Category Archives: Technology

เครื่องกระตุ้นหัวใจขั้นสูงของ ZOLL Medical ได้รับรางวัลห้าดาว จาก World of Safety & Health Asia Award 2563

Logo

ZOLL AED 3 และ ZOLL AED 3 BLS ได้รับการยอมรับจาก World of Safety & Health Asia ในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสำหรับผู้ช่วยชีวิตทุกคน

เชล์มสฟอร์ด, แมสซาชูเซตส์–(BUSINESS WIRE)–6 ม.ค. 2564

ZOLL® Medical Corporation บริษัท ในเครือ Asahi Kasei ที่ผลิตอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ประกาศในวันนี้ว่า  ZOLL AED 3®  และ ZOLL AED 3 BLS  เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AEDs) หรือ automated external defibrillators ได้รับรางวัลจาก World of Safety & Health Asia (WSHAsia) ในสาขา New & Innovative Solutions Awards ซึ่งเป็นสาขาที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในครั้งนี้เป็นครั้งแรก ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่ได้รับการจัดเรตติ้งอยู่ที่ห้าดาว เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL ได้รับการยอมรับในด้านเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ไม่มีใครเทียบได้ และให้ระยะเวลาการหยุดกดหน้าอกไปจนถึงขั้นตอนกระตุกหัวใจที่สั้นที่สุดในวงการ ณ ปัจจุบัน

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับจาก World of Safety & Health Asia สำหรับเทคโนโลยี Real CPR Help®และ RapidShock™ ของเรา เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบเครื่อง AED ที่สามารถช่วยชีวิตผู้คน ซึ่งช่วยให้ผู้ที่บังเอิญอยู่ในที่เกิดเหตุและผู้ที่ทำงานด้านการช่วยชีวิตสามารถดำเนินการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและด้วยความมั่นใจ” Elijah A. White ประธานของ ZOLL Resuscitation กล่าว “การวิจัยแสดงให้เห็นว่าฟีดแบ็ค CPR แบบเรียลไทม์ พร้อมกับการฝึกอบรม ช่วยให้มีอัตราการรอดชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นสูงขึ้นกว่า 2 เท่า เราทุ่มเทในการทำงานในส่วนของเราเพื่อส่งมอบเทคโนโลยีฟีดแบ็ค CPR ขั้นสูงที่ใช้งานง่ายและเชื่อถือได้ เพื่อรองรับทั้งมืออาชีพและบุคคลทั่วไปให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไปตามแต่ละขั้นตอนของกระบวนการ”

รางวัลโซลูชันและนวัตกรรมใหม่ หรือ New & Innovative Solution Awards ของ WSHAsia ถือเป็นการยกย่องความเป็นเลิศในผลิตภัณฑ์และบริการที่มุ่งพัฒนาด้านความปลอดภัยและสุขภาพในสถานที่ทำงาน ผลงานแต่ละผลงานได้รับการประเมินโดยคณะกรรมการที่มีชื่อเสียง 5 คนที่มาจากอุตสาหกรรมความปลอดภัยและสุขภาพจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การได้รับคะแนนระดับห้าดาวหมายถึงการได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการทั้ง 5 คน

“เราประทับใจในเครื่อง AED ที่เป็นนวัตกรรมใหม่จาก ZOLL Medical โดยเฉพาะการให้ระยะเวลาหลังจากหยุดกดหน้าอกไปจนถึงขั้นตอนกระตุกหัวใจที่สั้นอย่างน่าทึ่ง ซึ่งสั้นที่สุดในอุตสาหกรรมปัจจุบันนี้” Raymond Wat ผู้ก่อตั้ง World of Safety & Health Asia กล่าว “ ZOLL AED 3 และ ZOLL AED 3 BLS ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่รองรับการกู้ชีพและคุณสมบัติการตรวจสอบอัตโนมัติทั้งหมด และยังมาพร้อมการเชื่อมต่อ WiFi เพื่อเพิ่มความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน”

ZOLL AED 3

การออกแบบที่ใช้งานง่ายและคุณสมบัติที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นของเครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 ทำให้บุคคลที่ต้องเข้ามาเป็นผู้ช่วยชีวิตแบบที่คาดไม่ถึงมีทั้งความมั่นใจและความรู้ที่จำเป็นในการตอบสนองต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน หรือ sudden cardiac arrest  (SCA) เทคโนโลยี Real CPR Help ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ผู้ช่วยชีวิตสามารถทำ CPR ที่มีคุณภาพสูงพร้อม ๆ กับการได้รับฟีดแบ็คข้อเสนอแนะด้านคุณภาพของการกดหน้าอกแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอสีเต็มรูปแบบที่มาพร้อมภาพกู้ชีพที่เห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตัวจับเวลาแต่ละรอบของ CPR และแถบสีขนาดใหญ่ที่แสดงความลึกของการกดหน้าอกระหว่างทำ CPR อีกด้วย

ZOLL AED 3 BLS

เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 BLS มีคุณสมบัติทั้งหมดที่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 มี แต่เพิ่มการให้การช่วยเหลือในเชิงลึกสำหรับผู้ช่วยชีวิตระดับมืออาชีพ โดย CPR Dashboard™ บนอุปกรณ์จะแสดงเวลาที่ผ่านไป การนับถอยหลังของวงจร CPR แรงกระแทกของการกระตุกหัวใจ และยังแสดงค่า ECG อีกด้วย การใช้ RescueNet® CaseReview ทำให้ข้อมูลประสิทธิภาพการกู้ชีพอย่างละเอียดสามารถถูกส่งออกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายผ่าน USB หรือผ่าน WiFi โดยตรง ทั้งนี้ ข้อมูลสามารถถูกประเมินและใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการกู้ชีพในอนาคต จะเห็นได้ว่า ZOLL AED 3 BLS ไม่เพียงแต่จะช่วยแนะแนวทางผู้ช่วยชีวิตในการทำ CPR ที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในเครื่อง AED ในอุตสาหกรรมที่ทำให้เวลาการเกิดการกระตุกหัวใจภายหลังจากหยุดการกดหน้าอกสั้นที่สุด ซึ่ทั้งสององค์ประกอบเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย

ZOLL RAPIDSHOCK ANALYSIS*

เครื่องกระตุ้นหัวใจ ZOLL AED 3 และ ZOLL AED 3 BLS ประกอบด้วยเทคโนโลยีการวิเคราะห์ RapidShock RapidShock Analysis ของ ZOLL ซึ่งให้ระยะเวลาการหยุดการวิเคราะห์ที่สั้นที่สุดในอุตสาหกรรม และให้เวลาที่เร็วที่สุดในการกระตุกหัวใจ ตัวเครื่องสามารถวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจของผู้ป่วยได้ภายใน 3 วินาที แล้วตามด้วยการกระตุกหัวใจภายในเวลาสั้น ๆ เพียง 5 วินาที

เกี่ยวกับ ZOLL Medical Corporation

ZOLL Medical Corporation ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Asahi Kasei พัฒนาและทำการตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์และซอฟต์แวร์ที่ช่วยพัฒนาระบบการดูแลฉุกเฉินและช่วยชีวิตผู้ป่วย ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์และการปฏิบัติงานอีกด้วย ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับการกระตุกหัวใจไฟฟ้าและการตรวจสอบการไหลเวียน และการตอบกลับ CPR การจัดการข้อมูลการบำบัดด้วยออกซิเจนไม่อิ่มตัว การจัดการอุณหภูมิในการรักษาและการระบายอากาศ อนึ่ง ZOLL นำเสนอชุดเทคโนโลยีที่ครอบคลุมที่ช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน EMS และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรวมทั้งหน่วยกู้ภัย และบุคคลทั่วไปให้สามารถรักษาผู้ประสบภัยที่ต้องการการกู้ชีพและการดูแลขั้นวิกฤตเฉียบพลัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.zoll.com.

เกี่ยวกับ Asahi Kasei

Asahi Kasei Group มีส่วนช่วยในชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2465 เพื่อดำเนินธุรกิจแอมโมเนียและเส้นใยเซลลูโลส ทาง Asahi Kasei ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจเชิงรุกเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของทุกยุค บริษัทซึ่งมีพนักงานมากกว่า 40,000 คนทั่วโลกมีส่วนช่วยในสังคมที่ยั่งยืนด้วยการนำเสนอวิธีแก้ปัญหาสำหรับความท้าทายของโลกผ่านภาคธุรกิจสามส่วน ได้แก่ วัสดุ บ้าน และการดูแลสุขภาพ การดำเนินงานด้านการดูแลสุขภาพรวมถึงอุปกรณ์และระบบสำหรับการดูแลผู้ป่วยวิกฤตเฉียบพลัน การฟอกเลือด การจัดการการหยุดหายใจ การเปลี่ยนถ่ายเลือด และการผลิตยาชีวบำบัดตลอดจนเภสัชภัณฑ์และน้ำยาตรวจวินิจฉัยเชื้อ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.asahi-kasei.com.

*เทคโนโลยี RapidShock Analysis ไม่มีให้บริการในสหรัฐอเมริกา

ลิขสิทธิ์© 2021 ZOLL Medical Corporation สงวนลิขสิทธิ์  CPR Dashboard, RapidShock, Real CPR Help, RescueNet, Uni-padz, ZOLL และ ZOLL AED 3 เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ ZOLL Medical Corporation ในสหรัฐอเมริกา และ / หรือ ประเทศอื่น ๆ Asahi Kasei เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Asahi Kasei Corporation เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210105005974/en/

ติดต่อ:

Edna Kaplan

ฝ่ายสื่อสารของ KOGS

+1 (617) 974-8659

kaplan@kogspr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผลิตภัณฑ์ของ Hytera PoC ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการป้องกันสำหรับอุตสาหกรรมความปลอดภัยส่วนบุคคล

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(บิสิเนสไวร์)–4 มกราคม 2564

ผลิตภัณฑ์ของ Hytera PoC ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลมั่นใจในความปลอดภัยของอาคาร สิ่งของมีค่า และผู้คนโดยการลาดตระเวน รักษาความปลอดภัย และตรวจสอบบริเวณสถานที่ การคุ้มกันเงินสดหรือสิ่งของมีค่าอื่นๆ ระหว่างการขนส่ง และการปกป้องวีไอพี

ความปลอดภัยนั้นเป็นประเด็นสำคัญสูงสุด  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วและปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินหรือบุคลากร  จึงจำเป็นต้องมีระบบการสื่อสารที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

PoC ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมความปลอดภัยส่วนตัว

bit.ly/3hlFCqj

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากทำงานในสถานที่ประจำเช่นศูนย์กลางการขนส่ง สถานีไฟฟ้า สำนักงาน ศูนย์การศึกษา โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และอาคารที่พักอาศัย  สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ เครือข่ายวิทยุเคลื่อนที่ Professional Mobile Radio (PMR) เฉพาะหรือระบบการสื่อสาร Push-to-Talk over Cellular (PoC) มอบการสื่อสารแบบกลุ่มที่เชื่อถือได้เพื่อการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อภัยคุกคาม

สำหรับองค์กรที่มีงบประมาณจำกัดที่ไม่สามารถใช้งานเครือข่าย PMR ได้ตลอดเวลา ผลิตภัณฑ์ PoC เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายใดๆ เนื่องจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือมีให้อยู่แล้ว

เพื่อความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในการทำงาน เจ้าหน้าที่มักจำเป็นต้องตรวจสอบและบันทึกสถานการณ์ในสถานที่ทำงานแบบเรียลไทม์  อย่างไรก็ตามการครอบคลุมของกล้องวงจรปิดมักมีพื้นที่ตาบอด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการลาดตระเวนเฝ้าระวังโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย  วิทยุ PoC และกล้องที่สวมใส่ตามร่างกายสามารถจับภาพสิ่งที่เกิดขึ้นและให้หลักฐานภาพและเสียงในภายหลัง

สำหรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานในบทบาทเคลื่อนที่เช่นการปกป้องวีไอพีอย่างใกล้ชิดหรือการขนส่งสิ่งของมีค่า ปัญหาหลักคือการสื่อสารกับสมาชิกในทีมและสำนักงานอย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ขณะทำการเคลื่อนย้าย

PoC แก้ปัญหานี้ด้วยการครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวางและการสื่อสารแบบกลุ่มที่ราบรื่นผ่าน 3G/4G  นอกจากนี้ PoC ยังช่วยให้ผู้มอบหมายงานมีการรับรู้สถานการณ์มากขึ้นในกรณีฉุกเฉิน โดย 4G รองรับการสตรีมวิดีโอจากที่เกิดเหตุ  GPS สามารถระบุตำแหน่งวีไอพีในสนามแบบเรียลไทม์ซึ่งช่วยให้ผู้มอบหมายงานสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความรุนแรงให้น้อยที่สุด

ผลิตภัณฑ์ของ Hytera PoC นำเสนอระบบการสื่อสารที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพและการเฝ้าระวังเคลื่อนที่สำหรับอุตสาหกรรมความปลอดภัย โดยใช้เครือข่าย 3G/4G เพื่อการสื่อสารทั่วโลกที่ราบรื่น

ติดต่อ:

Shaowa Cai
shaowa.cai@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TIME ยกให้ OptiClean เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ดีที่สุดสำหรับปี 2563

Logo

OptiClean Dual-Mode Air Scrubber & Negative Air Machine ได้รับการยอมรับในด้านการพัฒนานวัตกรรมที่รวดเร็วเพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพ

ปาล์มบีช การ์เดน, ฟลอริด้า–(BUSINESS WIRE)–28 ธ.ค. 2563

Carrier’s OptiClean™ Dual-Mode Air Scrubber & Negative Air Machine ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน 100 สิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดของ TIME ประจำปี 2563 โดย OptiClean ได้รับการพัฒนาด้วยนวัตกรรมในช่วงต้นปี 2563 อย่างรวดเร็วเพื่อนำมาช่วยสนับสนุนห้องแยกเชื้อในโรงพยาบาล ในครั้งนี้  OptiClean ได้รับการยกย่องจาก TIME ในหมวดการดูแลรักษาทางการแพทย์ (Medical Care)  ของรายการประจำปีอันทรงเกียรติซึ่งยกย่องสิ่งประดิษฐ์ล้ำสมัยกว่า 100 รายการที่ทำให้โลกมีความน่าอยู่ขึ้นและความชาญฉลาดที่มากขึ้น อนึ่ง บริษัท Carrier เป็นส่วนหนึ่งของ Carrier Global Corporation (NYSE: CARR) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกในด้านอาคารที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ความปลอดภัยและความยั่งยืนและโซลูชั่นครบวงจรแบบ cold chain solutiions

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ OptiClean ได้รับการยอมรับจาก TIME สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เราพัฒนาและนำออกสู่ตลาดในเวลาที่สั้นเป็นประวัติการณ์ พร้อม ๆ ไปกับการรักษามาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อดำรงไว้ซึ่งคุณภาพสูงสุด” Chris Kmetz รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของ Carrier กล่าว “ ที่ Carrier เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ในการพัฒนาโซลูชันที่ชาญฉลาด ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ว่าด้วยความต้องการที่จำเป็นที่สุดในปัจจุบันนี้ของเรา”

ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด Carrier ได้คิดค้น OptiClean ให้เป็นเครื่องดูดอากาศความดันลบ (negative air machine) สำหรับโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วย COVID-19 เพื่อช่วยให้โรงพยาบาลสามารถปกป้องผู้ดูแลคนป่วย พนักงานและผู้ป่วย โดย OptiClean สามารถเสียบเข้ากับเต้ารับมาตรฐานและใช้พื้นที่น้อยกว่าสามตารางฟุต  และ OptiClean เป็นเครื่องฟอกอากาศที่สามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในห้องเรียน ร้านอาหาร ศูนย์ทันตกรรมอาคารพาณิชย์และอื่น ๆ อีกมากมายได้โดยการดึงอากาศเข้ามาเพื่อนำมาขัดโดยการใช้แผ่นกรอง HEPA จากนั้นจึงปล่อยอากาศที่สะอาดกว่ากลับเข้าไปในห้องเพื่อลดสิ่งปนเปื้อนในอากาศในห้อง พร้อม ๆ ไปกับการเสนอการป้องกันเพิ่มเติมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบรรเทาผลกระทบโดยรวม

OptiClean เป็นหนึ่งในโซลูชั่นจำนวนหนึ่งที่นำเสนอผ่านโครงการอาคารที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy Buildings Program) ของ Carrier ซึ่งเป็นชุดโซลูชั่นขั้นสูงที่เราได้จัดทำขึ้นเพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่มีสุขภาพดีปลอดภัย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะวางจำหน่ายในตลาดประเทศไทยในช่วงต้นเดือนมกราคม หากต้องการเยี่ยมชมรายการสิ่งประดิษฐ์ที่ดีที่สุดของ TIME 2563 ทั้งหมด ให้ไปที่ time.com/best-inventions-2020.

เกี่ยวกับ Carrier

Carrier เป็นส่วนหนึ่งของ Carrier Global Corporation และเป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชั่นระบบทำความร้อน เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็นที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยผู้เชี่ยวชาญของ Carrier จะจัดหาโซลูชั่นที่ยั่งยืนโดยการรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน การควบคุมตรวจสอบอาคารและบริการด้านพลังงานสำหรับลูกค้าในเขตที่อยู่อาศัย ในภาคส่วนพาณิชยกรรมการค้าปลีก การขนส่ง และบริการด้านอาหาร

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201228005140/en/

ติดต่อ:

Ardi Rammanee

+61 81 648 1022

ardi.rammanee@carrier.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

JPMorgan Chase เข้าซื้อกิจการด้านการท่องเที่ยวและลอยัลตี้

Logo

JPMorgan Chase เตรียมยกระดับบริการการท่องเที่ยวแบบครบวงจรหรือ end-to-end ด้วยการซื้อแพลตฟอร์มเทคโนโลยี cxLoyalty ที่ทันสมัยและขยายขนาดได้

นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–29 ธ.ค. 2563

JPMorgan Chase & Co. (NYSE: JPM) และ cxLoyalty Group Holdings ประกาศลงนามในข้อตกลงให้ JPMorgan Chase เข้าซื้อกิจการ Global Loyalty ของ cxLoyalty Group Holdings  ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำของ cxLoyalty ตัวแทนบริการการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ กิ๊ฟการ์ด สินค้า และธุรกิจคะแนนสะสม

“การลงทุนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบสิทธิประโยชน์พิเศษด้านการท่องเที่ยวให้กับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเรา  ผู้คนทั่วโลกต้องการพักผ่อนและเดินทางอีกครั้งและหวังว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นความจริงสำหรับหลายๆ คนในอนาคตอันใกล้นี้  การได้มาซึ่งธุรกิจการท่องเที่ยวและคะแนนสะสม cxLoyalty จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า Chase หลายล้านคนของเราเมื่อพวกเขาพร้อมและมั่นใจในการท่องเที่ยว” Marianne Lake ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Consumer Lending ที่ JPMorgan Chase กล่าว

cxLoyalty เป็นบริษัทด้านลอยัลตี้และเทคโนโลยีการท่องเที่ยวชั้นนำที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี  ความเชี่ยวชาญของพวกเขาในการออกแบบ บริหาร และให้บริการโปรแกรมลอยัลตี้ช่วยเติมเต็มชื่อเสียงของ JPMorgan Chase ในการมอบมูลค่าสูงให้แก่ให้บริการลูกค้า  ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเร่งการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในโครงการลอยัลตี้ต่างๆ ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์ม Chase's Ultimate Rewards และลูกค้าที่มีอยู่ของ cxLoyalty เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ครบวงจรมากขึ้นสำหรับลูกค้าทั้งหมด  แบรนด์ cxLoyalty และความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีอยู่จะยังคงอยู่ภายใต้การนำของซีอีโอของ cxLoyalty Group Todd Siegel

“JPMorgan Chase เป็นพันธมิตรที่เหมาะที่จะการลงทุนในธุรกิจลอยัลตี้ชั้นนำของเรา” Todd Siegel ซีอีโอของ cxLoyalty กล่าว "ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้เราเสริม สร้าง และขยายเทคโนโลยีของเรา มอบเนื้อหาและประสบการณ์ระดับโลกแก่ลูกค้าของเราที่เป็นบริษัท Fortune 500 และลูกค้านับล้านของบริษัทเหล่านี้"

Ms. Lake กล่าวเสริมว่า “JPMorgan Chase ยินดีต้อนรับ Todd และ cxLoyalty และหวังว่าจะได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าร่วมของเรา”

ลูกค้าบัตรเครดิตของ JPMorgan Chase จะยังคงใช้ Ultimate Rewards ตามปกติและเมื่อเวลาผ่านไปจะสามารถเข้าถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

เกี่ยวกับ JPMorgan Chase & Co.

JPMorgan Chase & Co. (NYSE: JPM) เป็นบริษัทให้บริการทางการเงินชั้นนำระดับโลกที่มีทรัพย์สิน 3.2 ล้านล้านดอลลาร์และการดำเนินงานทั่วโลก  บริษัทเป็นผู้นำด้านวาณิชธนกิจ บริการทางการเงินสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็ก การธนาคารพาณิชย์ การประมวลผลธุรกรรมทางการเงิน และการจัดการสินทรัพย์  JPMorgan Chase & Co. เป็นองค์ประกอบของดีชนี Dow Jones Industrial Average และให้บริการลูกค้าหลายล้านรายในประเทศสหรัฐอเมริกาและองค์กร สถาบัน และรัฐบาลชั้นนำของโลกภายใต้แบรนด์ต่างๆ ของ JP Morgan Chase  ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ JPMorgan Chase & Co สามารถใช้ได้ที่ www.jpmorganchase.com

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201228005218/en/

ติดต่อ:

Amy Bonitatibus, Chief Communications Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร), Chase, amy.m.bonitatibus@jpmorgan.com 

Ashley Dod, head of Card Communications (หัวหน้าฝ่ายสื่อสารบัตร), Chase, ashley.e.dodd@chase.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

AI-OCR “DX Suite” เริ่มรองรับหลายภาษา เพื่อเริ่มต้นธุรกิจระหว่างประเทศ

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–23 ธ.ค. 2563

AI inside Inc. (TOKYO: 4488) ประกาศในวันนี้ว่าด้วยบริการใหม่สำหรับการรองรับหลายภาษาบน AI-OCR "DX Suite" โดยการใช้งาน AI-engine ที่ได้รับการเปิดตัวใหม่ ที่สามารถอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษจีนแบบตัวเต็ม อักษรไทยและเวียดนามได้ การใช้งาน AI Inside จะเริ่มขยายไปทั่วโลกโดยเริ่มจากตลาดเอเชียเป็นอันดับแรก

ภาพรวม

ด้วยการใช้งาน AI-OCR "DX Suite" ทาง AI Inside ได้มีส่วนช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและผลผลิตของบริษัทและเขตเทศบาลต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นผ่านอ่านตัวอักษรแบบพิมพ์และแบบเขียนด้วยลายมือที่มีความแม่นยำสูง นอกจากนี้ AI inside ยังได้พัฒนา AI-engine สำหรับอ่านภาษาต่างประเทศเพื่อขยายความพร้อมใช้งานของ "DX Suite" จากญี่ปุ่นไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดย AI-engine ภาษาต่างประเทศนี้สามารถให้ความแม่นยำในเชิงพาณิชย์ในการอ่านตัวอักษรของภาษาอังกฤษ จีนตัวเต็ม ไทยและเวียดนาม ปัจจุบันนี้ได้มีการประกาศความพร้อมในการให้บริการหลายภาษานี้บน "DX Suite" เวอร์ชันคลาวด์แล้ว สำหรับผู้ใช้ปัจจุบันของ "DX Suite" เวอร์ชันคลาวด์ ท่านสามารถใช้บริการหลายภาษานี้ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม อนึ่ง ด้วยการใช้ระบบการอ่านหลายภาษาที่มีความแม่นยำสูงนี้ทำให้ AI Inside สามารถนำเสนอ "DX Suite" ให้กับบริษัทท้องถิ่นในไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ทำให้สามารถใช้งานได้แล้วทั่วโลก

โปรดไปที่หน้าผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของเราเพื่อดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ล่าสุด

ไปที่หน้าผลิตภัณฑ์: https://dx-suite.com/global/lp/

กลยุทธ์ทางธุรกิจและแผนการในอนาคต

AI inside กำลังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจในไต้หวัน ไทยและเวียดนามเพื่อทำงานร่วมกันในกิจกรรมการตลาดและการขาย การรวบรวมข้อมูลการฝึกอบรมเพื่อปรับปรุงความแม่นยำของโมเดล และรวบรวมและจัดการความคิดเห็นหรือฟีดแบ็คของผู้ใช้ ทั้งนี้ AI inside ซึ่งร่วมมือกับพันธมิตร มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงความแม่นยำและประสบการณ์ของผู้ใช้เพื่อที่จะเป็นบริษัทอันดับ 1 ด้านบริการ AI-OCR ในไต้หวัน ไทย และเวียดนาม

นอกเหนือไปจากนี้ AI Inside จะยังคงพัฒนาและเพิ่มการรองรับภาษาและตัวอักษรอื่น ๆ ด้วยการใช้ "DX Suite" และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อื่น ๆ โดยมุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในการแพร่การใช้งานของ AI ไปยังทุกภาคส่วนและแง่มุมของสังคม

เกี่ยวกับ "DX Suite"

"DX Suite" เป็นบริการ AI-OCR ที่มีเอกลักษณ์พร้อมกับ "การใช้ระบบอ่านตัวอักษร AI " ซึ่งพัฒนาโดย AI Inside ทั้งนี้ "DX Suite" ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้การทำงานของทุกคนง่ายขึ้นด้วยการตั้งค่า OCR และเวิร์กโฟลว์โดยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้ง

DX Suite ให้ความแม่นยำสูงในการอ่านอักขระที่เขียนด้วยลายมือซึ่งยากต่อการประมวลผลด้วย OCR แบบเดิม และยังป้อนข้อมูลได้โดยอัตโนมัติซึ่งแตกต่างไปจากที่เป็นมา ขณะนี้บริการได้รองรับภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ จีนตัวเต็ม ไทย และเวียดนามแล้ว ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 จำนวนผู้ใช้ "DX Suite" มีมากกว่า 12,700 รายซึ่งมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในอุตสาหกรรมและบริษัทต่าง ๆ

หน้าผลิตภัณฑ์: https://dx-suite.com/global/lp/

เกี่ยวกับ AI inside Inc.

พันธกิจของเรา "คือการนำ AI ไปสู่ทุกสิ่งในโลกและมีส่วนร่วมในสังคมอนาคตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น" ครอบคลุมเป้าหมายของเราในการช่วยเผยแพร่ AI ไปยังทุกแง่มุมของสังคม เรามีฮาร์ดแวร์ "AI inside Cube" สำหรับใช้การรัน AI เรามีซอฟต์แวร์ "AI inside Learning Center" สำหรับสร้าง AI และมีซอฟต์แวร์"DX Suite" สำหรับการใช้งาน AI

สำนักงานใหญ่: ชั้น 4, 3-8-12 ชิบูย่าชิบูย่า – คุ, โตเกียว, ญี่ปุ่น

URL: https://inside.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อฝ่ายขาย: ข้อมูลผลิตภัณฑ์และพันธมิตรทางธุรกิจ

Shiori Soma ทีมขายทั่วโลกฝ่ายพัฒนาธุรกิจ

อีเมล: global@inside.ai

โทร: +81 3 5468 5041

สำหรับสื่อ:

Mizue Matsui ทีมประชาสัมพันธ์

อีเมล: pr@inside.ai

Aptorum Group ประกาศยื่นขอการทดลองทางคลินิกสำหรับยา ALS-4 ซึ่งเป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กที่ให้ผ่านทางปากเพื่อรักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรียสตาฟิโลคอคคัสออเรียส รวมถึงแบคทีเรียสตาฟิโลคอคคัสออเรียสที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA)

Logo

นิวยอร์ก & ลอนดอน & ปารีส–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2563

ข่าวระเบียบข้อบังคับ:

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM, Euronext Paris: APM) (“Aptorum Group” หรือ “Aptorum”) บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่มุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับรักษาโรคประจำตัวและโรคติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ประกาศว่าบริษัทได้ยื่นขอทำการทดลองทางคลินิก (CTA) ต่อ Public Health Agency of Canada หรือ Health Canada ผ่าน Aptorum International Limited  บริษัทย่อยที่เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 ของ ALS-4 ซึ่งเป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับให้ผ่านทางปากเพื่อรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส รวมถึงแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA) การทดลองในระยะที่ 1 ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก Health Canada นั้น กำหนดให้มีการทดสอบ ALS-4 ด้านความปลอดภัย ความทนต่อยา และเภสัชจลนศาสตร์กับอาสาสมัคร

Dr. Clark Cheng ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์และกรรมการบริหาร Aptorum Group กล่าวว่า “หลังได้มีการแจ้งความคืบหน้าไปเมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ประกาศให้ทราบถึงการยื่นขอทำการทดลองทางคลินิก ซึ่งแสดงถึงอีกก้าวสำคัญด้านการพัฒนาในโครงการยาปฏิจุลชีวนะ ALS-4 ของเรา ALS-4 เป็นโมเลกุลขนาดเล็กชนิดใหม่ซึ่งใช้วิธียับยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค หรือ anti-virulence (ที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) เพื่อรับมือกับความต้องการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของโรคติดเชื้อซึ่งมีสาเหตุจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ALS-4 เป็นยาที่ให้ผ่านทางปาก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านสุขภาพทั่วโลกที่มุ่งส่งเสริมให้เปลี่ยนการรักษาด้วยยาปฏิจุลชีวนะจากการให้ยาผ่านหลอดเลือดดำมาเป็นมาการให้ยาทางปากแทน1,2,3 จากข้อมูลภายในที่ได้จากการทดลองก่อนทดสอบในมนุษย์ (preclinical) ของเรา ซึ่งเตรียมที่จะเข้าสู่การทดลองทางคลินิกต่อไปนั้น พบว่า ALS-4 สามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะทีมีอยู่แล้วอย่าง (เช่น vancomycin) เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโดยเฉพาะในกรณีที่รุนแรง เช่นเดียวกัน เราเชื่อว่ายา ALS-4 สำหรับรับประทานของเราสามารถรักษาการติดเชื้อต่าง ๆ ที่เกิดจากแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) แบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน และการติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งจะมีการทดสอบทางคลีนิกต่อไปตามลำดับ”

การทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 มีแผนที่จะดำเนินการในประเทศแคนาดา และตั้งเป้ารับสมัครอาสาสมัครสำหรับการให้ยาคนละครั้งเดียวโดยเพิ่มขนาด (SAD) ทั้งหมด 48 ราย และการให้ยาคนละหลายครั้งโดยเพิ่มขนาด (MAD) ทั้งหมด 32 ราย ตามลำดับ วัตถุประสงค์หลักของการทดลองครั้งนี้คือประเมินความปลอดภัยและความทนต่อยาจากการให้ยา ALS-4 ทางปากทั้งแบบ SAD และ MAD กับตัวอย่างที่มีร่างกายแข็งแรง วัตถุประสงค์รองของการทดลองครั้งนี้คือประเมินคุณลักษณะด้านเภสัชจลนศาสตร์จากการให้ยา ALS-4 ทางปากทั้งแบบ SAD และ MAD กับตัวอย่างที่มีร่างกายแข็งแรง

เกี่ยวกับ ALS-4

ALS-4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มโรคติดเชื้อ Acticule โดย Aptorum Group เป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับให้ทางปากตัวแรกในกลุ่ม (first-in-class) ที่ใช้ใช้วิธียับยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรค (ที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ) โจมตีแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส รวมถึงแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ที่ดื้อยาปฏิชีวนะในกลุ่มเมธิซิลิน (MRSA) เป้าหมายของ ALS-4 คือการยับยั้งความรุนแรงของแบคทีเรียและทำให้มีความไวรับสูงต่อช่วงที่ร่างกายเริ่มทำงานเพื่อกำจัดเชื้อ (immune clearance) รวมถึงมีแนวโน้มที่จะให้ผลดีขึ้นเมื่อให้ร่วมกับยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เกี่ยวกับ Aptorum Group

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM, Euronext Paris: APM) เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนเพื่อการคิดค้น พัฒนา และนำเทคโนโลยีการรักษาและวินิจฉัยมาใช้ในเชิงพาณิชย์เพื่อจัดการกับความต้องการด้านการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรคติดเชื้อและมะเร็ง (รวมถึงยากำพร้าที่ใช้รักษาโรคเนื้องอก) ช่องทางพัฒนาของ Aptorum ยังเติมเต็มด้วยการก่อตั้งแพลตฟอร์มคิดค้นยาที่นำมาสู่การค้นพบผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาโรคใหม่ ๆ จากโครงการต่าง ๆ เช่นการคัดกรองโมเลกุลยาที่ได้รับการอนุมัติในปัจจุบันอย่างเป็นระบบ และแพลตฟอร์มวิจัยด้านไมโครไบโอมสำหรับการรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของเมตาบอลิซึม นอกเหนือจากเป้าหมายหลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บริษัทยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาและวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ทางด้านประสาท ทางเดินอาหาร ความผิดปกติของเมตาบอลิซึม สุขภาพสตรี และด้านอื่น ๆ นอกจากนี้ Aptorum ยังมีโครงการที่มุ่งเน้นในเรื่องหุ่นยนต์ผ่าตัดและอาหารเสริมธรรมชาติสำหรับสตรีที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนซึ่งได้รับผลกระทบจากอาการดังกล่าว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้เข้าซื้อหลักทรัพย์ใด ๆ ของ Aptorum Group

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น “อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ" หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงาน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตของ Aptorum Group ซึ่งรวมถึงข้อความเกี่ยวกับระยะเวลาที่คาดการณ์ไว้สำหรับการยื่นขอทำการทดลองและการทำการทดลอง พิจารณาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ ณ  ปัจจุบันต่อเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตที่เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงาน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้เป็นปัจจุบัน ณ วันที่เผยแพร่ และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของ Aptorum Group และเอกสารอื่น ๆ ที่ Aptorum Group อาจทำกับ กลต. ในอนาคต รวมถึงหนังสือชี้ชวนหมายเลข visa n°20-352 ที่ได้รับจาก Autorité des Marchés Financiers ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563

ฉะนั้นการคาดคะเนต่าง ๆ ในข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังและผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้ ณ ที่นี้ Aptorum Group ปฏิเสธข้อผูกมัดใด ๆ ในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

ประกาศนี้ไม่ถือเป็นการชี้ชวนภายใต้ความหมายที่กำหนดไว้ใน Regulation (EU) n°2017/1129 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ตามที่แก้ไขโดย Regulations Delegated (EU) n°2019/980 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562 และ n°2019/979 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

เนื้อหาในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ถูกนำเสนอ “ตามสภาพ” โดยไม่อาจรับรองหรือรับประกันใด ๆ


1 https://www.gloshospitals.nhs.uk/gps/antimicrobial-resources/adult-antibiotic-treatment-guidelines-site-infection/iv-oral-switch-guideline/ และ https://www.dbth.nhs.uk/wp-content/uploads/2017/10/IV-to-oral-switch-and-5-day-stop-policy.pdf
2 https://hgs.uhb.nhs.uk/wp-content/uploads/Guidelines-for-Antimicrobial-Prescribing-v5.0.pdf
3 https://www.jwatch.org/na48403/2019/02/12/sequential-intravenous-oral-treatment-mrsa-bacteremia

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201221005196/en/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
Aptorum Group Limited
แผนกนักลงทุนสัมพันธ์:
investor.relations@aptorumgroup.com
+44 20 80929299

Redchip – ฝ่ายสื่อสารด้านการเงินประจำสหัรฐอเมริกา
งานนักลงทุนสัมพันธ์
Dave Gentry
dave@redchip.com
+1 407 491 4498

Actifin – ฝ่ายสื่อสารด้านการเงินประจำภูมิภาคยุโรป
งานนักลงทุนสัมพันธ์
Ghislaine Gasparetto
ggasparetto@actifin.fr
+33 1 56 88 11 22

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zeek ผู้บุกเบิกด้านโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระดมทุนได้ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางสภาวะที่ยากลำบากของตลาด

Logo

การพลิกโฉมระบบนิเวศด้านการจัดส่งกำลังจะเกิดขึ้น

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–21 ธันวาคม 2563

Zeek บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์ที่มุ่งเน้นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทสามารถระดุมจากนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคและกองทุนเพื่อการลงทุนต่าง ๆ ได้ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ในรอบ Series Pre-A โดย Zeek จะใช้เงินทุนดังกล่าวเพื่อขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงนำไปใช้ด้านการยกระดับและปรับปรุงเทคโนโลยีการจัดการโลจิสติกส์และแอปพลิเคชันการวิเคราะห์ข้อมูล การระดมทุนครั้งล่าสุดทำให้ยอดเงินรวมทั้งหมดที่ระดมได้ของ Zeek เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15 ล้านดอลลาร์ ณ ปัจจุบัน โดยเหล่านักลงทุนประกอบด้วย SF Holding (SZSE: 002352), Chinachem Group, Philippines KHO Group, ดร. Lee Ka Kit ประธานและกรรมการผู้จัดการแห่ง Henderson Land (SEHK: 0012) ลงทุนในภาคเอกชน บริษัทร่วมลงทุนในธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง, HKSTP Ventures, Elite Time Limited, Radiant Tech Venture Fund LP, Caelus Asset Management, SQ Capital Ventures เป็นต้น โดย SQ Capital Partners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้กับ Zeek ในการระดมทุนรอบนี้

Zeek Co-founders (From Left): Cliff Tse, Chief Technology Officer,  KK Chiu, Chief Executive Officer, and Vincent Fan, Chief Strategy Officer. (Photo: Business Wire)

ผู้ร่วมก่อตั้ง Zeek (จากซ้ายไปขวา): Cliff Tse ประธานเจ้าหน้าที่สายเทคโนโลยี, KK Chiu ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Vincent Fan ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์ (รูปภาพ: Business Wire)

KK Chiu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Zeek กล่าวว่า “การเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ร้านค้าทั่วไปจำนวนมากต่างต้องการเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัลให้เร็วขึ้นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2563 นี้ Zeek ได้รับคำสั่งซื้อสำหรับการจัดส่งสิ่งของมากกว่าสามล้านรายการ ซึ่งมีอัตราการเติบโต 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า เราได้เพิ่มทรัพยากรกำลังคนขึ้น 50% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น คาดว่าภายในปี 2566 ขนาดตลาดกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มและสินค้าเพื่อการดำรงชีพจะมีมูลค่าถึง 2.6 พันล้าน โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีไม่น้อยกว่า 10% และรายได้รวมสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ การระดมทุนในรอบนี้จะช่วยให้แอปพลิเคชันโลจิสติกส์อัจฉริยะของเราเข้าถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น และกระตุ้นการขยายตัวของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและผู้บริโภควัยหนุ่มสาวขนาดมีจำนวนมาก รวมถึงการบริโภคบนโลกออนไลน์ที่กำลังเติบโตแบบทวีคูณ”

ใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าและเทคโนโลยีฟื้นฟูอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

Zeek ซึ่งก่อตั้งโดย Kin Shun Information Technology Limited ในปี 2560 มุ่งเน้นการจัดหาเทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะที่ใช้ข้อมูลขับเคลื่อนให้กับผู้ค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมทั้งการจัดการคำสั่งซื้อออนไลน์ การจัดการความสามารถในการจัดส่ง การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่หรือ big data และการยกระดับการดำเนินการต่าง ๆ ของธุรกิจที่ผสมผสานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) ให้กับหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น “Zeek F&B Delivery” สำหรับการจัดส่งอาหารแบบทันที “ZeekDash” สำหรับการจัดส่งแบบจุดต่อจุด (Point-to-Point) สำหรับธุรกิจ O2O และ “Zeek2Door” สำหรับการจัดส่งพัสดุธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ลุกค้าของ Zeek ประกอบด้วย แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มระดับท็อปไฟว์ของโลกและเครือข่ายร้านอาหารฟาส์ตฟูด ซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เครือข่ายร้านสะดวกซื้อ แพลตฟอร์มออนไลน์และอีกมากมาย Zeek ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงและได้ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วไปยังสิงคโปร์ ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย และอยู่ระหว่างวางแผนที่จะขยายสู่ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียในปี 2564

ร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกจับตลาดโลจิสติกส์ระหว่างเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน

เทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะจาก Zeek ได้รับความไว้วางใจจากร้านค้าทั่วโลกและแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้สร้างความเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Zeek ในการประยุกต์ใช้โลจิสติกส์อัจฉริยะเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ในเวียดนาม Golden Resources Development (SEHK: 0677) ได้กลายมาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับธุรกิจในท้องถิ่นของ Zeek และได้ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลให้กับร้านค้าของ Circle K กว่า 400 แห่งในเวียนดนามที่บริหารโดย Golden Resources Development โดยใช้โซลูชันส่งสินค้าช่วงสุดท้าย (last mile delivery) อัฉริยะสำหรับธุรกิจแบบ O2O สำหรับในประเทศไทย บริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งได้กลายเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับธุรกิจของ Zeek ในไทย โดย Zeek ทำหน้าที่จัดหาโซลูชันโลจิสติกส์อัจฉริยะให้กับ McDonald ในประเทศไทย

Vincent Fan ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์ของ Zeek กล่าวว่า “เรากำลังพลิกโฉมรูปแบบการจัดส่งแบบดั้งเดิมโดยใช้เทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก ในอนาคต Zeek จะลงทุนในทรัพยากรเพื่อยกระดับ ZeekSolutions ขยายแผนการประยุกต์ใช้บริการที่เรานำเสนอสำหรับลูกค้าให้กว้างขึ้น และพัฒนาการประยุกต์ใช้ข้อมูลโลจิสติกส์อัจฉริยะเพื่อให้ลูกค้ายังติดแบรนด์อย่างเหนียวแน่นรวมถึงสร้างกำแพงในการแข่งขัน เรายังจะร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อคิดค้นโมเดลการค้าปลีกที่เป็นนวัตกรรมใหม่ พร้อมเปิดกว้างสำหรับโอกาสในการควบรวมกิจการหรือการลงทุนที่สามารถเร่งการเติบโตของธุรกิจและการทำงานร่วมกันในแวดวงของธุรกิจ O2O”

Zeek มีรายได้สูงกว่า 28 ล้านเหรียญดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 100% ในปี 2564 ทั้งนี้ Zeek มั่นใจที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้เล่นชั้นนำด้านการข่นส่งอัจฉริยะระหว่างเมืองในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เกี่ยวกับ Zeek

Zeek เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีโลจิสติกส์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในเอเชีย ที่ให้บริการโซลูชันส่งสินค้าช่วงสุดท้ายแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ O2O ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ไลฟ์สไตล์ และสินค้า FMCG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงโดย Kin Shun Information Technology Limited เมื่อปี 2560 โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อินเทอร์เน็ต และอาหารและเครื่องดื่ม Zeek เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าทางด้านโลจิสติกส์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนขยายธุรกิจไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมก้าวลงสนามในไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

เว็บไซต์: https://www.zeek.one
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/zeek-one

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Angela Lau
โทร: (852) 6760-5831 / (852) 3955-0823
อีเมล: angela.lau@zeek.one


LDRA เตรียมจัดการประชุมสุดยอด Embedded Safety & Security Summit (ESSS) ทางออนไลน์ในเดือนมิถุนายน 2564

Logo

การประชุมสุดยอด ESSS ครั้งที่ 6 ภายใต้ธีม “Empowering the Development of Safe & Secure Embedded Systems” จะประกอบด้วยการประชุมสดในหัวข้อล่าสุดทางด้านอวกาศและการป้องกัน ยานยนต์ อุตสาหกรรมและการแพทย์

เบงกาลูรู, อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–15 ธันวาคม 2563

วันนี้ LDRA ได้ร่วมกับพันธมิตรและสมาคมในอุตสาหกรรม ประกาศจัดการประชุมสุดยอดประจำปี Embedded Safety & Security Summit หรือ ESSS ครั้งที่ 6 ในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานในรูปเเบบออนไลน์ การประชุมสุดยอดระดับนานาชาตินี้เป็นโครงการริเริ่มที่จะช่วยให้ผู้คนเห็นถึงความสำคัญของการนำแนวทางปฏิบัติและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในระบบฝังตัว (embedded system) ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน

การประชุมสุดยอดในรูปแบบออนไลน์ภายใต้ธีม “Empowering the Development of Safe & Secure Embedded Systems” ครั้งนี้ จะจัดพื้นที่ให้กับชุมชนในแวดวงระบบฝังตัวทั่วโลกได้เรียนรู้ พบปะ และสานสัมพันธ์ให้เติบโต เวทีการประชุมเสมือนจริงนี้จะมาพร้อมประสบการณ์ในรูปแบบออนไลน์ที่น่าสนใจ รวมถึงช่วงการประชุมในหัวข้อทางเทคนิคเชิงลึก พื้นที่ล็อบบี้แบบอินเทอร์แอคทีฟ และโอกาสในการสร้างเครือข่ายที่หลากหลาย

ไฮไลต์ที่สำคัญ ๆ ในงาน #ESSS21Virtual ประกอบด้วย:

  • การประชุมสดในหัวข้ออวกาศและการป้องกัน ยานยนต์ อุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมทางการแพทย์
  • วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกกว่า 25 คน และตัวแทนผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสำหรับเครือข่ายกว่า 1000 คน
  • ศูนย์กลางทรัพยากรพร้อมหลักประกันด้านเทคนิคและวิดีโอจากคู่ค้า
  • ช่วงเวลาพูดคุยผ่านข้อความ เสียง และวิดีโอสำหรับคู่ค้าและตัวแทน

“การประชุมในรูปแบบออนไลน์ระหว่างสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแวดวงความปลอดภัยในระบบฝังตัวได้พบปะสานสัมพันธ์กัน” Ian Hennell ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการแห่ง LDRA UK กล่าว “ความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะช่วยให้เรานำเสนอเนื้อหาเทคโนโลยีที่น่าสนใจและโอกาสทางธุรกิจซึ่งมีสภาวการณ์ในปัจจุบันเข้ามาเป็นอุสรรคได้สำเร็จ”

Shinto Joseph ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ LDRA กล่าวเสริมว่า “ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ESSS ประสบความสำเร็จในการรวมชุมชนในแวดวงระบบฝังตัวทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อร่วมกันออกค้นหาความก้าวหน้าใหม่ ๆ รวมถึงหัวข้อและเทคโนโลยีที่เป็นที่พูดถึงล่าสุด ในช่วงเวลาที่เราต้องการพบปะกันเช่นนี้ การรวมตัวแบบเสมือนจริงจะช่วยให้เราสามารถแบ่งปันความเชี่ยวชาญ เรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าใหม่ ๆ และสร้างเครือข่ายได้จากทุกที่ เราหวังว่าจะได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน #ESSS21Virtual นี้กับทุกคนอีกครั้งเมื่อการจัดกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นนี้ใกล้เข้ามา”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการสนับสนุนการจัดงาน การส่งผลงาน และการลงทะเบียนเข้าร่วมงาน #ESSS21Virtual โปรดดูที่ www.embedded-safety-security.com

เกี่ยวกับ LDRA

เป็นเวลากว่า 40 ปีที่ LDRA ได้พัฒนาและขับเคลื่อนตลาดซอฟต์แวร์สำหรับวิเคราะห์โค้ดและทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติให้ด้านความปลอดภัย ภารกิจ การรักษาความปลอดภัย และอื่น ๆ ที่จำเป็นทางธุรกิจ การทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อระบุและป้องกันข้อผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้นบนแนวปฏิบัติมาตรฐานอุตสาหกรรมช่วยให้ LDRA ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ ได้โดยผ่านการวิเคราะห์ทั้งแบบ static และ dynamic เพื่อทำการทดสอบและตรวจสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย LDRA ซึ่งดำเนินธุรกิจในทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย และมีเครือข่ายตัวแทนจำนวนมาก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็คเกจบริการของ LDRA โปรดดูที่ www.ldra.com

เกี่ยวกับ ESSS®

การประชุมสุดยอด Embedded Safety & Security Summit (ESSS) ซึ่งมุ่งเน้นทางด้านความปลอดภัยในระบบฝังตัวที่สำคัญ ๆ เป็นเวทีสำหรับชุมชนในแวดวงระบบฝังตัวทั่วโลกสำหรับการเรียนรู้ พบปะ และเติบโต LDRA ขับเคลื่อนโครงการริเริ่มที่ประสบความสำเร็จนี้ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตร ลูกค้า หน่วยงานด้านอุตสาหกรรมและวิชาชีพ รวมถึงภาครัฐ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.embedded-safety-security.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201214005907/en/

ติดต่อ:

Kelly Wanlass, HCI Marketing and Communications Inc., ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์
โทร: +1 (801) 602-4723 อีเมล: kelly@hci-marketing.com

Mark James, LDRA, ผู้จัดการการตลาด
โทร: +44 (0) 151 649 9300 อีเมล: mark.james@ldra.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวไดรเวอร์มอเตอร์ 5A 2ch H-Bridge สำหรับการใช้งานยานยนต์

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์) –10 ธ.ค. 2563

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("โตชิบา") ได้เปิดตัว IC ไดรเวอร์มอเตอร์กระแสตรงแบบแปรงสองตัวคือ "TB9054FTG" ในแพ็คเกจ VQFN แบบ wettable flank และ "TB9053FTG" ในแพ็คเกจ Power QFN สำหรับใช้ในแอพพลิเคชั่นยานยนต์ รวมคันเร่งอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างของ TB9054FTG มีวางจำหน่ายแล้วโดยมีกำหนดผลิตจำนวนมากในเดือนมีนาคม 2565  ตัวอย่างของ TB9053FTG จะพร้อมใช้งานในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยมีกำหนดผลิตจำนวนมากในเดือนพฤษภาคม 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201209006066/en/

Toshiba: A brushed DC motor driver IC "TB9054FTG" for automotive applications. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: IC ไดรเวอร์มอเตอร์ DC แบบแปรง "TB9054FTG" สำหรับการใช้งานยานยนต์ (กราฟฟิค: Business Wire)

จำนวนไดรเวอร์มอเตอร์ H-bridge ที่ใช้ในคันเร่งอิเล็กทรอนิกส์และวาล์วต่างๆ ของรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นความต้องการในการย่อขนาดของระบบและการลดต้นทุน  นอกจากนี้ On-Board Diagnostic II (OBDII) ซึ่งเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับอุปกรณ์วินิจฉัยตัวเองบนบอร์ดรุ่นที่สองจะมีผลบังคับใช้ในปี 2565 โดยกำหนดให้ IC ของตัวขับมอเตอร์ยานยนต์มีฟังก์ชันการสื่อสาร SPI

IC ใหม่มี 5A[1] ไดรเวอร์เอาต์พุต 2ch ที่ช่วยลดพื้นที่ในการติดตั้ง10A[1]  นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไดรฟ์1ch ในโหมดขนาน สามารถเชื่อมต่อแบบ daisy-chained และยังมีฟังก์ชันที่ควบคุมมอเตอร์โดยการสื่อสาร SPI ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะลดพอร์ต MCU  โดยอยู่ในแพ็คเกจ QFN ขนาดเล็ก 6.0มม. x 6.0มม. ไดรเวอร์มอเตอร์รุ่นใหม่มีส่วนช่วยในการย่อขนาดระบบตามที่ตลาดต้องการ

คุณสมบัติที่สำคัญ

  • H-bridge 2ch ในตัว
    วงจรขับเอาท์พุตของไดรเวอร์รับการกำหนดค่าโดย DMOS FET ที่มีความต้านทานต่ำ โดยมีไดรเวอร์ 5A[1] 2ch H-bridge10A[1]  นอกจากนี้ยังสามารถใช้ไดรฟ์1ch ในโหมดขนาน
  • การสื่อสาร SPI การเชื่อมต่อ Daisy-chain และการควบคุมมอเตอร์โดยการสื่อสาร SPI เท่านั้นลดพอร์ต MCU ซึ่งส่งผลต่อการย่อขนาดของระบบ
  • แพ็คเกจขนาดเล็ก
    TB9054FTG:VQFN 40 แบบ wettable flank ติดพื้นผิวขนาดเล็กพร้อม E-pad
    TB9053FTG: กำลังยึดพื้นผิวขนาดเล็กสำหรับแพ็คเกจ QFN 40pin พร้อม E-pad

การใช้งาน

ยานยนต์เช่นวาล์วคันเร่ง เครื่องยนต์ต่างๆ กระจกประตูพับเก็บได้ และระบบตัวถังร วมถึงสลักประตูไฟฟ้า

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขส่วน

ชิ้นTB9054FTG/TB9053FTG

จำนวนช่องสัญญาณ H-bridge

2ch

มอเตอร์ที่ใช้

Brushed DC motor

ฟังก์ชันมอเตอร์

เดินหน้า / ถอยหลัง / เบรก

ฟังก์ชั่นอื่นๆ

การควบคุม PWM (Direct / SPI), การควบคุมกระแส, จอภาพกระแส H-side, เอาต์พุตการวินิจฉัย,

โหมดสลีป

การตรวจจับข้อผิดพลาด

เกินกระแส, อุณหภูมิเกิน, VBAT/VCC แรงดันไฟฟ้าต่ำ,

โหลดเปิด

ช่วงแรงดันไฟฟ้าขณะทำงาน

VBAT = 4.5V ถึง 28V

VCC = 4.5V ถึง 5.5V

VDDIO = 3.0V ถึง 5.5V

แหล่งจ่ายไฟภายนอก

3 แหล่ง (VBAT, VCC, VDDIO)

อุณหภูมิในการทำงาน

-40℃ ถึง 125℃

แพ็คเกจ

TB9054FTG: P-VQFN40-0606-0.50

TB9053FTG: P-QFN40-0606-0.50

(ขนาด: 6.0มม. × 6.0มม.)

ความเถสียร

ผ่านการรับรองมาตรฐาน AEC-Q100

ตัวอย่างที่เสนอ

TB9054FTG: ธันวาคม 2020

TB9053FTG: กุมภาพันธ์ 2021

การผลิตจำนวนมาก

TB9054FTG: มีนาคม 2022

TB9053FTG: พฤษภาคม 2022

หมายเหตุ:

[1] กระแสมอเตอร์ที่ขับเคลื่อนจริงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการใช้งานและปัจจัยต่างๆ เช่นอุณหภูมิโดยรอบและแรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่:

TB9054FTG
https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TB9054FTG

TB9053FTG
https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp ? pid = TB9053FTG

คลิกที่นี่เพื่อชมวิดีโอแนะนำสินค้า https://videoclip.toshiba.semicon-storage.com/ap-en/detail/videos/products/video/6215045280001/automotive-brushed-dc-motor-driver-ic-tb9054ftg-tb9053ftg?autoStart=true

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IC ไดรเวอร์มอเตอร์ DC แบบแปรงถ่านของโตชิบาโปรดไปที่: https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/automotive-devices/automotive-brushed-dc-motor-driver-ics.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า
System Devices Marketing Dept. III  (ฝ่ายการตลาดอุปกรณ์ระบบ III)
Automotive Marketing Group II
(กลุ่มการตลาดยานยนต์ II)
โทร : + 81-3-3457-3440
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ผสมผสานความแข็งแกร่งของบริษัท ใหม่เข้ากับภูมิปัญญาแห่งประสบการณ์  นับตั้งแต่กลายเป็นบริษัท อิสระในเดือนกรกฎาคม 2560 บริษัทได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกระบบ LSI และ HDD

พนักงาน 24,000 คนทั่วโลกร่วมกันมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุดและเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างมูลค่าและตลาดใหม่  บริษัทตั้งตารอที่จะสร้างยอดขายต่อปีได้ทะลุ 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201209006066/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Department (แผนกการตลาดดิจิทัล)
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร : + 81-3-3457-4963 semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Pickering Electronics เซ็นสัญญากับ Wiselink สำหรับตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย

Logo

ผลิตภัณฑ์ reed relay ชั้นนำที่ได้รับการสนับสนุนโดยพันธมิตรผู้จัดจำหน่าย 'มุ่งสู่ความเป็นเลิศและความพึงพอใจของลูกค้า'

แคล็กตันออนซี อังกฤษ–(บิสิเนสไวร์)–08 ธ.ค. 2563

Pickering Electronics บริษัท reed relay ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการย่อขนาดและประสิทธิภาพมานานกว่า 50 ปี ได้ลงนามในข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดจำหน่ายกับ Wiselink ซึ่งครอบคลุมประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201208005810/en/

Pickering Electronics Signs With Wiselink in Singapore, Malaysia and Thailand (Graphic: Business Wire)

Pickering Electronics Signs เซ็นสัญญากับ Wiselink สำหรับตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย (กราฟฟิค: Business Wire)

Wiselink ให้ความสำคัญอย่างมากในการส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับ ลูกค้าของตน  บริษัททำหน้าที่เป็นพันธมิตรด้านช่องทางการจัดหาให้กับซัพพลายเออร์กว่า 35 รายและลูกค้า OEM และ CEM มากกว่า 2,500 รายในอุตสาหกรรมต่างๆ  Keith Moore ซีอีโอของ Pickering ให้ความเห็นว่า: “Wiselink เป็นพันธมิตรเชิงรุกของเราในภูมิภาคที่สำคัญนี้ โดยทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศและความพึงพอใจของลูกค้า”

Pickering เป็นที่รู้จักสำหรับนวัตกรรม reed relays ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวิทช์ reed ที่มีสูญญากาศพ่นรูทีเนียมเพื่อให้มั่นใจถึงความมั่นคงยาวนานถึงการดำเนินงาน 5×109 รอบ  โครงสร้างขดลวดและเทคโนโลยี SoftCenter™ ยังช่วยเพิ่มความเสถียรและความทนทานในขณะที่การใช้การคัดกรองแม่เหล็กแบบ Mu-metal (ทั้งภายนอกหรือภายใน) ทำให้ PCB มีความหนาแน่นของบรรจุภัณฑ์แบบเคียงข้างกันสูงเป็นพิเศษ โดยมีปฏิสัมพันธ์แม่เหล็กน้อยที่สุดซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและพื้นที่ได้มาก  นอกจากนี้ reed relay ของ Pickering ยังได้รับการทดสอบ 100% สำหรับการทำงานทั้งหมด รวมถึงการวิเคราะห์รูปคลื่นหน้าสัมผัส พร้อมการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสม่ำเสมอ

สามารถอ่านข้อดีอื่นๆ ของ reed relay ของ Pickering ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Pickering Electronics

Pickering Electronics ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อนเพื่อออกแบบและผลิต reed relay คุณภาพสูง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในอุปกรณ์เครื่องมือวัดและทดสอบ  ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Single-in-Line (SIL/SIP) ของ Pickering ได้รับการพัฒนามากที่สุดในอุตสาหกรรมรีเลย์โดยมีอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งจำนวนมากถึง 25%.  Reed relay แบบ SIL/SIP ขนาดเล็กเหล่านี้ขายในปริมาณมากให้กับบริษัท ATE และบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ทั่วโลก

Pickering Electronics เป็นส่วนหนึ่งของ Pickering Group ของเอกชน ประกอบด้วยผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามรายรวมถึง Pickering Interfaces ที่ออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์การสลับสัญญาณและการจำลองสัญญาณแบบแยกส่วนและ Pickering Connect ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผลิตสายเคเบิลและตัวเชื่อมต่อ

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201208005810/en/

ติดต่อ:

Poppy Moore
Marketing Communications Manager (ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสาร)
Pickering Electronics Ltd.
poppy.moore@pickeringrelay.com 
โทร: +44 1255 428141
www. pickeringrelay.com

หรือหน่วยงาน:

Nick Foot
PR Director (ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร)
BWW Communications
Nick.foot@bwwcomms.com 
โทร: +44 1491-636393
www.bwwcomms.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย