Category Archives: Technology

Tetrate ได้ถูกยกย่องให้เป็น Cool Vendor ในปี 2021 ในสาขาคลาวด์คอมพิวติ้งโดย Gartner

Logo

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–10 พ.ย. 2564

Tetrate บริษัทที่ก่อตั้งโดยครีเอเตอร์และผู้ดำเนินงาน Istio และ Envoy ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งใน Cool Vendors ในคลาวด์คอมพิวติ้งปี 2564 โดย Gartner ทั้งนี้ รายงานของ Gartner เน้นย้ำถึงผลิตภัณฑ์และผู้จำหน่ายมัลติคลาวด์ต่าง ๆ ที่เป็นนวัตกรรมซึ่งซีไอโอควรประเมินในการกำหนดกลยุทธ์มัลติคลาวด์ของตน

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยกย่องให้เป็น Cool Vendor จาก Gartner นี่เป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของเราและการเน้นว่า Tetrate Service Bridge (TSB) ได้มาถูกทาง” Varun Talwar ผู้ร่วมก่อตั้ง Tetrate และผู้ร่วมสร้าง Istio และ gRPC กล่าว “TSB เปิดใช้งานและเร่งการปรับใช้คลาวด์ พร้อมกับการสร้างความทันสมัยสำหรับองค์กร เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กร”

ข้อค้นพบที่สำคัญที่ระบุไว้ในรายงาน ได้แก่ :

  • ร้อยละเจ็ดสิบหกของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้ใช้ปลายทางบนคลาวด์ประจำปี 2563 ของ Gartner ที่ได้นำโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์มาใช้ ตั้งใจที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ เหตุผลหลักคือเพื่อเพิ่มความพร้อมในการให้บริการ เพื่อใช้ประโยชน์จากบริการที่ดีที่สุดจากผู้ให้บริการ และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทั่วโลก
  • การใช้งานมัลติคลาวด์ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนทางสถาปัตยกรรม ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ไม่ชัดเจน และการกำกับดูแลที่ไม่สม่ำเสมอเนื่องจากการวางแผนที่ไม่เพียงพอและการขาดกลยุทธ์ที่รอบคอบ
  • มีสตาร์ทอัพสายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บนคลาวด์และความสามารถของผลิตภัณฑ์มัลติคลาวด์ที่เน้นการลดความท้าทายในการปรับใช้มัลติคลาวด์

Tetrate ได้รับเลือกให้เป็น Cool Vendor เนื่องจากให้บริการโซลูชันเมช (mesh solutions) บนสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ เพื่อมอบการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่ครอบคลุม ความปลอดภัย ความสามารถในการสังเกต และความน่าเชื่อถือ ทั้งหมดนี้ทำได้บนแค่แพลตฟอร์มเดียว รายงานพบว่าความแตกต่างของตลาดเกิดจากความสามารถแบบรวมศูนย์หรือแบบเมช การสนับสนุนมัลติคลาวด์ โมเดลการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น และความมุ่งมั่นต่อโอเพ่นซอร์ส

ท่านสามารถอ่านบล็อกโพสต์และเข้าถึงรายงานฉบับเต็มได้ ที่นี่ Gartner, “Cool Vendors in Cloud Computing” โดย Arun Chandrasekaran, Sid Nag, Lydia Leong, 1 พฤศจิกายน 2564

ข้อจำกัดความรับผิดชอบของ Gartner

Gartner ไม่ได้รับรองผู้จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในเอกสารการวิจัยของเรา และไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกใช้เฉพาะผู้ขายที่มีคะแนนสูงสุดเท่านั้น สิ่งพิมพ์งานวิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ปฏิเสธการรับประกันทั้งหมด ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความสามารถในการซื้อขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Tetrate

Tetrate เป็นบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายระดับองค์กรที่เริ่มต้นโดยผู้ก่อตั้ง Istio เพื่อสร้างสรรค์ระบบเครือข่ายแอปพลิเคชันใหม่ ซึ่งจัดการความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานแอปพลิเคชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดที่ทันสมัย ผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัท ได้แก่ Tetrate Service Bridge นำเสนอแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันแบบ edge-to-workload เพื่อมอบความต่อเนื่องทางธุรกิจ ความคล่องตัว และความปลอดภัยสำหรับองค์กรต่างๆ ในการเดินทางระบบแบบเดิมไปสู่ระบบคลาวด์ ลูกค้าจะได้รับความสามารถในการสังเกตการณ์ที่สม่ำเสมอ ความปลอดภัยด้านรันไทม์ และการจัดการทราฟฟิกในทุกสภาพแวดล้อม Tetrate ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลักในโครงการโอเพนซอร์ซ Istio และ Envoy Proxy ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tetrate.io.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211110005515/en/

ติดต่อ:

Annie Fink, Bospar

Annie@bospar.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LDRA ประกาศการประชุมสุดยอดความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยระบบฝัง หรือ Embedded Safety & Security Summit (ESSS) 2565 ซึ่งเป็นงานแบบออนไลน์ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดให้ผู้ชมทั่วโลกได้รับชมมากขึ้น

Logo

การประชุมชั้นนำระดับโลกครั้งที่ 7 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ในหัวข้อ “การออกแบบระบบฝังตัวด้วยความคล่องตัว คุณภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัย”

บังคาลอร์ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–9 พ.ย. 2564

LDRA ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและสมาคมต่าง ๆ ประกาศในวันนี้ว่างาน Embedded Safety & Security Summit (ESSS) 2565 ครั้งที่ 7 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน ในหัวข้อ “การออกแบบระบบสมองกลในระบบฝังตัวด้วยความคล่องตัว คุณภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัย หรือ Designing Embedded Systems with Agility, Quality, Safety & Security” การประชุมและนิทรรศการจะเป็นแบบออนไลน์เสมือนจริงเป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยให้มีส่วนร่วมมากขึ้นในการพัฒนา ทดสอบ และรับรองระบบฝังตัวที่สำคัญต่อภารกิจต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุด

ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนระบบฝังตัวและการเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก ESSS 2565 มาพร้อมกับเซสชันให้ความรู้พิเศษ ได้แก่ แพลตฟอร์มออนไลน์แบบโต้ตอบ และการผสมผสานที่ลงตัวของเพื่อนร่วมงานในอุตสาหกรรมสำหรับการสร้างเครือข่าย โดย งานมุ่งเน้นไปที่สี่เส้นทางอุตสาหกรรม: การบินและการป้องกัน, ยานยนต์, อุตสาหกรรม และการแพทย์

Ian Hennell ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ LDRA กล่าวว่า “ไม่ว่าจะทางออนไลน์ หรือออฟไลน์  ESSS ช่วยให้เราสามารถสานต่อความพยายามของเราในการสนับสนุนอุตสาหกรรมระบบฝังตัวที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของการใช้งาน” “การประชุมที่ครอบคลุมครั้งนี้ให้ความรู้และทำให้ชุมชนทราบเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความจำเป็นในการสร้างคุณภาพในระบบแห่งอนาคต”

ESSS 2565 จะรวมเนื้อหาที่ให้โอกาสมีส่วนร่วมและที่ให้ข้อมูล ซึ่งรวมถึงการอภิปรายในหัวข้อ “การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานในโลกที่คล่องตัว” นอกจากนี้ยังจะรวมถึงเซสชันที่เป็นประเด็นสำคัญของอุตสาหกรรม และเซสชันทางเทคนิคที่กล่าวถึงชุมชนระบบฝังตัวทุกประเภท ตั้งแต่วิศวกรซอฟต์แวร์ ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง ไปจนถึงตัวแทนจากรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล

Shinto Joseph ผู้อำนวยการ – South East Asia Operation, LDRA และผู้ประสานงานของ ESSS กล่าวว่า “ESSS 2565 จะรวบรวมผู้นำจากภาครัฐ นวัตกรรมเทคโนโลยี องค์กรธุรกิจ และมาตรฐาน เพื่อนำเสนอสถานะของการปฏิบัติงานและนวัตกรรมที่ช่วยผู้เชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีอัจฉริยะ การอภิปรายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานในโลกที่คล่องตัวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเจาะจงเกี่ยวกับปัญหาที่ใกล้จะเกิดขึ้นที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ กำลังจะเผชิญ รวมถึง EVs, UAVs, IIoTs, ระบบอัตโนมัติ เป็นต้น”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการสนับสนุน การส่งเอกสาร และการลงทะเบียนสำหรับ ESS 2565 โปรดไปที่ www.embedded-safety-security.com.

เกี่ยวกับ LDRA

กว่า 40 ปีแล้วที่ LDRA ได้พัฒนาและขับเคลื่อนตลาดซอฟต์แวร์ที่ทำการวิเคราะห์โค้ดและทดสอบซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติสำหรับตลาดด้านความปลอดภัย ภารกิจ ความมั่นคง และตลาดที่มีความสำคัญทางธุรกิจ การทำงานกับลูกค้าเพื่อให้ระบุและกำจัดข้อผิดพลาดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน LDRA ติดตามข้อกำหนดผ่านการวิเคราะห์แบบสถิตและไดนามิก ไปจนถึงการทดสอบยูนิตและการตรวจสอบสำหรับแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย ด้วยการเป็นที่รู้จักทั่วโลก LDRA มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย ควบคู่ไปกับเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายที่กว้างขวาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดเครื่องมือ LDRA โปรดไปที่ http://www.ldra.com/.

เกี่ยวกับ ESSS®

การมุ่งเน้นไปที่ด้านความมั่งคงและการรักษาความปลอดภัยของระบบฝังตัวที่สำคัญ ทำให้ Embedded Safety & Security Summit (ESSS) เป็นเวทีพิเศษเฉพาะสำหรับชุมชนระบบฝังตัวทั้งหมดเพื่อเรียนรู้ โต้ตอบ และสร้างการเติบโต โดยทาง LDRA ขับเคลื่อนความคิดริเริ่มที่ประสบความสำเร็จด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตร ลูกค้า หน่วยงานอุตสาหกรรมและวิชาชีพ และหน่วยงานรัฐบาล เรียนรู้เพิ่มเติมที่www.embedded-safety-security.com.

ผู้อ่านสามารถส่งคำถามไปที่:

Mark James

อีเมล: mark.james@ldra.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211108006207/en/

สื่อ:

Kelly Wanlass, Hughes Communications, Inc., ฝ่ายสื่อสัมพันธ์

โทร: +1 (801) 602-4723, อีเมล: kelly@hughescom.net

Mark James, LDRA, ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

โทร: +44 (0) 151 649-9300, อีเมล: mark.james@ldra.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera เปิดตัววิทยุ PoC รุ่นใหม่ มีชื่อรุ่นว่า PNC360S สำหรับการสื่อสารทางธุรกิจแบบง่ายที่งาน CCW2021

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–9 พ.ย. 2564

Hytera คือ ผู้ห้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารแบบส่วนตัวและแบบมืออาชีพ ได้เปิดตัววิทยุ Push-to-Talk over Cellular (PoC) ล่าสุดที่งานCCW2021 ซึ่งเป็นวิทยุที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อทางธุรกิจได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

ดูข่าวประชาสัมพันธ์แบบมัลติมีเดียฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211103005609/en/

Hytera Rolled Out New PoC Radio PNC360S for Simplified Business Communications at CCW2021 (Graphic: Business Wire)

Hytera เปิดตัววิทยุ PoC รุ่นใหม่ มีชื่อรุ่นว่า PNC360S สำหรับการสื่อสารทางธุรกิจแบบง่ายที่งาน CCW2021 (กราฟิก: Business Wire)

องค์กรธุรกิจ เช่น ร้านค้าปลีกหรือโรงแรมมักมองหาโซลูชันทางเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถสื่อสารในวงกว้างด้วยต้นทุนเริ่มต้นที่ต่ำ นี่คือสิ่งที่วิทยุ PoC นำเสนอ เพราะ PoC ให้บริการแบบ Push-to-Talk ผ่านเครือข่ายมือถือสาธารณะที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่ายแบบวิทยุได้ทั่วประเทศโดยไม่จำเป็นต้องซื้อ ลงทุน หรือบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานใดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับวิทยุแบบสองทาง วิทยุ PoC แบบเดิมประสบปัญหาหลายประการ รวมถึงเสียงที่ไม่ชัดเจนในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมาก ปัญหาการโทรไม่สม่ำเสมอในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อน อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้น และประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่เสถียรในพื้นที่ชื้นและมีฝุ่น โดย Hytera PNC360S ได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความท้าทายเหล่านี้ ทำให้ Hytera PNC360Sเป็นโซลูชั่นในอุดมคติสำหรับการสื่อสาร แบบ Push-to-Talk ที่ง่ายดายและเชื่อถือได้

เสียงดังฟังชัด

ผู้ใช้จะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่นถนนที่แออัด หรือโรงงานที่มีเสียงดัง ได้อย่างไร? PNC360S คือคำตอบ จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินทุกคำอย่างชัดเจนและอย่างง่ายดาย ทำไมน่ะหรอ? เพราะ…มีการใช้ลำโพงในตัวแบบ 3 วัตต์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 มม. เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงที่ออกมาจะดัง โดยมีการตัดเสียงรบกวนและเทคโนโลยีการลดการบิดเบือนที่จดสิทธิบัตรช่วยให้มั่นใจได้ถึงความชัดเจนของเสียง นอกจากนี้ Hytera ยังสามารถเอาชนะปัญหาเสียงสะท้อนกลับเมื่อวิทยุอยู่ใกล้กันมากเกินไป ด้วยอัลกอริธึมฟีดแบคการลดการบิดเบือนแบบใหม่

ขนาดพกพาและน้ำหนักเบา

PNC360S มีน้ำหนักเพียง 170 กรัม และหนาเพียง 26.5 มม. มีขนาดกะทัดรัดและเบา และสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อ หรือติดไหล่ได้อย่างสบาย ผู้ใช้สามารถพกพาได้ทุกแบบที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ได้รับการปรับปรุง ออกแบบให้ปุ่มอยู่ด้านเดียวช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว ปุ่ม Push-to-Talk ขนาดใหญ่พิเศษช่วยให้ผู้ใช้งานหาเจอเพียงสัมผัสเดียว ขณะที่วงแหวนสีส้มรอบ ๆ ปุ่ม ทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นชัด ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อใช้งานในที่แสงน้อย พื้นผิวกันลื่นสามารถลดจำนวนหยดน้ำที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้ แม้ในสภาพชื้น

แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน

แบตเตอรี่ 4,000 mAh เปิดใช้งานได้ 48 ชั่วโมงสำหรับผู้ใช้ในรอบการทำงาน 10-10-80 เมื่อใช้ร่วมกับโซลูชัน Hytera HyTalk ทุกอย่างรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ อีกต่อไป การไม่มีเวลาไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป PNC360S รองรับการชาร์จอย่างรวดเร็วแบบ 2A ด้วยสายข้อมูล USB Type-C

การออกแบบที่ทนทาน

PNC360S ได้รับการออกแบบด้วยโครงสร้างที่ทนทานและสร้างขึ้นจากวัสดุกันน้ำ ปุ่ม Push-to-Talk ได้รับการทดสอบด้วยการกด 400,000 ครั้ง วิทยุได้รับการรับรอง IP67 ดังนั้น PNC360S จึงมีความทนทานพอที่จะทนต่อน้ำ ฝุ่น การกระแทก อุณหภูมิแบบสุดขั้ว และการตกจากที่สูงได้ถึง 1.2 เมตร PNC360S จะให้การสื่อสารที่เสถียรและราบรื่นเสมอไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะรุนแรงเพียงใด

วิทยุ PNC360S PoC ใหม่ ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะโดยคำนึงถึงธุรกิจเป็นหลัก ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณสำหรับการสื่อสารในทีมที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ทั้งภายในและภายนอกสำนักงาน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PNC360S กรุณาเยี่ยมชม: https://bit.ly/3nTds9R

ฉบับเต็มได้ที่นี่: businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211103005609/en/

ติดต่อ:

Lingran Tao
Lingran.Tao@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัวไดรฟ์โซลิดสเตต EDSFF ตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0

Logo

KIOXIA CD7 E3.S Series EDSFF E3.S Data Center SSD รุ่นใหม่ปรับให้เหมาะสมสำหรับความหนาแน่นและประสิทธิภาพ

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–09 พ.ย. 2564

Kioxia Corporation ประกาศเปิดตัว SSD E3.S Enterprise และ Datacenter Standard Form Factor (EDSFF) E3.S รุ่นแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0[1] – KIOXIA CD7 E3.S Series นำเสนอยุคใหม่ของหน่วยความจำแฟลชที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์และที่เก็บข้อมูล  โดยเป็นการปรับปรุงจาก Kioxia ของ E3.S ซึ่งได้รับรางวัล 'Best in Show' ในปีสุดท้ายของการประชุมสุดยอดหน่วยความจำแฟลช  CD7 ซีรี่ส์ E3.S เพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บต่อไดรฟ์แฟลชสำหรับประสิทธิภาพการใช้พลังงานและชั้นการรวม[2]

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211108006197/en/

Kioxia Corporation: Industry’s First EDSFF SSDs Designed with PCIe® 5.0 Technology: KIOXIA CD7 E3.S Series (Photo: Business Wire)

Kioxia Corporation: EDSFF SSD ตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0: KIOXIA CD7 E3.S Series (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ชุดรุ่น EDSFF E3 สามารถหลุดพ้นจากข้อจำกัดในการออกแบบของฟอร์มแฟคเตอร์ขนาด 2.5 นิ้ว โดยได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมสำหรับความต้องการของเซิร์ฟเวอร์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง  EDSFF ช่วยให้ SSD รุ่นใหม่สามารถจัดการกับสถาปัตยกรรมศูนย์ข้อมูลในอนาคต และรองรับอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่หลากหลาย โดยมอบการไหลเวียนของอากาศและความร้อนที่ดีขึ้นและเพิ่มความสมบูรณ์ของสัญญาณ  การรองรับพลังงาน E3.S ที่สูงกว่า SSD ฟอร์มแฟคเตอร์ 2.5 นิ้วและความสมบูรณ์ของสัญญาณที่ดีขึ้นช่วยให้ EDSFF สามารถส่งมอบประสิทธิภาพตามเทคโนโลยี PCIe 5.0 และอื่นๆ

Kioxia เป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมที่มีความกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาโซลูชัน EDSFF และกำลังร่วมมือกับนักพัฒนาเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลชั้นนำเพื่อปลดล็อกพลังเต็มที่ของหน่วยความจำแฟลช NVMe™ และ PCIe

คุณสมบัติหลักของซีรี่ส์ CD7 E3.S

  • EDSFF E3.S ฟอร์มแฟคเตอร์ที่มีความจุสูงถึง 7.68TB
  • ออกแบบตามข้อกำหนด PCIe 5.0 ล่าสุดและปรับให้เหมาะสมสำหรับประสิทธิภาพของเลน x2 PCIe
  • การใช้เลน PCIe น้อยลงจะเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ PCIe ที่สามารถรองรับได้
  • สร้างขึ้นบนหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D TLC ของ Kioxia
  • อัตราความเร็วในการอ่านสูงสุดที่ 6,450 MB/s และการอ่านแบบสุ่ม IOPS ที่ 1,050K
  • เวลาในการอ่าน 75μs และการเขียน 14μs ซึ่งมีความหน่วงเวลาต่ำกว่า PCIe 4.0 SSD รุ่นก่อนประมาณ 17% และ 60% ตามลำดับ
  • ไฟ LED ถูกฝังอยู่ในเคสของรุ่น E3.S และสถานะของ SSD สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ไฟ LED เพิ่มเติม ซึ่งปกติแล้วจะฝังอยู่ในถาดไดรฟ์ของแชสซีระบบ โดยการฝังไฟในเคสจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของระบบ

KIOXIA CD7 E3.S Series จัดจำหน่ายให้กับลูกค้า OEM บางราย

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี EDSFF E3 ได้ในเอกสารทางเทคนิคต่อไปนี้จาก Dell, HPE และ Kioxia

https://business.kioxia.com/content/dam/kioxia/ncsa/en-us/business/asset/KIOXIA_EDSFF_Intro_White_Paper.pdf

หมายเหตุ

[1] ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จากการสำรวจของ Kioxia

[2] เมื่อเปรียบเทียบกับ SSD ฟอร์มแฟคเตอร์ 2.5 นิ้ว “2.5 นิ้ว” หมายถึงฟอร์มแฟคเตอร์ของ SSD โดยไม่ได้ระบุขนาดจริงของไดรฟ์

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ ( TB) ที่ 1,000,000,000,000 ไบต์  อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุที่น้อยลง  ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่ฟอร์แมตจริงอาจแตกต่างกันไป

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD)  ในเดือนเมษายน 2560 Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530  Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกและมอบคุณค่าให้กับลูกค้าและสังคม  BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia ที่กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลลูกค้า:

Kioxia Corporation

Sales Promotion Division (ฝ่ายส่งเสริมการขาย)

Tel: +81-3-6478-2427

https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมทั้งราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211108006197/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division (ฝ่ายกลยุทธ์และการวางแผนการขาย)
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Goonies เข้าสู่ตลาดโลกด้วยแบรนด์แนวคิดเกมในรูปแบบ App toys

Logo

– App toys สำหรับเปิดตลาดแนวคิดเกมในร่มสำหรับภาคส่วนวิจิตรศิลป์และกรีฑา

– ได้ส่งออกไปยัง 6 ประเทศ รวมถึง ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย… ตลาดสหรัฐฯ และยุโรปเป็นประเทศต่อไป

พันกโย เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–05 พฤศจิกายน 2564

การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้การใช้ชีวิตในร่มมีความสำคัญมากกว่าเมื่อก่อน จึงมีการพัฒนาสินค้าและบริการต่าง ๆ หลายประเทศเริ่มแนะนำแผนการใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 เป็นไปทีละขั้น อย่างไรก็ตามความต้องการสินค้าและบริการสำหรับการใช้ชีวิตดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินต่อไปเนื่องจากผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับประสิทธิภาพและความสะดวกสบายแล้ว อัตราการรุกของสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับเด็กและผู้สูงอายุทั่วโลกทำให้ตลาดอุปกรณ์เสริมของอุปกรณ์มือถือเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211105005357/en/

Goonies Smart Palette. Smart Palette is an educational App toy that ensures qualitative art education by providing over 1,000 free content with its app. It can be used by connecting it to smart devices such as smartphones, tablet PCs and touch screen TVs through either a cable or wirelessly. (Photo: Business Wire)

Goonies Smart Palette เป็น Smart Palette ในรูปแบบ App toy เพื่อการศึกษาที่รับประกันการศึกษาศิลปะเชิงคุณภาพโดยมอบเนื้อหาฟรีมากกว่า 1,000 รายการพร้อมในแอป สามารถใช้โดยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตพีซี และทีวีจอสัมผัส ผ่านสายเคเบิลหรือแบบไร้สาย (ภาพ: Business Wire)

Goonies Co., Ltd. (ซีอีโอ: Lee, Yun-jae) กำลังทำงานเพื่อเปิดตลาดเกมในร่มสำหรับภาคกลุ่มวิจิตรศิลป์และกรีฑาสำหรับเด็ก ๆ ด้วย Smart Palette และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในรูปแบบ App toys โดย Goonies ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เติบโตในด้านความคิดสร้างสรรค์ในขณะที่เล่นกับพวกเขา

Goonies ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยนักพัฒนา IoT ได้พัฒนาและสร้าง Smart Palette ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับการศึกษาด้านศิลปะ ผลิตภัณฑ์นี้สามารถใช้ได้โดยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตพีซี และทีวีจอสัมผัส ผ่านสายเคเบิลหรือแบบไร้สาย

อุปกรณ์การศึกษาเป็น App toys ในรูปแบบใหม่ที่รับประกันการศึกษาศิลปะเชิงคุณภาพโดยมอบเนื้อหาฟรีมากกว่า 1,000 รายการพร้อมในแอป

อุปกรณ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ IoT คันเวอ ที่รวมฮาร์ดแวร์และแอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน การบรรจบกันช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงของอุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุที่ยังไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ดังกล่าว

อุปกรณ์มีเนื้อหาคุณภาพมากกว่า 1,000 รายการฟรีด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์การเล่น การเรียนรู้ และการรักษาโดยอิงจากการศึกษาศิลปะ Goonies ได้อัปเกรดอุปกรณ์เพื่อความสะดวกยิ่งขึ้นโดยเน้นที่การพกพาและการใช้งานที่เป็นธรรมชาติ

โมเดลธุรกิจของผลิตภัณฑ์ไม่ได้ครอบคลุมแค่ธุรกิจแบบ B2C แต่รวมถึง B2G อีกด้วย Goonies เริ่มต้นในตลาดออนไลน์ของเกาหลีใต้สำหรับภาคส่วนนี้ผ่านหนึ่งในแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ชั้นนำในประเทศ ผลิตภัณฑ์นี้ยังสามารถเห็นได้ในตลาดออฟไลน์เนื่องจากอยู่บนชั้นวางของร้านค้าใน 31 แห่งของ Electromart (ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้) และร้านค้า 146 แห่งของ N.CAT (ร้านขายเครื่องประดับครบวงจรของเกาหลีใต้) Goonies ได้จัดหาสถานที่เพื่อทดลองใช้ Smart Palette ในสนามเด็กเล่นในร่ม เมืองและศาลากลางจังหวัด ห้องสมุด บ้านพักคนชราสำหรับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ฯลฯ โดยมีแผนจะส่งมอบผลิตภัณฑ์ราว 1,000 หน่วยให้กับโรงเรียนชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ

Goonies ส่งออกอุปกรณ์ไปยังทั้งหมด 6 ประเทศ อย่างเช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย โดยเข้าร่วมนิทรรศการในต่างประเทศและกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งมีรายได้ประมาณ 70,000 เหรียญสหรัฐจากการส่งออก การอ้างอิงจากต่างประเทศทำให้บริษัทกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก

รายได้ของ Goonies จากอีคอมเมิร์ซในต่างประเทศผ่าน Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน Smart Palette จำหน่ายไปแล้วกว่า 700,000 หน่วย โดยบริษัทพร้อมเสริมช่องทางการขายเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณะแล้วผ่านโซเชียลมีเดียของผู้ส่งเสริมการขายในต่างประเทศ

Goonies ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ธุรกิจชั้นนำของ Echelon ASIA SUMMIT ซึ่งเป็นหนึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย Goonies ได้รักษาความปลอดภัยเครือข่ายธุรกิจของนักลงทุนในเอเชียและหุ้นส่วนที่ทำงานร่วมกัน

บริษัทวางแผนที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปโดยใช้ประสบการณ์ในการดึงดูดการลงทุนจาก Samsung Venture Investment และพันธมิตรทางธุรกิจ

“Smart Palette ทำให้เราได้รับรางวัล Presidential and grand prizes จากโครงการของรัฐบาลหลายโครงการ และการแข่งขันการใช้ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขยายธุรกิจ” Lee Yun-jae ซีอีโอของ Goonies กล่าว “ในขณะนี้ เรากำลังรักษาความสามารถในการทำตลาดรูปแบบ App toys ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Smart Palette ของ Goonies เยี่ยมชมได้ที่ http://www.goonies.kr/

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211105005357/en/

ติดต่อ:

Goonies
YK.Shin, Team manager
+82-70-8670-5228
sales@goonies.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NTHU และ DAICEL แห่งประเทศญี่ปุ่นร่วมกันพัฒนาปฏิวัติวงการโรงงานเคมีบนเดสก์ท็อป

Logo

นครซินจู๋ ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2564

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัว (NTHU) และ DAICEL บริษัทเคมีที่มีชื่อของญี่ปุ่น ประกาศโครงการร่วมห้าปีเพื่อบูรณาการระบบไมโครฟลูอิดิกส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่พัฒนาโดยนักวิชาการคิตาโมริ ทาเคฮิโกะ เข้ากับอุตสาหกรรมการผลิตเคมีในปัจจุบัน การลงทุนในโครงการนี้เป็นจำนวนเงิน 450 ล้านเยนญี่ปุ่น (ประมาณ 110 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน) และมีศักยภาพในการลดการใช้พลังงานในขณะที่ลดการผลิตของคาร์บอนและของเสียที่คาดว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเคมี

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211028005388/en/

Prof. Kitamori Takehiko has developed an innovative microfluidic system which allows the mixing and extracting operations conventionally carried out with large-scale equipment to be performed using a glass chip the size of a business card. (Photo: National Tsing Hua University)

ศาสตราจารย์คิตาโมริ ทาเคฮิโกะ ได้พัฒนาระบบไมโครฟลูอิดิกส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยให้การดำเนินการผสมและการสกัดทั่วไปให้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ขนาดใหญ่ได้โดยใช้ชิปแก้วที่มีขนาดเท่ากับนามบัตร (ภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัว)

ศาสตราจารย์คิตาโมริ ผู้บุกเบิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านเทคโนโลยีไมโครฟลูอิดิกส์และนาโนฟลูอิดิกส์ และอดีตรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโตเกียว โดยดำรงตำแหน่ง Yushan Honorary Chair Professor ของ Institute of Nanoengineering and Microsystems ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลไฟฟ้าที่ NTHU ตั้งแต่ปี 2563 จากการวิจัยครั้งก่อนของเขาที่มหาวิทยาลัยโตเกียว เขาได้พัฒนาระบบไมโครฟลูอิดิกส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยให้การดำเนินการผสมและการสกัดทั่วไปให้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ขนาดใหญ่ได้โดยใช้ชิปแก้วที่มีขนาดเท่ากับนามบัตรและ สามารถรวมชิปไมโครฟลูอิดิกส์หลายพันชิ้นในเวลาเดียวกัน ทำให้สามารถสร้าง “โรงงานเคมีบนเดสก์ท็อป หรือ desktop chemical plant” ได้

คิตาโมริ อธิบายว่าอาจเป็นเรื่องยากเลยทีเดียวที่จะผสมสารเคมีในถังขนาดใหญ่หลายถังในพริบตาเดียวด้วยอุณหภูมิและความเร็วของปฏิกิริยาที่ต่างกัน และอาจมีการระเบิดได้หากไม่จัดการวัสดุอย่างระมัดระวัง ดังนั้นวิธีที่นิยมในการผสมสารเคมีคือการส่งผ่านไมโครแชนเนล ซึ่งทำให้สามารถควบคุมปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนผสมตามลำดับและเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ขั้นตอนสุดท้ายเหมาะสมที่สุด

คิตาโมริ กล่าวว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการลดขนาดของอุปกรณ์การผลิตสารเคมี เพื่อให้โรงงานที่ผลิตขนาด 20 x 20 เมตรในปัจจุบันสามารถย่อขนาดให้เล็กลงในระบบขนาดเพียงสองตารางเมตร ยิ่งไปกว่านั้นระบบดังกล่าวจะใช้พลังงานและวัสดุที่น้อยลง ทำให้มีราคาถูกลง และลดการผลิตคาร์บอนอีกด้วย

เมื่อหลายปีก่อน ตอนประธานโอกาวะ โยชิมิ ของ DAICEL ได้ยินเกี่ยวกับเทคโนโลยีไมโครฟลูอิดิกส์ที่พัฒนาโดยคิตาโมริ เขารู้สึกประทับใจอย่างยิ่งและตอนนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ DAICEL จะผสานรวมเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมนี้เข้ากับการดำเนินงาน นอกจากนี้เขายังตั้งตารอที่จะร่วมมือกับ NTHU ในการนำเสนอกระบวนการผลิตในยุคนี้สู่สายตาชาวโลก ซึ่งเขามองว่าเป็นแนวทางในการส่งเสริมความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน

Dr. Fan-gang Tseng รองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ NTHU กล่าวว่าเขามองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาโรงงานเคมีไมโครฟลูอิดิกส์ในอนาคต เขาชี้ให้เห็นว่าการนำกระบวนการไมโครฟลูอิดิกส์นี้ไปใช้โดย DAICEL ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเคมีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และโรงงานเคมีขนาดเล็กและขนาดกลางหลายแห่งของไต้หวันจะเป็นการก้าวกระโดดที่ปฏิวัติวงการ และอาจนำไปสู่กระบวนการที่คล้ายคลึงกันซึ่งถูกนำไปใช้โดยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และชีวการแพทย์

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211028005388/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
NTHU
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Azbil เปิดตัว Smart HART Modem รุ่น AZ-1SHM พร้อมฟังก์ชันพาวเวอร์ซัพพลายเพื่อการแก้ไขปัญหาการสื่อสารที่รวดเร็วในอุปกรณ์ภาคสนาม

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2564

Azbil Corporation (TOKYO:6845) ประกาศเปิดตัว Smart HART Modem รุ่น AZ-1SHM (ต่อไปนี้เรียกว่า “1SHM”) ซึ่งอำนวยความสะดวกในการกำหนดค่าและปรับแต่งอุปกรณ์ภาคสนามที่สอดคล้องกับการสื่อสาร HART®*1 ที่โรงงานและสถานที่ตั้งการผลิตอื่น ๆ 1SHM เปิดตัวในญี่ปุ่นและภูมิภาคอื่น ๆ*2 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211028005489/en/

Smart HART Modem model AZ-1SHM (Photo: Business Wire) p>Smart HART Modem model AZ-1SHM (รูปภาพ: Business Wire)

<

HART modem คืออุปกรณ์อินเตอร์เฟซการสื่อสารดิจิทัลสำหรับการตั้งค่าและกำหนดค่าอุปกรณ์ภาคสนามที่สอดคล้องกับการสื่อสารของ HART เช่น เซ็นเซอร์และวาล์ว (“อุปกรณ์ HART”) ซึ่งติดตั้งเป็นจำนวนมากที่สถานที่ตั้งการผลิต ในโรงงานแห่งใหม่หรือที่กำลังขยาย หรือระหว่างการปิดซ่อมบำรุง เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ตัวหลักผ่าน HART modems กับอุปกรณ์ HART เพื่อกำหนดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ในบางกรณีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินสาย สภาพแวดล้อมการเชื่อมต่อ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ หรือแหล่งจ่ายไฟอาจทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ในการตรวจสอบและบรรเทาปัญหา อาจจำเป็นต้องใช้แหล่งจ่ายไฟ เครื่องออสซิลโลสโคป หรืออุปกรณ์อื่น ๆ นอกจากนี้บางครั้งอุปกรณ์ภาคสนามยังถูกติดตั้งในที่ที่เข้าถึงยาก ทำให้คนงานตกอยู่ในภาวะอันตราย

1SHM ใหม่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ นอกจากฟังก์ชันอินเตอร์เฟซการสื่อสารแล้ว ยังมีฟังก์ชันระบุสาเหตุของปัญหาการสื่อสารระหว่างการกำหนดค่าและการตั้งค่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อแบบไร้สายและฟังก์ชันการจ่ายไฟ ทำให้การบำรุงรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น เนื่องจากโมเด็มสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ Azbil และ HART ของบริษัทอื่น ๆ เจ้าหน้าที่บำรุงรักษาจึงสามารถจัดการปัญหาด้านการสื่อสารได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วโดยใช 1SHM เครื่องเดียว

ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับรางวัล 2020 Good Design Award ในญี่ปุ่น และรางวัล 2021 Red Dot Award ในประเทศเยอรมนี

คุณสมบัติ

1. ไฟ LED เพื่อความเข้าใจอย่างรวดเร็วของสถานะอุปกรณ์

ไฟ LED ด้านหน้าช่วยให้ผู้ใช้เห็นสถานะพลังงานและการสื่อสารได้ทันที โดยข้อผิดพลาดเบื้องต้นที่ทำให้เกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ (ไม่มีแหล่งจ่ายไฟ การทำงานร่วมกันไม่ได้ ฯลฯ) สามารถตรวจพบได้อย่างรวดเร็ว

2. การวินิจฉัยปัญหาการสื่อสาร

1SHM เครื่องเดียวและซอฟต์แวร์ที่รวมอยู่มีฟังก์ชันที่โดยปกติจะต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ (เครื่องออสซิลโลสโคป มอนิเตอร์โปรโตคอล ฯลฯ) รวมถึงการแสดงรูปคลื่นการสื่อสาร ระดับเสียง และข้อมูลการสื่อสาร พนักงานสามารถระบุสาเหตุของปัญหาการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และลดเวลาการหยุดทำงาน

3. ไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ภาคสนาม

1SHM สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ HART เพื่อให้แน่ใจว่าการตั้งค่าและการกำหนดค่าที่เชื่อถือได้

4. การเชื่อมต่อแบบไร้สายกับอุปกรณ์ตัวหลัก

อุปกรณ์ภาคสนามบางครั้งเข้าถึงได้ยาก นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการทำงานอาจแย่ลงเนื่องจากสภาพอากาศ และอาจต้องการงานบำรุงรักษาในสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายกว่า 1SHM สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวหลักแบบไร้สายผ่าน Bluetooth Classic ได้ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถทำงานในที่ปลอดภัยได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ถูกจำกัดด้วยความยาวของสายเคเบิล

5. การออกแบบที่เข้าใจง่ายและมองเห็นได้ชัดเจนโดยคำนึงถึงการยศาสตร์

การออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้การใช้งานและการมองเห็นอย่างเต็มที่

เป้าหมายการขาย:

ปีงบประมาณ 2564: 250 หน่วย
ปีงบประมาณ 2565: 1,000 หน่วย
ปีงบประมาณ 2566: 1,500 หน่วย

ราคาขาย: 100,000 เยน (ไม่รวมภาษี)

รายละเอียดสินค้า:
https://www.azbil.com/products/factory/solution/equipment-asset-management/hart-foundation-fieldbus/hdfs-system/smart-hmodem/index.html

ภายใต้หลักปรัชญา “ระบบอัตโนมัติที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญ” Azbil Group ตั้งเป้าสร้างประโยชน์ “ในทิศทางที่สอดคล้องกัน” เพื่อสังคมที่ยั่งยืนและและและจัดหาโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

*1 Highway Addressable Remote Transducer: วิธีการสื่อสารที่ซ้อนทับสัญญาณดิจิตอลบนสัญญาณอะนาล็อก 4–20 mA

*2 การเปิดตัวในเดือนตุลาคมสำหรับจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และสถานที่อื่น ๆ 1SHM จะวางจำหน่ายในเกาหลีใต้ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

* HART® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ FieldComm Group

* Bluetooth® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Bluetooth SIG, Inc.

เกี่ยวกับ Azbil Corporation
Azbil Corporation หรือก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Yamatake Corporation บริษัทชั้นนำด้านอาคารและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการวัดและการควบคุมพัฒนาโซลูชันที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า เพื่อให้การดำเนินงานของพวกเขามีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น Azbil ก่อตั้งขึ้นในปี 2449 และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบายและการเติมเต็มเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 Azbil มีพนักงานกว่า 10,000 คนทั่วโลก และสร้างรายได้ถึง 246 พันล้านเยน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ https://www.azbil.com/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211028005489/en/

ติดต่อ:

Robert Jones
r.jones.j7@azbil.com
+81-(0)70-4219-9296
Public Relations Sect.
Azbil Corporation

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Fluence ประกาศราคาของ IPO

Logo

อาร์ลิงตัน เวอร์จิเนีย– (บิสิเนสไวร์)–28 ตุลาคม 2564

Fluence ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงานชั้นนำระดับโลกและแอพพลิเคชั่นดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ ได้ประกาศราคาการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกในหุ้นสามัญ Class A จำนวน 31,000,000 หุ้น ในราคา $28.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น  คาดว่าหุ้นสามัญ Class A เหล่านี้จะเริ่มซื้อขายในตลาด Nasdaq Global Select Market ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “FLNC” คาดว่าจะเสร็จสิ้นการเสนอขายหุ้นเบื้องต้นแก่ประชาชนทั่วไปในในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

นอกจากนี้ Fluence ยังให้ตัวเลือกแก่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายเป็นเวลา 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญ Class A เพิ่มเติมสูงสุด 4,650,000 หุ้นในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก โดยหักส่วนลดการรับประกันและค่าคอมมิชชั่น

JP Morgan Securities LLC, Morgan Stanley, Barclays Capital Inc. และ BofA Securities ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับข้อเสนอนี้ Citigroup Global Markets Inc., Credit Suisse Securities (USA) LLC, UBS Securities, LLC, Evercore Group LLC, HSBC Securities (USA) Inc. และ RBC Capital Markets, LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับการเสนอขาย Nomura Securities International, Inc., Robert W. Baird & Co. Incorporated, Raymond James & Associates, Inc., Seaport Global Securities LLC, Penserra Securities LLC และ Siebert Williams Shank & Co., LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น สามารถรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายอาจได้รับจาก: JP Morgan Securities LLC, c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, NY 11717 ทางโทรศัพท์ที่ 866-803-9204 หรือทางอีเมลที่ prospectus-eq_fi@jpmorganchase.com; Morgan Stanley & Co. LLC, Attention: Prospectus Department, 180 Varick Street, 2nd Floor, New York, NY 10014; Barclays Capital Inc., c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717 ทางอีเมลที่ barclaysprospectus@broadridge.com  หรือทางโทรศัพท์ที่ (888) 603-5847; BofA Securities, NC1-004-03-43, 200 North College Street, 3rd floor, Charlotte NC 28255-0001, Attn: Prospectus Department หรือทางอีเมล์ที่ dg.prospectus_requests@bofa.com

คำชี้แจงการลงทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้เสนอซื้อและจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ดังกล่าว

เกี่ยวกับ Fluence

Fluence บริษัทในเครือ Siemens และ AES เป็นผู้นำตลาดระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงานและแอปพลิเคชันดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ  เรามีการจัดเก็บพลังงานมากกว่า 3.4 GW ที่ปรับใช้หรือทำสัญญาในตลาด 29 แห่งทั่วโลก และพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์และการจัดเก็บหรือทำสัญญาในออสเตรเลียและแคลิฟอร์เนียรวม 4.5 GW  ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และแพลตฟอร์ม Fluence IQ ที่ใช้ AI เรากำลังช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการขับเคลื่อนโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211027006241/en/

สำหรับสื่อ

Edelman for Fluence
Julia Fisher
FluenceMedia@edelman.com

สำหรับนักลงทุน

Samuel Chong
samuel.chong@fluenceenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

DNP พัฒนาลีดเฟรม (Lead Frame) สำหรับแพ็คเกจ QFN (Quad Flat Non-leaded) เซมิคอนดักเตอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงขนาดจิ๋ว

Logo

– ตรวจสอบการจัดอันดับ MSL 1 สูงสุด (≤30°C/85% RH ไม่จำกัด) –

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2564

Dai Nippon Printing Co., Ltd. (DNP, โตเกียว: 7912) ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่มีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งกำหนดค่าบริเวณที่ชุบเงินด้วยกระแสไฟฟ้าที่มีความละเอียดสูงสำหรับลีดเฟรมที่ยึดชิปเซมิคอนดักเตอร์และเชื่อมต่อภายนอก นอกจากนี้เทคโนโลยีใหม่นี้ยังปรับปรุงการยึดเกาะด้วยเทคโนโลยีทำให้หยาบของพื้นผิวในมาตรฐานอุตสาหกรรมสูงสุดที่ผนึกพื้นผิวทองแดงกับสารประกอบของการขึ้นรูป

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211027005428/en/

Newly developed lead frame (Photo: Business Wire)

ลีดเฟรมที่พัฒนาขึ้นใหม่ (รูปภาพ: Business Wire)

โดยการนำเสนอลีดเฟรมที่มีความละเอียดและเชื่อถือได้สูงนี้ เราตั้งเป้าที่จะขยายการใช้แพ็คเกจ Quad Flat Non-leaded package (QFN) เซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานพาหนะ

DNP พัฒนาคุณสมบัติลีดเฟรม

DNP ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการผลิตไมโครไฟเบอร์ของเราที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเวลาหลายปี เพื่อให้บรรลุการกำหนดค่าบริเวณที่ชุบเงินด้วยกระแสไฟฟ้าแบบลีดเฟรมที่ ±25um ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังสามารถรักษาความน่าเชื่อถือในระดับสูงได้ด้วยการปรับปรุงการยึดเกาะของสารประกอบของการขึ้นรูปและลีดเฟรม

Joint Electron Device Engineering Council (JEDEC) ได้กำหนดระดับความไวต่อความชื้น (MSL) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันปรากฏการณ์ต่าง ๆ จากการขยายตัวของปริมาตรเนื่องจากการดูดซับและการกลายเป็นไอของความชื้นในอากาศในสารประกอบของการขึ้นรูปและ DNP ยินดีที่จะประกาศว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ของเราได้รับการตรวจสอบการจัดอันดับ MSL 1 สูงสุดแล้ว

การดำเนินต่อไปในอนาคต

DNP จะนำเสนอลีดเฟรมที่มีความละเอียดและเชื่อถือได้สูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้กับผู้ผลิตหลังการประมวลผลและขยายธุรกิจนี้ นอกจากนี้เราจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับโรงงานเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น และวางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่าภายในปีงบประมาณ 2566 โดยเทียบกับปีงบประมาณ 2563

เกี่ยวกับ DNP

ตั้งแต่ปี 2419 DNP เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการพิมพ์และเชื่อมโยงบุคคลและสังคมเข้าด้วยกัน และมอบคุณค่าใหม่ ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ DNP ใช้ประโยชน์จากความสามารถหลักในด้านการผลิตไมโครไฟเบอร์และเทคโนโลยีการเคลือบที่แม่นยำเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดจอแสดงผล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และฟิล์มใส โดยถือครองส่วนแบ่งการตลาดชั้นนำระดับโลกในฟิล์มใสสำหรับจอแสดงผลและโฟโตมาสก์สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ เรานำเสนอโซลูชั่นการสื่อสารแห่งอนาคต เช่น Vapor Chamber และ Reflect Array เพื่อสนับสนุนสังคมข้อมูลที่สะดวกสบาย

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211027005428/en/

ติดต่อสื่อ:
Yusuke Kitagawa, IR and Public Relations Division
+81-3-6735-0101
kitagawa-y3@mail.dnp.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


2021 Taiwan Innotech Expo รวมนิทรรศการในสถานที่และออนไลน์เพื่อนำร่องนวัตกรรมผ่านทั้งสภาพแวดล้อมจริงและเสมือนจริง โดยนำร่องคลื่นดิจิทัลของไต้หวัน

Logo

ไทเป ไต้หวัน–(บิสิเนสไวร์)–26 ต.ค. 2564

2021 Taiwan Innotech Expo ได้จัดพิธีเปิดในวันที่ 14 เดือนตุลาคมปีนี้ โดยนับเป็นปีแรกที่งานมหกรรมรวมทั้งสภาพแวดล้อมในสถานที่และเสมือนเพื่อจัดกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์  หนึ่งในกิจกรรมคือโซนพาวิลเลี่ยน “Innovation Pilot” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมที่นำไปใช้ได้ในอุตสาหกรรมภายใน 5 ปีข้างหน้า  นอกเหนือจากการจัดแสดงเทคโนโลยีแล้ว งานนิทรรศการยังแยกออกเป็นฟอรัมนานาชาติ การนำเสนอเทคโนโลยี และอื่นๆ อีกมากมาย งานนี้เชิญทุกคนเข้าร่วมการประชุมทางเทคโนโลยีที่มีสิ่งประดิษฐ์มากกว่า 300 รายการ

แพลตฟอร์มเสมือนจริงของ TIE ก่อให้เกิดความร่วมมือแบบสหวิทยาการและการเชื่อมต่อกับโลก

ในขณะที่การแพร่ระบาดได้ชะลอตัวลง ผู้จัดงานได้ตัดสินใจนำการจัดแสดงในสถานที่ที่ทุกคนคุ้นเคยกลับคืนมา และสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมได้นำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม 45 รายการมาจัดแสดง รวมถึงไฮไลท์ผลงานสร้างสรรค์ทางออนไลน์อีกมากมาย  อินเทอร์เฟซสำหรับนิทรรศการออนไลน์ครั้งนี้ใช้งานได้ง่าย โดยผู้เข้าชมสามารถเห็นเนื้อหาหลักสี่รายการที่จัดเรียงในเมนูแบบเลื่อนได้ทันที ซึ่งได้แก่ การจัดแสดงเสมือนจริงที่มีธีมพิเศษ ฟอรัมเทคโนโลยี การนำเสนอเทคโนโลยี และจุดเน้นด้านเทคโนโลยี ผู้เข้าชมสามารถชมคลิปทางเทคนิคระดับมืออาชีพจำนวนมาก และมีกิจกรรมบนกำแพงให้กับสื่อและผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสกับการรวบรวมข้อมูลที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม

ฟอรัมและการนำเสนอด้านเทคโนโลยี Innovation Pilot Pavilion เติมเต็มวันของคุณด้วยความรู้

ใน Innovation Pilot Pavilion สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมได้เป็นเจ้าภาพในการนำเสนอเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นและการประชุมจับคู่ 3 กิจกรรม โดยหัวข้อแรกในวันเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่นี้คือ “นวัตกรรมอัจฉริยะ”  อีกสองการประชุมได้แก่หัวข้อ “การป้องกันการระบาดใหญ่ด้วยการสัมผัสเป็นศูนย์” และ“การผลิตสีเขียว” โดยกิจกรรมเหล่านี้ถูกจัดขึ้นในวันที่ 19 เดือนตุลาคมและ 22 ลำดับ  ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการเปิดตัวครั้งใหญ่ (15 ตุลาคม) มีฟอรัมเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมที่รอคอยอย่างมาก ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศและต่างประเทศจาก TSMC และ MediaTek ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยถอดรหัสเศรษฐกิจ 5G ใหม่  การจัดแสดงนิทรรศการเสมือนจริงและฟอรั่มยังคงดำเนินต่อไปทางออนไลน์หลังจากการจัดแสดงนิทรรศในสถานที่ รวมถึงการประชุม Innovative Technology Strategic Partnership ครั้งที่ 8 ซึ่งนำโดยกรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม โดยมีหัวหน้าฝ่ายพัฒนาวิทยาศาสตร์จาก 5 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย  ผู้เชี่ยวชาญในภาครัฐ ธุรกิจ สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยจากไต้หวันและต่างประเทศได้ร่วมกันหารือเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีหลังเกิดโรคระบาด โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีรอบใหม่ระหว่างไต้หวันและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในหัวข้อเทคโนโลยีเกิดใหม่ในยุคหลังโรคระบาด

ภาคการผลิตและการวิจัยจับมือกันนำเทคโนโลยีสร้างสรรค์ที่ทันสมัยใน 6 สาขาหลัก

สำนักพัฒนาอุตสาหกรรม กรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม การบริหารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาพัฒนาแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม ได้รวมกันนำเสนอผลงานชิ้นเอกที่เป็นนวัตกรรมของภาคอุตสาหกรรมของไต้หวัน โดยแสดงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในหกด้าน ได้แก่ การผลิตอัจฉริยะ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ชีวิตอัจฉริยะ การแพทย์ขั้นสูง การป้องกันและการบินและอวกาศ และขุมทรัพย์ทางเทคโนโลยี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของไต้หวันในการวิจัยและพัฒนาและการเข้าถึงทั่วโลก

สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมยังได้เชิญตัวแทนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวน 14 รายที่ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงเศรษฐกิจเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ล่าสุดในงานนิทรรศการทางกายภาพ รวมถึงบริษัทดังต่อไปนี้  อันดับแรก Highlight Tech Corp ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายแรกของ เทคโนโลยีระบบย่อยสูญญากาศและบริการสู่สาธารณะในไต้หวัน  ในระหว่างงาน Expo Highlight Tech Corp บริษัทได้แสดงโซลูชันการตรวจสอบสถานะบน IoT สำหรับอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ และระบบตรวจสอบไอเสียอัจฉริยะ หลังจากที่เริ่มต้นในการแปรรูปแม่พิมพ์แบบดั้งเดิม Gudeng ยังคงอัพเกรดเทคโนโลยีและก้าวข้ามไปสู่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้สำเร็จในปี 2542  คราวนี้ Gudeng ได้จัดแสดง EUV Pod ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง สุดท้าย บริษัท Buffalo Machinery Co. ได้แสดง AXILE G8 ซึ่งอาจรวมเข้ากับระบบโรงงานอัจฉริยะเพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงปราศจากการหยุดทำงานโดยไม่คาดคิด

งาน Taiwan Innotech Expo ปี 2021 นี้มีการจัดแสดง 3 มิติของเทคโนโลยีล้ำสมัย ฟอรัมเทคโนโลยี การนำเสนอเทคโนโลยี และกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอื่นๆ ทุกวันจนกว่าจะปิด TIE  ขอเชิญชวนทุกคนให้มาทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีล้ำสมัย พัฒนาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดทั่วโลก และมีส่วนร่วมในโอกาสทางธุรกิจที่ร่วมมือกัน  งาน Taiwan Innotech Expo ปี 2021 ได้จัดนิทรรศการในสถานที่และเสมือนจริงพร้อมกันในวันที่ 14 ตุลาคม เพื่อเปิดเผยเทคโนโลยีใหม่และส่งเสริมการอภิปรายเชิงพาณิชย์ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์

ลิงค์นิทรรศการออนไลน์: https://tie.twtm.com.tw/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211021006156/en/

สื่อ

Vivian Tseng
Office of Marketing (ฝ่ายสื่อสารการตลาด)
+886-3-5917680
tsengvivian@itri.org.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย