Category Archives: Technology

Guardant Health เข้าซื้อกิจการร่วมทุน Guardant Health AMEA

Logo

พาโลอัลโต, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–13 มิถุนายน 2565

Guardant Health, Inc. (NASDAQ:GH) บริษัทชั้นนำด้านเนื้องอกวิทยาที่มีความแม่นยำ ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของ Guardant Health AMEA, Inc. ซึ่งถือครองโดย SoftBank และบริษัทในเครือ ทำให้บริษัทสามารถควบคุมการดำเนินงานทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาได้อย่างเต็มที่

ผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่โดยประมาณทั่วโลกมากกว่าครึ่งมาจากเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMEA)1 การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยให้ Guardant Health จัดการกับภาระมะเร็งที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคได้โดยตรงผ่านการเร่งนำการตรวจเลือดและบริการของบริษัทไปใช้ โดยผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อตรวจหาและจัดการกับมะเร็งทุกระยะ

การดำเนินงานของ Guardant Health AMEA จะรองรับ 41 ประเทศทั่วภูมิภาค ในขั้นตอนอันใกล้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการนำบริการตรวจเลือดไปยังผู้ให้บริการด้านสุขภาพและผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลามในญี่ปุ่น โดยในเดือนมีนาคม 2565 กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการของประเทศญี่ปุ่น (MHLW) ได้รับการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับของ Guardant360® CDx ซึ่งเป็นการตรวจเลือดเพื่อหาเนื้องอกที่กลายพันธุ์ในผู้ป่วยที่มีเนื้องอกระยะลุกลาม

Helmy Eltoukhy ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ Guardant Health กล่าวว่า “การซื้อหุ้นที่เหลือของ Guardant Health AMEA ทำให้เรามุ่งเน้นไปที่การสร้างองค์กรระดับโลกแบบรวมศูนย์หนึ่งเดียวที่มอบคำมั่นสัญญาในการต่อสู้กับมะเร็งและช่วยให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น เราเชื่อว่าการทดสอบด้วยเลือดจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยจัดการกับการเกิดมะเร็งที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค และเราหวังว่าจะได้ช่วยเหลือผู้ป่วยในด้านการวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อไปพร้อมกับขยายการดำเนินงานในตลาดเหล่านี้”

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2561, Guardant Health และ SoftBank Vision Fund ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Guardant Health AMEA เพื่อขยายการจำหน่ายเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมด้านการตรวจเลือดของ Guardant Health ทั่วทั้งภูมิภาค ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงร่วมทุนของทั้งสองฝ่ายนี้ Guardant Health จะจ่ายเงินประมาณ 177.8 ล้านดอลลาร์เพื่อเข้าซื้อหุ้นของ Guardant Health AMEA ที่ถือครองโดย SoftBank และบริษัทในเครือ

เกี่ยวกับ Guardant Health

Guardant Health เป็นบริษัทชั้นนำด้านเนื้องอกวิทยาที่มีความแม่นยำที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือเพื่อเอาชนะมะเร็งทั่วโลกผ่านการทดสอบที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ และการวิเคราะห์ขั้นสูง แพลตฟอร์มด้านเนื้องอกวิทยาของ Guardant Health ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการขับเคลื่อนการใช้งานเชิงพาณิชย์ เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วย และลดต้นทุนด้านการรักษาพยาบาลในทุกขั้นตอนของการดูแลมะเร็งอย่างต่อเนื่อง Guardant Health ได้เปิดตัวการทดสอบเชิงพานิชย์ของ Guardant360®, Guardant360 CDx, Guardant360 TissueNext™, Guardant360 Response™ และ GuardantOMNI® สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม และ Guardant Reveal™ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มต้น กลุ่มผลิตภัณฑ์การตรวจคัดกรองของ Guardant Health ซึ่งประกอบด้วย การทดสอบ Shield™ ที่เปิดตัวในเชิงพาณิชย์ มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนที่มีสิทธิ์ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็ง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ guardanthealth.com และติดตามบริษัทผ่าน LinkedIn และ Twitter

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าซึ่งอยู่ในความหมายของกฎหมายและข้อบังคับด้านหลักทรัพย์ที่บังคับใช้โดยทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยคำแถลงเกี่ยวกับสาธารณูปโภค ค่านิยม ประโยชน์ และข้อดีที่เป็นไปได้ของการทดสอบหรือวิเคราะห์เลือดเพื่อตรวจหามะเร็งของ Guardant Health ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างออกไปอย่างมากจากผลลัพธ์และความคาดหมายที่คาดการณ์ไว้ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ แถลงการณ์เหล่านี้อิงตามความคาดหมาย การคาดการณ์และสมมติฐานในปัจจุบัน และผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากแถลงการณ์เหล่านี้เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเพิ่มเติมเหล่านี้ที่อาจส่งผลต่อผลประกอบการและการเงินของ Guardant Health และทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้จะประกอบด้วยแถลงการณ์บรรยายเกี่ยวกับ “ปัจจัยเสี่ยง” และ “การอภิปรายและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหารด้านสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน” และอื่น ๆ ในรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และในรายงานอื่น ๆ ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์นี้อิงตามข้อมูลที่มีอยู่ใน Guardant Health ณ วันที่ในที่นี้ และ Guardant Health ปฏิเสธภาระผูกพันใด ๆ ในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ให้ไว้เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในความคาดหมายหรือเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงใด ๆ เงื่อนไข หรือพฤติการณ์ที่บนพื้นฐานของแถลงการณ์ดังกล่าว ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ไม่ยึดเป็นการแสดงความเห็นของ Guardant Health ณ วันที่ใด ๆ ต่อจากวันที่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้

อ้างอิง

  1. เว็บไซต์องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งขององค์การอนามัยโลก Gco.iarc.fr เข้าถึงเมื่อ 11 พฤษภาคม 2565 https://gco.iarc.fr/today/fact-sheets-populations

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220613005309/en/

ติดต่อ:

นักลงทุนติดต่อที่:
Alex Kleban
investors@guardanthealth.com
+1 657-254-5417

สื่อติดต่อที่:
Michele Rest
press@guardanthealth.com
+1 215-910-2138

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Recover™ เร่งการเติบโตด้วยเงินลงทุนส่วนน้อย 100 ล้านดอลลาร์ นำโดย Goldman Sachs Asset Management ร่วมมือกับนักลงทุนที่มีอยู่ STORY3 Capital Partners

Logo

การลงทุนในตราสารทุนครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นเนื่องจากความยั่งยืนที่กลายมาเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับผู้ค้าปลีกและแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

มาดริด–(BUSINESS WIRE)–09 มิถุนายน 2565

Recover™ บริษัทด้านวิทยาศาสตร์วัสดุชั้นนำและผู้ผลิตเส้นใยฝ้ายรีไซเคิลและเส้นใยฝ้ายผสมระดับพรีเมียมและยั่งยืน ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้ปิดการลงทุนในหุ้นส่วนน้อยจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดยธุรกิจการลงทุนที่ยั่งยืนภายใน Goldman Sachs Asset Management (Goldman Sachs) โดย Goldman Sachs กำลังลงทุนร่วมกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง STORY3 Capital Partners

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220607005869/en/

Goldman Sachs x Recover™ (Photo: Business Wire)

Goldman Sachs x Recover™ (ภาพ: Business Wire)

Recover จะใช้การลงทุนเพื่อเร่งการขยายธุรกิจและกำลังการผลิตทั่วโลก ซึ่งช่วยให้แบรนด์ชั้นนำและผู้ค้าปลีกสามารถนำแนวคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนไปปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น Recover ให้บริการผู้ค้าปลีก แบรนด์ และผู้ขายที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึง Primark, Inditex, C&A, Revolve และ Lands' End

เส้นใยฝ้ายรีไซเคิลที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Recover ช่วยลดคาร์บอนและความเข้มข้นของน้ำในห่วงโซ่อุปทานของเครื่องแต่งกาย ที่กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของภาคส่วนเครื่องแต่งกายในการทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดย Recover ประมาณการว่าการลงทุนครั้งใหม่นี้จะวาง Recover บนเส้นทางเพื่อเพิ่มการผลิตเส้นใยฝ้ายรีไซเคิลกว่า 350,000 เมตริกตันต่อปีภายในปี 2569 ประหยัดน้ำได้มากถึง 5 ล้านล้านลิตรต่อปี เทียบเท่ากับน้ำดื่มที่บริโภคโดยผู้คนกว่า 4.5 พันล้านคนในแต่ละปี และช่วยลดการปล่อยคาร์บอน พลังงาน และการใช้ที่ดินอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเส้นใยฝ้ายสังเคราะห์ อ้างอิงจากการวิจัยในอุตสาหกรรม*

“Goldman Sachs มุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรกับธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมในการช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืน” Letitia Webster กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของแผนกบริหารจัดการสินทรัพย์ของ Goldman Sachs กล่าว “Recover เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในด้านเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอด้วยโซลูชั่นที่ยั่งยืนที่จำเป็นมากซึ่งมีพื้นฐานมาจากวัสดุศาสตร์ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ลงทุนในการเติบโตของ Recover เพื่อเร่งการผลิตตามขนาดและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง” Webster จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของ Recover ในการทำธุรกรรมครั้งนี้

Alfredo Ferre ผู้ดูแลครอบครัวรุ่นที่สี่และซีอีโอของ Recover กล่าวว่า “Recover กำลังช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ Goldman Sachs เพื่อเร่งการเติบโตของเรา” Ben Malka หุ้นส่วนปฏิบัติการของ STORY3 Capital Partners และประธานบริหารของ Recover กล่าวว่า “Recover ได้ทำให้ศิลปะและวิทยาศาสตร์สมบูรณ์แบบในการผลิตตามสัดส่วนของเส้นใยฝ้ายรีไซเคิลแบบยั่งยืนมากว่า 70 ปีในตระกูล Ferre หลายรุ่นในประเทศสเปน ในวันนี้ Recover นำเสนอโซลูชันที่มีพื้นฐานมาจาก IP ที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งให้เส้นใยฝ้ายรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและต้นทุนที่แข่งขันได้สำหรับทั้งการผลิตแบบโรเตอร์และแบบวงแหวน”

แบรนด์ Recover เป็นส่วนสำคัญของคำมั่นสัญญาและการรับรองด้านความยั่งยืนของผู้ค้าปลีกและแบรนด์ชั้นนำ และจำนวนลูกค้าของ Recover ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมแบรนด์กับ Recover ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาผลิตด้วยเส้นใยฝ้ายรีไซเคิลของบริษัท ทั้งนี้ Recover ดำเนินธุรกิจในตลาดฝ้ายมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและธุรกิจที่กำหนดหมวดหมู่สินค้าที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทได้เปิดศูนย์กลางการผลิตแห่งใหม่ในปากีสถานและบังคลาเทศ โดยมีศูนย์กลางเพิ่มเติมในบังคลาเทศและเวียดนามที่จะเปิดในระยะเวลาอันใกล้นี้

“เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในวงกว้างในอุตสาหกรรมแฟชั่น เราต้องการพันธมิตรและความร่วมมือกับนักนวัตกรรมอย่าง Recover” Lynne Walker ผู้อำนวยการ Primark Cares ของ Primark กล่าว “เมื่อเราเพิ่มการใช้เส้นใยฝ้ายรีไซเคิลของ Recover ในผลิตภัณฑ์ Primark การลงทุนนี้จะช่วยให้เราปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของเราในการสร้างแฟชั่นที่ยั่งยืนมากขึ้นในราคาที่ลูกค้าหลายล้านคนสามารถซื้อได้”

Peter Comisar หุ้นส่วนผู้บริหารจัดการของ STORY3 Capital Partners และอดีตหุ้นส่วนของ Goldman Sachs กล่าวว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ความร่วมมือของเรากับ Recover ช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างมากนับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการในปี 2563 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ด้วยโซลูชั่นที่ยั่งยืน Recover อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านเส้นใยฝ้ายที่ยั่งยืน และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมมือกับ Goldman Sachs ในวิวัฒนาการขั้นต่อไปของ Recover”

*แหล่งที่มา: การศึกษา LCA ได้รับการยืนยันโดย AITEX, Universitat de València และ UNESCO

เกี่ยวกับ Recover™

Recover™ เป็นบริษัทวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุชั้นนำและผู้ผลิตเส้นใยฝ้ายรีไซเคิลและเส้นใยฝ้ายผสมที่มีผลกระทบต่ำและมีคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และต้นทุนที่แข่งขันได้ถูกสร้างขึ้นโดยความร่วมมือกับห่วงโซ่อุปทานสำหรับผู้ค้าปลีกและแบรนด์ระดับโลก โดยนำเสนอโซลูชันที่ยั่งยืนต่อแนวคิดหมุนเวียนบนแฟชั่น ในฐานะที่เป็นบริษัทครอบครัวรุ่นที่สี่ซึ่งมีประวัติยาวนาน 70 ปีในอุตสาหกรรมสิ่งทอ Recover อยู่ในภารกิจที่จะขยายขอบเขตเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างผลเชิงบวกที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นพันธมิตรกับแบรนด์/ผู้ค้าปลีก และผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนของอุตสาหกรรม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.recoverfiber.com และติดตาม @recoverfiber บนโซเชียลมีเดีย

เกี่ยวกับ STORY3 Capital Partners

STORY3 เป็นผู้จัดการการลงทุนทางเลือกชั้นนำที่มุ่งเน้นเฉพาะในห่วงโซ่คุณค่าของผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่อยู่บริเวณจุดตัดของผู้บริโภคและความยั่งยืน นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในเดือนตุลาคม 2561 ทีมงาน STORY3 ได้จัดหา จัดการ และดำเนินการธุรกรรมเงินทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในธุรกิจที่ต้องเผชิญกับผู้บริโภค STORY3 ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่นและจับคู่ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง การสนับสนุนด้านปฏิบัติการ และประสบการณ์การทำธุรกรรมที่ไม่เหมือนใคร เพื่อสนับสนุนการสร้างมูลค่าให้กับพันธมิตร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.story3capital.com

เกี่ยวกับ Goldman Sachs Asset Management

การรวมการลงทุนแบบดั้งเดิมและทางเลือกเข้าด้วยกัน Goldman Sachs Asset Management ช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกมีพันธมิตรที่ทุ่มเทและมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพในระยะยาว ในฐานะที่เป็นพื้นที่การลงทุนหลักภายใน Goldman Sachs (NYSE: GS) เราให้บริการด้านการลงทุนและการให้คำปรึกษาแก่สถาบันชั้นนำของโลก ที่ปรึกษาทางการเงิน และบุคคลทั่วไป โดยใช้เครือข่ายระดับโลกที่เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งของเราและข้อมูลเชิงลึกของผู้เชี่ยวชาญที่ปรับให้เหมาะสมในทุกภูมิภาคและตลาด โดยดูแลทรัพย์สินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายใต้การดูแลทั่วโลก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ทั้งนี้ขับเคลื่อนด้วยความกระตือรือร้นในประสิทธิภาพของลูกค้าของเรา เราพยายามสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวตามความเชื่อมั่น ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และความสำเร็จร่วมกันเมื่อเวลาผ่านไป ติดตามเราบน LinkedIn

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220607005869/en/

ติดต่อสื่อ:
สำหรับ Recover และ STORY3
Stacy Berns / Michael McMullan
Berns Communications Group
sberns@bcg-pr.com / mmcmullan@bcg-pr.com

สำหรับ Goldman Sachs
Avery Reed
Goldman Sachs & Co. LLC
Avery.Reed@GS.com
+1 212 902 5400

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





Cyble กวาดรางวัล Editor’s Choice ด้านการตรวสอบข้อมูลภัยคุกคาม พร้อมรางวัลอื่น ๆ รวม 8 สาขาในการประกาศรางวัล Global InfoSec Awards 2022

Logo

Cyble คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจากงาน Global InfoSec Awards ครั้งที่ 10 – #RSAC 2022

อัลฟาเรตตา, จอร์เจีย–(BUSINESS WIRE)–08 มิถุนายน 2565

Cyble บริษัทตรวจสอบข้อมูลภัยคุกคามทางไซเบอร์ด้วยเทคโนโลยี AI ระดับโลกที่สนับสนุนโดย Y Combinator มีความภูมิใจที่จะประกาศว่า บริษัทได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะใน 8 สาขาในการประกาศมอบรางวัล Global InfoSec ประจำปีครั้งที่ 10 โดย Cyber Defense Magazine (CDM) ซึ่งเป็นนิตยสารด้านความปลอดภัยของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำในอุตสาหกรรม

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220607006027/en/

Cyble wins prestigious awards at the 10th Annual Global InfoSec Awards - #RSAC 2022 (Graphic: Business Wire)

Cyble คว้ารางวัลอันทรงเกียรติจากงาน Global InfoSec Awards ประจำปีครั้งที่ 10 – #RSAC 2022 (กราฟิก: Business Wire)

  • รางวัล Editor's Choice ด้านการตรวจจับภัยคุกคาม
  • การจัดการรูปแบบการโจมตีที่ครอบคลุมที่สุด
  • การวิเคราะห์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ยุคใหม่
  • เทคโนโลยี AI ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทันสมัยที่สุด
  • บริการแบบกำหนดเป้าหมายที่ช่วยป้องกันภัยภัยคุกคามยอดนิยม
  • บริษัทสตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยของข้อมูลยุคใหม่แห่งปี
  • รางวัล Publisher's Choice บริษัทด้านความปลอดภัยแห่งปี
  • การบริหารความเสี่ยงบุคคลที่สามรุ่นถัดไป (TPRM)

การมอบรางวัลนี้ตอกย้ำตำแหน่งของ Cyble ในฐานะผู้บุกเบิกการแก้ปัญหาพื้นฐานของการแปลงเสียงให้กลายเป็นข้อมูลด้านภัยคุกคามที่สำคัญได้

Cyble ช่วยอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจมีความต่อเนื่องโดยให้ข้อมูลภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องและทันเวลาที่เกิดขึ้นบนเว็บปกติ (surface web) เว็บเฉพาะกลุ่ม (deepweb) เว็บมืด (darkweb) และอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีองค์กรและบุคคลเป็นเป้าหมาย บริษัทจะมอบความสามารถที่ผสานกันของข้อมูลภัยคุกคามทางไซเบอร์ บริการป้องกันความเสี่ยงดิจิทัล และการตรวจจับอาชญากรรมทางไซเบอร์และเว็บมืด Cyble Vision ซึ่งเป็นโซลูชันซอฟต์แวร์ระดับองค์กรของบริษัทจะแจ้งเตือนผู้ใช้งานด้วยบริบทที่เพียงพอเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงทางไซเบอร์และจัดลำดับความสำคัญผ่านการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์และการดำเนินการด้านข้อมูลภัยคุกคาม วัตถุประสงค์สูงสุดของ Cyble คือการให้องค์กรสามารถมองเห็นช่องโหว่จากร่องรอยทางดิจิทัลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้กับภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

Gary S. Miliefsky ผู้จัดพิมพ์นิตยสาร Cyber Defense กล่าวว่า “Cyble ประกอบคุณสมบัติหลัก 3 ประการที่ตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ได้แก่ ความเข้าใจในวันนี้ถึงภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า การมอบโซลูชันที่คุ้มค่าใช้จ่าย และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในรูปแบบที่คาดไม่ถึงซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงทางไซเบอร์และเดินนำหน้าภัยคุกคามครั้งต่อไปหนึ่งก้าว”

Manish Chachada ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Cyble กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและขอบคุณนิตยสาร Cyber Defense สำหรับรางวัลนี้ ที่ Cyble เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่พัฒนาขึ้นในอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเราได้ทำงานเพื่อแก้ไขข้อกังวลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนในปัจจุบันให้แก่ลูกค้าของเรา รางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องหมายแห่งความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อบริการของเรา และในช่วงเวลาที่ Cyble ยังคงก้าวเดินไปสู่จุดสูงสุด เราก็จะพยายามรักษาเป้าหมายของเราในการมอบความเท่าเทียมด้านบริการป้องกันความเสี่ยงทางดิจิทัลผ่านระบบอัตโนมัติ การวิเคราะห์มนุษย์ และนวัตกรรม”

Cyble Hawk เป็นสำนักงานบังคับคดี (LEA) และโซลูชันป้องกันภัยคุกคามของ Cyble มีเป้าหมายช่วยเหลือสำนักงานบังคับคดีและหน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะ ในการรวบรวม วิเคราะห์ และตอบโต้ต่อการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก ๆ และยังเสริมทัพด้วยการวิเคราะห์และการวิจัย SIGINT ของ Cyble ที่อาจสร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง

Beenu Arora ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Cyble กล่าวว่า “เรารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์อันทรงเกียรติและเป็นที่ปรารถนามากที่สุดในโลกจากนิตยสาร Cyber Defense และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของงานซึ่งจัดขึ้นโดย CDM และขอแสดงความยินดีกับนิตยสารเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี ในฐานะผู้ให้บริการข่าวและข้อมูลความปลอดภัยทางไซเบอร์อิสระ เราทราบว่าการแข่งขันเป็นไปอย่างยากลำบาก และกรรมการต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับต้น ๆ ด้านความปลอดภัยของข้อมูลจากทั่วโลก เราจึงยิ่งยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการได้รับรางวัลเหล่านี้”

เกี่ยวกับ Cyble

Cyble เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การป้องกันภัยคุกคามระดับโลกที่ช่วยให้องค์กรปกป้องตนเองจากอาชญากรรมทางไซเบอร์และการเผชิญกับเว็บปกติ (surface web) เว็บเฉพาะกลุ่ม (deepweb) และเว็บมืด (darkweb) ความตั้งใจหลักของบริษัทคือการทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถมองเห็นร่องรอยความเสี่ยงทางดิจิทัลแบบเรียลไทม์ได้ Cyble ได้รับการสนับสนุนจาก Blackbird Ventures, Xoogler และ Y Combinator ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้สนับสนุนในฤดูหนาวปี 2564 Cyble ยังได้รับการยอมรับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นหนึ่งใน 20 อันดับแรกของบริษัทสตาร์ทอัพด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีที่สุด และรางวัลชื่นชมในสาขาอื่น ๆ อีกหลายรายการ Cyble มีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานในออสเตรเลีย สิงคโปร์ และอินเดีย และยังมีสาขาอยู่ทั่วโลกอีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cyble ได้ที่ www.cyble.com

เกี่ยวกับ CDM InfoSec Awards

งานนี้เป็นการประกาศรางวัลเกียรติยศให้แก่ผู้ออกแบบนวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลระดับโลกของนิตยสาร Cyber Defense ปีที่ 10 เงื่อนไขผู้เข้าร่วมของเราได้แก่บริษัทสตาร์ทอัพ ในระยะเริ่มต้น และในระยะปลาย หรือบริษัทมหาชนในด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (INFOSEC) ที่เชื่อว่าตนเองมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีมูลค่าและเป็นเอกลักษณ์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cyberdefenseawards.com

เกี่ยวกับคณะกรรมการตัดสิน

คณะกรรมการตัดสิน ประกอบด้วย CISSP, FMDHS, CEH เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองจะลงคะแนนโหวตตามมุมมองของตนเองโดยดูจากเอกสารที่แต่ละบริษัทยื่นบนเว็บไซต์ในขั้นตอนการสมัคร ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเอกสารข้อมูล สมุดปกขาว ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และตัวแปรตลาดอื่น ๆ CDM ยึดถือในหลักการที่ยืดหยุ่นเพื่อเฟ้นหาผู้ออกแบบนวัตกรรมที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ ๆ แทนที่จะเป็นผู้ออกแบบนวัตกรรมที่มีลูกค้าหรือเงินในธนาคารมากที่สุด CDM มักจะถามว่า “ขั้นต่อไปคืออะไร” ดังนั้นเราจึงมองหาโซลูชันการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลรุ่นใหม่

เกี่ยวกับนิตยสาร Cyber Defense

Cyber Defense Magazine เป็นแหล่งข่าวและข้อมูลความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำสำหรับวิชาชีพด้านความปลอดภัยของข้อมูลในธุรกิจและรัฐบาล เราได้รับการจัดการและเผยแพร่โดยและสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูลที่มีจริยธรรม ซื่อสัตย์ และกระตือรือร้น ภารกิจของเราคือการแบ่งปันความรู้ที่ทันสมัย ​​เรื่องราวในโลกแห่งความเป็นจริง และรางวัลเกี่ยวกับแนวคิด ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เราจัดส่งนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ฟรีทุกเดือนผ่านทางออนไลน์ และฉบับพิเศษเฉพาะสำหรับการประชุม RSA, CDM เป็นสมาชิกที่น่าภาคภูมิใจของ Cyber ​​Defense Media Group เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราที่ https://www.cyberdefensemagazine.com และเยี่ยมชม https://www.cyberdefensetv.com รวมถึง https://www.cyberdefenseradio.com เพื่อดูและฟังหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่มีประโยชน์มากที่สุดจากผู้บริหารบริษัทที่ชนะรางวัลเหล่านี้ เข้าร่วมการสัมมนาผ่านเว็บที่ https://www.cyberdefensewebinars.com และตระหนักว่าความรู้ความปลอดภัยของข้อมูลคือพลัง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220607006027/en/

ติดต่อ:

สื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cyble ได้ที่
อีเมล: enquiries@cyble.com
มือถือ: +1 678 379 3241

สื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CDM ได้ที่
ติดต่อ: Irene Noser, Marketing Executive
อีเมล: marketing@cyberdefensemagazine.com
โทรฟรี (สหรัฐอเมริกา): 1-833-844-9468
โทรระหว่างประเทศ: 1-646-586-9545
เว็บไซต์: www.cyberdefensemagazine.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เพิ่มวงจรขับเกตมอสเฟตใหม่ 5 รายการ ที่จะช่วยลดฟุตพริ้นท์ของอุปกรณ์

Logo

– ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ TCK42xG รองรับการเชื่อมต่อแบบหลังชนหลังของมอสเฟตชนิดที่ใช้ภายนอก –

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–07 มิถุนายน 2565

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เพิ่ม 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในไลน์อัพของวงจรขับเกตมอสเฟต ซีรีย์ TCK42xG สำหรับอุปกรณ์มือถือ เช่น อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ในซีรีส์นี้มาพร้อมฟังก์ชันหยุดการทำงานเมื่อแรงดันเกินและฟังก์ชันควบคุมแรงดันเกตของมอสเฟตที่ใช้ภายนอกตามแรงดันขาเข้า

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220530005063/en/

Toshiba: new MOSFET gate driver ICs

Toshiba: วงจรขับเกตมอสเฟตใหม่ “ซีรียส์ TCK42xG” ที่จะช่วยลดฟุตพริ้นท์ของอุปกรณ์ (กราฟิก: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์ใหม่ประกอบด้วย “TCK420G” สำหรับสายไฟขนาด 24V; “TCK422G” และ “TCK423G” สำหรับสายไฟขนาด 12V; “TCK424G” สำหรับสายไฟขนาด 9V และ “TCK425G” สำหรับสายไฟขนาด 5V และยังมีที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้คือ “TCK421G” สำหรับสายไฟขนาด 20V ซึ่งวางจำหน่ายในขณะนี้

ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มเข้ามา ตอนนี้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ตระกูล TCK42xG จึงสามารถเลือกแรงดันระหว่างขั้วเกต-ซอร์สได้สองประเภท คือ 10V และ 5.6V ซึ่งครอบคลุมการใช้งานกับมอสเฟตที่มากขึ้น นอกจากนี้ ไลน์อัพดังกล่าวยังมีแรงดันตรวจจับหลายระดับสำหรับฟังก์ชันหยุดการทำงานเมื่อแรงดันเกิน ซึ่งทำให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กับสายไฟขนาด 5V ถึง 24V ได้ เมื่อใช้ร่วมกับมอสเฟตแบบหลังชนหลังที่ใช้ภายนอก จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เหมาะสำหรับใช้กำหนดค่าวงจรตัดการจ่ายไฟ (Fig.1) หรือวงจรมัลติเพลกซ์ (Fig.2) ที่มีฟังก์ชันการบล็อกกระแสย้อนกลับ ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยวงจรอัดประจุในตัวซึ่งรองรับแรงดันขาเข้าที่กว้างตั้งแต่ 2.7V ถึง 28V แรงดันระหว่างเกตและซอรส์ของมอสเฟตแบบหลังชนหลังที่ใช้ภายนอกที่มีการทำงานเป็นพัก ๆ จึงมีความเสถียร ซึ่งทำให้สามารถสลับกระแสที่มีปริมาณมากได้

ผลิตภัณฑ์ตระกูล TCK42xG จุอยู่ในแพ็คเกจ WCSP6G[1] ซึ่งเป็นหนึ่งในแพ็คเกจที่เล็กที่สุดของอุตสาหกรรม[2] และยังคำนึงถึงการติดตั้งโดยใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าในอุปกรณ์ขนาดเล็กอย่างอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะและสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยลดค่าฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ลงด้วย

Toshiba ยังได้พัฒนา “ดีไซน์อ้างอิงสำหรับ “วงจรมัลติเพลกซ์” ซึ่งเป็นตัวอย่างดีไซน์สำหรับมัลติเพล็กเซอร์ที่ใช้ฟังก์ชันของ TCK42xG โดยสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของ Toshiba ตั้งแต่วันนี้

หมายเหตุ :
[1] แพ็คเกจชิป 1.2มม. x 0.8มม.
[2] ในบรรดาวงจรขับเกตมอสเฟต อ้างอิงจากการสำรวจของ Toshiba เมื่อเดือนมิถุนายน 2565

การใช้งาน

  • อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearables)
  • สมาร์ทโฟน
  • คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, แท็บเลต
  • อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และอื่น ๆ

คุณสมบัติ

  • การตั้งค่าแรงดันระหว่างขั้วเกต-ซอร์ส (5.6V, 10V) ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงดันขาเข้า พร้อมวงจรอัดประจุที่มีมาในตัว
  • ฟังก์ชันหยุดการทำงานเมื่อแรงดันเกินรองรับที่ 5V ถึง 24V
  • แรงดันขาเข้าเมื่อมีการตัดวงจรต่ำ: IQ(OFF)= 0.5μA (สูงสุด) @VIN=5V

คุณสมบัติจำเพาะหลัก

(นอกจากระบุให้เป็นค่าอื่น, T a=25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

TCK420G

TCK421G

[3]

TCK422G

TCK423G

TCK424G

TCK425G

แพ็คเกจ

ชื่อ

WCSP6G

ขนาด (มม.)

1.2×0.8 (ทั่วไป), t=0.35 (สูงสุด)

ช่วงการทำงาน

แรงดันขณะใช้งานขาเข้า

VIN_opr (V)

@Ta= -40

to 85°C

2.7 – 28

คุณสมบัติทางไฟฟ้า

VIN UVLO ขีดเริ่ม, VOUT ขณะลดลง

VIN_UVLO

ทั่วไป/สูงสุด (V)

@Ta= -40

to 85°C

2.0/2.5

VIN OVLO ขีดเริ่ม

VOUT ขณะลดลง

VIN_OVLO

ต่ำสุด/สูงสุด (V)

@Ta= -40

to 85°C

26.50

/28.50

22.34

/24.05

13.61

/14.91

10.35

/11.47

5.76

/6.87

กระแสโหมดสแตนด์บาย

(เมื่อไม่มีการใช้งาน)

IQ(OFF) สูงสุด (μA)

@VIN=5V, Ta= -40

to 85°C

0.5

แรงดันขับเกต

(VGATE1-VIN)

(VGATE2-VOUT)

VGS ทั้วไป (V)

@VIN=

12V/20V

10/10

10/10

10/-

5.6/-

-/-

-/-

แรงดันขับเกต

(VGATE1-VIN)

(VGATE2-VOUT)

VGS ทั่วไป (V)

@VIN=

5V/9V

10/10

10/10

10/10

5.6/5.6

5.6/5.6

5.6/-

VGS ON time

tON ทั่วไป (ms)

@VIN=5V,

CGATE1,2=

4000pF

2.9

VGS OFF time

tOFF ทั่วไป (μs)

@VIN=5V,

CGATE1,2=

4000pF

52

23

OVLO

VGS turn OFF time

tOVP ทั่วไป (μs)

@CGATE1,2=

4000pF

31

34

41

16

18

19

การตรวจสอบสินค้าและวางจำหน่าย

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ:
[3] ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายแล้ว

กดลิงก์ด้านล่างเพื่อดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TCK420G
TCK422G
TCK423G
TCK424G
TCK425G

ตรวจสอบการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านตัวแทนจำหน่ายทางออนไลน์ได้ที่
TCK420G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK420G.html

TCK422G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK422G.html

TCK423G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK423G.html

TCK424G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK424G.html

TCK425G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK425G.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาเกี่ยวกับบริการ และข้อมูลติดต่อมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันในวันที่ประกาศซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวบรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 23,000 คนจากทั่วโลกของ TDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก
ดูเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220530005063/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
Contact Us

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TDCX Thailand เปิดตัวโครงการฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวแทนด้วยทักษะที่จำเป็นในปี 2025

Logo

มุ่งพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับบทบาทผู้นำ

กรุงเทพฯ–(บิสิเนส ไวร์)–06 มิ.ย. 2022

TDCX Thailand ผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ดิจิทัลแก่ลูกค้าสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่นๆ ประกาศเปิดตัวโครงการฝึกอบรมความเป็นผู้นำเพื่อเพิ่มทักษะให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านประสบการณ์ลูกค้าในด้านความคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความคล่องตัว ทักษะเหล่านี้เป็นทักษะอันดับต้นๆ ที่จำเป็นในปี 2025 ตามที่ระบุไว้ในรายงานของ World Economic Forum1

โปรแกรมกำลังเปิดตัวในขณะที่การนำเทคโนโลยีมาใช้เร่งความเร็วขึ้นหลังจากเกิดการระบาดใหญ่และความคาดหวังของลูกค้าในการแก้ไขปัญหาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

โปรแกรมการฝึกอบรมของ TDCX Thailand จะช่วยให้พนักงานมีทักษะและความรู้ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยเพิ่มทักษะที่จำเป็นเพื่อให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับอนาคต  นอกจากนี้ยังจะปลูกฝังทักษะความเป็นผู้นำและการจัดการเพื่อเตรียมพนักงานให้พร้อมสำหรับบทบาทของผู้อาวุโสที่สูงขึ้น

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการจัดฝึกอบรมคือ FLASH Learn แพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัลของ TDCX.  FLASH Learn เป็นโปรแกรมแบบโต้ตอบที่นำหลักการ gamification มาใช้ในการฝึกอบรมที่ปรับตามความต้องการและความเร็วในการเรียนรู้ของพนักงาน  สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจาก TDCX นำแนวทางการทำงานแบบไฮบริดมาใช้ จากการศึกษาพนักงาน 71 เปอร์เซ็นต์คาดหวังอยากใช้งานแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะได้ตามสะดวกเมื่อต้องทำงานทางไกล  การใช้การเรียนรู้ออนไลน์ยังช่วยให้บริษัทได้วิเคราะห์ว่าพนักงานตอบสนองต่อการฝึกอบรมอย่างไร เพื่อให้สามารถปรับปรุงระบบต่อไปได้

โปรแกรมจะรวมการฝึกอบรมแบบตัวต่อตัวเพื่อพนักงานบรรลุผลการเรียนรู้ที่ต้องการและนำไปใช้ในบทบาทของพวกเขา พนักงานจะใช้เวลาทั้งหมด 40 ชั่วโมงเพื่อเสร็จสิ้นโปรแกรมการฝึกอบรม  นอกเหนือจากการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบทบาทของพวกเขา ในปี 2021 พนักงาน TDCX Thailand ใช้เวลาฝึกอบรมโดยเฉลี่ย 59 ชั่วโมง

หลังจากเสร็จสิ้นโปรแกรมการฝึกอบรม พนักงานจะได้รับการฝึกสอน ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการบริหารจัดการ จากนั้นพนักงานจะนำทักษะเหล่านี้ไปปฏิบัติจริงผ่านการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ โดยพวกเขายังจะมีโอกาสได้รับบทบาทระดับสูงขึ้นอีกด้วย

ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ TDCX Thailand ในการดูแลบุคลากร

ความคิดริเริ่มดังกล่าวตอกย้ำความมุ่งมั่นของ TDCX Thailand ในการเร่งการก้าวหน้าด้านอาชีพของผู้คน

ประเทศไทยมีความสำคัญในเครือข่ายศูนย์จัดส่งของ TDCX ในเอเชีย ยุโรป และละตินอเมริกา โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในขณะที่บริษัทจับตาดูประเทศ CLMV ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV)

TDCX Thailand ได้เห็นความต้องการบริการด้านประสบการณ์ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นซึ่งต้องการเจ้าของภาษาจากตลาดเหล่านั้น  ณ สิ้นปี 2021, TDCX Thailand เพิ่มจำนวนตัวแทนเป็นสองเท่าและมีรายได้เพิ่มขึ้น 32% จากปีที่แล้ว

Ms Angie Tay ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและรองประธานบริหาร สิงคโปร์ ไทย จีน และเกาหลี กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับการให้บริการลูกค้า เนื่องจากมีพนักงานที่มีทักษะและความสามารถมากมาย และเป็นประตูสู่ตลาด CLMV  ในขณะที่บริษัทจำนวนมากขึ้นมองหาโอกาสจาก CLMV และตลาดที่กำลังเติบโตของประเทศไทย เราคาดว่าความต้องการบริการของเราจะเพิ่มขึ้น  ความต้องการดังกล่าวคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากบริษัทเศรษฐกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีทรัพย์สินน้อย และต้องการการสนับสนุนจากพันธมิตร เช่น TDCX ที่สามารถมอบผลลัพธ์ประสบการณ์ลูกค้าที่มีคุณภาพและปรับขนาดได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการในการขยายธุรกิจ

“เพื่อให้แน่ใจว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถตอบสนองความต้องการนี้ เรากำลังเพิ่มทักษะพนักงานในประเทศไทยในเชิงรุก เพื่อให้พวกเขาพร้อมที่จะทำงานที่ซับซ้อนเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์สองประการ: เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเราในการส่งมอบระดับความพึงพอใจของลูกค้าในระดับสูง และเพื่อให้พนักงานของเรามีอาชีพที่เติมเต็ม

หนึ่งในพนักงานของ TDCX ที่ได้รับประโยชน์จากโปรแกรมการฝึกอบรมก่อนหน้านี้คือ คุณอรณิชา ยมดี หัวหน้าทีมของทีมไทย เธอเข้าร่วมบริษัทในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการชุมชนเมื่อสองปีก่อน และปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม

“แม้ว่าฉันจะเพิ่งเข้าร่วม TDCX เมื่อสองปีที่แล้ว ฉันได้รับโอกาสให้มีบทบาทที่หลากหลายและได้เพิ่มพูนทักษะของฉันในทุกขั้นตอนของการทำงาน  ฉันได้รับการฝึกอบรมที่จำเป็นเพื่อมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในบทบาทนี้

“เมื่อฉันได้รับประสบการณ์มากขึ้น ฉันได้ทราบว่ามีความแตกต่างระหว่าง 'ตัวแทนระดับสูง' ที่เชี่ยวชาญในการจัดการคำถามของลูกค้าและหัวหน้าทีม  นอกจากการมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์แล้ว ยังต้องสามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ สอนสมาชิกในทีม และแก้ปัญหาได้ด้วย การฝึกอบรมที่ฉันได้รับได้เปิดใจและแสดงให้ฉันเห็นว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานของฉัน  วันนี้ ฉันภูมิใจที่จะบอกว่าทักษะที่ฉันได้รับและการสนับสนุนจากผู้จัดการทำให้ฉันได้กลายเป็นหัวหน้าทีมแล้ว และฉันก็ตั้งตารอที่จะเป็นที่ปรึกษาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของฉันกับเพื่อนร่วมงาน”

เกี่ยวกับ TDCX Inc.

TDCX ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ให้บริการโซลูชั่น CX ดิจิทัลเพื่อช่วยให้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกสามารถแสวงหาลูกค้าใหม่ สร้างความภักดีของลูกค้า และปกป้องชุมชนออนไลน์ของพวกเขา

TDCX ช่วยให้ลูกค้าบรรลุแรงบันดาลใจในการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ความฉลาดของมนุษย์ และเครือข่ายทั่วโลก  บริษัทให้บริการลูกค้าในด้านฟินเทค เกม เทคโนโลยี การแบ่งปันที่บ้านและการเดินทาง การโฆษณาดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย การสตรีมและอีคอมเมิร์ซ  ความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ TDCX ในเอเชียทำให้ TDCX เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเศรษฐกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง โดยมองหาศักยภาพในการเติบโตของภูมิภาค

ความมุ่งมั่นของ TDCX ในการมอบผลลัพธ์เชิงบวกให้กับลูกค้าของเรานั้นขยายไปถึงบทบาทในฐานะพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ โครงการความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของประชาชน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก

TDCX มีพนักงานมากกว่า 15,000 คนในวิทยาเขต 26 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย โรมาเนีย สเปน และโคลัมเบีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.tdcx.com:

1 ที่มา: The Future of Jobs Report, 2020, World Economic Forum. https://www3.weforum.org/docs/WEF_Future_of_Jobs_2020.pdf

2 ที่มา: The Future of work: From remote to hybrid, Capgemini. https://www.capgemini.com/wp-content/uploads/2020/12/Report-The-Future-of-Work.pdf

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news /home/20220605005112/th/

ติดต่อ:

สอบถามข้อมูล:
Eunice Seow, eunice.seow@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks มอบความคล่องตัวทางไซเบอร์ให้กับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์โซลูชันที่แข็งแกร่ง

Logo

Hillstone Networks เป็นผู้สนับสนุนงาน RSAC ที่ มอสคอน เซ็นเตอร์ ซานฟรานซิสโก วันที่ 7-9 มิถุนายน ินี้

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–08 มิถุนายน 2565

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และสามารถเข้าถึงได้ ประกาศการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายทั่วโลก ซึ่งจะมอบความคล่องตัวทางไซเบอร์ ช่วยรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ที่สำคัญจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนหลากหลาย และป้องกันพื้นที่การโจมตีที่เพิ่มขึ้น

พนักงานและเวิร์กโหลดในปัจจุบันต้องการความยืดหยุ่น คุณภาพของการบริการ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการป้องกัน โซลูชันการรักษาความปลอดภัยต้องมีความยืดหยุ่นอย่างเท่าเทียมกันและส่งมอบความสามารถในการแก้ไขและรับมือกับปัญหาทางไซเบอร์ระดับองค์กร โซลูชัน Hillstone Networks ได้พัฒนาจากแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไปเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพแข็งแกร่งที่มอบความคล่องตัวทางไซเบอร์ ตั้งแต่หน่วยประมวลผลที่ใกล้ต้นทางที่สุด (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ ขั้นตอนทุกอย่างระหว่างทาง ไปจนถึงลูกค้ากว่า 23,000 ราย ทั่วโลก โดยโซลูชันนี้จะรวมอยู่ในรายงานประเมิน Magic Quadrant ของ Gartner สำหรับ Enterprise Firewalls เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน

Hillstone จะนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายในโครงการต่าง ๆ ในงาน RSAC 2022 ในซานฟรานซิสโก ดังนี้

  • SD-WANHillstone Secure SD-WAN จะรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไร้พรมแดนในปัจจุบันด้วยความสามารถในการมองเห็นและการบังคับใช้ที่ละเอียดไปยังการโต้ตอบทั้งหมดในทุกจุดเข้าใช้งานเครือข่าย พร้อมความสามารถในการเจาะลึกเพิ่มเติมในผู้ใช้ อุปกรณ์ และพฤติกรรมการเข้าใช้งาน
  • ZTNAโซลูชัน ZTNA ของ Hillstone จะรักษาความปลอดภัยการเข้าถึงระยะไกลสำหรับการทำงานจากทุกที่ในปัจจุบัน หรืออุตสาหกรรมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดด้วยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยขอบเขตขอบที่กำลังพัฒนา การควบคุมการเข้าถึงแบบละเอียดจะช่วยบังคับการใช้สิทธิ์ได้อย่างแม่นยำจากทุกที่หากจำเป็น
  • MicrosegmentationHillstone CloudHive จะปกป้องแอปพลิเคชันแบบ cloud-native และ cloud-based ให้แก่ทีม dev/ops ที่พึ่งพาการพกพาแอปพลิเคชันและไมโครเซอร์วิส และผู้ให้บริการคลาวด์ที่การเช่าหลายรายการอาจมีความเสี่ยงโดยไม่มีการแบ่งกลุ่มหรือแยกการเข้าถึงเครือข่าย การสนับสนุนสำหรับทั้ง VMware และ OpenStack ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายข้ามแพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์ได้
  • CWPPHillstone CloudArmour จะปกป้องแอปพลิเคชันระบบคลาวด์ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแบบสาธารณะหรือระบบคลาวด์หลายระบบ โดยผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมและกระบวนการ CI/CD และ DevOps ที่มีอยู่ พร้อมความสามารถในการมองเห็นแอปพลิเคชันแบบ full-stack ปกป้องโฮสต์ Bare Metal เครื่องจักรเสมือน คอนเทนเนอร์ และเวิร์กโหลดแบบไร้เซิร์ฟเวอร์
  • NDRHillstone sBDS จะนำเสนอการตรวจสอบเครือข่ายอย่างต่อเนื่องด้วยแพลตฟอร์มการตรวจจับและตอบโต้เครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งรวบรวมข้อมูลการรับส่งข้อมูลเครือข่าย ใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมและ AI/ML และมอบข้อมูลเชิงลึกให้กับทีมรักษาความปลอดภัยจากมุมมองเดียว
  • XDRHillstone iSource จะรวบรวมกิจกรรมหลักทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย การตรวจจับภัยคุกคาม การสอบสวน การตอบโต้ และการค้นหาภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ในแพลตฟอร์มเดียว และรับการมองเห็นที่ครอบคลุมในข้อมูลภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากอุปกรณ์ปลายทาง แอปพลิเคชัน เครือข่าย และอุปกรณ์ความปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์ของบุคคลที่สาม

“Tim Liu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าวว่า “ความคล่องตัวทางไซเบอร์คือความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานในการฝ่าฟันปัญหาจากการโจมตีได้อย่างทันท่วงทีและกลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว โครงสร้างพื้นฐานทางไซเบอร์ที่คล่องตัวจะเปลี่ยนการรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิมซึ่งไม่ยืดหยุ่น คงที่ และใช้งานไม่ได้ ให้กลายเป็นแผนการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและคล่องตัว ซึ่งจะปรับเปลี่ยน เคลื่อนที่ และใช้งานได้จริง นี่คือวิสัยทัศน์ของ Hillstone และสะท้อนให้เห็นในโซลูชันที่เรานำเสนอสู่ตลาด”

“Will Townsend รองประธานและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ด้านนโยบายปฏิบัติด้านเครือข่ายและความปลอดภัย ของ Moor Insights & Strategy กล่าวว่า “สภาพแวดล้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วไปในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีการแยกส่วนอยู่แล้ว และนำเสนอความท้าทายที่ซับซ้อนในแง่ของความปลอดภัย ผมเชื่อว่า Hillstone Networks นำเสนอชุดโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ได้รับการปรับปรุงด้วย AI/ML ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีความสามารถในการมองเห็น ง่ายต่อการปรับใช้ และลดความซับซ้อนในการจัดการอย่างต่อเนื่องผ่านการบูรณาการเข้ากับกรอบการทำงาน SecOps ปัจจุบัน”

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันนวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้าถึงได้ของ Hillstone Networks ได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยขององค์กร สร้างความคล่องตัวทางไซเบอร์พร้อมลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ ด้วยการมอบความสามารถในการมองเห็นอย่างครอบคลุม ความอัจฉริยะที่เหนือกว่า และการป้องกันที่รวดเร็วในตรวจดู ทำความเข้าใจ และดำเนินการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบหลายชั้นและหลายขั้นตอน Hillstone ได้รับการจัดอันดับอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความเชื่อถือจากบริษัทระดับโลก ศึกษาเพิ่มเติมที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

สื่อ 
Zeyao Hu 
+1 4085086750 
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ICCPP ODM+ เปิดตัวโซลูชันขดลวดเซรามิกแบบใช้แล้วทิ้งและใช้งานหลายประเภท ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์การวิจัยและพัฒนาดิจิทัล

Logo

เบอร์มิงแฮม, อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2565

ICCPP เปิดตัวโซลูชันขดลวดเซรามิกเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วย ขดลวดเซรามิกแบบใช้แล้วทิ้งที่งาน Vaper Expo UK ในเบอร์มิงแฮมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านกลยุทธ์ “Digital Transformation” หรือการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220528005017/en/

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

เป็นครั้งแรกที่ ICCPP ร่วมจัดแสดงสินค้าเป็นกลุ่มและนำเสนอโซลูชันแบรนด์ ODM+ และโซลูชันขดลวดเซรามิกเต็มรูปแบบ ขดลวดเซรามิกของ ICCPP จะถูกผสานเข้ากับธุรกิจ ODM+ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่มากขึ้นในอุตสาหกรรมผ่านการนำเทคโนโลยี Gene Tree มาใช้งาน ขดลวดเซรามิก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ ICCPP ตั้งแต่การเปิดตัวกลยุทธ์ดิจิทัลร่วมกับ SAP และ PwC จะกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ กับ โซลูชันขดลวดเซรามิกสำหรับใช้แล้วทิ้งและใช้งานได้ในหลายหมวดหมู่

ในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า เทคโนโลยีขดลวดเซรามิกเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัท ICCPP เริ่มมีส่วนร่วมในเทคโนโลยีขดลวดเซรามิกในปี 2562 โดยจัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนาที่นำโดยผู้มีความสามารถจากโครงการชื่อว่า “Peacock Program” โดยมุ่งหวังที่จะประสบผลสำเร็จในระดับอุตสาหกรรมชั้นนำด้วยขดลวดเซรามิกรุ่นที่ 3 หรือ 4 และแซงหน้าคู่แข่งด้วยรุ่นที่ 5 หรือรุ่นที่ 6

ICCPP มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการทำให้เกิดละออง โดยนำประสบการณ์การสูบที่เป็นธรรมชาติและพึงพอใจมาสู่ลูกค้าด้วยวัสดุนาโนคริสตัลไลน์ (NC) และนวัตกรรมทางเทคนิค เทคโนโลยีการทำให้เกิดละอองเซรามิกด้วยวัสดุนาโนคริสตัลไลน์ของ ICCPP มีการปรับรูปแบบข้อมูลของขดลวดให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาของทีมเพื่อแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมขดลวดสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งแต่ฟิล์มหนาไปจนถึงฟิล์มบาง จากการให้ความร้อนด้วยลวดและการให้ความร้อนที่พื้นผิว ไปจนถึงการให้ความร้อนผ่านของแข็ง เทคโนโลยีฟิล์มบางของ Gene Tree ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่มีข้อดีทางเทคนิค 5 ประการ ได้แก่ ปราศจากผง ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น การแยกเป็นละอองละเอียดยิ่งขึ้น อายุการใช้งานยาวนานขึ้น และรสชาติดีขึ้น

จากความพยายามอย่างต่อเนื่องของทีมวิจัยและพัฒนา ICCPP จึงเปิดตัวเทคโนโลยีฟิล์ม Gene Tree รุ่นใหม่ และมีการขออนุญาตใช้งานผลิตภัณฑ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับขดลวดเซรามิกรุ่นที่ 3 ขดลวดรุ่นใหม่นี้ได้ปรับปรุงรสชาติ เพิ่มอายุการใช้งานของขดลวด และเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การสูบที่เป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ

ICCPP จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้งซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีเซรามิกของ Gene Tree และคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น รสชาติที่ติดทนนาน สูบได้นานมากขึ้น รสชาติที่ดีขึ้น และความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น โดยจะปฏิวัติประสบการณ์การใช้งาน กระตุ้นการปฏิวัติในอุตสาหกรรม และทำให้กลายเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม

“นวัตกรรมดิจิทัล + เทคโนโลยี” เพื่อให้บริการโซลูชันดิจิทัล ODM +

ข้อดีหลัก ๆ ของ ICCPP ในระดับเทคนิคมาจากการลงทุนมหาศาลในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ICCPP ได้ประกาศเปิดตัวโครงการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจ หรือ “Digital Transformation Project” อย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ในเซินเจิ้น กลายเป็นบริษัทรายใหญ่รายแรกของโลกในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าที่ร่วมมือกับ SAP และ PwC ความพยายามนี้ชี้ให้เห็นว่า ICCPP จะนำพาอุตสาหกรรมไปสู่ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

กลยุทธ์ดิจิทัลหมายถึงนวัตกรรมด้านดิจิทัลทั้งหมดของบริษัทที่ผสานรวมกับการวิจัยและพัฒนา การผลิต การส่งออก การตลาดในต่างประเทศ ฯลฯ ในอนาคต ICCPP จะสร้าง “ระบบควบคุมวงปิดแบบดิจิทัล” ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลแบบใหม่ผ่านการสร้างสรรค์งานวิจัยและพัฒนาด้านดิจิทัล การผลิตแบบดิจิทัล การตลาดแบบดิจิทัล และประสบการณ์การสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคผ่านทางดิจิทัล โหมด “นวัตกรรมดิจิทัล + เทคโนโลยี” จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของ ICCPP ซึ่งประกอบด้วย การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + ชิป, การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + กลิ่น และการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + การผลิตอัจฉริยะ “บริษัทจะขับเคลื่อนการพัฒนาผ่านระบบดิจิทัล และสร้างมูลค่าใหม่ผ่านระบบดิจิทัล” ผ่านการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบดิจิทัล โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะนำคุณูปการที่มากขึ้นมาสู่อุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั่วโลก

เพื่อพัฒนาขดลวดเซรามิก ICCPP ได้จำลองเอฟเฟกต์การทำให้เกิดละอองอย่างรวดเร็วโดยการตั้งค่าแบบจำลองข้อมูลและการป้อนพารามิเตอร์ เช่น อินเทอร์เฟสและขนาด เพื่อค้นหาการกำหนดค่าที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่ต้องมีการผลิตตัวอย่างสินค้า ซึ่งจะช่วยเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการส่งมอบ ปัจจุบัน ICCPP มีแผนระยะยาวสำหรับผลิตภัณฑ์ขดลวดเซรามิกแบบรีฟิลและแบบใช้แล้วทิ้ง และได้บรรลุความตั้งใจในการร่วมมือกับลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศอย่างน้อย 5 รายแล้ว

พันธกิจของบริษัทที่กำลังดำเนินการอยู่คือการส่งเสริมลูกค้าทั่วโลกด้วยนวัตกรรมทางเทคนิค

ICCPP ทราบดีว่าลูกค้าในยุคนี้ไม่ต้องการ ODM แบบเดิม ๆ อีกต่อไป แต่ต้องใช้แบรนด์ ODM+ ดังนั้น บริษัทจึงได้ริเริ่มความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่ที่มีการผสมผสานประเด็นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ได้แก่ ตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขาย เพื่อเป็นแนวทางให้ลูกค้าเปิดรับการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในยุคใหม่

ประการแรก ICCPP สัญญาว่าจะให้บริการลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และมอบเทคโนโลยีที่เหมือนกันหรือดีกว่าให้กับลูกค้าภายใต้แบรนด์ของ ICCPP ประการที่สอง ICCPP จะแบ่งปันเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งหมดให้กับห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ซึ่งได้แก่ ห้องแล็บและสถาบัน โรงงานระบบอัตโนมัติ ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ในต่างประเทศ และบริการการตลาดทั่วโลก ความเชื่อมั่นของ ICCPP มาจากประสบการณ์ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย และความสามารถในการให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้า ICCPP มุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มระดับโลก 2 แพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้า ได้แก่ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้าที่คล้ายกับ Android ซึ่งเปิดให้เข้าถึงอย่างกว้างขวาง และแพลตฟอร์มโลกาภิวัตน์จากประสบการณ์ในต่างประเทศหลายปี

ในฐานะที่เป็นหมวดหมู่ด้านกลยุทธ์แรกหลังการอัปเกรดเป็นระบบดิจิทัล โซลูชันขดลวดเซรามิกสามารถปรับให้เข้ากับกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้ โดยถูกออกแบบให้สร้างหมวดหมู่ใหม่สำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน และนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โครงสร้างตลาดผ่านการใช้งานเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม ในอีกด้านหนึ่ง ธุรกิจ ICCPP ODM+ จะได้รับการอัปเกรดแบบดิจิทัลและอัปเกรดประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการทั้งหมดที่ผสานรวมกับการสำรวจตลาด การวิจัยและพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์ การสั่งซื้อ การส่งมอบ และบริการหลังการขาย ในทางกลับกัน แพลตฟอร์มนี้จะสร้างความร่วมมือเชิงลึกกับลูกค้าทั่วโลกในการแก้ปัญหาขดลวดเซรามิก กระทั่งตอนนี้ ICCPP ได้บรรลุถึงความตั้งใจที่จะร่วมมือในเทคโนโลยีขดลวดเซรามิกนี้กับลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศจำนวนมาก ICCPP คาดว่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้าทั่วโลกและปรับโครงสร้างการตลาดในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220528005017/en/

ติดต่อ:

สื่อมวลชนสัมพันธ์: Tingkai Xu, ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์
มือถือ: 15957944779
อีเมล: kai@voopootech.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Finema ร่วมมือกับ iProov เพื่อยกระดับความสามารถในการตรวจจับใบหน้าให้กับโซลูชันการระบุตัวตน

Logo

ลอนดอนและกรุงเทพฯ–(บิสิเนสไวร์)–31 พฤษภาคม 2565

iProov ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบใบหน้าด้วยไบโอเมตริกซ์ประกาศว่า Finema ได้เลือกเทคโนโลยี Liveness Assurance™ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ขององค์กร (Enterprise Decentralized Identity Platform)

Finema นำเสนอเทคโนโลยี ID ยุคใหมสำหรับองค์กรและหน่วยงานภาครัฐที่สามารถทำงานร่วมกันได้ง่าย และยังสามารถรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการระบุตัวตนที่มีอยู่ ทำให้สามารถนำไปใช้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้เปรียบทางการแข่งขัน

Liveness Assurance ของ iProov ช่วยให้ Finema สามารถยืนยันได้อย่างปลอดภัยว่าผู้ใช้ออนไลน์คือบุคคลที่ถูกต้อง (ไม่ใช่ผู้แอบอ้าง) และบุคคลจริง (ไม่ใช่ภาพถ่ายหรือหน้ากาก)  ในการทำเช่นนั้น Finema สามารถปกป้องตัวเองและผู้ใช้โดยป้องกันข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมยหรือข้อมูลปลอมที่ใช้สำหรับการฉ้อโกงบัญชี

“Finema กำลังก้าวหน้าครั้งใหญ่ในด้านข้อมูลประจำตัวที่ตรวจสอบได้ ซึ่งส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับการฉ้อโกงทางออนไลน์และอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต” Andrew Bud ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ iProov กล่าว “เพื่อช่วยต่อต้านการปลอมแปลงและขโมยข้อมูลระบุตัวตนออนไลน์ เราต้องหยุดการกระทำก่อนที่จะเริ่มในขั้นตอนการลงทะเบียนบัญชี เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเทคโนโลยีที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ iProov มาใช้กับความพยายามของ Finema ในการพิสูจน์ตัวตนของผู้บริโภค”

แพลตฟอร์มที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางและมีความปลอดภัยสูงของ Finema ได้รวบรวมหลักการ Self-Sovereign Identity (SSI) ไว้ด้วยกัน เพื่อมอบโซลูชันที่เหนือกว่าสำหรับการจัดการข้อมูลประจำตัวและการเข้าถึง ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์แบบไม่มีรหัสผ่าน การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย ลายเซ็นดิจิทัล การยินยอมดิจิทัล บัตรประจำตัวดิจิทัล และข้อมูลประจำตัว

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะปรับปรุงชุดผลิตภัณฑ์การระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ด้วยเทคโนโลยี Liveness Assurance ที่ล้ำสมัยของ iProov” ปกรณ์ ลี้สกุล ซีอีโอของ Finema กล่าว “เนื่องจากการปลอมแปลงข้อมูลประจำตัวทำให้เกิดการขาดทุนเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทุกปี จึงจำเป็นต้องสร้างพันธมิตรและลงทุนในเทคโนโลยียืนยันตัวตนที่ดีที่สุดเพื่อจัดการกับปัญหาที่ต้นทาง”

เกี่ยวกับ Finema

โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2560 Finema เป็นบริษัทด้านข้อมูลประจำตัวดิจิทัลแบบกระจายศูนย์แห่งแรกในประเทศไทย  บริษัทมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงโลกโดยใช้เทคโนโลยีการระบุตัวตนดิจิทัลแบบกระจายศูนย์  Finema ช่วยองค์กรและหน่วยงานของรัฐในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลประจำตัวดิจิทัลโดยการจัดหาโซลูชันการระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ที่ประกอบด้วยบล็อคเชน แมปข้อมูลประจำตัว กระเป๋าเงิน e-ID และแพลตฟอร์มพิสูจน์ตัวตน บริษัทเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาเอกลักษณ์ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://finema.co หรือติดตามเราที่ LinkedIn หรือ Twitter

เกี่ยวกับ iProov

โดยเปิดตัวในปี 2556 iProov เป็นผู้นำระดับโลกด้านการตรวจสอบใบหน้าแบบไบโอเมตริกซ์ออนไลน์ โดยทำงานร่วมกับรัฐบาล ธนาคาร และองค์กรอื่นๆ เพื่อยืนยันตัวตนของลูกค้าอย่างปลอดภัย  โปรแกรมของเราใช้สำหรับการลงทะเบียนและรับรองความถูกต้องอย่างง่ายดาย  ลูกค้าของเรารวมได้แก่ U.S. Department of Homeland Security, the UK Home Office, the UK National Health Service (NHS), the Australian Taxation Office, GovTech Singapore, Rabobank, ING, และอื่นๆ เทคโนโลยีของ iProov ได้แก่ Liveness Assurance™ และ Genuine Presence Assurance® ซึ่งใช้ยืนยันว่าลูกค้าออนไลน์คือบุคคลที่เหมาะสม บุคคลจริง และเป็นผู้กำลังตรวจสอบสิทธิ์อยู่ในขณะนี้ สิ่งนี้ป้องกันการโจมตีจากการปลอมแปลงภาพถ่าย วิดีโอ มาสก์ และการโจมตีดิจิทัล และภัยคุกคามจาก Deepfakes ที่อุบัติขึ้น  iProov ได้รับการยอมรับว่าเป็น Gartner Cool Vendor 2020 ในการจัดการการเข้าถึงข้อมูลประจำตัวและการตรวจจับการฉ้อโกง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู ที่ www.iproov.com หรือติดตามเราบน LinkedIn หรือ Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220531005311/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Rob Tacey
rob.tacey@iproov.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

จุงหวา เทเลคอม ร่วมกับ โรงพยาบาลธนบุรี สร้างบทบาทใหม่ของการบริการ “โรงพยาบาลอัจฉริยะ” ในประเทศไทย

Logo

ไทเป ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2565

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 จุงหวา เทเลคอม หรือ Chunghwa Telecom Co., Ltd. (CHT) และโรงพยาบาลธนบุรี (TH) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วย “โรงพยาบาลอัจฉริยะ” เมื่อพิจารณาถึงกลยุทธ์ “ศูนย์กลางการแพทย์แห่งเอเชีย หรือ Medical Hub of Asia” ของรัฐบาลไทยในปี 2547 และเป้าหมายในการเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพระดับนานาชาติ โดยทั้งสองฝ่าย CHT และ TH จะดำเนินการความร่วมมือการสร้างหอผู้ป่วยอัจฉริยะ POC ต่อไปและบรรลุก้าวใหม่ของแอปพลิเคชันโรงพยาบาลอัจฉริยะในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220531005438/en/

Hsueh-Lan Wu, President of Chunghwa Telecom International Business Group and Chairman of Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd, and Dr. Siripong Luengvarinkul, Chief Executive Officer of Thonburi Hospital. (Photo: Business Wire)

Hsueh-Lan Wu ประธานคณะกรรมการบริหารของ Chunghwa Telecom International Business Group และประธานคณะกรรมการบริษัท Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd และ นพ. ศิริพงศ์ เหลืองวารินกุล กรรมการบริหารของโรงพยาบาลธนบุรี (ภาพ: Business Wire)

โรงพยาบาลธนบุรีเป็นโรงพยาบาลในเครือ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ในประเทศไทย ที่ยังคงยกระดับและขยายอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นอย่างเป็นเลิศในทุกด้านด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์มากกว่า 350 คน โดยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด และวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในความการุณย์และการดูแลเอาใจใส่

โดยร่วมกับพันธมิตรที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพรวมถึง imedtac จากไต้หวันและ MD Healthcare จากประเทศไทย ทั้งนี้ Chunghwa Telecom ได้แนะนำโซลูชันหอผู้ป่วยอัจฉริยะให้แก่โรงพยาบาลธนบุรีรวมถึงเคาน์เตอร์พยาบาลอัจฉริยะ เครื่องมือวัดสัญญาณชีพแบบ all-in-one ตู้จ่ายอัตโนมัติ Epaper ที่แสดงข้อมูลข้างเตียง และระบบตรวจจับพฤติกรรมของผู้ป่วย ซึ่งโซลูชันเหล่านี้ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ ปรับปรุงคุณภาพการบริการทางการแพทย์ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน โดย Chunghwa Telecom ยังคงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยใช้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันของ ICT

นพ. ศิริพงศ์ กรรมการบริหารของโรงพยาบาลธนบุรี กล่าวย้ำว่า “เราเชื่อว่าในการรวบรวม การจัดระเบียบ และการแจกจ่ายข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นมีความสำคัญที่สุดต่อการรักษาที่แม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์และพยาบาลสามารถดูแลรักษาสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล เราให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความเป็นมิตร และการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมในเทคโนโลยีสารสนเทศของเรามากกว่าระบบที่ซับซ้อนและแปลกใหม่ ซึ่งเบี่ยงเบนความสนใจจากการรักษาพยาบาลที่เรามอบให้ผู้ป่วยของเรา”

“เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการบรรลุการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ โรงพยาบาลจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการให้บริการด้านนวัตกรรมที่มีสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” Hsueh-Lan Wu ประธานคณะกรรมการบริหารของ Chunghwa Telecom International Business Group และประธานคณะกรรมการบริษัท Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd. กล่าว โดยโซลูชันโรงพยาบาลอัจฉริยะที่ Chunghwa Telecom จัดหาให้นั้นครอบคลุมไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเทคโนโลยีคลาวด์ (cloudization) เทคโนโลยีดิจิทัล (digitalization) เทคโนโลยีสารสนเทศ (informationization) และ เทคโนโลยีชาญฉลาด (intelligentization) ซึ่งตอบสนองความต้องการทางตลาดอย่างแท้จริง และการพัฒนาบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในระยะยาว ด้วยความร่วมมือกับโรงพยาบาล ทั้งนี้ Chunghwa Telecom คาดว่าจะพลิกโฉมหน้าใหม่ของการบริการแอปพลิเคชันโรงพยาบาลอัจฉริยะในตลาด

【เกี่ยวกับ โรงพยาบาลธนบุรี

โรงพยาบาลธนบุรีเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่ให้บริการทางการแพทย์และศัลยกรรมที่มีคุณภาพสูงอย่างหลากหลาย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2520 และได้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่มีความสะดวกสบาย ด้วยเครือข่ายโรงพยาบาล 18 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย

เกี่ยวกับ Chunghwa Telecom

Chunghwa Telecom (TAIEX 2412, NYSE: CHT) (“จุงหวา” หรือ “บริษัท”) เป็นบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของไต้หวันที่ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแก่ลูกค้าองค์กร และกำลังขยายบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Chunghwa มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร และได้รับรางวัลและการยกย่องทั้งในและต่างประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ www.cht.com.tw

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220531005438/en/

ติดต่อ:

สื่อ:
Angela Tsai
โทร: +886 2 2344 3252
อีเมล: chofen@cht.com.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

FPT Software ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจใหม่ กับ Landing AI เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการตรวจสอบด้วยภาพ

Logo

ฮานอย เวียดนาม–(BUSINESS WIRE)–1 มิถุนายน 2565

FPT Software บริษัทไอทีชั้นนำของเวียดนาม ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับ Silicon Valley AI และผู้นำด้านแมชชีนวิชัน Landing AI โดยทั้งสองบริษัทจะใช้ความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับใช้โซลูชันการตรวจสอบด้วยภาพแบบสำเร็จจบในขั้นตอนเดียว และส่งเสริมการนำคอมพิวเตอร์วิทัศน์ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220529005093/en/

FPT Software announces partnership with Landing AI (Graphic: Business Wire)

FPT Software ประกาศความร่วมมือกับ Landing AI (กราฟิก: Business Wire)

FPT Software จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์เรือธงของ Landing AI นั่นคือ LandingLens™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Machine Learning Model Operationalization Management (MLOps) ระดับองค์กรที่สร้าง จัดทำซ้ำ และดำเนินการโซลูชันการตรวจสอบด้วยภาพด้วย AI โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถวิเคราะห์ขั้นตอนการตรวจสอบ ประเมินสภาพผลิตภัณฑ์ กำจัดผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่อง และอื่น ๆ อีกมากมาย ผู้ใช้จะได้รับความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นและกระบวนการที่ง่ายขึ้นเพื่อให้สามารถปรับขนาดการใช้อย่างรวดเร็ว ไปพร้อม ๆ กับการช่วยปรับต้นทุนการดำเนินงานให้มีความเหมาะสม

นาย Pham Minh Tuan ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ FPT Software กล่าวว่าพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์นี้ขยายขีดความสามารถด้าน AI ของบริษัทและให้ประโยชน์กับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ทั่วโลก “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Landing AI เพื่อนำเสนอโซลูชั่นการตรวจสอบด้วยภาพระดับโลกให้กับลูกค้าของเราทั่วโลก” Tuan กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นการผลิต ยานยนต์ ยา หรืออาหารและเครื่องดื่ม ทุกภาคส่วนต้องการความสม่ำเสมอในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ผมมั่นใจว่าการเป็นหุ้นส่วนของเราสามารถช่วยบริษัทในอุตสาหกรรมเหล่านั้นพัฒนาด้านการควบคุมคุณภาพด้วยการมีข้อมูลที่ดีขึ้น”

“AI กำลังแพร่หลายมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม โดยนำเสนอประโยชน์มากมายที่ไม่อาจโต้แย้งได้เลยสำหรับองค์กร” นาย Nguyen Xuan Phong หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ของ FPT Software กล่าว “ศูนย์ AI ของเราแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยการเปลี่ยนการวิจัย AI ที่ล้ำสมัยให้เป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างผลกระทบเชิงบวก การเป็นพันธมิตรกับ Landing AI ถือเป็นก้าวแรกในบรรดาโครงการริเริ่มต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายดังกล่าว” Phong กล่าวเสริม

Mr. Carl Lewis ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพันธมิตรและความสำเร็จของลูกค้าของ Landing AI แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานในพิธีลงนามเสมือนจริงว่า “ในขณะที่เราเปิดตัว LandingLens™ ไปทั่วโลก เราคาดหวังให้พันธมิตรของเราเป็นผู้นำตลาดด้วยการได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคในระดับสูงด้านความเชี่ยวชาญ ทีมงานของ FPT ตอบโจทย์เหล่านี้เป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าที่ LandingLens™ สามารถนำไปสู่ผู้ผลิตในด้านการตรวจสอบคุณภาพ”

FPT Software ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล 50 อันดับแรกภายในปี 2573 บริษัทได้ดำเนินการขยายขนาดเทคโนโลยีขั้นสูงหลัก ๆ เช่น AI, Cloud, Hyper-automation, Blockchain และอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน AI บริษัทมีความพยายามหลายอย่าง รวมถึงการเป็นหุ้นส่วนกับ Mila สถาบันการเรียนรู้เชิงลึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญด้าน AI และการจัดตั้งศูนย์ AI ในเมืองบินห์ดินห์ ประเทศเวียดนาม FPT Software ตั้งเป้าที่จะพัฒนาพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้ให้กลายเป็นหุบเขา AI แห่งแรกของประเทศในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เกี่ยวกับ FPT Software

FPT Software เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและไอทีระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในเวียดนาม โดยมีรายได้มากกว่า 632.5 ล้านดอลลาร์ และพนักงาน 22,500 คนใน 26 ประเทศ ในฐานะผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล บริษัทให้บริการระดับโลกในโรงงานอัจฉริยะ, แพลตฟอร์มดิจิทัล, RPA, AI, IoT, คลาวด์, AR/VR, BPO และอื่น ๆ โดยให้บริการลูกค้ากว่า 700 รายทั่วโลก โดยหลายร้อยแห่งเป็นบริษัทในเครือ Fortune Global 500 ในด้านยานยนต์ การธนาคารและการเงิน โลจิสติกส์และการขนส่ง สาธารณูปโภค และอีกมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fpt-software.com

เกี่ยวกับ Landing AI

Landing AI™ เป็นผู้บุกเบิกยุคใหม่ของ AI ที่ช่วยให้บริษัทที่มีชุดข้อมูลจำกัดสามารถสร้างธุรกิจและมูลค่าการดำเนินงานด้วย AI จนสำเร็จ ด้วยแนวทาง AI ที่เน้นข้อมูลเป็นหลัก ผลิตภัณฑ์เรือธงของ Landing AI คือ LandingLens™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม MLOps ระดับองค์กรที่สร้าง ทำซ้ำ และดำเนินการโซลูชันการตรวจสอบด้วยภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับผู้ผลิต ด้วยการใช้คุณภาพข้อมูลเป็นหนทางสู่ความสำเร็จของระบบ AI ทำให้ LandingLens™ ช่วยให้ข้อมูลมีความแม่นยำและความสม่ำเสมอสูงสุด บริษัทก่อตั้งโดย Andrew Ng ผู้ร่วมก่อตั้ง Coursera อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Baidu และหัวหน้าผู้ก่อตั้ง Google Brain โดย Landing AI อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการเป็นผู้ทำให้ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เคยเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนน้อย กลายเป็นเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนทั้งหมด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Landing.ai.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220529005093/en/

ติดต่อ:

Mai Duong (Ms.)

FPT Software

PR Manager

Email: MCP.PR@fsoft.com.vn

Website: https://www.fpt-software.com/newsroom/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย