Category Archives: Technology

Private Group RLS (USA) Inc. เข้าซื้อกิจการ Radiopharmacy Network ของ GE Healthcare

Logo

แทมปา ฟลอริดา–(บิสิเนสไวร์)–2 กันยายน 2563

RLS (USA) Inc., (Radioisotope Life Sciences) ได้ซื้อเครือข่ายร้านขายยาทางรังสีของ General Electric (GE) ในสหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นบริษัทที่เน้นการถ่ายภาพโมเลกุลบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา  Capitor(www.capitor.co) ที่ปรึกษาทางการเงินระดับโลกได้ร่างและนำเสนอธุรกรรมครั้งนี้ให้กับนักลงทุน โดยเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเจรจาต่อรองนับหลายปีและการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย  การเข้าซื้อกิจการนี้ไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงิน

ร้านจำหน่ายยารังสีจะยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพโมเลกุลให้แก่ GE Healthcare ต่อไป โดย RLS จะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงความร่วมมือในการจัดจำหน่ายนานนับ 10 ปี  ในขณะนี้ เครือข่ายร้านจำหน่ายยาทางรังสีที่เป็นของเอกชนมีผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเป็นเจ้าของโดย Perceptive Advisors บริษัทเชี่ยวชาญการลงทุนด้านการดูแลสุขภาพมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก

ทีมผู้บริหารของ RLS ประกอบด้วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Werner Gruner ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน Jaco van Niekerk และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Shane Cobb  คุณ Gruner ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารในบทบาทต่างๆ ในอุตสาหกรรมการเงินระหว่างประเทศรวมถึงการก่อตั้ง Capitor ให้ความเห็นว่า “ผมรู้สึกทึ่งและตื่นเต้นกับกับโอกาสที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการบริษัทด้านสุขภาพในครั้งนี้ที่มีนอกเหนือจากโอกาสด้านการเงินเท่านั้น  ผมมีอาชีพเป็นที่ปรึกษาการลงทุนแก่ลูกค้าทั่วโลกและเชื่อเสมอว่าไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด ลูกค้าสมควรและมีสิทธิ์ที่จะได้รับบริการระดับสูงที่เป็นส่วนตัว ตรงเวลา และมีคุณภาพ” เขากล่าวเสริมว่า “นี่คือเหตุผลที่เราให้ความสำคัญกับการบริการ คุณภาพ และเทคโนโลยีนวัตกรรมอันเป็นปัจจัยสำคัญในกลยุทธ์การลงทุนของเรา”

เครือข่ายร้านจำหน่ายยาทางรังสีประกอบด้วยร้านขายยา 31 แห่งใน 18 รัฐ รวมถึงสำนักงานใหญ่ปัจจุบันในแทมปา ฟลอริดา  ภายใต้การดูแลของ คุณ van Niekerk, RLS ตั้งเป้าที่จะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้าเพื่อขยายสาขาของร้านขายยาและจะลงทุนอย่างต่อเนื่องในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย “เราใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้มีเปลี่ยนแปลงอย่างราบรื่นเพราะปรัชญาของเราที่มีบริการเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการรักษาพนักงานผู้บริหารที่สำคัญเช่น Shane Cobb ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมนี้”  คุณ van Niekerk กล่าวสรุปว่า “RLS มุ่งมั่นที่จะให้การวินิจฉัยและการรักษาที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วประเทศ  ด้วยเหตุนี้และด้วยผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากความเสียหายของอวัยวะที่เกิดจาก COVID-19 เราได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษที่มุ่งเน้นการรองรับความเป็นไปได้ที่จะมีความต้องการบริการตรวจวินิจฉัยเฉพาะทางเพิ่มขึ้น”

ปัจจุบันพนักงาน GE เกือบห้าร้อยคนทั่วประเทศเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว RLS  บริษัทคาดว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังชายฝั่งตะวันออกของฟลอริดาในอนาคตอันใกล้ และอยู่ระหว่างการสนทนากับสภาพัฒนาเศรษฐกิจหลายแห่งรวมถึงเทศบาล

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200901006104/en/

ติดต่อ:

Amanda Penebaker
608-345-9420
amanda.penebaker@rls.bio
https://rls.bio/

Featurespace ได้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 250 รายชื่อบริษัทสตาร์ทอัพที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2563 จากการจัดลำดับของ CB Insights Fintech

Logo

บริษัทได้รับการยกย่องจากความสำเร็จในการตรวจจับและป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กร

แอตแลนต้า–(BUSINESS WIRE)–1 ก.ย. 2563

Featurespace™ ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรชั้นนำได้รับจัดให้อยู่ใน 250 ลำดับรายชื่อบริษัท Fintech 250 ที่จัดประจำทุกปีเป็น ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่สาม โดยทาง CB Insights นำเสนอรายชื่อบริษัทเอกชนอันทรงเกียรติเกิดใหม่ที่เข้ามาพัฒนาในด้านเทคโนโลยีทางการเงินให้ก้าวล้ำมากขึ้น

“เป็นอีกครั้งที่เราภูมิใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 250 บริษัทฟินเทคเอกชนที่ดีที่สุดจากบริษัททั่วโลก บริษัทที่มีรายชื่อใน Fintech 250 ในปีนี้เป็นตัวแทนจาก 25 ประเทศ และครอบคลุม 19 หมวดหมู่ ซึ่งมาจากหลากหลายสาขาตั้งแต่ด้าน retail banking (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย) และด้านเงินคริปโต ตลอดจนถึงการประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์” Anand Sanwal ซีอีโอของ CB Insights กล่าว

Featurespace ได้รับเลือกเพราะการใช้แมชชีนเลิร์นนิงและ Adaptive Behavioral Analytics ในการสร้างและดูแลรักษาใช้งาน ARIC™ Risk Hub ซึ่งเป็น แพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ใช้การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงที่อธิบายได้เพื่อช่วยให้สถาบันการเงินสามารถระบุความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ พร้อม ๆ ไปกับการตรวจจับการโจมตีด้านการฉ้อโกงใหม่ ๆ และระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์

“การโจมตีของผู้ฉ้อโกงมีความซับซ้อนมากขึ้นในด้านการกำหนดเป้าหมายเหยื่อในทุกช่องทางและทุกจุดของการมีปฏิสัมพันธ์กับร้านค้า กับบริษัทชำระเงิน และกับสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายของเราในการหาทางออกแบบองค์รวมและที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างเท่าทันภัยคุกคาม” Dave Excell ผู้ก่อตั้ง Featurespace กล่าว “นี่แหละคือจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเราที่ผลักดันให้เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างที่เป็นอยู่ และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับใน Fintech 250 ท่ามกลางบริษัทอื่น ๆ ที่แบ่งปันความหลงใหลและมุ่งมั่นในเรื่องนี้เช่นกัน”

Sanwal กล่าวต่อว่า “ รายชื่อ Fintech 250 class ก่อนหน้านี้ระดมทุนนักลงทุนได้มากกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์และรอดพ้นจากอาชญากรรมมากกว่า 20 ครั้งหลังจากที่ระบุภัยได้ และเราคาดว่ารายชื่อในปีนี้จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันพร้อม ๆ ไปกับการที่พวกเขาทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนและธุรกิจใช้จ่าย เก็บเงิน ยืมเงิน และนำเงินไปลงทุน ต่อ ๆ ไป”

ด้วยวิธีการที่สามารถอ้างอิงได้ตามหลักฐาน หน่วย CB Insights Intelligence ได้คัดเลือกรายชื่อ Fintech 250 จากกลุ่มบริษัท 16,000 แห่ง ซึ่งรวมทั้งผู้สมัครและผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยผ่านการพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ กิจกรรมด้านสิทธิบัตร คุณภาพของนักลงทุน การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นข่าวสาร คะแนนโมเสก (proprietary Mosaic scores) ความเป็นหุ้นส่วน ศักยภาพทางการตลาด ภาพรวมการแข่งขัน ความแข็งแกร่งของทีม และความแปลกใหม่ทางเทคโนโลยี คะแนนโมเสกอิงตามอัลกอริทึมของ CB Insights ซึ่งจะวัดคุณภาพโดยรวมและศักยภาพในการเติบโตของบริษัทเอกชนเพื่อช่วยทำนายโมเมนตัมของบริษัท

เกี่ยวกับ CB Insights

ที่ CB Insights เราเชื่อว่าคำถามทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ที่ซับซ้อนที่สุดจะถูกตอบได้ดีที่สุดด้วยการใช้ข้อเท็จจริง เราเป็นบริษัทด้านแมชชีนอินเทลลิเจนซ์ที่สังเคราะห์ วิเคราะห์และผลิตเอกสารหลายล้านฉบับเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกตามข้อเท็จจริงแก่ลูกค้าของเราอย่างรวดเร็ว เราการให้บริการบริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ใน Fortune 100 เราให้อำนาจแก่บริษัทต่าง ๆในการตัดสินใจที่ดีขึ้น ควบคุมอนาคตของตนเองได้ดีขึ้น และใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงได้มากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Featurespace – www.featurespace.com

Featurespace™เป็นผู้นำระดับโลกในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรสำหรับการฉ้อโกงและการต่อต้านการฟอกเงิน Featurespace ได้คิดค้น Adaptive Behavioral Analytics และสร้างแพลตฟอร์ม ARIC™ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แมชชีนเลิร์นนิงแบบเรียลไทม์ที่ระบุคะแนนความเสี่ยงของสถานการณ์ในกว่า 180 ประเทศ เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางการเงิน

ARIC ™ Risk Hub ใช้การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงที่อธิบายได้เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถระบุความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ ตรวจจับการโจมตีจากการฉ้อโกงใหม่ ๆ และระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยในแบบเรียลไทม์ สถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลกกว่า 30 แห่งใช้ ARIC เพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้าของตน ลูกค้าของ ARIC ที่เปิดเผยตัวต่อสาธารณะ ได้แก่ HSBC, TSYS, Worldpay, NatWest Group, Contis, Danske Bank, ClearBank และ Permanent TSB

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200901005738/en/

ติดต่อ:

Keith Swiader, CB Insights

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์

keith.swiader@cbinsights.com

Michael Touchton, Featurespace

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร

Michael.touchton@featurespace.com

+1 (423) 364-5491

มิตซูบิชิ พาวเวอร์ ก่อตั้งขึ้นด้วยความมุ่งมั่น เพื่อปฏิรูประบบพลังงานทั่วโลก

Logo

♦ การปรับภาพลักษณ์องค์กรถือเป็นสัญญาณการเดินทางในขั้นต่อไปของบริษัทเพื่อการเติบโตขึ้นในฐานะ ผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงาน โดยเป็นผู้นำในการลดคาร์บอน การเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล และการส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้ทั่วโลก

♦ ในฐานะบริษัทหลักในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป และมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ปเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จะทำงานร่วมกับบริษัทในเครืออย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อเจาะตลาดด้านใหม่ ๆ รวมถึงต่อยอดการลงทุนด้านโซลูชันดิจิทัล ไฮโดรเจน แอมโมเนีย ระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ และพลังงานแสงอาทิตย์

เมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น (1 กันยายน 2563) – มิตซูบิชิ พาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป (MHI) ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ อย่างเป็นทางการแล้ว การเปลี่ยนชื่อบริษัทนี้ นับเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นในพันธกิจของบริษัท เพื่อการแก้ปัญหาความท้าทายด้านพลังงานที่สำคัญที่สุดในยุคของเรา รวมถึงการลดคาร์บอนและนำพลังงานที่เชื่อถือได้มาสู่ทุกคนทั่วโลก ด้วยอัตลักษณ์ของชื่อองค์กรใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้น หลังจากการปรึกษาหารือกับลูกค้าหลัก พนักงาน และพันธมิตร มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมุมานะ เพื่อให้เป็นบริษัทโซลูชันด้านพลังงานชั้นนำที่มีธุรกิจหลากหลายทั้งด้านการผลิตไฟฟ้าในระดับโครงข่าย พลังงานหมุนเวียน การจัดเก็บพลังงาน และเทคโนโลยีดิจิทัล

หลังการเปลี่ยนชื่อบริษัทครั้งนี้ มิตซูบิชิ พาวเวอร์ กลายเป็นบริษัทในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป โดยมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ตำแหน่งที่ยกระดับขึ้นภายในกลุ่มบริษัทนี้จะทำให้มิตซูบิชิ พาวเวอร์ สามารถทำงานร่วมกันกับบริษัทในเครือแห่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจโดยเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จะทุ่มทุนสำหรับการลงทุนในโซลูชันเกิดใหม่ด้านพลังงานที่มีอยู่ เช่น ไฮโดรเจน แอมโมเนีย และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลกในด้านพลังงานที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น

นายเคน คาวาอิ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหารของบริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า "การให้ผู้คนได้เข้าถึงพลังงานที่สะอาด มีเสถียรภาพ และราคาไม่แพง ถือเป็นหนึ่งวาระเร่งด่วนที่สุดของสังคมโลกในปัจจุบัน มิตซูบิชิ พาวเวอร์ พร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นำในการแก้ไขความท้าทายเหล่านี้ด้วยอัตลักษณ์ใหม่ของเรา ด้วยการต่อยอดจากประสบการณ์ที่แข็งแกร่งด้านวิศวกรรมและบริการอันโดดเด่นซึ่งมีมาอย่างยาวนาน เราจะพัฒนาโซลูชันที่ล้ำยุคมากขึ้นเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นพร้อมกับการขยับขยายขอบเขตของสินค้าและบริการของเราไปพร้อมกัน เราจะร่วมมือกับภาครัฐ บริการสาธารณะ ผู้นำอุตสาหกรรม และบริษัทลูกในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ปของเราอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้แก่ผู้คนและโลกใบนี้ในฐานะบริษัทโซลูชันด้านพลังงาน"

นอกจากชื่อและโลโก้ใหม่ มิตซูบิชิ พาวเวอร์ได้เผยถึงพันธกิจใหม่เช่นกัน รวมทั้งประกาศว่าจะใช้สโลแกนของมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป ที่ว่า "Move the World Forward" (กรุณาดูภาคผนวก A)

มิตซูบิชิ พาวเวอร์ได้สร้างสถานะที่แข็งแกร่งในฐานะพันธมิตรที่ไว้วางใจได้สำหรับบริษัทผลิตไฟฟ้าทั่วโลก ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของบริษัท เมื่อเข้าสู่ระยะใหม่นี้ บริษัทจะใช้ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมชั้นนำระดับโลก ผลักดันการสร้างนวัตกรรมและการบริการลูกค้าที่มีชื่อเสียงเพื่อส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งในท้ายที่สุด จะกระตุ้นความก้าวหน้าของประเทศ ชุมชน และบุคคลในทุกที่

###

เกี่ยวกับบริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด

บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด คือผู้ให้บริการและผู้ริเริ่มด้านเทคโนโลยีและโซลูชันชั้นนำสำหรับภาคส่วนพลังงานระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น อยู่ในเครือบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด โดยบริษัทแม่ดำเนินธุรกิจด้านวิศวกรรมและการผลิตครอบคลุมเกี่ยวกับพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 18,000 คนใน 31 ประเทศทั่วโลก มิตซูบิชิ พาวเวอร์ได้ออกแบบ ผลิต และบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบที่ผลักดันการลดคาร์บอน รวมถึงรับรองการส่งมอบพลังงาน ที่เชื่อถือได้ทั่วโลก โซลูชันของมิตซูบิชิ พาวเวอร์ประกอบไปด้วยกังหันก๊าซที่หลากหลาย รวมถึงกังหันก๊าซเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เซลล์เชื้อเพลิงออกไซด์แบบแข็ง (SOFC) และระบบควบคุมคุณภาพอากาศ (AQCS) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบบริการ อันเป็นแบบอย่างและทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อวาดอนาคตแห่งพลังงาน มิตซูบิชิ พาวเวอร์ยังเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าดิจิทัล ผ่านกลุ่มโซลูชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง TOMONI อีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ https://power.mhi.com

ข้อมูลการติดต่อข่าวประชาสัมพันธ์

ชิมอน อิเคยะ

ฝ่ายการสื่อสารกลุ่ม

แผนกการสื่อสารและรัฐสัมพันธ์

บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด

อีเมล: shimon_ikeya@mhps.com

โทรศัพท์: +81-45-200-7163

ภาคผนวก A: อัตลักษณ์บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์

โลโก้ยี่ห้อและชื่อ

  

The new brand logo presents an image of the advanced power generation technologies and solutions that the company offers, while expressing a corporate stance of responding flexibly to societal changes. (Graphic: Mitsubishi Power)

โลโก้ยี่ห้อใหม่ผสมผสานเครื่องหมายเพชรสามเม็ดของมิตซูบิชิเข้ากับชื่อบริษัทในภาษาอังกฤษ ฟอนต์ของโลโก้ ซึ่งเป็นการออกแบบแบบอักษรแนวกอทิกที่มีความโค้งมนและทันสมัย ได้มีการนำมาใช้เพื่อแสดงถึงภาพลักษณ์ของ เทคโนโลยีการผลิตพลังงานที่มีความก้าวหน้าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่มิตซูบิชิ พาวเวอร์ต้องการนำเสนอ ในขณะเดียวกันก็แสดงจุดยืนขององค์กรในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างยืดหยุ่น

Mission Statement

Mitsubishi Power is creating a future that works for people and the planet by developing innovative power generation technology and solutions to enable the decarbonization of energy and deliver reliable power everywhere.

Tagline

“Move the World Forward”

ภาคผนวก B: ข้อมูลบริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์

ตัวแทน

เคน คาวาอิ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร

สำนักงานใหญ่ระดับโลก

3-1 มินาโตมิไร เขต 3 แขวงนิชิ เมืองโยโกฮามะ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น

สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค

เอเชียแปซิฟิก: สิงคโปร์

จีนแผ่นดินใหญ่: เซี่ยงไฮ้

ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา: ลอนดอน

อเมริกา: เลกแมรี รัฐฟลอริดา

จำนวนพนักงานทั่วโลก

18,356 คน (ณ เดือนเมษายน 2563)

จำนวน

กลุ่มบริษัทหลัก

69 บริษัท (รวม 8 บริษัทในญี่ปุ่น)

ผลิตภัณฑ์หลัก

โรงไฟฟ้า:

  • โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกังหันก๊าซ (GTCC)
  • โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ
  • โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมโดยกระบวนการผลิตก๊าซจากถ่านหิน (IGCC)
  • โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ

ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และบริการ:

  • กังหันก๊าซ
  • กังหันไอน้ำ
  • หม้อไอน้ำ
  • ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ (AQCS)
  • เครื่องกำเนิดไฟฟ้า
  • เซลล์เชื้อเพลิง
  • ระบบควบคุม
  • ระบบจัดเก็บพลังงาน
  • การเดินเครื่องและบำรุงรักษา (O&M)
  • สัญญาการให้บริการระยะยาว
  • ระบบควบคุมและจัดการจากระยะไกล
  • การฝึกอบรม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่http://www.businesswire.com/cgi-bin/mmg.cgi?eid=52274216&lang=en

ภาคผนวก C: ภาพถ่าย

img

img

รูปภาพ 1A, 1B: เครื่องหมายเพชรสามเม็ด ซึ่งได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพและความไว้วางใจ จะปรากฏอย่างเด่นชัดในสำนักงานของบริษัทและสถานประกอบการดังที่แสดงให้เห็นในภาพเหล่านี้

img

img

img

รูปภาพ 2A, 2B, 2C: มิตซูบิชิ พาวเวอร์ ยังคงสานต่อการให้บริการอันเป็นแบบอย่าง พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพนักงานเหล่านี้ที่ Takasago Works ในประเทศญี่ปุ่น ที่พร้อมทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจและร่วมกันสร้างอนาคตด้านพลังงาน






NuScale Power สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะเครื่องปฏิกรณ์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็กเครื่องแรกที่ได้รับการอนุมัติการออกแบบจากคณะกรรมการกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา

Logo

ถือเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญด้านกฎระเบียบ เนื่องจาก NuScale พร้อมแล้วที่จะนำเทคโนโลยี SMR ออกสู่ตลาดในทศวรรษนี้

พอร์ตแลนด์, โอเรกอน–(BUSINESS WIRE)–29 ส.ค. 2563

NuScale Power ประกาศในวันนี้ว่าคณะกรรมการกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ หรือ the U.S. Nuclear Regulatory Commission  (NRC) ได้ตรวจสอบระยะที่ 6 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายและขั้นสุดท้ายของแอปพลิเคชันการรับรองการออกแบบ หรือ the Design Certification Application (DCA)  เป็นที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วสำหรับเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก หรือ small modular reactor (SMR) ที่ก้าวล้ำของบริษัท โดยมีการรายงานการประเมินความปลอดภัยขั้นสุดท้าย  หรือ Final Safety Evaluation Report (FSER) ให้ด้วย โดย FSER แสดงให้เห็นถึงการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ของการตรวจสอบทางเทคนิคและการอนุมัติการออกแบบ NuScale SMR ซึ่งเมื่อขั้นตอนสุดท้ายของ DCA ของ NuScale เสร็จสมบูรณ์แล้ว ลูกค้าก็จะสามารถดำเนินการตามแผนการพัฒนาโรงไฟฟ้า NuScale ได้ด้วยความสบายใจว่า NRC ได้อนุมัติด้านความปลอดภัยของการออกแบบของ NuScale เรียบร้อยแล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่:https://www.businesswire.com/news/home/20200828005299/en/

An artist’s rendering of NuScale Power’s small modular nuclear reactor plant. Photo courtesy of NuScale

ศิลปินวาดภาพจำลองโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบแยกส่วนขนาดเล็กของ NuScale Power  ภาพ ได้รับความอนุเคราะห์จาก NuScale

“นี่ไม่ใช่แค่เพียงก้าวที่สำคัญสำหรับ NuScale เท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวที่สำคัญของภาคนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ทั้งหมดและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขั้นสูงอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกด้วย ความสำเร็จครั้งนี้เป็นการวางพื้นฐานความเป็นผู้นำของ NuScale และสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจนในการแข่งขันเพื่อนำ SMR ออกสู่ตลาด การได้รับอนุมัติด้านการออกแบบของ NuScale ถือเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อ และเราขอขอบคุณ NRC อย่างลึกซึ้งที่สุดสำหรับการตรวจสอบอย่างละเอียดและขอขอบคุณกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา หรือ the U.S. Department of Energy (DOE) สำหรับความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนของเราที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำ SMR เครื่องแรกของประเทศออกสู่ตลาด และเรายังขอขอบคุณบุคคลอื่น ๆ อีกมากมายที่ทุ่มเทเวลานับไม่ถ้วนเพื่อทำให้ช่วงเวลาพิเศษนี้เกิดขึ้นจริง” John Hopkins ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NuScale กล่าว “นอกจากนี้การระดมทุนแบบแบ่งค่าใช้จ่ายโดยสภาคองเกรสในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังได้ช่วยเร่งความก้าวหน้าของ NuScale ผ่านกระบวนการรับรองการออกแบบของ NRC สิ่งนี้คือสาเหตุที่โครงการ SMR ของกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาถูกสร้างขึ้นมา และความสำเร็จของเราก็ยังเกิดขึ้นมาจากการได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรสที่แข็งแกร่ง "

DCA ของ NuScale เสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2559 และได้รับการยอมรับจาก คณะกรรมการกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ หรือ  NRC ในเดือนมีนาคม 2017 กระบวนการตรวจสอบแสดงให้เห็นถึงทั้งความเรียบง่ายของการออกแบบ SMR ของ NuScale และความละเอียดถี่ถ้วนของแอปพลิเคชันของบริษัท ตัวอย่างเช่น ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบขั้นตอนที่ 1 อย่างเข้มงวด ซึ่งรวมถึง 115,000 ชั่วโมงที่ใช้ในการตรวจสอบ DCA ทาง NRC ได้ออกคำขอข้อมูลเพิ่มเติมเป็นจำนวนน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันการรับรองของการออกแบบอื่น ๆ NuScale ใช้เงินไปกว่า 500 ล้านดอลลาร์โดยได้รับการสนับสนุนจาก Fluor และใช้ชั่วโมงแรงงานกว่า 2 ล้านชั่วโมงเพื่อพัฒนาข้อมูลที่จำเป็นในการเตรียมแอปพลิเคชัน DCA นอกจากนี้ บริษัทยังได้ส่งรายงานเฉพาะ Topical Reports อีก 14 ฉบับแยกต่างหาก นอกเหนือไปจากรายงานอีกหนึ่งฉบับว่าด้วยแอปพลิเคชัน DCA อีกกว่า 12,000 หน้า พร้อม ๆ กับให้ข้อมูลสนับสนุนมากกว่า 2 ล้านหน้าสำหรับการตรวจสอบ NRC

“NRC ยอมรับความท้าทายในการตรวจสอบ เครื่องปฏิกรณ์  DCA แบบแยกส่วนขนาดเล็กเป็นเครื่องแรก ซึ่งในเวลานั้นไม่เพียงแต่ถือเป็นก้าวสำคัญของ NuScale เท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์โดยรวมด้วย NuScale ขอชื่นชมความทุ่มเท เวลา และความพยายามของ NRC ตลอดกระบวนการหลายปีนี้ ซึ่งมักจะมีการตรวจสอบเสร็จก่อนกำหนดเวลาเสมอ ในฐานะที่ผมเคยเป็นพนักงานของ NRC มาเป็นเวลานาน ซึ่งรวมถึงในฐานะผู้บริหารใน Office of New Reactors ผมสามารถพูดได้ว่าการออก FSER ในช่วงแรกนี้ต้องให้เครดิตสำหรับทุกคนใน NRC อย่างแท้จริง ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่การตรวจสอบทางเทคนิคและเจ้าหน้าที่โครงการ ฝ่ายการจัดการ และคณะกรรมการ Tom Bergman รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของ NuScale กล่าว

NuScale ยังคงรักษาโมเมนตัมโครงการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในการนำเทคโนโลยี SMR ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน มาตรฐานการออกแบบโรงงาน การวางแผนกิจกรรม การส่งมอบ และแผนการด้านสตาร์ทอัพและการว่าจ้าง บริษัทได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากลูกค้าในประเทศและจากต่างประเทศจากที่มองว่าโรงไฟฟ้า NuScale เป็นโซลูชันระยะยาวสำหรับการจัดหาพลังงานคาร์บอนที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย ราคาไม่แพงและมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งนี้ NuScale ได้ลงนามในข้อตกลงกับหน่วยงานในสหรัฐอเมริกา แคนาดา โรมาเนีย สาธารณรัฐเช็ก และจอร์แดน และกำลังมีการเจรจาข้อตกลงที่คล้ายกันกับหน่วยงานอื่น ๆ เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ NuScale Power

NuScale Power ได้พัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำเบาแบบแยกส่วนเพื่อจัดหาพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้า การทำความร้อนแบบรวมศูนย์ การกรองน้ำทะเล และการใช้ความร้อนในกระบวนการอื่น ๆ ทั้งนี้การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์แบบแยกส่วนขนาดเล็ก (SMR) ที่ก้าวล้ำนี้จะใช้คุณลักษณะ NuScale Power Module™ ที่ประดิษฐ์ขึ้นจากโรงงานโดยสมบูรณ์ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 60 เมกะวัตต์โดยใช้เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์แบบแรงดันน้ำที่ปลอดภัยกว่า ขนาดเล็กกว่า และปรับขนาดได้ การออกแบบที่ปรับขนาดได้ของ NuScale ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถรองรับโมดูลไฟฟ้าได้ถึง 12 โมดูล ช่วยให้พลังงานที่ปราศจากคาร์บอนและลดภาระผูกพันทางการเงินที่มากับโรงงานนิวเคลียร์ขนาดกิกะวัตต์ ผู้ลงทุนหลักใน NuScale ได้แก่ Fluor Corporation ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมการจัดหาและการก่อสร้างระดับโลกที่มีประวัติ 60 ปีในด้านพลังงานนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์

NuScale มีสำนักงานใหญ่ในพอร์ตแลนด์ โอเรกอน และมีสำนักงานใน Corvallis,โอเรกอน; ร็อควิลล์, แมรีแลนด์; ชาร์ล็อต นอร์ธ คาโรไลนา; ริชแลนด์วอชิงตัน; และลอนดอน สหราชอาณาจักร ติดตามเราได้ที่ Twitter: @NuScale_Power, Facebook: NuScale Power, LLC, LinkedIn: NuScale-Power, and Instagram: nuscale_power. NuScale มีโลโก้แบรนด์และ เว็บไซต์ ใหม่ คลิกเพื่อดู วิดีโอ สั้น ๆ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200828005299/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Diane Hughes, รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร

dhughes@nuscalepower.com

(C) 503-270-9329





Dataiku ระดมทุน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อขยายความเป็นผู้นำในด้านตลาด AI ขององค์กร

Logo

Stripes เป็นผู้นำรอบ Series D ในขณะที่ Tiger Global Management จะเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทที่ร่วมลงทุนอยู่ก่อนแล้วอย่าง Battery Ventures, CapitalG, Dawn Capital, FirstMark Capital และ ICONIQ

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–24 ส.ค. 2563

Dataiku ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Enterprise AI และแมชชีนเลิร์นนิงชั้นนำระดับโลกประกาศในวันนี้ ว่าด้วยรอบการลงทุน Series D มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ซึ่งจะถูกนำโดย Stripes พร้อมกับการลงทุนครั้งใหญ่โดย Tiger Global Management และการมีส่วนร่วมจากบริษัทที่ลงทุนไว้อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งได้แก่ Battery Ventures, CapitalG, Dawn Capital, FirstMark Capital และ ICONIQ การระดมทุนครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ Dataiku ยังคงขับเคลื่อน AI ภายในองค์กรต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยการให้บริการลูกค้ากว่า 300 รายที่เข้าใจว่ากลยุทธ์ AI แบบทำงานร่วมกันและแบบ end-to-end หรือ แบบที่มีกระบวนการลอจิสติกส์ครบวงจร มีความสำคัญต่อความสำเร็จของพวกเขา

“ความเป็นผู้นำของเราในด้าน AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ สำหรับองค์กรยังคงดึงดูดนักลงทุนระดับโลกที่เข้าใจว่าฐานลูกค้าและโซลูชันของ Dataiku นั้นอยู่ในระดับโลกอย่างแท้จริง และเราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ใช้งานศักยภาพที่ยังไม่ได้ถูกใช้ในด้าน AI เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงองค์กร” Florian Douetteau  ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Dataiku กล่าว “ในตลาดธุรกิจทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในปี 2563 AI ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จขององค์กรที่ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในตลาดแนวดิ่งที่สำคัญทุกแห่ง”

Dataiku ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดยมีพันธกิจในการนำโครงการแมชชีนเลิร์นนิงและ AI ออกจากห้องทดลองและนำมาใช้ในการดำเนินงานประจำวันของบริษัทต่าง ๆ อย่างแท้จริง Dataiku ให้บริการลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก ซึ่งรวมถึง Schlumberger, GE Aviation, Sephora, Unilever, BNP Paribas, Premera Blue Cross, Kuka และ Santander โดยทีมงานของบริษัทมีมากกว่า 450 คนทั่วโลกทั้งในนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต ดูไบ อัมสเตอร์ดัม ซิดนีย์ และสิงคโปร์

“ความก้าวหน้าของ AI ในองค์กรได้ก้าวไปอย่างรวดเร็วจากการทดลองไปสู่การใช้งานจริงที่ปรับขนาดได้ในปี 2563 และ Dataiku อยู่ในระดับแนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่พร้อมใช้งานสำหรับองค์กรที่ปลอดภัย ครอบคลุมทุกด้าน และมีความพร้อมในเชิงองค์กรที่มากที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นในการวิจัยอย่างกว้างขวางของเราในตลาดนี้” Ron Shah หุ้นส่วนของ Stripes กล่าว “สิ่งที่เราได้เห็นใน Dataiku ไม่เพียงแต่แค่เรื่องความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่พร้อมต่ออนาคตสำหรับลูกค้าในเกือบทุกวงการอุตสาหกรรมและทุกภูมิศาสตร์ที่สำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือการมีทีมงานมืออาชีพที่ทุ่มเทและองค์กรระดับโลกที่ทำงานเพื่อทำให้มั่นใจได้ถึงความไว้วางใจ ความปลอดภัยและศักยภาพด้านการรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝันผ่านการใช้แมชชีนเลิร์นนิ่ง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จอย่างต่อเนื่องผ่านการลงทุนครั้งนี้” Paul Melchiorre หุ้นส่วนด้านปฏิบัติการของ Stripes กล่าวเสริม

“ตลาดของวงการนี้ ยังคงยืนยันให้แนวทางการทำงานร่วมกันของ Dataiku เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการใช้ AI ทั่วทั้งองค์กร” Evgenia Plotnikova หุ้นส่วนของ Dawn Capital กล่าว “ความคล่องตัวจากการใช้ AI ไม่เคยเป็นศักยภาพที่สำคัญมากเท่านี้มาก่อนในองค์กร”

เกี่ยวกับ Dataiku

Dataiku เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม AI และแมชชีนเลิร์นนิงชั้นนำของโลกซึ่งสนับสนุนความคล่องตัวในความพยายามด้านข้อมูลขององค์กรผ่าน AI ที่ทำงานร่วมกัน ยืดหยุ่น และมีความรับผิดชอบในระดับองค์กร บริษัทหลายร้อยแห่งใช้ Dataiku เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ และทำให้มั่นใจว่าพวกเขายังคงก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงการใช้โมเดลที่ขับเคลื่อนการตรวจจับการฉ้อโกง การป้องกันการปั่นป่วนด้านลูกค้า การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชน และอื่น ๆ อีกมากมาย Dataiku ถูกสร้างขึ้นสำหรับ บริษัทที่ต้องการพัฒนา AI ให้ถูกใช้อย่างทั่วถึงทั่วทั้งองค์กร เพื่อนำความคล่องตัวและความพร้อมมาสู่ธุรกิจผ่านการใช้ข้อมูลมาสู่ทุกคน ตั้งแต่นักวิเคราะห์ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล

เกี่ยวกับ Stripes

Stripes เป็น บริษัทหลักทรัพย์เพื่อการเติบโตชั้นนำที่นำเสนอแนวทางการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่เหมือนใครในการลงทุนในธุรกิจซอฟต์แวร์และธุรกิจผู้บริโภคที่มีการเติบโตสูงทั่วโลก กว่าทศวรรษที่ผ่านมา Stripes ได้ร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในตลาดเพื่อให้การสนับสนุนที่จำเป็นในการเร่งการเติบโตและการบรรลุวิสัยทัศน์ในระยะยาว ภารกิจของ Stripes คือการมีวัฒนธรรม ชุดทรัพยากร และความเชี่ยวชาญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการมีข้อได้เปรียบที่ไม่มีใครเทียบได้ในตลาดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภค ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripes ได้ที่ https://www.stripes.co/.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200823005026/en/

ติดต่อ:

Laurel Toney

dataiku@strangebrewstrategies.com

CleverTap แต่งตั้ง Abhishek Gupta ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้า

Logo

ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) รายนี้จะเป็นหัวหอกในการมอบประสบการณ์เริ่มใช้งานที่ราบรื่นและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

เมาน์เทนวิว, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–20 สิงหาคม 2563

CleverTap แพลตฟอร์มรักษาฐานผู้ใช้งานและบริหารวงจรลูกค้าด้วยเทคโนโลยี AI ชั้นนำ ประกาศแต่งตั้งคุณ Abhishek Gupta ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้าในวันนี้ คุณ Gupta มาพร้อมประสบการณ์ด้านบริการระบบซอฟต์แวร์หรือ SaaS และการบริหารความสำเร็จของลูกค้าที่สะสมมากว่า 18 ปี และจะใช้ประสบการณ์นี้ต่อยอดความสำเร็จของ CleverTap ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันสร้างความผูกพันและรักษาฐานลูกค้าชั้นนำของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการตลาดบนมือถือที่มีการแข่งขันสูงต่อไป

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200820005124/en/

Abhishek Gupta, Chief Customer Officer, CleverTap (Photo: Business Wire)

Abhishek Gupta ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้า CleverTap (รูปภาพ: Business Wire)

“ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก การลงทุนเพื่อการเติบโตของทีมที่ดูแลเรื่องความสำเร็จของลูกค้าคือความสำคัญสูงสุด” คุณ Sunil Thomas ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอแห่ง CleverTap กล่าว “คุณ Abhishek มีประสบการณ์ที่กว้างขวางทางด้านการบริหารความสำเร็จของลูกค้า และมีผลงานที่เป็นประจักษ์ในการสร้างทีมและขั้นตอนการทำงานที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สร้างมูลค่าสูงสุดจากการลงทุนใน SaaS พวกเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เขามารวมงานที่ CleverTap และตัวผมเองก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นเขามาต่อยอดความสำเร็จให้กับทีมบริหารความสำเร็จลูกค้าที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพของเรา”

คุณ Gupta เป็นผู้นำธุรกิจที่มากด้วยประสบการณ์และได้ร่วมบริหารธุรกิจ SaaS และอินเทอร์เน็ตที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของลูกค้าและสร้างธุรกิจที่มีการเติบโตสูงมาแล้วมากมาย ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วม CleverTap คุณ Gupta เคยนำทีมที่ดูแลงานด้านบริหารความสำเร็จของลูกค้าและการบริการเฉพาะทางที่ Asia for Sprinklr บริษัทชั้นนำด้านการบริหารประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งเขาได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพลิกโฉมงานด้านต่าง ๆ ทั้งการตลาด โฆษณา วิจัย และการดูแลและสร้างความผูกพันกับลูกค้าให้กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงทั้งในระดับโลกและภูมิภาคหลายแห่ง ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทภายใต้เครือ Trilogy คุณ Gupta ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนงานปฏิบัติการให้กับกลุ่มธุรกิจของบริษัทภายในองค์กรและที่เข้าซื้อมาทั้งในด้านแพลตฟอร์มพัฒนาแอปพลิเคชัน โซลูชันการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ และเครื่องมือเพื่อเพิ่มผลผลิต คุณ Gupta สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจาก IIM Bangalore และปริญญาตรีด้านเทคโนโลยีสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์จากสถาบัน IIT (BHU)

การแต่งตั้งคุณ Gupta เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ CleverTap หลังการระดมทุน Series C มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์โดย Tiger Global Management และ Sequoia เสร็จสมบูรณ์

“ขณะที่ธุรกิจกำลังเดินหน้าไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั่วโลก การสร้างสัมพันธภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าที่เคย” คุณ Abhishek Gupta ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้าแห่ง CleverTap กล่าว “ในฐานะบริษัท เราให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ให้กับลูกค้าของ CleverTap และช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผมตื่นเต้นและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมกับ CleverTap เพื่อเสริมแกร่งและสร้าความสำเร็จให้กับวิธีการที่แบรนด์ระดับโลกใช้สร้างความผูกพันและรักษาฐานลูกค้าให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น”

CleverTap ช่วยให้แบรนด์ที่โฟกัสด้านดิจิทัลสร้างมูลค่าจากแอปพลิเคชันมือถือของพวกเขาได้สูงสุด ด้วยการสร้างประสบการณ์เฉพาะให้กับลูกค้าโดยวิเคราะห์จากข้อมูลพฤติกรรมแบบเรียลไทม์และเทคนิคการจำแนกประเภทข้อมูล (Predictive Modeling) ทุกวัน นักการตลาดชั้นนำของโลกนำ CleverTap ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งเทคโนโลยีอาหาร การเงิน อีคอมเมิร์ซ สื่อ/ความบันเทิง การเดินทาง การจำหน่ายตั๋ว และการขนส่ง ปัจจุบัน กว่า 8,000 แอปพลิเคชันสำหรับมือถือของบริษัทเช่น Gojek, Disney+ Hotstar, Discovery Kids, Sony, Vodafone, Carousell และ Cleartrip ใช้ CleverTap ในการบริหารจัดการ ซึ่งช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ปัจจุบัน แพลตฟอร์มนี้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์มือถือได้มากกว่าหนึ่งพันล้านเครื่อง

เกี่ยวกับ CleverTap

CleverTap คือแพลตฟอร์มสร้างความผูกพันและรักษาลูกค้าชั้นนำ ซึ่งช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สร้างมูลค่าสูงสุดจากมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าได้ แบรนด์ผู้บริโภคกว่า 8,000 แบรนด์จากทั่วโลก รวมถึง Gojek, Disney+ Hotstar, Discovery Kids, Sony, Vodafone, Carousell และ Cleartrip ต่างวางใจให้ CleverTap เป็นผู้ช่วยด้านการสร้างความผูกพันและการรักษาผู้ใช้งานเพื่อช่วยเพิ่มพูนรายได้ในระยะยาว CleverTap ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทร่วมลงทุนชั้นนำหลายรายทั้ง Sequoia, Tiger Global Management, Accel รวมถึง Recruit Holdings สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ในทั้งอัมสเตอร์ดัม สิงคโปร์ ดูไบ และมุมไบ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ clevertap.com หรือติดตามเราได้ทาง LinkedIn และ Twitter

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200820005124/en/

ติดต่อ:

CleverTap
Charles Orlando
415-513-5756
press@clevertap.com

คนขับรถบรรทุกชาวจีนขับรถไกลหลายกิโลเมตรก่อนที่รถจะระเบิด ได้รับ FAW J7 จากการรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด

Logo

ซินหมิน จีน–(BUSINESS WIRE)–20 ส.ค. 2563

สื่อจีนเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 รายงานเหตุระทึกที่เกิดขึ้นในเมือง Xinmin เมืองซินหมินในมณฑลเหลียวหนิงของจีน โดยมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ลุกไหม้พุ่งขับออกมาจากใกล้ปั๊มน้ำมัน  ตัวรถบรรทุกถูกไฟใหญ่กลืนไปเกือบทั้งหมดขณะที่เปลวไฟลุกโชนสูงกว่า 2 เมตรและดูเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ  ไม่กี่นาทีต่อมารถบรรทุกได้ระเบิดที่ชานเมืองด้านนอกท่ามกลางควันไฟ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200819005798/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

หลังเกิดอุบัติเหตุ Sun Gang คนขับรถบรรทุกที่เกือบเสียชีวิตยอมให้สัมภาษณ์ เขากล่าวว่าไฟไหม้รถบรรทุกเกิดจากความผิดพลาดของการซ่อมแซมและสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้ไม่สามารถควบคุมไฟได้ เมื่อเห็นว่าใกล้จะระเบิดเขาจึงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตท่ามกลางไฟที่ลุกโชนและคลื่นความร้อนและขับรถที่กำลังลุกไหม้ออกไปจากเมือง

เหตุการณ์นี้แพร่กระจายไปยังโลกโซเชียลและได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมาก โดยมียอดการอ่านออนไลน์ทะลุ 100 ล้านครั้งและ Sun Gang ได้รับการยกย่องให้เป็น "ฮีโร่ร่วมสมัย"  อย่างไรก็ตามฮีโร่ที่จมดิ่งลงไปในวิกฤตชีวิตหลังเหตุการณ์เพราะรถบรรทุกที่ระเบิดเป็นทรัพย์สินที่แพงที่สุดในครอบครัวของเขา

ไม่กี่วันต่อมา Sun Gang ได้รับโทรศัพท์จากผู้ผลิตรถบรรทุก  เขาได้รับแจ้งว่าเขาจะได้รับของขวัญพิเศษจากผู้ผลิตรถบรรทุก FAW Jiefang ซึ่งเป็นรถแทรกเตอร์ FAW 550 แรงม้า J7 รุ่นล่าสุด

ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปของ FAW Jiefang และเลขาธิการคณะกรรมการพรรค Hu Hanjie ส่งมอบกุญแจรถใหม่ให้กับ Sun Gang

Sun Gang กล่าวว่า “ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกะทันหันผมไม่มีเวลาคิดเรื่องอะไรนอกจากขับรถออกไปตามสัญชาตญาณ ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นเป็นอันตรายเช่นกัน”

FAW Jiefang เป็นแบรนด์รถบรรทุกที่พัฒนาโดยประเทศจีน มีผู้ใช้งาน 7 ล้านคนและครองอันดับ 1 ในแง่ของยอดขายของโลกสำหรับแบรนด์รถบรรทุกขนาดกลางและงานหนักในปี 2018 และ 2019 FAW.  Jiefang ยินดีที่จะ ช่วยเหลือผู้ขับขี่รถบรรทุกจำนวนมากขึ้นที่ประสบความยากลำบากในครอบครัวเนื่องจากโรคและภัยพิบัติเพื่อที่จะได้ออกเดินทางอีกครั้งในอนาคตทั่วโลกและปฏิบัติตามค่านิยมและความเชื่อด้านการกุศลของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง (Facebook@chinafawtruck)

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200819005798/en/

ติดต่อ:

FAWTRUCKS
Liu TianLi
marketing_cv@faw.com.cn

การรับชมเนื้อหาวิดีโอที่สตรีมออนไลน์ครองความเป็นผู้นำในการบริโภคสื่อและความบันเทิงในเอเชียแปซิฟิก จากรายงานดัชนีวิดีโอทั่วโลกของ Brightcove ไตรมาสที่สองของปี 2563

Logo

ยอดดูวิดีโอในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 40% และทีวีที่เชื่อมต่อออนไลน์เพิ่มขึ้น 160% ในขณะที่การบริโภคข่าวสารและเนื้อหาความบันเทิงเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในช่วงที่ COVID -19 ระบาด

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)– 19 ส.ค. 2563

Brightcove Inc. (NASDAQ: BCOV) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีวิดีโอชั้นนำของโลกได้เผยแพร่ดัชนี Brightcove Q2 2020 Global Video Index Entertainment and Media Edition ซึ่งพบว่าการสตรีมเนื้อหาความบันเทิงแบบ OTT ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเริ่มคลายนโยบายการให้อยู่ที่บ้าน ข้อมูลนี้ได้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไปจากการดูทีวีแบบเดิม ๆ อย่างถาวร ซึ่งการสตรีมกลายมาเป็นทางเลือกหลักสำหรับการรับชมความบันเทิง

ดัชนี Brightcove’s Q2 2020 Global Video Index ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ของ Brightcove วิเคราะห์จุดข้อมูลล่าสุดหลายแสนล้านจุดจากลูกค้าของ Brightcove ทั่วโลก เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกว่าผู้ชมรับชมเนื้อหาวิดีโออย่างไร ข้อมูลไตรมาสที่ 2 แสดงให้เห็นว่าการบริโภคข่าวและเนื้อหาบันเทิงเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า (40%) จากไตรมาสที่ 1 (23%) ซึ่งเป็นการค้นพบที่สำคัญโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าโดยทั่วไปในไตรมาสที่ 2 มีการเติบโตของการรับชมวิดีโอที่ช้าลง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 เมื่อดูครึ่งแรกของปี 2563 เทียบกับปี 2562 จำนวนการรับชมโดยรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%.

“ตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งในเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะสูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 และด้วยเทคโนโลยี 5G ที่กำลังมาถึง เราจะยังคงเห็นผู้บริโภคหันมาใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อสตรีมเนื้อหาวิดีโอต่อไป” Jim O’Neill หัวหน้านักวิเคราะห์ และผู้จัดทำ Brightcove’s Global Video Index กล่าว “ ยิ่งไปกว่านั้น  GSMA รายงานว่าจะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือใหม่ 663 ล้านคนในเอเชียแปซิฟิกภายในปี 2568 ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2,000 ล้านคนในภูมิภาคนี้ เมื่อคำนึงถึงสถิตินี้ควบคู่ไปกับการมีเครือข่ายที่เร็วขึ้นและแบนด์วิดท์ที่มากขึ้น จะมีอัตราการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง”

สิ่งที่ผู้บริโภคใช้ในการเข้าดูเนื้อหาก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทีวีที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต (CTV) มีการเติบโตมากที่สุดในไตรมาสที่ 2 (160% เมื่อเทียบปีต่อปี) ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของหน้าจอทีวีที่ใหญ่ขึ้นในฐานะสื่อการรับชมสำหรับความบันเทิง

ข้อค้นพบที่น่าทึ่งอื่น ๆ จากดัชนี Brightcove Q2 2020 Global Video Index ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ :

  • สมาร์ทโฟนเป็นหน้าจอหลักสำหรับวิดีโอ  ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคยังคงใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เกือบทั้งหมดเป็นแบบสมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งการดูวิดีโออยู่ที่ 90% หรือเกือบ 90% เป็นระยะเวลาหลายไตรมาสแล้ว
     
  • สมาร์ทโฟนแบบที่ใช้ Android ยังคงครองตลาดอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะรับชมเนื้อหาบนสมาร์ทโฟน Android มากกว่าของ iPhone ถึง 8 เท่าซึ่ งเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ยังคงมีความสอดคล้องกันมาหลายไตรมาส
     
  • ผู้บริโภครับชมเนื้อหาที่มีรูปแบบยาวเป็นพิเศษบนอุปกรณ์มือถือมากขึ้นเรื่อย ๆเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีอัตราการบริโภคที่เนื้อหาที่มีรูปแบบยาวเป็นพิเศษ (41 นาทีขึ้นไป) โดยเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 66%

“ ปี 2563 กลายเป็นช่วงเวลาแห่งวิวัฒนาการด้านวิดีโอ ส่วนการสตรีมเนื้อหาวิดีโอเพื่อความบันเทิงเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” Jeff Ray ซีอีโอของ Brightcove กล่าว “ วิกฤตในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อผู้คนในด้านอารมณ์และการเงิน ทำให้การเชื่อมต่อกับเพื่อนมนุษย์ผ่านเนื้อหาวิดีโอมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เราได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการสมัครใช้บริการสตรีมมิ่งที่เพิ่มขึ้นซึ่งบ่งชี้ว่าอนาคตของการบริโภคความบันเทิงจะอยู่ที่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อออนไลน์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ การดูโทรทัศน์แบบเดิม ๆ ในไม่ช้าอาจกลายเป็นเพียงอดีต”

หากต้องการดาวน์โหลด Brightcove Q2 2020 Global Video Index Entertainment and Media Edition ฉบับสมบูรณ์รวมถึงข้อมูลทั้งหมดโปรดไปที่: https://www.brightcove.com/en/video-index

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อค้นพบของไตรมาสนี้ หรือ ติดตามการสัมมนาผ่านเว็บสุดพิเศษกับ Jim O’Neill ในวันที่ 15 กันยายน หรือ หากต้องการลงทะเบียนโปรดไปที่: https://get.brightcove.com/global-video-index-2020-q2/

เกี่ยวกับ the Global Video Index

ดัชนี Brightcove’s Global Video Index ประเมินจุดข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนมากกว่า 400,000 ล้านจุดจากลูกค้าหลายพันรายของ Brightcove ในแต่ละไตรมาส โดยดึงข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมที่สามารถช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจทุกขนาด

เกี่ยวกับ Brightcove Inc. (NASDAQ: BCOV)

เราคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มเทคโนโลยีวิดีโอชั้นนำของโลก ด้วยเทคโนโลยีและบริการที่ได้รับรางวัลของเรา เราช่วยให้องค์กรต่างๆในกว่า 70 ประเทศพบบรรลุความท้าทายทางธุรกิจและสร้างโอกาสเชิงกลยุทธ์ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจให้ความบันเทิงและดึงดูดผู้ชมผ่านวิดีโอ

นับตั้งแต่ Brightcove ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 เราได้ผลักดันขอบเขตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับผู้ที่จริงจังด้านวิดีโอ นั่นก็คือแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งปรับขนาดได้ และใช้งานง่าย Brightcove ซึ่งได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก การสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม ระบบนิเวศของคู่ค้าที่กว้างขวางและการลงทุนอย่างไม่หยุดยั้งในด้านการวิจัยและพัฒนาวิดีโอ ได้กำหนดมาตรฐานระดับมืออาชีพสำหรับการจัดการวิดีโอ การเผยแพร่ และการสร้างรายได้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่ www.brightcove.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200818005473/en/

ติดต่อ:

Radha K Raman

ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด, ภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค

Brightcove | +65 3163 5555

rraman@brightcove.com

Meredith Duhaime

ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์

Brightcove | 603-785-8518

mduhaime@brightcove.com

ปตท.สผ. มอบโครงการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลแก่ Halliburton

Logo

ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่เน้นความเป็นเลิศด้านการผลิต

โครงการประกอบด้วยชุดเทคโนโลยี DecisionSpaceของ Halliburton® และซอฟต์แวร์การจัดการประสิทธิภาพองค์กร Honeywell Forge

ฮิวสตัน–(บิสิเนส ไวร์)–18 ส.ค. 2563

ปตท.สผ. บริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทยได้มอบสัญญาแก่ Halliburton (NYSE: HAL) ในการออกแบบและดำเนินโครงการการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Advanced Production Excellence (APEX) ของ ปตท.สผ.  APEX จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการผลิตใน 4 แท่นขุดเจาะนอกชายฝัง ได้แก่ โครงการอาทิตย์ บงกชใต้ บงกชเหนือ และทุ่งซอติก้า เมียนมาร์

Landmark สายธุรกิจของ Halliburton จะใช้ DecisionSpace® Production Suite ในระบบคลาวด์เพื่อปรับปรุงการดำเนินการผลิตตั้งแต่พื้นผิวดินไปจนถึงโรงงานแปรรูป  DecisionSpace® Enterprise Platform จะทำงานร่วมกับ Honeywell Forge ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ในการมอบข้อมูลแบบเรียลไทม์และภาพอัจฉริยะเพื่อให้ ปตท.สผ. สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิผลมากขึ้น

โดยใช้แบบจำลองทางฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ข้อมูลขั้นสูง ผลิตภัณฑ์นี้สามารถสร้างแบบจำลองของพื้นผิวและส่วนประกอบใต้พื้นผิวเพื่อจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานตั้งแต่แหล่งน้ำมันจนถึงจุดส่งมอบ  สิ่งนี้รวมถึงการวางแผนและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในระยะสั้น การตรวจสอบ ควบคุม และรับประกันการไหลเวียน การตรวจสอบและควบคุมการผลิตทราย การเพิ่มประสิทธิภาพการคงตัวของคอนเดนเสท การเพิ่มประสิทธิภาพเมมเบรน CO2 การเพิ่มประสิทธิภาพก๊าซเชื้อเพลิง และการตรวจสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโรงงานแปรรูป

“เรามีความยินดีที่จะได้ร่วมมือกับ Honeywell เพื่อสนับสนุน ปตท.สผ. ในเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล” Nagaraj Srinivasan รองประธานอาวุโสของ Landmark และ Halliburton Digital Solutions กล่าว “การใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเพิ่มมูลค่าสูงสุดของพอร์ตโฟลิโอของผู้ปฏิบัติงาน”

เกี่ยวกับ HALLIBURTON

Halliburton ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2462 เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอุตสาหกรรมพลังงาน  ด้วยพนักงานมากกว่า 40,000 คนจาก 140 สัญชาติในกว่า 80 ประเทศ บริษัทช่วยให้ลูกค้าเพิ่มมูลค่าตลอดวงจรชีวิตของแหล่งเชื้อเพลิง ตั้งแต่การค้นหาไฮโดรคาร์บอนและการจัดการข้อมูลทางธรณีวิทยา ไปจนถึงการขุดเจาะและการประเมินการก่อตัว การก่อสร้างบ่อ และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดอายุของสินทรัพย์ เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.halliburton.com ติดตาม Halliburton บน Facebook, Twitter, LinkedIn, Instagram และ YouTube

อ่านที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200818005064/en/

สำหรับนักลงทุน:
Abu Zeya
Investor Relations (นักลงทุนสัมพันธ์) investors@halliburton.com 
281-871-2688

สำหรับสื่อข่าว:
William Fitzgerald
External Affairs  (กิจการภายนอก)
pr@halliburton.com  
281-871-5267