Category Archives: Technology

eCloudvalley เป็นพันธมิตรที่ปรึกษาของ AWS รายแรกในอาเซียนที่ได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–02 สิงหาคม 2564

eCloudvalley Technology ประกาศว่าบริษัทเป็นพันธมิตรที่ปรึกษา Amazon Web Services (AWS) รายแรกที่ได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency ของอาเซียน

พันธมิตรที่ได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency จะต้องแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการส่งมอบโซลูชันการเรียนรู้ของเครื่องจักร (ML) บนระบบคลาวด์ของ AWS โดยพันธมิตรเหล่านี้เป็นผู้นำเสนอบริการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะทั้งสำหรับกระบวนการทำงานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันจากความชาญฉลาดของเครื่องจักร

การเรียนรู้ของเครื่องจักร ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาที่เติบโตเร็วที่สุดในด้านเทคโนโลยี เป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดแรงงานปัจจุบัน โดยสภาเศรษฐกิจโลกเผยในรายงานประจำปี 2563 ถึงจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของบริษัทที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ ประโยชน์ของการเรียนรู้ของเครื่องจักรนั้นไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากเทคโนโลยีนี้เป็นแพลตฟอร์มเปิดซึ่งให้ผู้ใช้มีสิทธิ์การเข้าถึงแบบควบคุมได้เพื่อเข้าสู่ทรัพยากรต่าง ๆ โดยใช้นโยบายการอนุญาตที่มีความละเอียด ขณะที่สามารถเลือกใช้บริการที่ครอบคลุมทั้งด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล ระบบธุรกิจอัจฉริยะ การประมวลผลแบบกลุ่ม การประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก และการรวบรวมและเตรียมข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ การได้รับสถานะ AWS Machine Learning Competency ทำให้ eCloudvalley สามารถรองรับตลาดที่กำลังเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งกำลังก้าวสู่การนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้

eCloudvalley ประสบความสำเร็จในการช่วยให้บริษัทโซลูชันโฆษณาและผู้พัฒนาคอนเทนต์บนมือถืออย่าง PureTech Global นำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อปรับปรุงรายได้จากการเรียกเก็บเงินอย่างเหมาะสมโดยใช้โมเดลการพยากรณ์ทางอนุกรมเวลาของ Amazon Forecast ซึ่งเป็นบริการแบบครบวงจรที่นำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องจักรมาใช้เพื่อแสดงผลพยากรณ์ที่มีความแม่นยำสูง ช่วยคาดการณ์เวลาที่เหมาะสมสำหรับการส่งการแจ้งต่ออายุให้กับผู้สมัครของ PureTech แต่ละราย eCloudvalley ยังได้ช่วย PureTech Global นำระบบ Amazon Simple Storage Service (Amazon S3) มาใช้จัดเก็บข้อมูลดิบย้อนหลังสำหรับฝึกแบบจำลอง AI ต่าง ๆ และพัฒนาข้อมูลเชิงลึกที่สร้างขึ้นหลังการพยากรณ์ได้สำเร็จ ขณะที่มีการนำบริการ AWS Lambda ซึ่งเป็นบริการการประมวลผลแบบไร้เซิร์ฟเวอร์มาใช้เพื่อจัดเตรียมทรัพยากรในการประมวลผลสำหรับการวิเคราะห์และการพยากรณ์

เราได้ประโยชน์จากการสนับสนุนที่ได้รับจาก AWS และ eCloudvalley และจะยังคงได้รับประโยชน์จากความสามารถด้านระบบคลาวด์ที่มีความก้าวล้ำของ AWS อย่างเช่นการเรียนรู้ของเครื่องจักรต่อไป” - John Lim ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ PureTech Global

AWS ช่วยให้ธุรกิจทั้งระดับสตาร์ทอัพและธุรกิจระดับโลกได้ใช้โซลูชันที่สามารถขยายขนาดได้ ทั้งยังมีความยืดหยุ่นและคุ้มค่า และเพื่อสนับสนุนการผสานรวมและการติดตั้งที่ไร้รอยต่อของโซลูชันต่าง ๆ AWS จึงได้ก่อตั้งโครงการ AWS Competency Program ขึ้นมาเพื่อช่วยลูกค้าค้นหาพันธมิตร AWS ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง

Conor McNamara กรรมการผู้จัดการของ AWS ASEAN กล่าวว่า “วันนี้ธุรกิจต่าง ๆ มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยใช้โซลูชันการเรียนรู้ของเครื่องจักรของ AWS มากกว่าครั้งไหน ๆ และเพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกพันธมิตร AWS ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานมากที่สุด เราจึงได้เริ่มต้นให้บริการ AWS Machine Learning Competency เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการเลือกพันธมิตร AWS ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งและมีผลงานที่ประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ในสาขานี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ eCloudvalley กลายเป็นพันธมิตรที่ปรึกษารายแรกในอาเซียนของ AWS ที่คว้าตำแหน่งนี้มาครองได้ เรามุ่งหวังที่จะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ร่วมกัน และเดินหน้าให้บริการลูกค้าของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปด้วยเทคโนโลยีสำหรับพันธมิตร AWS ที่ทันสมัยและได้รับการทดสอบแล้ว รวมถึงบริการด้านการให้คำปรึกษาอื่น ๆ”

ในปี 2564 eCloudvalley ได้เข้าร่วมโครงการ AWS Managed Service Provider Program ซึ่งช่วยสร้างและสนับสนุนธุรกิจของพวกเขาให้เติบโต eCloudvalley ยังได้รับสถานะ AWS Migration Consulting Competency จากการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการช่วยเหลือให้ลูกค้าระดับองค์กรย้ายแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานแบบเก่ามายัง AWS รวมถึงสถานะ AWS Data and Analytics Competency จากความสำเร็จในการช่วยลูกค้าประเมินและใช้เครื่องมือและแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับการรวบรวม จัดเก็บ ควบคุม และวิเคราะห์ข้อมูลทุกขนาด

eCloudvalley ยังได้รับสถานะ AWS SAP Competency จากประสบการณ์ เครื่องมือ ขั้นตอนการทำงาน และแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับการย้ายหรือเปลี่ยนข้อมูลผ่านโซลูชัน SAP ที่มีการบูรณาการกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริการเหล่านี้จะดึงข้อมูลหลักจากโซลูชัน SAP ที่อยู่บนคลาวด์ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล และนำผลที่ได้ไปช่วยผู้ใช้ในการสร้างขอบข่ายสำหรับการเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล นอกเหนือไปจากการมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างแบบจำลองทางไอทีแบบดั้งเดิมขึ้นใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีไปจนถึงขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งกระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมทางธุรกิจภายในองค์กร ผ่านการนำเสนอบริการแบบบูรณาการแห่งยุคถัดไป ทีม AI/ML ของ eCloudvalley ยังเป็นผู้จัดหาโซลูชันที่มีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งในเรื่องโครงสร้างของแพลตฟอร์มไปจนถึงการออกแบบแผนผัง โมเดลสำหรับการฝึกไปจนถึงการปรับแต่งพารามิเตอร์ และการสัมภาษณ์สถานการณ์ทางธุรกิจไปจนถึงการนำไปใช้และการดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลตั้งแต่ขั้นแรกจนขั้นสุดท้าย

เกี่ยวกับ eCloudvalley

eCloudvalley ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ในฐานะพันธมิตรที่เริ่มต้นพัฒนาโดยใช้ระบบบนคลาวด์ทั้งหมด (born-in-the-cloud partner) ที่เน้นการบริการของ AWS ทั้งหมด และได้เติบโตขึ้นจนมีพนักงานกว่า 400 คน พร้อมขยายธุรกิจไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งในไต้หวัน ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา ภายใต้พันธกิจในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์พัฒนาธุรกิจของลูกค้า eCloudvalley ได้สร้างทีมเจ้าหน้าที่เทคนิคที่มีความเป็นมืออาชีพขึ้นมา และได้รับใบรับรองกว่า 500 ฉบับจาก AWS ทั้งยังให้บริการลูกค้าระดับองค์กรทางด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมาแล้วกว่า 1,000 แห่ง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210801005001/en/

ติดต่อ:

Ratirat Chavanabutvilai
+66 984423915
eCloudvalley Technology
www.ecloudvalley.com/th/
ส่งอีเมลถึงเราที่ info@ecloudvalley.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Circus Social รีแบรนด์เป็น Radarr เพื่อช่วยให้ธุรกิจนำทาง Digital Landscape ของเอเชีย

Logo

• ระบบนิเวศโซเชียลมีเดียที่กว้างใหญ่ของเอเชียต้องการระบบอัจฉริยะใหม่

• ความต้องการข้อมูลเชิงลึกที่คาดการณ์ได้ในการขับเคลื่อนวิวัฒนาการของบริษัท

• การเผยแพร่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและภาษาในภูมิภาคจัดพิมพ์เขียวให้สำหรับโลก

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–2 สิงหาคม 2564

Circus Social บริษัทด้านโซเชียลมีเดียอัจฉริยะได้รีแบรนด์โดยใช้ชื่อว่า Radarr เนื่องจากมีการพัฒนาเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับข้อมูลเชิงลึกดิจิทัลเชิงคาดการณ์ในเอเชีย บริษัทซึ่งเปิดในปี 2555 จะเปิดตัวในชื่อใหม่ อัตลักษณ์ทางภาพ ผลิตภัณฑ์ และเว็บไซต์ในเดือนนี้

การรีแบรนด์สะท้อนให้เห็นถึงนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีโดยใช้เทคโนโลยี AI ข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้า และอัลกอริธึมการทำนายตามภาษาศาสตร์ ซึ่งสแกนการสนทนานับพันล้านครั้งในจักรวาลดิจิทัล ด้วย 2,300 ภาษา ผู้คน 4.5 พันล้านคน 48 ประเทศ และการสนทนาทางสังคมหลายพันล้านครั้งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เอเชียเป็นศูนย์กลางใหม่ของโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตามยังไม่มีเครื่องมือพิเศษใดที่สร้างขึ้นเพื่อควบคุมและติดตามภูมิภาคนี้จนถึงปัจจุบัน ระบบอัจฉริยะในยุคหน้าจำเป็นต้องให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศอย่างต่อเนื่องและคาดการณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ข้อเสนอใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อให้บริการแบรนด์ต่างๆ ในยุคที่มีการเผยแพร่เนื้อหาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแพลตฟอร์มในเอเชียได้เติบโตและการใช้เวลากับโซเชียลมีเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบนิเวศของโซเชียลมีเดียที่สร้างสรรค์และเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วของเอเชียทำให้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ซับซ้อนและท้าทายที่สุดในการนำทางสำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองของภาษาและการติดตามความรู้สึก แต่ยังคงมีคุณค่ามากที่สุดจากมุมมองของข้อมูลเชิงลึก ในขณะที่ digital landscape ที่กระจัดกระจายของภูมิภาคมีวิวัฒนาการ บริษัทต่างๆ กำลังมองหาวิธีที่ดีกว่าในการวิเคราะห์และใช้ข้อมูลที่มีอยู่มากมายทางออนไลน์สำหรับกลยุทธ์ ระบบธุรกิจอัจฉริยะ และข้อมูลเชิงลึกของผู้ชม

Prerna Pant ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Radarr กล่าวว่า “เรากำลังก้าวไปไกลกว่าการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ลูกค้ามีความซับซ้อนมากขึ้นและต้องการให้พันธมิตรที่มี tech stacks ที่เข้าคู่กัน ลูกค้าของเราไม่เพียงแต่ต้องการทราบเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ดิจิทัลแบบเรียลไทม์เท่านั้น พวกเขายังต้องการให้ Radarr เห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อให้พวกเขาสามารถคาดการณ์โอกาสและความท้าทายที่อาจสร้างหรือทำลายธุรกิจของพวกเขา''

Ram Bhamidi ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Radarr อธิบายว่า “แก่นแท้ของข้อเสนอใหม่ของ Radarr คือแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่เจาะลึกลงไปในการสนทนาหลายพันล้านครั้งที่เกิดขึ้นทางออนไลน์เพื่อส่งมอบการตรวจสอบดิจิทัลและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ Bespoke Dashboards ให้ข้อมูลเจาะจงเป้าหมายอัจฉริยะในพื้นที่ที่เลือก อย่างเช่น การตรวจสอบภาวะวิกฤตหรือการจัดการเชิงอิทธิพล ในขณะที่ industry-centric dashboard ในหัวข้อเช่น Crypto และ Gaming ให้มุมมองจากมุมสูงของแนวโน้มที่เกิดขึ้นในภาคส่วนเฉพาะ การช่วยวิเคราะห์และกลั่นกรองข้อมูลอัจฉริยะ คำแนะนำที่ขับเคลื่อนสำหรับแบรนด์ ทำให้พวกเขาสามารถคาดการณ์อนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและดำเนินการอย่างรวดเร็ว”

Pant กล่าวต่อว่า “ลูกค้าต่างชาติของเรามองว่าเอเชียเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและนวัตกรรมโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งระดับโลก เรากำลังมองเห็นแบรนด์ต่างๆ ให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในการทำความเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นที่นี่ในภูมิภาคแล้วสร้างมันออกมา ตรงข้ามกับวิธีการแบบเก่าในการดำเนินกลยุทธ์ของอเมริกาเหนือหรือยุโรปในเอเชีย ความสามารถในการยึดถือการพัฒนาและคาดการณ์แนวโน้มในโลกของโซเชียลมีเดียกำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ และเอเชียอยู่ในระดับแนวหน้าที่การเปลี่ยนแปลงนั้นกำลังเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด''

ครั้งล่าสุด บริษัทในสิงคโปร์และเบงกาลูรูได้ประกาศการระดมทุน Pre-Series A ที่นำโดย Inflection Point Ventures และนักลงทุนรายใหญ่หลายรายจากสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และอินเดีย

เกี่ยวกับ Radarr

Radarr เดิมชื่อ Circus Social เป็นบริษัทด้านโซเชียลและดิจิทัลอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูล Radarr เป็นผู้เชี่ยวชาญในเอเชียแปซิฟิกและการเปลี่ยนลำดับอัลกอริธึมทางภาษาในโซเชียลมีเดีย Radarr ให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงผ่านการตรวจสอบและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์แก่ธุรกิจที่ต้องการทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่มีเดิมพันสูงในแบบเรียลไทม์ โดยแบรนด์ชั้นนำและบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 เป็นพันธมิตรกับ Radarr โดยใช้เครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน เช่น 20/Twenty และ Radarr Command Center เพื่อสำรวจภาษาที่ซับซ้อนในเอเชียแปซิฟิกและ digital landscape ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.radarr.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210801005057/en/

ติดต่อสื่อ:

Radarr
media@radarr.com

Dabria Yiong
Wachsman
Trainee Executive
E: Dabria.Yiong@wachsman.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัว SSD สำหรับขายปลีกใหม่สำหรับพีซีรุ่นแห่งอนาคตและพีซีกระแสหลัก

Logo

Kioxia เปิดตัว SSD สำหรับขายปลีกใหม่สำหรับพีซีรุ่นแห่งอนาคตและพีซีกระแสหลัก

EXCERIA PRO Series นำเสนอเทคโนโลยี PCIe® 4.0 และ EXCERIA G2 Series ให้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นสำหรับ ผู้ที่ชอบการประกอบเอง หรือ  DIY ที่แสวงหาความคุ้มค่า

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 ก.ค. 2564

Kioxia Corporation, ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศเปิดตัวไดรฟ์โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ซีรีส์ใหม่ 2 รุ่น ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในไตรมาสที่สี่ของปี 2564 โดย EXCERIA PRO และ EXCERIA G2 Series เป็นโซลูชันระดับผู้บริโภคล่าสุดของบริษัทสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเป็นแฟนพันธุ์แท้ และผู้สร้างระบบ DIYกระแสหลักในปัจจุบัน  โดย SSD ใหม่ของ Kioxia ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา จะจัดแสดงอ้างอิงที่งาน China Digital Entertainment Expo and Conference (ChinaJoy) ในเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210728006136/en/

Kioxia Corporation: EXCERIA PRO Series and EXCERIA G2 Series SSDs (Graphic: Business Wire)

Kioxia Corporation: EXCERIA PRO Series และ EXCERIA G2 Series SSD (กราฟิก: Business Wire)

ด้วยการใช้อินเทอร์เฟซ PCIe Gen4x4 รุ่นต่อไป EXCERIA PRO Series จึงถูกสร้างขึ้นสำหรับสภาพแวดล้อมพีซีที่มีความต้องการการใช้งานในระดับสูง โดยผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่ล่าสุดนี้จะมอบความเร็วในการอ่านต่อเนื่องสูงสุดมากกว่า 2 เท่า[1] ของ EXCERIA PLUS Series ที่ใช้ PCIe Gen3 ซึ่งมอบประสบการณ์การจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้สร้างเนื้อหา เกมเมอร์ และมืออาชีพอื่น ๆ

นอกจากนี้ Kioxia ยังเปิดตัว EXCERIA G2 Series กระแสหลักที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมประสิทธิภาพและความจุที่อัพเกรด ซีรีย์ SSD ระดับกระแสหลักนี้จะให้ประสิทธิภาพต่อเนื่องมากกว่า 2,000MB/s[1] และความจุสูงสุด 2TB สำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาราคาที่ไม่แพง

ด้วยหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D ของ Kioxia ทำให้ EXCERIA PRO และ EXCERIA G2 Series ใช้ฟอร์มแฟคเตอร์ด้านเดียวประเภท M.2 2280 ที่เหมาะสำหรับทั้งเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก แต่ละซีรีส์ยังสนับสนุนซอฟต์แวร์การจัดการยูทิลิตี้ SSD ของ Kioxia เพื่อช่วยตรวจสอบและบำรุงรักษา SSD ของคุณ

หมายเหตุ

[1] การประมาณการประสิทธิภาพเป็นข้อมูลเบื้องต้นและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนด 1 เมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ 1 กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และ 1 เทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลจะแตกต่างกันไปตามประเทศและภูมิภาค

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมทั้งราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ ถูกต้องแล้วในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560  Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation บริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 ทั้งนี้ Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำ ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและการสร้างคุณค่าสำหรับสังคมผ่านหน่วยความจำ โดย BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728006136/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Toshiba เปิดตัว Arm® Cortex®-M4 ไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับควบคุมมอเตอร์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสูงชิ้นแรกของตระกูล TXZ+TM

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–29 กรกฎาคม 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เริ่มต้นผลิตอุปกรณ์สำหรับควบคุมมอเตอร์กลุ่ม M4K ใหม่เพื่อวางจำหน่าย 12 รายการ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่จัดให้อยู่ในระดับขั้นสูงกลุ่มแรกของตระกูล TXZ+TM และจะเริ่มต้นการผลิตอุปกรณ์ในกลุ่ม M4M อีก 10 รายการในเดือนสิงหาคม 2564 โดยไมโครคอนโทรลเลอร์ของทั้งกลุ่ม M4K และ M4M จะเป็นการผลิตในรูปแบบ 40nm และจัดให้อยู่ภายใต้ซีรีส์ TXZ4A+

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005418/en/

Toshiba: TXZ+ Family Advanced Class, Arm Cortex-M4 Microcontrollers for Motor Control (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ควบคุมมอเตอร์ Arm Cortex-M4 ผลิตภัณฑ์ขั้นสูงจากตระกูล TXZ+ (กราฟิก: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้แกนประมวลผล Arm Cortex-M4 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี FPU ประมวลผลสูงสุดที่ 160MHz ซึ่งผสานเข้ากับวงจรควบคุมมอเตอร์ A-PMD (ตัวขับมอเตอร์ขั้นสูงแบบตั้งโปรแกรมล่วงหน้า) เอ็นโค้ดเดอร์ A-ENC (เอ็นโค้ดเดอร์ขั้นสูง) ขนาด 32 บิต และเครื่องประมวลผลแบบเวกเตอร์ A-VE+ (เครื่องประมวลผลแอดวานซ์เวกเตอร์เอนจิ้นพลัส) อุปกรณ์เหล่านี้มาพร้อมโซลูชันที่เหมาะสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบบไม่มีแปรงถ่าน และตัวควบคุมอินเวอร์เตอร์ขนาด 12 บิต สำหรับแปลงระบบอนาล็อกเป็นดิจิทัลที่มีความเร็วแบบไฮสปีดและความคมชัดแบบไฮเรสโซลูชันสูงสุดสามหน่วย

อุปกรณ์ในกลุ่ม M4K มีระบบ UART, SPI และ I2C เป็นอินเทอร์เฟสสื่อสารโดยทั่วไป ขณะที่กลุ่ม M4M จะมีระบบ CAN ที่เป็นอินเทอร์เฟสสื่อสารเพิ่มเข้ามา โดยทั้งสองกลุ่มมีฟังก์ชันวินิจฉัยการทำงานด้วยตัวเองสำหรับ ROM, RAM, ADC และนาฬิกา ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับการรับรองความปลอดภัยในการทำงาน IEC60730 Class B นอกจากนี้ ทั้งสองกลุ่มยังมีอัตราการใช้กระแสไฟที่ต่ำขณะที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และยังสามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม M4K(2) ตระกูล TXZTM ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

เอกสาร ซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง บอรด์ประเมิน และซอฟต์แวร์ไดร์เวอร์ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมอินเทอร์เฟสของอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันจะจัดมาให้พร้อมกับการจัดส่งชิ้นส่วน เครื่องมือช่วยพัฒนาจะจัดมาให้พร้อมกันเพื่อรองรับความต้องการด้านต่าง ๆ ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรในระบบนิเวศของ Arm ทั่วโลก

คุณสมบัติที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่

  • แกนประมวลผลประสิทธิภาพสูง Arm Cortex-M4 พร้อม FPU สูงสุด 160MHz
  • ฟังก์ชันควบคุมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์ และอินเทอร์เฟสสื่อสาร
  • ฟังก์ชันวินิจฉัยการทำงานด้วยตัวเองเพื่อมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน IEC60730 class B

การใช้งาน

ควบคุมมอเตอร์สำหรับเครื่องใช้ภายในบ้านและอุปกรณ์อุตสาหกรรม
เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า อินเวอร์เตอร์ทั่วไป เครื่องกรองไฟ หุ่นยนต์ และอื่น ๆ

ข้อมูลจำเพาะ

ชื่อซีรีส์/กลุ่มผลิตภัณฑ์

TXZ4A+ series / M4K group / M4M group

แกนประมวลผล CPU

Arm Cortex-M4
‒ หน่วยปกป้องข้อมูล (MPU)
‒ หน่วยคำนวณจำนวนจุดลอยตัว (FPU)

ความถี่ใช้งานสูงสุด

160MHz

วงจรกําเนิดสัญญาณภายใน

10MHz (+/-1%)

หน่วยความจำภายใน

Flash (โค้ด)

128KB/256KB

Flash (ข้อมูล)

32KB

RAM

24KB

พอร์ต I/O

31 ถึง 87

การอินเตอร์รัพท์ภายนอก

10 ถึง 20

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

1 หน่วย

ฟังก์ชันควบคุมเวลา

32-bit timer : 6
(สามารถใช้รูปแบบ 16-bit timer : 12 ได้)

ฟังก์ชันสื่อสาร

UART

3 ถึง 4 ช่อง

I2C

1 ถึง 2 ช่อง

TSPI

1 ถึง 2 ช่อง

CAN

1 ช่อง (เฉพาะในกลุ่ม M4M เท่านั้น)

ฟังก์ชันการทำงาน

แบบอนาล็อก

12-bit AD converter

อินพุต 8 ถึง 22 ช่อง

Op-Amp

3 ช่อง

อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน

Encoder input (A-ENC)

0 ถึง 3 ช่อง

Motor control (A-PMD)

3 ช่อง (1 ช่องใน LQFP44)

Vector engine (A-VE+)

1 ช่อง

ฟังก์ชันของระบบ

Watchdog timer (WDT)

1 ช่อง

ฟังก์ชันแก้ไขจุดบกพร้องในชิป

Serial Wire
(JTAG/TRACE/NBDIF สามารถใช้กับผลิตภัณฑ์แบบ 100 ขาได้)

แรงดันไฟเมื่อใช้งาน

2.7 ถึง 5.5V, จ่ายไฟจากแหล่งจ่ายไฟเดียว

แพ็คเกจ / ขา

LQFP100 (14มม. x 14มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
QFP100 (14มม. x 20มม. ระยะพิชต์ 0.65มม.)
LQFP80 (12มม. x 12มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
LQFP64 (10มม. x 10มม. ระยะพิชต์ 0.5มม.)
LQFP64 (14มม. x 14มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
LQFP44 (10มม. x 10มม. ระยะพิชต์ 0.8มม.)
(LQFP44 สำหรับกลุ่ม M4K เท่านั้น)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers/txz4aplus-series.html

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers.html

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือทั่วโลก
* TXZ+™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ MCU และอุปกรณ์ดิจิทัล
โทร: +81-3-3457-2913
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (TDSC) ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวมรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 22,000 คนจากทั่วโลกของTDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 7.1 แสนล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TDSC ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210728005418/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch นำพาการศึกษาการผลิตไฮโดรเจน ณ จุดใช้งานสำหรับเชื้อเพลิงรถยนต์

Logo

ศักยภาพการลดคาร์บอนของการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจายมีส่วนสำคัญในอนาคตของอุตสาหกรรมการขนส่ง

โอเวอร์แลนด์พาร์ค แคนซัส–(บิสิเนสไวร์)–29 ก.ค. 2564

บริษัทปัญญาประดิษฐ์ Empati ได้มอบหมายให้ Black & Veatch ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้การผลิตไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจายเพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับยานพาหนะ  Black & Veatch จะทำการประเมินด้านเศรษฐกิจ ลอจิสติกส์ และทางเทคนิคเกี่ยวกับศักยภาพของการผลิตไฮโดรเจนตามต้องการสำหรับผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องการลดคาร์บอน

ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงรถยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว  ไฮโดรเจนสีเขียวที่ผลิตขึ้นโดยใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งมีเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน  โดยปกติการผลิตไฮโดรเจนจะเป็นแบบรวมศูนย์ จากนั้นจึงขนส่งเพื่อจัดเก็บที่คลังเก็บยานพาหนะหรือสถานีเติมเชื้อเพลิง  การศึกษาของ Black & Veatch จะพยายามยืนยันว่าการผลิตไฮโดรเจนแบบกระจายในขนาดเล็ก ณ จุดใช้งานนั้นเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในการบรรลุจุดราคาที่แข่งขันได้

“เราจะสร้างข้อกำหนดทางเทคนิคและแบบจำลองทางเศรษฐกิจสำหรับการผลิตพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายเพื่อขับเคลื่อนการผลิตไฮโดรเจนในโรงงานขนาดเล็ก” Jonathan Cristiani วิศวกรเชื้อเพลิงขั้นสูงของ Black & Veatch กล่าว  “เนื่องจากความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องมีห่วงโซ่อุปทานที่สามารถรองรับเครือข่ายโรงงานไฮโดรเจนสีเขียวแบบกระจาย  การศึกษาของเราจึงกล่าวถึง 'ระบบนิเวศของไฮโดรเจน' ทั้งหมด ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเท่านั้น”

การศึกษา ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มเทคโนโลยีไฮโดรเจนของ Black & Veatch จะสร้างจากประสบการณ์ของบริษัทใน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ไฮโดรเจน และ การกระจายสินทรัพย์พลังงานไฮโดรเจน ตลอดจนโครงการที่ระบุไฮโดรเจนเป็นชิ้นส่วนที่มีศักยภาพในการแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  การศึกษาจะดำเนินการร่วมกับโครงการความร่วมมือเพื่อรวมแพลตฟอร์ม AI ของ Empati เข้ากับแพลตฟอร์ม Asset 360 ของ Black & Veatch

“เราเห็นไฮโดรเจนสีเขียวเป็นเชื้อเพลิงดิจิทัลที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการกระจายศูนย์ เช่น เครือข่ายของสถานีเติมน้ำมันหรือคลังเก็บยานพาหนะ  เราต้องการปรับใช้เทคโนโลยีของเราทั่วโลก โดยร่วมมือกับบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในห่วงโซ่อุปทานไฮโดรเจน” Gopal Ramchurn ซีอีโอร่วมของ Empati กล่าว  “ในฐานะที่เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีซึ่งมีประสบการณ์ในโลกแห่งความจริงเกี่ยวกับไฮโดรเจน และทุกจุดในวงจรชีวิตของพลังงานแบบกระจายและโครงสร้างพื้นฐานด้านเชื้อเพลิงยานยนต์ทางเลือก Black & Veatch อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะช่วยเราบรรลุเป้าหมายนี้”

เพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มลดคาร์บอนและการใช้ไฮโดรเจนเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดคาร์บอนที่  Black & Veatch ใน 2021   ได้เข้าร่วมสภาไฮโดรเจนและได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะกรรมการที่ปรึกษาพลังงานที่มีประสิทธิภาพของกระทรวงพาFleet Decarbonization ebook และคู่มือ Hydrogen 2021: A Roadmap to NetZero

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทระดับโลกด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา  รายได้ของเราในปี 2563 เกิน 3.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005001/en/

ติดต่อ:

MALCOLM HALLSWORTH | +44 1483 319287 p | +44 7920 701764 m | HallsworthM@BV.com 

สายด่วนสำหรับสื่อ 24- ชั่วโมง | +1 866 496 9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gupshup ระดมทุนเพิ่มอีก 240 ล้านดอลลาร์เพื่อสานต่อวิสัยทัศน์การส่งข้อความสนทนาทั่วโลกอย่างรวดเร็วแบบฟาสต์แทร็ค

Logo

การลงทุนทำให้ Gupshup เป็นผู้นำในการส่งข้อความสนทนา เร่งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับการเปิดใช้งานการค้าดิจิทัล กิจกรรม M&A และการขยาย GTM ทั่วโลก

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–28 ก.ค. 2564

Gupshup ผู้นำด้านการส่งข้อความสนทนา ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ระดมเงินทุนเพิ่มเติมอีก 240 ล้านดอลลาร์ จากกลุ่มนักลงทุนชั้นนำในอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึง Fidelity Management and Research Company LLC, Tiger Global, Think Investments, Malabar Investments, Harbor Spring Capital, บัญชีบางรายการที่จัดการโดย Neuberger Berman Investment Advisers LLC, White Oak, Neeraj Arora และอื่นๆ โดยรอบการระดมทุนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ระดมทุนได้ 100 บ้านดอลลาร์จาก Tiger Global ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ระดมทุนได้มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์

Gupshup จะใช้การลงทุนนี้เพื่อดำเนินการตามวิสัยทัศน์ต่อไปและเพื่อซื้อหุ้นต่อจากพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงาน ตลอดจนถึงนักลงทุนรายเดิมก่อนหน้านี้ Gupshup ยังคงลงทุนในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อการพาณิชย์ดิจิทัล ตลอดจนการขยายโครงการริเริ่มสู่ตลาดในประเทศที่เน้นอุปกรณ์พกพาเป็นหลักทั่วโลก นอกจากนี้ Gupshup กำลังสำรวจโอกาสในการควบรวมกิจการเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ประกาศการขยายทีมผู้บริหารด้วยการจ้างงานผู้นำในด้านการพัฒนาองค์กร การพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ การขาย ความสำเร็จของลูกค้า การตลาด และไอที

“เราเห็นการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลของอินเดียเป็นอย่างมาก” Shashin Shah ผู้จัดการใหญ่ของ Think Investments กล่าว “แพลตฟอร์มของ Gupshup เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับธุรกิจที่สร้างรอยเท้าดิจิทัล เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Gupshup เนื่องจากตำแหน่งผู้นำตลาด การเติบโตที่นำโดยนวัตกรรม และสถานะทางการเงินที่น่าดึงดูดของบริษัท”

“เราได้ติดตามความก้าวหน้าของ Gupshup มาระยะหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าพวกเขาเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารกับลูกค้าที่มีการพัฒนามากที่สุดในอินเดียและเพิ่มมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ด้วยตำแหน่งผู้นำในกลุ่มย่อยที่น่าสนใจและเติบโตเร็วที่สุดของตลาด” กล่าว Sumeet Nagar กรรมการผู้จัดการ Malabar Investments “เราเชื่อว่า Beerud และทีมงานมีโอกาสพิเศษในการขยายตลาดที่เข้าถึงได้ด้วยข้อเสนอใหม่ ๆ และการขยายธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสูตรที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างมูลค่ามหาศาล ผมรู้จัก Beerud มากว่าสามทศวรรษแล้ว และพวกเราทุกคนที่ Malabar รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ Gupshup ในขั้นต่อไปของการเดินทางของพวกเขา”

“เราเชื่อว่าการแปลงเป็นดิจิทัลของอินเดียอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตเชิงพลวัต ซึ่งขับเคลื่อนโดยโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญ” Subir Jajoo หุ้นส่วนของ Harbor Spring Capital กล่าว “Gupshup ได้สร้างแพลตฟอร์มชั้นนำเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของธุรกิจ-ผู้บริโภค และเรายินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับบริษัทในขณะที่ดำเนินการปรับปรุงประสบการณ์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่องผ่านนวัตกรรม ความน่าเชื่อถือ และการบริการลูกค้า”

“การมีบทสนทนาเป็นเหมือนตัวแทนของหน้าร้านดิจิทัลใหม่สำหรับธุรกิจ แทบทุกธุรกิจจะต้องสร้างระบบสนมนาขึ้นมา” Beerud Sheth ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gupshup กล่าว “เรากำลังเปลี่ยนแปลงการค้าดิจิทัลทั่วโลกด้วยการส่งข้อความสนทนา เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับนักลงทุนรายใหม่ของเราเนื่องจากประวัติอันน่าทึ่งในการสนับสนุนบริษัทในการสร้างหมวดหมู่ นอกจากนี้เรายังยินดีกับโอกาสที่จะมอบสภาพคล่องและผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนและพนักงานที่เชื่อมั่นใน Gupshup ด้วย”

การเปิดใช้งานการค้าดิจิทัลด้วยการส่งข้อความสนทนาจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรม พาลูกค้าไปยังเส้นทางการสนทนาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในแอปรับส่งข้อความ ทั่วทั้งการตลาด การพาณิชย์ และเวิร์กโฟลว์การสนับสนุน ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถค้นพบผลิตภัณฑ์ ชำระเงิน ติดตามการส่งของ ให้คำติชม และขอรับการสนับสนุน ขณะสนทนากับแบรนด์โปรดของพวกเขา ได้เหมือนกับเวลาที่พูดคุยกับเพื่อนและครอบครัว

รอบการระดมทุนครั้งสุดท้ายของ Gupshup เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 โดยบริษัทระดมทุนได้ 340 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 ทั้งนี้ Gupshup เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อสิ้นปี 2563 มีอัตราการดำเนินการรายรับต่อปีประมาณ 150 ล้านดอลลาร์

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Gupshup

Gupshup ช่วยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมผ่านการส่งข้อความสนทนาได้ดีขึ้น Gupshup เป็นแพลตฟอร์มการส่งข้อความเชิงสนทนาชั้นนำที่ขับเคลื่อนข้อความมากกว่า 6 พันล้านข้อความต่อเดือน ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กหลายพันแห่งในตลาดเกิดใหม่ต่างใช้ Gupshup เพื่อสร้างประสบการณ์การสนทนาในด้านการตลาด การขาย และการสนับสนุน แพลตฟอร์มระดับผู้ให้บริการของ Gupshup ประกอบด้วย API การส่งข้อความเดียวสำหรับช่องสัญญาณมากกว่า 30 ช่อง ชุดเครื่องมือสร้างประสบการณ์การสนทนาที่หลากหลายสำหรับกรณีการใช้งานใดๆ และเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดที่เกิดขึ้นใหม่ผ่านช่องทางการส่งข้อความ ผู้ผลิตอุปกรณ์ ISV และผู้ให้บริการ อนึ่งการมีอยู่ของ Gupshup ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถทำให้การสนทนาเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในการมีส่วนร่วมกับลูกค้า Gupshup มีบริษัทอยู่ในอินเดีย ลาตินอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา เยี่ยมชม www.gupshup.io และ สนทนากับ บอทของ Gupshup

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210728005075/en/

สำหรับสื่อติดต่อ

Richard Laermer

RLM PR | gupshup@rlmpr.com | (212) 741-5106 x 216

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tetrate โดย Istio Creators ผู้ริเริ่มประกาศเปิดสำนักงานเอเชียแปซิฟิกในสิงคโปร์

Logo

ซานฟรานซิสโก & สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–28 กรกฎาคม 2564

วันนี้ Tetrate ผู้นำด้านเทคโนโลยีในเครือข่ายด้วยฟีเจอร์ application-aware และ service mesh ได้ประกาศเปิดสำนักงานในสิงคโปร์เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Tetrate แต่งตั้ง Karthik Viswanathan ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย APAC และ Adrian Cole เป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมเพื่อสร้างทีมในเอเชีย Viswanathan ได้ขยายองค์กรการขายสำหรับ Cloudhealth (ได้มาโดย VMware) และ Fortinet โดย Cole เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้สนับสนุนหลักในโครงการโอเพนซอร์ส เช่น JClouds, Spring Cloud Sleuth และ OpenZipkin เมื่อต้นปีนีในเดือนมีนาคม Tetrate ได้ระดมทุน 40 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุน Series B ที่นำโดย Sapphire Ventures นักลงทุนรายอื่นๆ ได้แก่ Scale Venture PartnersNTTVCDell Technologies CapitalIntel Capital8VC, และ Samsung NEXT.

“เรากำลังมองหาแรงผลักดันที่แข็งแกร่งสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Tetrate ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนเพื่อสร้างทีมขายและวิศวกรรมที่แข็งแกร่งในเอเชีย” Varun Talwar ซีอีโอของ Tetrate กล่าว “การปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัยเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกและการรักษาความปลอดภัยแบบ zero trust สำหรับการบริการแอปพลิเคชัน และ API เป็นสิ่งที่กังวลทั่วไปในหมู่องค์กร Tetrate Service Bridge สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ผ่านจำนวนงานและสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน”

บริษัทการเงิน สุขภาพ และการค้าปลีกที่ติดอันดับ Fortune 200 และองค์กรรัฐบาลสหรัฐ แพลตฟอร์มการจัดส่งแอปพลิเคชันของ Tetrate และผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุด Tetrate Service Bridge ช่วยเร่งการปรับใช้ระบบคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และสถาปัตยกรรม zero trust  ซึ่ง Tetrate เป็นผู้สนับสนุนชั้นนำของ Envoy Proxy และ Istio ช่วยองค์กรต่างๆ ในเส้นทาง service mesh ที่จะนำมาใช้ โดยการให้การสนับสนุนและความเชี่ยวชาญในเชิงพาณิชย์

การขยายตัวในภูมิภาคนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ Tetrate ที่จะใกล้ชิดกับลูกค้าทั่วโลกมากขึ้น ทีมงานในสิงคโปร์จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย การตลาด วิศวกรรม และความสำเร็จของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่และภูมิภาคได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนที่รวดเร็วยิ่งขึ้น Tetrate จะยังคงขยายธุรกิจต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในเอเชีย

เกี่ยวกับ Tetrate

Tetrate เป็นบริษัท service mesh ระดับองค์กร ริเริ่มโดย Istio ในการสร้างสรรค์ระบบเครือข่ายแอปพลิเคชันใหม่ โดยจัดการความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานแอปพลิเคชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของบริษัท Tetrate Service Bridge นำเสนอแพลตฟอร์ม service mesh ที่ครอบคลุมและพร้อมสำหรับองค์กร ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับการปรับใช้แบบมัลติคลัสเตอร์ มัลติเทนแนนซ์ และมัลติคลาวด์ ลูกค้าจะได้รับความสามารถในการสังเกตที่สม่ำเสมอ ความปลอดภัยรันไทม์ และการจัดการทราฟฟิกในทุกสภาพแวดล้อม Tetrate ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการโอเพนซอร์ส Istio และ Envoy Proxy ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tetrate.io

ถ้ามีคำถามกรุณา ติดต่อเรา 

ติดตามบน Twitter, @Tetrateio.

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210727006063/en/

ติดต่อ:

Annie Fink, Bospar
Annie@bospar.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Riskified Ltd. ประกาศเสนอขายหุ้นสามัญครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป

Logo

นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–19 ก.ค. 2564

Riskified Ltd. (“Riskified”) แพลตฟอร์มการจัดการการฉ้อโกงที่มอบประสบการณ์อีคอมเมิร์ซที่ราบรื่น ประกาศเสนอขายหุ้นสามัญ Class A   ครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 17,500,000 หุ้น โดยประกอบด้วยหุ้นสามัญ Class A จำนวน 17,300,000 หุ้นที่เสนอขายโดย Riskified และหุ้นสามัญ Class A จำนวน 200,000 หุ้นที่ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของ Riskified จะทำการขาย  Riskified จะไม่ได้รับเงินจากการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นที่ขายหุ้น  ผู้จัดการการจัดจำหน่ายจะมีสัญญาอนุพันธ์ 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญ Class A เพิ่มเติมเป็นจำนวน 2,625,000 หุ้นจาก Riskified ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก  โดยหักส่วนลดค่าบริการการจัดจำหน่ายและค่าคอมมิชชั่น  คาดว่าราคาเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรกจะอยู่ระหว่าง $18.00 ถึง $20.00 ต่อหุ้น  Riskified ตั้งใจที่จะนำหุ้นสามัญ Class A เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ “RSKD”

Goldman Sachs & Co. LLC, JP Morgan Securities LLC และ Credit Suisse Securities (USA) LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการด้านธุรกรรมหลักสำหรับการเสนอขายครั้งนี้ โดย Barclays Capital Inc., KeyBanc Capital Markets Inc., Piper Sandler & Co., Truist Securities, Inc. และ William Blair & Company, LLC เป็นผู้จัดการบัญชีร่วมสำหรับการเสนอขาย และ Loop Capital Markets LLC, Samuel A. Ramirez & Company, Inc., Siebert Williams Shank & Co., LLC และ Stern Brothers & Co. ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะกระทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น  สามารถรับสำเนาหนังสือชี้ชวนเบื้องต้นได้รับจาก Goldman Sachs & Co. LLC, Attn: Prospectus Department, 200 West Street, New York, New York, 10282 ผ่านทางอีเมลที่ prospectus-ny@ny.email.gs.com หรือทางโทรศัพท์ที่ 866-471-2526; JP Morgan Securities LLC, Attn: Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York, 11717 ผ่านทางอีเมลที่ Prospectus-eq_fi@jpmorgan.com หรือทางโทรศัพท์ที่ 1-866-803-9204 และ Credit Suisse Securities (USA) LLC, Attn: Prospectus Department, One Madison Avenue, New York, New York, 10010 ผ่านทางอีเมลที่ newyork.prospectus@credit-suisse.com  หรือทางโทรศัพท์ที่ 800-221-1037

ได้มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการลงทะเบียนแบบฟอร์ม F-1 ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ต่อสำนักงาน SEC แล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้  หลักทรัพย์เหล่านี้ไม่สามารถขายได้ และไม่อาจรับข้อเสนอซื้อได้ก่อนเวลาที่แบบแสดงรายการข้อมูลการจดทะเบียนจะมีผลใช้บังคับ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

เกี่ยวกับ Riskified Ltd.

Riskified ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เพิ่มศักยภาพของอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มที่ด้วยการเพิ่มความปลอดภัย การเข้าถึง และความราบรื่น  Riskified ได้สร้างแพลตฟอร์มการจัดการความเสี่ยงอีคอมเมิร์ซก้าวหน้าที่ช่วยให้ผู้ค้าออนไลน์สร้างความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้กับผู้บริโภคของพวกเขา  แพลตฟอร์มของ Riskified ใช้ประโยชน์จากระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ด้วยตนเองซึ่งใช้ประโยชน์จากเครือข่ายผู้ค้าทั่วโลกในการระบุบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการโต้ตอบออนไลน์แต่ละครั้ง ซึ่งจะช่วยให้ร้านค้าและลูกค้าของ Riskfied ขจัดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนจากธุรกิจของตน  Riskified ช่วยเพิ่มยอดขายและลดการฉ้อโกงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับผู้ค้าและมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแก่ผู้บริโภค

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210719005324/en/

Investor Relations (ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์):
Chris Mammone, The Blueshirt Group for Riskified ir@riskified.com 

Corporate Communications (ฝ่ายสื่อสารองค์กร):
Rowena Kelley
press@riskified.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเตรียมจัดงาน Society 5.0 Expo เพื่อจัดแสดงเทคโนโลยีอันก้าวล้ำและความสำเร็จทางด้านต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น

Logo

ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์สุดล้ำและความสำเร็จทางด้านวิจัยกว่า 200 ผลงาน ซึ่งมุ่งเน้นทางด้านนโยบาย Society 5.0 แห่งอนาคตอันที่มนุษย์เป็นศูนย์กลาง

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 กรกฎาคม 2564

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (Cabinet Office) รัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศเตรียมจัดงาน Society 5.0 Expo ร่วมกับ Japan Agency for Marine-Earth Science and Technology หรือ JAMSTEC ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม ณ TOKYO SKYTREE TOWN® ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น การจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการจัดงานครั้งใหญ่ด้านสังคม 5.0 เป็นครั้งแรกของญี่ปุ่น โดยสามารถรับชมได้ทางออนไลน์และจะมีคำอธิบายในภาษาต่าง ๆ สำหรับผู้ชมทั่วโลก

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210713006253/en/

[From upper-left] SHINKAI 6500, HAYABUSA2, Wearable Cyborg, Active scope camera for rescue [From lower-left] Ultra-thin and flexible tough polymer, Rescue robot, Small synthetic-aperture radar satellite (SAR), Communication robot, Flying car, Level-3 autonomous vehicle (Photo: Business Wire)

[แถวบน-จากซ้ายไปขวา] SHINKAI 6500, HAYABUSA2, ไซบอร์กที่สวมกับร่างกายได้, กล้องแบบ active scope สำหรับการกู้ภัย [แถวล่าง-จากซ้ายไปขวา] พอลิเมอร์ที่มีความทนทานยืดหยุ่นและบางเป็นพิเศษ, หุ่นยนต์กู้ภัย, ระบบดาวเทียมขนาดเล็กที่ใช้คลื่นเรดาร์ถ่ายภาพเพื่อให้ได้ความละเอียดสูง (SAR), หุ่นยนต์สื่อสาร, รถยนต์บินได้, ยานยนต์ไร้คนขับ Level-3 (รูปภาพ: Business Wire)

งานดังกล่าวจะจัดแสดงแนวคิดเกี่ยวกับ สังคม 5.0 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นผู้เสนอขึ้นเพื่อสร้างสังคมแห่งอนาคตที่น่าปรารถนา โดยแนวคิดนี้หวังสร้างสังคมที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางที่แต่ละอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมนำเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) รวมถึงหุ่นยนต์ ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมอื่น ๆ มาใช้เพื่อเอาชนะความท้าทายที่สำคัญ ทั้งนี้ แผนงานพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมฉบับที่ 6 ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีซึ่งครอบคลุมงบประมาณปี 2564 ไปจนถึงปี 2568 ได้กำหนดทิศทางนโยบายด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมให้เกิดความยั่งยืน การฟื้นตัว และสุขภาวะที่ดีของผู้คนที่มีความหลากหลาย

ภายในงานจะมีการนำเสนอความสำเร็จที่เกิดจากการโครงการระดับชาติที่มุ่งเพิ่มนวัตกรรมในสังคมให้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงโครงการส่งเสริมนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ข้ามกระทรวง (SIP) และโครงการ ImPACT ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนาในด้านที่ส่งผลกระทบกับผู้คนจำนวนมากและมีความเสี่ยงสูง โดยปณิธานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของญี่ปุ่นจะถูกสื่อผ่านการจัดแสดงเทคโนโลยีที่มีความก้าวล้ำต่าง ๆ มากมาย

สำหรับความพิเศษก็คือบริษัท มหาวิทยาลัย และองค์กรชั้นนำของญี่ปุ่น 50 แห่งจะร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และความสำเร็จด้านการวิจัยราว 200 ชิ้น ที่คาดว่าจะถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคม 5.0 รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยครอบคลุมแขนงต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนที่ สุขภาพและการดูแล การผลิต การเกษตร อาหาร การป้องกันภัยพิบัติ และพลังงาน ดังนี้

  • แคปซูลเก็บตัวอย่างของยานสำรวจดาวเคาะห์น้อย Hayabusa2
  • ต้นแบบในมาตราส่วนปกติของอุปกรณ์สำรวจใต้น้ำ SHINKAI 6500 ที่สามารถดำลงไปใต้ทะเลได้ลึกถึง 6,500 เมตร
  • รถยนต์บินได้ SkyDrive
  • ยานยนต์ไร้คนขับ Honda Legend Level-3 มาพร้อมเทคโนโลยี 3D mapping ที่มีความละเอียดสูง
  • ต้นแบบระบบดาวเทียมขนาดเล็กที่ใช้คลื่นเรดาร์ถ่ายภาพเพื่อให้ได้ความละเอียดสูง (Synthetic Aperture Radar) สำหรับการปล่อยดาวเทียมแบบออนดีมานด์และการสำรวจแบบทันที
  • HAL ไซบอร์กที่สวมเข้ากับร่างกายได้ ทำงานโดยส่งสัญญาจากสมองไปยังกล้ามเนื้อของมนุษย์เพื่อสั่งการให้ทำงานเมื่อต้องการความช่วยเหลือทางกายภาพ
  • ระบบป้องกันภัยพิบัติสำหรับคาดการณ์ฝนที่ตกหนักและพายุทอร์นาโด และระบบแบ่งปันข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
  • เทคโนโลยีอัจฉริยะทางการเกษตร เช่น ระบบจ่ายน้ำและระบายน้ำอัตโนมัติ

ผู้ชมจากประเทศต่าง ๆ สามารถร่วมเพลิดเพลินไปกับการจัดแสดงต่าง ๆ ผ่านทางออนไลน์ซึ่งรองรับคำอธิบายในภาษาต่าง ๆ ได้จากอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ทั้งนี้ ผู้จัดมีความยินดีอย่างยิ่งที่การจัดนิทรรศการแบบเสมือนครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้ชุมชนทั่วโลกได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดสังคม 5.0 แห่งอนาคตของประเทศญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น

การจัดแสดงจะจัดเป็นกลุ่มภายใต้ธีมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:

ช่วงที่ 1 เปิดงาน

ในช่วงเปิดงานจะเป็นการนำเสนอต้นแบบในมาตราส่วนปกติของอุปกรณ์สำรวจใต้น้ำ SHINKAI 6500 และลูกโลกดิจิทัลแบบสามมิติ Dagik Earth รวมถึงจะมีการเปิดตัวเทคโนโลยีที่ใช้ระบบดาวเทียมซึ่งมีการนำไปใช้งานจริงในภาคส่วนต่าง ๆ

ช่วงที่ 2 พรมแดนวิทยาศาสตร์—อวกาศ และมหาสมุทร

การจัดแสดงเทคโนโลยีสำรวจอวกาศระดับโลกของญี่ปุ่น ซึ่งจะประกอบด้วยสถานีอวกาศนานาชาติจำลอง โมดูลห้องทดลองของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “Kibo” เครื่องยนต์จรวดในมาตรส่วนปกติ และแคปซูลเก็บตัวอย่างของยานสำรวจ Hayabusa2

การจัดแสดงเทคโนโลยีสำรวจมหาสมุทรและจำลองสภาพแวดล้อมของญี่ปุ่น ซึ่งจะประกอบด้วยยานยนต์ใต้น้ำอัตโนมัติสำหรับสำรวจปล่องความร้อนใต้ทะเลและทรัพยากรที่อยู่พื้นมหาสมุทร และโซลูชันที่มีความก้าวล้ำทางด้านการสำรวจมหาสมุทร

ช่วงที่ 3 สังคม 5.0 แห่งอนาคต

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่พัฒนาผ่านโครงการ SIP และ ImPACT ของญี่ปุ่น และการเข้าไปมีส่วนช่วยยกระดับชีวิตในด้านต่าง ๆ ห้าด้าน ได้แก่ 1) อายุขัย 100 ปี 2) การเคลื่อนที่และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม 3) ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฟื้นฟูและชีวิตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น 4) วิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับมนุษย์และโลก และ 5) การผลิตขั้นสูง การจัดแสดงจะประกอบด้วยโซลูชันอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์ ยานยนต์ และอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน ระบบป้องกันภัยพิบัติ เช่น AI สำหรับการตรวจสอบระบบโครงสร้างพื้นฐาน กล้องสำรวจภายในท่อระบบหุ่นยนต์สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม พลังงานและทรัพยากรแห่งอนาคต เช่น เชื้อเพลิงจากแอมโมเนียและแร่ธาตุใต้ท้องทะเล และวัสดุที่มีความก้าวล้ำ เช่น เส้นใยแมงมุมสังเคราะห์และพอลิเมอร์ที่มีความแข็งแรงทนทานแต่ยืดหยุ่นและบางเป็นพิเศษ

ช่วงที่ 4 วิถีสู่สังคม 5.0

จะมีการจัดแสดงวิวัฒนาการของอารยธรรมมนุษย์ผ่านวิดีโอและสื่อต่าง ๆ ของสังคมในแต่ละยุคเริ่มจากยุค 1.0 (ล่าสัตว์และหาของป่า), 2.0 (ยุคเกษตร), 3.0 (ยุคอุตสาหกรรม) และ 4.0 (ยุคข้อมูล) รวมถึง 5.0 (ณ TOKYO SKYTREE® Tembo Galleria ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้อวกาศที่สุดของกรุงโตเกียว)

ช่วงที่ 5 โรงละครสังคม 5.0

จะมีการฉายภาพยนตร์จาก Japan Aerospace Exploration Agency (JAXA) และ JAMSTEC นอกจากนี้ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจะมาบรรยายในหัวข้อวิทยาศาสตร์ มหาสมุทร การป้องกันภัยพิบัติ และไอซีทีสำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง

โปรดดาวน์โหลดรูปภาพที่ใช้อย่างเป็นทางการที่นี่

ภาพรวมการจัดงาน Society 5.0 Expo

ผู้จัด

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ and Japan Agency for Marine-Earth Science and Technology (JAMSTEC)

สถานที่

พื้นที่จัดนิทรรศการภายใน TOKYO SKYTREE TOWN

– พาวิลเลียนใน TOKYO SKYTREE TOWN Sky Arena (4F)

– TOKYO SKYTREE TOWN Solamachi Square (1F)

– TOKYO SKYTREE Group Floor (1F)

– TOKYO SKYTREE Tembo Galleria

– TOKYO SKYTREE TOWN วิทยาเขตของสถาบัน Chiba Institute of Technology

วันที่

15 กรกฎาคม ถึง 5 กันยายน 2564

– นิทรรศการทางกายภาพโดยธุรกิจต่าง ๆ (15 กรกฎาคม ถึง 19 กรกฎาคม)

– นิทรรศการทางกายภาพโดยองค์กรต่าง ๆ (15 กรกฎาคม ถึง 28 กรกฎาคม)

– นิทรรศการขนาดย่อยจัดแสดงโปสเตอร์และวิดีโอ (15 กรกฎาคม ถึง 5 กันยายน)

– นิทรรศการเสมือนจริง (17 กรกฎาคม ถึง 5 กันยายน) โดยมีคำอธิบายในภาษาต่าง ๆ
(อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน จีน อาหรับ และญี่ปุ่น)

การเข้ามชม

ไม่มีค่าใช้จ่าย (ตั๋วสำหรับเข้าชมนิทรรศการขนาดย่อยจะจำหน่ายที่ TOKYO SKYTREE Tembo Galleria)

ผู้ร่วมจัดแสดงในนิทรรศการและพันธมิตร

โปรดดูรายชื่อที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210713006253/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสังคม 5.0 สำหรับสื่อ
Weber Shandwick
Mayuko Harada (+81-90-9006-4968)
Rina Uesugi (+81-90-2280-0041)
อีเมล: society5.0expo@webershandwick.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


INNORULES เตรียมเข้าสู่ตลาดการเงินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังคว้าโปรเจ็กต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันจากบริษัทประกันญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุด

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–08 กรกฎาคม 2564

INNORULES (ซีอีโอ, Kil Kon Kim) ประกาศว่าบริษัทได้จัดหาระบบจัดการข้อมูล Digital Decision Manager (DDM) ของบริษัทให้กับโปรเจ็กต์นวัตกรรมแห่งอนาคตของหนึ่งในบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยได้เปิดระบบเพื่อทำงานในระยะแรกไปแล้ว

INNORULES’ Digital Product Manager (DPM) is a product information management system that supports the development of new products quickly and easily by disassembling and assembling the product information, structure and attributes. INNORULES, a Korean professional developer of Business Rule Engine, supplied the Digital Product Manager to the innovative digital transformation project of one of the biggest insurance companies in Japan. INNORULES is planning to expand into the South East Asian financial market upon this opportunity. (Graphic: Business Wire)

Digital Product Manager (DPM) ของ INNORULES เป็นระบบจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่รองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วโดยการรื้อและประกอบข้อมูล โครงสร้าง และคุณสมบัติเฉพาะของผลิตภัณฑ์ INNORULES ผู้พัฒนา Business Rule Engine มืออาชีพจากเกาหลี เป็นผู้จัดหาระบบจัดการข้อมูล Digital Product Manager ให้กับโปรเจ็กต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่มีความก้าวล้ำของหนึ่งในบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และ INNORULES วางแผนที่จะใช้โอกาสนี้ขยายสู่ตลาดการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (กราฟิก: Business Wire)

INNORULES คือผู้พัฒนาโซลูชัน Business Rule Engine (BRE) อย่างมืออาชีพ ซึ่งโซลูชัน BRE นี้จะทำหน้าที่ลดความซับซ้อนของงานต่าง ๆ รวมทั้งปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานของโครงสร้างระบบให้ดีขึ้น บริษัทด้านการเงินในเกาหลีหลายแห่ง รวมถึงบริษัทประกัน นายหน้า และธนาคารต่างเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ INNORULES

สำหรับบริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ ได้เตรียมโปรเจ็กต์แห่งอนาคตนี้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยเป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งมีเงินลงทุนราว 1.746 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

บริษัทญี่ปุ่นรายนี้ได้พบกับผลิตภัณฑ์ของ INNORULES ครั้งแรกเมื่อพวกเขามาเยือนเกาหลีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านผลิตภัณฑ์กับบริษัทประกันในเกาหลี และท้ายที่สุดได้เลือก INNORULES หลังมีการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะ หรือ Benchmark Test

บริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้ได้นำระบบ Digital Product Manager (DPM) ของ INNORULES ไปใช้กับงานสำคัญ ๆ และนำไปใช้ลดความซับซ้อนโครงสร้างผลิตภัณฑ์ของพวกเขา เช่น การขายประกัน ใบเสร็จเบี้ยประกัน และกระบวนการชำระเบี้ยประกันภัย เป็นต้น

ไม่เพียงเท่านั้น INNORULES ยังได้รับบทบาทสำคัญในโปรเจ็กต์นี้โดยรับหน้าที่ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานระบบมรดก (legacy system) ของลูกค้า ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลสะสมในปริมาณมหาศาล ก่อนหน้านี้ การแปลงผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยความรวดเร็วเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากจำเป็นต้องมีการพิจารณาผลกระทบจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ลงในระบบที่มีอยู่แล้วก่อน

ระบบที่เพิ่งเปิดตัวใหม่นี้ใช้ระบบจัดการข้อมูล DPM ของ INNORULES เพื่อจัดระเบียบงานที่เหมือนกันให้มีมาตรฐานเดียวกัน และแยกกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามคุณลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ โดยบริษัทญี่ปุ่นแห่งนี้คาดว่าจะช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาและปรับแก้ผลิตภัณฑ์ได้ถึงหนึ่งในสามจากที่เคยใช้เวลาเกือบปี บริษัทแห่งนี้ยังวางแผนที่จะแนะนำระบบที่เพิ่งนำมาใช้ใหม่ให้กับระบบของธุรกิจประกันภัยรถยนต์และประกันอัคคีภัยของตนภายในปี 2568 นี้อีกด้วย

ขณะที่ INNORULES วางแผนเตรียมใช้โอกาสนี้ขยายสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Kil Kon Kim ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ INNORULES กล่าวว่า “การที่ผลิตภัณฑ์ของเราถูกนำไปใช้ในธุรกิจที่เป็นแกนหลักของบริษัทการเงินญี่ปุ่นซึ่งโดยปกติแล้วขึ้นชื่อเรื่องความระมัดระวังครั้งนี้มีความหมายกับเราอย่างมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการยอมรับในเรื่องของความเสถียรและความสามารถทางเทคโนโลยีมาหลายปี เราจึงได้รับการติดต่อสอบถามจากบริษัทการเงินของญี่ปุ่นหลายแห่งอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ระบบใหม่นี้ได้รับการเปิดตัวผ่านสัญญาที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้”

“จากข้อตกลงกับบริษัทญี่ปุ่นรายนี้ รวมถึงบริษัทต่าง ๆ ในภูมิภาค เราจึงได้วางแผนที่จะขยายสู่ประเทศใหญ่ ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเช่นอินโดนีเซียและมาเลเซียที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับโปรเจ็กต์ด้านการเงินใหม่ ๆ อยู่ในขณะนี้” Kim กล่าวเพิ่มเติม “เราคาดว่ายอดขายในต่างประเทศจะเติบโตกว่า 20% ในปีนี้”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

INNORULES CO.,LTD
Yosep Park
+82-2-416-2501
marketing@innorules.com