Category Archives: Technology

Echodyne ขยายตลาดสำหรับ EchoGuard เรดาร์ที่ใช้เทคโนโลยี CUAS ชั้นนำ

Logo

การปฏิบัติตามข้อกำหนด CE, RED และ RoHS3 ช่วยเปิดตลาดยุโรป ส่วนความต้องการของลูกค้าทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และความสามารถใหม่ๆ

ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–23 มิ.ย. 2564

Echodyne บริษัทแพลตฟอร์มเรดาร์ ประกาศในวันนี้ถึงการปรับปรุงในด้านเรดาร์ชั้นนำของอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ โดยการเพิ่มเรดาร์ตัวใหม่สำหรับตลาดต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับการใช้งานประเภทปฏิบัติการพิเศษแบบเรโดม ที่ทนทาน และที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในด้านซอฟต์แวร์และประสิทธิภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ร่วมกันแสดงถึงความก้าวหน้าที่สำคัญต่อเทคโนโลยีเรดาร์ที่ก้าวล้ำอย่าง MESA® ด้วยการมีลูกค้าในด้านการป้องกันประเทศ ความมั่นคงของชาติ และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เรดาร์ Echodyne ได้กลายเป็นองค์ประกอบหลักสำหรับเทคโนโลยี counter-UAS การรักษาความปลอดภัยชายแดน และโซลูชันการเฝ้าระวัง 3D ทั้งที่ฐานและปริมณฑล

ผลิตภัณฑ์และการพัฒนายังรวมถึง:

  • EchoGuard International เรดาร์ EchoGuard ตัวใหม่มีโครงสร้าง RoHS3 และเป็นไปตามข้อกำหนด CE Radio Equipment Directive (RED) สำหรับลูกค้าในสหภาพยุโรป ต่อใบรับรองการตรวจสอบประเภท ตามคำสั่งด้านอุปกรณ์วิทยุของสหภาพยุโรป 2014/53/EU
  • การขยายสเปกตรัม EchoGuard เขตอำนาจศาลหลายแห่งอนุญาตให้ RadioLocation ใช้ได้ที่ 24.05-24.25 GHz และตอนนี้ EchoGuard มีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจัดการกับตลาดเหล่านี้
  • เรโดมที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น เรโดมที่ทนทานออกแบบมาให้ทนต่อแรงกระแทก 1.5 จูลโดยไม่เปลี่ยนแปลงฟอร์มแฟคเตอร์ของเรดาร์
  • Lightweight Deployment Kit (LDK) ด้วยความต้องการของลูกค้าที่พุ่งสูงขึ้นสำหรับระบบน้ำหนักที่เบา LDK ตัวใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับกิจกรรมข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน (ISR) 10 ชั่วโมง รวมถึงเรดาร์ คอมพิวเตอร์ และแบตเตอรี่ ลงในกระเป๋าเป้ทหารที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 20 ปอนด์
  • การอัพเดตเฟิร์มแวร์ เรดาร์ Echodyne ทั้งหมดถูกควบคุมโดยซอฟต์แวร์ และการอัปเดตนี้รวมถึงความเสถียรที่เพิ่มขึ้นและความสะดวกในการใช้งานและการทำงานที่มากขึ้น
  • รูปคลื่นใหม่เหมาะสำหรับความละเอียดที่ความเร็วต่ำ ขับเคลื่อนโดยความต้องการของลูกค้า รูปคลื่นใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจจับและติดตามการเคลื่อนไหวที่ช้ามาก เช่น การเดินแบบไม่เป็นที่สังเกต ที่ระยะทางมากกว่า 1.5 ไมล์
  • การอัปเดต RadarUI เราได้อัปเกรดอินเทอร์เฟซผู้ใช้เรดาร์อย่างมีนัยสำคัญด้วยการสนับสนุนสายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นและการปรับใช้ภาคสนามที่รวดเร็วขึ้นเพื่อให้ทำให้เรดาร์ตรวจจับได้ง่ายขึ้น

Eben Frankenberg ซีอีโอของ Echodyne กล่าวว่า “เรายังคงค้นหาแรงดึงดูดจากลูกค้าที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรดาร์ประสิทธิภาพสูงของเรา และรู้สึกตื่นเต้นที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่และการปรับปรุงเหล่านี้ให้กับครอบครัว EchoGuard “เรดาร์ที่ก้าวล้ำของเราตอนนี้ได้ฝังอยู่ในระบบการรับรู้สถานการณ์และอาวุธขั้นสูง การป้องกันกองกำลัง การเฝ้าระวังปริมณฑล 3 มิติของฐานและปริมณฑลโดยรอบ และการรักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เรากำลังขยายธุรกิจของเราให้ตอบสนองความต้องการและเพื่อเป็นผู้ผลิตเรดาร์ชั้นนำสำหรับการใช้งานด้านการป้องกันและความปลอดภัยในปัจจุบันและอนาคต ยังมีอะไรอีกมากมายที่กำลังจะตามมาและเราตื่นเต้นกับเฟสต่อไปของเรา”

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและข้อกำหนดทางเทคนิค กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ echodyne.com.

เกี่ยวกับ Echodyne

Echodyne, บริษัทแพลตฟอร์มเรดาร์ ออกแบบและส่งมอบเรดาร์ MESA® ขนาดกะทัดรัด โซลิดสเตต ที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตรประสิทธิภาพสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการป้องกัน การรักษาความปลอดภัย การรับรู้ของเครื่องจักร และความเป็นอิสระ เรดาร์อาเรย์ที่สแกนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ราคาไม่แพงของ Echodyne ถูกใช้โดยหน่วยงานรัฐบาล นักพัฒนาอิสระ และผู้รวมระบบความปลอดภัยสำหรับระบบ counter-UAS การรักษาความปลอดภัยชายแดนและปริมณฑล การป้องกันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อากาศยานไร้คนขับ และยานยนต์ไร้คนขับ บริษัทซึ่งทีเอกชนเป็นเจ้าของตั้งอยู่ในเมืองเคิร์กแลนด์ รัฐวอชิงตัน และได้รับการสนับสนุนจาก Bill Gates, NEA, Madrona Venture Group, Vulcan Capital, Vanedge Capital และ Lux Capital เป็นต้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210623005315/en/

ติดต่อ:

John O’Brien

echodyne@strangebrewstrategies.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Grand Prize Winner ประกาศในการแข่งขัน $5M IBM Watson AI XPRIZE

Logo

เทคโนโลยีที่ชนะรางวัลจาก Zzapp Malaria จะแสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถทำงานร่วมกับ AI ในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกได้อย่างไร

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–14 มิถุนายน 2564

XPRIZE ผู้นำระดับโลกในด้านการออกแบบและจัดการแข่งขันเพื่อสร้างแรงจูงใจในการแก้ไขปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และ IBM Watson ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI สำหรับธุรกิจของ IBM วันนี้ประกาศ Grand Prize Winner ในการแข่งขัน $5M IBM Watson AI XPRIZE Challenge การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2559 เป็นการแข่งขันระดับโลกระยะเวลา 5 ปี โดยมุ่งที่จะเร่งการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ และจุดประกายความคิดที่สร้างสรรค์ นวัตกรรม และการสาธิตเทคโนโลยีที่ฮึกหาญ ซึ่งสามารถขยายตัวได้อย่างแท้จริงในการแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของสังคม

ผู้ชนะเลิศอันดับที่หนึ่งคือ Zzapp Malaria อันดับที่สองคือ Aifred Health ตามด้วย Marinus Analytics ผู้แข่งขันที่เข้ารอบสุดท้ายนี้ได้รับเลือกจากกลุ่มผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายหลังจากนำเสนอวิธีแก้ไขปัญหาต่อคณะกรรมการในระหว่างงานที่จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ TED ในนิวยอร์กซิตี้เมื่อปีที่แล้ว รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขันนี้ได้แก่ รางวัลชนะเลิศจะได้รับ 3 ล้านดอลลาร์ รางวัลรองชนะเลิศ 1 ล้านดอลลาร์ และรางวัลอันดับสาม 5 แสนดอลลาร์จะมอบให้กับทีม โดยรวมแล้วมีกว่า 150 ทีมทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

“หลังจากห้าปีของการทำงานที่แสนหนักหน่วงและการอุทิศตน XPRIZE รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศให้ Zzapp Malaria เป็นผู้ชนะรางวัลใหญ่ของ IBM Watson AI XPRIZE” Anousheh Ansari ซีอีโอของ XPRIZE กล่าว “Zzapp Malaria, Aifred Health และ Marinus Analytics อยู่ในระดับแนวหน้า ของความก้าวหน้าของ AI และเราตั้งตารอที่จะได้เห็นผลสะท้อนเชิงบวกที่พวกเขาจะมีต่ออนาคตของเราโดยตรง”

“ผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้งสามทีมของรายการ IBM Watson AI XPRIZE แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่ออานุภาพของ AI ถูกใช้เพื่อจัดการกับสิ่งที่ยากที่สุดในโลก” Daniel Hernandez ผู้จัดการทั่วไปของ IBM Data และ AI กล่าว “มันเป็นแรงบันดาลใจที่ได้เห็นเทคโนโลยี AI ที่เราพัฒนาขึ้นที่ IBM ได้ช่วยให้องค์กรเหล่านี้ตระหนักและขยายโซลูชันเทคโนโลยีที่ดีเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงบวกได้อย่างไร”

จากเมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล Zzapp Malaria มุ่งมั่นที่จะกำจัดโรคมาลาเรีย เทคโนโลยี AI ของทีมมุ่งสู่การเผชิญหน้าในการแก้ปัญหาที่สำคัญในแคมเปญการกำจัดโรคมาลาเรียโดยการสร้างแบบจำลองแบบกำหนดเองด้วยเครื่องมืออย่าง IBM Watson Studio สำหรับ Cloud Pak for Data เพื่อคาดการณ์จำนวนแหล่งน้ำขนาดเล็กที่เกิดจากสภาพอากาศ ทำให้สามารถปรับการคำนวณเวลาได้อย่างเหมาะสมในการจัดการกับลูกน้ำ

  • Marinus Analytics (ตั้งอยู่ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย): บริษัทที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2557 จาก Carnegie Mellon Robotics ซึ่งขับเคลื่อนด้วยภารกิจทางสังคมเพียงภารกิจเดียวในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์ โซลูชัน Traffic Jam ของพวกเขาคือชุดเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยประหยัดวันและเวลาในการสืบสวนหาผู้ค้ามนุษย์และเหยื่อค้ามนุษย์ ด้วยการเปลี่ยนข้อมูลขนาดใหญ่ให้กลายเป็นข่าวกรองที่นำไปใช้ได้จริงอย่างรวดเร็ว Marinus Analytics ได้ใช้ IBM Watson Discovery และ IBM Watson Assistant เพื่อขยายแอปพลิเคชัน Traffic Jam ของพวกเขา ช่วยในการสอบสวนเรื่องการฉ้อโกงทางการเงินและการเคลื่อนย้ายเงินที่ผิดกฎหมายไปยังกลุ่มอาชญากรระหว่างประเทศ
  • Aifred Health (ตั้งอยู่ในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา): บริษัทด้านสุขภาพดิจิทัลมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิกในด้านสุขภาพจิต โดยเริ่มจากโรคซึมเศร้า โซลูชันของทีมใช้ AI ในการเรียนรู้จากผู้ป่วยหลายพันคนเพื่อช่วยในการรักษาแบบเฉพาะตัว ช่วยลดเวลาที่ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษา IBM Watson Health ให้บริการ Aifred Health พร้อมบันทึกข้อมูลภาวะซึมเศร้าจากการสังเกตหลายล้านรายการ เพื่อปรับปรุงต้นแบบ ML ของพวกเขา

ในการตัดสินผู้ชนะนี้ XPRIZE AI ได้เรียกประชุมคณะลูกขุนตัวแทนจากทั่วโลก คณะลูกขุนประเมินแต่ละทีมโดยพิจารณาจากผลงานของพวกเขาใน 4 มิติต่อไปนี้: บรรลุผลกระทบทางเทคนิค พิสูจน์ผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง ความสามารถในการปรับขนาดของผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง และจริยธรรมและความปลอดภัย

ทีมที่ชนะได้รับการประกาศในวันนี้โดยร่วมมือกับ WIRED ระหว่างการสนทนาข้างเตาผิง (fireside chat) AI For Good ของ IBM Watson AI XPRIZE ที่มี Anousheh Ansari ซีอีโอของ XPRIZE และ Seth Dobrin ประธานเจ้าหน้าที่ AI ของ IBM ทั้งสองได้หารือถึงความท้าทายและความสำคัญของ AI สำหรับอนาคตของมนุษยชาติ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับ WIRED XPRIZE ได้เปิดการโหวตสาธารณะสำหรับทีมที่สร้างแรงบันดาลใจมากที่สุด และ Zzapp Malaria ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ คุณสามารถรับชมการสนทนาข้างเตาผิงในรูปแบบเต็มและรับชมเนื้อหาเพิ่มเติมผ่านคอนเทนต์ฮับของ WIRED ที่ลิงก์ไว้ที่นี่

เกี่ยวกับ XPRIZE

XPRIZE องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร 501(c)(3) เป็นผู้นำระดับโลกในการออกแบบและนำรูปแบบการแข่งขันที่เป็นนวัตกรรมไปใช้เพื่อแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก การแข่งขันได้แก่ $100M XPRIZE Carbon Removal, $15M XPRIZE Feed the Next Billion, $10 Million XPRIZE Rainforest, $10 Million ANA Avatar XPRIZE และ $5 Million XPRIZE Rapid Reskilling สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่ xprize.org.

เกี่ยวกับ IBM Watson

Watson เป็นเทคโนโลยี AI ของ IBM สำหรับธุรกิจ ในการช่วยให้องค์กรสามารถคาดการณ์และกำหนดผลลัพธ์ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ทำให้กระบวนการที่ซับซ้อนเป็นแบบอัตโนมัติ และเพิ่มประสิทธิภาพเวลาของพนักงาน Watson ได้พัฒนาจากโครงการวิจัยของ IBM ไปสู่การทดลองในการขยายชุดผลิตภัณฑ์แบบเปิดซึ่งสามารถทำงานได้ทุกที่ ด้วยการมีส่วนร่วมกับลูกค้ามากกว่า 40,000 ราย Watson ได้ถูกนำไปใช้โดยแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้คน หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมกรุณาไปที่: https://www.ibm.com/watson

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210623005848/en/

ติดต่อสื่อ:
Sunshine Sachs
xprize@sunshinesachs.com

Katerina Stamatiou, XPRIZE
prcontact@xprize.org

IBM Watson
Zachery Bishop
zachery.bishop@ibm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Brightcove และ ByteArk นำเสนอสื่อและเทคโนโลยี OTT รูปแบบใหม่ที่เหนือกว่าแก่ลูกค้าในประเทศไทย

Logo

ความร่วมมือครั้งใหม่นี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถมอบประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่นให้กับผู้ชมผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยวิธีที่เชื่อถือได้ ปรับขนาดได้ และปลอดภัย

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–22 มิถุนายน 2564

Brightcove® Inc. (NASDAQ: BCOV) ผู้นำระดับโลกด้านวิดีโอสำหรับธุรกิจ ประกาศความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับ ByteArk ผู้ให้บริการเครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (CDN) ชั้นนำของประเทศไทย ในการสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการใช้วิดีโอเพื่อเชื่อมต่อกับผู้ชมทั่วทุกมุมโลก โดย Brightcove และ ByteArk จะร่วมกันส่งเสริมองค์กรสื่อ เจ้าของเนื้อหาที่ใช้แพลตฟอร์ม OTT (over-the-top) และองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมที่ไร้ที่ติที่สามารถดึงดูดและเข้าถึงผู้ชมผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ในขณะที่รับข้อมูลสำคัญที่แจ้งการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญ

เนื่องจากการใช้วิดีโอกลายเป็นแรงผลักดันสำหรับประสบการณ์และความพึงพอใจของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความร่วมมือทางเทคโนโลยีรูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้ Brightcove และ ByteArk สามารถใช้ประโยชน์ด้วยกันจากเทคโนโลยีและทรัพยากรเพื่อให้บริการที่ดีขึ้นสำหรับฐานลูกค้าวิดีโอที่กำลังเติบโต ความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการปรับขนาด และความปลอดภัยของเทคโนโลยีวิดีโอของ Brightcove เสริมด้วยการประมวลผลประสิทธิภาพสูงของ ByteArk และระบบเว็บที่รองรับการใช้งานจำนวนมาก ตลอดจนเครือข่ายที่กว้างขวางและการเข้าถึงที่กว้างขวาง จะช่วยให้ลูกค้าสามารถนำเสนอสตรีมมิงแบบสดและวิดีทัศน์ตามคำขอ (VOD) คุณภาพสูงได้อย่างราบรื่นให้กับผู้ชมชาวไทยทั่วประเทศ

“วิดีโออยู่ในระดับแนวหน้าของพฤติกรรมการซื้อสินค้า การเรียนรู้ และความบันเทิงในรูปแบบใหม่ และการร่วมมือกับ ByteArk จะมอบโซลูชั่นวิดีโอและ CDN ที่เป็นส่วนตัวและดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกราย ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตามจะอยู่ในเส้นทางการนำวิดีโอไปใช้ได้” Lynn D. Tinney รองประธานฝ่าย Global Partners ของ Brightcove กล่าว “ศักยภาพที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นมากมายสำหรับวิดีโอออนไลน์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการเป็นหุ้นส่วนทางเทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Brightcove ในการลงทุนในภูมิภาคนี้”

“เป็นเวลา 10 ปีที่เราได้นำเสนอเนื้อหาสำหรับผู้ให้บริการโทรทัศน์ระดับแนวหน้าในประเทศไทย เช่นเดียวกับเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ยอดนิยม องค์กรจัดงาน และผู้ให้บริการด้านการศึกษา” สมศักดิ์ ศรีประยูรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัท ByteArk กล่าว “วิดีโอยังคงครอบครองจิตใจและความคิดและเชื่อมโยงผู้คนเมื่อเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีวิดีโอชั้นนำของอุตสาหกรรมของ Brightcove จะช่วยให้เราสามารถให้คำแนะนำที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแก่ผู้ชมของเรา และนำเสนอเนื้อหาวิดีโอที่ดีและเชื่อถือได้ ซึ่งผู้บริโภคจะชื่นชอบในวันนี้และในอนาคต”

เกี่ยวกับ ByteArk

ByteArk เป็นผู้นำตลาดสำหรับ CDN และผู้ให้บริการสตรีมมิงที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เราให้คำปรึกษาและนำเสนอเนื้อหาทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อบริการลูกค้าของคุณทั่วโลก นอกจากนี้เรายังให้บริการที่คุ้มค่าเพื่อตอบสนองความต้องการและสนับสนุนธุรกิจของคุณให้เป็นผู้นำตลาดที่ยั่งยืน พอร์ตโฟลิโอของเรายังรวมถึงการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงและระบบเว็บที่เปิดใช้งานจำนวนมาก และปัจจุบันเราดูแลและพัฒนาระบบสำหรับแอปพลิเคชัน HPC รวมถึงเว็บไซต์ สื่อออนไลน์ เกม และแอปพลิเคชัน

เกี่ยวกับ Brightcove

เมื่อลงมือทำวิดีโออย่างถูกต้องจะสามารถส่งผลที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน เมื่อเปิดใจ ความคิดเปลี่ยน ความคิดสร้างสรรค์ก็งอกงาม ตั้งแต่ปี 2547 Brightcove ได้ช่วยเหลือลูกค้าในการค้นพบและสัมผัสกับพลังอันน่าทึ่งของวิดีโอผ่านเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัล ซึ่งช่วยส่งเสริมศักยภาพให้กับองค์กรในกว่า 70 ประเทศทั่วโลกเพื่อเข้าถึงผู้ชมในรูปแบบที่โดดเด่นและสร้างสรรค์

Brightcove ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ และให้การสนับสนุนลูกค้าโดยไม่มีข้ออ้าง และใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและทรัพยากรของโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก วิดีโอเป็นสื่อที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นที่สุดในโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.brightcove.com วิดีโอที่หมายถึงธุรกิจ™

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210621005827/en/

ติดต่อ:

Brightcove
Meredith Duhaime
mduhaime@brightcove.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

GIGABYTE นำเสนอนวัตกรรมสุดไฮเทคภายใต้แนวคิด “Bring Smart to Life” ในงาน COMPUTEX 2021

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–10 มิถุนายน 2564

GIGABYTE Technology แบรนด์นวัตกรรมคอมพิวเตอร์ชั้นนำ ตอกย้ำความนิยมภายในงาน COMPUTEX โดยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดนิทรรศการออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม “#COMPUTEXVirtual” อันเป็นผลมาจากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 30 มิถุนายน นี้ GIGABYTE ได้แบ่งโซนภายใน “GIGABYTE Pavilion” ออกเป็น 10 ส่วน เพื่อจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่าง ๆ ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวคิด “Bring Smart to Life” โดยผลิตภัณฑ์มีตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเทคโนโลยี 5G ไปจนถึง edge AI computing

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210604005208/en/

GIGABYTE to “Bring Smart to Life” with High-tech Innovations at COMPUTEX 2021 (Photo: Business Wire)

GIGABYTE นำเสนอนวัตกรรมสุดไฮเทคภายใต้แนวคิด “Bring Smart to Life” ในงาน COMPUTEX 2021 (รูปภาพ: Business Wire)

GIGABYTE ได้รับการยอมรับว่ามีพอร์ตโฟลิโอ AMD servers สำหรับงานที่มีความต้องการสูงมากที่สุด และยังได้เตรียมเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับโปรเซสเซอร์ 7nm ไว้อย่างครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งสามารถปลดล็อคประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของระบบประมวลผลถึง 64 คอร์ และ 128 เธรด ได้ และช่วยให้นักพัฒนาและนักวิทยาศาสตร์สามารถรับมือกับความท้าทายในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ HPC และคลาวด์คอมพิวติ้ง ในขณะเดียวกัน GIGABYTE ยังเตรียมนำเสนอ Intel servers ที่มาพร้อมระบบประมวลผล Intel® Xeon® เจเนอเรชันที่ 3 แบบขยายขนาดได้ รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที

นอกจากนี้ยังมี NVIDIA Arm HPC Developer Kit ซึ่งอยู่แถวหน้าของวงการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ โดยระบบดังกล่าวประกอบด้วยระบบประมวลผล Ampere Altra หน่วยประมวลผลกราฟิก NVIDIA A100 Tensor Core สองชุด และหน่วยประมวลผลข้อมูล NVIDIA BlueField®-2 สองชุด ทั้งหมดถูกรวมไว้ในเซิร์ฟเวอร์ GIGABYTE G242 สุดล้ำ นอกจากนี้ GIGABYTE ยังจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ ARM server สี่รายการ โดยทั้งหมดสามารถผสานพลังการทำงานร่วมกับระบบประมวลผล Ampere Altra แบบ 80-core (250W) เพื่อการทำงานอันยอดเยี่ยมทั้งด้านประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และปริมาณ

เมืองอัจฉริยะต่าง ๆ จะได้ประโยชน์ประสิทธิภาพในการประมวลผลของศูนย์ข้อมูลผ่านมาเธอร์บอร์ดระดับอุตสาหกรรมของ GIGABYTE ระบบที่ฝังอยู่ภายใน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ โซลูชันตรวจจับเชิงลึกแบบสามมิติ 3D โซลูชันจดจำภาพ รวมถึงโปรแกรมสำหรับการสอนและการอนุมานโดยใช้เทคโนโลยี AI ที่มีการเรียนรู้เชิงลึก นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ระบบอัตโนมัติในโรงงานสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และโซลูชันค้าปลีกอัจฉริยะ กล่อง ECU ในรถยนต์ และแพลตฟอร์ม AI edge computing และระบบจดจำใบหน้าโดยใช้เทคโนโลยี AI

ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจะได้เพลิดเพลินกับโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมอย่าง AORUS และ AERO โดยในรุ่นนี้ทำงานโดยใช้ระบบประมวลผลตระกูล Tiger Lake-H เจเนอเรชัน 11 ใหม่ล่าสุดจาก Intel ซึ่งจับคู่มากับการ์ดจอตระกูล RTX 30 แบบเต็มกำลัง และจอ 4K OLED นอกจากนี้ยังมีจอ AORUS 4K สำหรับเล่นเกม ซึ่งอัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่จะยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมแนวยุทธวิธีได้อย่างพิเศษ และฟีเจอร์ HDMI 2.1-ready ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับคอนโซลเกมรุ่นใหม่ ๆ อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงระบบ AORUS ระดับเรือธงที่ติดตั้งมาไว้ให้ล่วงหน้าสองชุดในโน้ตบุ๊กสำหรับเล่นเกมรุ่นแรกของโลกที่ประกอบจากโรงงาน โดยใช้ชิ่นส่วนที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน และมีการปรับแต่งและทดสอบเพื่อมอบความเสถียรและประสิทธิภาพในการทำงานอันยอดเยี่ยมตั้งแต่แกะกล่อง

เยี่ยมชม “GIGABYTE Pavilion”
https://virtual.computextaipei.com.tw/area/gigabyte/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210604005208/en/

สื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

หุ่นยนต์ UVD ได้รับเลือกจาก ISS ซึ่งเป็นบริษัทจัดการอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก ให้เป็นผู้จัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้ออัตโนมัติ

Logo

ความร่วมมือครั้งใหม่นี้จะยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยและการปกป้องคุ้มครองในสถานที่ทำงาน เพื่อให้พนักงานสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ

โอเดนเซ่ เดนมาร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 มิ.ย. 2564

Blue Ocean Robotics ผู้ผลิตหุ่นยนต์ UVD สำหรับการฆ่าเชื้อด้วย UV-C แบบอัตโนมัติ ได้ประกาศในวันนี้ว่าได้รับเลือกจาก ISS World Services ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสถานที่ทำงานและประสบการณ์ในที่ทำงานชั้นนำระดับโลก ให้เป็นผู้จัดหาหุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับการฆ่าเชื้อโดยเป็นส่วนหนึ่งของ ข้อเสนอระดับโลกของ ISS

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005504/en/

UVD Robots are helping to ensure outstanding cleaning and disinfection excellence. Unlike many stationary disinfection systems, the UVD Robot is a mobile, fully autonomous robot integrating UV-C light to disinfect against all known bacteria and viruses including Covid-19 not only on surfaces, but the air as well, providing a fully comprehensive infection control and prevention solution. UVD Robots enable facilities to reduce disease transmission by eliminating 99.99 percent of bacteria and viruses in any room. The robots have been rolled out to more than 70 countries worldwide. (Photo: Business Wire)

หุ่นยนต์ UVD ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความเป็นเลิศในการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อโรค หุ่นยนต์ UVD ต่างจากระบบฆ่าเชื้อแบบตั้งอยู่กับที่หลาย ๆ ตัว เพราะเป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่อัตโนมัติที่ทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีการใช้แสง UV-C เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่เป็นที่รู้จักทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Covid-19 ไม่เพียงแต่บนพื้นผิวแต่ยังรวมไปถึงในอากาศอีกด้วย จึงทำให้เครื่องสามารถให้การควบคุมและป้องกันการติดเชื้อแบบครอบคลุมรอบด้าน  หุ่นยนต์ UVD ช่วยให้โรงงานต่าง ๆ ลดการแพร่กระจายของโรคด้วยการกำจัดแบคทีเรียและไวรัสร้อยละ 99.99 ในห้องใด ๆ ก็ได้ ทั้งนี้ หุ่นยนต์ดังกล่าวได้รับการเปิดตัวในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก (ภาพ: Business Wire)

ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ ISS สามารถให้บริการการฆ่าเชื้อในระดับเดียวกับของโรงพยาบาล แก่ลูกค้ากว่า 60,000 ราย ในกว่า 30 ประเทศ ในด้านการดูแลสุขภาพ เภสัชกรรม ชีววิทยาศาสตร์ การธนาคารและบริการทางการเงิน ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต หุ่นยนต์ UVD ช่วยให้โรงงานต่าง ๆ ลดการแพร่กระจายของโรคด้วยการกำจัดแบคทีเรียและไวรัสร้อยละ 99.99 ในห้องใด ๆ

“เมื่อเรากลับไปทำงาน บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องสร้างปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพใหม่อีกครั้ง โดยการนำพนักงานกลับสู่สภาพแวดล้อมการทำงานอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่สูงขึ้น และพวกเขาจำเป็นต้องฟื้นฟูการเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างกัน และการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของสถานที่ทำงานของพนักงาน ฉะนั้นความสามารถในการฆ่าเชื้อ ซึ่งรวมถึงการใช้หุ่นยนต์ UVD จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและสร้างประสิทธิผลสำหรับบริษัทของเราในการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า” Anders Høj ผู้อำนวยการ วิธีการและเทคโนโลยีด้านการทำความสะอาดของ ISS World Services กล่าว

Claus Risager ซีอีโอของ Blue Ocean Robotics ตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับ ISS “หุ่นยนต์ของเรายังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการที่เกิดจากการระบาดใหญ่และเหตุการณ์อื่น ๆ ส่งผลให้การติดเชื้อในสถานที่ทำงานลดลงเป็นอย่างมาก พร้อม ๆ ไปกับการลดการลาป่วยของพนักงาน หุ่นยนต์ UVD มีความสามารถเฉพาะตัวในการตรวจจับ บันทึก และแสดงให้ผู้ใช้เห็นว่ามีการฆ่าเชื้อที่ดีในพื้นที่นั้นเพียงใด ช่วยให้ผู้ใช้ปรับกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วในกรณีจำเป็น ซึ่งคุณลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถพบได้ในหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ UV-C ตัวอื่น ๆ “

เอกสารสำหรับสื่อ

เกี่ยวกับ ISS

ISS ซึ่งเป็นบริษัทจัดการด้านประสบการณ์สถานที่ทำงานและอาคารสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ ให้บริการโซลูชั่นที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น และทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มีประสิทธิผลและสนุกสนานมากขึ้น ทั้งนี้ ISS ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสูงโดยผู้ที่ใส่ใจอย่างแท้จริง เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ issworld.com

เกี่ยวกับ UVD Robots

UVD Robots เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาหุ่นยนต์บริการ Blue Ocean Robotics ซึ่งรวมถึงแบรนด์  GoBe Robots และ PTR Robots โดย Blue Ocean Robotics มีสำนักงานใหญ่ในเดนมาร์ก และเพิ่งได้รับตำแหน่ง ท็อป 10 จากการจัดอันดับ 'Most Innovative Robotics Companies 2021 หรือ บริษัทหุ่นยนต์ที่มีนวัตกรรมมากที่สุดประจำปี 2564' ของ Fast Company

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005504/en/

ติดต่อ:

Camilla Almind Knudsen,

ผู้ประสานงานประชาสัมพันธ์  Blue Ocean Robotics

+45 61 10 02 74

cak@blue-ocean-robotics.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Emerson ฉลองครบรอบ 100 ปีเทคโนโลยี Copeland™ นวัตกรรมระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็น

Logo

เทคโนโลยี Copeland™ ผสมผสาน ‘ความคิดสร้างสรรค์’ กับความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน ในการแก้ปัญหาความท้าทายด้วยความยั่งยืนแก่ลูกค้าทั่วโลก

ฮ่องกง, 17 มิถุนายน 2564 – อิเมอร์สัน (Emerson, NYSE: EMR) ฉลองการครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์ Copeland™ ซึ่งได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านการออกแบบและผลิตคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นที่ประหยัดพลังงานและน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปกป้องสิ่งแวดล้อมทั้งในที่ทำงานและที่พักอาศัย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่สำคัญนี้ ในอีก 12 เดือนข้างหน้า อิเมอร์สันเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของ Copeland™ อย่างต่อเนื่อง และรับมือกับความท้าทายที่สำคัญของอุตสาหกรรม

เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสานต่อนวัตกรรมของ Copeland™  และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาที่สำคัญของลูกค้า อิเมอร์สันได้ลงทุนกว่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการขยายโรงงาน Copeland™ ในเมืองซิดนีย์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา การลงทุนครั้งนี้ครอบคลุมการสร้างห้องปฏิบัติการทางวิศวกรรมใหม่ ขนาด 110,000 ตารางฟุต สำหรับการวิจัยผลิตภัณฑ์ การพัฒนาและการทดสอบคอมเพรสเซอร์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทคโนโลยีที่สำคัญอื่นๆ สำหรับอุตสาหกรรมการทำความร้อน การระบายอากาศ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็น (HVACR) ระดับโลก งานส่วนใหญ่ในห้องปฏิบัติการที่เมืองซิดนีย์จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์ รวมถึงสารทำความเย็น ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีค่าที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนที่ต่ำกว่าเดิม (GWP) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อบังคับด้านประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถตอบโจทย์เชิงการออกแบบของลูกค้า การลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D) และศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ทั่วโลกของอิเมอร์สัน ทั้งในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในอุตสาหกรรมและการใช้งานที่หลากหลาย

นายเจมี่ โฟรดจ์ ประธานบริหารฝ่ายธุรกิจโซลูชันเพื่อการพาณิชย์และที่อยู่อาศัย ของ อิเมอร์สัน กล่าวว่า “แบรนด์ Copeland™  มีมรดกอันน่าภาคภูมิใจและศักยภาพที่แข็งแกร่ง เทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นได้มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์และความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของ Copeland™  อิเมอร์สันจะยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ และอาศัยความเชี่ยวชาญอันยาวนานของเราในอุตสาหกรรมนี้ ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

แบรนด์ Copeland™ กำเนิดขึ้นจากการคิดค้นของนักประดิษฐ์ เอ็ดมันด์ โคปแลนด์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ในปี 1921 เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นผ่านสิ่งประดิษฐ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา เมื่อธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ทรัพย์สินของบริษัทถูกขายและธุรกิจถูกย้ายไปที่เมืองซิดนีย์ รัฐโอไฮโอ ในปี 1937 โดยในเมืองซิดนีย์มีกลุ่มวิศวกรรุ่นใหม่ซึ่งมีวิสัยทัศนด้านธุรกิจ 4 คนของบริษัท ได้เล็งเห็นโอกาสในอนาคต จึงได้ซื้อกิจการและสิทธิบัตรคอมเพรสเซอร์ของบริษัท ต่อมา เมื่ออิเมอร์สันเข้าซื้อกิจการ Copeland™ ในปี 1986 บริษัทยังคงคำนึงถึงจิตวิญญาณขององค์กรและความคิดสร้างสรรค์ที่หลอมรวมโดยผู้ก่อตั้งและผู้บุกเบิกธุรกิจกลุ่มแรกของแบรนด์นี้

อิเมอร์สันได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สโครลคอมเพรสเซอร์ (คอมเพรสเซอร์แบบก้นหอย) รุ่นใหม่ที่ Copeland™ กำลังพัฒนาในช่วงเวลาที่ซื้อกิจการ และในปี 1987 บริษัทก็ได้เปิดตัวสโครลคอมเพรสเซอร์ตัวแรกที่จำหน่ายภายใต้แบรนด์ Copeland™  ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์นี้ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นทั่วโลกด้วยประสิทธิภาพที่สูงและน่าเชื่อถือ นำไปสู่การเปิดตัวสโครลคอมเพรสเซอร์ตระกูลใหม่ของ Copeland™  สำหรับการใช้งานหลากหลาย ตั้งแต่เครื่องปรับอากาศในที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ ไปจนถึงระบบทำความเย็นสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพ รวมถึงคอนเทนเนอร์สำหรับการขนส่งทางทะเล

อิเมอร์สันยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับนวัตกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ Copeland™ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืน ทั้งในด้านประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอนุรักษ์ทรัพยากร นอกจากเหนือจากสโครลคอมเพรสเซอร์จาก Copeland™ แล้ว อิเมอร์สันยังออกแบบ ผลิต และทำการตลาดคอมเพรสเซอร์แบบลกึ่งลูกสูบและแบบลูกสูบของ Copeland™ แบบครบวงจร รวมถึงชุดควบแน่น(Condensing unit)สำหรับการใช้งานทำความเย็นเชิงพาณิชย์ โดยผลิตภัณฑ์ของ Copeland™ จำนวนมากยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ สำหรับตรวจสอบและการป้องกัน การวินิจฉัย การวัดการใช้พลังงาน และความสามารถในการสื่อสารขั้นสูงอีกด้วย

แบรนด์ Copeland™ ยังยืนหยัดที่จะสานต่อเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ ตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละตลาดในภูมิภาค โดยครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบและวิศวกรรม ไปจนถึงการทดสอบและการผลิตขั้นสูงที่ศูนย์นวัตกรรมและโรงงานทั่วโลก

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอมเพรสเซอร์ของ Copeland™ ได้ที่ Emerson.com/Copeland หรือ Emerson.com

เกี่ยวกับ Emerson

Emerson (NYSE: EMR) เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมที่นำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันสำหรับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม การพาณิชย์ และกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรี่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ธุรกิจโซลูชันระบบอัตโนมัติของอิเมอร์สัน (Emerson Automation Solutions) มุ่งสนับสนุนให้ผู้ผลิต ทั้งผู้ผลิตแบบกระบวนการ แบบนับชิ้น และแบบไฮบริด สามารถเพิ่มกำลังการผลิต ปกป้องบุคลากรและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและงบประมาณในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่ธุรกิจโซลูชันเพื่อการพาณิชย์และที่พักอาศัย (Emerson Commercial and Residential Solutions) มุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและสุขภาพของมนุษย์ ปกป้องคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร เพิ่มการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Emerson.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Smiths Medical ออกแจ้งเตือนทั่วโลกเกี่ยวกับการเรียกคืน Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe ที่มีเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงไป

Logo

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–17 มิถุนายน 2564

Smiths Medical ได้ตระหนักถึงรุ่นและรหัสที่เฉพาะเจาะจงและ Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringes ที่อาจแสดงเครื่องหมายกระบอกตวงตรงเส้นเลขคี่ที่เอียงบนกระบอกฉีดยา มีการระบุเครื่องหมายที่เอียงประมาณ 20 องศาขึ้นไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210616005888/en/

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringes skewed graduation marking on the syringe barrel. (Photo: Business Wire)

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe ที่มีเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงไปบนกระบอกฉีดยา (ภาพ: Business Wire)

รุ่นและรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ:

เลขหมายของรุ่น

ชื่อสินค้า

รหัสกำกับสินค้า

4428-1

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe 28Gx1/2” 1CC

4046543 and 4062235

4429-1

Jelco® Hypodermic Needle-Pro® Fixed Needle Insulin Syringe 29Gx1/2” 1CC

4014096, 4031846, 4031845, 4040734, 4043536, 4046545, 4046546, 4062239, 4062240, 4062238 and 4062242

โปรดอ้างอิงเอกสารแนบสำหรับภาพประกอบของการทำเครื่องหมายกระบอกตวงที่เอียงบนกระบอกฉีดยา

จากปัญหานี้ มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับอินซูลินในปริมาณที่ไม่เหมาะสม โดยอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (อาจนำไปสู่ภาวะเลือดเป็นกรด) หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (อาจนำไปสู่อาการชัก) และอาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงหรือถึงแก่ชีวิตได้

Smiths Medical ยังไม่ได้รับรายงานการเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บสาหัสที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้

Smiths Medical ได้ออกใบแจ้งการเรียกคืนและแบบฟอร์มตอบกลับไปยังผู้รับของรุ่นและรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เพื่อแนะนำให้พวกเขาต้องกักกันและส่งคืนผลิตภัณฑ์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

การดำเนินการนี้ได้รับการกำหนดให้เป็นการเรียกคืนประเภท 1 โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)

สภาพแวดล้อมการดูแลสุขภาพที่บ้าน

รหัสกำกับสินค้าสามารถหาดูได้ที่บรรจุภัณฑ์ของกระบอกฉีดยา ห้ามใช้กระบอกฉีดยาที่มีรหัสกำกับสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลควรติดต่อร้านขายยา ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพที่บ้าน หรือสถานพยาบาลที่จัดหากระบอกฉีดยาเพื่อจัดเตรียมการส่งคืนและเปลี่ยนเข็มฉีดยา

ข้อมูลติดต่อของ Smith Medical

ผู้บริโภคที่มีคำถามเกี่ยวกับการเรียกคืนนี้สามารถติดต่อ Smiths Medical ทางโทรศัพท์ได้ที่ 1-(800)-258-5361

ผู้บริโภคสามารถติดต่อ Smiths Medical ทางออนไลน์ได้ที่ https://smiths-medical.custhelp.com

คำถามเฉพาะเกี่ยวกับการเรียกคืนสินค้าโปรดส่งไปที่ fieldactions@smiths-medical.com

การรายงาน FDA MedWatch

สามารถรายงานอาการไม่พึงประสงค์หรือปัญหาด้านคุณภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังโปรแกรม MedWatch ของ FDA โดยช่องทางต่อไปนี้:

  • เว็บไซต์ MedWatch ที่ www.fda.gov/medwatch
  • โทร: 1-800-FDA-1033
  • แฟกซ์: 1-800-FDA-0178
  • ส่งจดหมาย: MedWatch, HF-2, FDA, 5600 Fishers Lane, Rockville, MD 20852

เกี่ยวกับ Smiths Medical

ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางสำหรับตลาดทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การส่งมอบยา การดูแลที่สำคัญและกลุ่มตลาดอุปกรณ์ความปลอดภัย สำหรบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.smiths-medical.com

เกี่ยวกับ Smiths Group

บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่เปิดดำเนินการมาเกือบ 170 ปี โดยนำส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับเทคโนโลยีทางการแพทย์ การรักษาความปลอดภัยและการป้องกันอุตสาหกรรมทั่วไป พลังงานและอวกาศ และตลาดการบินและอวกาศเชิงพาณิชย์ทั่วโลก Smiths Group plc มีพนักงาน 23,000 คนในกว่า 50 ประเทศและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมได้โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.smiths.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210616005888/en/

ติดต่อ:

Doug Shook
619-886-0504
douglas.shook@smiths-medical.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LiveRamp และ Carrefour ร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อนำเสนอการค้าปลีกแห่งยุคอนาคต

Logo

ผู้นำระดับโลกด้านการทำงานร่วมกันของข้อมูลที่เปิดใช้งานความเป็นส่วนตัว ช่วยให้ผู้ค้าปลีกปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และยกระดับความสัมพันธ์ของคู่ค้าซัพพลาย

ซานฟรานซิสโก-(BUSINESS WIRE)–15 มิ.ย. 2564

LiveRamp® (NYSE: RAMP) ประกาศขยายความร่วมมือระดับโลกกับ Carrefour (OTCMKTS: CRERF) เพื่อเปิดใช้งาน การทำงานร่วมกันของข้อมูล ความสามารถในการวิเคราะห์และนวัตกรรมผ่าน Safe Haven ของ LiveRamp ทั้งนี้ การใช้เทคโนโลยีรักษาความเป็นส่วนตัวที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมของ LiveRamp จะทำให้ผู้ค้าปลีก แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค (CPG) และพันธมิตรของ Carrefour สามารถดำเนินการใช้และประสานข้อมูลได้อย่างปลอดภัย เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพในระดับโลก อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ปัจจุบัน Safe Haven มีให้บริการในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย และ Carrefour กำลังขยายตัวไปยังสเปน อิตาลี เบลเยียม โปแลนด์ โรมาเนีย อาร์เจนตินา บราซิล และไต้หวัน อนึ่ง Safe Haven ของ LiveRamp เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยธุรกิจใหม่ที่ Carrefour กำลังเปิดตัวในโอกาสนี้: “Carrefour Links” การเป็นหุ้นส่วนได้รับการประกาศในงานแถลงข่าวที่ปารีสในวันนี้

“LiveRamp จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงของคาร์ฟูร์ให้กลายเป็นผู้ค้าปลีกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลชั้นนำของอุตสาหกรรม” Elodie Perthuisot กรรมการบริหาร E-Commerce, Data and Digital Transformation Carrefour Group กล่าว “เรากำลังส่งมอบคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ด้วยการทำงานร่วมกันมากขึ้นกับ CPG และพันธมิตรผู้ค้าปลีกของเรากับ Carrefour Links เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเป็นพันธมิตรกับ LiveRamp ในการทำงานร่วมกันเพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกและความสามารถใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ให้แก่พันธมิตร CPG ของเราในระดับโลก”

ด้วยการนำเสนอ การเชื่อมต่อข้อมูล และการจัดการข้อมูลประจำตัวในสภาพแวดล้อมที่เป็นกลาง ปลอดภัย และที่ได้รับอนุญาตแล้ว LiveRamp ทำให้วิธีการใช้งานและช่องทางรายได้ใหม่ ๆ เป็นไปได้สำหรับผู้ค้าปลีก ในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนวิธีการทำงานร่วมกับพันธมิตรซัพพลาย ส่วน การใช้ Safe Haven ผ่าน Carrefour Links  ช่วยให้คาร์ฟูร์เป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร CPG ในตลาดต่างประเทศ 9 แห่งผ่านอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อมอบความสามารถในการทำงานร่วมกันด้านข้อมูลที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น ซึ่งรวมถึง:

  • ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น一รายงานแบบครบถ้วนให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญ การจัดการหมวดหมู่ และการวิเคราะห์นักช้อป Safe Haven ยังช่วยมอบความสามารถสำหรับทีมวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อใช้สำหรับแบบจำลองและการเรียนรู้ของเครื่องอีกด้วย
  • การเปิดใช้งานการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลายช่องทาง一เปิดใช้งานแคมเปญ CPG โดยใช้ข้อมูลของ Carrefour ในแพลตฟอร์มโซเชียลและเว็บแบบเปิดและทรัพย์สินที่ Carrefour เป็นเจ้าของและดำเนินการ
  • การวัดที่ดีขึ้น一CPG สามารถเข้าใจผลกระทบของกิจกรรมทางการตลาดที่มีต่อการขายโดยใช้ข้อมูลการค้าปลีกได้ดีขึ้น และผลักดันให้มีการขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ ๆ

“ข้อมูลกำลังเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าทั่วโลก – และCarrefour เป็นผู้นำเทรนด์นี้ด้วยแพลตฟอร์ม Carrefour Links” Warren Jenson ประธาน LiveRamp กล่าว “ด้วยการใช้ LiveRamp Safe Haven แบรนด์ต่าง ๆ และพันธมิตรสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างปลอดภัยเพื่อมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้นและขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจ เราภูมิใจที่ได้เริ่มใช้งานความสามารถที่ก้าวล้ำนี้สำหรับ Carrefour ในเครือข่ายพันธมิตร CPG และในกว่า 9 ประเทศ”

การขยายความร่วมมือของ LiveRamp กับ Carrefour ส่งสัญญาณถึงโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นของ Safe Haven ซึ่งขณะนี้ให้บริการลูกค้ามากกว่า 45 รายในร้านค้าปลีก ร้านขายของชำ CPG เครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านค้าประเภทอื่น ๆ การเข้าซื้อกิจการ DataFleets ล่าสุดของ LiveRamp นำเทคโนโลยีที่ยกระดับความเป็นส่วนตัวชั้นนำของอุตสาหกรรมชิ้นนี้ มาสู่ Safe Haven ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้การควบคุมข้อมูลที่กำหนดค่าได้ Safe Haven ของ LiveRamp ทำให้การทำงานร่วมกันของข้อมูลปลอดภัยและง่ายดายสำหรับลูกค้า โดยไม่ต้องคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคหรือแพลตฟอร์มคลาวด์ที่แต่ละฝ่ายใช้ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูล

“Safe Haven ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานร่วมกันข้ามคลาวด์ ข้ามพันธมิตร และพรมแดน เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม มอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน” Jenson กล่าวต่อ “ในเวลาเพียงหนึ่งปีนับตั้งแต่การประกาศ Safe Haven เราได้รับส่วนแบ่งการตลาด 30% ภายในร้านขายของชำในสหรัฐอเมริกาและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ส่วนในยุโรปกำลังบุกเบิกแนวทางกับ Carrefour และร้านค้าปลีกชั้นนำอื่นๆ โดยในขณะที่เราขยายธุรกิจไปทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะให้บริการมากกว่าร้อยละ 30 ของ CPG ที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลกกว่า 50 ราย  ในขณะนี้”

เยี่ยมชมเว็บไซต์ LiveRamp เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Haven และ Safe Haven สำหรับการค้าปลีก

เกี่ยวกับ Carrefour Group

ด้วยเครือข่ายหลายรูปแบบของร้านค้ากว่า 13,000 แห่งในกว่า 30 ประเทศ Carrefour Group เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกอาหารชั้นนำของโลก Carrefour มียอดขายรวม 78.6 พันล้านยูโรในปี 2020 มีพนักงานมากกว่า 320,000 คนที่ช่วยทำให้คาร์ฟูร์เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการส่งต่ออาหารสำหรับทุกคน โดยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารคุณภาพสูงและราคาไม่แพงได้ทุกวันในทุกสถานที่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.carrefour.com หรือตามเราบน Twitter(@GroupeCarrefour) และ LinkedIn (Carrefour)

เกี่ยวกับ LiveRamp

LiveRamp เป็นแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อข้อมูลชั้นนำสำหรับการใช้ข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนโดยความสามารถในการแก้ไขข้อมูลประจำตัวหลักและเครือข่ายที่ไม่มีใครเทียบได้ LiveRamp ช่วยให้บริษัทและคู่ค้าสามารถเชื่อมต่อ ควบคุม และเปิดใช้งานข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่มีคุณค่ามากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์และเป็นกลางของ LiveRamp มอบความสามารถในการเป็นสถานที่ตั้งแบบครบวงจรหรือ end-to-end สำหรับแบรนด์ เอเจนซี่ และผู้เผยแพร่ชั้นนำของโลก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.LiveRamp.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210615005755/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Michelle Millsap ในนามของ LiveRamp

liveramp@havasformula.com

619-857-2384

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Pony.ai เป็นบริษัทแรกในการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับบนถนนสาธารณะในสหรัฐฯ และจีน

Logo

เริ่มเปิดบริการ Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับเต็มรูปแบบแก่ประชาชนทั่วไปในแคลิฟอร์เนียในปี 2565

ฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–16 มิถุนายน 2564

Pony.ai ซึ่งตั้งอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ เป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติชั้นนำ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เริ่มทดสอบรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบบนถนนสาธารณะทุกวันในเมืองฟรีมอนต์และมิลพีทัส รัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากการประกาศทดสอบรถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบในกวางโจว ประเทศจีนเมื่อไม่นานมานี้แล้ว บริษัทยังเป็นบริษัทแรกที่มีรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบบนถนนสาธารณะของ 3 เมืองใน 2 ประเทศ ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่คึกคักมากที่สุดในโลกอีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210615005458/en/

ความสำเร็จในการเปิดตัวครั้งนี้คือการได้รับใบอนุญาตขับขี่ที่ออกให้ก่อนหน้านี้สำหรับรถยนต์ไร้คนขับจำนวน 6 คันโดยกรมยานยนต์แห่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งให้บริการความสะดวกในพื้นที่ปฏิบัติการรวมกว่า 100 ตารางกิโลเมตร การทดสอบเทคโนโลยีซ้ำไปซ้ำมานับไม่ถ้วนและการประเมินความพร้อมของรถยนต์ไร้คนขับหลายครั้ง ซึ่งดำเนินการโดยทีมงานระดับแนวหน้าได้ตอกย้ำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ในขณะที่เมืองต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ทยอยเปิดพื้นที่ Pony.ai จึงเตรียมการที่จะกลับมาให้บริการ Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับสาธารณะในฤดูร้อนนี้ที่เมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และวางแผนที่จะเปิดตัวบริการไร้คนขับสาธารณะเต็มรูปแบบในปี 2565

James Peng ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Pony.ai กล่าวว่า “การพัฒนาระบบไร้คนขับแบบสมบูรณ์เป็นกุญแจสำคัญเพื่อสร้างความสำเร็จแก่การขับขี่อัตโนมัติ และเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำคัญเพื่อตระหนักถึงวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานของเรา เนื่องจากเรายังคงเดินหน้าเติบโตและเพิ่มขนาดธุรกิจต่อไป เราจึงขยายความรับผิดชอบต่อชุมชน ตั้งแต่บริการจัดส่งแบบไร้การสัมผัสกันตลอดการระบาดใหญ่ของโรค COVID-19 ในแคลิฟอร์เนียเมื่อปีที่แล้ว ไปจนถึงการต่อสู้กับการระบาดใหม่ของ COVID-19 ในกวางโจว”

Pony.ai ได้ร่วมมือกับเมืองฟรีมอนต์มานานกว่าหนึ่งปีเพื่อต่อสู้กับโรค COVID-19 ไม่ว่าจะเป็นบริการจัดส่งชุดอาหารให้กับชุมชนที่อ่อนไหว นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับ Yamibuy ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ในการมอบบริการจัดส่งปลายทางแบบอัตโนมัติและไร้การสัมผัสแก่ผู้อยู่อาศัยในเมืองเออร์ไวน์อีกด้วย

Peng กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในเมืองกวางโจว รถยนต์ไร้คนขับจำนวน 14 คันจะลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ช่วยชีวิต และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แนวหน้าไปยังชุมชนท้องถิ่นทั้งกลางวันและกลางคืน Pony.ai ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมเสมอ และทำให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ”

เกี่ยวกับ Pony.ai

Pony.ai, Inc. (“Pony.ai”) ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานด้านระบบขับขี่อัตโนมัติ เรามุ่งหวังที่จะนำระบบขับขี่ที่ปลอดภัย ยั่งยืน และเข้าถึงได้มาสู่ทั่วโลก เราเชื่อว่าเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติจะทำให้ถนนของเราปลอดภัยแก่นักเดินทางยิ่งขึ้น Pony.ai ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2016 เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีและบริการระบบขับขี่อัตโนมัติทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน โดยนำร่องให้บริการ Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับสาธารณะใน 2 ประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทางการตลาด 5.3 พันล้านดอลลาร์ และนักลงทุนรายใหญ่บางรายของบริษัท ได้แก่ Toyota, Ontario Teachers' Pension Plan, Sequoia Capital China และ IDG Capital Pony.ai ได้จับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ OEM ชั้นนำ เช่น Toyota, Hyundai, GAC Group, FAW Group เป็นต้น

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210615005458/en/

ติดต่อ:

Christine Qing
media@pony.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hisense เพิ่มรายได้จากการขายในยุโรป 113% แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเสริมสร้างความแข่งขันและความสามารถในการทำกำไรในยุโรป

Logo

ชิงเต่า จีน–(บิสิเนสไวร์)–14 มิ.ย. 2564

Hisense ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ UEFA EURO 2020 ฉลองการเปิดตัว EURO 2020 ในอิตาลี  ฟุตบอลเป็นหนึ่งในกิจกรรมชั้นนำของยุโรปและสร้างโอกาสให้ Hisense สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับผู้บริโภคชาวยุโรป  นับตั้งแต่การสนับสนุน UEFA EURO 2016 ผ่านการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาและนวัตกรรมเทคโนโลยี Hisense ได้รับการยอมรับและยกย่องมากมายจากผู้บริโภคชาวยุโรป โดยการรับรู้แบรนด์ได้เพิ่มขึ้น 6%. ในปี 2564 รายได้ของ Hisense ในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น 113% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 355% และ 185% ในตลาดหลัก เช่น โปแลนด์และฝรั่งเศส  Hisense ทุ่มเทให้กับการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยใช้กลยุทธ์เชิงพื้นที่เพื่อรับรองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดที่แตกต่างกันและประสบการณ์ของผลิตภัณฑ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210614005257/en/

Fans can find Hisense Logo on EURO 2020 Festival Tower (Photo: Business Wire)

แฟนๆ สามารถมองเห็นโลโก้ Hisense บนหองาน EURO 2020 (ภาพ: Business Wire)

การจัดการระดับท้องถิ่น

Hisense ได้จัดตั้งสาขาและสำนักงานในเยอรมนี อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศในยุโรปอื่นๆ โดยขยายการขายในท้องถิ่นอย่างแข็งขันโดยร่วมมือกับ Amazon, Euronics, ElectonicPartner, ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ ฯลฯ

นอกจากนี้ Hisense ยังเพิ่มการลงทุนในยุโรปเพื่อปรับปรุงการรับรู้ถึงแบรนด์และเร่งกระบวนการขายกับพื้นที่  ในปี 2564 ตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคม ยอดขาย ULED TV U7 และ ULED TV U8 ในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน และรัสเซีย เพิ่มขึ้น 181% เมื่อเทียบเป็นรายปี และรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 258% เมื่อเทียบเป็นรายปี  เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในท้องถิ่นและเร่งการผลิตผลิตภัณฑ์ Hisense ได้ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลสโลวีเนียและวางแผนที่จะผลิตทีวี 2.5 ล้านเครื่องสำหรับตลาดยุโรปในปี 2564

ผลิตภัณฑ์สำหรับแต่ละท้องถิ่น

โดยทุ่มเทให้กับนวัตกรรมทางเทคนิคและให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอันดับแรก Hisense สร้างผลิตภัณฑ์ที่กำหนดตามความแตกต่างของความต้องการของตลาด เช่น การปรับรอบหมุนของเครื่องซักผ้าจากปกติ 1200 รอบเป็น 1400 รอบสำหรับเครื่องในสหราชอาณาจักรเนื่องจากระดับความชื้นสูงเพื่อให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น

นอกจากการดูแลพฤติกรรมผู้บริโภคแล้ว Hisense ยังปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อตลาดในท้องถิ่นและการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม  จากการวิจัยตลาด เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 และการล็อกดาวน์ ผู้บริโภคชาวยุโรปต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเก็บอาหาร  Hisense จึงได้เปิดตัวตู้เย็น SkyLine ขนาด 2 เมตร ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีขนาดความสูงและปริมาตรที่ใหญ่ขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวยุโรปได้สำเร็จ

การรับสมัครงานในแต่ละพื้นที่

Hisense ยืนหยัดในการจัดการระดับท้องถิ่นโดยจัดตั้งทีมในพื้นที่ เช่น ทีมการขาย การผลิต การขนส่ง การดูแลลูกค้า ผ่านการจัดการโครงการและการอนุมัติงาน  Hisense เชื่อว่าผู้บริหารท้องถิ่นและข้อมูลเชิงลึกจากพนักงานในท้องถิ่นสามารถบูรณาการเข้ากับตลาดได้ดียิ่งขึ้น

โรงงานผลิตโทรทัศน์ในยุโรปของ Hisense มีพนักงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าตั้งแต่เปิดทำการ  โรงงานยังคงจ้างพนักงานในท้องถิ่นเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการดำเนินงานในพื้นที่  “โรงงานผลิตโทรทัศน์ของ Hisense มีส่วนสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคนี้ด้วยการสร้างงานใหม่มากกว่า 700 ตำแหน่ง” รัฐมนตรี Zdravko Počivalšek กล่าว

เมื่อมองไปข้างหน้า ไฮเซนส์จะยังคงทำงานร่วมกับตลาดยุโรปและทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานและพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีคุณภาพสูงสำหรับผู้บริโภคชาวยุโรป

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210614005257/en/

สื่อ:
Lori Luo (ทีมประชาสัมพันธ์ Ogilvy)
อีเมล: lori.luo@ogilvy.com  / HisenseGlobal@ogilvy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย