Walgreens ประกาศขยายเพิ่มกลยุทธ์ธุรกิจบริการด้านการเงินด้วย InComm Payments

Logo

Walgreens เสนอบัญชีธนาคารรูปแบบใหม่พร้อมบัตรเดบิตมาสเตอร์การ์ดที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม InComm Payments

InComm Payments เพื่อยกระดับโปรแกรมบัตรของขวัญแบรนด์ Walgreens

เดียร์ฟีลด์ อิลลินอยส์ และ แอตแลนตา–(BUSINESS WIRE)–30 มีนาคม 2564

วันนี้ Walgreens ได้ประกาศข้อตกลงกับ InComm Payments ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีการชำระเงินชั้นนำระดับโลก โดยมอบตัวเลือกบริการทางด้านการเงินที่สะดวกและเข้าถึงได้ให้กับลูกค้า บริษัทจะเปิดตัวบัญชีธนาคารรูปแบบใหม่ที่เสนอให้กับลูกค้าที่จะจัดตั้งขึ้นที่ MetaBank * ด้วยบัตรเดบิตมาสเตอร์การ์ดที่จะให้บริการแก่นักช้อปของ Walgreens ทั้งในร้านค้าและทางออนไลน์และช่วยให้พวกเขาได้รับรางวัล myWalgreens Cash จากการซื้อสินค้าทั้งหมดโดยเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมความภักดีของลูกค้า myWalgreens ในรูปแบบใหม่ซึ่งได้เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา

ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การทำกำไรทางเลือกของ Walgreens และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ประกาศความคิดริเริ่มที่กว้างขึ้น ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ ๆ ที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการนำเสนอบริการและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า โซลูชันการธนาคารรูปแบบใหม่จะช่วยเสริมแผนการของ Walgreens ในการมุ่งเน้นด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีต่อไปและยกระดับโปรแกรมความภักดีและการปรับเปลี่ยนในแบบของลูกค้า โซลูชันนี้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลแบงก์กิ้งที่ทันสมัยของ InComm Payments นักช้อปของ Walgreens จะสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ในร้านค้าหรือลงทะเบียนโดยตรงทางออนไลน์จากนั้นสามารถจัดการด้านการเงินในชีวิตประจำวันของพวกเขาได้อย่างง่ายดายในแอปธนาคารบนมือถือใหม่ที่ใช้งานง่าย บัญชีธนาคารดังกล่าวคาดว่าจะสามารถใช้ได้ที่ร้านค้าและทางออน์ไลน์ของ Walgreens เกือบ 9,000 แห่ง ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564

 “Walgreens มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าเกี่ยวกับความต้องการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีและเรายินดีที่จะขยายบริการทางด้านการเงินของเราเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และวิธีที่เราตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น”  John Standley ประธาน Walgreens กล่าว “เราหวังว่าจะได้บุกเบิกและแนะนำโครงการด้านสุขภาพและการชำระเงินเพื่อความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้พร้อมกับสร้างช่องทางรายได้ใหม่ ๆ ”

 “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Walgreens ได้เลือกโซลูชันบริการทางด้านการเงินของ InComm Payments เพื่อมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าและชุมชน”  Stefan Happ ประธานของ InComm Payments กล่าว “การนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่นี้จะทำให้ Walgreens เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับบริการทางด้านการเงิน โดยสร้างจากชื่อเสียงของ Walgreens ในฐานะร้านค้าแบบครบวงจร (one-stop shop) สำหรับร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อ”

นอกจากนี้ Walgreens และ InComm Payments มีแผนที่จะเปิดตัวโปรแกรมบัตรของขวัญแบรนด์ Walgreens อีกครั้ง InComm Payments จะดูแลการจัดการโปรแกรมบัตรของขวัญที่มีอยู่แล้วของ Walgreens โดยเปิดตัวบัตรของขวัญดิจิทัลของ Walgreens และเปิดใช้งานการซื้อสินค้าและแลกของกำนัลแบบดิจิทัลบน walgreens.com InComm Payments ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการกระจายบัตรของขวัญ Walgreens ให้กว้างขึ้นผ่าน B2B โปรแกรมความภักดี รางวัลและช่องทางอีคอมเมิร์ซ การขยายตัวนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการเป็นหุ้นส่วน 12 ปีของ InComm Payments และ Walgreens ในขณะที่ยกระดับแบรนด์ Walgreens และประสบการณ์ของลูกค้าทั้งในร้านค้า ออนไลน์ และผ่านมือถือ

* บัญชีธนาคารจะเป็นบัญชีเงินฝากตามความต้องการที่จัดตั้งขึ้นโดยมีบัตรเดบิตที่ออกโดยMetaBank®, N.A. สมาชิก FDIC ตามใบอนุญาตของ Mastercard International Incorporated

เกี่ยวกับ Walgreens

Walgreens (www.walgreens.com) รวมอยู่ในแผนก Retail Pharmacy USA ของ Walgreens Boots Alliance, Inc. (Nasdaq: WBA) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านร้านขายยาในรูปแบบขายปลีกและขายส่ง ในฐานะร้านขายยา บริษัทดูแลสุขภาพและความงาม ที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดในอเมริกา Walgreens มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชุมชนในอเมริกา โดยดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกมากกว่า 9,000 แห่งทั่วอเมริกา เปอร์โตริโก และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา Walgreens ภูมิใจที่จะเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพในบริเวณใกล้เคียงที่ให้บริการลูกค้าประมาณ 8 ล้านคนในแต่ละวัน เภสัชกรของ Walgreens แสดงบทบาทที่สำคัญในระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกา โดยให้บริการร้านขายยาและบริการด้านการดูแลสุขภาพที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้ป่วยให้ดีที่สุด Walgreens นำเสนอประสบการณ์ในทุกช่องทางโดยมีแพลตฟอร์มที่รวบรวมทางกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ

เกี่ยวกับ InComm Payments

InComm Payments เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการชำระเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบบไดนามิกและความเชี่ยวชาญที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว InComm Payments นำเสนอแพลตฟอร์มการชำระเงินแบบ end-to-end ที่ได้รับการยกระดับและโซลูชันเทคโนโลยีทางการเงินที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตในหลากหลายอุตสาหกรรมรวมถึงการค้าปลีก การดูแลสุขภาพ การเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางและการขนส่ง เงินจูงใจ การชำระเงินผ่านมือถือ และบริการทางด้านการเงิน ด้วยการเปิดใช้งานการเชื่อมต่อในทุกช่องทางกับฐานผู้บริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระบบนิเวศดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น InComm Payments จะสร้างประสบการณ์การค้าที่ราบรื่นและมีประโยชน์ทั่วโลก ด้วยประสบการณ์มากกว่า 27 ปี การจัดจำหน่ายมากกว่า 500,000 จุด ถือสิทธิบัตรทั่วโลก 386 รายการ และปรากฎอยู่ในกว่า 30 ประเทศ InComm Payments เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการชำระเงินจากสำนักงานใหญ่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.InCommPayments.com

เกี่ยวกับ MetaBank®, N.A.

MetaBank®, N.A. เป็นธนาคารแห่งชาติในเครือของ Meta Financial Group, Inc.® (Nasdaq: CASH) และบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น ตั้งอยู่ในเซาท์ดาโกตา MetaBank ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการทางด้านการเงินที่ประกอบธุรกิจเพื่อเพิ่มความพร้อมทางด้านการเงิน ทางเลือก และโอกาสสำหรับทุกคน MetaBank มุ่งมั่นที่จะขจัดอุปสรรคที่สถาบันดั้งเดิมได้วางไว้ในการเข้าถึงทางการเงิน และส่งเสริมความคล่องตัวทางเศรษฐกิจด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง ซึ่งมีส่วนทำให้เข้าถึงบุคคลและชุมชนซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจที่แท้จริง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.metapay.com หรือ www.metafinancialgroup.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210330005424/en/

ติดต่อ:

Walgreens
Emily Hartwig-Mekstan
media@walgreens.com

InComm Payments
Nilce Piccinini
npiccinini@incomm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ripple เข้าซื้อหุ้น 40% ในบริษัท Tranglo ผู้เชี่ยวชาญด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนชั้นนำของเอเชีย

Logo

เสริมสร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อขยายสภาพคล่องตามความต้องการของ RippleNet ในตลาดสำคัญ โดยเริ่มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–30 มี.ค. 2564

Ripple ผู้ให้บริการโซลูชั่นบล็อกเชนระดับองค์กรสำหรับการชำระเงินทั่วโลกประกาศว่าได้ตกลงที่จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท Tranglo ผู้เชี่ยวชาญด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนชั้นนำของเอเชียถึง 40%  ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ Ripple สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคและขยายการเข้าถึงของ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP เพื่อส่งเงินได้ทันทีและลดความต้องการเงินทุนหมุนเวียน

ในฐานะผู้บุกเบิกบริการชำระเงินข้ามพรมแดน Tranglo จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนตลาดที่มีอยู่เช่นฟิลิปปินส์และแนะนำเส้นทาง ODL ใหม่ภายในเครือข่ายปัจจุบัน  ในขณะที่ Ripple ขยายขอบเขต ODL ในภูมิภาคนี้ ลูกค้าของ RippleNet ที่ใช้ ODL จะสามารถใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ Ripple เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและขยายการชำระเงินข้ามพรมแดนไปยังตลาดต่างๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม  Tranglo จะให้บริการและขยายบริการการชำระเงินในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า

ตลาดการชำระเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการแยกส่วนอย่างมาก แต่ละประเทศมีกระบวนการและโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง – การขาดการบูรณาการมาตรฐานสำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดนในระดับภูมิภาคในปัจจุบันต้องใช้วิธีแก้ปัญหาที่มีราคาแพง  ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทผสานความเชี่ยวชาญเชิงลึกในท้องถิ่นเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินข้ามพรมแดน

การลงทุนของ Ripple ใน Tranglo เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ลึกซึ้งของบริษัทในการเสริมสร้างระบบนิเวศการชำระเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับการนำ RippleNet มาใช้  เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทได้ประกาศให้ Brooks Entwistle เป็นกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเป็นผู้นำและขยายการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Jacky Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tranglo กล่าวว่า “Tranglo มีความภาคภูมิใจในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนได้เร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Ripple และการนำเสนอสภาพคล่องตามความต้องการสู่ตลาดใหม่ๆ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาเป้าหมายดังกล่าวในการให้บริการทางการเงินที่สามารถเข้าถึงได้และเป็นธรรมแก่คนทั่วไป”

Asheesh Birla ผู้จัดการทั่วไปของ RippleNet ที่ Ripple กล่าวว่า “โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่แข็งแกร่งของ Tranglo ควบคู่ไปกับการบริการลูกค้าและคุณภาพที่เหนือชั้นทำให้พวกเขาเป็นพันธมิตรที่เหมาะอย่างยิ่งในการรองรับการขยายตัวของสภาพคล่องตามความต้องการโดยเริ่มจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะสานต่อและปฏิบัติภารกิจร่วมกันในการเปลี่ยนแปลงการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนให้เร็วขึ้น ถูกลง และปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและทรัพย์สินดิจิทัล”

การเสร็จสมบูรณ์ของการเข้าซื้อนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎข้อบังคับและเงื่อนไขการปิดบัญชีตามปกติและคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2564  เมื่อเสร็จสิ้น Amir Sarhangi รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการจัดส่งที่ Ripple และ Brooks Entwistle จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของ Tranglo.  TNG Fintech Group จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Tranglo และจะทำงานร่วมกับ Ripple เพื่อขยายเครือข่ายการโอนเงินทั่วโลกของ Tranglo

RippleNet ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์เพื่อส่งมอบโซลูชันทางการเงินตั้งแต่การส่งข้อความแบบสองทิศทาง การชำระบัญชี การจัดการสภาพคล่อง และวงเงินสินเชื่อ ไปจนถึงการมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก  เมื่อปีที่แล้ว Ripple ได้ประกาศผลิตภัณฑ์สินเชื่อซึ่งเป็นบริการบน RippleNet ที่ช่วยให้ลูกค้าที่ใช้ On-Demand Liquidity (ODL) สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนตามความต้องการเพื่อเริ่มการชำระเงินข้ามพรมแดนตามขนาดโดยใช้ XRP ของสินทรัพย์ดิจิทัล

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้สามารถชำระเงินได้ทุกที่ทุกทางสำหรับทุกคนโดยใช้พลังของบล็อกเชน  ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายทั่วโลก (RippleNet) ที่กำลังเติบโตของ Ripple สถาบันการเงินสามารถประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าได้ทุกที่ในโลกได้ทันทีอย่างเชื่อถือได้และคุ้มค่า  ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัล XRP เพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ๆ  ด้วยสำนักงานในซานฟรานซิสโก วอชิงตันดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple มีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

เกี่ยวกับ Tranglo

Tranglo เป็นศูนย์กลางการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีประวัติในด้านการชำระเงินทางธุรกิจการโอนเงินต่างประเทศและโซลูชันการชำระเงินผ่านมือถือ  ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 เรามีสำนักงานในกัวลาลัมเปอร์ สิงคโปร์ จาการ์ตา ดูไบ และลอนดอน  เครือข่ายทั่วโลกของเราครอบคลุมมากกว่า 100 ประเทศ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 2,500 ราย ธนาคาร/กระเป๋าเงิน 1,300 แห่ง และจุดรับเงินสด 130,000 จุด

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210329005796/en/

ติดต่อ:

Stacey Ngo
press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

วิดีโอแนะนำระบบเพื่อการรับรองทักษะการปรุงอาหารญี่ปุ่น เผยแพร่โดย TOW Co. Ltd. (โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) หน่วยงานการรับสมัครการรับรอง/การจัดการ (the Certification Application/Management Body)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–30 มีนาคม 2564

TOW Co., Ltd.:

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210329005028/en/

 [https://tow.co.jp/certification/]
ไปที่ลิงก์นี้เพื่อดูสารคดีที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของระบบการรับรองผ่านเรื่องราวของเชฟชาวต่างชาติที่พยายามทดสอบ Gold Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ระบุไว้สูงสุดของระบบ

กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมงญี่ปุ่น ได้กำหนดแนวทางการรับรองทักษะการปรุงอาหารสำหรับอาหารญี่ปุ่นในต่างประเทศเมื่อเดือนเมษายน 2559

ระบบนี้กำหนดมาตรฐานเฉพาะที่องค์กรเอกชนอาจใช้เพื่อยกย่องเชฟชาวต่างชาติที่ได้รับระดับความรู้และทักษะการปรุงอาหารที่จำเป็นสำหรับการเตรียมการปรุงอาหารญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าอาหารญี่ปุ่นและวัฒนธรรมการบริโภคอาหารจะดึงดูดความสนใจตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและทางทะเลของญี่ปุ่นได้รับการสื่อสารอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลทั่วโลก *

และด้วยวิธีการนี้ ภาคเอกชนสามารถวางตำแหน่งตัวเองโดยเป็นแรงผลักดันในการส่งเสริมความพยายามในการรับรองทักษะการปรุงอาหารญี่ปุ่น การเพิ่มจำนวนผู้ได้รับการรับรองรายบุคคล และส่งเสริมการเติบโตของเชฟชาวต่างชาติที่ได้รับความรู้และทักษะที่เหมาะสมสำหรับการเตรียมการปรุงอาหารญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสูงสุดในการเสริมสร้างชื่อเสียงระดับโลกของอาหารญี่ปุ่นและวัฒนธรรมการบริโภคอาหารและขยายการบริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและทางทะเลของญี่ปุ่น

ด้วยเหตุนี้ TOW Co. , Ltd. จึงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในฐานะระบบการรับรองของหน่วยงานการรับสมัคร/การจัดการ  (Application/Management Body of the Certification System) ในเดือนมีนาคม 2564 บริษัทได้อนุมัติหน่วยงานรับรอง 11 แห่ง ซึ่งได้รับการยอมรับเชฟ 14 คน ว่ามีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานการรับรองระดับโกลด์ โดย 187 คนได้รับรางวัลระดับซิลเวอร์ และระดับบรอนซ์ 389 คน

แม้ว่าการระบาดใหญ่ของ COVID-19 จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการบริการด้านอาหารทั่วโลก TOW Co. , Ltd. ยังคงมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามภารกิจของบริษัท และสนับสนุนให้เชฟชาวต่างชาติทุกคนที่ต้องการได้รับความรู้และทักษะในการเตรียมการปรุงอาหารญี่ปุ่น โดยบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสร้างและแบ่งปันวิดีโอแนะนำระบบการรับรองทักษะการปรุงอาหารสำหรับอาหารญี่ปุ่นจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

* มาตรฐานการรับรอง

ระดับทอง

ผู้ที่มีประสบการณ์ประมาณสองปีในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีหัวหน้าเชฟเป็นชาวญี่ปุ่นและถือว่าได้รับความรู้และทักษะตามที่ระบุไว้

ความรู้และทักษะที่จะได้รับ

• ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น สไตล์การทาน สาเกและชาญี่ปุ่น

• ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสุขอนามัย

ประเภทและการป้องกันอาหารเป็นพิษ เสื้อผ้า การจัดการส่วนประกอบอาหาร การทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อภาชนะและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร ส่วนประกอบอาหารและอาหารที่ต้องใช้ความร้อน

• เทคนิค

วิธีการใช้ภาชนะและอุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่น วิธีการเลือกส่วนผสมอาหาร วิธีหั่นและปลอกส่วนประกอบอาหาร ขั้นตอนและชั่วโมงที่ต้องใช้ในการปรุงอาหาร ระดับความร้อน /กลไกการใช้ความร้อน วิธีทำดาชิ (น้ำซุปญี่ปุ่น) การผสมอัตราส่วนของเครื่องปรุง การนำเสนอวิธีการถนอมอาหาร การจัดเตรียมเมนู

• ความใส่ใจในการบริการ (โอโมเทนาชิ)

ถ้อยคำ คำทักทาย ข้อควรคำนึง มารยาท วิธีการจัดวางอาหาร

ระดับซิลเวอร์

ผู้ที่เรียนและได้รับความรู้และทักษะเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นระบุไว้ประมาณหนึ่งปีที่โรงเรียนสอนทำอาหารที่ตั้งอยู่ในและนอกประเทศของตน และจบการศึกษาจากโรงเรียนดังกล่าว

หรือ

ผู้ที่มีประสบการณ์ประมาณหนึ่งปีในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีหัวหน้าเชฟเป็นชาวญี่ปุ่นและถือว่าได้รับความรู้และทักษะตามที่ระบุไว้

ความรู้และทักษะที่จะได้รับ

• ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น สไตล์การทาน

• ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสุขอนามัย

ประเภทและการป้องกันอาหารเป็นพิษ เสื้อผ้า การจัดการส่วนประกอบอาหาร การทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อภาชนะและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร ส่วนประกอบอาหารและอาหารที่ต้องใช้ความร้อน

• เทคนิค

วิธีการใช้ภาชนะและอุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่น วิธีการเลือกส่วนผสมอาหาร วิธีหั่นและปลอกส่วนประกอบอาหาร การผสมอัตราส่วนของเครื่องปรุง ขั้นตอนและชั่วโมงที่ต้องใช้ในการปรุงอาหาร ระดับความร้อน /กลไกการใช้ความร้อน วิธีทำดาชิ (น้ำซุปญี่ปุ่น) การนำเสนอวิธีการถนอมอาหาร

• ความใส่ใจในการบริการ (โอโมเทนาชิ)

มารยาท วิธีการจัดวางอาหาร

ระดับบรอนซ์

ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความรู้และทักษะที่ระบุไว้ในช่วงระยะสั้น ฯลฯ ซึ่งจัดโดยโรงเรียนสอนทำอาหารญี่ปุ่นและ /หรือหน่วยงานเอกชนที่ตั้งอยู่ในและนอกประเทศของตนและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับรอง

ความรู้และทักษะที่จะได้รับ

• ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่น

• ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสุขอนามัย

การป้องกันอาหารเป็นพิษ เสื้อผ้า การจัดการส่วนประกอบอาหาร การทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อภาชนะและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร ส่วนประกอบอาหารและอาหารที่ต้องใช้ความร้อน

• เทคนิค

วิธีการใช้ภาชนะและอุปกรณ์ทำอาหารญี่ปุ่น วิธีการเลือกส่วนผสมอาหาร วิธีหั่นและปลอกส่วนประกอบอาหาร การผสมอัตราส่วนของเครื่องปรุง ขั้นตอนและชั่วโมงที่ต้องใช้ในการปรุงอาหาร การนำเสนอ วิธีการถนอมอาหาร

• ความใส่ใจในการบริการ (โอโมเทนาชิ)

มารยาท

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210329005028/en/

ติดต่อ:

Japanese Cuisine Cooking Skill Certification Application/Management Body:
TOW Co., Ltd. Secretariat
Aya Hamasuna
Mail: nihonshoku.ginou@tow.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Rush Gold ลงนามความร่วมมือรายใหญ่เพื่อมอบบริการใช้จ่ายด้วยทองคำให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือหลายรายใน 10 ประเทศอาเซียน

Logo

ซิดนีย์–(บิสิเนสไวร์)–30 มี.ค. 2564

Rush Gold Global (Rush Gold) แพลตฟอร์มฟินเทคที่มอบการใช้จ่ายทองคำทางช่องทางดิจิทัลให้กับตลาดค้าปลีกและธุรกิจได้ลงนามในความร่วมมือครั้งใหม่กับ ZAFA Group Sdn. Bhd. ในมาเลเซียเพื่อนำบริการออมและใช้จ่ายด้วยทองคำให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (MNO) ทั่วภูมิภาคอาเซียน

ข้อตกลงของ Rush Gold กับ ZAFA Group Sdn. Bhd. ในมาเลเซียจะช่วยให้ MNO ในสิบประเทศอาเซียนสามารถเสนอบริการชำระค่าใช้จ่ายโดยใช้ทองคำเป็นสกุลเงินร่วมกัน  โมเดลที่ใช้เทคโนโลยีโทรคมนาคมนี้ทำให้ซุปเปอร์แอพพลิเคชันเช่น m-Pesa สามารถครองตลาดส่วนใหญ่ของแอฟริกาได้

แอพ Dnar.Cash ที่พัฒนาโดย MVNX Alliance บริษัทย่อยของ ZAFA เปิดตลาดที่มีศักยภาพของผู้ใช้มือถือ 650 ล้านคนทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยทำให้พวกเขาสามารถลงทุนในทองคำ ใช้เพื่อจ่ายค่าเติมเงินมือถือ จ่าย zakat (tithing) และรับรางวัลทองคำและเงินคืน

“เรามองบริษัททองคำดิจิทัลหลายแห่ง” Aimi Aizal Bin Nasharuddin ผู้อำนวยการ MVNX กล่าว “แต่มีเพียง Rush Gold เท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านเทคนิค ความปลอดภัย การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ และความสามารถในการดำเนินงานที่เราต้องการ  การสนับสนุนของทีม Rush นั้นยอดเยี่ยมในทุกขั้นตอน”

“เราสร้างแพลตฟอร์มของเราเพื่อให้บริษัทต่างๆ เช่น ZAFA รวมถึงธนาคารและโปรแกรมลอยัลตี้สามารถรวมทองคำเข้ากับข้อเสนอของพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว” Mark Pey ผู้อำนวยการของ Rush Gold กล่าว “ออสเตรเลียมีกฎระเบียบควบคุมการเงินและสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เข้มงวด นวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลก และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตทองคำแท่งรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเรารู้สึกว่าล้วนเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญของเรา”

MVNX ได้ลงนามกับพันธมิตรการเปิดตัวในมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไฟฟ้าและบริการโทรคมนาคมให้กับลูกค้า 9 ล้านราย โดยมีข้อตกลงการจัดจำหน่ายที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

การประกาศความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเปิดตัว Rush Mastercard พร้อม EML ผ่านวอลเล็ทมือถือรายใหญ่

ZAFA Group ดำเนินงานในหลายประเทศโดยมีสำนักงานใหญ่ในมาเลเซีย ซึ่งทำงานในด้านการผลิตยานยนต์ บริการโทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นเอกชน และเป็นบริษัทในเครือของ ASEAN Co-operative Organization (ACO).  Rush Gold เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินโดยใช้ทองคำที่มีการควบคุมโดยกฏหมายซึ่งช่วยให้ธุรกิจและลูกค้าสามารถออม มอบเป็นของขวัญ โอน และใช้ทองคำทั่วโลกอย่างทันใจ  Rush มีลูกค้าใน 13 ประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://rush.gold/

ติดต่อ:

Mark Pey ผู้อำนวยการ
Rush Gold
mark.pey@rush.gold 
+61 1800183424

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

UVD Robots นำทีมหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดไปใช้ในหนึ่งเขตการศึกษาของสหรัฐอเมริกา

Logo

หุ่นยนต์ 37 ตัวมีบทบาทสำคัญในการนำนักเรียนในโรงเรียนในนิวเม็กซิโกที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก COVID กลับเข้าไปในห้องเรียน

โอเดนเซ่, เดนมาร์ก และ GALLUP รัฐนิวเม็กซิโก–(BUSINESS WIRE)–25 มี.ค. 2564

Blue Ocean Robotics ผู้ผลิตหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติ UVD Robots โดยใช้แสง UV-C ได้รับเลือกจาก Gallup McKinley County Schools (GMCS) แห่งเมืองนิวเม็กซิโกให้จัดหาหุ่นยนต์ UVD 37 ตัวให้กับโรงเรียนในเขตต่าง ๆ เพื่อช่วยต่อสู้กับไวรัสโคโรนา และ โรคติดเชื้ออื่น ๆ

Students from GMCS’ Twin Lakes School participated in a naming contest for the robot to help with socialization and morale. The school’s robot will now be known as Mr. Fox. UVD Robots were originally developed to fight Hospital Acquired Infections (HAI’s) and are now deployed in more than 60 countries worldwide in the healthcare sector, the hospitality industry, office complexes and educational facilities, meeting new and heightened expectations for safety and cleanliness. (Photo: Business Wire)

นักเรียนจากโรงเรียน Twin Lakes ของ GMCS เข้าร่วมการประกวดการตั้งชื่อหุ่นยนต์เพื่อช่วยในการกระตุ้นปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ โดยตั้งแต่นี้ไป หุ่นยนต์ของโรงเรียนได้ถูกตั้งชื่อว่า Mr. Fox เดิมทีหุ่นยนต์ UVD ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อในโรงพยาบาล หรือ Hospital Acquired Infections (HAI’s) และในปัจจุบันมีการนำไปใช้งานในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกในภาคการดูแลสุข ภาพอุตสาหกรรม การบริการ อาคารสำนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการศึกษา ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ในด้านความปลอดภัยและความสะอาดได้ (ภาพ: Business Wire)

“COVID ได้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อชุมชนของเรา โดยข้อกังวลหลักของเราคือความปลอดภัยของนักเรียนและเจ้าหน้าที่ และการพัฒนาแผนเพื่อนำพวกเขาทั้งหมดกลับไปโรงเรียนอย่างปลอดภัยที่สุด” Michael Hyatt ผู้อำนวยการ Gallup McKinley กล่าว “ เราต้องการโซลูชันการฆ่าเชื้อโรคในระยะยาวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่เพิ่มชั้นการป้องกันที่จะฆ่าเชื้อบนพื้นผิวและอากาศในอาคารของเราและช่วยต่อสู้กับโควิด หวัด ไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อในอีกหลายปีข้างหน้า”

งานของ GMCS ครอบคลุมชุมชนที่มีพื้นที่ในชนบทจำนวนมากที่เผชิญปัญหาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งทำให้การเรียนรู้เสมือนจริงยังเป็นเรื่องท้าทายจากข้อเท็จจริงว่านักเรียนประมาณ 1,500 คน ไม่มีอินเทอร์เน็ตที่บ้าน งานของเขตนี้ยังรวมถึงการให้การศึกษาแก่นักเรียนอีกหลายคนที่มีความต้องการด้านการศึกษาพิเศษ ซึ่งเป็นนักเรียนกลุ่มที่เรียนรู้ได้ดีกว่าในการเรียนแบบห้องเรียน

“ หุ่นยนต์ UVD Robot ไม่เหมือนกับหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคที่ตั้งอยู่กับที่ ตรงที่มันเป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระเต็มที่ เทคโนโลยีผสานรวมการใช้แสง UV-C เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบนพื้นผิวและในอากาศ และสามารถฆ่าจุลินทรีย์ร้อยละ 99.99 ภายในเวลาประมาณ 10 นาทีในทุกห้องที่ฆ่าเชื้อ” Claus Risager ซีอีโอของ Blue Ocean Robotics กล่าว

“เราได้เลือกหุ่นยนต์ UVD หลังจากได้พิจารณาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อจำนวนมากอย่างเข้มงวด” Hyatt กล่าว “ หุ่นยนต์ UVD มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการทั้งหมดของเรารวมถึงความเป็นเลิศทางเทคนิค วุฒิภาวะและประวัติการทำงาน คุณภาพของการใช้งาน การสนับสนุนทางเทคนิคและการบำรุงรักษา และมูลค่าโดยรวม”

“ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศสิ่งที่เราเชื่อว่าจะเป็นการติดตั้งหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดในเขตการศึกษาของสหรัฐอเมริกา” Per Juul Nielsen ซีอีโอของ UVD Robots กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ GMCS เพื่อก้าวไกลเอาชนะ COVID โดยนำการฆ่าเชื้อโรคในระดับโรงพยาบาลมาสู่เขตการศึกษา”

เอกสารสำหรับสื่อ

เกี่ยวกับ

UVD Robots  เป็นหนึ่งในกลุ่มชั้นนำของโลกในการพัฒนาหุ่นยนต์บริการที่มีชื่อเรียกว่า Blue Ocean Robotics ซึ่งรวมถึงแบรนด์ GoBe Robots และ PTR Robots อนึ่ง UVD Robots มีสำนักงานใหญ่ในเดนมาร์กและเพิ่งถูกรวมอยู่เป็น 1 ใน 10 อันดับแรก ของFast Company ในสาขา “Most Innovative Robotics Companies 2021 หรือ บริษัทหุ่นยนต์ที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในปี 2564”

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52401125/en

ติดต่อ:

Camilla Almind Knudsen, Blue Ocean Robotics

+45 61 10 02 74

cak@blue-ocean-robotics.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Takeda ยื่นคำร้องทดสอบวัคซีนไข้เลือดออกในสหภาพยุโรปและประเทศที่โรคไข้เลือดออกระบาด

Logo

− หน่วยงานควบคุมยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) จะดำเนินการประเมินแบบคู่ขนานครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์ยาซึ่งเป็นวัคซีนโรคไข้เลือดออกทดลองของ Takeda (TAK-003) สำหรับใช้ในสหภาพยุโรปและประเทศนอกสหภาพยุโรปผ่านขั้นตอน EU-M4all (บทความที่ 58 ก่อนหน้านี้)

− Takeda ตั้งใจจะเสนอคำร้องในประเทศอาร์เจนตินา บราซิล โคลอมเบีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เม็กซิโก สิงคโปร์ ศรีลังกา และไทย ในช่วงปี 2564 นี้

− TAK-003 กำลังได้รับศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มาจากซีโรไทป์ของไวรัสไข้เลือดออกในบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 4-60 ปี

โอซาก้า, ประเทศญี่ปุ่น & แคมบริดจ์, รัฐแมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2564

วันนี้ Takeda Pharmaceutical Company Limited (TSE:4502/NYSE:TAK(“Takeda”) ได้ประกาศว่าหน่วยงานควบคุมยาแห่งสหภาพยุโรป EMA)ได้รับชุดคำร้องการทดสอบวัคซีนไข้เลือดออก (TAK-003) ซึ่งกำลังได้รับการตรวจสอบการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่เกิดจากซีโรไทป์ของไวรัสไข้เลือดออกในบุคคลอายุ 4-60 ปี โดย Takeda ตั้งใจยื่นคำร้องในประเทศอาร์เจนตินา บราซิล โคลอมเบีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เม็กซิโก สิงคโปร์ ศรีลังกา และไทย ในช่วงปี 2564 นี้

Derek Wallace รองประธานกรรมการและหัวหน้าโครงการป้องกันโรคไข้เลือดออกระดับโลกแห่ง Takeda กล่าวว่า “การยื่นคำร้องทดสอบวัคซีนไข้เลือดออก TAK-003 นั้นถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญแก่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในหรือเดินทางไปยังชุมชนต่าง ๆ และได้รับผลกระทบจากภัยของโรคไข้เลือดออก การระบาดของโรคไข้เลือดออก ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 500,000 คนทั่วโลกที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแต่ละปี สามารถสร้างความเสียหายแก่ชุมชนและรัฐบาลได้ เนื่องจากมีผลกระทบในวงกว้างต่อระบบการดูแลสุขภาพ ด้วยตัวเลือกที่มีอยู่อย่างจำกัดในการป้องกันโรค วัคซีนไข้เลือดออกที่หาได้ทั่วไปจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน Takeda มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลและแนะนำหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการประเมินคำร้องและช่วยให้ TAK-003 ได้รับการอนุมัติ”

Takeda อยู่ระหว่างเข้าร่วมในการประเมินผลิตภัณฑ์ยาแบบคู่ขนานครั้งแรกของหน่วยงานควบคุมยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) สำหรับใช้ในสหภาพยุโรป (EU) และขั้นตอน EU-M4all (บทความ 58 ก่อนหน้านี้) สำหรับประเทศที่อยู่นอกสหภาพยุโรป นอกเหนือจากความเห็นทางวิทยาศาสตร์ที่เสนอโดยคณะกรรมการยาสำหรับใช้ในมนุษย์ (CHMP) แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลระดับชาติในประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในกระบวนการ EU-M4all จะดำเนินการประเมินตนเองเพื่อพิจารณาว่าหากทำการซื้อขาย TAK-003 ในตลาดระดับประเทศจะได้รับอนุมัติหรือไม่ นอกจากนี้ Takeda ยังขออนุมัติ TAK-003 ในประเทศที่เป็นโรคไข้เลือดออกที่ไม่ได้เข้าร่วมในขั้นตอน EU-M4all อีกด้วย

การยื่นคำร้องสำหรับTAK-003 ประกอบด้วยข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพระยะยาวตลอด 36 เดือนจากการทดลองศึกษาประสิทธิภาพของการสร้างภูมิคุ้มกัน Tetravalent เพื่อต่อสู้กับไข้เลือดออก (TIDES) เฟส 3 Takeda ตั้งใจนำเสนอและเผยแพร่รายละเอียดของข้อมูลในระยะเวลา 36 เดือนนี้ในการประชุมทางวิทยาศาสตร์และในวารสารวิชาการที่ผ่านการตรวจสอบในปีนี้

Takeda ยังตั้งใจที่จะยื่นคำร้องขอในสหรัฐอเมริกา ตามด้วยประเทศอื่น ๆ ในเอเชียและละตินอเมริกาอีกด้วย

EU-M4all1

EU-M4all (หรือ EU-Medicines for all) เป็นขั้นตอนที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาหรือวัคซีนที่จำเป็นเพื่อป้องกันหรือรักษาโรคอันเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของสาธารณะ โดยหน่วยงานควบคุมยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ในความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถให้ความเห็นทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับยาและวัคซีนสำหรับโรคที่สำคัญต่อระบบสาธารณสุข ซึ่งมีไว้สำหรับตลาดที่อยู่นอกสหภาพยุโรปผ่านขั้นตอน EU-M4all (รู้จักกันในชื่อบทความ 58 ก่อนหน้านี้)

เกี่ยวกับ TAK-003

วัคซีนไข้เลือดออกทดลอง Tetravalent ของ Takeda (TAK-003) ขึ้นอยู่กับไวรัสไข้เลือดออกซีโรไทป์ 2 ที่มีชีวิต ซึ่งสร้าง “กระดูกสันหลัง” ผ่านทางพันธุกรรมให้กับไวรัสวัคซีนทั้ง 4 ชนิด2 ข้อมูลทางคลินิกในเด็กและวัยรุ่นเฟส 2 พบว่าTAK-003 กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อซีโรไทป์ของไข้เลือดออกทั้ง 4 ชนิด ทั้งในผู้เข้าร่วมที่มี seropositive และ seronegative ซึ่งสามารถอยู่ได้ตลอด 48 เดือนหลังการฉีดวัคซีน ส่วนวัคซีนโดยรวมนั้นปลอดภัยและทนได้ดี3 การทดลอง TIDES ที่สำคัญเฟส 3 พบจุดสิ้นสุดปฏิกิริยาครั้งแรกของประสิทธิภาพวัคซีนโดยรวม (VE) ที่ป้องกันโรคไข้เลือดออกที่เกิดจากไวรัสจากการติดตามผล 12 เดือน และ จุดสิ้นสุดปฏิกิริยาครั้งที่สองจากการติดตามผล 18 เดือน ซึ่งมีผู้ป่วยไข้เลือดออกจำนวนเพียงพอ รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการนอนโรงพยาบาลจากไข้เลือดออกและประสิทธิภาพของวัคซีนสำหรับคนที่มี seropositive และ seronegative4,5  ประสิทธิภาพจะแตกต่างกันไปตามซีโรไทป์ โดยผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นทั่วไปของ TAK-003 เป็นที่ยอมรับได้ดีและยังไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับความปลอดภัยจนถึงปัจจุบัน

เกี่ยวกับการทดลอง TIDES (DEN-301) เฟส 3

การทดลอง TIDES เฟส 3 แบบสุ่มโดยการปิดข้อมูลทั้งสองทาง (Double-blinded) และควบคุมด้วยยาหลอก จะประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ TAK-003 สองโดสในการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ได้รับการยืนยันจากห้องแล็บว่ามีความรุนแรงและเกิดจากซีโรไทป์ของไวรัสไข้เลือดออก 4 ชนิดในเด็กและวัยรุ่น4 การทดลอง TIDES เป็นการทดลองทางคลินิกที่ใหญ่ที่สุดของ Takeda ในปัจจุบันและมีการลงทะเบียนจากเด็กและวัยรุ่นสุขภาพดีอายุ 4 ถึง 16 ปีกว่า 20,000 คน และอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีโรคไข้เลือดออกระบาด ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับการสุ่มให้รับ TAK-003 หรือไม่ก็ยาหลอกปริมาณ 0.5 มิลิลิตร โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังในวันที่ 1 และฉีดอีกครั้ง 3 เดือนถัดไป4 การศึกษาประกอบด้วย 5 ส่วนด้วยกัน ส่วนที่ 1 และการวิเคราะห์จุดสิ้นสุดปฏิกิริยาครั้งแรกจะประเมินประสิทธิภาพของวัคซีน (VE) และความปลอดภัยภายใน 15 เดือนหลังจากรับวัคซีนครั้งแรก (12 เดือนหลังจากได้รับครั้งที่สอง)4 ส่วนที่ 2 ดำเนินต่อไปอีก 6 เดือนเพื่อให้การประเมินจุดสิ้นสุดปฏิกิริยาครั้งที่สองของประสิทธิภาพวัคซีนโดยใช้ซีโรไทป์ ซีโรไทป์พื้นฐาน และความรุนแรงของโรค รวมทั้งประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการนอนโรงพยาบาลจากไข้เลือดออก4 ประสบผลสำเร็จ ส่วนที่ 3 คือการประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนและความปลอดภัยในระยะยาว โดยติดตามผู้เข้าร่วมอีก 2.5-3 ปี6 ส่วนที่ 4 จะประเมินความปลอดภัยเป็นเวลา 13 เดือนหลังการฉีดวัคซีนกระตุ้น และส่วนที่ 5 จะประเมินความปลอดภัยในระยะยาวเป็นเวลา 1 ปีหลังจากเสร็จสิ้นส่วนที่ 4 แล้ว6

การทดลองจัดขึ้นในพื้นที่ท้องถิ่นในละตินอเมริกา (บราซิล โคลอมเบีย ปานามา สาธารณรัฐโดมินิกัน และนิการากัว) และเอเชีย (ฟิลิปปินส์ ไทย และศรีลังกา) ซึ่งมีการป้องกันไข้เลือดออกได้ยังไม่ดีพอ และเป็นพื้นที่ที่ไข้เลือดออกรุนแรงนำไปสู่อาการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงและเสียชีวิตในเด็ก4 ตัวอย่างเลือดพื้นฐานถูกเก็บรวบรวมจากผู้เข้าร่วมการทดลองทุกคนเพื่อที่จะประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพตามซีโรไทป์ Takeda และคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลอิสระของผู้เชี่ยวชาญกำลังตรวจสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกเป็นโรคไวรัสที่แพร่กระจายได้รวดเร็วที่สุดโดยมียุงเป็นพาหะ และเป็นหนึ่งใน 10 โรคที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชากรโลกในปี 25627,8  ไข้เลือดออกส่วนใหญ่แพร่กระจายโดยยุงลายบ้าน และยุงลายสวนซึ่งอยู่ในระดับที่น้อยกว่า โดยสาเหตุเกิดจากซีโรไทป์ของไวรัสไข้เลือดออก 4 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดอาจทำให้เกิดไข้เลือดออกหรือไข้เลือดออกชนิดรุนแรง ซึ่งอัตราความชุกของแต่ละซีโรไทป์จะแตกต่างกันไปตามเขตภูมิศาสตร์ ประเทศ ภูมิภาค ฤดูกาล และช่วงเวลาผ่านไป9 การฟื้นตัวจากการติดเชื้อจากซีโรไทป์หนึ่งจะให้ภูมิคุ้มกันตลอดชีวิตกับซีโรไทป์นั้น และการสัมผัสกับซีโรไทป์ที่เหลือในภายหลังอาจมีความเสี่ยงต่อโรครุนแรงเพิ่มขึ้น

ไข้เลือดออกสามารถแพร่ระบาดได้ง่าย การระบาดจะพบในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ การระบาดได้เกิดขึ้นในบางส่วนของทวีปอเมริกาและยุโรป10,11 ปัจจุบัน ผู้คนประมาณครึ่งหนึ่งของโลกอาศัยอยู่ภายใต้การคุกคามของไข้เลือดออก ซึ่งคาดว่าผู้คนจำนวน 390 ล้านคนจะติดเชื้อ และประมาณ 20,000 คนทั่วโลกจะเสียชีวิตในแต่ละปี10,12 ไวรัสไข้เลือดออกสามารถติดได้กับคนทุกวัย และเป็นสาเหตุสำคัญของอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงในเด็กในประเทศแถบละตินอเมริกาและเอเชีย10

ความมุ่งมั่นในการจัดหาวัคซีนของ Takeda

วัคซีนช่วยป้องกันการเสียชีวิต 2-3 ล้านคนในแต่ละปี และได้พลิกโฉมการสาธารณสุขทั่วโลก ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา Takeda ได้จัดหาวัคซีนเพื่อปกป้องสุขภาพของผู้คนในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบัน ธุรกิจวัคซีนของ Takeda ทั่วโลกมีการนำนวัตกรรมมาใช้จัดการกับโรคติดเชื้อที่ท้าทายที่สุดในโลก เช่น ไข้เลือดออก โควิด-19 โรคไข้ซิกา และโนโรไวรัส ทีมงานของ Takeda นำเสนอผลงานที่โดดเด่น และแหล่งความรู้มากมายในการพัฒนา การผลิต และการเข้าถึงวัคซีนทั่วโลก เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของวัคซีนและตอบสนองความต้องการด้านสาธารณสุขที่เร่งด่วนที่สุดในโลก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.TakedaVaccines.com

เกี่ยวกับt Takeda Pharmaceutical Company Limited

Takeda Pharmaceutical Company Limited (TSE: 4502/NYSE: TAK) เป็นบริษัทยาระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมุ่งเน้นคุณค่าและขับเคลื่อนด้วยการวิจัยและพัฒนา โดยให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาและพัฒนาองค์ความรู้ มุ่งมั่นที่จะนำสุขภาพที่ดีและอนาคตที่สดใสมาให้กับผู้ป่วยโดยผ่านการแปลงผลงานด้านวิทยาศาสตร์ไปสู่นวัตกรรมยาที่เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยได้ เรามุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยเป็นอย่างมากโดยมุ่งเน้นแขนงการรักษาหลัก ๆ ทั้งสี่ด้าน ได้แก่ มะเร็งวิทยา ทางเดินอาหาร โรคหายาก และประสาทวิทยา อีกทั้งเรายังได้มีการลงทุนในการวิจัยในเรื่องของการบำบัดโดยพลาสม่าและวัคซีนอีกด้วย เราให้ความสำคัญกับการพัฒนายาที่มีนวัตกรรมสูงซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผู้คนด้วยการนำเสนอตัวเลือกการรักษาใหม่ที่มีความก้าวหน้า และใช้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาร่วมกันของเรารวมถึงความสามารถในการสร้างการบริการที่หลากหลายและแข็งแกร่ง พนักงานของเรามุ่งมั่นที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยนั้นดีขึ้น และมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านการดูแลสุขภาพในกว่า 80 ประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.takeda.com

ประกาศสำคัญ

ในประกาศนี้ “ข่าวประชาสัมพันธ์” หมายถึง เอกสารชิ้นนี้ การนำเสนอด้วยวาจา ช่วงถามและตอบ และการเจรจาที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือวาจาใด ๆ ที่กล่าวถึงหรือเผยแพร่โดย Takeda Pharmaceutical Company Limited (“Takeda”) ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ (รวมถึงการบรรยายสรุปด้วยวาจาและการถามและตอบคำถามใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง) ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อ และไม่ได้ประกอบด้วย เป็นตัวแทน หรือส่วนหนึ่งของข้อเสนอ คำเชิญ หรือการชี้ชวนให้ซื้อหรือเข้าถือสิทธิ์ สมัคร แลกเปลี่ยน ขาย หรือขายทิ้งหลักทรัพย์ หรือการเชิญให้ลงคะแนนหรืออนุมัติใด ๆ ในเขตอำนาจตามกฎหมายใด ๆ ไม่มีการเสนอขายหุ้นหรือหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไปโดยผ่านข่าวประชาสัมพันธ์นี้ หลักทรัพย์นี้ไม่สามารถเสนอขายในสหรัฐอเมริกาได้หากมิได้มีการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ ค.ศ. 1933 (U.S. Securities Act of 1933) และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือได้รับการยกเว้นจากนั้น ข่าวประชาสัมพันธ์นี้แจกจ่าย (พร้อมกับข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่อาจมอบให้แก่ผู้รับ) บนเงื่อนไขที่ว่าผู้รับจะใช้เพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น (และไม่ใช่เพื่อการประเมินการลงทุน การเข้าซื้อ การเทขาย หรือการทำธุรกรรมอื่น ๆ ) การไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดเหล่านี้อาจเป็นการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ที่บังคับใช้

บริษัทที่ Takeda เป็นเจ้าของการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นนิติบุคคลแยกต่างหาก ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ บางครั้งมีการใช้คำว่า “Takeda” เพื่อความสะดวกในการอ้างอิงถึง “Takeda” และบริษัทในเครือโดยทั่วไป เช่นเดียวกัน คำว่า“ เรา” “พวกเรา” และ“ ของเรา” ถูกใช้เพื่ออ้างถึงบริษัทในเครือโดยทั่วไป หรือผู้ที่ทำงานให้บริษัทเหล่านั้น ข้อความเหล่านี้ยังถูกใช้ในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวถึงบริษัทหรือบริษัทอื่น ๆ โดยเฉพาะเจาะจง

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้และเนื้อหาใด ๆ ที่แจกจ่ายพร้อมกับข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต ความเชื่อหรือความเห็นที่เกี่ยวกับธุรกิจในอนาคต สถานะและผลประกอบการในอนาคตของ Takeda รวมถึงการประเมิน การคาดการณ์ เป้า และแผนต่าง ๆ ของ Takeda ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตจะประกอบด้วยคำที่ไม่จำกัดเฉพาะ “เป้า” “แผน” “เชื่อว่า” “หวังว่า” “เดินหน้า” “คาดว่า” “ตั้งเป้า” “ตั้งใจ” “รับรองว่า” “จะ” “อาจจะ” “ควร” “คาดการณ์” “ประเมิน” “ขึ้นอยู่กับ” หรือคำอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน หรือคำในความหมายเชิงลบของคำเหล่านี้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตในเอกสารนี้อ้างอิงจากการประเมินและสมมิตฐานของ Takeda ในวันที่เอกสารนี้เผยแพร่เท่านั้น และไม่ได้การันตีถึงการดำเนินการของ Takeda หรือฝ่ายบริหารของบริษัทในอนาคต และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับทั้งความเสี่ยงที่ทราบและไม่ทราบ ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ สภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ธุรกิจของ Takeda ทั่วโลก รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ความกดดันด้านการแข่งขันและการพัฒนาต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายและข้อกำหนด ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแลและช่วงเวลาของหน่วยงานนั้น ๆ ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ข้ออ้างหรือข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดแล้วหรือผลิตภัณฑ์ที่เตรียมออกสู่ตลาด ช่วงเวลาและผลกระทบหลังความพยายามในการควบรวมธุรกิจกับบริษัทที่ซื้อกิจการมา และความสามารถในการขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นสินทรัพย์หลักของ Takeda และช่วงเวลาที่มีการขาย ซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง การดำเนินการ ความสำเร็จ หรือสถานะทางการเงินของ Takeda แตกต่างไปจากที่กล่าวไว้ทั้งทางตรงและทางอ้อมในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้และปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง การดำเนินงาน ความสำเร็จหรือสถานะทางการเงินของ Takeda โปรดดูที่หัวข้อ “Item 3. Key Information—D. Risk Factors” ในรายงานประจำปีฉบับล่าสุดของ Takeda ในฟอร์ม 20-F และรายงานอื่น ๆ ของ Takeda ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ Takeda ที่: https://www.takeda.com/investors/ reports/sec-filings/ หรือ www.sec.gov Takeda ไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ในการปรับปรุงหรือแก้ไข ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ หรือข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตอื่น ๆ ที่อาจทำขึ้น นอกจากว่าจะกำหนดไว้โดยกฎหมายหรือกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้แสดงถึงผลการดำเนินงานในอนาคต และผลการดำเนินงานของ Takeda ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึง และไม่ใช่การประเมิน การคาดการณ์ หรือการคาดคะเนถึงผลการดำเนินงานของ Takeda ในอนาคต

ข้อมูลทางการแพทย์

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่อาจไม่ได้วางจำหน่ายในทุกประเทศ หรืออาจวางจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าที่ต่างกัน สำหรับอาการที่ต่างกัน ในปริมาณการใช้ที่ต่างกัน หรือมีผลในการรักษาที่ต่างกัน ข้อความในเอกสารนี้ไม่ใช่การชี้ชวน ส่งเสริม หรือโฆษณายาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ รวมทั้งยาที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

###


1The European Medicines Agency. Medicines for use outside the EU — EU-M4all. กรกฎาคม 2563. วันที่ค้นข้อมูล มีนาคม 2564.

2 Huang CY-H, et al. Genetic and phenotypic characterization of manufacturing seeds for tetravalent dengue vaccine (DENVax). PLoS Negl Trop Dis. 2013;7:e2243.

3Tricou, V, Sáez-Llorens X, et al. Safety and immunogenicity of a tetravalent dengue vaccine in children aged 2-17 years: a randomised, placebo-controlled, phase 2 trialLancet. 2563. doi:10.1016/S0140-6736(20)30556-0.

4 Biswal S, et al. Efficacy of a tetravalent dengue vaccine in healthy children and adolescents. N Engl J Med. 2562; 2562;381:2552-2562.

5 Biswal S, et al. Efficacy of a tetravalent dengue vaccine in healthy children aged 4-16 years: a randomized, placebo controlled, phase 3 trial. Lancet. 2563. 2563;395:1423-1433.

6 ClinicalTrials.Gov. Efficacy, Safety and Immunogenicity of Takeda's Tetravalent Dengue Vaccine (TDV) in Healthy Children (TIDES). วันที่สืบค้น มีนาคม 2564.

7 World Health Organization. Factsheet. Dengue and Severe Dengue. April 2019. วันที่สืบค้น กุมภาพันธ์ 2564.

8 World Health Organization. Ten threats to global health in 2019. 2019. วันที่สืบค้น กุมภาพันธ์ 2564.

9 Guzman MG, et al. Dengue: a continuing global threatNature Reviews Microbiology. 2010;8:S7-S16.

10 Knowlton K, et al. Mosquito-Borne Dengue Fever Threat Spreading in the Americas. The Natural Resources Defense Council (NRDC). 2009. วันที่สืบค้น กุมภาพันธ์ 2564.

11 Chan E, et al. Using web search query data to monitor dengue epidemics: a new model for neglected tropical disease surveillance. PLoS Negl Trop Dis. 2011;5:e1206.

12 Centers for Disease Control and Prevention. About Dengue: What You Need to Know. พฤษภาคม 2562. วันที่สืบค้น กุมภาพันธ์ 2564.

13 UNICEF. Vaccination and Immunization Statistics. 2562. วันที่สืบค้น กุมภาพันธ์ 2564.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210325005752/en/

สำหรับสื่อในญี่ปุ่น
Kazumi Kobayashi
kazumi.kobayashi@takeda.com
+81 (0) 3-3278-2095

สำหรับสื่อนอกญี่ปุ่น
Rachel Wiese
rachel.wiese@takeda.com
+1 917-796-8703

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tommy Hilfiger แต่งตั้ง Alegra O’Hare เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด

Logo

อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์–(BUSINESS WIRE)–25 มีนาคม 2564

Tommy Hilfiger ซึ่งมี PVH Corp. [NYSE: PVH] เป็นเจ้าของ มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Alegra O'Hare เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Tommy Hilfiger Global มีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 เมษายน 2564 โดยบทบาทและหน้าที่ของ O'Hare จะพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์การตลาดเพื่อเข้าถึงและมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค TOMMY HILFIGER ในรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อ ๆ ไป

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210325005086/en/

Alegra O’Hare, Chief Marketing Officer, Tommy Hilfiger Global (Photo: Business Wire)

Alegra O’Hare ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Tommy Hilfiger Global (ภาพ: Business Wire)

 “การแต่งตั้งของ Alegra ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญในยุคใหม่ของ TOMMY HILFIGER” Avery Baker ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้าของ Tommy Hilfiger Global กล่าว “เธอจะเป็นแรงผลักดันในการนำวิสัยทัศน์ใหม่ของแบรนด์เราให้ดูมีชีวิตชีวาผ่านการสร้างสรรค์ระดับโลก กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลและการตลาดแบบบูรณการทุกช่องให้รวมเป็นหนึ่งเดียว การเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งด้วยวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่พิสูจน์แล้วของเธอที่จะช่วยในการเติบโตที่มีความเกี่ยวข้องและธุรกิจกับผู้บริโภคทั่วโลกจะเป็นทรัพย์สินที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับเรา ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ Alegra ได้เข้าร่วมทีมของเราเพื่อเป็นผู้นำในการสร้างแฟนๆ ของ Tommy ในรุ่นต่อไป”

 “TOMMY HILFIGER เป็นแบรนด์ที่ก้าวนำหน้ามาโดยตลอด และฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่กับทีมท่ามกลางภูมิทัศน์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก” O’Hare กล่าว “เมื่อร่วมมือกันแล้วเราจะพบกับความเป็นจริงใหม่ ๆ เหล่านี้ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่น่าดึงดูดและน่าประหลาดใจให้กับผู้บริโภคและพัฒนาตำแหน่งของเราในฐานะนักการตลาดระดับโลกด้วยการผลักดันขอบเขตทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์”

ด้วยประสบการณ์ด้านการตลาดกว่า 25 ปีของ O’Hare เธอได้ร่วมงานกับแบรนด์ผู้บริโภคระดับโลกเช่น adidas, Bang & Olufsen, Champion, Lee และ Wrangler และล่าสุดเธอดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ GAP ซึ่งเธอเป็นผู้นำทีมการตลาดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคในทุกช่องทางติดต่อของแบรนด์รวมถึงการสื่อสาร การค้าปลีก ดิจิทัล โซเชียลมีเดียและการประชาสัมพันธ์ ผ่านการตลาดดิจิทัลเป็นอันดับแรกและการค้าปลีกทุกช่องทาง ก่อนหน้านี้ O’Hare เป็นผู้นำด้านการตลาดให้กับแบรนด์ Adidas Originals โดยเธอรับผิดชอบแคมเปญของแบรนด์ทั้งหมด การร่วมมือกับพันธมิตร เช่น Pharrell Williams, Alexander Wang และ Childish Gambino และการกระตุ้นการสื่อสารการตลาดทั้งหมดทั่วโลก

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกด้วยเอกลักษณ์เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ความคิดริเริ่มทางการตลาดของบริษัทมีส่วนช่วยในการเพิ่มจำนวนฟุตพริ้นท์ของ TOMMY HILFIGER โดยผ่านการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการรับรู้แบรนด์ทั่วโลกและกลยุทธ์ที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางซึ่งสร้างและรักษาฐานแฟน ๆ ที่เหนียวแน่น ปัจจุบันการนำออกแสดงของแบรนด์อยู่ในระดับสูงสุดตลอดเวลาอันเป็นผลมาจากคอลเลกชันที่โดดเด่น แคมเปญ การเป็นพันธมิตรและการกระตุ้นผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

TOMMY HILFIGER ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER  และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของTOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นผู้กำหนดมาตรฐานให้กับสไตล์ ในฐานะหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราสนับสนุนแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นให้เดินหน้า ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วยแบรนด์ต่าง ๆ อย่างเช่น Calvin KleinTOMMY HILFIGERVan HeusenIZOD, ARROW, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene รวมถึงแบรนด์ชุดชั้นในที่มีความเป็นดิจิทัลสูงอย่าง True&Co. เราจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายสู่ผู้บริโภคภายใต้แบรนด์เหล่านี้ และแบรนด์เป็นเจ้าของและได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่าย ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศกว่า 40 ประเทศ ทั้งหมดนี่คือพลังของเรา และนี่คือพลังของ PVH

แถลงการณ์ด้านความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995 (SAFE HARBOR STATEMENT UNDER THE PRIVATE SECURITIES LITIGATION REFORM ACT OF 1995): แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจในอนาคตของ บริษัท ของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995  นักลงทุนพึงระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยความแม่นยำและบางส่วนอาจคาดการณ์ไม่ถึงซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดแค่ (i) แผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจของบริษัทที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามดุลยพินิจของ บริษัท ; (ii) บริษัท อาจได้รับการพิจารณาว่าได้รับการยกระดับอย่างสูงและใช้กระแสเงินสดเป็นส่วนสำคัญในการบริหารหนี้สินอันเป็นผลมาจากการที่บริษัทอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ บริษัทตั้งใจหรือที่เคยมีการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา; (iii) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในเอกสารที่ บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

บริษัทไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ในการแก้ไขแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะไม่ว่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการรับข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

รับชมเวอรชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210325005086/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger:
Virginia Ritchie
Vice President, Global Communications
E-mail: virginia.ritchie@tommy.com
Tel: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Open Group OSDU™ Forum ประกาศเปิดตัว OSDU Data Platform Mercury Release

Logo

~ แพลตฟอร์มข้อมูลมาตรฐานที่ใช้กระตุ้นนวัตกรรม ส่งเสริมการจัดการข้อมูล และลดเวลาการวางตลาดสำหรับโซลูชันใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมพลังงาน ~

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–24 มีนาคม 2564

The Open Group ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรเทคโนโลยีที่เป็นกลางสำหรับผู้ขาย วันนี้ประกาศเปิดตัว OSDU Data Platform Mercury Release โดย The Open Group OSDU™ Forum เป็นผู้พัฒนา OSDU Data Platform ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเปิด และแพลตฟอร์มข้อมูลที่อิงตามมาตรฐานและเทคโนโลยีล้วน ๆ สำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อช่วยกระตุ้นนวัตกรรมการจัดการข้อมูลเชิงอุตสาหกรรมและลดเวลาในการวางตลาดสำหรับโซลูชันใหม่ ๆ

OSDU Data Platform จะให้เวลาเพิ่มเติมในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ของแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยผู้ขาย ซึ่งเปิดให้เข้าถึงและได้รับการยอมรับจากแหล่งข้อมูลด้านพลังงานมากมาย จากการเข้าถึงระบบนิเวศนี้ ผู้พัฒนาจะไม่ต้องพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างขนาดมหึมาเพื่อใช้ส่งมอบบริการเสริมอีกต่อไป ด้วย API ชุดเดียวที่กำหนดไว้เฉพาะอุตสาหกรรมในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ สามารถเร่งการออกแบบแพลตฟอร์มและพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นกรรมสิทธิ์บน OSDU Data Platform ได้อย่างง่ายดาย

ด้วยวิธีการของ Open Source บริษัททุกแห่งตั้งแต่องค์กรที่ก่อตั้งมานานไปจนถึงบริษัทสตาร์ทอัพ สามารถมีส่วนร่วมพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ มายังแพลตฟอร์มเพื่อสนับสนุนขั้นตอนการทำธุรกิจที่หลากหลาย งานทุกชิ้นจะถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการจัดการโปรแกรม OSDU หรือ OSDU Program Management Committee (PMC) เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่างานนั้นจะล้อไปกับทิศทางโดยรวมของประชาคม

ด้วยมุมมองเดียวของข้อมูลเชิงอุตสาหกรรม OSDU Data Platform สามารถนำไปใช้งานเพื่อนวัตกรรมแอปพลิเคชันทางธุรกิจ ปัจจุบัน OSDU Data Platform Mercury Release พร้อมให้บริการแก่ผู้ปฏิบัติงานและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต้องการใช้เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ ดังนี้

  • ปลดปล่อยข้อมูลจากไซโลแบบเดิมและทำให้ข้อมูลทั้งหมดสามารถค้นพบและใช้งานได้ในแพลตฟอร์มข้อมูลเดียว
  • เปิดใช้งานขั้นตอนพัฒนาและค้นหาแบบบูรณาการใหม่ ๆ ที่ช่วยลดเวลาในการทำงานโดยรวม
  • ใช้ประโยชน์จากโซลูชันดิจิทัลที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและช่วยเร่งการตัดสินใจ

Steve Nunnประธานและซีอีโอแห่ง The Open Group ให้ความเห็นว่า “The OSDU Data Platform Mercury Release คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่พัฒนาโดย OSDU Forum ในระยะเวลาอันสั้น OSDU Forum ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 มีสมาชิกองค์กรเพิ่มขึ้น 185 แห่ง โดยมาร่วมมือกันเพื่อกระตุ้นนวัตกรรมและลดค่าใช้จ่ายภาคพลังงาน ด้วยแพลตฟอร์มข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน บริษัทด้านพลังงานต่าง ๆ จะสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ระบบมาตรฐานเปิดเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น ในอนาคต สิ่งนี้มีความจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นของโลก พร้อมยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย”

Johan Krebbers ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายเทคโนโลยีเกิดใหม่ และ รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท Shell กล่าวว่า “หัวใจสำคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัทด้านพลังงานส่วนใหญ่คือการใช้เทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและพาเราก้าวไปข้างหน้าในยุคดิจิทัลในปัจจุบัน สิ่งนี้ทำให้ความจำเป็นในการออกแบบโครงสร้างทั่วไปมีความชัดเจน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนว่าอุตสาหกรรมของเราทำงานร่วมกับข้อมูลได้อย่างไร”

ด้าน David Eyton รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายนวัตกรรมและวิศวกรรม บริษัท bp กล่าวว่า “ข้อมูลคือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง bp ไปเป็นบริษัทพลังงานครบวงจร เราเชื่อว่าอนาคตของอุตสาหกรรมพลังงานจะขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการข้อมูลในรูปแบบการแบ่งปันข้อมูลกับพันธมิตร ส่งเสริมนวัตกรรมผ่านข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และกระตุ้นการตัดสินใจอย่างรวดเร็วตลอดวงจรชีวิตห่วงโซ่พลังงาน จากการเป็นสมาชิกก่อตั้งของ OSDU Forum นั้น bp ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่เปลี่ยนรากฐานภูมิทัศน์ของข้อมูลแก่อุตสาหกรรมของเรา และจากการรวมองค์กรด้านพลังงาน ผู้ให้บริการคลาวด์ และผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ไว้ด้วยกัน OSDU Forum จึงมอบโอกาสสำหรับความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น Mercury Release ของ OSDU Data Platform และหวังว่าจะขยายวิธีการนี้ไปยังงานด้านวิศวกรรม การปล่อยก๊าซ และพลังงานใหม่ ๆ ในอนาคต”

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาแอปพลิเคชันของ OSDU Data Platform เข้าไปที่หน้าชุมชนนักพัฒนาแอปพลิเคชันได้ที่นี่

ดูรายชื่อสมาชิกปัจจุบันของ OSDU Forum ได้ที่นี่

-สิ้นสุดเนื้อหา-

เกี่ยวกับ The Open Group OSDU Forum

The Open Group OSDUTM Forum ช่วยให้อุตสาหกรรมพลังงานพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานของโลกที่เปลี่ยนไป The OSDU Forum เปิดรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน รวมถึงผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี บริษัทซอฟท์แวร์ มหาวิทยาลัย และอื่น ๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The OSDU Forum ดูได้ที่นี่

เกี่ยวกับ The Open Group

The Open Group ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรระดับโลกที่ช่วยกันผลักดันความสำเร็จของธุรกิจผ่านมาตรฐานของเทคโนโลยี ด้วยสมาชิกองค์กรที่มากถึง 800 แห่ง อันประกอบด้วยลูกค้า ซัพพลายเออร์โซลูชันและระบบ ผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือ ผู้รวบรวม สถาบันการศึกษา และที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาได้ที่ www.opengroup.org

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210324005005/en/

ข้อมูลติดต่อสื่อ:
Jenny Morris
Hotwire
+44 (0)7393465529
UKOpengroup@hotwirepr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Liquid Instruments เปิดตัว Moku:Go โซลูชันการศึกษาในห้องปฏิบัติการที่แข็งแกร่งสำหรับนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรแห่งอนาคต

Logo

Moku: Go นำเสนอชุดเครื่องมือและคุณสมบัติที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักศึกษาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมสามารถก้าวข้ามขอบเขตดั้งเดิมของห้องปฏิบัติการและห้องเรียน

ซานดิเอโก้ และ แคนเบอร์รา ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–23 มี.ค. 2563

วันนี้ Liquid Instruments ผู้ริเริ่มด้านเครื่องมือวัดที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ที่มีความแม่นยำได้เปิดตัว Moku:Go ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบพกพาที่สมบูรณ์แบบที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณนำห้องปฏิบัติการวิศวกรรมไปได้ทุกที่ ซึ่งจะนำไปสู่ยุคใหม่ของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมในมหาวิทยาลัยทั่วโลก

ในการศึกษาระดับอุดมศึกษา เครื่องมือในห้องปฏิบัติการที่ใช้ในปัจจุบันเป็นแบบตั้งอยู่กับที่ มีราคาแพง มีฮาร์ดแวร์จำกัด และได้รับการติดตั้งข้อมูลตั้งแต่เมื่อซื้อ โซลูชันแบบพกพาที่มีอยู่ในปัจจุบันขาดอินเทอร์เฟซซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้ง่ายซึ่งนักศึกษารุ่นปัจจุบันและอนาคตคาดต้องการ นอกจากนี้ยังไม่มีเครื่องมือและคุณสมบัติที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกห้องปฏิบัติการ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันการเรียนรู้จากระยะไกลและประสบการณ์จริงทั้งในและนอกห้องเรียนทำให้ตลาดต้องการแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและที่ให้นักศึกษาเป็นเจ้าของได้โดยตรง เพื่อให้สามารถรองรับวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อ ๆ ไปได้

แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ใช้ซอฟต์แวร์ Moku: Go เป็นห้องปฏิบัติการทางวิศวกรรมที่สามารถใส่ไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังได้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการพกพา ความยืดหยุ่น และความทนทานสูงสุด ไม่เพียงแต่สำหรับนักศึกษาวิศวกรรมไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักศึกษาฟิสิกส์ วิศวกรรมชีวภาพ วิศวกรรมเคมี และสาขาวิชาอื่น ๆ ตลอดทั้งสี่ปีของการศึกษาและมากไปกว่านั้น ฮาร์ดแวร์ใหม่ประกอบด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและได้รับการพิสูจน์แล้ว 8 ชนิด ได้แก่ ออสซิลโลสโคป ตัวควบคุม PID เครื่องวิเคราะห์ลอจิกเครื่องกำเนิดรูปคลื่นตามใจ (arbitrary waveform generator)เครื่องบันทึกข้อมูล เครื่องวิเคราะห์สเปกตรัมและอื่น ๆ นอกจากนี้ยังให้การเชื่อมต่อเต็มรูปแบบด้วยฮอตสปอต Wi-Fi และ USB-C คุณสมบัติฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่งและการป้องกันไฟฟ้าที่ช่วยให้แน่ใจว่านักศึกษาสามารถศึกษาวิจัยโครงการใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องนำตัวเองหรืออุปกรณ์ของพวกเขาเข้าไปเสี่ยง อุปกรณ์จ่ายไฟในตัวที่ไม่เหมือนใครสามารถตั้งโปรแกรมได้โดยผู้ใช้ โดยมีตัวเลือกแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าให้เลือกใช้ในระดับสูงสำหรับทุกโครงการ

“นักศึกษาของเราตื่นเต้นมากเมื่อเราได้นำ Moku: Lab เข้ามาใช้ในห้องเรียนของเราเมื่อ 2 ปีก่อน และหลังจากได้เห็นความสามารถใหม่ ๆ ของ Moku:Go ผมก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เป็นที่ชัดเจนว่ามันจะช่วยนำประสบการณ์ทางการศึกษาของนักศึกษาไปสู่ยุคสมัยใหม่” พันเอก Brian J. Neff หัวหน้าแผนกวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ของ United States Air Force Academy กล่าว “ผมหวังว่าจะได้เห็นสิ่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานหลักสูตรของเรา”

ซอฟต์แวร์ของ Moku:Go ออกแบบมาเพื่อดึงดูดคนในยุคที่คุ้นเคยกับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ และสามารถใช้งานได้ในวงกว้างกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย Liquid Instruments ได้พาผู้ใช้ออกจากยุคโทรศัพท์แบบพับปิดเปิด และได้ออกแบบอินเทอร์เฟซสำหรับ Windows และ Mac ที่ใช้งานง่าย ดูน่าใช้ และทรงพลังสำหรับนักศึกษา ทั้งยังมีความสามารถในการเข้าถึงระยะไกลและมุมมองที่เป็นไดอะแกรมอย่างชัดเจนของห่วงโซ่การประมวลผลสัญญาณ ซึ่งทำให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้แนวคิดที่ยากได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะอยู่กับตัวผู้สอนหรือแบบการเรียนการสอนระยะไกล การออกแบบที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางช่วยให้มั่นใจได้ว่าพวกเขากำลังเรียนรู้แนวคิดหลักแทนที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์แต่เพียงอย่างเดียว

Moku: Go ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของนักเรียน แต่การรวมมันเข้ากับหลักสูตรยังช่วยลดภาระงานของอาจารย์และผู้ช่วยสอน แพลตฟอร์มนี้รองรับทั้ง Python, LabVIEW และ MATLAB API และได้เผยแพร่ตัวอย่างของสคริปต์สดของ MATLAB สำหรับการเรียนการสอนระยะไกล การช่วยเหลือนักศึกษาแบบสด ๆ และการควบคุมการคัดลอกงาน (plagiarism control)

ชุดคุณสมบัติที่แข็งแกร่งและซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนยังสามารถปลดล็อกความสามารถขั้นสูงสำหรับผู้ผลิตและแม้แต่นักเรียนมัธยมปลายที่ต้องการเรียนรู้ด้านวิศวกรรม ไม่ว่าพวกเขาจะเรียนรู้พื้นฐานของตัวต้านทานและออปแอมป์ (op-amps) หรือการออกแบบควอดคอปเตอร์ขั้นสูงพร้อมเซ็นเซอร์และระบบนำทางอัตโนมัติ Moku:Go จะช่วยให้เข้าถึงแนวคิดที่ซับซ้อน และโครงการด้านวิศวกรรมได้อย่างง่ายขึ้น ทุกที่ทุกเวลา ในราคาที่เข้าถึงได้

Liquid Instruments กำลังเปิดตัว Moku:Go สำหรับนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโซลูชันเครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งพัฒนาโดยทีมนักฟิสิกส์ทดลองและวิศวกรที่รู้โดยตรงว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในการเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้และการวิจัยในทุกระดับ ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ปัจจุบันของ Moku:Lab ถูกนำไปใช้โดยสถาบันชั้นนำทั่วโลกมาหลายปีโดยถูกนำไปใช้ค้นคว้าวิจัยในสาขาโฟโตนิกส์อิเล็กทรอนิกส์และวัสดุศาสตร์

“Moku: Lab ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของเรา  ทำให้นักวิจัยและพัฒนามีเครื่องมือและความยืดหยุ่นที่จำเป็นในการทำงานทั้งหมดรวมอยู่ในแพลตฟอร์มที่คล่องตัวและประหยัดต้นทุนแพลตฟอร์มเดียว ซึ่ง Moku:Go จะนำข้อดีเหล่านั้นมาปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยรวมและสร้างแรงกระตุ้นให้นักศึกษาที่เรียนวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม” ศาสตราจารย์ Daniel Shaddock ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Liquid Instruments กล่าว “ นักศึกษาสมควรมีอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการที่ทรงพลังและยืดหยุ่น แต่ยังสามารถใช้งานได้ง่ายและสนุกไปพร้อม ๆ กัน การปรับปรุงการเข้าถึงเครื่องมือทางการศึกษาที่สำคัญจะช่วยให้นักศึกษาจากทุกสาขาอาชีพสามารถประกอบอาชีพในสาขา วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์(Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) หรือ STEM ได้”

Moku: Go เริ่มต้นที่ราคา 499 เหรียญและสามารถปรับแต่งให้เข้ากับสีของสถาบันการศึกษาได้ เมื่อซื้อไปใช้สำหรับสถาบันการศึกษา สำหรับข้อมูลส่วนลดการศึกษา อุปกรณ์เสริม และข้อมูลจำเพาะทั้งหมดโปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์ ที่นี่

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Liquid Instruments และผลิตภัณฑ์ทั้งหมดโปรดไปที่ https://liquidinstruments.com.

เกี่ยวกับ Liquid Instruments

Liquid Instruments เป็นผู้นำด้านเครื่องมือวัดที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ที่มีความแม่นยำ และบริษัทกำลังปฏิวัติวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และนักศึกษา เพิ่มพูนความรู้และดำเนินการวิจัยและพัฒนา กลุ่มผลิตภัณฑ์ของโซลูชันฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของบริษัทใช้ประโยชน์จากพลังการคำนวณ FPGA สมัยใหม่เพื่อสร้างเครื่องมือที่ปรับแต่งได้สูงสำหรับการควบคุมการทดลองและการรับและวิเคราะห์ข้อมูล อนึ่ง สิทธิบัตรของทีมในด้านฮาร์ดแวร์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ Moku สามารถกำหนดค่าใหม่ได้แบบไดนามิกในภาคสนาม โดยให้บริการสถานการณ์การทดลองและการควบคุมกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา Moku: Lab ถูกใช้โดยสถาบัน R&D ชั้นนำหลายร้อยแห่งทั่วโลก และนำเครื่องมือมูลค่าสูงกว่า 12 ชนิดมารวมกันเป็นอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดที่ใช้งานง่าย ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับขั้นตอนการทดลอง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://liquidinstruments.com.

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52397899/en

ติดต่อสำหรับสื่อ

Kalyn Schieffer

kos@anzupartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Premas Biotech และ Oramed เผยวัคซีน COVID-19 ทางปากที่ได้ผลิตแอนติบอดีหลังจากการให้ยาเพียงครั้งเดียว

Logo

  • ส่งผลอย่างมากต่อความสะดวกในการแจกจ่ายวัคซีนแบบทุกที่ทุกเวลา
  • การป้องกันไวรัส COVID-19 ที่ดีกว่าเนื่องจากการเจาะแอนติเจน 3 ชนิด
  • เปิดตัว Oravax Medical Inc. เพื่อเร่งเส้นทางวัคซีนสู่ตลาด
  • การทดลองทางคลินิกคาดว่าจะเริ่มในไตรมาสที่ 2 2564

คุรุคราม อินเดีย–(บิสิเนสไวร์)–22 มี.ค. 2564

Premas Biotech ผู้พัฒนายารักษาโรคและวัคซีนประกาศการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด -19 ชนิดรับประทานที่แสดงประสิทธิภาพหลังจากการให้ยาเพียงครั้งเดียว โดยร่วมกับ Oramed Pharmaceuticals Inc. (Nasdaq/TASE: ORMP)

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210319005359/en/

ด้วยการเร่งเส้นทางของวัคซีนสู่ตลาด Premas, Oramed และผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ก่อตั้ง Oravax Medical Inc. ซึ่งได้รับใบอนุญาตพิเศษจาก Oramed และ Premas เพื่อพัฒนาวัคซีน COVID-19 ทางช่องปาก

สัตว์ทดลองที่ได้รับแคปซูล Oravax COVID-19 เพียงครั้งเดียวสามารถเห็นประสิทธิภาพได้ชัดด้วยการผลิตแอนติบอดี  วัคซีนของ Oravax ส่งเสริมภูมิคุ้มกันทั้งระบบผ่านอิมมูโนโกลบูลินจี (IgG) ซึ่งเป็นแอนติบอดีที่พบบ่อยที่สุดในเลือดและของเหลวในร่างกายที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัสและอิมมูโนโกลบูลินเอ (IgA) ซึ่งช่วยปกป้องระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหารจากการติดเชื้อ

วัคซีน VLP (Virus Like Particle) ที่ใช้โปรตีนของ Premas จะสร้างการป้องกันสามชั้นต่อเป้าหมาย Spike, Membrane และ Envelope ของไวรัส SARS นอกจากนี้ วัคซีนนั้นปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และรับประทานได้ในปริมาณปกติถึงสูงและสร้างแอนติบอดีที่เป็นกลางในระดับสูง  VLP ผลิตโดยใช้แพลตฟอร์ม D-Crypt™ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Premas ซึ่งสามารถผลิตในปริมาณสูงได้  ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ Premas Biotech Dr. Prabuddha Kundu ให้ความเห็นว่า “วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 ชนิดรับประทานที่ผสมผสานศักยภาพที่แท้จริงของแพลตฟอร์มเทคโนโลยี D-Crypt™ ของ Premas เข้ากับแพลตฟอร์มการส่งมอบโปรตีนในช่องปากของ Oramed POD® เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการทำงานร่วมกันที่แท้จริงและสามารถก้าวไปสู่การทดลองทางคลินิกระยะสุดท้ายได้อย่างรวดเร็ว  ประสบการณ์และความสำเร็จของ Oramed ในการดำเนินการทดลองโปรตีนในช่องปากระยะที่ 2 และ 3 ทำให้โปรแกรมของเราได้รับความนิยมอย่างมากในการแข่งขันเพื่อค้นหาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 ชนิดรับประทานที่มีประสิทธิภาพที่สามารถแจกจ่ายให้ทุกคนได้  เรารอคอยที่จะแบ่งปันข้อมูลทางคลินิกในเร็วๆ นี้”

“เรารู้สึกตื่นเต้นมากในศักยภาพของวัคซีนเราในการช่วยยุติการแพร่ระบาดได้” Nadav Kidron ซีอีโอของ Oramed กล่าว “การฉีดวัคซีน COVID-19 ในช่องปากจะช่วยขจัดอุปสรรคหลายประการในทำให้ผู้คนสามารถรับวัคซีนได้เองที่บ้าน  ในขณะที่ความสะดวกในการแจกจ่ายเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบันเพื่อเร่งอัตราการฉีดวัคซีนนั้น วัคซีนแบบรับประทานทางปากอาจมีค่ามากยิ่งขึ้นในกรณีที่อาจต้องฉีดวัคซีน COVID-19 เป็นประจำทุกปีหรือทุก 2 ปีเหมือนกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไป”

เกี่ยวกับ Oravax Medical Inc.

Oravax ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 โดย Oramed Pharmaceuticals Inc. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Oravax พร้อมด้วย Premas Biotech และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ที่มีภารกิจในการนำวัคซีน COVID-19 แบบรับประทานทางปากออกสู่ตลาด  Oravax ผสมผสานเทคโนโลยีวัคซีนล้ำสมัยที่ได้มาจาก Premas Biotech และเทคโนโลยีการรับยาทางปาก POD™ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Oramed Pharmaceuticals  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ www.ora-vax.comPremasสไบ

เกี่ยวกับ Premas Biotech

Premas Biotech พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และเป็นพันธมิตรกับบริษัทชีวเวชภัณฑ์ระดับโลกเพื่อสร้างและพัฒนาชีวบำบัดและวัคซีนใหม่ๆ  ประเด็นสำคัญของ Premas ได้แก่ โรคติดเชื้อ มะเร็ง ความผิดปกติของระบบเผาผลาญและการอักเสบ  นอกจาก D-Crypt™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการแสดงออกของโปรตีนที่ยากต่อการแสดงออกแล้ว เทคโนโลยีชั้นนำของ Premas ยังรวมถึง Axtex-4D™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสร้างเนื้อเยื่อชและ C-Qwence™ คลังแอนติบอดี scFv ของอินเดีย ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของบริษัท www.premasbiotech.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210319005359/en/

ติดต่อ:

Ambar Mehrotra
มือถือ: +91 89684 82266
โทร: + 91-124-454 6600 contact@premasbiotech.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Thai Herald

Thai Herald