกี่ยวกับ ESSS®

การประชุมสุดยอด Embedded Safety & Security Summit (ESSS) ซึ่งมุ่งเน้นทางด้านความปลอดภัยในระบบฝังตัวที่สำคัญ ๆ เป็นเวทีสำหรับชุมชนในแวดวงระบบฝังตัวทั่วโลกสำหรับการเรียนรู้ พบปะ และเติบโต LDRA ขับเคลื่อนโครงการริเริ่มที่ประสบความสำเร็จนี้ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตร ลูกค้า หน่วยงานด้านอุตสาหกรรมและวิชาชีพ รวมถึงภาครัฐ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.embedded-safety-security.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201214005907/en/

ติดต่อ:

Kelly Wanlass, HCI Marketing and Communications Inc., ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์
โทร: +1 (801) 602-4723 อีเมล: kelly@hci-marketing.com

Mark James, LDRA, ผู้จัดการการตลาด
โทร: +44 (0) 151 649 9300 อีเมล: mark.james@ldra.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Interactive Brokers Group จัดตั้งสำนักงานในยุโรปกลาง

Logo

Interactive Brokers ในยุโรปกลางจะให้บริการนักลงทุนและผู้จัดการความมั่งคั่งในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

กรีนิช, คอนเน็คทิกัต–(BUSINESS WIRE)–15 ธ.ค. 2563

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทนายหน้าระดับโลกประกาศที่จะก่อตั้ง Interactive Brokers สาขายุโรปกลาง หรือ Central Europe Zrt., (IBCE) และจะมีการเปิดสำนักงานในบูดาเปสต์อีกด้วย โดยการเพิ่มบริษัทในฮังการีจะทำให้บริษัทมีหน่วยงาน 10 แห่งทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น ลักเซมเบิร์ก สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร โดยให้บริการมากกว่าหนึ่งล้านบัญชีลูกค้าในกว่า 220 ประเทศและเขตแดน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201214005711/en/

Thomas Peterffy, Founder, Chairman and Founder, Interactive Brokers (Photo: Business Wire)

Thomas Peterffy ผู้ก่อตั้ง ประธาน และผู้ก่อตั้ง Interactive Brokers (ภาพ: Business Wire)

“การตั้งสำนักงานในฮังการีเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ที่ต่อเนื่องของเราในการเปิดหน่วยงานทั่วโลกเพื่อรองรับการเติบโตทั่วโลก” Thomas Peterffy ประธาน Interactive Brokers กล่าว “เราวางแผนที่จะทำให้บูดาเปสต์เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานของเราในยุโรปกลางเพื่อให้ก้าวทันกับการเติบโตของบัญชีซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในยุโรปตะวันตก ยุโรปตะวันออก และทั่วโลก”

กว่าหนึ่งในสี่ของบัญชี Interactive Brokers มาจากยุโรปและแอฟริกา อีกทั้งการเติบโตก็เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง โดย ณ วันที่ 30 พฤศจิกายนบัญชีลูกค้าทั่วโลกเติบโตขึ้น 52% จากปีก่อน โดยกว่า 80% ของการขยายตัวมาจากนอกสหรัฐอเมริกา

Interactive Brokers ให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถลงทุนในหุ้น ออปชั่น ฟิวเจอร์ส สกุลเงิน พันธบัตร และกองทุนใน 135 ตลาดใน 33 ประเทศจากบัญชีการลงทุนรวมบัญชีเดียว ลูกค้ายังได้รับประโยชน์จากการกำหนดราคาที่คุ้มค่ากว่าของบริษัทในอัตรามาร์จิ้นที่ต่ำในอุตสาหกรรม การกำหนดราคาการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุมเข้มข้น และเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้บริษัทยังเป็นที่รู้จักกันดีในการจัดสรรแหล่งข้อมูลการศึกษาฟรีมากมายให้กับประชาชน.

“เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุนให้กับลูกค้าในอนาคตของเราทั่วยุโรปกลาง” Mr. Peterffy กล่าว

บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 43 ปีก่อนโดย Mr.Peterffy ซึ่งอพยพจากฮังการีไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 2508 ปัจจุบันบริษัทได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่โดดเด่นในโลกด้วยทุน equity capital กว่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ทุน markey capital 23,000 ล้านดอลลาร์ และมี client equity อีก 286,700 ล้านดอลลาร์

นอกเหนือจากประสบการณ์สี่ทศวรรษในการอยู่ภายใต้กฎของสหรัฐอเมริกาและประมาณสองทศวรรษภายใต้กฎของสหราชอาณาจักรแล้ว Interactive Brokers ยังได้รับใบอนุญาตนายหน้าในแคนาดา ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลียอินเดีย ลักเซมเบิร์ก และได้รับใบอนุญาตในสิงคโปร์ในปีนี้ โดยทาง Magyar Nemzeti Bank ธนาคารกลางของฮังการี ได้อนุมัติใบอนุญาตนายหน้าสำหรับ Interactive Brokers Central Europe Zrt ในวันที่ 12 ธันวาคม 2020 ซึ่งจะมี Miklos Hanti ดำรงตำแหน่ง CEO ของ IBCE

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc.

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ สินค้า และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบอัตโนมัติตลอดเวลา ในตลาดกว่า 135 ตลาดในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR ไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการนักลงทุนรายย่อย กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และด้านการแนะนำจัดหาโบรกเกอร์ สี่ทศวรรษที่เราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติทำให้เราสามารถจัดหาแพลตฟอร์มที่มีความซับซ้อนและไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าด้วยราคาการดำเนินการที่คุ้มค่า และเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงและการลงทุน พอร์ตการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งหมดในราคาที่ต่ำหรือที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด Interactive Brokers ติดอันดับ 1 ของ Barron โดยได้รับ 5 ดาวเต็ม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 จากการรีวิวด้านโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด หรือ Best Online Broker Review

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201214005711/en/

ติดต่อ:

Interactive Brokers Group, Inc.

สำหรับผู้ลงทุน: Nancy Stuebe, 203-618-4070

สำหรับสื่อ: Kalen Holliday, 203-618-4069 หรือ media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวไดรเวอร์มอเตอร์ 5A 2ch H-Bridge สำหรับการใช้งานยานยนต์

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์) –10 ธ.ค. 2563

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("โตชิบา") ได้เปิดตัว IC ไดรเวอร์มอเตอร์กระแสตรงแบบแปรงสองตัวคือ "TB9054FTG" ในแพ็คเกจ VQFN แบบ wettable flank และ "TB9053FTG" ในแพ็คเกจ Power QFN สำหรับใช้ในแอพพลิเคชั่นยานยนต์ รวมคันเร่งอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างของ TB9054FTG มีวางจำหน่ายแล้วโดยมีกำหนดผลิตจำนวนมากในเดือนมีนาคม 2565  ตัวอย่างของ TB9053FTG จะพร้อมใช้งานในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยมีกำหนดผลิตจำนวนมากในเดือนพฤษภาคม 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201209006066/en/

Toshiba: A brushed DC motor driver IC "TB9054FTG" for automotive applications. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: IC ไดรเวอร์มอเตอร์ DC แบบแปรง "TB9054FTG" สำหรับการใช้งานยานยนต์ (กราฟฟิค: Business Wire)

จำนวนไดรเวอร์มอเตอร์ H-bridge ที่ใช้ในคันเร่งอิเล็กทรอนิกส์และวาล์วต่างๆ ของรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นความต้องการในการย่อขนาดของระบบและการลดต้นทุน  นอกจากนี้ On-Board Diagnostic II (OBDII) ซึ่งเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับอุปกรณ์วินิจฉัยตัวเองบนบอร์ดรุ่นที่สองจะมีผลบังคับใช้ในปี 2565 โดยกำหนดให้ IC ของตัวขับมอเตอร์ยานยนต์มีฟังก์ชันการสื่อสาร SPI

IC ใหม่มี 5A[1] ไดรเวอร์เอาต์พุต 2ch ที่ช่วยลดพื้นที่ในการติดตั้ง10A[1]  นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไดรฟ์1ch ในโหมดขนาน สามารถเชื่อมต่อแบบ daisy-chained และยังมีฟังก์ชันที่ควบคุมมอเตอร์โดยการสื่อสาร SPI ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะลดพอร์ต MCU  โดยอยู่ในแพ็คเกจ QFN ขนาดเล็ก 6.0มม. x 6.0มม. ไดรเวอร์มอเตอร์รุ่นใหม่มีส่วนช่วยในการย่อขนาดระบบตามที่ตลาดต้องการ

คุณสมบัติที่สำคัญ

  • H-bridge 2ch ในตัว
    วงจรขับเอาท์พุตของไดรเวอร์รับการกำหนดค่าโดย DMOS FET ที่มีความต้านทานต่ำ โดยมีไดรเวอร์ 5A[1] 2ch H-bridge10A[1]  นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไดรฟ์1ch ในโหมดขนาน
  • การสื่อสาร SPI การเชื่อมต่อ Daisy-chain และการควบคุมมอเตอร์โดยการสื่อสาร SPI เท่านั้นลดพอร์ต MCU ซึ่งส่งผลต่อการย่อขนาดของระบบ
  • แพ็คเกจขนาดเล็ก
    TB9054FTG:VQFN 40 แบบ wettable flank ติดพื้นผิวขนาดเล็กพร้อม E-pad
    TB9053FTG: กำลังยึดพื้นผิวขนาดเล็กสำหรับแพ็คเกจ QFN 40pin พร้อม E-pad

การใช้งาน

ยานยนต์เช่นวาล์วคันเร่ง เครื่องยนต์ต่างๆ กระจกประตูพับเก็บได้ และระบบตัวถังร วมถึงสลักประตูไฟฟ้า

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขส่วน

ชิ้นTB9054FTG/TB9053FTG

จำนวนช่องสัญญาณ H-bridge

2ch

มอเตอร์ที่ใช้

Brushed DC motor

ฟังก์ชันมอเตอร์

เดินหน้า / ถอยหลัง / เบรก

ฟังก์ชั่นอื่นๆ

การควบคุม PWM (Direct / SPI), การควบคุมกระแส, จอภาพกระแส H-side, เอาต์พุตการวินิจฉัย,

โหมดสลีป

การตรวจจับข้อผิดพลาด

เกินกระแส, อุณหภูมิเกิน, VBAT/VCC แรงดันไฟฟ้าต่ำ,

โหลดเปิด

ช่วงแรงดันไฟฟ้าขณะทำงาน

VBAT = 4.5V ถึง 28V

VCC = 4.5V ถึง 5.5V

VDDIO = 3.0V ถึง 5.5V

แหล่งจ่ายไฟภายนอก

3 แหล่ง (VBAT, VCC, VDDIO)

อุณหภูมิในการทำงาน

-40℃ ถึง 125℃

แพ็คเกจ

TB9054FTG: P-VQFN40-0606-0.50

TB9053FTG: P-QFN40-0606-0.50

(ขนาด: 6.0มม. × 6.0มม.)

ความเถสียร

ผ่านการรับรองมาตรฐาน AEC-Q100

ตัวอย่างที่เสนอ

TB9054FTG: ธันวาคม 2020

TB9053FTG: กุมภาพันธ์ 2021

การผลิตจำนวนมาก

TB9054FTG: มีนาคม 2022

TB9053FTG: พฤษภาคม 2022

หมายเหตุ:

[1] กระแสมอเตอร์ที่ขับเคลื่อนจริงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการใช้งานและปัจจัยต่างๆ เช่นอุณหภูมิโดยรอบและแรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่:

TB9054FTG
https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TB9054FTG

TB9053FTG
https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp ? pid = TB9053FTG

คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอแนะนำสินค้า https://videoclip.toshiba.semicon-storage.com/ap-en/detail/videos/products/video/6215045280001/automotive-brushed-dc-motor-driver-ic-tb9054ftg-tb9053ftg?autoStart=true

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IC ไดรเวอร์มอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านของโตชิบาโปรดไปที่: https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/automotive-devices/automotive-brushed-dc-motor-driver-ics.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า
System Devices Marketing Dept. III  (ฝ่ายการตลาดอุปกรณ์ระบบ III)
Automotive Marketing Group II
(กลุ่มการตลาดยานยนต์ II)
โทร : + 81-3-3457-3440
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ผสมผสานความแข็งแกร่งของบริษัท ใหม่เข้ากับภูมิปัญญาแห่งประสบการณ์  นับตั้งแต่กลายเป็นบริษัท อิสระในเดือนกรกฎาคม 2560 บริษัทได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกระบบ LSI และ HDD

พนักงาน 24,000 คนทั่วโลกร่วมกันมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุดและเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างมูลค่าและตลาดใหม่  บริษัทตั้งตารอที่จะสร้างยอดขายต่อปีได้ทะลุ 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201209006066/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Department (แผนกการตลาดดิจิทัล)
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร : + 81-3-3457-4963 semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

WorldRemit เปิดตัวโปรโมชั่นช่วงเทศกาลวันหยุดเพื่อช่วยเหลือผู้รับผลประโยชน์ชาวฟิลิปปินส์สร้างธุรกิจในฝัน

Logo

ผู้ชนะจะได้รับแพ็คเกจธุรกิจแฟรนไชส์ร้านข้าว Grainsmart มูลค่า 200,000 PHP ให้กับผู้ที่พวกเขาเลือกในฟิลิปปินส์

มะนิลา ฟิลิปปินส์–(บิสิเนสไวร์)–09 ธ.ค. 2563

WorldRemit ผู้นำธุรกิจการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบดิจิทัล เปิดตัวโปรโมชั่นเพื่อช่วยให้ลูกค้าฉลองเทศกาลวันหยุดและสร้างธุรกิจในฝันสำหรับคนที่คุณรักในฟิลิปปินส์

ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ลูกค้าสามารถเข้าร่วมโปรโมชั่นโดยส่งเงินไปยังฟิลิปปินส์โดยใช้บัญชี WorldRemit ที่ถูกต้องและลงทะเบียนที่ www.worldremit.com/pangkabuhayan เพื่อลุ้นรับ 1 ใน 10 แพ็คเกจธุรกิจแฟรนไชส์ ​​Grainsmart มูลค่า PHP 200,000 สำหรับผู้รับ

“พวกเราที่ WorldRemit ตระหนักถึงความท้าทายที่คนงานชาวฟิลิปปินส์ต่างประเทศและครอบครัวต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้  นอกเหนือจากการสร้างความมั่นใจว่าการโอนเงินจะถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยผ่านบริการของเรา เราต้องการช่วยให้ครอบครัวเหล่านี้สร้างตนขึ้นมาใหม่และมีอิสระทางการเงินมากขึ้นโดยการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน  ด้วยการส่งเสริมนี้เราไม่เพียงแต่สนับสนุนผู้รับเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนเกษตรกรชาวฟิลิปปินส์ที่ต้องการความช่วยเหลือในทำนองเดียวกันด้วย”  Earl Melivo ผู้อำนวยการประจำประเทศฟิลิปปินส์ของ WorldRemit กล่าว

แพคเกจธุรกิจแฟรนไชส์ ​​Grainsmart แต่ละชุดประกอบด้วย

  • ข้าว 60 กระสอบ (25 กก.)
  • เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอล
  • แท็บเล็ตที่ติดตั้งไว้อย่างสมบูรณ์สำหรับบัญชีศูนย์ชำระค่าใช้จ่าย
  • ป้ายธุรกิจหลักประกันทางการตลาดและอุปกรณ์ทางธุรกิจอื่นๆ
  • โปรแกรมการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษาออนไลน์ ให้แนวทางในการจัดตั้งธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างมาก  การโจมตีของซูเปอร์ไต้ฝุ่นโกนีและไต้ฝุ่นวัมโกได้ขยายขอบเขตความเสียหายนี้ในฟิลิปปินส์ ทำให้บ้านเรือนหลายพันหลังพังพินาศและทำลายธุรกิจต่างๆ

จะมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะบนหน้า Facebook ของ WorldRemit (https://www.facebook.com/WorldRemit/)

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชม www.worldremit.com/pangkabuhayan

WorldRemit

WorldRemit เป็นธุรกิจการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบดิจิทัลชั้นนำ  เราปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เคยครอบงำโดยผู้เล่นเดิมออฟไลน์โดยการโอนเงินระหว่างประเทศทางออนไลน์ที่ปลอดภัย เร็วขึ้น และมีต้นทุนต่ำลง  ปัจจุบันเราส่งสินค้าจาก 50 ถึง 150 ประเทศ โดยดำเนินการในช่องทางการโอนเงิน 6,500 แห่งทั่วโลกและมีพนักงานมากกว่า 1,100 คนทั่วโลก

WorldRemit ฝั่งผู้ส่งเป็นระบบดิจิทัล 100% (ไร้เงินสด) เพิ่มความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ที่รับเงิน  บริษัทมีตัวเลือกมากมายรวมถึงการฝากเงินธนาคาร การเก็บเงินสด และการเติมเงินผ่านมือถือ

โดยได้รับการสนับสนุนโดย Accel, TCV และ Leapfrog – สำนักงานใหญ่ของ WorldRemit ตั้งอยู่ในลอนดอน สหราชอาณาจักรโดยมีสำนักงานประจำภูมิภาคในสหรัฐอเมริกาแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ โซมาลิแลนด์ ยูกันดา เคนยา รวันดา แทนซาเนีย ซิมบับเว และเบลเยียม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม www.worldremit.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201208006158/en/

สอบถามสำหรับสื่อมวลชน

Khristine Dela Cruz
Media Relations Manager (ผู้จัดการฝ่ายสื่อสัมพันธ์)
Ogilvy
Khristine.delacruz@ogilvy.com 
09178554779

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Pickering Electronics เซ็นสัญญากับ Wiselink สำหรับตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย

Logo

ผลิตภัณฑ์ reed relay ชั้นนำที่ได้รับการสนับสนุนโดยพันธมิตรผู้จัดจำหน่าย 'มุ่งสู่ความเป็นเลิศและความพึงพอใจของลูกค้า'

แคล็กตันออนซี อังกฤษ–(บิสิเนสไวร์)–08 ธ.ค. 2563

Pickering Electronics บริษัท reed relay ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการย่อขนาดและประสิทธิภาพมานานกว่า 50 ปี ได้ลงนามในข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดจำหน่ายกับ Wiselink ซึ่งครอบคลุมประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201208005810/en/

Pickering Electronics Signs With Wiselink in Singapore, Malaysia and Thailand (Graphic: Business Wire)

Pickering Electronics Signs เซ็นสัญญากับ Wiselink สำหรับตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย (กราฟฟิค: Business Wire)

Wiselink ให้ความสำคัญอย่างมากในการส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับ ลูกค้าของตน  บริษัททำหน้าที่เป็นพันธมิตรด้านช่องทางการจัดหาให้กับซัพพลายเออร์กว่า 35 รายและลูกค้า OEM และ CEM มากกว่า 2,500 รายในอุตสาหกรรมต่างๆ  Keith Moore ซีอีโอของ Pickering ให้ความเห็นว่า: “Wiselink เป็นพันธมิตรเชิงรุกของเราในภูมิภาคที่สำคัญนี้ โดยทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศและความพึงพอใจของลูกค้า”

Pickering เป็นที่รู้จักสำหรับนวัตกรรม reed relays ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวิทช์ reed ที่มีสูญญากาศพ่นรูทีเนียมเพื่อให้มั่นใจถึงความมั่นคงยาวนานถึงการดำเนินงาน 5×109 รอบ  โครงสร้างขดลวดและเทคโนโลยี SoftCenter™ ยังช่วยเพิ่มความเสถียรและความทนทานในขณะที่การใช้การคัดกรองแม่เหล็กแบบ Mu-metal (ทั้งภายนอกหรือภายใน) ทำให้ PCB มีความหนาแน่นของบรรจุภัณฑ์แบบเคียงข้างกันสูงเป็นพิเศษ โดยมีปฏิสัมพันธ์แม่เหล็กน้อยที่สุดซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและพื้นที่ได้มาก  นอกจากนี้ reed relay ของ Pickering ยังได้รับการทดสอบ 100% สำหรับการทำงานทั้งหมด รวมถึงการวิเคราะห์รูปคลื่นหน้าสัมผัส พร้อมการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสม่ำเสมอ

สามารถอ่านข้อดีอื่นๆ ของ reed relay ของ Pickering ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Pickering Electronics

Pickering Electronics ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อนเพื่อออกแบบและผลิต reed relay คุณภาพสูง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในอุปกรณ์เครื่องมือวัดและทดสอบ  ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Single-in-Line (SIL/SIP) ของ Pickering ได้รับการพัฒนามากที่สุดในอุตสาหกรรมรีเลย์โดยมีอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งจำนวนมากถึง 25%.  Reed relay แบบ SIL/SIP ขนาดเล็กเหล่านี้ขายในปริมาณมากให้กับบริษัท ATE และบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ทั่วโลก

Pickering Electronics เป็นส่วนหนึ่งของ Pickering Group ของเอกชน ประกอบด้วยผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามรายรวมถึง Pickering Interfaces ที่ออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์การสลับสัญญาณและการจำลองสัญญาณแบบแยกส่วนและ Pickering Connect ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผลิตสายเคเบิลและตัวเชื่อมต่อ

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201208005810/en/

ติดต่อ:

Poppy Moore
Marketing Communications Manager (ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสาร)
Pickering Electronics Ltd.
poppy.moore@pickeringrelay.com 
โทร: +44 1255 428141
www. pickeringrelay.com

หรือหน่วยงาน:

Nick Foot
PR Director (ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร)
BWW Communications
Nick.foot@bwwcomms.com 
โทร: +44 1491-636393
www.bwwcomms.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NHS เลือก Q-nomy Inc. และ ACF Technologies เพื่อสนับสนุนแคมเปญฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส โควิด -19 ในสหราชอาณาจักร

Logo

ระบบการจองการฉีดวัคซีนแห่งชาติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วผ่านความพยายามในการทดสอบ COVID-19

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–8 ธ.ค. 2563

Q-nomy Inc. ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชันการเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์ของลูกค้า ที่ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลายช่องทาง หรือแบบ Omnichannel ประกาศในวันนี้ว่าการฉีดวัคซีน COVID-19 ทั้งหมดทั่วสหราชอาณาจักรจะถูกจัดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มการนัดหมาย Q-Flow® ซึ่งจัดทำโดย ACF Technologies ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในสหราชอาณาจักร

ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป โซลูชันการจัดตารางเวลาขององค์กร Q-Flow การจองออนไลน์ และการจัดการการแบบที่มีการโต้ตอบ (interactive) จะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยงาน National Health Service (NHS) ทั้งนี้เพราะการจองนัดหมายการฉีดวัคซีนจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความจำเป็นในการแจ้งเตือนลูกค้าในสถานที่มากกว่าหนึ่งพันแห่งทั่วสหราชอาณาจักร โดยก่อนหน้านี้ ACF ยังได้รับเลือกให้ส่งมอบโซลูชันการจัดการการนัดหมายสำหรับโปรแกรมทดสอบ COVID-19 ทั่วประเทศของสหราชอาณาจักร อีกด้วย

“ในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา Q-Flow ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นในฐานะโซลูชันการจัดตารางเวลาจำนวนมากสำหรับโปรแกรมทดสอบ COVID-19 ของ NHS เราภูมิใจมากที่ NHS ได้เลือก ACF Technologies และ Q-nomy อีกครั้งเพื่อสนับสนุนความพยายามในการฉีดวัคซีนระดับชาติที่ยิ่งใหญ่นี้” Lior Miller รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Q-nomy กล่าว “ Q-Flow ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการโต้ตอบและการรับส่งข้อมูลในขนาดระดับนี้ และจะพร้อมให้บริการในปริมาณการจองได้ถึง 500,000 นัดต่อวัน”

“ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับทีมงานในสหราชอาณาจักรของเรา” Andy Hart กรรมการผู้จัดการ ACF Technologies EMEA กล่าว “ ไม่มีเวลาไหนที่เราจะผนึกกำลังและสร้างความแตกต่างได้ดีไปกว่าตอนนี้ ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในชาติและความปรารถนาที่จะสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และเพื่อนร่วมงาน เราจึงทำทุกอย่างเพื่อการมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับโควิด -19”

เกี่ยวกับ Q-nomy Inc.

Q-nomy เป็นผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ชั้นนำที่ให้บริการโซลูชันการจัดการกระบวนการทางธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง Q-nomy ช่วยให้ธุรกิจและองค์กรทั่วโลกทำงานได้ดีขึ้นโดยการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าผ่านช่องทางติดต่อทั้งทางกายภาพและทางดิจิทัล Q-nomy มีสถานที่ตั้งมากกว่า 1200 แห่งใน 5 ทวีปที่อยู่ในองค์กรด้านการดูแลสุขภาพ รัฐบาล การเงินโทรคมนาคม การค้าปลีก และการศึกษา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.qnomy.com/mass-scheduling-app

เกี่ยวกับ ACF Technologies

ACF Technologies เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในการนำเสนอโซลูชันการจัดการการนัดหมายระดับองค์กรที่ทันสมัยที่สุดในโลก บริษัทตั้งขึ้นเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ด้วยประสบการณ์เกือบสองทศวรรษในหลายอุตสาหกรรมเราจึงเป็นผู้นำระดับโลกในการจัดการโฟลว์ขั้นสูงของลูกค้า แนวทางการให้คำปรึกษาเป็นหลักของเราช่วยให้ลูกค้ามีความคล่องตัวในทุกปฏิสัมพันธ์ตั้งแต่การจัดตารางนัดหมาย ไปจนถึงการมาถึง ณ สถานที่ โดยอาศัยข้อเสนอแนะหลังการให้บริการ โซลูชันของบริษัทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน สร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น และส่งมอบผลกำไรที่แข็งแกร่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมไปที่: https://www.acftechnologies.com/healthcare

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201208005499/en/

ติดต่สำหรับสื่อของ Q-nomy:

Lior Miller – Lior.Miller@qnomy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald