Category Archives: Technology

Guru IoT พัฒนาวีลแชร์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบดิจิทัลสำหรับผู้ด้อยโอกาส

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2564

Guru IoT (ประธาน Song Su-han) ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Internet-of-Things จากเกาหลีกล่าวว่า ขณะนี้พวกเขากำลังพัฒนาระบบเคลื่อนที่อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยใช้ข้อมูลแผนที่ดิจิทัลแฝด หรือ digital-twin map data

เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งใช้ในการเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นใช้เซ็นเซอร์ LiDAR เพื่อสร้างแผนที่แบบเรียลไทม์จึงไม่สามารถผลิตขึ้นสำหรับตลาดมวลชน (mass market) ได้ แต่รถวีลแชร์แบบขับเคลื่อนด้วยตนเองที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแผนที่ 3 มิติแบบดิจิทัลซึ่งอยู่ภายใต้การพัฒนาของ Guru IoT ได้ใช้เทคโนโลยีในการซิงโครไนซ์ข้อมูลแผนที่ที่เซิร์ฟเวอร์จัดเก็บภายในช่วงเวลาหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ซึ่งสามารถใช้แทนที่ข้อมูลเซ็นเซอร์ พร้อม ๆ ไปกับการปรับปรุงความแม่นยำในการขับขี่ด้วยตนเองด้วยการปรับเปลี่ยนข้อมูลเซ็นเซอร์

วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ Guru IoT สามารถนำทางผ่านฝูงชนหรือสิ่งกีดขวางทางกายภาพได้โดยการลดความเร็ว การหลีกเลี่ยงอุปสรรค และการหยุด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเช่นฟังก์ชั่นป้องกันการสั่นสะเทือนและการพลิกคว่ำที่ไม่มีในรถเข็นไฟฟ้าอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น รถเข็นหุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองสามารถรักษาความเร็วคงที่บนทางลาดชันโดยการให้คนขับดึงด้วยสองมือ หากผู้ขับขี่สูญเสียการยึดเกาะรถเข็นจะหยุดเอง

วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้เพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ เช่นการบำรุงรักษาระยะปลอดภัยการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเบรกฉุกเฉินและสัญญาณเตือนการทำงานผิดปกติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยตนเองตามที่กระทรวงที่ดินและการขนส่งเสนอ ตลอดจนการตรวจสอบเส้นทางผ่านข้อมูลที่ซิงโครไนซ์กับเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย

Song Su-han ประธาน Guru IoT กล่าวว่า“ วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของเราเป็นตัวอย่างที่สำคัญในการแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์และมนุษย์สามารถทำงานร่วมกันได้ดีจากมุมมองด้านการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ พวกเราที่ Guru IoT จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้นด้วยการผสมผสานแนวคิดดี ๆ เข้ากับเทคโนโลยีที่เรากำลังพัฒนาอยู่ “

ติดต่อ:

Guru IoT Co., Ltd.

Seongsu Yeo

+82-2-6953-9610

ssyeo@guruiot.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

หุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยง PEDDY ดึงดูดความสนใจจากเจ้าของสัตว์เลี้ยง

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2564

PEDDY หุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยงที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นของขวัญชิ้นเยี่ยมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีค่าของพวกเขา

ตามที่สถาบันเศรษฐกิจชนบทของเกาหลี (KREI) ระบุว่าตลาดที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในปี 2564 จะสูงขึ้นถึง 3,000.2 พันล้านวอนจาก 2,332.2 พันล้านวอนในปี 2560 ตลาดจะเติบโตเป็น 4,173.9 พันล้านวอนในปี 2565 และเป็น 6,005.5 พันล้านวอนภายในปี 2570 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสำหรับช่วงปี 2564-2570 อยู่ที่ประมาณ 14.5%

หุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยงที่พัฒนาโดย Guru IoT เป็นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ IoT ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นที่ดีสำหรับแมวและสุนัขที่บ้าน โดยหลังจากวางสมาร์ทโฟนบนหุ่นยนต์และสร้างการเชื่อมต่อผ่านแอปแล้วจะมีฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของสมาร์ทโฟนเช่น วิดีโอแชทแบบเรียลไทม์ การบันทึกการเล่นวิดีโอเล่นซ้ำ การเล่นเพลงซ้ำ และการถ่ายภาพ ซึ่งมีอยู่ในหุ่นยนต์

นอกจากนี้ยังสามารถให้อาหารสัตว์เลี้ยงในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าตามจำนวนที่ต้องการ ด้วยเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับอุณหภูมิ ความชื้น และเสียง โดยหุ่นยนต์สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว หรือจากเสียงเห่าของสุนัขหรือแมวเหมียวได้

เจ้าหน้าที่ของ Guru IoT กล่าวว่า “เนื่องจากจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเกาหลีมีมากกว่า 10 ล้านคน ระดับความนิยมของเครื่องใช้สัตว์เลี้ยงจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงนี้ เราขอแนะนำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงตัดสินใจซื้อหุ่นยนต์ดูแลสัตว์เลี้ยง PEDDY สำหรับให้เป็นเพื่อนของพวกเขา”

หุ่นยนต์พี่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง PEDDY มีอยู่บนเว็บไซต์ของ Guru IoT (https://en.guruiot.com/)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Guru IoT Co., Ltd.
Seongsu Yeo
+82-2-6953-9610
ssyeo@guruiot.com

SYNERGY & iNube ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลและ E-insurance แบบใหม่มาสู่ธุรกิจประกันภัย

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2564

SYNERGY Strategic Solutions Limited ผู้ให้บริการด้านการให้คำปรึกษาด้านดิจิทัลและอินชัวร์เทคในฮ่องกงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ iNube Software Solutions Pvt. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการประกันภัยดิจิทัล เพื่อขยายข้อเสนอปัจจุบันสำหรับการประกันภัยด้วยผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเฉพาะกลุ่มและแพลตฟอร์มการประกันภัยรายย่อย (micro-insurance) ที่เปิดใช้งานผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Insurance)

ความร่วมมือกับ iNube ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ SYNERGY สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริการให้คำปรึกษาเท่านั้น แต่ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และโซลูชันสำเร็จรูปให้กับบริษัทประกันภัยทั่วฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เวียดนาม และไทย ด้วยความร่วมมือครั้งนี้หลายบริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่าง 20%-30% ตามเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า

ในส่วนของความร่วมมือดังกล่าว Pradeep Satya ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง SYNERGY กล่าวว่า “ด้วยเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในทุก ๆ ด้านของธุรกิจประกันภัย บริษัทประกันภัยแบบเดิมได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการเร่งการเดินทางสู่ดิจิทัลเพื่อให้ยังคงสามารถแข่งขันได้ในธุรกิจประกันภัยนี้ โดยยังมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาสำหรับโซลูชันหลักแบบแยกส่วน (Modular) และแนวคิดในการทำงานยุคใหม่ที่เน้นการตัดสินใจและทำงานอย่างรวดเร็ว (Agile) เรามองหาผลิตภัณฑ์หลักที่กำหนดค่าได้ง่าย ปรับใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และดูแลรักษาง่าย กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ iNube เหมาะสมอย่างยิ่งกับเรา ในขณะที่ลูกค้าของเราได้เริ่มต้นช่องทางการกระจายแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แสดงความสนใจที่ตรงหรือใกล้เคียง (affinity) และ อีคอมเมิร์ซ (e-commerce) เราตั้งใจที่จะร่วมกันสร้างโซลูชันที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันและหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นพันธมิตรในการสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา”

Vinodkumar A Iyer ประธานบริหารของ iNube Software Solutions ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนกล่าวว่า “เมื่อรวมกับความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมประกันภัย ทำให้ iNube ได้นำเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยซึ่งมีความสำคัญต่อความสำเร็จทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทประกันภัย ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ iNube จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ได้ในการเสริมสร้างสถานะในตลาดเอเชียและการค้นหาลูกค้าใหม่ สำหรับกลุ่ม Digital Insurance Solutions ของเรานั้นเมื่อรวมกับคำแนะนำของ SYNERGY ในด้านนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเรามั่นใจในการร่างแผนงานที่จะช่วยให้เราเพิ่มคุณค่าและประโยชน์ให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น เราตื่นเต้นมากกับความร่วมมือครั้งนี้และหวังว่าจะได้นำเสนอคุณค่าและประโยชน์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นให้กับธุรกิจประกันภัย”

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อเราที่ media@synergysolutions.asia

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210218005638/en/

ติดต่อ

Anita Bhat
media@synergysolutions.asia

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ขนาดความจุ 18TB

Logo

ดีไซน์แบบ 9 ดิสก์เจเนอเรชันที่ 3 ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกและนวัตกรรมการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพด้านพลังงานในระดับใหม่

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–18 กุมภาพันธ์ 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (Toshiba) เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ ซีรีส์ MG09 ขนาดความจุ 18TB[1]  ซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์รุ่นแรกของ Toshiba ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วย (EAMR) ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ยังมาพร้อมดีไซน์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของ Toshiba รวมถึงเทคโนโลยีบันทึกข้อมูลบนแผ่นจานแม่เหล็กด้วยคลื่นไมโครเวฟแบบ Flux Control (FC-MAMR) ที่ล้ำสมัยของ Toshiba เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของการบันทึกข้อมูลบนแผ่นจากแม่เหล็ก (CMR) เป็น 2TB ต่อดิสก์ และทำให้ความจุรวมของฮาร์ดดิสก์สูงถึง 18TB

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาในรูปแบบมัลติมีเดีย ดูเนื้อหาแบบเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210217006068/en/

Toshiba: 18TB MG09 Series hard disk drives (Photo: Business Wire)

Toshiba: ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB (รูปภาพ: Business Wire)

การจัดส่งตัวอย่างฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB ให้กับลูกค้าคาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมของปี 2564 นี้

ฮาร์ดดิสก์ MG09 แบบ CMR ความจุ 18TB นี้มีขนาดความจุเพิ่มขึ้น 12.5% จากรุ่นก่อนหน้าที่มีความจุ 16TB และสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัตการรุ่นต่าง ๆ ที่ครอบคลุมมากที่สุด ฮาร์ดดิสก์ MG09 ได้รับการปรับเปลี่ยนให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลทั้งแบบสุ่มและเรียงลำดับและรองรับการทำงานในดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งแบบปกติและบนคลาวด์ ประสิทธิภาพของฮารด์ดิสก์รุ่น MG09 อยู่ที่ 7,200rpm อัตราการรองรับภาระงานต่อปี[2] อยู่ที่ 550TB และใช้อินเทอร์เฟส SATA และ SAS ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในฟอร์มแฟกเตอร์ขนาด 3.5 นิ้ว[3 ที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม ปิดผนึกด้วยฮีเลียม และมีประสิทธิภาพทางพลังงาน

ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Toshiba ที่ต้องการยกระดับการออกแบบฮาร์ดดิส์ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้กับเซิร์ฟเวอร์บนคลาวด์รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดเก็บทั้งแบบวัตถุและไฟล์ ด้วยประสิทธิภาพด้านพลังงานที่มากขึ้นและความจุที่ 18TB ฮาร์ดดิสก์ซีรีส์ MG09 จึงช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดเก็บบนคลาวด์พัฒนาความหนาแน่นของหน่วยจัดเก็บให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและปรับปรุงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของหรือ TCO ให้ดีขึ้น ขณะที่การเติบโตข้องข้อมูลยังคงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮาร์ดดิสก์ MG09 ความจุ 18TB ที่มาพร้อมเทคโนโลยี FC-MAMR จะช่วยผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์และนักออกแบบโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลสามารถใช้ประโยชน์จากระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงขึ้นได้ในทั้งระบบคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ และแบบ rack-scale ที่ติดตั้งอยู่ ณ สถานที่

“ฮารด์ดิสก์ซีรีส์ MG09 ความจุ 18TB ใหม่จาก Toshiba มาพร้อมกับระดับความหนาแน่นของการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพด้านพลังงานที่พัฒนาขึ้นเพื่อสำหรับลูกค้าโซลูชันระบบคลาวด์และสตอเรจของเราที่ให้ความสำคัญกับเรื่องต้นทุน เทคโนโลยี HDD ความหนาแน่นสูงของเราสามารถตอบโจทย์ทางด้าน TCO ซึ่งมีความสำคัญของลูกค้าได้ในราคาที่แสนประหยัด” Shuji Takaoka ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาดผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation กล่าว “ดีไซน์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของเรามีพื้นฐานที่ผ่านการทดสอบภาคสนามเพื่อพัฒนาความจุให้ได้ถึง 18TB การเสริมเทคโนโลยี FC-MAMR ที่ล้ำสมัยของ Toshiba เข้ามาช่วยให้ความจุของฮารด์ดิสก์แบบ CMR เพิ่มสูงขึ้นถึง 18TB สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมการทำงานได้มากที่สุด”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรดดูที่:
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/storage/product/data-center-enterprise/cloud-scale-capacity/articles/mg09-series.html

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กลุ่มฮาร์ดดิสก์ของ Toshiba ทั้งหมด โปรดดูที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

[1] คำจำกัดความของความจุ: 1 เทราไบต์ (TB) = 1 ล้านล้านไบต์ อย่างไรก็ตามความจุหน่วยเก็บข้อมูลอาจแตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมการทำงานและการจัดรูปแบบ ความจุในการจัดเก็บ (รวมถึงตัวอย่างของไฟล์สื่อต่าง ๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่ฟอร์แมตจริงอาจแตกต่างกันไป
[2] อัตราการรองรับงานต่อปีคือมาตรวัดข้อมูลตลอดทั้งปี และกำหนดโดยปริมาณของข้อมูลที่เขียน อ่าน หรือตรวจสอบตามคำสั่งของระบบโฮสต์
[3] “3.5 นิ้ว” หมายถึงลักษณะทางกายภาพหรือฟอร์มแฟกเตอร์ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งไม่ได้ระบุขนาดทางกายภาพของไดรฟ์

* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
* ชื่อบริษัท สินค้าและบริการทั้งหมดที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ นั้น

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นบริษัทใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและประสบการณ์ นับตั้งแต่แยกตัวออกจากบริษัทเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2560 เราได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุปกรณ์ทั่วไป และได้นำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ ระบบ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจของเรา
เรามีพนักงานจำนวน 24,000 คนทั่วโลก ซึ่งมีความตั้งใจร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 7.5 แสนล้านเยน (ราว 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ให้สูงขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210217006068/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ
Motohiro Ajioka
ฝ่ายวางแผนธุรกิจ
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-3-3457-3576
อีเมล: semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ยานพาหนะสำหรับต่อสู้หรือ Combat Vehicle รุ่น Type-X Robotic ของ Milrem Robotics จะจัดแสดงในงาน IDEX ปี 2564

Logo

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2564

Milrem Robotics ผู้นำด้านการพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะจัดแสดงยานพาหนะสำหรับต่อสู้ รุ่น Type-X Robotic เป็นครั้งแรกในงาน IDEX 2021

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210216006280/en/

The Type-X RCV is designed to support mechanized units and will become an intelligent wingman to main battle tanks and infantry fighting vehicles. (Photo: Business Wire)

Type-X RCV ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนหน่วยยานยนต์และจะกลายเป็นนักบินผู้ขับขี่เครื่องบินในตำแหน่งปีกข้างระบบอัจฉริยะควบคู่ไปกับรถถังหลักและยานพาหนะทหารสำหรับต่อสู้ (Photo: Business Wire)

Type-X RCV ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนหน่วยยานยนต์และจะกลายเป็นนักบินผู้ขับขี่เครื่องบินในตำแหน่งปีกข้างระบบอัจฉริยะควบคู่ไปกับรถถังหลักและยานพาหนะทหารสำหรับต่อสู้ มันจะสามารถรองรับภารกิจที่อันตรายที่สุดได้ ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตลดลง

ยานรบหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถติดตั้งปืนใหญ่ได้ถึง 50 มม. ดังนั้นมันจะให้อำนาจการยิงที่เท่าเดิมหรือมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้ยุทธวิธีแบบหน่วยติดตั้งยานรบทหารราบ

“ Type-X ให้วิธีการในการทำลายตำแหน่งป้องกันของศัตรูโดยสร้างความเสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับกองทหารของตัวเอง หากรถ RCV สูญหาย การเอารถเข้าไปแทนที่จะเป็นแค่ความยุ่งยากเล็กน้อยทางลอจิสติกส์เท่านั้น แต่จะไม่มีการสูญเสียชีวิต” Kuldar Väärsi ซีอีโอของ Milrem Robotics กล่าว

RCV ของ Milrem Robotics จะมาพร้อมกับฟังก์ชันอัจฉริยะเช่น follow-me, waypoint navigation และการตรวจจับสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมด้วย อย่างไรก็ตามนวัตกรรมที่แท้จริงในครั้งนี้ได้แก่แนวทางใหม่และสร้างสรรค์ของ Milrem เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกลด้วยความเร็วที่สูงขึ้นได้

ความเร็วสูงสุดของรถคือ 80 กม. / ชม. บนถนนลาดยางและ 50 กม. / ชม. บนถนนออฟโรด โดยรุ่น Type-X มีน้ำหนักเบา 12 ตันและให้กำลังสูง พร้อมการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ความสามารถในด้านพื้นที่ที่เหนือกว่า และมาพร้อมความสูงแค่ 2.2 ม. และตัวเครื่องยนต์ด้านหลังที่สร้างความร้อนต่ำ

ในการสร้างหุ่นยนต์ Type-X Milrem โดยใช้ความรู้ที่ได้รับจากการพัฒนายานพาหนะภาคพื้นดินไร้คนขับ THeMIS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกองทหารที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้น ปัจจุบันนี้ได้ถูกซื้อไปโดยสิบประเทศแล้ว ซึ่งรวมถึงสมาชิก NATO 7 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี เอสโตเนีย เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา

Milrem Robotics เป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติชั้นนำของยุโรปและเป็นผู้นำของ iMUGS ซึ่งเป็นโครงการ 32,6 ล้านยูโร ที่ได้รับทุนจาก European Defense Industrial Development Program (EDIDP) ของคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นดินไร้คนขับที่ได้มาตรฐานยุโรป

รถคันนี้จะจัดแสดงที่สแตนด์หมายเลข B18 ของ John Cockerill ในฮอลล์ที่ 12

ชมวิดีโอของ Type-X: https://youtu.be/jQg4PLCZLdY

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210216006280/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz

ผู้อำนวยการฝ่ายส่งออก

Gert.hankewitz@milrem.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ตอบโจทย์ทุกการตรวจวินิจฉัยที่อยู่เพียงปลายนิ้วมาพร้อมจอแสดงภาพอเนกประสงค์ที่มีความละเอียดถึง 12MP

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2564

Barco ผู้นำระดับโลกทางด้านเทคโนโลยีภาพนิทัศน์ (visualization) ได้ออกจอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ความละเอียด 12MP รุ่นใหม่สำหรับระบบจัดเก็บและรับส่งข้อมูลทางการแพทย์ (PACS) และภาพรังสีเต้านม จอแสดงผล Nio Fusion ที่มีความละเอียด 12MP เป็นคำตอบอย่างดีและมาตรฐานของระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการตรวจวินิจฉัย (diagnostic workstation) ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

จอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

Rachel Coxon รองประธานด้านระบบการดูแลสุขภาพแห่ง Barco APAC กล่าวว่า “ความคาดหวังต่อการยกระดับการทำงานของจอแสดงผลการตรวจวินิจฉัยในกลุ่มรังสีแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีความคาดหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการตรวจวินิจฉัยสามารถรองรับงานเวชบำบัดได้ทั้งหมดรวมถึงภาพถ่ายของเนื้อเยื่อเต้านมที่มีความหนาแน่นสูง และใช้ได้ต่อเนื่องเพื่อความสะดวกใช้งานง่ายยาวนานในการตรวจวินิจฉัยจากโรงพยาบาล คลินิก หรือสถานที่ปฏิบัติงานประเภทโฮมออฟฟิศ”

คำตอบของ Barco: Nio Fusion ความละเอียด 12MP
Nio Fusion มาพร้อมจอที่มีความละเอียด 12MP เหมาะสำหรับแสดงภาพถ่ายระบบ PACS จำนวนหลาย ๆ ภาพ และเครื่องมือที่ใช้สำหรับสร้างภาพเต้านมรวมถึงภาพแบบสามมิติ (breast tomosynthesis) การออกแบบของ Fusion ช่วยลดความจำเป็นของการใช้จอแสดงภาพแนวตั้งหลาย ๆ จอ หรือการติดตั้งที่ซับซ้อน ฟังก์ชัน Keyboard-Video-Mouse (KVM) ช่วยให้การต่อระบบคอมพิวเตอร์เข้ากับจอแสดงผลและการสลับการใช้งานระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่องกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพียงแค่กดปุ่ม และยังทำให้การกำหนดเวลาและการจัดการระบบคอมพิวเตอร์กลายเป็นเรื่องง่าย

ความละเอียดเกรย์สเกลของ Nio Fusion 12MP ได้รับการปรับตามมาตรฐาน Digital Imaging and Communications in Medicine (DICOM) และเทคโนโลยี SteadyColorTM ของ Barco ยังการันตีความสม่ำเสมอของสี แม้จะมีการใช้งานผ่านไปแล้ว Nio Fusion 12MP มีความสว่างที่สูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม และยังได้รับการยกระดับยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Uniform Luminance เพื่อให้ทุกพื้นที่ของจอภาพมีความสว่างสม่ำเสมอ

ตัวเครื่องของ Nio Fusion 12MP มีความบางเบา และได้รับการออกแบบให้สะท้อนการมองเห็นโดยธรรมชาติของมนุษย์เพื่อลดการเคลื่อนไหวของศีรษะ มือ และตา นอกจากนี้ยังมีระบบ SoftGlowTM และหลอดไฟผนังที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างโดยรอบและระบบชดเชยแสง รวมถึงสามารถลดอาการปวดตาและอาการเมื่อยล้าของตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน

Nio Fusion 12MP ทำงานด้วยระบบควมบคุมจอภาพ Barco MXRT อันทรงพลัง ช่วยให้รังสีแพทย์มีอุปกรณ์สนับสนุนการทำงานแบบครบครัน เช่น SpotViewTM และ RapidFrameTM ที่สามารถเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังได้รับตรา Barco's Eco Product label หลังได้รับค่า ecoscore ระดับ A+ จากประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานของจอภาพที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น บรรจุภัณฑ์ของจอภาพที่มีขนาดกะทัดรัดและสามารถวางซ้อนกันได้ รวมถึงเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับแต่ละภูมิภาคซึ่งช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการสร้างขยะ

Rachel Coxon ได้กล่าวสรุปไว้ว่า “ผู้ใช้ระบบ CIO และ PACS ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการของแพทย์และเจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพสำหรับการอ่านภาพในเคสที่มีความซับซ้อน ขณะที่ยังต้องจัดการงบประมาณและข้อจำกัดด้านการรับประกันเวลาการทำงานของเครื่องและประสิทธิภาพไปพร้อมกัน Nio Fusion 12MP ยังเป็นการลงทุนที่สามารถรองรับการใช้งานได้ในอนาคตระยะยาวทั้งด้านรังสีวิทยาและการถ่ายภาพรังสีเต้านม และช่วยให้การจัดการอุปกรณ์เป็นเรื่องง่ายรวมถึงลดต้นทุนในการลงทุน ในขณะเดียวกัน ยังช่วยทีมประกันคุณภาพบริหารจัดการคุณภาพและการปฏิบัติตามข้อบังคับต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายไม่เปลืองแรงผ่านระบบประกันคุณภาพอัตโนมัติ เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องของการปฏิบัติตามข้อกำหนดและเวลาทำงานที่ต่อเนื่องของระบบคอมพิวเตอร์สำหรับระบบ PACS”

เกี่ยวกับ Barco
Barco เป็นผู้ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อสร้างความสว่างสดใสให้กับทั่วทั้งโลก เรามองเห็นมากกว่าภาพถ่ายและได้พัฒนาโซลูชั่นภาพนิทัศน์และความร่วมมือเพื่อช่วยให้ผู้คนทำงานร่วมกัน แบ่งปันข้อมูล และสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม ธุรกิจของเรามุ่งเน้นที่สามตลาดหลัก ได้แก่ องค์กร (ตั้งแต่ห้องประชุมและห้องควบคุมไปจนถึงพื้นที่ขององค์กร) การดูแลสุขภาพ (ตั้งแต่แผนกรังสีวิทยาไปจนถึงห้องผ่าตัด) และความบันเทิง (ตั้งแต่โรงภาพยนตร์ไปจนถึงงานแสดงสดและสถานที่น่าสนใจ) ในปี 2562 เราสามารถทำยอดขายได้ถึง 1.083 พันล้านยูโร และมีพนักงานกว่า 3,600 คนทั่วโลก ซึ่งความหลงใหลในเรื่องเทคโนโลยีของพวกเขาถูกถ่ายทอดผ่านงานสิทธิบัตรถึง 400 ชิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.barco.com

สื่อที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อที่:
Aashna Khurana | M: +91 9999000309 | E: aashna.khurana@barco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ สำหรับการกำจัดคาร์บอนจาก XPRIZE สนับสนุนโดย Elon Musk เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

Logo

การมอบรางวัลจูงใจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อดึงดูดและกระตุ้นให้นักประดิษฐ์พัฒนาและขยายขนาดโซลูชันกำจัดคาร์บอนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–09 กุมภาพันธ์ 2564

วันนี้ XPRIZE ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบและจัดการการแข่งขันเพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ประกาศจัดการแข่งขัน XPRIZE Carbon Removal ที่สนับสนุนโดย Elon Musk และมูลนิธิ Musk เพื่อชิงรางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ

การแข่งขันระดับโลกซึ่งมีกำหนดระยะเวลาสี่ปี เชิญชวนเหล่านักประดิษฐ์พร้อมทีมจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์และสาธิตวิธีที่จะสามารถดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศหรือมหาสมุทรได้โดยตรงและกักเก็บไว้อย่างถาวรด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทีมที่จะคว้าชัยจากการแข่งขันนี้ได้จะต้องแสดงแบบจำลองของวิธีแก้ปัญหาต่อขนาดจริงที่มีความถูกต้องแม่นยำ โดยจะต้องสามารถกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในระดับที่ 1 ตันต่อวัน จากนั้นจะต้องสาธิตให้คณะกรรมการตัดสินถึงความสามารถของวิธีแก้ปัญหาของพวกเขาในการขยายขนาดให้ได้ถึงระดับกิกะตัน เป้าหมายของการแข่งขันโดย XPRIZE นี้คือการสร้างแรงกระตุ้นและขยายขนาดวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพให้สามารถกำจัดคาร์บอนได้ตามเป้าหมายที่ 10 กิกะตันต่อปีภายในปี 2593 เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและทำให้ระดับคาร์บอนของโลกอยู่ในระดับสมดุลอีกครั้ง

“เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง เราต้องการเห็นค่าคาร์บอนติดลบ ไม่ใช่แค่ค่าคาร์บอนเป็นศูนย์ เป้าหมายสูงสุดของเราคือการสร้างเทคโนโลยีดักคาร์บอนที่สามารถขยายขนาดได้ และจะต้องมีการวัดผลจาก ‘ต้นทุนต่อตันที่พิจารณาอย่างละเอียด’ ซึ่งรวมถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย นี่ไม่ใช่การแข่งขันทางทฤษฎี เราต้องการทีมที่จะสร้างระบบขึ้นมาจริง ๆ และสามารถสร้างผลกระทบที่สามารถวัดผลได้และขยายขนาดสู่ระดับกิกะตันต่อไป เราต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีเพราะเวลาไม่รอใคร” Elon Musk ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Tesla และ SpaceX

“เราขอท้าเหล่าวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ และผู้ประกอบการทั้งหลายให้มาสร้างและสาธิตระบบกำจัดคาร์บอนที่ใช้ได้จริงให้เราเห็น” Peter H. Diamandis ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของ XPRIZE กล่าว “เราต้องการเห็นระบบในขนาดย่อที่สามารถสาธิตการกำจัดคาร์บอนได้ในระดับ 1 ตันต่อวันได้จริง ๆ จากนั้นเราอยากเห็นว่าระบบเหล่านั้นสามารถขยายขนาดเพื่อรองรับการกำจัดคาร์บอนในระดับกิกะตัน (อย่างคุ้มทุน) ได้อย่างไร เป้าหมายของการแข่งขันครั้งนี้คือกระตุ้นให้ผู้ประกอบการและวิศวกรคิดหาวิธีกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหลาย ๆ วิธีถูกนำมาพูดคุยและถกเถียงกันเท่านั้น เราต้องการเห็นพวกเขาสร้าง ทดสอบ และทำให้สิ่งเหล่านั้นใช้งานได้จริง เราหวังว่าการแข่งขันโดย XPRIZE ครั้งนี้จะกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมเช่นเดียวกับที่การแข่งขัน Ansari XPRIZE เพื่อชิงรางวัลมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ฯ ได้ทำให้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการบินอวกาศเชิงพาณิชย์มาแล้ว”

การที่มนุษย์จะสามารถบรรลุเป้าหมายในความตกลงปารีสที่ตั้งเป้าควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรมได้นั้น เราต้องการการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ และในระดับที่มากกว่าแค่การควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะที่กำจัดคาร์บอนได้ตั้งแต่ในอากาศและมหาสมุทร หากมนุษย์ยังคงเดินบนเส้นทางเดิม ๆ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกอาจเพิ่มสูงขึ้น 6 องศาเซลเซียสภายในปี 2643

ข้อมูลอย่างละเอียดสำหรับการแข่งขันจะประกาศในวันที่ 22 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นวันคุ้มครองโลก และจะมีการเปิดรับสมัครทีมในวันเดียวกัน โดยการแข่งขันจะกินเวลา 4 ปีจนถึงวันคุ้มครองโลกปี 2568

เงินรางวัลมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ จะถูกจัดสรรดังรายละเอียดต่อไปนี้:

หลังการแข่งขันผ่านไป 18 เดือน คณะกรรมการตัดสินจะเลือกทีมมา 15 ทีมเพื่อรับเงินรางวัลทีมละ 1 ล้านดอลลาร์ฯ จากนั้น Milestone Awards จะเริ่มต้นการระดมทุนของทีมเพื่อพัฒนาแบบจำลองและสาธิตในขนาดจริงเพื่อคว้ารางวัลชนะเลิศต่อไป

ในช่วงกรอบเวลาเดียวกัน จะมีการแจกทุนการศึกษามูลค่า 200,000 ดอลลาร์ฯ จำนวน 25 ทุนให้กับทีมนักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขัน

สำหรับเงินรางวัลที่เหลือ 80 ล้านดอลลาร์จะมอบให้กับผู้ชนะดังนี้:

1) รางวัลชนะเลิศ (อันดับ 1): 50 ล้านดอลลาร์ฯ

2) รางวัลที่ 2: 20 ล้านดอลลาร์ฯ

3) รางวัลที่ 3: 10 ล้านดอลลาร์ฯ

ทีมที่สนใจสามารถส่งผลงานได้ทั้งประเภทธรรมชาติ วิศวกรรม และไฮบริด โดยคณะกรรมจะตัดสินจากเกณฑ์พื้นฐานสี่ด้านดังนี้:

1) ต้นแบบการกำจัดคาร์บอนที่ใช้งานได้จริงที่สามารถสาธิตให้เห็นได้ว่าสามารถกำจัดคาร์บอนได้อย่างน้อย 1 ตันต่อวัน

2) ความสามารถของทีมในการสาธิตให้กรรมการตัดสินเห็นถึงการขยายขนาดของวิธีแก้ปัญหาเพื่อรองรับการกำจัดคาร์บอนระดับกิกะตันได้อย่างคุ้มทุน

3) เกณฑ์การวัดหลักสำหรับการแข่งขันนี้จะพิจารณาที่ต้นทุนที่ใช้ต่อการกำจัดคาร์บอนหนึ่งตัน ซึ่งรวมถึงการพิจารณาใด ๆ ที่จำเป็นต่อประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม ความคงทน ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มใด ๆ และ

4) เกณฑ์สุดท้ายคือระยะเวลากักเก็บคาร์บอน โดยระยะที่พึงประสงค์คืออย่างน้อย 100 ปี

“สภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงเป็นภัยคุกคามพื้นฐานต่อมนุษยชาติ แต่ก็ยังไม่สายเกินไปหากเราเริ่มลงมือทำอะไรตั้งแต่ตอนนี้! จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สามารถสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนมากขึ้นบนโลกที่เราเรียกว่าบ้านใบนี้” Anousheh Ansari ซีอีโอของ XPRIZE กล่าว “การร่วมมือกับ Elon และมูลนิธิ Musk จะช่วยเราระดมความคิดเพื่อหาทางออกที่คุ้มค่า ซึ่งสามารถขยายขนาดให้เติบโตได้อย่างมากในโลกแห่งความเป็นจริง และการแข่งขัน XPRIZE Carbon Removal จะเชิญทีมต่าง ๆ ให้มาสร้างประวัติศาสตร์และกลายเป็นฮีโร่จากการต่อสู้กับสภาพอากาศและสร้างอนาคตใหม่ให้กับเรา

“เราคาดหวังที่จะได้เห็นความหลากหลายของทีมจำนวนมากจากทั่วโลกมาลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขัน สิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับการแข่งขัน XPRIZE ก็คือความหลากหลายของวิธีที่ทีมต่าง ๆ นำมาใช้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการกำจัดคาร์บอนเนื่องจากการดึงคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศและมหาสมุทรนั้นสามารถทำได้หลายวิธี เราหวังที่จะได้เห็นวิธีอย่างการดักจับคาร์บอนโดยตรงจากอากาศ กระบวนการ mineralization and enhanced weathering วิธีทางธรรมชาติโดยใช้พืช ต้นไม้ หรือมหาสมุทร เราอยากเห็นการสาธิตที่สามารถขยายขนาดได้จริงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อที่เราจะสามารถช่วยให้วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดถูกนำไปพัฒนาและใช้งานได้โดยเร็วที่สุด”

สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโครงสร้างของการแข่งขันและกำหนดการที่สำคัญ โปรดดูที่ XPRIZE.org/prizes/elonmusk

ชมและแชร์ วิดีโอตัวอย่าง 90 วินาที เพื่อก้าวแห่งความสำเร็จระดับกิกะตันมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ

เกี่ยวกับ XPRIZE

XPRIZE องค์กรไม่แสวงหากำไรตามมาตรา 501(c)(3) เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านการออกแบบและจัดรูปแบบการแข่งขันที่มีความล้ำสมัยเพื่อแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของโลก การแข่งขันที่ยังดำเนินอยู่ในปัจจุบันประกอบด้วยรายการ NRG COSIA Carbon XPRIZE ชิงรางวัลมูลค่า 20 ล้านเหรียญฯ รายการ XPRIZE Rainforest ชิงรางวัลมูลค่า 10 ล้านเหรียญ รายการ ANA Avatar XPRIZE ชิงรางวัลมูลค่า 10 ล้านเหรียญ รายการ XPRIZE Rapid COVID Testing ชิงรางวัลมูลค่า 6 ล้านเหรียญ รายการ Million IBM Watson AI XPRIZE ชิงรางวัลมูลค่า 5 ล้านเหรียญ รายการ XPRIZE Rapid Reskilling ชิงรางวัลมูลค่า 5 ล้านเหรียญ และรายการ Pandemic Response Challenge ชิงรางวัลมูลค่า 500,000 เหรียญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ xprize.org

เกี่ยวกับมูลนิธิ Musk

มูลนิธิ Musk มอบทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและการสนับสนุนด้านพลังงานหมุนเวียน การวิจัยและการสนับสนุนการสำรวจอวกาศของมนุษย์ การวิจัยในเด็ก การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม และการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ปลอดภัยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210208005280/en/

ติดต่อ:

Nicole Ryan, XPRIZE
nicole.ryan@xprize.org

Caden Kinard, XPRIZE
caden.kinard@xprize.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LiveRamp เตรียมซื้อกิจการ DataFleets เพื่อเพิ่มพลังการทำงานร่วมกันของข้อมูลแบบกระจาย

Logo

ขยายความสามารถในการปกป้องข้อมูล

มอบความความยืดหยุ่นสูงสุดและควบคุมข้อมูลให้แก่องค์กร

ขยายโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ใช้งาน Safe Haven

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)–09 ก.พ. 2564

LiveRamp® (NYSE: RAMP) แพลตฟอร์มการเชื่อมต่อข้อมูลชั้นนำประกาศว่าได้ทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการซื้อ DataFleets นแพลตฟอร์มข้อมูลบนคลาวด์ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลโดยไม่ต้องย้ายข้อมูลหรือลดความเป็นส่วนตัว  การซื้อกิจการครั้งนี้ขยายขีดความสามารถในการปกป้องข้อมูลของ LiveRamp เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงข้อมูลและการควบคุมที่ดีขึ้นสำหรับลูกค้า  นอกจากนี้ข้อตกลงดังกล่าวยังเปิดกรณีการใช้งานใหม่ๆ รวมถึงตลาดใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันของข้อมูลแบบกระจายผ่าน LiveRamp Safe Haven

ด้วยการเติบโตของข้อมูลแบบทวีคูณ องค์กรต่างๆ จึงค้นหาวิธีเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อกระตุ้นการเติบโตและนวัตกรรม  บริษัททุกขนาด ภาคอุตสาหกรรม หรือภูมิศาสตร์ล้วนพยายามสร้างกลยุทธ์ข้อมูลเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน  อย่างไรก็ตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวและการพิจารณาด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นมักสร้างข้อจำกัดในการใช้หรือวิเคราะห์ข้อมูล  ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวทางคณิตศาสตร์ขั้นสูงต่างๆ DataFleets นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่รวมข้อมูลแบบกระจายสำหรับการทำงานร่วมกันและการวิเคราะห์โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลข้ามไฟร์วอลล์ขององค์กร  เครื่องมือความเป็นส่วนตัวที่มีอยู่ในช่วงแรกมีชุดปฏิบัติการและความสามารถที่จำกัด  ด้วยเทคโนโลยี DataFleets องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงชุดเครื่องมือป้องกันข้อมูลที่ทันสมัยและครบครันซึ่งสามารถกำหนดค่าได้ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ  เทคโนโลยีการเรียนรู้แบบรวมศูนย์ของ DataFleets ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลข้ามพรมแดนและไซโลในสถาปัตยกรรมที่กระจัดกระจายราวกับว่าข้อมูลเหล่านี้รวมอยู่ในที่เดียว  DataFleets เก็บข้อมูลส่วนตัวที่เป็นประโยชน์และข้อมูลที่มีประโยชน์เป็นส่วนตัว

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวของ LiveRamp และแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางกับเทคโนโลยีที่พลิกเกมของ DataFleets ซึ่งจะปลดล็อกมูลค่ามหาศาลให้กับระบบนิเวศทั้งหมด” Anneka Gupta ประธานและหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มของ LiveRamp กล่าว “เมื่อรวมกันแล้ว ความสามารถที่รวมกันของเราจะปูทางไปสู่เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวรุ่นต่อไปซึ่งทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ของเราและตอกย้ำความมุ่งมั่นในการทำให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้งานข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและง่ายดายไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม”

ด้วยการเพิ่ม DataFleets, LiveRamp จะเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังพัฒนาโดยการเสริมสร้างความสามารถที่แตกต่างในสี่เสาหลัก ได้แก่

  • การปลดล็อกการเข้าถึงข้อมูล – ข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์มีให้สำหรับการวิเคราะห์โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายของข้อมูล
  • เทคโนโลยีการรักษาความเป็นส่วนตัว – การแก้ปัญหาข้อมูลประจำตัวและเวิร์กโฟลว์การทำงานร่วมกันในชุดข้อมูลแบบกระจายโดยไม่สูญเสียความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัย
  • การเพิ่มการเชื่อมต่อทั่วโลก – เปิดใช้งานการเชื่อมต่อที่ลึกขึ้นในชุดข้อมูลที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมและภูมิศาสตร์
  • การควบคุมอย่างทั่วถึง – ลูกค้า LiveRamp สามารถควบคุมข้อมูลได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ทำงานร่วมกันและมีความสามารถในการเลือกแนวทางและระดับการปกป้องข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ

DataFleets มอบทางเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับลูกค้า Safe Haven สำหรับการทำงานร่วมกันของข้อมูลแบบกระจายตลอดจนปลดล็อกการปกป้องความเป็นส่วนตัวสำหรับอุตสาหกรรมใหม่เช่นการแพทย์และบริการทางการเงิน  นอกจากนี้ DataFleets ยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของ LiveRamp สามารถปรับเปลี่ยนตามเขตอำนาจศาลด้วยความเป็นส่วนตัวที่ออกแบบมาในชั้นโครงสร้างพื้นฐานช่วยให้ลูกค้าปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวที่กำลังพัฒนาทั่วโลก

“ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีของ DataFleets และทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมขณะนี้ LiveRamp อยู่ในตำแหน่งที่ดียิ่งขึ้นในการขยายขีดความสามารถของเราในภูมิภาคและอุตสาหกรรมต่างๆ” Warren Jenson ประธานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LiveRamp กล่าว “การซื้อกิจการนี้จะสนับสนุนการขยายข้อเสนอของ LiveRamp ไปทั่วยุโรปและในเอเชียแปซิฟิกและตลาดลาตินอเมริกาในปี 2564 และช่วยขับเคลื่อนเราไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่นบริการด้านการดูแลสุขภาพและการเงินซึ่งการผสมผสานระหว่าง DataFleets และ LiveRamp เข้าด้วยกันจะมีประสิทธิภาพสูงและเพิ่มมูลค่ากรณีการใช้งาน”

David Gilmore ซีอีโอของ DataFleets กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เข้าร่วมทีม LiveRamp และดำเนินการตามวิสัยทัศน์ร่วมกันของเราในการช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในการรวมข้อมูลเพื่อปลดล็อกมูลค่าสูงสุด โดยรักษาความเป็นส่วนตัวและการควบคุมของผู้บริโภค  การทำงานร่วมกันของเรามีความแข็งแกร่งและเราสามารถช่วยองค์กรระดับโลกให้ขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลและการใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มพลังให้กับข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรมในธุรกิจของตนได้”

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ LiveRamp DataFleets กรุณาเยี่ยมชม: https://liveramp.com/blog/liveramp-to-acquire-datafleets

ผลกระทบทางการเงินและการปิดธุรกรรม

คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สี่ปีงบประมาณของ LiveRamp  การซื้อกิจการคาดว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการทางการเงินในปีงบประมาณ 2021 ของ LiveRamp

การเพิ่ม DataFleets ช่วยขยายความเป็นผู้นำของ LiveRamp ในด้านการรักษาความเป็นส่วนตัวและการทำงานร่วมกันของข้อมูล ผลักดันการเติบโตและมูลค่าที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ถือหุ้น LiveRamp

ผลประกอบการไตรมาสที่สามปี 2564

บริษัทได้ประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สามของปี 2564 LiveRamp จะจัดการประชุมทางโทรศัพท์ในวันนี้เวลา 13:30 น. P.T. เพื่อหารือเกี่ยวกับการซื้อกิจการและผลประกอบการประจำไตรมาส 2021

เกี่ยวกับ LiveRamp

LiveRamp เป็นแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อข้อมูลชั้นนำสำหรับการใช้ข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ  โดยขับเคลื่อนด้วยความสามารถในการแก้ปัญหาข้อมูลและเครือข่ายที่ไม่มีใครเทียบได้ LiveRamp ช่วยให้บริษัท และคู่ค้าสามารถเชื่อมต่อ ควบคุม และใช้งานข้อมูลเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มีคุณค่ามากขึ้น  โครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์และเป็นกลางของ LiveRamp มอบความสามารถในการระบุตำแหน่งแบบ end-to-end สำหรับแบรนด์ เอเจนซี่ และผู้เผยแพร่โฆษณาชั้นนำของโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.LiveRamp.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210208005758/en/

ติดต่อ:

Michelle Millsap ในนามของ LiveRamp
liveramp@havasformula.com 
619-857-2384

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวโฟโต้รีเลย์กระแสไฟสูง 100V สำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรม

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–05 ก.พ. 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เปิดตัว “TLP241B” โฟโตเรย์กระแสสูงในแพ็คเกจ DIP4 สำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรม เช่นคอนโทรลเลอร์ลอจิกที่ตั้งโปรแกรมได้และอินเทอร์เฟซไอโอ  มีตัวอย่างสินค้าและปริมาณการผลิตแล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210204005495/en/

Toshiba: TLP241B, a 100V high-current photorelay for industrial equipment (Graphic: Business Wire)

Toshiba: TLP241B โฟโตรีเลย์กระแสสูง 100V สำหรับอุปกรณ์อุตสาหกรรม (กราฟฟิค: บิสิเนสไวร์)

TLP241B ได้รวม MOSFET ตามกระบวนการ U-MOS รุ่นล่าสุดของโตชิบา  ด้วย TLP241B แรงดันไฟฟ้าของขั้วเอาท์พุทในสถานะปิดจะขยายเป็น 100V ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น 150% จาก 40V ของ TLP241A ปัจจุบัน TLP241B นั้นบรรจุอยู่ในแพ็คเกจ DIP4 อเนกประสงค์และเป็นผลิตภัณฑ์ บรรจุ DIP4 ชิ้นแรกของอุตสาหกรรม[1] ที่ให้แรงดันไฟฟ้าขั้วเอาท์พุท 100V ในสถาะปิด กระแส 2A ในสถานะเปิดและแรงดันไฟฟ้าแยกเดี่ยว 5kV  การขยายช่วงแรงดันไฟฟ้านี้ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย

TLP241B สามารถใช้แทนรีเลย์เชิงกลแบบสัมผัสแบบ 1-Form-A ได้  TLP241B ซึ่งแตกต่างจากรีเลย์เชิงกลตรงที่ไม่มีหน้าสัมผัสที่เคลื่อนที่จึงไม่เกิดการเสื่อมเสีย  คุณลักษณะของไดรฟ์ที่มีกระแสไฟต่ำยังช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์  ประโยชน์อื่นๆ ได้แก่เวลาตอบสนองที่รวดเร็วและการประหยัดพื้นที่ PCB เนื่องจากขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เล็กลง

เนื่องจากอุณหภูมิในการทำงานสูงสุดคือ 110℃ จึงหาขอบเขตอุณหภูมิของอุปกรณ์ได้ง่ายกว่า

การใช้งาน

– อุปกรณ์อุตสาหกรรม (คอนโทรลเลอร์ลอจิกที่ตั้งโปรแกรมได้ อินเทอร์เฟซไอโอ และการควบคุมเซ็นเซอร์ต่างๆ ฯลฯ)

– ระบบอัตโนมัติในอาคาร (การทำความร้อน การระบายอากาศ และการปรับอากาศ (HVAC) และเทอร์โมสตัท ฯลฯ)

– แทนที่รีเลย์เชิงกล (ระบบ AC 24 ถึง 48V, ระบบ DC 24 ถึง 100V)

คุณสมบัติ

– ค่ากระแสสูงสถานะเปิดสูง: ION=2A, IONP=6A (Pulsed) 

– กระแสไฟเอาท์พุทสถานะปิด: VOFF=100V

-อุณหภูมิในการทำงานสูง: Topr max=110℃

– แพ็คเกจ DIP4 สำหรับใช้งานทั่วไปพร้อมตัวเลือก gull wing (SMT)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(@Ta=25℃ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น)

หมายเลขส่วน

TLP241B

แพคเกจ

DIP4

พิกัดสูงสุดสัมบูรณ์

กระแสสถานะปิด VOFF (V)

100

กระแสสถานะเปิด ION(A)

2.0

กระแสไฟสถานะเปิด (pulsed) IONP (A)

6.0

อุณหภูมิในการทำงาน Topr (℃)

-40 ถึง

110

ลักษณะทางไฟฟ้าคู่

ทริกเกอร์กระแส LED IFT max (mA)

3

แรงต้านทานสถานะเปิด RON typ. (mΩ)

110

แรงต้านทานสถานะเปิด RON max (mΩ)

200

ลักษณะทางไฟฟ้า

ความจุเอาต์พุต COFF typ. (pF)

300

ลักษณะการสลับ

เวลาเปิดเครื่อง tON max (ms)

3

เวลาปิดเครื่อง tOFF max (ms)

0.5

ตรวจสอบตัวอย่างและความพร้อมจัดส่ง

ซื้อทางออนไลน์

หมายเหตุ:

[1] ในบรรดาโฟโตเรย์แบบบรรจุ DIP4 ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 จากการสำรวจของโตชิบา

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

TLP241B

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TLP241B

ไปที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์ออปติคัลของ Toshiba

โฟโต้รีเลย์ (MOSFET Output)

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/optoelectronics/photorelay-mosfet-output.html

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์โปรดไปที่:

TLP241B

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TLP241B.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:

ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ Optoelectronic
โทร: +81-3-3457-3431 https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศแต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่เข้ากับประสบการณ์ที่ยาวนาน  ตั้งแต่ได้แยกจาก Toshiba Corporation ในเดือนกรกฎาคมปี 2560 เราได้เข้าเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 750 พันล้านเยน (6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และเพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210204005495/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Department (แผนกการตลาดดิจิทัล )
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-3-3457-4963 semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา (NTHU) ยกระดับหุ่นยนต์สู่ขั้นใหม่

Logo

ซินจู๋, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–05 กุมภาพันธ์ 2564

แม้จะมีการนำไปใช้ในการผลิตอย่างแพร่หลาย หุ่นยนต์ยังคงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาเรื่องความคล่องแคล่วอยู่มากเพื่อนำไปใช้ทางด้านการพยาบาลและการฟื้นฟู ด้วยเหตุผลนี้ ทีมวิจัยสหวิทยาการซึ่งนำโดยศาสตราจารย์ James Chang แห่งภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลกำลัง จึงได้นำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดทางด้านปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ชีวกลศาสตร์ และปัจจัยมนุษย์วิศวกรรมมาประยุกต์เข้าด้วยกันเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวมือของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ โดยมือของหุ่นยนต์ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสัมผัสที่แม่นยำและสายตาที่เฉียบคมนี้ยังมีความคล่องแคล่วมากพอที่จะสามารถจับลูกบอลและหยิบกระดาษทิชชู่

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210204005049/en/

An interdisciplinary research team led by Distinguished Professor James Chang of the Department of Power Mechanical Engineering has recently developed a humanoid robot that imitates the meticulous movements of a human hand. (Photo: National Tsing Hua University)

ทีมวิจัยสหวิทยาการซึ่งนำโดยศาสตราจารย์ James Chang แห่งภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลกำลัง ได้พัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่สามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวมือของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ (รูปภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา)

หุ่นยนต์ที่มีสองมือและมาพร้อมความคล่องแคล่วนี้ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นในไต้หวันในทุกขั้นตอน และถูกตั้งชื่อให้ว่า “Tsing-Hua Gentleman” โดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา Hocheng Hong ผู้ซึ่งกล่าวว่าเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกกำหนดมาให้มีบทบาทสำคัญทางด้านการให้บริการทางการแพทย์

ความคล่องแคล่วขั้นสูงของหุ่นยนต์

สิ่งที่ทำให้หุ่นยนต์ตัวนี้แตกต่างจากหุ่นยนต์อื่น ๆ คือมือข้างหนึ่งของมันถูกออกแบบให้มีความแข็งแรง ขณะที่มืออีกข้างจะมีความคล่องแคล่วสูงมาก Chang กล่าวว่ามือที่มีความคล่องแคล่วนั้นจำเป็นสำหรับการทำงานกับเครื่องมือทางการแพทย์ส่วนใหญ่ เช่น ในการทดสอบเชื้อ covid-19 ซึ่งมือจะต้องมีความคล่องแคล่วมากพอสำหรับใช้สำลีในการการเก็บตัวอย่างส่งตรวจ (swab) ทางจมูกหรือช่องคออย่างอ่อนโยน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดแขนกลในหุ่นยนต์ที่มีข้อต่อหกแกน แขนกลในหุ่นยนต์ของ Chang ถูกออกแบบให้มีทั้งหมดเจ็ดแกนทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วกว่าแม้แต่แขนของมนุษย์ หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดยทีมของ Chang สามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวของมือมนุษย์ได้อย่างใกล้เคียงโดยนำการเคลื่อนไหวของมือมนุษย์มาทำให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเพื่อให้ได้ระดับความคล่องแคล่วเทียบเท่าและทำให้หุ่นยนต์มีความคล่องแคล่วมากพอที่จะอุ้มทารกหรือแม้แต่ช่วยพลิกตัวผู้ป่วยติดเตียงได้

การรับรู้เทียบเท่ามนุษย์

Chang อธิบายไว้ว่ามือที่มีความคล่องแคล่วนี้เลียนแบบมาจากโครงสร้างนิ้วของมนุษย์ โดยใช้ระบบส่งกำลังนิวเมติกควบคุมการเคลื่อนไหว และอุปกรณ์วัดแรงกดที่ได้รับสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกาซึ่งมีความแม่นยำและสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงแม่เหล็กได้ ขณะที่หุ่นยนต์อื่น ๆ ต้องใช้เซ็นเซอร์แบบแยกสำหรับการเคลื่อนไหวแต่ละทิศทาง แต่แขนกลในหุ่นยนต์ของ Chang นั้นสามารถตรวจจับทิศทางต่าง ๆ ได้โดยใช้เซ็นเซอร์เพียงตัวเดียวซึ่งทำให้มือของหุ่นยนต์เหมือนกับมือของมนุษย์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบภาพแบบสามมิติสำหรับสแกนวัตถุรอบตัวในระยะกว้างที่ทำให้หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถระบุลักษณะของพื้นที่และสามารถใช้ AI ในการระบุชนิดของวัตถุได้

แรงบันดาลใจ

Chang ซึ่งจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนในสหรัฐอเมริกาเคยร่วมงานกับ IBM มาก่อนหน้านี้ โดยเขาเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ หลังกลับมาไต้หวัน เขาได้พบและร่วมงานกับอดีตเพื่อนร่วมชั้นประถม Yu-Cheng Pei ซึ่งเป็นแพทย์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูอยู่ที่โรงพยาบาลฉางเกิงเมโมเรียล โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ช่วยเหลือสำหรับผู้ป่วยที่การทำงานของมือมีความบกพร่อง

แรงบันดาลใจเริ่มแรกของ Chang ต่อการพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้มาจากการที่ภรรยาของเขาดูโทรทัศน์และเจอหุ่นยนต์ที่สามารถทำอาหารได้ “ผมบอกกับเธอว่านั้นเป็นเพียงแค่แอนิเมชันเท่านั้น แต่เธอขอร้องผมและจริงจังกับมันมากจนผมสัญญาว่าจะประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่สามารถทำอาหารได้จริง ๆ ให้กับเรา” Chang กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ไต้หวันจะกลายเป็นสังคมของผู้สูงวัยแบบเต็มขั้นภายในปี 2568 นี้ ดังนั้น Chang จึงตั้งเป้าที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถให้บริการที่จำเป็นต่อผู้สูงอายุได้อย่างหลากหลาย และแน่นอนว่าการทำอาหารและการล้างจานเป็นหนึ่งในความสามารถนั้น

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210204005049/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา
(886)3-5162006
อีเมล: hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย