HFZA ลงนามข้อตกลงการลงทุนกับ ArcelorMittal DSTC FZE

Logo

ชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–22 ต.ค. 2564

หน่วยงานเขตเสรี Hamriyah Free Zone Authority (HFZA) ได้เพิ่มผู้นำอุตสาหกรรมอีกรายหนึ่งให้กับฐานนักลงทุนหลังจาก ArcelorMittal Projects ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเหล็กและเหมืองแร่ชั้นนำของโลก ArcelorMittal Group เพิ่งเข้าซื้อสินทรัพย์ของโรงสีไปป์และเคลือบผิวที่ตั้งอยู่ที่ Hamriyah Free Zone และเช่าพื้นที่อุตสาหกรรม 1.38 ล้านตารางฟุต

Signing of the Memorandum (Photo: Business Wire)

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) โดย HE Saud Salim Al Mazrouei ผู้อำนวยการ Hamriyah Free Zone Authority และ Johannes De Schrijver ซีอีโอของ ArcelorMittal Projects

ตามข้อตกลง บริษัทจะจัดหาโซลูชั่นและบริการเหล็กที่สมบูรณ์ ปรับแต่งได้ และยั่งยืนผ่านสายธุรกิจเฉพาะและเกี่ยวข้องกับโครงการสามกลุ่ม: โซลูชั่นพื้นฐาน โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการพลังงาน (โซลูชั่นการเคลือบป้องกันการกัดกร่อน) นอกเหนือจาก (ท่อส่งน้ำ) โครงสร้างพื้นฐาน (ปลอกและงานก่อสร้าง)

Saud Salim Al Mazrouei แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวว่า “เราภูมิใจมากที่ได้เพิ่มผู้นำอุตสาหกรรมอีกรายหนึ่งให้กับฐานนักลงทุนของเราที่ HFZA การมีอยู่ของ ArcelorMittal Group ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กกล้าชั้นนำของโลก ถือเป็นสินทรัพย์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาคอุตสาหกรรมใน เอมิเรตแห่งชาร์จาห์

“การเคลื่อนไหวดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนรายอื่นเปิดตัวโครงการที่สำคัญใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่ UAE กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” Al Mazrouei กล่าวเสริม

เขากล่าวว่าการดึงดูดโครงการ ArcelorMittal เป็นจุดเปลี่ยนใน ทิศทางของ HFZA ในการบรรลุข้อกำหนดของกลยุทธ์ทางอุตสาหกรรมของ UAE

“เรามีความยินดีที่จะสร้างความร่วมมือระยะยาวกับ HFZA ซึ่งเราพยายามที่จะจัดหาโซลูชั่นที่คุ้มค่าที่สุด  ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคที่มีประสบการณ์โดยเฉลี่ยมากกว่า 15 ปีในการผลิตท่อ HSAW/SSAW และการเคลือบป้องกันการกัดกร่อน” Johannes De Schrijver กล่าว

De Schrijver เสริมเสริมว่า: “ท่อ HSAW/SSAW สามารถ ผลิตด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 16” ถึง 100” และความหนาของผนังตั้งแต่ 6 มม. ถึง 25 มม. ที่มีกำลังการผลิต 150,000 ตันต่อปี สามารถผลิตท่อได้ยาวถึง 36 ม. โดยไม่ต้องเชื่อมเส้นรอบวง เชื่อมท่อได้ยาวขึ้น เราสามารถจัดหาท่อในเกรดเหล็กที่ร้องขอทั้งหมดได้เนื่องจากเครือข่ายผู้ผลิตคอยล์ทั่วโลกของเรา

#สิ้นสุด#

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52510641/en

ลิงก์ดาวน์โหลดวิดีโอ: https://we.tl/t-rdkHCsO3G2

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

Majdi Ashour
Misbar Communications
00971551014522
majdi@misbar-me.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival 2021 โชว์รูมสำหรับมุมมองการทำอาหารใหม่ ๆ

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–20 ตุลาคม 2564

เทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival ซึ่งจัดโดยการท่องเที่ยวฮ่องกง เป็นงานมหกรรมอาหารประจำปีของฮ่องกงมาช้านานแล้ว ในปีนี้เทศกาลกำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากการฟื้นตัวของเมือง โดยมาพร้อมกับการเฉลิมฉลองสุดตื่นเต้นตลอดเดือนพฤศจิกายน ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมผ่านทางดิจิทัลและกำหนดการที่จัดขึ้นในสถานที่จริง เทศกาลนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจให้แก่นักชิมอาหารทั่วโลกว่าฮ่องกงจะยังคงเป็นสถานที่รับประทานอาหารอันดับต้น ๆ ในยุคหลังโควิด

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211019006256/en/

Cocktail lovers and green lifestyle enthusiasts should not miss the “Sustainable Cocktail” online masterclass hosted by Agung Prabowo of Penicillin bar, winner of Asia's 50 Best Sustainable Bar Award for 2021. (Photo: Business Wire)

ผู้ชื่นชอบค็อกเทลและผู้ชื่นชอบไลฟ์สไตล์รักษ์โลกไม่ควรพลาดมาสเตอร์คลาสออนไลน์หัวข้อ “Sustainable Cocktail” ที่จัดโดย Agung Prabowo จากบาร์ Penicillin ผู้ชนะรางวัล Asia's 50 Best Sustainable Bar Award ประจำปี 2564 (ภาพ: Business Wire)

การชะงักงันที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ไม่ได้ขวางกั้นความทะเยอทะยานในการเดินหน้าเพื่อความสำเร็จของฮ่องกง แม้จะมีความไม่แน่นอน แต่ก็มีร้านอาหารเปิดใหม่มากมายในปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายและความมีชีวิตชีวาให้กับวงการอาหารและเครื่องดื่ม

ด้วยธีม “โชว์รูมสำหรับมุมมองการทำอาหารใหม่ ๆ” เทศกาลในปีนี้จะนำเสนอประสบการณ์สดใหม่มากมาย ซึ่งประกอบไปด้วยการยกระดับนวัตกรรมสำหรับอาหารจีน การจัดมาสเตอร์คลาสออนไลน์ที่สร้างแรงบันดาลใจ และรายชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยเน้นย้ำถึงความฉลาดปราดเปรื่องที่ประณีตสร้างสรรค์กลุ่มเฉพาะใหม่ในวงการอาหารของฮ่องกง

ยุคใหม่ของบาร์เทนเดอร์

ผู้ชื่นชอบค็อกเทลและผู้ชื่นชอบไลฟ์สไตล์รักษ์โลกไม่ควรพลาด “Sustainable Cocktail” มาสเตอร์คลาสออนไลน์ที่จัดโดย Agung Prabowo จากบาร์ Penicillin ผู้ชนะรางวัล Asia's 50 Best Sustainable Bar Award ประจำปี 2564 รางวัลนี้ยกย่องความคิดสร้างสรรค์และความพยายามของ Prabowo และหุ้นส่วนของเขาในการลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบาร์ ตัวอย่าง เช่น เปลือกมันฝรั่งจะนำมาสร้างสรรค์ให้เป็นอาหารว่างแบบแท่ง และส่วนเกินของขนมปังและชีสจะนำไปผสมลงในเหล้าสปิริตชนิดใหม่

ประสบการณ์ใหม่ในการทำอาหารจีน

สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ “Chinese Omakase by Masterchefs” ซึ่งเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารจีนระดับภัตตาคารแบบนอกกรอบและขับเคลื่อนด้วยแนวคิด แนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากโอมากาเสะสไตล์ดั้งเดิม โดยแนวทางของอาหารจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเชฟ ให้เชฟมีอิสระในการสร้างสรรค์ และมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำ เชฟระดับปรมาจารย์ 18 คนจากร้านอาหารจีนชื่อดังทั่วฮ่องกงจะเป็นผู้นำโครงการและแสดงความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น เชฟ Chan Yan Tak จากร้านอาหาร Lung King Heen ระดับ 3 ดาวมิชลิน จะพานักชิมไปชิมอาหารรสชาติที่หลากหลาย ขณะที่ Chef Jayson Tang จากร้านอาหาร Man Ho ระดับ 1 ดาวมิชลินได้สร้างสรรค์เมนูนวัตกรรมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันบนพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ไม้ ไฟ ดิน โลหะ และน้ำ

พลังใหม่ที่เขย่าวงการรับประทานอาหารในฮ่องกง

รายชื่อนักทำอาหารดาวรุ่งมาแรงจะเป็นจุดเด่นในการรณรงค์เพื่อแสดงการยอมรับพรสวรรค์การนำเทรนด์ในฮ่องกง เชฟ Sandy Keung เป็นหนึ่งในผู้เล่นหญิงเพียงไม่กี่คนในอุตสาหกรรมเนื้อย่าง (siu mei) โดยมีแบรนด์ของเธอเองอย่าง Good BBQ ซึ่งเนื้อย่างมักจะถูกผูกขาดให้ดำเนินการโดยเชฟผู้ชาย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival 2021 โปรดเข้าไปที่ www.discoverhongkong.com/winedinefestival

เข้าชมภาพได้ที่: https://assetlibrary.hktb.com/assetbank-hktb/action/browseItems?categoryId=660&categoryTypeId=2&cachedCriteria=1

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211019006256/en/

ติดต่อ:

Ms Candice Leung
อีเมล: candice.leung@hktb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Toshiba เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์กลุ่ม M4G รุ่นใหม่ Arm® Cortex®-M4 ในคลาสขั้นสูงตระกูล TXZ+TM

Logo

มีการปรับให้เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ IoT โดยมาพร้อมกับคอนโทรลเลอร์ Ethernet และ CAN

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–19  ตุลคม 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) เริ่มผลิตไมโครคอนโทรลเลอร์ชนิดใหม่ 20 ประเภทในกลุ่ม M4N ในฐานะผลิตภัณฑ์ใหม่ในคลาสขั้นสูงตระกูล TXZ+™ ที่ผ่านกระบวนการผลิตขนาด 40 นาโนเมตร ผลิตภัณฑ์กลุ่ม M4G ประกอบด้วย Arm Cortex-M4 core พร้อม FPU ทำงานที่ความเร็วสูงสุดถึง 200MHz โดยผสานรวมหน่วยความจำแบบแฟลชรหัสขนาดสูงสุด 2MB และหน่วยแฟลชข้อมูลขนาดสูงสุด 32KB ที่เขียนซ้ำได้ถึง 1 แสนครั้งต่อรอบ ไมโครคอนโทรลเลอร์เหล่านี้ยังมีอินเทอร์เฟซและตัวเลือกการสื่อสารที่หลากหลาย เช่น คอนโทรลเลอร์ Ethernet, CAN และ USB 2.0 FS OTG พร้อม PHY ในตัว อุปกรณ์กลุ่ม M4G เหมาะสำหรับการใช้งานกับอุปกรณ์สำนักงาน อาคาร และระบบอัตโนมัติในโรงงาน รวมถึงอุปกรณ์โครงข่ายอุตสาหกรรมและการจัดการข้อมูล

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211018005371/en/

Toshiba: Arm(R) Cortex(R)-M4 Microcontrollers for Motor Control (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arm® Cortex®-M4 สำหรับการควบคุมมอเตอร์ (กราฟิก: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม M4G มีฟังก์ชันการสื่อสารที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งผสานอยู่ในอินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบอนุกรมที่รองรับ Quad/Octal SPI อินเทอร์เฟซเสียง (I2S) และอินเทอร์เฟซบัสภายนอก ซึ่งนอกเหนือไปจาก UART, FUART, TSPI และ I2C ที่รองรับโดยอุปกรณ์ DMAC จำนวน 3 ยูนิตในตัว นอกจากนี้ อุปกรณ์ยังสามารถจัดสรร DMA และ RAM ที่เป็นอิสระสำหรับวงจรต่อพ่วงแต่ละวงจร และใช้โครงสร้างวงจรเมทริกซ์บัสที่ช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลมีประสิทธิภาพโดยบัสมาสเตอร์ ด้วยเหตุนี้ อุปกรณ์กลุ่ม M4N จึงทำให้คอนโทรลเลอร์ Ethernet, CAN และคอนโทรลเลอร์ USB ประมวลผลได้อย่างอิสระไปพร้อม ๆ กัน

อุปกรณ์เหล่านี้รองรับการใช้งานการตรวจจับที่หลากหลายด้วยตัวแปลงอนาล็อกเป็นดิจิตอลขนาด 12 บิตที่มีความเร็วและความแม่นยำสูง ซึ่งช่วยให้สามารถตั้งค่าเวลาสำหรับช่องสัญญาณอินพุต AD แต่ละช่องด้วยจำนวนสูงสุดถึง 24 ช่อง

ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองที่รวมอยู่ในอุปกรณ์สำหรับ ROM, RAM, ADC และ Clock ช่วยให้ลูกค้าได้รับการรับรองความปลอดภัยในการใช้งาน IEC60730 คลาส B

เอกสารกำกับโปรมแกรม ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง และซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่ควบคุมอินเทอร์เฟซสำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงแต่ละชนิด สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของ Toshiba บอร์ดประเมินผลและสภาพแวดล้อมการพัฒนาจัดทำขึ้นจากการร่วมมือกับพันธมิตรในระบบนิเวศทั่วโลกของ Arm

คุณสมบัติที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ใหม่

  • Arm Cortex-M4 core ประสิทธิภาพสูง พร้อม FPU ทำงานที่ความถี่สูงสุด 200MHz
  • ฟังก์ชันการควบคุมมอเตอร์และอินเทอร์เฟซการสื่อสาร
  • ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองสำหรับความปลอดภัยในการทำงาน IEC60730 คลาส B

การใช้งาน

อุปกรณ์เครือข่ายอุตสาหกรรมและการจัดการข้อมูลที่ต้องการการเชื่อมต่อกับ Ethernet USB และ CAN

เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์สื่อสารสำหรับระบบอัตโนมัติในอาคารและโรงงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบบ IoT ระบบความปลอดภัยภายในบ้าน มาตรอัจฉริยะ เป็นต้น

ข้อมูลจำเพาะ

กลุ่มผลิตภัณฑ์

M4N group

CPU core

Arm Cortex-M4
‒ memory protection unit (MPU)

‒ floating-point unit (FPU)

ความถี่การใช้งานสูงสุด

200MHz

Oscillator ภายใน

10MHz (+/-1%)

หน่วยความจำภายใน

แฟลช (รหัส)

512KB/1024KB/1536KB/2048KB

(เขียนรหัสซ้ำได้ถึง 100,000 ครั้ง)

แฟลช (ข้อมูล)

32KB เขียนรหัสซ้ำได้ถึง 100,000 ครั้ง)

RAM

192KB/256KB และสำรอง RAM 2KB

พอร์ต I/O

86 ถึง 146

สัญญาณอินเตอร์รัพท์จากภายนอก

9 ถึง 16

อินเทอร์เฟสบัสภายนอก

ความกว้าง 8/16 บิต (บัสแยก/มัลติเพล็กซ์)

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

DMAC มัลติฟังก์ชัน1 ยูนิต

DMAC ความเร็วสูง 2 ยูนิต

ฟังก์ชันจับเวลา

T32A

ตัวจับเวลา 32 บิต: 16 ช่อง

(สามารถใช้เป็นตัวจับเวลา 16 บิต: 32)

LTTMR

ตัวจับเวลาระยะยาว: 1 ช่อง

RTC

นาฬิกาเรียลไทม์: 1 ช่อง

ฟังก์ชันการสื่อสาร

UART

การสื่อสารแบบอนุกรมแบบอะซิงโครนัส: 3 ถึง 6 ช่อง

FUART

ตัวรับส่งสัญญาณแบบอะซิงโครนัสสากลเต็มรูปแบบ: 1 ถึง 2 ช่อง

I2C

3 ถึง 5 ช่อง

TSPI

อินเทอร์เฟซอุปกรณ์ต่อพ่วงแบบอนุกรม: 5 ถึง 9 ช่อง

TSSI

อินเทอร์เฟซอนุกรมแบบซิงโครนัส: 1 ถึง 2 ช่อง

SMIF

อินเทอร์เฟซหน่วยความจำแบบอนุกรม: 1 ช่อง

CEC

1 ช่อง

CAN

ตัวควบคุม CAN: 2 ยูนิต

USB

Universal Serial Bus: 1 ถึง 2 ยูนิต

(ตัวควบคุม USB 2.0 FS OTG พร้อม PHY ในตัว)

ETHM

ตัวควบคุม Ethernet (MII,RMII): 1 ยูนิต

ฟังก์ชันอนาล็อก

ตัวแปลงอนาล็อกเป็นดิจิทัล 12 บิต

ช่องอินพุต 16 ถึง 24 ช่อง

ตัวแปลงดิจิทัลเป็นอนาล็อก 8 บิต

2 ช่อง

อุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ

ตัวควบคุมมอเตอร์ (A-PMD)

1 ช่อง

RMC

ตัวประมวลผลสัญญาณรีโมตคอนโทรลล่วงหน้า: 1 ถึง 2 ช่อง

ISD

วงจรตรวจจับ Interval Sensor: 1 ถึง 3 ยูนิต

I2S

2 ช่อง

FIR

การคำนวณวงจร FIR: 1 ช่อง

ฟังก์ชันระบบ

WDT

1 ช่อง

LVD

วงจรตรวจจับกระแสไฟฟ้า: 1 ช่อง

OFD

ตัวตรวจจับความถี่ Oscillation: 1 ช่อง

ฟังก์ชัน On-chip debug

Serial Wire /JTAG

แรงดันไฟฟ้าใช้งาน

2.7 ถึง 3.6V, จ่ายไฟจากแหล่งเดียว

แพ็คเกจ / ขา

LQFP176 (พ20มม. x 20มม. ระยะพิชต์ 0.4มม.)
VFBGA177 (13มม. x 13มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
LQFP144 (20มม. x 20มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
VFBGA145 (12มม. x 12มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
LQFP100 (14มม. x 14มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
M4N Group

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
Microcontrollers

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือทั่วโลก

* TXZ+™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ MCU และอุปกรณ์ดิจิทัล
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporationซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวบรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 22,000 คนจากทั่วโลกของ TDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 7.1 แสนล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโล
ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211018005371/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-44-549-8361
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Silver Lake เข้าซื้อกิจการของ Grupo BC จาก L-GAM

Logo

การลงทุนร่วมกับผู้ถือหุ้นทั้งที่เป็นบุคคลและกลุ่มบุคคลและทีมผู้บริหารเพื่อสนับสนุนการเติบโตแบบธรรมชาติและเร่งรัดแผนงานการควบรวมกิจการสำหรับผู้ให้บริการด้านการจัดการสินเชื่อที่อยู่อาศัย กฎหมาย และดิจิทัลชั้นนำของไอบีเรียและละตินอเมริกา

มาดริดและลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–19 ตุลาคม 2564

Grupo BC ผู้ให้บริการด้านการจัดการสินเชื่อ กฎหมายและดิจิทัลชั้นนำแก่ภาคการเงินในไอบีเรียและละตินอเมริกา ประกาศในวันนี้ว่า Silver Lake บริษัทการลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วยผู้ถือหุ้นทั้งที่เป็นบุคคลและกลุ่มบุคคลและทีมผู้บริหารของ Grupo BC จะได้รับ 100% ของบริษัทจากผู้ถือหุ้นใหญ่คือ L-GAM ตามลำดับ เพื่อส่งเสริมการเติบโตและมูลค่าของ Grupo BC ในระยะต่อไป

Santiago Bellver ประธาน Grupo BC และ Xavier Costa ซีอีโอของ Grupo BC กล่าวว่า “เรารู้สึกขอบคุณ L-GAM สำหรับการสนับสนุนและความร่วมมือตลอดระยะเวลาหกปีของการลงทุนใน Grupo BC และยินดีกับการเป็นหุ้นส่วนใหม่กับ Silver Lake นักลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่ให้ความไว้วางใจเรา และเราจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตแบบธรรมชาติของเราต้องขอบคุณความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของพวกเขาและผ่านการเข้าซื้อกิจการที่คัดเลือกมา เราจะแจ้งวัตถุประสงค์ของแผนกลยุทธ์และสัดส่วนของคณะกรรมการชุดใหม่ในไม่ช้านี้”

Christian Lucas หัวหน้าร่วมของ Silver Lake EMEA กล่าวว่า “Grupo BC เป็นบริษัทที่โดดเด่นด้วยคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ในฐานะผู้ให้บริการที่ปรับขนาดและรองรับเทคโนโลยีของการบริการและซอฟต์แวร์ที่สำคัญต่อภารกิจแก่สถาบันการเงินทั่วทั้งไอบีเรียและละตินอเมริกา เรารู้สึกประทับใจกับวิธีที่ Santiago, Xavier และทีมอื่น ๆ ได้พัฒนาและทำให้แพลตฟอร์ม Grupo BC เป็นดิจิทัลอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยสร้างให้เป็นพันธมิตรทางเลือกสำหรับลูกค้าทั่วทั้งระบบนิเวศ การลงทุนในรูปแบบธุรกิจที่รองรับเทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบชั้นนำเป็นหัวใจสำคัญของ DNA ของ Silver Lake และเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับฝ่ายบริหารจัดการ เนื่องจาก Grupo BC เข้าสู่ระยะใหม่ของการเติบโตแบบธรรมชาติและทางลัดจากปัจจัยภายนอก”

Felipe Merry del Val และ Tito Soso หุ้นส่วนของ L-GAM กล่าวเสริมว่า: “การเดินทางของเรากับ Grupo BC เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งในการเปลี่ยนแปลง การเติบโตและความสำเร็จหลายเท่า และที่สำคัญคือการเป็นหุ้นส่วนที่คุ้มค่าอย่างมหาศาลกับทีมผู้บริหารระดับโลกที่เป็นผู้นำโดย Santiago Bellver และ CEO Xavier Costa ซึ่งเราขอขอบคุณสำหรับความพยายามและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เราหวังว่า Grupo BC จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในความพยายามที่น่าตื่นเต้นในอนาคตของพวกเขา”

Grupo BC ก่อตั้งขึ้นในปี 2517 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองมาดริด โดยเป็นแพลตฟอร์มการประมวลผลที่รองรับเทคโนโลยี ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และการบริการสำหรับการจัดการสินเชื่อบ้าน นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ โซลูชันทางกฎหมาย (การประมวลผลการเคลมและการจัดการสินเชื่อ) และโซลูชันดิจิทัลสำหรับภาคการเงินชั้นนำในสเปน โปรตุเกส เม็กซิโก บราซิล โคลอมเบีย ชิลีและเปรู Grupo BC เป็นผู้นำตลาดที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ด้วยการประมวลผลไฟล์จำนองมากกว่า 500,000 รายการต่อปีและพนักงาน 5,300 คน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ https://www.grupobc.com

การลงทุนของ Silver Lake มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปตามลำดับ โดยเสริมความแข็งแกร่งและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันของ Grupo BC รวมทั้งสานต่อประวัติการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับการมุ่งเน้นที่ชัดเจนของฝ่ายบริหารในการสร้างซอฟต์แวร์และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลของ Grupo BC เพื่อปรับปรุงโซลูชันที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลางและขับเคลื่อนการเติบโตแบบธรรมชาติและทางลัดจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง

ธุรกรรมนี้คาดว่าจะปิดในเดือนพฤศจิกายน 2564 เงื่อนไขเพิ่มเติมของการลงทุนจะไม่ถูกเปิดเผย Socios Financieros และ Canson Capital Partners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Grupo BC และผู้ถือหุ้น dwf-RCD ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Grupo BC และผู้ถือหุ้น Paul, Weiss, Rifkind, Wharton & Garrison LLP และ Uría Menéndez ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ Silver Lake

เกี่ยวกับ Silver Lake

Silver Lake เป็นบริษัทด้านการลงทุนทางเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยสินทรัพย์รวมมากกว่า 88 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหารจัดการและเงินทุนผูกพัน และทีมงานมืออาชีพที่อยู่ในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย บริษัทต่าง ๆ ในพอร์ตโฟลิโอของ Silver Lake สร้างรายได้รวมกันมากกว่า 221 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และมีพนักงานมากกว่า 526,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Silver Lake และพอร์ตโฟลิโอของบริษัท กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ http://www.silverlake.com

เกี่ยวกับ L-GAM

L-GAM เป็นบริษัทด้านการลงทุนระหว่างประเทศที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดยผู้เชี่ยวชาญร่วมกับ Princely House of Liechtenstein และครอบครัวที่สำคัญอื่น ๆ ในยุโรป เอเชีย และอเมริกา โมเดลธุรกิจที่มีเอกลักษณ์และแตกต่างนั้นอิงจากการมุ่งเน้นด้านการลงทุนเชิงอุตสาหกรรมในระยะยาว โดยร่วมมือกับ SMEs ที่มีชื่อเสียงอย่างสูงทั่วยุโรป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ L-GAM กรุณาเยี่ยมได้ที่ http://www.l-gam.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211019005511/en/

ติดต่อสื่อ
For Silver Lake:
Spain: Paula Bonet, paula.bonet@edelman.com, +34 629 814 440
International: Jess Gill, Edelman Smithfield, silverlakemedia@edelman.com, +44 (0)7980 684 247

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Milliken & Company เข้าซื้อกิจการ Encapsys LLC

Logo

สปาร์ตันเบิร์ก เซาท์แคโรไลนา–(บิสิเนสไวร์)–19 ต.ค. 2564

Milliken & Company (“Milliken”) ผู้ผลิตที่มีความหลากหลายระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์มากว่าศตวรรษครึ่งได้เข้าซื้อกิจการ Encapsys, LLC (“Encapsys”) ผู้นำระดับโลกด้านไมโครแคปซูลจาก Cypress Performance Group LLC (“ไซเปรส”) ธุรกรรมดังกล่าวปิดตัวลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211018005946/en/

“การขับเคลื่อนความยั่งยืนต้องใช้ความคิดที่ยิ่งใหญ่และความร่วมมือที่ทรงพลัง  เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Encapsys สู่ Milliken” Halsey Cook ประธานและซีอีโอของ Milliken & Company กล่าว “ความเชี่ยวชาญของ Encapsys ควบคู่ไปกับความสามารถของเราในการเติบโตจะช่วยขับเคลื่อนความพยายามของเราในการนำเสนอนวัตกรรมที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้าของเรา”

“Encapsys นำการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาสู่ทีม Milliken” Cindy Boiter รองประธานบริหารและประธานบริษัทกล่าว ธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ Milliken “การเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์เคมีพิเศษของเราให้เข้าถึงได้ทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเร่งการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับตลาดและลูกค้าที่เราให้บริการ”

เมื่อ Encapsys รวมเข้ากับ Milliken การดำเนินงานรายวันจะดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดชะงักรวมถึงความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์และลูกค้าที่มีอยู่

Encapsys ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมือง แอปเปิลตัน รัฐวิสคอนซิน เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไมโครแคปซูลซึ่งทำให้เปลือกโพลีเมอร์สม่ำเสมอรอบวัสดุหลักที่ระดับไมครอนและสร้างแคปซูล Microencapsulation โดยมีการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ และช่วยให้บริษัทต่างๆ บรรลุผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้นด้วยการบริโภคอย่างรับผิดชอบและการส่งมอบวัสดุที่ออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผู้ร่วมงานของ Encapsys รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นสมาชิกของทีม Milliken และยินดีต้อนรับองค์กรระดับโลกสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของวิสคอนซิน ” Mary Goggans ประธานของ Encapsys กล่าว “วัฒนธรรมและค่านิยมของเราเหมาะสมอย่างยิ่ง และเราตั้งตารอที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถระดับโลกของ Milliken ในการเร่งนวัตกรรมและการเติบโต”

Milliken มีที่ปรึกษากฎหมาย Jones Day และที่ปรึกษาทางการเงิน JJ.P. Morgan Securities LLC. BofA Securities, Inc. และ Credit Suisse Securities (USA) LLC และ Lewis & Bockius LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับ Encapsys.

เกี่ยวกับ Milliken

Milliken & Company เป็นผู้นำด้านการผลิตระดับโลกที่มุ่งเน้นด้านวัสดุศาสตร์เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าในวันพรุ่งนี้  Milliken & Company สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกระดับชีวิตของผู้คนและนำเสนอโซลูชั่นสำหรับลูกค้าและชุมชนของบริษัทตั้งแต่โมเลกุลชั้นนำของอุตสาหกรรมไปจนถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน โดยมีผลงานข้ามอุตสาหกรรมสิ่งทอ พื้น เคมีพิเศษและการดูแลสุขภาพธุรกิจ  บริษัทสานความรู้สึกร่วมกันของความซื่อสัตย์และความเป็นเลิศในการสร้างผลกระทบเชิงบวกโลกให้กับคนรุ่นต่อไป  ค้นพบแรงบันดานใจและแนวทางการแก้ปัญหาของ Milliken ได้ที่ milliken.com และ Facebook, Instagram, LinkedIn และ Twitter

เกี่ยวกับ Encapsys

โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในแอปเปิลตัน รัฐวิสคอนซิน Encapsys เป็นผู้ริเริ่มระดับโลกในด้านไมโครแคปซูล  Encapsys เป็นผู้ประดิษฐ์ไมโครเอนแคปซูเลชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตร และได้นำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมแก่พันธมิตรในการดูแลบ้าน การดูแลส่วนบุคคล การเกษตร สิ่งทอ เครื่องนอน และกระดาษไร้คาร์บอนมานานกว่า 65 ปี หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Encapsys กรุณาเยี่ยมชม www.encapsys.com

เกี่ยวกับ The Cypress Performance Group LLC

The Cypress Performance Group เป็นเจ้าของ Encapsys ตั้งแต่ปี 2015 โดย Cypress เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ก่อตั้งโดย George Sherman โดยมุ่งเน้นที่ธุรกิจการผลิตหรือบริการทางอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่ม  Cypress ช่วยให้บริษัทต่างๆ ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์โดยใช้ระบบธุรกิจเพื่อมุ่งเน้นที่การเติบโตและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ในขณะเดียวกันก็พัฒนาแนวทางปฏิบัติชั้นนำของอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและมอบมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211018005946/en/

ติดต่อ:

Betsy Sikma, Milliken
betsy.sikma@milliken.com 
864.909.7908

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Deel ระดมเงินทุน 425 ล้านดอลลาร์ในเงินทุน Series D เพื่อเดินหน้าพลิกโฉมอนาคตของการทำงาน

Logo

ด้วยการประเมินมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ Deel ได้ครองตำแหน่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในด้านการจ้างงาน การชำระเงิน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับโลก

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–18 ตุลาคม 2564

Deel บริษัทจัดหางานทางไกลที่ทลายอุปสรรคด้านงานทั่วโลก ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้ระดมเงินทุน 425 ล้านดอลลาร์ในเงินทุน Series D ทำให้ยอดรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 630 ล้านดอลลาร์ รอบการระดมทุนครั้งล่าสุดทำให้บริษัทมีมูลค่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ Deel ได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในด้านการจ้างงาน การชำระเงิน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับโลกด้วยการลงทุนครั้งนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211018005567/en/

Deel Interface (Graphic: Business Wire)

อินเตอร์เฟซ Deel (กราฟิก: Business Wire)

รอบการระดมทุนใหม่ครั้งนี้นำโดย Coatue ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยมีหุ้นส่วน Rahul Kishore และ Lucas Swisher เป็นผู้นำในข้อตกลง นักลงทุนรายใหม่และรายเดิมหลายรายได้เข้าร่วมในรอบนี้อีกด้วย เช่น Altimeter Capital, Andreessen Horowitz, YC Continuity Fund, Spark Capital, Greenbay Ventures, Neo และผู้ประกอบการชั้นนำของโลกอีกกว่า 40 ราย

นับตั้งแต่ Deel ก่อตั้งในปี 2562 ทีมงานได้เติบโตขึ้นจากสี่คนเป็น 400 คน โดยมีพันธกิจในการทำให้การทำงานทางไกลเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับทีมและธุรกิจไม่ว่าที่ใดทั่วโลก และสร้างประสบการณ์การปฐมนิเทศพนักงานที่ดีที่สุดในตลาด ในวันนี้บริษัทต่าง ๆ กำลังคิดใหม่ว่าการจัดเตรียมงานที่ยืดหยุ่นในรูปแบบใหม่ควรมีลักษณะอย่างไรในการได้มาและรักษาผู้มีความสามารถระดับสูงไว้ Deel ขจัดอุปสรรคในการจ้างงานจากระยะไกลและสร้างโอกาสให้กับทุกคนด้วยแพลตฟอร์ม เครื่องมือ และความยืดหยุ่นที่สร้างขึ้นเพื่อให้ทีมเติบโตได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่พวกเขาต้องการทำงาน

Deel ให้บริการลูกค้ามากกว่า 4,500 รายทั่วโลกจากบริษัทที่มีชื่ออย่าง Coinbase, Intercom และ Shopify ในกว่า 150 ประเทศ ไม่ว่าบริษัทที่กำลังมองหาการใช้สภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดหรือแบบระยะไกลอย่างครบครัน หรือจัดหาผู้มีความสามารถจากทั่วโลก เทคโนโลยีของ Deel เสนอการจัดการบัญชีเงินเดือนที่ไม่ตรงกัน งานทรัพยากรบุคคล การปฏิบัติตามข้อกำหนด สวัสดิการ ผลประโยชน์ และความสามารถอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจ้างและจัดการทีมระดับโลก ซึ่งธุรกิจบางอย่างจะต้องมีทีมงานภายในทั้งหมดดูแลก่อน ด้วย Deel แล้วธุรกิจต่าง ๆ สามารถจ้างพนักงานและผู้รับเหมาที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดโดยไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานในท้องถิ่นภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที บริษัทยังสามารถจ่ายเงินให้กับทีมได้มากกว่า 120 สกุลเงินด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว

“เราติดตาม Deel มาตั้งแต่ปี 2563 และประทับใจในวิสัยทัศน์ของ Alex และ Shuo” Rahul Kishore กรรมการผู้จัดการอาวุโสของ Coatue กล่าว “เมื่อเราเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Deel เรารู้สึกตื่นเต้นกับขนาดที่เพิ่มขึ้นและน่าชื่นชมของพวกเขา และเชื่อว่าเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของสิ่งที่ทีมสามารถทำได้” Lucas Swisher หุ้นส่วนทั่วไปของ Coatue ซึ่งร่วมเป็นผู้นำในรอบนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกประทับใจกับการที่แพลตฟอร์มนี้กลั่นกรองบางสิ่งที่ล้นหลามจนกลายเป็นเครื่องมือที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้เพื่อจ้างงานทั่วโลกจากความฝันสู่ความเป็นจริง”

“วิถีการทำงานของผู้คนกำลังเปลี่ยนแปลงตามรากฐาน และจะไม่มีวันหวนกลับ” Alex Bouaziz ซีอีโอของ Deel กล่าว “เราก่อตั้ง Deel เพราะเราไม่ต้องการจ้างหรือจ่ายเงินในการป้องกันธุรกิจสร้างทีมระดับโลกที่ดีที่สุดและค้นหาผู้มีความสามารถระดับโลกที่ดีที่สุด เราจะยังคงท้าทายบรรทัดฐานของการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ และยังคงสร้างเครื่องมือที่กำหนดอนาคตของการทำงานต่อไป”

Anish Acharya หุ้นส่วนทั่วไปของ Andreessen Horowitz กล่าวว่า “เราร่วมงานกับ Deel ด้วยดีตั้งแต่เริ่มต้น และได้เห็นว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเครื่องมือในสถิติเวลาเพื่อช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับธุรกิจและทีมของพวกเขาได้อย่างไร” Anish Acharya หุ้นส่วนทั่วไปของ Andreessen Horowitz กล่าว “อนาคตที่สดใสสำหรับ Deel แต่จะยิ่งสดใสมากกว่าสำหรับทีมต่างประเทศที่พวกเขาช่วยปลดล็อกทั่วทั้งโลก”

เกี่ยวกับ Deel

Deel เป็นโซลูชันการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจ่ายเงินเดือนชั้นนำระดับโลกที่ช่วยให้ธุรกิจจ้างใครก็ได้จากทุกแห่งหน เทคโนโลยีของ Deel เสนอการจัดการบัญชีเงินเดือนที่ไม่ตรงกัน งานทรัพยากรบุคคล การปฏิบัติตามข้อกำหนด สวัสดิการ ผลประโยชน์และความสามารถอื่น ๆ ที่ไม่มีใครเทียบได้ที่จำเป็นในการจ้างและจัดการทีมระดับโลก

ลูกค้าของ Deel สามารถจ้างผู้รับเหมาอิสระและพนักงานเต็มเวลาในกว่า 150 ประเทศได้โดยใช้กระบวนการให้บริการตนเองที่ใช้เทคโนโลยีซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดและใช้เวลาในไม่กี่นาที ด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย การบัญชี ความคล่องตัวในการทำงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีมากกว่า 250 คนในฐานะพันธมิตร Deel ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง ลงนาม และส่งสัญญาที่สอดคล้องตามข้อกำหนดจากไลบรารีเทมเพลตและชำระเงินให้กับทีมในกว่า 120 สกุลเงินด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว

Deel ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดย Alex Bouaziz และ Shuo Wang เป็นบริษัทที่มีพนักงานกระจายอยู่ทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Deel ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Coatue

Coatue เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยสินทรัพย์กว่า 45 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหารจัดการ ทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่ทุ่มเทของเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ก่อตั้งและทีมผู้บริหารในพอร์ตโฟลิโอของเรา ด้วยการลงทุน การเติบโต และกองทุนสาธารณะ เราสนับสนุนผู้ประกอบการจากทั่วโลกและในทุกขั้นตอนของการเติบโต โดยการลงทุนส่วนตัวบางส่วนของเรานั้นรวมถึง Airtable, Ant Financial, Anaplan, ByteDance, Chime, Databricks, DoorDash, Instacart, Meituan, Snap, Snowflake และ Spotify

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211018005567/en/

ติดต่อ:

Kiran Wylie
kiran.wylie@letsdeel.com
+44(0)7875057754

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


IHS Holding Limited ประกาศราคาเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2564

IHS Holding Limited (“IHS Towers”) หนึ่งในเจ้าของอิสระ ผู้ประกอบการ และผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่ใช้ร่วมกันรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก ประกาศในวันนี้ว่าราคาของการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 18,000,000 ของหุ้นสามัญที่เสนอขายโดย IHS Towers โดยราคาเสนอขายต่อสาธารณะอยู่ที่ 21.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จะจะมีสัญญาอนุพันธ์ 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มเติมสูงสุด 2,700,000 หุ้นสามัญจาก IHS Towers ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปในครั้งแรก โดยหักด้วยส่วนลดการรับประกันภัย หุ้นสามัญคาดว่าจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “IHS”

การปิดการเสนอขายคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ขึ้นอยู่กับความพอใจของเงื่อนไขในการปิดตามธรรมเนียม

Goldman Sachs & Co. LLC, J.P. Morgan Securities LLC และ Citigroup Global Markets Inc. ทำหน้าที่เป็นผู้นำร่วมผู้จัดการด้านบัญชีสำหรับการเสนอขาย RBC Capital Markets, LLC, Barclays Capital Inc. และ Absa Bank Limited ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมด้านบัญชีสำหรับการเสนอขาย Cowen and Company, LLC, Investec Bank plc, Renaissance Securities (Cyprus) Limited, FirstRand Bank Limited (สาขาลอนดอน) ซึ่งดำเนินการผ่านแผนก Rand Merchant Bank, Academy Securities, Inc., Loop Capital Markets LLC, Samuel A. Ramirez & Company , Inc., Siebert Williams Shank & Co., LLC และ Tigress Financial Partners LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจะดำเนินการโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น หากมีสามารถขอรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายได้จาก:

  • Goldman Sachs & Co. LLC, Attention: Prospectus Department, 200 West Street, New York, New York 10282, ทางโทรศัพท์: 1-866-471-2526, or via อีเมล: prospectus-ny@ny.email.gs.com;
  • J.P. Morgan Securities LLC, c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717, หรือทางโทรศัพท์: 1-866-803-9204, หรือทางอีเมล: prospectus-eg_fi@jpmchase.com; หรือ
  • Citigroup Global Markets Inc., c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717, หรือทางโทรศัพท์: 1-800-831-9146.

แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในแบบฟอร์ม F1 ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้รับการยื่นและประกาศให้มีผลบังคับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ตามข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211013006204/en/

ติดต่อสื่อ:
Sard Verbinnen & Co
อีเมล: IHS-SVC@SARDVERB.com

ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์:
InvestorRelations@ihstowers.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Jetcraft Commercial ขยายธุรกิจในเอเชีย

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2564

Jetcraft Commercial ซึ่งเป็นแผนกเครื่องบินพาณิชย์ของบริษัทซื้อขายเครื่องบินระดับโลกอย่าง Jetcraft วันนี้ประกาศแต่งตั้ง Christophe Potocki เป็นรองประธานฝ่ายขาย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211013005898/en/

Christophe Potocki, Vice President of Sales, Jetcraft Commercial. (Photo: Business Wire)

Christophe Potocki รองประธานฝ่ายขายของ Jetcraft Commercial (รูปภาพ: Business Wire)

Potocki จะประจำอยู่ที่สำนักงานในประเทศสิงคโปร์ และจะทำหน้าที่ส่งเสริมกิจกรรมเชิงพาณิชย์ระดับโลกของ Jetcraft โดยมุ่งเน้นที่ภูมิภาคเอเชีย เขาจะนำประสบการณ์การบินเชิงพาณิชย์ 20 ปีมาสู่บทบาทหน้าที่ใหม่ โดยล่าสุด Potocki ดำรงตำแหน่งหัวหน้าของ Avions de Transport Regional (ATR) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเขาได้ประสานงานด้านซื้อขายมากกว่า 20% ของยอดขายเครื่องบินทั้งหมด

Raphaël Haddad ประธานบริษัท Jetcraft Commercial กล่าวว่า “ในขณะที่เราขยายขอบเขตการดำเนินงานในระดับสากลอย่างต่อเนื่องนั้น เราจำเป็นต้องมีทีมงานที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนข้อตกลงทางการค้าทั่วทั้งเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ”

“ประสบการณ์และทักษะการขายเครื่องบินที่น่าประทับใจของ Potocki ในด้านการตลาด กลยุทธ์ และการดูแลลูกค้า จะทำให้เกิดการผสมผสานที่ลงตัวสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมเชิงพาณิชย์ทั่วโลก เรามั่นใจว่าการแต่งตั้งเขาจะส่งผลดีต่อทีม”

Jetcraft Commercial เปิดตัวในปี 2558 โดยใช้ประโยชน์จากสถานะและประสบการณ์ระหว่างประเทศที่มีอยู่ของ Jetcraft เพื่อนำเสนอพันธมิตรที่สามารถตอบสนองการทำงานอย่างทันท่วงทีให้แก่ลูกค้าภายในชุมชนการขายและการเช่าเครื่องบินพาณิชย์ ด้วยสินค้าคงคลังที่หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินจาก Airbus, Boeing, Bombardier, De Havilland Canada, Embraer และอื่น ๆ Jetcraft Commercial มีผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการจัดซื้อและส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์ทั่วโลก

ดูรายการสินค้าคงคลังทั้งหมดได้ที่: jetcraft.com/inventory/commercial/

สิ้นสุดเนื้อหา

เกี่ยวกับ Jetcraft Commercial

Jetcraft Commercial เป็นแผนกเครื่องบินพาณิชย์ของ Jetcraft ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายเครื่องบินระดับโลกที่สนับสนุนสายการบินและผู้ประกอบการในด้านการซื้อ การขาย การให้เช่า การตลาด และการจัดหาเงินทุนสำหรับเครื่องบิน ด้วยเครือข่ายและทีมผู้บริหารการขายและการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดที่สำคัญทุกแห่งทั่วโลก Jetcraft Commercial จึงเป็นพันธมิตรในชุมชนการขายและให้เช่าเครื่องบินพาณิชย์ที่มีความคล่องตัวและทุ่มเท และสามารถนำเสนอคุณค่า ทางเลือก และความยืดหยุ่นที่บริษัทชั้นนำของโลกต้องการได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.jetcraft.com/inventory/commercial

เกี่ยวกับ Jetcraft

Jetcraft เป็นผู้นำด้านการขายเครื่องบินระหว่างประเทศ กลยุทธ์การตลาดและการเป็นเจ้าของ การบริหารจัดการ และการบำรุงรักษาสำนักงานภูมิภาคกว่า 20 แห่งทั่วโลก ความสำเร็จที่เหนือชั้นของบริษัทตลอดเกือบ 60 ปีในธุรกิจการบินทำให้บริษัทมีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมด้วยฐานลูกค้าที่ยอดเยี่ยม เครือข่ายการเชื่อมต่อที่กว้างขวาง และสินค้าคงคลังที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.jetcraft.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211013005898/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ 8020 Communications
อีเมล: jetcraft@8020comms.com
โทรศัพท์: +44 (0)1483 447380

Anna Price
aprice@8020comms.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

STACK Infrastructure และ IPI Partners ประกาศขยายธุรกิจทั่วโลกสู่เอเชียแปซิฟิก

Logo

Preet Gona เข้าร่วม STACK ในตำแหน่ง CEO ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เดนเวอร์  ชิคาโก  และ สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 ต.ค. 2564

STACK Infrastructure (“STACK”) ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้กับบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกหลายแห่ง ประกาศในวันนี้ว่าได้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในสิงคโปร์

STACK ได้รับการสนับสนุนโดย IPI Partners (“IPI”) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนระดับโลกที่มีภาระผูกพันด้านทุนรวมแล้วมากกว่า 5.25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเชี่ยวชาญในการจัดหา พัฒนา เช่าซื้อ และดำเนินการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทที่มีเทคโนโลยีขนาดใหญ่และที่มีคุณภาพสูง ทั่วโลก

STACK ตั้งเป้าหมายในขั้นต้นที่โตเกียวและโอซาก้า โดยมีแผนจะเข้าสู่สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และตลาดอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิกในเวลาต่อมาอีกไม่นาน ผ่านการรวมการเข้าซื้อกิจการและการพัฒนาอย่างละมุนละม่อมร่วมกับเจ้าของที่ดินและแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขยายนี้ IPI และ STACK มีความยินดีที่จะประกาศว่า Pithambar (Preet) Gona ได้เข้าร่วม STACK ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเป็นผู้นำในการดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทในภูมิภาค ก่อนหน้านี้ Gona ดำรงตำแหน่งประธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bridge Data Centres ซึ่งควบรวมกิจการกับ ChinData Holdings โดยก่อนหน้าที่จะทำงานที่ Bridge Data Centers คุณ Gona เคยเป็นกรรมการผู้จัดการของ Blackstone ซึ่งเขารับผิดชอบการดำเนินงานด้านไพรเวทอิควิตี้ของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Tom Duncan เพิ่งเข้าร่วม STACK เอเชียแปซิฟิกและจะเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจ ขยายรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของ STACK กับเจ้าของที่ดินและแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในภูมิภาค ก่อนหน้านี้คุณ Duncan เคยเป็นกรรมการบริหารของ CBRE ซึ่งเขาได้ใช้โซลูชันเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลในเอเชียแปซิฟิก พัฒนาความเชี่ยวชาญในการเลือกไซต์และความสัมพันธ์กับลูกค้าตลอดระยะเวลา 13 ปีของเขา

ทีมผู้บริหารจะประจำอยู่ที่สิงคโปร์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาในท้องถิ่นซึ่งได้รับการว่าจ้างในตลาดเป้าหมายหลักอยู่แล้ว

Brian Cox ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STACK กล่าวว่า “การเปิดตัว STACK Asia Pacific ถือเป็นก้าวที่น่าตื่นเต้นในการพัฒนาบริษัทของเรา “เรามุ่งมั่นที่จะสร้างตลาดต่างประเทศที่เป็นกลยุทธ์สำหรับลูกค้าของเรา และการขยายสู่เอเชียแปซิฟิกเป็นขั้นตอนต่อไปสำหรับการนำเสนอโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่ยืดหยุ่น ซึ่งตอบสนองและสนับสนุนความต้องการที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรายินดีที่จะต้อนรับ Preet ซึ่งเป็นผู้นำที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในอุตสาหกรรมนี้ มาสู่ทีมของเรา และหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการลงทุน การพัฒนา และความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานในท้องถิ่นของเขา”

“STACK ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับลูกค้าระดับไฮเปอร์สเกลและองค์กรผ่านโซลูชั่นทางเทคนิคที่เป็นนวัตกรรมและโมเดลเชิงพาณิชย์ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ STACK ในอเมริกาเหนือ ซึ่งเราหวังว่าจะทำซ้ำได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” นาย Gona กล่าว “เป้าหมายของเราคือการสร้างทีมระดับโลกโดยการเป็นนายจ้างที่ได้รับเลือกในอุตสาหกรรมและช่วยเหลือลูกค้าของเราในการนำทางการพัฒนาที่ไม่เหมือนใครและความท้าทายในการดำเนินงานในภูมิภาคนี้”

Matt A'Hearn หุ้นส่วนของ IPI กล่าวว่า “เรามีโอกาสที่ดีในการสร้างความสำเร็จของ STACK ต่อไปด้วยการขยายนี้ และเรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มชั้นนำของอุตสาหกรรมของ STACK พร้อมด้วยความเป็นผู้นำและประสบการณ์ของ Preet ในภูมิภาคนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว IPI มุ่งมั่นที่จะลงทุนในเอเชียแปซิฟิกและเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าสำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก”

เกี่ยวกับ STACK INFRASTRUCTURE

STACK ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อขยายบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกหลายแห่ง ด้วยแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก บริษัทจึงนำเสนอชุดโซลูชั่นแบบบิลด์ทูสูท โคโลเคชั่น และพาวเวอร์เชลล์แบบครบวงจรสำหรับการขายส่งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเอเชียแปซิฟิก ด้วยความสามารถในการขยายตัวที่มีอยู่อย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่นในโซนความพร้อมใช้งานชั้นนำ ทำให้ STACK สามารถนำเสนอการขยายขนาดและการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์แบบที่บริษัทระดับองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็วต้องการ โลกสามารถขับเคลื่อนได้บนฐานข้อมูล และฐานข้อมูลก็ถูกขับเคลื่อนบน STACK

เกี่ยวกับ IPI PARTNERS

IPI Partners เชี่ยวชาญในการจัดหา พัฒนา เช่าซื้อ และดำเนินการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และที่มีคุณภาพสูงทั่วโลก ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา IPI ได้สร้างหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอของศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกลและองค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสถานประกอบการในสหรัฐอเมริกา (แปดจาก 10 อันดับแรกของตลาด) แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และ อิตาลีด้วยความสามารถในการรองรับความจุไอทีมากกว่า 1.3 กิกะวัตต์ IPI Partners ได้ระดมทุนมากกว่า 5.25 พันล้านดอลลาร์ในภาระผูกพันด้านเงินทุนจากการลงทุนแบบปิดสองรูปแบบ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211013005341/en/

ติดต่อ:

STACK Infrastructure
Sammer Khalaf
press@stackinfra.com

IPI
Alyssa Lorenzo/Tim Amoui/Michelle van Wyk
Sard Verbinnen & Co.
+1 310.201.2040
IPI-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SBT และ NTT Com เริ่มการทดลองระบบแสดงราคาสกุลเงินท้องถิ่นและชำระราคาเพื่อการขายและส่งออกรถยนต์มือสองข้ามพรมแดน

Logo

การรับประกันอัตราราคาจะช่วยขจัดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงระยะเวลาการขนส่งต่างประเทศที่ยืดยาว

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–13 ตุลาคม 2564

SBT Co., Ltd. (SBT) บริษัทการค้าผู้เชี่ยวชาญทางด้านการส่งออกรถยนต์และยานพาหนะอื่น ๆ มากกว่า 150 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และ NTT Communications Corporation (NTT Com) ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ไอซีทีและธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายใน NTT Group (TOKYO:9432) ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาจะดำเนินการเริ่มทดลองใช้โซลูชันที่อนุญาตให้แสดงราคาและรายละเอียดการชำระเงินในสกุลเงินท้องถิ่นด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่รับประกันบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของ SBT

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211012006268/en/

Images showing local currency displays (Graphic: Business Wire)

รูปภาพที่แสดงสกุลเงินท้องถิ่น (กราฟิก: Business Wire)

การทดลองใช้ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 13 ตุลาคม โดยจะแนะนำการกำหนดราคาและการชำระในสกุลเงินท้องถิ่นบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของ SBT ซึ่งเป็นโซลูชั่นแรกในประเภทอีคอมเมิร์ซยานยนต์ข้ามพรมแดน1 การบริการ2 “Home Currency Anywhere”™ (HCA) ของ NTT Com จะใช้เพื่อรับประกันอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาที่ทำสัญญาระหว่างการขนส่งยานพาหนะ จุดมุ่งหมายของบริการใหม่ที่นำเสนอนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้และขยายตลาดสำหรับยานพาหนะที่ใช้แล้ว และการทดลองจะพยายามค้นหาความต้องการเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นในตลาดนี้

กระบวนการทวนสอบตามการคาดหวังจะเป็นดังนี้:

ขั้นตอนที่ 1: การแสดงราคารถยนต์ในสกุลเงินท้องถิ่นที่เหมาะสมบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของ SBT โดยวัดระดับการใช้งานของผู้ซื้อ ตามด้วยแบบสำรวจที่รวบรวมเหตุผลที่ผู้ใช้เลือกอัตราสกุลเงินท้องถิ่นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวก

ขั้นตอนที่ 2: สำหรับสกุลเงินที่ได้รับความนิยมในช่วงขั้นตอนที่ 1 การนำฟังก์ชันการชำระสกุลเงินท้องถิ่นและการรับประกันอัตราราคา การวัดอัตราการใช้งานเหล่านี้ ตามด้วยการสำรวจที่รวบรวมเหตุผลที่ผู้ใช้เลือกการชำระเงินในสกุลเงินท้องถิ่นหรืออัตราแลกเปลี่ยนที่รับประกัน และจะกลับมาใช้อีกครั้งหรือไม่

การทดลองใช้จะเริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2564 ถึง มกราคม 2565 บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนรถยนต์มือสองของ SBT ซึ่ง SBT จะใช้บริการ HCA เพื่อแสดงราคาและจำนวนเงินที่ชำระในสกุลเงินหลักของผู้ซื้อในอนาคต และเพื่อให้อัตราที่รับประกันสำหรับการชำระราคา NTT Com จะรับประกันอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และจะรับผิดชอบการออกแบบแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

จากผลการทดลองนี้ ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าที่จะให้ราคาและการชำระในสกุลเงินท้องถิ่นเต็มรูปแบบในอัตราที่รับประกันในแอฟริกา ละตินอเมริกา เอเชีย และภูมิภาคอื่น ๆ บางพื้นที่ ภายในสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ NTT Com “NoMado” 3 เครื่องมือสื่อสารที่มีฟังก์ชันในการแปลหลายภาษา จะถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการเจรจาธุรกิจกับลูกค้าต่างประเทศ และด้วยเหตุนี้จึงขยายปริมาณในการทำธุรกรรม

ความร่วมมือกับ NTT Com นี้จะทำให้ SBT สามารถขยายธุรกิจได้มากกว่าโมเดล “จากญี่ปุ่นสู่โลก” เป็นโมเดล “จากโลกสู่โลก” และบริษัทจะพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าทั่วโลก

ตามวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ “Re-connect X™,5” NTT Com จะสนับสนุนให้เกิดอนาคตที่ยั่งยืนในโลกยุคใหม่ด้วยการให้บริการและโซลูชั่นด้านไอซีทีที่เชื่อมโยงผู้บริโภคและธุรกิจเข้ากับค่านิยมใหม่ของสังคมในรูปแบบที่ปลอดภัย มั่นคง และอย่างคล่องตัว

จำนวนรถยนต์มือสองที่ส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังต่างประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.47 ล้านคันต่อปี ด้วยมูลค่าการส่งออกรวม 700 พันล้านเยน (ประมาณ 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกไปยังเคนยาและประเทศแอฟริกาอื่น ๆ เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2559 สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นของแอฟริกา

รถยนต์มือสองที่ส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังแอฟริกาส่วนใหญ่จะขนส่งทางเรือ โดยการจัดส่งจะใช้เวลาประมาณ 30 ถึง 40 วัน การชำระค่าธรรมเนียมจะทำเป็นหลาย ๆ งวด ระหว่างเวลาที่สิ้นสุดของสัญญาและการลงจอดของยานพาหนะในประเทศปลายทาง เพื่อลดความเสี่ยงของทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาการขนส่งที่ยาวนาน ในบางกรณีซัพพลายเออร์ในท้องถิ่นไม่สามารถกำหนดราคาขายได้ เนื่องจากไม่สามารถกำหนดราคาซื้อที่แน่นอนได้จนกว่ารถจะลงจอด และผู้ซื้อแต่ละรายต้องลงนามในสัญญาโดยไม่ทราบราคาซื้อที่แน่นอน นอกจากนี้ การขาดความคุ้นเคยกับสกุลเงินต่างประเทศในกลุ่มผู้เข้าร่วมตลาดจำนวนมากมักนำไปสู่ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างสัญญาและขั้นตอนการชำระเงิน

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
SBT used car export cross-border e-commerce site
Home Currency Anywhere™ Service Site
NTT Com to Launch Japan's first rate-guaranteed FX information and transaction data service. (ข่าวประชาสัมพันธ์เผยแพร่เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2)

1.

สอดคล้องตาม SBT

2.

Home Currency Anywhere™ เป็นบริการของ NTT Com ที่รับประกันอัตรา FX และข้อมูลการทำธุรกรรมในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

3.

NoMado เป็นเครื่องมือสื่อสารใหม่ที่พัฒนาโดย NTT Com มีฟังก์ชันการแปลหลายภาษาที่อนุญาตให้ผู้ใช้แปลคำพูดของผู้ใช้เป็นภาษาอื่น ๆ ได้พร้อมกัน ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการประชุมหรือการเจรจาธุรกิจกับผู้คนในประเทศอื่น ๆ

4.

อ้างอิงถึง “แบบสำรวจเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าส่ง (2) – การส่งออกยานพาหนะมือสอง” ที่ออกโดยคณะกรรมการรถยนต์มือสองของสมาคมผู้ค้ายานพาหนะมือสองของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564

5.

Re-connect X เป็นวิสัยทัศน์ที่ NTT Com ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้วิสัยทัศน์นี้ NTT Com มีส่วนสนับสนุนให้เกิดอนาคตที่ยั่งยืนในยุค “นิวนอร์มอล” ของโลก ด้วยการให้บริการและโซลูชั่นด้านไอซีทีที่ “เชื่อมลูกค้า ธุรกิจ และสังคมด้วยคุณค่าใหม่” ในลักษณะที่ปลอดภัย มั่นคง และอย่างคล่องตัว

Re-connect X
https://www.ntt.com/en/about-us/re-connectx.html

เกี่ยวกับ SBT

ธุรกิจส่งออกรถยนต์เป็นธุรกิจหลักของ SBT มานานกว่า 28 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2536 เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมที่มีสำนักงานในประเทศ 3 แห่งในญี่ปุ่น และสำนักงานต่างประเทศ 33 แห่ง เพื่อการส่งออกยานพาหนะมือสองมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก

www.sbtjapan.com

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT Communications นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคด้านเทคโนโลยี โดยการช่วยเหลือธุรกิจให้เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมทางด้านไอซีทีของพวกเขาด้วยโซลูชันระบบไอทีพื้นฐานที่มีการจัดการแบบเบ็ดเสร็จ โซลูชันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยระบบโครงสร้างพื้นฐานของเราที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเครือข่ายส่วนตัวชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมในระดับ tier-1 ที่ครอบคลุมทั่วโลก เข้าถึงประเทศ/ภูมิภาคต่าง ๆ มากกว่า 190 จุดหมายปลายทาง และศูนย์กลางข้อมูลที่มีความทันสมัยมากที่สุดของโลกที่มีพื้นที่มากกว่า 500,000 ตรม. ทีมบริการลูกค้ามืออาชีพที่อยู่ทุกมุมโลกของเราคอยให้คำปรึกษาและสถาปัตยกรรมที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ รวมถึงขนาดและความสามารถระดับโลกในการบริการที่เหนือกว่าของเรา และเมื่อรวมเข้ากับ NTT Ltd., NTT Data, and NTT DOCOMO พวกเราคือ NTT Group

www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211012006268/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Human Resources & General Affairs Department
SBT CO., LTD.
E-mail: hrjp@sbtjapan.co.jp

Mitsuya Tomoda
Innovation Center
NTT Communications
E-mail: xtech@ntt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Thai Herald

Thai Herald