Category Archives: Technology

JCB และ NTT Com เตรียมสาธิตแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลอเนกประสงค์

Logo

—ฟีเจอร์พิเศษเพียงหนึ่งเดียว1 ที่ให้การรับประกันอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเดิมในเวลาที่กำหนด—

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–08 ตุลาคม 2563

JCB Co., Ltd. ผู้ให้บริการระบบชำระเงินระหว่างประเทศเพียงรายเดียวของญี่ปุ่น และ NTT Communications Corporation (NTT Com) ธุรกิจโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารภายใต้ NTT Group (TOKYO: 9432) ได้ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาจะทำการสาธิตการทดสอบกระเป๋าเงินดิจิทัล JCB Mobile Wallet (อาจมีการเปลี่ยนแปลงชื่อในภายหลัง) ฟีเจอร์พิเศษเพียงหนึ่งเดียว1 ที่ให้การรับประกันอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเดิม ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของ JCB และ NTT Com จะเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ซึ่งจะมีไปจนถึงสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่จะมีการเปิดตัวบริการเชิงพาณิชย์ในญี่ปุ่นและตลาดอื่น ๆ ทั่วทั้งเอเชียในปีถัดไป

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201007006061/en/

JCB Mobile Wallet (tentative name) (Graphic: Business Wire)

กระเป๋าเงินดิจิทัล JCB Mobile Wallet (อาจมีการเปลี่ยนแปลงชื่อภายหลัง) (กราฟิก: Business Wire)

แอปพลิเคชันอเนกประสงค์ที่ให้ผู้ใช้สร้างบัตรเติมเงินเสมือนของแบรนด์ JCB ได้ทันที มาพร้อมบริการต่าง ๆ ที่มากด้วยประโยชน์ ทั้งบริการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด บริการโอนเงินทางมือถือ การตั้งค่าบัญชี และบริการค้นหาร้านค้า JCB จากแผนที่ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักเรียนที่อยู่ในต่างประเทศ นักธุรกิจ และชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น คุณสมบัติต่าง ๆ ของแอปมีดังนี้

  • รองรับสกุลเงินหลากหลาย
    ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินหลักเป็นสกุลเงินอื่นได้ 22 สกุล โดยสามารถเลือกได้ทั้งอัตราแลกเปลี่ยนแบบเรียลไทม์หรืออัตราแลกเปลี่ยนในระยะเวลารับประกัน อัตราในระยะเวลารับประกันเป็นคุณสมบัติพิเศษที่มีให้บริการเฉพาะที่นี่เท่านั้น สกุลเงินใด ๆ ที่ไม่ได้ใช้ภายในสิบสี่วันจะถูกแลกเปลี่ยนกลับในอัตราเดิม
  • มีได้มากกว่าหนึ่งบัญชี
    ลูกค้ากลุ่มครอบครัวและธุรกิจสามารถเปิดใช้บัญชีย่อยได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ปกครองสามารถใส่เงินในบัญชีย่อยของบุตรที่กำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับบัญชีประเภทองค์กร บริษัทสามารถจัดการยอดเงินในบัญชีย่อยเมื่อพนักงานเดินทางไปทำงานในต่างประเทศได้อย่างสะดวก
  • บริการที่หลากหลาย
    บริการต่าง ๆ เช่น บริการสำรองที่นั่งร้านอาหารและบริการจองแท็กซี่จะถูกผูกเข้ากับแอปพลิเคชัน

การสาธิตจะจัดขึ้นเพื่อรับประกันการทำงานและการใช้งานได้จริงของส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (UI) และประสบการณ์ของผู้ใช้ (UX) ของฟังก์ชันและบริการต่าง ๆ ที่พัฒนาโดย JCB และ NTT Com นอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบระบบ Home Currency Anywhere®2 ของ NTT Com ซึ่งทำหน้าที่จัดการข้อมูลสกุลเงินต่างประเทศที่มีการรับประกันอัตราแลกเปลี่ยน3 อย่างครอบคลุมและรวดเร็ว โดยมี API Gateway as a Service4 ของ NTT Com เป็นตัวจัดการ API ของระบบ Home Currency Anywhere® และบริการอื่น ๆ จากส่วนกลาง
แอปพลิเคชันใหม่นี้สามารถใช้ได้กับระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัสผ่านโทรศัพท์มือถือและในสภาพแวดล้อมของระบบชำระเงินในหลายประเภทและภูมิภาคซึ่งใช้เทคโนโลยี Near Field Communication5 และ QR codes รวมถึงมีการเชื่อมต่อกับบัตรเครดิตต่าง ๆ

ในอนาคตจะมีการเพิ่มฟังก์ชันตามแผนที่วางไว้ โดยจะรวมบริการ Wallet Exchange®6 ของ NTT Com เข้าไปเพื่อให้บริการโอนเงินออนไลน์และการจัดการเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้หลายสกุล นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มมาตรการต่าง ๆ เข้าไปเพื่อสร้างความมั่นใจว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลของ JCB สามารถมอบความปลอดภัยที่เข้มแข็งให้กับการทำธุรกรรมของลูกค้าได้

อ้างอิงจากการวิจัยโดย JCB และ NTT Com
Home Currency Anywhere® เป็นบริการโดย NTT Com สำหรับกระจายข้อมูลการแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศในอัตราที่มีการรับประกัน และการทำธุรกรรมผ่านระบบที่มีความปลอดภัย อัตราเงินสกุลต่างประเทศที่มีการรับประกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ๆ ช่วยให้ผู้ใช้ เช่น นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และผู้ที่พำนักในต่างประเทศ สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 
https://www.ntt.com/en/about-us/press-releases/news/article/2019/1112.html
3 การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะดำเนินการโดย M-DAQ Pte. LTD. ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรของ NTT Com โปรดดูรายละเอียดที่ https://www.m-daq.com/
API Gateway as a Service จะจัดการการเชื่อมต่อ API กับบริการอื่น ๆ จากส่วนกลางเพื่อการปรับใช้ที่รวดเร็วและง่ายดายผ่านการเชื่อมต่อ API และรูปแบบข้อมูลของแต่ละบริการ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ntt.com/en/about-us/press-releases/news/article/2017/0614.html
5 Near Field Communications (NFC) เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายมาตรฐานสากลซึ่งกำหนดโดย ISO ว่าเป็นมาตรฐานอินเทอร์เฟซการ์ด IC แบบไม่สัมผัสสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายกับโทรศัพท์มือถือที่ติดตั้งเทคโนโลยี NFC หรือบัตรเครดิตที่รองรับ NFC ในระยะไม่กี่เซนติเมตร
6 Wallet Exchange® เป็นบริการออนไลน์ของ NTT Com ซึ่งใช้ระบบ Home Currency Anywhere® ฝากเงินสกุลต่าง ๆ เข้าบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้สามารถแปลงเงินอิเล็กทรอนิกส์จากสกุลเงินหลักเป็นสกุลเงินต่าง ๆ ได้เมื่อเดินทางต่างประเทศ และสามารถแปลงเงินที่ไม่ได้ใช้กลับมายังสกุลหลักได้ในอัตราแลกเปลี่ยนเดิมภายใน 14 วัน

เกี่ยวกับ JCB

JCB เป็นแบรนด์ระบบชำระเงินขนาดใหญ่ระดับโลก และผู้ออกบัตรเครดิตและรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น JCB เริ่มธุรกิจบัตรในญี่ปุ่นเมื่อปี 2504 และเริ่มขยายไปทั่วโลกในปี 2524 เครือข่ายผู้ให้บริการของแบรนด์ประกอบไปด้วยผู้ค้า 34 ล้านรายทั่วโลก JCB ให้บริการออกบัตรใน 24 ประเทศและอาณาเขตทั่วโลก โดยมีสมาชิกผู้ถือบัตรมากกว่า 140 คน JCB ได้สร้างพันธมิตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตในต่างประเทศ กับธนาคารและสถาบันทางการเงินชั้นนำหลายร้อยแห่งทั่วโลกเพื่อเพิ่มความครอบคลุมของร้านค้าและขยายฐานผู้ถือบัตร ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันระบบชำระเงินแบบครบวงจร JCB มุ่งมั่นที่จะมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองได้รวดเร็วและมีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่: www.global.jcb/en/

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT Communications นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคด้านเทคโนโลยี โดยการช่วยเหลือธุรกิจให้เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมทางด้านไอซีทีของพวกเขาด้วยโซลูชันระบบไอทีพื้นฐานที่มีการจัดการแบบเบ็ดเสร็จ โซลูชันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยระบบโครงสร้างพื้นฐานของเราที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเครือข่ายส่วนตัวชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมในระดับ tier-1 ที่ครอบคลุมทั่วโลก เข้าถึงประเทศ/ภูมิภาคต่าง ๆ มากกว่า 190 จุดหมายปลายทาง และศูนย์กลางข้อมูลที่มีความทันสมัยมากที่สุดของโลกที่มีพื้นที่มากกว่า 500,000 ตรม. ทีมบริการลูกค้ามืออาชีพที่อยู่ทุกมุมโลกของเราคอยให้คำปรึกษาและสถาปัตยกรรมที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ รวมถึงขนาดและความสามารถระดับโลกในการบริการที่เหนือกว่าของเรา และเมื่อรวมเข้ากับ NTT Data, NTT Security, NTT DOCOMO and Dimension Data พวกเราคือ NTT Group
www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201007006061/en/

สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
Kumiko Kida, Ayaka Nakajima
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
JCB Co., Ltd.
+81-3-5778-8353
jcb-pr@jcb.co.jp

Masaki Nomoto, Aoi Funagoshi
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานวางแผนองค์กร
NTT Communications
+81-3-6700-4010
pr-cp@ntt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Meggitt Training Systems ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น InVeris Training Solutions

Logo

ซูวานี  รัฐจอร์เจีย–(BUSINESS WIRE)–7 ต.ค. 2563

Meggitt Training Systems (“ บริษัท ”) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการฝึกซ้อมจริงอาวุธและการฝึกซ้อมอาวุธเสมือนจริงระดับบูรณาการสำหรับลูกค้าทางทหารและหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น InVeris Training Solutions ซึ่งการเปลี่ยนชื่อจะมีผลทันที โดย “InVeris” หมายถึงความเข้าใจและความจริง การเปลี่ยนโฉมแบรนด์สะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจของบริษัทในการยืนอยู่เบื้องหลังชายและหญิงที่กล้าหาญที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีทั่วโลก และเพื่อจัดหาโซลูชันการฝึกอบรมที่ครอบคลุมซึ่งเตรียมให้พวกเขาปฏิบัติงานได้ทันท่วงทีเพื่อปกป้องชุมชนและประเทศที่พวกเขารับใช้อยู่ โดยบริษัทยังคงมีสำนักงานใหญ่ในซูวานี  รัฐจอร์เจีย และเป็นพันธมิตรกับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกที่มีศูนย์ปฏิบัติงานหลายแห่งครอบคลุม 5 ทวีป

“ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการตริตรองอย่างรอบคอบเพื่อทำให้ชื่อและตราสินค้าของเราสอดคล้องกับค่านิยมในการให้บริการด้านความปลอดภัยมากขึ้น” Andrea Czop รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การขายและการตลาดกล่าว “ InVeris หมายถึงความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็น ค่านิยมที่เป็นหัวใจหลักสำหรับลูกค้าของเราและเป็นค่านิยมเราปฏิบัติตามอยู่ทุกวัน ลูกค้าของเราทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ และเรารู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้ให้บริการผู้ที่ทำให้พวกเราปลอดภัยด้วยความเป็นเลิศ เพราะเรารู้ว่าเมื่อลูกค้าของเรามีการเตรียมพร้อมและคนของพวกเขาปลอดภัย พวกเราทุกคนก็ปลอดภัยไปด้วย”

InVeris Training Solutions ได้นำเสนอโลโก้ใหม่ สีขององค์กรใหม่ และเว็บไซต์ InVerisTraining.comในฐานะส่วนหนึ่งของการรีแบรนด์บริษัทครั้งนี้ โดยบริษัทยังคงเป็นเจ้าของแบรนด์ดั้งเดิมอย่าง FATS® และเทคโนโลยี Caswell ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเวทีการสู้รบเสมือนจริงและการฝึกอบรมแบบซ้อมจริง ตามลำดับ

Czop กล่าวต่อว่า“ ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่ช่วงใหม่ของการเติบโตในตลาดสหรัฐฯ และตลาดต่างประเทศ ความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อพนักงาน ลูกค้า และคู่ค้าของเรายังคงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของเรา เราสนับสนุนลูกค้าของเราเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ นวัตกรรมที่พิสูจน์แล้วและการสนับสนุนแบบเฉพาะเจาะจง เราจะทำเช่นนั้นต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อก้าวไปข้างหน้า”

InVeris Training Solutions ผสมผสานวิธีการที่คล่องตัวเข้ากับความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ในเทคโนโลยีการฝึกอบรมเพื่อออกแบบและส่งมอบโซลูชันการฝึกอบรมที่ทันสมัยตามความต้องการซึ่งช่วยให้ลูกค้าทางทหาร หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย และลูกค้าเอกชนและในเชิงพาณิชย์ ได้รับปลอดภัย มีความเตรียมพร้อม และพร้อมให้บริการด้วย Seconds Matter™ บริษัทได้ดำเนินการให้บริการฝึกซ้อมจริงกว่า 15,000 ครั้ง และการฝึกเสมือนจริงกว่า 5,100 ระบบทั่วโลกในประวัติศาสตร์ 90 ปี ของบริษัท นอกจากนี้ยังใช้โครงการฝึกทดลองใช้อาวุธเสมือนจริง (Simulation Training Program of Record for Domestic and International) ในกองทัพต่าง ๆ ทั้งในและระหว่างประเทศ ทั้งนี้โซลูชันการฝึกอบรมขั้นสูงของบริษัทเตรียมพร้อมลูกค้าในกว่า 55 ประเทศเพื่อปกป้องชุมชนที่พวกเขารับใช้อย่างปลอดภัย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ InVerisTraining.com.

เกี่ยวกับ InVeris Training Solutions

InVeris Training Solutions ผสมผสานวิธีการที่คล่องตัวเข้ากับความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ในเทคโนโลยีการฝึกอบรมเพื่อออกแบบและส่งมอบโซลูชันการฝึกอบรมชั้นหนึ่งที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ ซึ่งช่วยให้การทหาร หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย ลูกค้าเอกชนและในเชิงพาณิชย์ปลอดภัย มีความเตรียมพร้อมและพร้อมรับใช้ชาติ อันเป็นผลมาจากการใช้ Seconds Matter™ InVeris Training Solutions เป็นผู้นำระดับโลกในโซลูชันการฝึกอบรมที่ใช้เทคโนโลยีและทีมงานที่มีพนักงานมากกว่า 400 คนที่ขับเคลื่อนระดับนวัตกรรม  โดยการมีบริษัทดั้งเดิมเป็นFATS® และ Caswell ดังนั้น InVeris Training Solutions ได้ดำเนินการให้บริการฝึกซ้อมจริงกว่า 15,000 ครั้งการฝึกเสมือนจริงกว่า 5,100 ระบบทั่วโลกในช่วงประวัติศาสตร์ 90 ปี บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในซูวานี จอร์เจีย และเป็นพันธมิตรกับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกที่มีศูนย์ปฏิบัติงานหลายแห่งครอบคลุม 5 ทวีป

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201007005137/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Michelle Henderson

ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด

InVeris Training Solutions

678-288-1090

michelle.henderson@inveristraining.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

มหาวิทยาลัย NTHU เปิดตัวรังสีแห่งความหวังในการปรับปรุงการรักษาภาวะสมองเสื่อม

Logo

ซินจู๋ ไต้หวัน–(บิสิเนสไวร์)–07 ต.ค. 2563

สาเหตุหนึ่งของโรคเกี่ยวกับระบบประสาทเช่นพาร์คินสันและอัลไซเมอร์คือการกลายเป็นแคลเซียมของฐานนิวเคลียสของสมอง ซึ่งจะปิดกั้นช่องโปรตีนที่เยื่อหุ้มเซลล์สมองและกันการส่งสัญญาณโมเลกุลและสารอาหารไปยังเซลล์  ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์ Sun Yuh-Ju จากสถาบันชีวสารสนเทศศาสตร์และชีววิทยาโครงสร้างซึ่งทำงานร่วมกับห้องปฏิบัติการของ Chwan-Deng Hsiao ที่สถาบันชีววิทยาโมเลกุลของ Academia Sinica ได้ไขปริศนาโครงสร้างโมเลกุลของ “สารลำเลียงฟอสเฟต” และการค้นพบนี้คาดว่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาภาวะสมองเสื่อม  ผลการวิจัยของทีมที่ได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร Science Advances ฉบับเดือนสิงหาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005444/en/

Professor Sun Yuh-Ju of the Institute of Bioinformatics and Structural Biology showing team member Tsai Jia-Yin how to grow a crystal. (Photo: Business Wire)

ศาสตราจารย์ Sun Yuh-Ju จากสถาบันชีวสารสนเทศศาสตร์และชีววิทยาโครงสร้างกำลังสาธิตวิธีการปลูกคริสตัลให้สมาชิกในทีม Tsai Jia-Yin (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ศาสตราจารย์ Sun กล่าวว่าเมมเบรนโปรตีน เช่นตัวรับและส่งสัญญาณและช่องทางทำการส่งสัญญาณและจัดหาพลังงานให้กับเซลล์ จึงมีบทบาทสำคัญมากในการพัฒนายา  ฟอสเฟตทรานสปอร์ตเตอร์มนุษย์ (hPiT) เป็นโปรตีนเมมเบรนที่สำคัญสำหรับการขนส่งฟอสเฟตและโซเดียมไอออนเข้าสู่เซลล์สมอง  แต่การเปลี่ยนแปลงสามารถขัดขวางการขนส่งนี้ ทำให้แคลเซียมฟอสเฟตตกตะกอนบนพื้นผิวของเยื่อหุ้มเซลล์ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่การกลายเป็นแคลเซียมของฐานนิวเคลียส ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทเช่นโรคพาร์คินสันและโรคอัลไซเมอร์

 Sun กล่าวว่าการวิเคราะห์ตัวส่งฟอสเฟตของมนุษย์และการระบุตำแหน่งของตัวแปรของผู้ป่วยมีความสำคัญในการค้นหาวิธีการรักษาภาวะแคลเซียมในสมอง  ขั้นตอนต่อไปคือการร่วมมือกับแพทย์ในการออกแบบยาตามโครงสร้างนี้โดยใช้การคำนวณทางคอมพิวเตอร์และการจำลองในการทำการทดลองเพื่อระบุโมเลกุลเคมีขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูการทำงานปกติของโปรตีนเมมเบรน  Chwan-Deng Hsiao ซึ่งเชี่ยวชาญด้านชีวฟิสิกส์มีบทบาทสำคัญในการวิจัยเชิงนวัตกรรมนี้  หลังจากทีมวิจัยของ Sun วิเคราะห์โครงสร้างสามมิติของตัวลำเลียงฟอสเฟตของมนุษย์ Hsiao ได้ใช้เยื่อหุ้มเซลล์เทียมเพื่อตรวจสอบว่าการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งเป้าหมายจะป้องกันไม่ให้โปรตีนเมมเบรนขนส่งฟอสเฟตได้หรือไม่

ร่างกายมนุษย์มีโปรตีนมากกว่า 30,000 ชนิดซึ่งโปรตีนเมมเบรนเป็นโปรตีนที่สำคัญที่สุดและมีคนเข้าใจน้อยที่สุด  นั่นคือเหตุผลที่ Sun ให้ความสำคัญกับการวิจัยของเธอ โดยใช้เวลา 5 ปีในการวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลของตัวลำเลียงฟอสเฟต

ขั้นตอนแรกในการวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลของโปรตีนเมมเบรนคือการเพาะเลี้ยงผลึกโปรตีนเมมเบรน ผลึกลำเลียงฟอสเฟตของมนุษย์ที่มีขนาดเพียงหนึ่งในสิบของเม็ดงา  Sun กล่าวว่ารูปแบบเชิงมุม ความแวววาว และความโปร่งแสงนี้มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโครงสร้างโมเลกุลซึ่งทำให้ “มีค่าและสวยงามกว่าเพชร”

สมาชิกในทีมที่รับผิดชอบในการปลูกผลึกโปรตีนเมมเบรนคือ Tsai Jia-Yin นักวิจัยหลังปริญญาเอกที่สถาบันชีวสารสนเทศศาสตร์และชีววิทยาโครงสร้างของ NTHU

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005444/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
NTHU
(886) 3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การติดตั้งโซลาร์รูฟที่ทรงพลังที่สุดในโลกเสร็จได้สมบูรณ์และเปิดดำเนินการที่ศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่ทันสมัยของ PVH Europe

Logo

มอบพลังงานเพื่อตอบสนองความต้องการของอาคาร PVH Europe ทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์ โดยความสำเร็จด้านความยั่งยืนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ PVH Corp. ที่มีความมุ่งมั่นในการจัดหาไฟฟ้า 100% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2573

อัมสเตอร์ดัม–(บิสิเนสไวร์)–06 ต.ค. 2563

PVH Europe ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ทั่วโลกของ Tommy Hilfiger และสำนักงานในยุโรปของ Calvin Klein ซึ่งทั้งสองแห่งมีเจ้าของเป็น PVH Corp. [NYSE: PVH] ประกาศการติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟที่คาดว่าทรงพลังที่สุดในโลก*ที่ศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์อันทันสมัยในเวนโล ประเทศเนเธอร์แลนด์  สร้างโดยแผงโซลาร์เซลล์มากกว่า 48,000 แผงหลังคาโซลาร์รูฟครอบคลุมการใช้ไฟฟ้าของศูนย์รวมทั้งให้พลังงานทางอ้อม 100% สำหรับคลังสินค้า สำนักงาน และร้านค้าของ PVH Europe ในเนเธอร์แลนด์ผ่านเครือข่ายไฟฟ้าสาธารณะของเนเธอร์แลนด์  Eneco ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านพลังงานของ PVH Europe ได้รับรองว่าพลังงานทั้งหมดที่จำเป็นในการขับเคลื่อนอาคารเหล่านี้เกิดจากการติดตั้งบนชั้นดาดฟ้าใหม่  ศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์เวลโลเป็นของ Heylen Warehouses ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ของเบลเยียม โดยร่วมทุนกับ AG Real Estate และมี IZEN เป็นพันธมิตรด้านการติดตั้งด้านเทคนิคสำหรับหลังคา

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005513/en/

PVH Europe Warehouse and Logistics Center in Venlo, the Netherlands, Solar roof (Photo: Business Wire)

แผงหลังคาโซลาร์รูฟของศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ PVH Europe ในนเวนโล ประเทศเนเธอร์แลนด์ Solar roof (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการเดินทางของ PVH ในการจัดหาไฟฟ้า 100% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนสำหรับสำนักงาน คลังสินค้า และร้านค้าและเพื่อผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานลง 30% ภายในปี 2573  งานนี้เชื่อมโยงกับเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนตามหลักวิทยาศาสตร์ของ PVH ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอนตามที่กำหนดโดยข้อตกลงปารีส  นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญที่ระบุไว้ใน กลยุทธ์ความรับผิดชอบขององค์กร Forward Fashion ของบริษัทซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบด้านลบให้เป็นศูนย์เพิ่มผลกระทบเชิงบวกถึง 100% และปรับปรุงชีวิตกว่า 1 ล้านคนในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท

ข้อมูลสำคัญ:

  • คลังสินค้าเวนโลเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลักของ PVH Europe ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 110,000 เมตร2
  • ได้รับรางวัลการประเมินความยั่งยืนของ BREEAM (Building Research Establishment Environmental Assessment Method) ระดับ “ดีมาก”
  • โซลาร์รูฟที่ทรงพลังที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิต 18 MWp (เมกะวัตต์สูงสุด)
  • อำนวยความสะดวกด้วยแผงโซลาร์เซลล์ประสิทธิภาพสูงกว่า 48,000 แผง
  • ขับเคลื่อนร้านค้า คลังสินค้า และสำนักงานของ PVH Europe ทั้งหมดในเนเธอร์แลนด์

“นี่เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ของเราในเมืองเวนโลและสำหรับเป้าหมายความยั่งยืนของ PVH ในยุโรป” Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าว “เราได้มีส่วนร่วมในการติดตั้งสิ่งที่เราเชื่อว่เป็นโซลาร์รูฟที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้เต็มรูปแบบที่สุดในโลกซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในความมุ่งมั่นของเราที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573 และลดการปล่อยห่วงโซ่อุปทานลง 30% ภายในปี 2573  สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีทีมงานที่เก่งที่สุดในกลุ่มผู้ร่วมงาน PVH ที่มีความสามารถมีความกระตือรือร้นและความทุ่มเท”

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ 600,000 ชิ้นของ TOMMY HILFIGER และ CALVIN KLEIN จัดจำหน่ายทุกวันจากศูนย์คลังสินค้าและโลจิสติกส์ PVH Europe ในเวนโลไปยังจุดขาย รวมถึงร้านค้าที่ดำเนินการในยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกาและที่ส่งตรงถึงลูกค้า การจัดอันดับที่ดีมากของคลังสินค้าโดย BREEAM ได้รวมเอามาตรฐานที่เป็นแบบอย่างสำหรับพลังงาน น้ำ การขนส่ง วัสดุของเสีย มลพิษ นิเวศวิทยา สุขภาพ และความเป็นอยู่  สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นผ่านการประหยัดพลังงานในพื้นที่ 100% การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง FSC (Forest Stewardship Council) 100% และการรีไซเคิลกระดาษแข็งพลาสติกและสิ่งพิมพ์ทั้งหมด 100%

PVH เป็นสมาชิกของ RE100 ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มด้านไฟฟ้าหมุนเวียนขององค์กรที่นำโดย Climate Group และได้ให้คำมั่นว่า RE100 จะจัดหาไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2573

Sam Kimmins หัวหน้า RE100 ของ Climate Group กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีแก่ PVH ในขั้นสุดท้ายของโครงการโซลาร์รูฟท็อปเวนโล  นี่เป็นอีกก้าวที่น่าตื่นเต้นในการทำงานและความร่วมมือระดับโลกเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 2025 RE100 ของพวกเขา  โดยยกระดับมาตรฐานสำหรับพลังงานหมุนเวียนในสถานที่”

เราเชื่อว่าอาคารโลจิสติกส์จะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นต่อไป” Philippe Deschilder ซีอีโอของ Heylen Warehouses กล่าว “การเป็นพันธมิตรกับ PVH Europe สำหรับโครงการโซลาร์รูฟสนับสนุนความทะเยอทะยานของเราในการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าโดยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์”

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในโลก เราขับเคลื่อนแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้า – เพื่อผลดี  ผลงานแบรนด์ของเราประกอบด้วย CALVIN KLEIN, TOMMY HILFIGER, Van Heusen, IZOD, ARROW, Warner's, Olga และแบรนด์ Geoffrey Beene ตลอดจนแบรนด์เน้นดิจิทัลเป็นศูนย์กลาง True & Co  เราทำจำหนายสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์ที่เป็นเจ้าของและได้รับใบอนุญาตทั้งในและต่างประเทศ  PVH มีผู้ร่วมงานกว่า 40,000 คนที่ดำเนินงานในกว่า 40 ประเทศและมีรายได้ 9.9 พันล้านดอลลาร์ต่อปี  นั่นคือพลังของเรา  นั่นคือพลังของ PVH

ติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagram, Twitter and LinkedIn

เกี่ยวกับ RE100

RE100 เป็นโครงการริเริ่มระดับโลกที่รวบรวมธุรกิจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกซึ่งมุ่งมั่นที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน 100%  นำโดย Climate Group ร่วมกับ CDP กลุ่มนี้มีรายได้รวมกว่า 5.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและดำเนินงานในหลากหลายภาคส่วน  พวกเขาร่วมกันส่งสัญญาณอันทรงพลังให้กับผู้กำหนดนโยบายและนักลงทุนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจที่สะอาด #RE100

* PVH ให้คำจำกัดความของ "หลังคาโซลาร์เซลล์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก" ว่าเป็นหลังคาโซลาร์เซลล์ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันและติดตั้งบนโครงสร้างฐานเดียว

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005513/en/

ติดต่อ:

PVH Europe

Baptiste Blanc, +31 62904 2334
Sr. Director, Global Communications ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารระดับโลก
Baptiste.Blanc@tommy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Blackstone Resources AG ได้ถือหุ้นมูลค่า 30 ล้านสวิสฟรังก์จาก GEM Global

Logo

เมือง BAAR, สวิตเซอร์ลนด์–(BUSINESS WIRE)–6 ต.ค. 2563

Blackstone Resources AG (SWX: BLS) (“ Blackstone”) มีความยินดีที่จะประกาศว่าบริษัท ได้ลงนามในข้อผูกมัดระยะเวลาสามปีกับ GEM Global Yield LLC SCS ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศลักเซมเบิร์ก

ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ Blackstone สามารถใช้เงินได้สูงถึง 30 ล้านฟรังก์ตามดุลยพินิจของบริษัท ภายใต้เงื่อนไขในการแสวงหาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และโลหะแบตเตอรี่ในเชิงพาณิชย์ การระดมทุนดังกล่าวช่วยเร่งการพัฒนาแบตเตอรีที่พิมพ์ในเชิงพาณิชย์ของ Blackstone เพื่อขยายการผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อโรงงานและอุปกรณ์ที่สำคัญในการผลิตและเพื่อพัฒนาการลงทุนโลหะแบตเตอรี่

“ Blackstone เป็นตัวแทนของเทคโนโลยีแบตเตอรี่พิมพ์ 3 มิติแห่งอนาคตที่มีอิเล็กโทรไลต์แบบโซลิดสเตดและที่มีการผลิตจำนวนมาก” Ulrich Ernst ซีอีโอของ Blackstone กล่าว “ การจัดหาเงินทุนนี้ทำให้เราก้าวไปสู่การทำให้วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านการผลิตแบตเตอรี่เพื่อผลิตแบตเตอรี่ที่มีความหนาแน่นมากขึ้นเป็นจริง โดยใช้สายการผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าที่มีอยู่ในตลาด โครงสร้างของข้อตกลงช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นอย่างมากในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของเราในเวลาที่เหมาะสมและคุ้มค่า”

ผ่านการใช้ Share Subscription Facility (SSF) ทาง Blackstone จะออกหุ้นใบสำคัญแสดงสิทธิ 2.5 ล้านหุ้น โดยมีราคาอยู่ที่ 3 สวิสฟรังก์ต่อหุ้น สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถเริ่มการเพิ่มทุนที่จำเป็นได้ตามกำหนด

เกี่ยวกับ GEM

GEM Global Yield LLC SCS (“ GEM”) เป็นกลุ่มการลงทุนทางเลือกมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ที่มีสำนักงานในปารีส นิวยอร์ก และลอสแองเจลิส โดย GEM จัดการชุดเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลายโดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดเกิดใหม่ซึ่งทำให้กรุ๊ปและนักลงทุนมีพอร์ตการลงทุนประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมขอบเขตการลงทุนภาคเอกชนทั่วโลก.

เกี่ยวกับ Blackstone Resources AG

Blackstone Resources AG เป็น บริษัท โฮลดิ้งของสวิสโดยมีภูมิลำเนาตามกฎหมายใน Baar, Kanton Zug และมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีแบตเตอรี่และตลาดโลหะแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังจัดตั้งพัฒนาและบริหารโรงกลั่นที่ใช้สำหรับทองคำและโลหะแบตเตอรี่ บริษัทนำเสนอเทคโนโลยีแบตเตอรี่และการปฏิวัติโลหะแบตเตอรี่ที่ขับเคลื่อนโดยความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการโลหะเหล่านี้ในปริมาณมาก ซึ่งนี่รวมถึงโคบอลต์ แมงกานีส กราไฟต์ นิกเกิล ทองแดงและลิเธียม นอกจากนั้น Blackstone Resources ยังได้เริ่มโครงการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่บนแบตเตอรี่โซลิดสเตตและกระบวนการผลิตของบริษัท

ข้อจำกัดความรับผิดชอบเป็นส่วนหนึ่งของข่าวประชาสัมพันธ์นี้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้อ่านข้อจำกัดความรับผิดชอบเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด http://www.blackstoneresources.ch/investors/disclaimer/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005763/en/

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.blackstoneresources.ch or contact:

Blackstone Resources AG

Mrs. Doris Suta

Blegistrasse 5

CH-6340 Baar

สวิตเซอร์แลนด์

T: +41 41 449 61 63

F: +41 41 449 61 69

info@blackstoneresources.ch

ฝ่ายลงทุนสัมพันธ์

ir@blackstoneresources.ch

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ

media@blackstoneresources.ch

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

PTR Robots เปิดตัวหุ่นยนต์ยกผู้ป่วยแบบเคลื่อนที่ตัวแรกของโลกที่สามารถขนย้ายและฟื้นฟูผู้ป่วยได้

Logo

โดยสามารถขนย้ายและฟื้นฟูผู้ป่วยได้อย่างชาญฉลาด

โอเดนเซ เดนมาร์ก–(บิสิเนสไวร์)–30 ก.ย. 2563

PTR Robots บริษัทหุ่นยนต์บริการของเดนมาร์กประกาศเปิดตัวหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้  PTR Robot ถูกพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเพื่อเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะเคลื่อนที่ตัวแรกที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้อย่างคล่องตัวในภาคการดูแลสุขภาพและการพยาบาล  นอกจากจะช่วยโอนและฟื้นฟูสมรรถภาพบุคคลที่มีความบกพร่องในการเคลื่อนที่แล้ว ยังช่วยลดภาระหนักให้กับพนักงาน  หุ่นยนต์ PTR ยังช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อเนื่องจากใช้ผู้ดูแลเพียงคนเดียวในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

PTR Robots was developed and tested in close collaboration with Zealand University Hospital, and Vonsildhave Nursing Home, operated by the nursing group Attendo. “The testing of PTR Robots really impressed us. We can see interesting perspectives in the way we can assist residents and patients with care and rehabilitation, but there are also interesting perspectives in terms of improving the work environment,” says Søren Andersen, Managing Director, Attendo. (Photo: Business Wire)

PTR Robots ได้ถูกพัฒนาและทดสอบร่วมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนิวซีแลนด์ Zealand University Hospital และสถานพยาบาล Vonsildhave Nursing Home ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มพยาบาล Attendo “เราประทับใจอย่างมากกับผลการทดสอบ PTR Robots ซึ่งเราสามารถเห็นรูปแบบที่น่าสนใจในการช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยและผู้ป่วยด้วยการดูแลและฟื้นฟู  นอกจากนี้ยังมีแง่ของการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน” Søren Andersen กรรมการผู้จัดการ Attendo กล่าว (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ผู้ป่วยติดเตียง 1 ใน 4 รายในโรงพยาบาลทั่วไปไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้และต้องการความช่วยเหลือสำหรับการเคลื่อนที่และพักฟื้น  ความต้องการนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นที่บ้านพักคนชรา จากข้อมูลของ WHO  การบาดเจ็บที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายคิดเป็นหนึ่งในสามของการบาดเจ็บจากการทำงานทั้งหมดของพยาบาล

“สถานพยาบาล โรงพยาบาล และสถาบันหลายแห่งสนใจหุ่นยนต์เคลื่อนย้ายและฟื้นฟูผู้ป่วยของเราเป็นอย่างมาก  หากผู้สูงอายุสะโพกหัก หุ่นยนต์สามารถช่วยให้เขายืนขึ้นได้ทันทีหลังการผ่าตัด  หุ่นยนต์สามารถสนับสนุนผู้ป่วยหลังการผ่าตัดอีกด้วย” Lone Jager Lindquist CEO, PTR Robots กล่าว

หุ่นยนต์ยกผู้ป่วยจาก PTR Robots ออกแบบให้สามารถ 'ย่อขนาด' เพื่อให้พอดีกับทางเข้าประตูธรรมดา ซึ่งหมายความว่าหุ่นยนต์ทำงานได้ดีกว่ารอกเพดานแบบเดิมๆ ในแง่ของความยืดหยุ่น

PTR Robots เป็นบริษัทย่อยของ Blue Ocean Robotics ซึ่งปฏิวัติอุตสาหกรรมหุ่นยนต์บริการผ่านบริษัทย่อยเช่น UVD Robots และ GoBe Robots

“ด้วย PTR Robots เราได้สร้างหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ในด้านการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและการพักฟื้น เช่นเดียวกับ  UVD Robots ของเราในด้านการฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UV” Claus Risager ซีอีโอของ Blue Ocean Robotics และประธานของ คณะกรรมการที่ PTR Robots กล่าว

ขณะนี้ ได้มีการนำหุ่นยนต์ UVD ไปใช้ทั่วโลกในการฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล โรงแรม โรงงานแปรรูปอาหาร ห้องสะอาดในอุตสาหกรรมยา สนามบิน สถานีรถไฟ โรงเรียนอนุบาล และอื่นๆ

เกี่ยวกับ PTR Robots และ Blue Ocean Robotics

PTR Robots เป็นบริษัทในเครือของ Blue Ocean Robotics ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำระดับโลกที่พัฒนาหุ่นยนต์บริการระดับมืออาชีพ  Blue Ocean Robotics มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโอเดนเซ ประเทศเดนมาร์กซึ่งเป็น 'เมืองหลวงของหุ่นยนตร์l' ของยุโรปโดยทางกลุ่มบริษัทพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหุ่นยนต์บริการให้กับภาคการดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว การก่อสร้าง และเกษตรกรรม

ภาพข่าว

รับชมภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52297866/en

ติดต่อ:
Merima Cikotic
Blue Ocean Robotics
mc@blue-ocean-robotics.com 
+45 71-99-56-06

Toshiba เปิดตัวแอมพลิฟายเออร์การทำงาน CMOS ที่ใช้กระแสไฟต่ำเป็นพิเศษซึ่งช่วยให้อุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–29 ก.ย. 2563

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เพิ่ม “TC75S102F” ซึ่งเป็นแอมพลิฟายเออร์ชั้นนำของอุตสาหกรรมตัวใหม่สำหรับการทำงาน CMOS[1]  ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำพิเศษในกลุ่มผลิตภัณฑ์  การจัดส่งเริ่มตั้งแต่วันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200928005236/en/

Toshiba: a new CMOS operational amplifier TC75S102F featuring industry-leading ultra-low current consumption. (Photo: Business Wire)

Toshiba: แอมพลิฟายเออร์ชั้นนำของอุตสาหกรรมรุ่นใหม่สำหรับการทำงาน CMOS, TC75S102F ที่มีการสิ้นเปลืองกระแสไฟต่ำพิเศษ (ภาพ: Business Wire)

แอมพลิฟายเออร์ช่วยเพิ่มสัญญาณที่อ่อนแอจากเซ็นเซอร์และเพื่อรองรับการใช้งานที่ยาวนานขึ้นระหว่างการชาร์จอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่รวมถึงอุปกรณ์ IoT edge และอุปกรณ์พกพา[2] โดยจะต้องให้การใช้กระแสไฟฟ้าที่ต่ำลงด้วย

โตชิบาได้ใช้เทคโนโลยีกระบวนการ CMOS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวงจรของแอมพลิฟายเออร์สำหรับการดำเนินงานใหม่และลดการใช้พลังงานโดยรักษาความปลอดภัยชั้นนำของอุตสาหกรรมการใช้กระแสไฟฟ้าต่ำ[1]   ด้วยแรงดันไฟฟ้าขั้นต่ำ 1.5V อุปกรณ์ใหม่นี้เป็นเครื่องขยายสัญญาณอินพุต/เอาท์พุตแบบฟูลเรนจ์ (Rail-to-Rail input/output) ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อน

การใช้งาน

  • เซ็นเซอร์ต่างๆ[2] ในอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่[3]
  • โมดูล IoT

คุณสมบัติ

  • กระแสไฟฟ้าที่ใช้พลังงานต่ำมาก:
    IDD=0.27μA (typ.) @VDD=1.5V
    IDD=0.35μA (typ.) @VDD=5.0V
  • ช่วงแรงดันไฟฟ้าปฏิบัติการที่กว้าง: VDD-VSS=1.5V to 5.5V
  • อินพุตและเอาท์พุตอย่างเต็มรูปแบบ(Input and output Rail-to-Rail)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น @TA= 25 ° C)

หมายเลขส่วน

ชื่อแพ็กเกจ

(รหัสแพ็กเกจ)

ช่วงการทำงาน

คุณสมบัติทางไฟฟ้า

ตัวอย่างการตรวจสอบและความพร้อม

จ่าย

แรงดันไฟฟ้า

VDD-VSS

@Ta= -40℃

ถึง +105℃

(V)

กระแสจ่ายไฟ

(การใช้กระแส)

IDD

@Ta= -40℃

to +105℃

(μA)

กระแสจ่ายไฟ

(การใช้กระแส)

IDD

(μA)

แรงดันไฟฟ้าอินพุตชดเชย

VIO

max

@VDD=

1.5V

(mV)

ที่มาแรงดันไฟฟ้า

@VDD=

1.5V

(mA)

กระแสซิงค์

Isink

typ.

@VDD=

1.5V

(mA)

ความถี่อัตราขยายเป็นหนึ่ง

fT

typ.

@VDD=

5.0V

(kHz)

typ.

max

typ.

max

TC75S102F

SMV

(SOT-25)

1.5 ถึง 5.5

0.27

0.6

0.27

0.46

1.3

0.6

0.4

0.63

ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ:

[1] ณ วันที่ 28 กันยายน 2563 จากการสำรวจของโตชิบา

[2] รวมถึงพีซี แล็ปท็อป กล้องถ่ายภาพนิ่งดิจิทัล เครื่อง POS แบบใช้มือถือเครื่องนับก้าวเดิน ฯลฯ

[3] เซ็นเซอร์ต่างๆ (ก๊าซ ควัน ฝุ่น คน เซ็นเซอร์ UV และกลิ่น)

ไปที่ลิงก์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TC75S102F

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TC75S102F

ไปที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Operational Amplifier ICs ของ Toshiba

แอมพลิฟายเออร์และเครื่องเปรียบเทียบเชิงปฏิบัติการ

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/linear-ics/operational-amplifiers-and-comparators.html

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์โปรดไปที่:

TC75S102F

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TC75S102F.html

สอบถามสำหรับลูกค้า:

Small Signal Device Sales & Marketing Department  ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก

โทร: + 81-3-3457-3411

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

* ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ผสมผสานความแข็งแกร่งของบริษัทใหม่เข้ากับภูมิปัญญาแห่งประสบการณ์  นับตั้งแต่กลายเป็นบริษัทอิสระในเดือนกรกฎาคม 2560 บริษัท ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกระบบ LSI และ HDD

พนักงาน 24,000 คนทั่วโลกร่วมกันมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุดและเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างมูลค่าและตลาดใหม่  บริษัทตั้งตารอที่จะสร้างยอดขายต่อปีได้ทะลุ 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/ home / 20200928005236 / th /

สอบถามสำหรับสื่อ:

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Digital Marketing Department  แผนกการตลาดดิจิทัล
Chiaki Nagasawa
โทร: + 81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

Mavenir เข้าซื้อ ip.access เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์วิทยุ OpenRAN สำหรับกลุ่ม CSPs และ Enterprise Private Networks

Logo

วิวัฒนาการของ OpenRAN เพิ่ม 2G / 3G ตลอดทั่วทั้ง Single Unified RAN เพื่อรองรับการเข้าถึงเครือข่ายวิทยุ "Multi-G"

เคมบริดจ์, ประเทศอังกฤษ และ ริชาร์ดสัน, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–28 ก.ย. 2563

Mavenir ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการบริการซอฟต์แวร์เครือข่ายคลาวด์เนทีฟแบบ end-to-end สำหรับผู้ให้บริการการสื่อสาร หรือ Communications Service Providers (CSP) ประกาศในวันนี้ว่าได้เข้าซื้อ  ip.access Ltd, ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นเซลล์ขนาดเล็กชั้นนำที่พร้อมใช้งาน 2G, 3G, 4G และ 5G ชั้นนำ การซื้อกิจการครั้งนี้ช่วยขยายความเป็นผู้นำของ Mavenir ในวิทยุ OpenRAN ในสามด้าน:

  • ด้านการเป็นผู้ให้บริการการสื่อสาร: การเพิ่มความสามารถ 2G และ 3G ในพอร์ตโฟลิโอ OpenRAN
  • ด้านองค์กร: การเพิ่มชุดโซลูชันวิทยุสำหรับองค์กรสำหรับข้อเสนอเครือข่ายส่วนตัวของ Mavenir รวมถึงโซลูชันที่ได้รับการรับรองอย่าง OnGo / CBRS
  • เครือข่ายที่ฉีกกฎแบบดั้งเดิม:: ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ชั้นนำของตลาดที่กำหนดโซลูชัน vRAN สำหรับเครือข่ายการบิน การเดินเรือ การควบคุมระยะไกลหรือจากที่ที่ห่างไกลด้วยโซลูชันรุ่นใหม่ในอากาศ บนบก และในทะเล

“ ผู้ให้บริการกำลังมองหาการเปลี่ยนแปลงเครือข่าย 2G / 3G ของพวกเขา ในระหว่างที่พวกเขาย้ายไปสู่ระบบ 4G และ 5G” Pardeep Kohli ประธานและซีอีโอของ Mavenir กล่าว “ เราคาดหวังว่าจะนำเสนอ RAN แบบเดี่ยวที่เป็นเทคโนโลยีการเข้าถึงวิทยุหลายแบบที่ราบรื่นสำหรับผู้ให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากโซลูชันวิทยุขั้นสูงในทุกระดับชั้น”

“ip.access จะนำฐานที่มั่นคงมาสู่ระบบ 2G, 3G และ 4G รวมถึงในพื้นที่องค์กรที่เราเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความเป็นผู้นำในตลาดของ Mavenir” Aniruddho Basu รองประธานอาวุโสและ GM แผนก Emerging Business ของ Mavenir กล่าว “ การรวมทรัพย์สินของเราช่วยเพิ่มข้อเสนอเครือข่าย end-to-end ของเราให้เส้นทางวิวัฒนาการ RAN เดี่ยวแบบ“ Multi-G” สำหรับผู้ให้บริการ และยังสร้างข้อเสนอชั้นนำสู่ตลาดสำหรับตลาดองค์กรเครือข่ายส่วนตัว”

“ สมาชิกจำนวนมากในเครือข่ายและพื้นที่หลายแห่งต้องการบริการ GSM และ 3G ที่มาพร้อม LTE ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดตัว 5G แล้วก็ตาม โซลูชัน OpenRAN และ Enterprise ของ Mavenir ที่รวมกับเทคโนโลยีการเข้าถึงคลื่นหลายคลื่นของ ip.access ทำให้เกิดบริษัทที่สมบูรณ์แบบสำหรับอนาคตนั้น” Richard Staveley ซีอีโอ ip.access กล่าว

Nick Johnson, ผู้ก่อตั้งและ CTO ของ ip.access กล่าวเพิ่มเติมว่า“ CBRS / OnGo ในสหรัฐอเมริกาและโครงการริเริ่มด้านคลื่นความถี่ร่วมกันในยุโรปเป็นโอกาสเพียงไม่กี่ตัวอย่างจากอีกหลากหลายโอกาส และไม่ใช่แค่ในด้านบริการผู้บริโภคอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงเครือข่ายส่วนตัวทางอุตสาหกรรมเครือข่ายกลุ่มปิดที่เป็นมืออาชีพสำหรับการเงิน การดูแลสุขภาพ การพักผ่อน การท่องเที่ยวและอื่น ๆ อีกมากมาย เราหวังว่าจะใช้ประสบการณ์อันยาวนานของเราในเครือข่ายส่วนตัวเพื่อเสริมพอร์ตโฟลิโอที่มีอยู่ของ Mavenir ในการให้บริการฐานลูกค้าที่ขยายตัวอย่างมหาศาลนี้”

ip.access จะดำเนินการเป็นหน่วยธุรกิจภายในกลุ่มธุรกิจที่เกิดใหม่ของ Mavenir และคาดว่าจะพัฒนาการทำงานร่วมกันที่แข็งแกร่งกับ OpenRAN, Cloud Core, Edge และ Analytics ของ Mavenir สำหรับข้อเสนอเครือข่ายแบบ end-to-end ที่น่าสนใจสำหรับทุกเซ็กเมนต์ทั้ง CSP และ Enterprise / Industry โดย ip.access นำเสนอผลงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วโดยมีเครือข่ายถ่ายทอดสดมากกว่า 50 เครือข่ายที่ใช้งานได้ทั่วโลกผ่าน CSP และเครือข่ายส่วนตัวหลายร้อยแห่งสำหรับอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างรายได้จากข้อมูล ความปลอดภัย และการเฝ้าระวังที่สำคัญ ๆ

เกี่ยวกับ ip.access:

ip.access ได้พัฒนาโซลูชันระดับผู้ให้บริการตั้งแต่ปี 2545 และเป็นผู้นำตลาดสำหรับโซลูชัน Small Cell และ Presence Sensor โดยการเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร องค์กรเอกชนและแอปพลิเคชันพิเศษทำการตลาดทั่วโลกด้วยโซลูชันเซลล์ขนาดเล็ก ด้วยประวัติอันยาวนานในการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับโซลูชันและบริการแบบครบวงจร ip.access จะปลดล็อกมูลค่าคลื่นความถี่ที่หลากหลายสำหรับลูกค้าทั่วโลก www.ipaccess.com

เกี่ยวกับ Mavenir:

Mavenir เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เครือข่ายและโซลูชั่น / การผสานรวมระบบคลาวด์แบบ end-to-end ชั้นนำซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเร่งการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายซอฟต์แวร์สำหรับผู้ให้บริการการสื่อสาร หรือ Communications Service Providers (CSP) โดย Mavenir นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ end-to-end ที่ครอบคลุมในทุกชั้นของสแต็กโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย เริ่มจากชั้นแอปพลิเคชัน / บริการ 5G ไปจนถึงแพ็กเก็ตคอร์และ RAN และ Mavenir เป็นผู้นำในโซลูชันระบบเครือข่ายคลาวด์เนทีฟที่พัฒนาขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ที่สร้างสรรค์และปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ปลายทาง การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใน IMS (VoLTE, VoWiFi, การส่งข้อความขั้นสูง หรือ Advanced Messaging (RCS)), เครือข่ายส่วนตัวและ vEPC, 5G Core และ OpenRAN vRAN ทำให้ Mavenir เร่งการเปลี่ยนแปลงด้านเครือข่ายลูกค้า CSP มากกว่า 250 รายในกว่า 120 ประเทศซึ่งถือเป็นการให้บริการมากกว่า 50% ของสมาชิกทั่วโลก

Mavenir รวบรวมสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยและรูปแบบธุรกิจที่ขับเคลื่อนความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และความเร็วในการให้บริการ ด้วยโซลูชันที่ขับเคลื่อนวิวัฒนาการของ NFV เพื่อบรรลุเศรษฐศาสตร์ระดับเว็บ (web-scale economics) อนึ่ง Mavenir นำเสนอโซลูชันเพื่อช่วย CSP ในการลดต้นทุน การสร้างรายได้ และการปกป้องรายได้ www.mavenir.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200928005183/en/

ติดต่อ:

Mavenir:

Maryvonne Tubb/Denise Hogberg

PR@mavenir.com

ip.access:

Emmanuela Spiteri

emmanuela.spiteri@ipaccess.com

GlobalResults PR

Kevin Taylor

Mavenir@globalresultspr.com

MatterNowPR

Loren Guertin

mavenir@matternow.com

การทดสอบสาธิตของ NTT Com เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยี “IDS Connector” ของแพลตฟอร์ม GAIA-X และ SDPF จาก Data Trust®

Logo

  • จะพัฒนาแพลตฟอร์มระดับโลกสำหรับการใช้ข้อมูลข้ามเขตโดยปกป้องสิทธิ์ของผู้ให้บริการข้อมูล –

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–28 ก.ย. 2563

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ไอซีทีและธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายใน NTT Group (TOKYO: 9432) ประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ทางบริษัทจะร่วมมือกับองค์กรวิทยาศาสตร์ข้อมูล International Data Spaces Association (IDSA)1 ในการสาธิตการทดสอบการมีส่วนร่วมในการพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัยระดับโลกในขั้นตอนแรก2 ซึ่งรับประกันความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์มข้อมูลที่สร้างและจัดการในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200927005006/en/

The test environment image (Graphic: Business Wire)

ภาพสภาพแวดล้อมการทดสอบ (กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

สภาพแวดล้อมการทดสอบสำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นความลับสูงปลอดภัยจะรวมถึงการเชื่อมต่อ IDS3, เทคโนโลยีหลักของ GAIA-X4 ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลแบบรวมสำหรับยุโรปและ Things Cloud® ของ NTT Com แพลตฟอร์ม IoT และแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะ (SDPF)5 ซึ่งเป็นผสมผสานด้วยนโยบาย Data Trust®6  นโยบายนี้นอกเหนือจากการประเมินการใช้งานจริงและความสามารถในการใช้งานของโครงสร้างใหม่สำหรับการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงของข้อมูลแต่ละรายการอย่างเหมาะสมตามกฎหมายและสัญญาที่เกี่ยวข้องแล้ว จะทำให้เกิดความกระจ่างใหม่เกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการจัดการข้อมูลระหว่างประเทศ ผลลัพธ์คาดว่าจะนำไปสู่การจัดตั้งแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลระดับโลกที่เชื่อมโยงแพลตฟอร์มข้อมูลท้องถิ่นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างราบรื่น

ในการสาธิตนี้ สภาพแวดล้อมการทดสอบจะถูกสร้างขึ้นเพื่อทดสอบกรณีต่างๆ ของการแบ่งปันข้อมูลระหว่างประเทศ เช่นการตรวจสอบระยะไกลของเครื่องในต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อตรวจสอบการใช้งานจริงและการทำงานของการแบ่งปันข้อมูล  ในขั้นต้น ด้วยความร่วมมือกับ NTT Software Innovation Center7 จะมีการติดตั้ง IDS Connector และ SDPF ในสภาพแวดล้อมการทดสอบในญี่ปุ่นเพื่อทดสอบความสามารถในการทำงานร่วมกันของระบบและการจัดการสิทธิ์การใช้ข้อมูลเฉพาะ จากนั้นสภาพแวดล้อมการทดสอบในญี่ปุ่นจะเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมการทดสอบของ IDSA ในเยอรมนีและสภาพแวดล้อมการทดสอบแยกต่างหากที่ Switzerland Innovation Park Biel/Bienne ไม่แสวงหาผลกำไรของสวิสเซอร์แลนด์8 เพื่อทดสอบการใช้งานจริงและการทำงานของระบบในการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายของ NTT Com

หลังจากนั้น NTT Com จะดำเนินการตรวจสอบและทดสอบเพิ่มเติมโดยใช้ผลการทดสอบปัจจุบันในสภาพแวดล้อมการดำเนินการเพื่อตรวจสอบความสามารถในการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยใช้ IDS Connector  แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลระดับโลกใหม่นี้จะได้รับการพัฒนาร่วมกันโดยบริษัทและองค์กรในญี่ปุ่นและต่างประเทศ  ในขณะเดียวกัน NTT Com จะกำหนดข้อกำหนดที่เป็นรูปธรรมสำหรับแพลตฟอร์มร่วมกับองค์กรและบริษัทต่างๆ ที่ทำงานอยู่ในญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึงความคิดริเริ่มทางหุ่นยนตร์และไอโอที Robot Revolution & Industrial IoT Initiativeในอนาคต NTT Com หวังว่าจะสนับสนุนการกำหนดคุณสมบัติพื้นฐานผ่านความร่วมมือทางวิชาการระหว่างภาครัฐและเอกชน  ท้ายที่สุดแล้ว NTT Com มีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ชาญฉลาดโดยการพัฒนาและจัดหาแพลตฟอร์มสำหรับการแบ่งปันและการใช้งานข้อมูลในวงกว้างทั่วโลก

เทคโนโลยีสำหรับ IoT ปัญญาประดิษฐ์ และการใช้ข้อมูลถูกนำไปใช้มากขึ้นในหลากหลายสาขา เช่นการผลิต โลจิสติกส์ การขนส่ง การดูแลทางการแพทย์ พลังงาน ผังเมือง และรัฐบาล  เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ข้อมูลขั้นสูงแบบหลายจุด จำเป็นต้องมีระบบเพื่อให้แน่ใจว่ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ระหว่างอุตสาหกรรมธุรกิจและประเทศต่างๆ  ในขณะเดียวกันสิทธิ์ของผู้ให้บริการข้อมูลและผู้ใช้จะต้องได้รับการปกป้องและปฏิบัติโดยการจัดการว่าสามารถใช้ข้อมูลเฉพาะได้เมื่อใด ที่ไหน ใคร ทำไม และภายใต้เงื่อนไขใด  ปัจจุบันระบบ กฎหมายและเทคโนโลยีกำลังได้รับการพัฒนาทั่วโลกเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลดังกล่าว  ในที่สุด การแลกเปลี่ยนข้อมูลในธุรกิจระหว่างประเทศอาจต้องการการปฏิบัติตามข้อกำหนดโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศที่เกี่ยวข้อง

1

International Data Spaces Association (IDSA) จากยุโรปได้กำหนดสถาปัตยกรรมอ้างอิงและมาตรฐานที่เป็นทางการเพื่อใช้ในการสร้างและดำเนินการพื้นที่ข้อมูลเสมือน  สถาปัตยกรรม International Data Spaces (IDS) มีพื้นฐานมาจากรูปแบบการกำกับดูแลข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปซึ่งอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนที่ปลอดภัยและการเชื่อมโยงข้อมูลที่ง่ายดายภายในระบบนิเวศทางธุรกิจ  IDSA มีองค์กรสมาชิกมากกว่า 120 องค์กรจาก 21 ประเทศ

2

แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลระดับโลกเป็นฟังก์ชันสำหรับเชื่อมโยงแพลตฟอร์มข้อมูลข้ามพรมแดนเพื่อให้แต่ละประเทศสามารถเผยแพร่ข้อมูลระหว่างประเทศได้อย่างปลอดภัย เป็นธรรม และเหมาะสม และปกป้องทรัพย์สินของชาติและสิทธิมนุษยชน

3

IDS Connector ที่จัดทำโดย IDSA เป็นองค์ประกอบหลักของระบบนิเวศข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัยระหว่างฝ่ายที่เชื่อถือได้  โดยปรับใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน GAIA-X เช่นเดียวกับในระบบคลาวด์บนคอมพิวเตอร์ขอบหรือบนอุปกรณ์ ฯลฯ ที่ส่งและรับข้อมูลมีการตั้งค่าสำหรับจัดการการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะตามกฎหมายและสัญญา

4

GAIA-X เป็นโครงการริเริ่มที่ประกาศโดยรัฐบาลเยอรมันและฝรั่งเศสในเดือนตุลาคม 2562 เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลแบบกระจายอำนาจสำหรับการแบ่งปันและการใช้ข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายข้อมูลของยุโรป

5

Smart Data Platform (SDPF) เป็นแพลตฟอร์มรุ่นต่อไปของ NTT Com ที่มีฟังก์ชั่นครบวงจรแบบครบวงจรสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร (DX)

6

DATA Trust® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Nippon Telegraph and Telephone Corporation (NTT)

7

ศูนย์นวัตกรรมซอฟต์แวร์ NTT เป็นห้องปฏิบัติการของ NTT ที่ทำงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเช่นการเร่งความเร็ว DX โครงสร้างพื้นฐานซอฟต์แวร์ โครงสร้างพื้นฐาน AI และคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ซึ่งกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

8

Switzerland Innovation Park Biel/Bienne เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเอกชนของสวิสที่ดำเนินการและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาประยุกต์ที่เน้นอุตสาหกรรม

9

The Robot Revolution & Industrial IoT Initiative เป็นองค์กรเอกชนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ตามความคิดริเริ่มของรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ IoT อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และอื่นๆ  NTT Com ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยงานเลขานุการของคณะทำงาน Global Data Management Platform Sub-Working group ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2019

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT Communications แก้ปัญหาความท้าทายด้านเทคโนโลยีของโลกโดยช่วยให้องค์กรต่างๆ เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อม ICT ด้วยผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีการจัดการ  โซลูชันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของเราซึ่งรวมถึงเครือข่ายสาธารณะและส่วนตัวระดับ 1 ระดับโลกที่ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศ/ภูมิภาคและมากกว่า 500,000m2 ของศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทีมบริการระดับมืออาชีพระดับโลกของเราให้คำปรึกษาและบริการสถาปัตยกรรมเพื่อความยืดหยุ่นและความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จทางธุรกิจของคุณ โดยขนาดและความสามารถระดับโลกของเราในโลกเทคโนโลยีนั้นไม่มีใครเทียบได้  เมื่อรวมกับ NTT Ltd., NTT Data และ NTT DOCOMO เราคือ NTT Group

www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200927005006/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

Akira Sakaino, Hideaki Niitsuma
Smart Factory Office
Business Planning, Business Solution Division (ฝ่ายวางแผนด้านธุรกิจและผลิตภัณฑ์)
NTT Communications
smart-factory@ntt.com

งาน TIE 2020 จะแสดงเส้นทางสู่อนาคตที่ชาญฉลาดที่ถูกหลอมมาจากโดยความสามารถในการฟื้นตัวของไต้หวัน

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)– 25 กันยายน 2563

ผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด -19 เมื่อเร็ว ๆ นี้ต่อการค้าทั่วโลกและชีวิตประจำวันของเราทำให้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในภาคส่วนต่าง ๆ เกิดการเร่งตัวขึ้น ในขณะเดียวกันสังคมของเรากำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคของ Big Data ไปสู่ Hyper Digitization ดังนั้น เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ เตรียมพร้อมรับมือกับเทรนด์เหล่านี้และการเตรียมตัวสู่โลกหลังการแพร่ระบาดของโควิด งาน Taiwan Innotech Expo (TIE 2020) ในปีนี้จึงเน้นถึงเทคโนโลยีการอยู่อาศัยอัจฉริยะล่าสุดที่สามารถจุดประกายจินตนาการใหม่ ๆ โดยนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการจัดงานให้เป็นงานแสดงสินค้าระดับโลก TIE ยังคงดึงดูดความสนใจจากนานาชาติในด้านความแข็งแกร่งของไต้หวันว่าด้วยการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง งานในปีนี้จะแสดงให้เห็นว่าไต้หวันมีความสามารถในการเผชิญกับวิกฤตโลกและฟื้นตัวคืนได้อย่างไร

พิมพ์เขียวเพื่อโลกที่ดีขึ้นที่พร้อมถูกค้นพบได้ในซุ้มงานสามหัวข้อ

งาน TIE 2020 ที่กำหนดจัดขึ้นที่ Hall 1 ณ Taipei World Trade Center (TWTC) ระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 กันยายน   ได้รับการดูแลร่วมกันโดยหน่วยงานของรัฐ 10 หน่วยงานดังต่อไปนี้คือ กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ, กระทรวงแรงงาน, สภาเกษตร, สภาพัฒนาการแห่งชาติ, สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสถาบันการศึกษาซินิก้า หรือ  Academia Sinica

ด้วยแนวคิด“ Resilient Taiwan, Smarter Future” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ครอบคลุมการจัดงานในครั้งนี้ ผู้จัดงานจึงได้สร้างพาวิลเลียนหรือซุ้มเพื่อจัดงานใน 3 หัวข้อ ได้แก่ สิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก เทคโนโลยีแห่งอนาคต และการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ แนวคิด และเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 รายการ จะถูกจัดแสดงในงานแสดงสินค้าสามวัน การจัดนิทรรศการ การกล่าวสุนทรพจน์นำเสนอประเด็นสำคัญ และการสัมมนาจะถูกถ่ายทอดสดสำหรับผู้ชมจากต่างประเทศ การทัวร์ชมนิทรรศการโดยไกด์จะถูกจัดให้มีขึ้นทั้งในงานและทางรูปแบบออนไลน์ ส่วนอื่น ๆ ของงาน เช่น การให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และการประชุมแบบตัวต่อตัวกับซัพพลายเออร์จะสามารถเข้าถึงได้จากระยะไกลผ่านทางอินเทอร์เน็ต

TIE แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาขององค์กรเอกชน หน่วยงานรัฐบาล สถาบันการศึกษา และหน่วยงานวิจัยของไต้หวัน ไต้หวันกำลังดำเนินการตามนโยบาย New Southbound Policy และกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นโดยการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งในภูมิภาคนี้และความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในท้องถิ่น  เป้าหมายระยะยาวคือการเปลี่ยนเกาะไต้หวันให้เป็นศูนย์กลาง IP ระหว่างประเทศและส่งเสริมเทคโนโลยีภายในประเทศ

ซุ้ม Pioneering Inventions หรือ ซุ้มสิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก ประกาศการมาถึงของ Hyper Digitization

Pioneering Inventions Pavilion หรือซุ้มสิ่งประดิษฐ์ยุคบุกเบิก จะจัดแสดงโซลูชันเทคโนโลยี 105 รายการที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ได้ภายในห้าปีข้างหน้า โดยซุ้ม หรือ พาวิลเลียนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนย่อย ได้แก่ ไฮเปอร์ออโตเมชั่น อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง การรวมโลกความจริงกับโลกเสมือนจริงเข้าไว้ด้วยกัน และเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพใหม่ ๆ โดยโซลูชันที่แสดงในงานนี้จะนำเสนอในลักษณะที่เน้นย้ำถึงบทบาทของตนในด้านการป้องกันประเทศ การป้องกันภัยพิบัติ การคมนาคมในอนาคต และการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ซุ้มนี้ยังมีนิทรรศการที่น่าตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับหุ่นยนต์บริการผ่านประสบการณ์แบบเสมือนจริง หรือ VR แบบอินเทอร์แอคทีฟ และห้องออกกำลังกายอัจฉริยะ ฯลฯ อีกด้วย

ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืนนำเสนอการสำรวจสำหรับอนาคตของมนุษยชาติ

เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของ 4Rs (การออกแบบใหม่ การกู้คืน การลดและการนำกลับมาใช้ใหม่ / รีไซเคิล หรือ redesign, recovery, reduce, and reuse/recycle) นิทรรศการที่ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะจัดแสดงเทคโนโลยีที่อาจนำมาใช้เพื่อสร้างบ้านสีเขียวในอีก 20 ปีข้างหน้า โดย TIE ประจำปีนี้ต้องการนำเสนอระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ช่วยให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยเหตุนี้นิทรรศการที่นี่จึงสะท้อนให้เห็นถึงสี่หัวข้อต่อไปนี้ที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของเรามากขึ้นในอนาคต: การเกษตรสมัยใหม่ เทคโนโลยีพลังงานสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน และความปลอดภัยในที่ทำงาน นอกจากนี้ TIE ยังได้เชิญชวนให้สมาชิกภาคการเกษตรของยุโรปแบ่งปันเทคโนโลยีและประสบการณ์ระดับมืออาชีพที่ซุ้มการพัฒนาอย่างยั่งยืน พวกเขาจะเข้าร่วมการสัมมนาเพื่อหารือเกี่ยวกับการริเริ่มด้านการตลาดร่วมกันและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

ซุ้มเทคโนโลยีแห่งอนาคตเปิดขอบเขตใหม่ในการวิจัยและพัฒนา

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีอิทธิพลสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราในอนาคตและสามารถกำหนดโลกในรูปแบบที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ดังนั้นซุ้มเทคโนโลยีแห่งอนาคตจะแสดงผลการวิจัยและพัฒนาที่สามารถกำหนดทิศทางของภาคเทคโนโลยีในอีก 3-10 ปีข้างหน้า ในการจัดงานซุ้มนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รวบรวมทรัพยากรจำนวนมากและเชิญนักวิชาการจาก Sinica, กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการมาช่วยในความพยายาม การจัดงานแสดงจะเน้นไปที่การดูแลสุขภาพที่แม่นยำถูกต้อง ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ วัสดุใหม่ ๆ รวมไปถึง เทคโนโลยี AI และ AIoT ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้เน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบของไต้หวันในการพัฒนาเทคโนโลยีระดับแนวหน้าและการใช้งานในระดับที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 การจัดแสดงหลายรายการที่นี่จะสามารถดูได้ทางออนไลน์

พื้นที่นานาชาติที่นำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ณ งานแสดง

การระบาดของโรคครั้งใหญ่นำไปสู่การยกเลิกและเลื่อนงานแสดงสินค้าหลายงานทั่วโลก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นสำหรับ TIE 2020 โดยงานนี้จะรวบรวมผู้แสดงสินค้า 69 รายจาก 18 ประเทศ ได้แก่ Corning, Cisco, Microsoft, Logitech, Siemens, Nissan และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศเหล่านี้จะจัดแสดงโซลูชันทางเทคโนโลยี 123 รายการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล อุตสาหกรรม 4.0 หุ่นยนต์เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงาน และการเกษตร

อย่าพลาดฟอรัม IPBC ไต้หวันที่จะจัดขึ้นในช่วงงานนี้

สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและสถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับ IAM (Intellectual Asset Management) เพื่อจัดงานประชุมฟอรัมเสมือนจริง IPBC Taiwan ในช่วงเช้าของวันที่ 25 กันยายน โดยการประชุมในครั้งนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับมูลค่าของสินทรัพย์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่จับต้องไม่ได้ โดยมี Hitachi, Uber และ MediaTek เป็นหนึ่งในผู้นำ IP ระดับโลกที่จะเข้าร่วมการสนทนาออนไลน์และแบ่งปันกลยุทธ์ของพวกเขา ฟอรัมนี้จะออกอากาศภายในสถานที่จัดงาน TIE 2020 บนเวทีหลักในพื้นที่ C ของ TWTC Hall 1 และผู้ชมสามารถติดตามผ่านการสตรีมสด ขอยินดีต้อนรับทุกคนที่ต้องการจะเข้าร่วม

รายละเอียดของงาน

Taiwan Innotech Expo

วันที่: พฤหัสบดีที่ 24 กันยายนถึงวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563

สถานที่: Taipei World Trade Center Exhibition Hall 1 ชั้นล่าง

เว็บไซต์: https://tie.twtm.com.tw/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200923005488/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Ms. Mavis Chuang

โทร: 886-03-591-7862

yh.chuang@itri.org.tw