Category Archives: Technology

Inkia กำลังก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดในเปรูด้วยแผนขยายการดำเนินงานครั้งใหญ่

Logo

  • กำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่กว่า 1 GW จะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปี 2025
  • มีโครงการพลังงานที่กำลังพัฒนาอยู่กว่า 3 GW โดยมีโครงการพลังงานลมกว่า 600 MW ที่จะเปิดตัวในปี 2026
  • ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตจากโครงการไฮโดร พลังงานก๊าซธรรมชาติ และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ที่มีอยู่ 2,237 MW ดังนั้น Inkia จะยืนยันตำแหน่งในฐานะบริษัทผลิตไฟฟ้าที่มีความหลากหลายและใหญ่ที่สุดในเปรู

ลิมา ประเทศเปรู–(BUSINESS WIRE)–18 ตุลาคม 2024

Inkia Energy ผ่านบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดอย่าง Kallpa ได้รับการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับการขยายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในภาคใต้ของเปรู ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำระดับโลก การอนุมัติครั้งนี้จะทำให้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ชื่อ Sunny ขยายจาก 228 MWp เป็น 338 MWp และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเต็มรูปแบบที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 Inkia Energy ซึ่งตั้งอยู่ในเปรูเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ และอยู่ภายใต้การควบคุมของ I Squared Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: Business Wire)

นอกเหนือจากโครงการ Sunny แล้ว Inkia ยังได้สนับสนุนการก่อสร้างโครงการพลังงานแสงอาทิตย์อีก 2 โครงการที่อยู่ใกล้เคียง โดยได้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายพลังงานและใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (I-REC) สำหรับการพัฒนาเหล่านี้ ด้วยโครงการทั้ง 3 นี้ Inkia จะรวมพลังงานจาก “ศูนย์กลางพลังงานแสงอาทิตย์ของเปรู” ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนประมาณ 1 Gwp เข้าสู่โครงข่ายพลังงานแห่งชาติในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะเปิดตัวโครงการพลังงานลมอีก 2 โครงการที่มีกำลังการผลิตรวมอย่างน้อย 600 MW ในปี 2026 โครงการพลังงานลม รวมถึงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และโครงการ BESS อื่นๆ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับจุดยืนของบริษัทให้เป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานในปัจจุบันและอนาคตของเปรู โครงการเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างคุณค่าของ Inkia ในการให้บริการลูกค้าด้วยพลังงานที่มีความต่อเนื่องและเชื่อถือได้ ซึ่งผลิตจากการรวมกันของแหล่งพลังงานหมุนเวียนหลายประเภทและก๊าซธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความสำคัญในการรองรับการขาดแคลนและความไม่ต่อเนื่องของพลังงานหมุนเวียน

Inkia ยังมีบริการโซลูชันด้านพลังงานที่เชื่อมต่อกันด้านหลังมิเตอร์การไฟฟ้าให้กับลูกค้าผ่านช่องทางขายปลีกของตน นั่นคือ Kondu ซึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในตลาดธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SME)

“Inkia เป็นนักพัฒนาโดยธรรมชาติ และเป็นบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเปิดตัวโครงการ Sunny ถือเป็นการเริ่มต้นของแคมเปญขยาย Inkia 2.0 ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการพลังงานของเปรู และยืนยันจุดยืนของ Inkia ในฐานะบริษัทโซลูชันพลังงานชั้นนำของประเทศ” Willem Van Twembeke ซีอีโอของ Inkia Energy กล่าว “เรามั่นใจว่าพอร์ตโฟลิโอที่มีความสมดุลและการจัดอันดับกลุ่มระดับลงทุนของ Inkia ทำให้บริษัทเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับลูกค้าในด้านความน่าเชื่อถือ ทั้งในแง่ของพลังงานและการสนับสนุนทางการเงิน”

เกี่ยวกับ Inkia Energy

Inkia เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในเปรู โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง 2,237 MW ผ่านบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดอย่าง Kallpa ซึ่ง Inkia Energy อยู่ภายใต้การควบคุมของ I Squared Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอิสระชั้นนำระดับโลกที่บริหารสินทรัพย์กว่า $40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเปรู Inkia ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแบบผสมผสานที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่งเปิดตัวระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ขนาด 34 MW นอกเหนือจากโครงการ Sunny แล้ว Kallpa ยังได้พัฒนาโครงการพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และ BESS หลายโครงการ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการจัดหาไฟฟ้าที่ต่อเนื่อง เชื่อถือได้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับเปรู Inkia ยังเป็นเจ้าของ Kondu ซึ่งเป็นบริษัทโซลูชันด้านพลังงานที่มุ่งเน้นความต้องการของตลาดค้าปลีก และให้บริการโซลูชันด้านพลังงานหลากหลายและพลังงานที่เชื่อมต่อกันด้านหลังมิเตอร์การไฟฟ้าแก่ลูกค้าของ Inkia นอกเปรู Inkia ยังเป็นเจ้าของและดำเนินการสินทรัพย์การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้ากว่า 5.5 GW และมีลูกค้ากว่า 2 ล้านรายทั่วละตินอเมริกา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54133250/en

ข้อมูลติดต่อ

สื่อสัมพันธ์

Pamela Gutierrez
communications@inkiaenergy.com

แหล่งข้อมูล: Inkia Energy


Medidata ประกาศเปิดตัว Rave Lite เพื่อสนับสนุนการเติบโตของการทดลองทางคลินิกระยะต้นและระยะปลาย

Logo

โซลูชันใหม่ใช้ประโยชน์จาก Medidata Rave EDC เพื่อทำให้การเก็บข้อมูลทางคลินิกแบบอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลกเข้าถึงได้ในกลุ่มตลาดที่เคยขาดแคลนเทคโนโลยีล้ำสมัย

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–17 ตุลาคม 2024

Medidata แบรนด์ในเครือ Dassault Systèmes และผู้นำด้านการให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ประกาศเปิดตัว Medidata Rave Lite ซึ่งเป็นส่วนขยายของซอฟต์แวร์วิจัยทางคลินิกมาตรฐานระดับทองของบริษัทอย่าง Medidata Rave EDC ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการทดลองระยะที่ I และระยะที่ IV ไม่ว่าจะเป็นขนาดของบริษัท โฟกัสการรักษา หรือสถานะของโครงการ Rave Lite นำเสนอการเก็บข้อมูลทางคลินิกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic clinical data capture หรือ EDC) การจัดการ และการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ พร้อมโมเดลการตั้งราคาที่ปรับให้เหมาะสม

ในขณะที่ EDC เป็นส่วนสำคัญของการทดลองทางคลินิก แต่การแตกแยกของเทคโนโลยีระหว่างเฟสต่าง ๆ นำไปสู่ความท้าทายในการรวมระบบและทำให้เกิดความล่าช้าในการเริ่มต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ส่งผลกระทบอย่างไม่สมดุลต่อการทดลองระยะต้นและระยะปลาย หลังจากที่ Medidata ได้จัดการกับความท้าทายเหล่านี้มากกว่า 34,000 การทดลอง บริษัทจึงได้เสนอทางเลือกที่เหนือกว่าสำหรับการทดลองระยะที่ I และระยะที่ IV ด้วย Rave Lite

ด้วยการผสานรวมกับ Medidata Designer ผู้สร้างการทดลองสามารถออกแบบการทดลองระยะที่ I และระยะที่ IV ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) อย่างต่อเนื่อง ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการออกแบบการทดลองจะลดลง พร้อมกับรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล Rave Lite จึงมอบประสบการณ์ที่สม่ำเสมอโดยไม่ลดทอนศักยภาพขั้นสูงของ Rave EDC

“Rave Lite ตอบสนองความต้องการที่สำคัญของตลาดสำหรับการทดลองระยะต้นและระยะปลาย ด้วยโซลูชันที่ง่ายและคล่องตัวซึ่งสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Rave EDC ที่เชื่อถือได้ของเรา” Tom Doyle ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าว “ด้วยการให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ EDC เดียวกันได้ในทุกเฟส ลูกค้าจะได้รับความยืดหยุ่นในการขยายการทดลองในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานสูงสุดที่เป็นจุดเด่นของโซลูชันของ Medidata มาโดยตลอด”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Rave EDC ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group ในการจัดอันดับ PEAK Matrix® ครั้งแรกสำหรับความมีประสิทธิภาพในการทำให้การทดลองทางคลินิกง่ายขึ้นสำหรับผู้สนับสนุนการทดลองและบริษัทวิจัยตามสัญญา (Contract Research Organizations หรือ CROs) ในขณะที่ยังคงรักษาคุณภาพและความสมบูรณ์ของข้อมูล

Medidata จะนำเสนอ Rave Lite ในงาน NEXT New York ซึ่งเป็นการประชุมการทดลองทางคลินิกชั้นนำ จัดขึ้นที่นครนิวยอร์กในวันที่ 13 และ 14 พฤศจิกายน โซลูชันนี้จะพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าในช่วงต้นปี 2025 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Rave Lite สามารถเป็นประโยชน์ต่อการวิจัย คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata สนับสนุนการรักษาที่ชาญฉลาดขึ้นและผู้คนที่มีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก ฉลองครบรอบ 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในกว่า 34,000 การทดลองและผู้ป่วย 10 ล้านคน Medidata นำเสนอความเชี่ยวชาญชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ และฐานข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้าประมาณ 2,200 รายที่ไว้วางใจแพลตฟอร์มแบบครบวงจรของ Medidata เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งความก้าวหน้าทางการทดลอง และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata เป็นแบรนด์ในเครือ Dassault Systèmes (Euronext Paris : FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำจาก Everest Group และ IDC สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งให้เกิดความก้าวหน้าของมนุษย์ เราให้บริการธุรกิจและผู้คนด้วยสภาพแวดล้อมเสมือนจริงเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างประสบการณ์คู่แฝดเสมือนของโลกจริงด้วยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE และแอปพลิเคชันของเรา ลูกค้าของเราสามารถนิยามกระบวนการสร้างสรรค์ การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอของตนใหม่ และมีผลกระทบที่มีความหมายในการทำให้โลกยั่งยืนยิ่งขึ้น ความงามของเศรษฐกิจเชิงประสบการณ์คือเป็นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นมนุษย์เพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย หรือประชาชน Dassault Systèmes มอบคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 350,000 รายในทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรมในกว่า 150 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.3ds.com

ลิขสิทธิ์ของ ©Dassault Systèmes 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้าทางการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes บริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับทะเบียนการค้าและบริษัทแห่งแวร์ซายส์ภายใต้เลขที่ 322 306 440 หรือบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าของ Dassault Systèmes หรือบริษัทย่อยใด ๆ ขึ้นอยู่กับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากพวกเขา

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

ฝ่ายนักวิเคราะห์สัมพันธ์
medidata.AR@3ds.com

แหล่งที่มา : Medidata

กองทุนเพื่อการพัฒนาของซาอุดีอาระเบียประกาศเข้ามามีบทบาทในเซอร์เบียเป็นครั้งแรก โดยให้เงินทุนสนับสนุน 3 โครงการพัฒนา มูลค่ารวม 205 ล้านดอลลาร์

Logo

เบลเกรด เซอร์เบีย –(BUSINESS WIRE)–17 ตุลาคม 2024

กองทุนเพื่อการพัฒนาของซาอุดีอาระเบีย (SFD) ได้ลงนามในข้อตกลงเงินกู้พัฒนา 3 ฉบับกับสาธารณรัฐเซอร์เบีย รวมมูลค่า 205 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการสำคัญในภาคเกษตรกรรม การศึกษา และพลังงาน ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการเข้ามามีบทบาทครั้งแรกของ SFD ในเซอร์เบีย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว ข้อตกลงนี้ลงนามโดย H.E. Sultan Al-Marshad ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SFD และ H.E. Siniša Mali รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของเซอร์เบีย โดยมี Mr.Ali Aldossary อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นสักขีพยาน

H.E. Sultan Al-Marshad, CEO of the SFD, and H.E. Siniša Mali, Serbia’s Deputy Prime Minister and Minister of Finance (Photo: AETOSWire)

คุณ H.E. Sultan Al-Marshad ซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอของ SFD กับคุณ H.E. Siniša Mali รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศเซอร์เบีย (รูป: AETOSWire)

สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงเหล่านี้ ทาง Mr. Mali กล่าวว่า “เป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ลงนามในข้อตกลงสำคัญสามฉบับกับกองทุนเพื่อการพัฒนาของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญครั้งแรกหลังจากการลงนามบันทึกความเข้าใจเมื่อปีที่แล้ว เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุน โครงการที่เงินทุนนี้จะนำไปใช้นั้นจะช่วยสร้างงานใหม่ เสริมความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของเรา และปรับปรุงสถานะของสาธารณรัฐเซอร์เบียในชุมชนวิทยาศาสตร์ระดับโลก ข้อตกลงเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระยะยาวระหว่างสาธารณรัฐเซอร์เบียและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และช่วยพัฒนาโครงการสำคัญในประเทศของเรา”

ข้อตกลงประกอบด้วยโครงการ 3 โครงการ ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการชลประทานในพื้นที่ต่าง ๆ และใช้ 65 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการก่อสร้างวิทยาเขต Bio4 ในกรุงเบลเกรด และอีก 65 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการพัฒนาผู้ดำเนินการระบบส่งไฟฟ้า (ระยะที่ 1)

โครงการแรกจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบชลประทานและปรับปรุงการจัดการน้ำในพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญ โดยการสร้างสถานีสูบน้ำใหม่ ปรับปรุงคลองที่มีอยู่ และสร้างเครือข่ายชลประทานที่ทันสมัยครอบคลุมกว่า 230 กิโลเมตร โครงการนี้มุ่งเน้นในพื้นที่ เช่น Novi Slankamen และ Jasenicke Kapi โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและจัดการการแจกจ่ายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงภัยแล้ง

โครงการที่สองจะจัดสรรเงินทุนสำหรับการก่อสร้างวิทยาเขต Bio4 ในกรุงเบลเกรด ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่บุกเบิกซึ่งเน้นด้านเทคโนโลยีชีวภาพ วิทยาเขต Bio4 จะประกอบด้วย 6 คณะ 9 สถาบันวิจัย และห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย รวมถึงห้องปฏิบัติการความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 3 ที่มหาวิทยาลัยเบลเกรด ศูนย์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและความร่วมมือในสาขาต่างๆ เช่น ชีววิทยา การแพทย์ และการวิจัยน้ำเสีย

โครงการสุดท้ายจะขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของเซอร์เบียด้วยการสร้างสายส่งไฟฟ้า 400 กิโลโวลต์ใหม่ และการปรับปรุงสถานีไฟฟ้าย่อยที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสถียรในการจ่ายพลังงานของเซอร์เบียและเชื่อมโยงประเทศเข้ากับตลาดไฟฟ้ายุโรปผ่านทางเดินส่งไฟฟ้า Trans-Balkan

เพื่อให้เห็นภาพถึงข้อตกลงนี้ ทาง Sultan Al-Marshad ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SFD กล่าว “การสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการให้ทุนเชิงกลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษานั้นเป็นภารกิจหลักของเรา ความร่วมมือครั้งนี้กับเซอร์เบียสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมนวัตกรรม เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการที่เราให้ทุนจะสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนให้กับประชาชนชาวเซอร์เบียและช่วยพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของพวกเขา

SFD มุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก ในฐานะหน่วยงานพัฒนาทางการของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย SFD ได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการมากกว่า 800 โครงการในกว่า 100 ประเทศ โดยมีเงินทุนรวม 20 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2024 SFD ฉลองครบรอบ 50 ปีในการส่งเสริมการพัฒนาระดับโลก โดยล่าสุดได้ขยายไปยัง 11 ประเทศใหม่ รวมถึงเซอร์เบีย

ที่มาAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54137077/en

ติดต่อ

Randah Al-Hothali
Director General of Corporate Communications
media@sfd.gov.sa

ที่มา: Saudi Fund for Development


ForeverGone ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถกำจัดและทำลาย PFAS ได้อย่างสมบูรณ์แบบในงานด้านอุตสาหกรรมและการประยุกต์ใช้ในเทศบาล

Logo

Gradiant ประกาศความสามารถในการทดสอบภายในที่โดดเด่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถกำจัด PFAS ได้จนถึงระดับที่ต่ำกว่าข้อกำหนดของ EPA สหรัฐฯ และข้อบังคับของยุโรป

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–18 ตุลาคม 2024

Gradiant บริษัทผู้ให้บริการโซลูชันระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียได้ประกาศถึงก้าวสำคัญในความพยายามต่อสู้กับการปนเปื้อนของ PFAS ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่เสื่อมสภาพ โดยทำงานร่วมกับน้ำที่ปนเปื้อนจากอุตสาหกรรม น้ำเทศบาล และน้ำจากหลุมฝังกลบ ซึ่ง ForeverGone™ ได้รับการพิสูจน์ทางปริมาณแล้ว ผ่านห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจากบุคคลที่สามหลายแห่ง ว่าสามารถลดระดับ PFAS ลงไปถึงระดับที่ต่ำกว่าข้อกำหนดทางกฎหมายและทำลายสาร PFAS ที่เข้มข้นที่เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์

Gradiant's ForeverGone all-in-one solution and testing data for industrial wastewater (Photo: Business Wire)

โซลูชันแบบครบวงจรของ ForeverGone จาก Gradiant และข้อมูลการทดสอบน้ำเสียจากอุตสาหกรรม (ภาพ: Business Wire)

ก้าวสำคัญในกระบวนการพัฒนานี้เป็นการยืนยันว่า ForeverGone ซึ่งเปิดตัวในปีนี้ เป็นโซลูชันแบบครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถกำจัดและทำลาย PFAS ได้ที่โรงงาน ทำให้ไม่จำเป็นต้องจัดการกับของเสีย การฝังกลบ หรือการเผา ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยีทั่วไป รวมถึงคาร์บอนที่ใช้งานได้แบบเม็ด (GAC) และการแลกเปลี่ยนไอออน

โซลูชัน ForeverGone ที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์สามารถนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็วและติดตั้งในสถานที่เพื่อลดระดับ PFAS ให้ลงไปต่ำกว่าระดับสูงสุดที่กำหนดโดย US EPA ที่ 4.0 ppt และข้อกำหนดที่เข้มงวดที่กำหนดโดยกฎระเบียบในยุโรปและออสเตรเลีย

“ผู้ตัดสินใจที่สำคัญต่างชื่นชมข้อเสนอที่โดดเด่นของ ForeverGone ในการกำจัดและทำลาย PFAS จากน้ำที่ปนเปื้อนทุกรูปแบบ” นาย Sankar Natarajan หัวหน้าฝ่ายขายระดับโลกของ Gradiant กล่าว “เรากำลังประสบกับอัตราการขายที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกจนถึงการดำเนินโครงการในระดับเต็มรูปแบบในหลายภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ อาหารและเครื่องดื่ม การทำเหมืองแร่ และบริการสาธารณะใหญ่ๆ ทั้งหมดพยายามที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและปกป้องชุมชนของตน”

“เพื่อสนับสนุนการพัฒนา ForeverGone เราได้ลงทุนอย่างมากในความสามารถของ Gradiant Labs ในการตรวจจับ PFAS ได้ถึงเพียงหนึ่งส่วนในหนึ่งล้านล้านส่วน ซึ่งช่วยให้เราสามารถเสนอหลักฐานที่ลูกค้าต้องการเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเทคโนโลยีของเราในน้ำที่ปนเปื้อนได้อย่างรวดเร็ว” นาย Steven Lam หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของ Gradiant กล่าว

Gradiant ได้นำโซลูชัน ForeverGone ไปใช้งานที่โรงงานของลูกค้าทั่วโลกอย่างจริงจัง โดยมอบข้อได้เปรียบที่สำคัญในการกำจัดและทำลาย PFAS แบบครบวงจร ตลอดไป

คุณสนใจนำ ForeverGone ไปใช้ที่โรงงานของคุณไหม Gradiant ขอแนะนำโครงการทดสอบที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อสาธิตการใช้ ForeverGone ในการบำบัดน้ำที่ปนเปื้อนหลากหลายประเภท หากสนใจให้ติดต่อ Gradiant ได้ที่ http://www.gradiant.com/contact

เกี่ยวกับ Gradiant
Gradiant คือบริษัทน้ำในรูปแบบที่แตกต่าง ด้วยชุดโซลูชันที่โดดเด่นและเป็นเจ้าของแบบครบวงจรสำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสียที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดในด้านน้ำ บริษัทให้บริการการดำเนินงานที่สำคัญของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่จำเป็นต่อโลก เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียม และแร่ธาตุที่สำคัญ รวมถึงพลังงานหมุนเวียน โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและน้ำเสียที่ปล่อยออกมา ฟื้นฟูทรัพยากรที่มีค่า และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำสะอาด บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในบอสตันนี้ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานกว่า 1,000 คนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: www.businesswire.com/news/home/54132753/en

ติดต่อ

องค์กร
Felix Wang
Gradiant, Global Head of Brand and PR
fwang@gradiant.com

ที่มา: Gradiant

รถแข่ง “MAZDA SPIRIT RACING ROADSTER CNF Concept” ใช้น้ำมันเครื่อง “IDEMITSU IFG Plantech Racing” ลงแข่ง “SUZUKA S Endurance Race” และเข้าถึงเส้นชัยได้สำเร็จ

Logo

“IDEMITSU IFG Plantech Racing” คือน้ำมันเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมสมรรถนะในการแข่งขันและผ่านการรับรองมาตรฐานจาก API โดยใช้วัตถุดิบจากพืช

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 ตุลาคม 2024

น้ำมันเครื่องรุ่นใหม่ “IDEMITSU IFG Plantech Racing” ที่พัฒนาโดย Idemitsu Kosan Co., Ltd. (สำนักงานใหญ่: เขตชิโยดะ โตเกียว; ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทน, ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร: คุณ Shunichi Kito; หลังจากนี้จะเรียกว่า “Idemitsu”) ได้ถูกนำมาใช้กับรถแข่ง “MAZDA SPIRIT RACING ROADSTER CNF Concept” เพื่อเข้าร่วมใน ST-Q Class*1 ของการแข่งขัน SUZUKA Super Taikyu (จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28-29 กันยายน) โดย IDEMITSU IFG Plantech Racing ได้ถูกนำมาใช้เป็นน้ำมันที่มีสมรรถนะในการแข่งขันและมีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) สำหรับใช้กับรถแข่ง และรถคันนี้เข้าถึงเส้นชัยในการแข่งประเภทเอนดูรานซ์เป็นเวลา 5 ชั่วโมงโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นเครื่องยืนยันว่าน้ำมันดังกล่าวมีสมรรถนะที่พร้อมสำหรับการแข่งขัน
น้ำมันเครื่องนี้เป็นน้ำมันเครื่องแรก*3 ของโลกสำหรับรถ 4 ล้อที่ใช้วัตถุดิบจากพืช*2 (80% ขึ้นไป) เป็นน้ำมันพื้นฐาน รวมถึงมีสมรรถนะในการแข่งขันและการรับรองตามมาตรฐาน API SP

“IDEMITSU IFG Plantech Racing” used in the MAZDA Roadster (Photo: Business Wire)

“IDEMITSU IFG Plantech Racing” ถูกนำมาใช้ใน MAZDA Roadster (รูปภาพ: Business Wire)

ในการแข่งขัน “Super Taikyu Series” แบบระยะไกลสุดทรหด จำเป็นต้องใช้น้ำมันเครื่องที่ช่วยยกระดับสมรรถนะเครื่องยนต์ให้ถึงขีดสุดได้แบบต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงความทนทานและมีการระเหยต่ำภายใต้สภาวะการขับขี่ที่หนักหน่วง และมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ เช่น การเร่งเครื่องและการปกป้องเครื่องยนต์
“IDEMITSU IFG Plantech Racing” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ จาก Idemitsu อย่างเต็มที่เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม Idemitsu ใช้เทคโนโลยีการผสมสูตรที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนอย่าง “เทคโนโลยีโมลิบดีนัม x เอสเทอร์จากพืช”*4 ในการผสมน้ำมันพื้นฐานจากพืชอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้สมรรถนะที่ตรงตามความต้องการในการแข่งขันครั้งนี้

Mazda Motor Corporation (สำนักงานใหญ่: เขตอากิ ฮิโรชิม่า; ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทน ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร: คุณ Masahiro Moro; หลังจากนี้จะเรียกว่า “Mazda”) ที่นำน้ำมันเครื่อง IDEMITSU IFG Plantech Racing มาใช้ ไม่เพียงแต่ตั้งเป้าที่จะทำให้เชื้อเพลิงมีความเป็นการทางคาร์บอน แต่ยังตั้งเป้าหมายสู่การมีคาร์บอนติดลบ (Carbon negativity) อีกด้วย โดยใช้เทคโนโลยีการดักจับ CO₂ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ทั้งนี้ หลักปรัชญาในการทำงานของ Mazda ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่อิงตามหลักแนวคิดในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนนั้นสอดคล้องกับแนวคิดของ IDEMITSU IFG Plantech Racing และเมื่อได้เห็นกำลังเครื่องยนต์สมรรถนะสูงและความน่าเชื่อถือจากการทดสอบด้วย MAZDA SPIRIT RACING ก็ส่งผลให้บริษัทตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นี้

น้ำมันเครื่องระดับแนวหน้านี้ต่อยอดมาจาก “ซีรีส์ IDEMITSU IFG/IRG” ซึ่งมีวางจำหน่ายใน 13 ประเทศหลัก ๆ ที่มีสำนักงานขายสารหล่อลื่นของ Idemitsu ตั้งอยู่ และมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน 2024

Idemitsu ก่อตั้งขึ้นในปี 1911 และมุ่งเน้นคิดค้นสูตรสารหล่อลื่นแบบเฉพาะตัวที่แม่นยำและพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีมาโดยตลอด Idemitsu จะยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ไม่มีใครทำได้และตอบโจทย์บรรดาผู้ที่ชื่นชอบการขับรถเป็นชีวิตจิตใจ โดยใช้ความสามารถด้านเทคโนโลยีตามแบบฉบับเฉพาะตัวของ Idemitsu

*1

“ENEOS Super Taikyu Series 2024 Empowered by BRIDGESTONE Round 5 SUZUKA S-Tai” คลาส ST-Q

*2

น้ำมันพื้นฐานที่ใช้ใน IDEMITSU IFG Plantech Racing ผลิตขึ้นเป็นพิเศษจากวัตถุดิบจากพืชที่ปลูกทดแทนได้แบบ 100% การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้รับการดูดซับในระหว่างการปลูกวัตถุดิบนั้นมากกว่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตน้ำมันพื้นฐาน ทำให้คาร์บอนติดลบเกิดขึ้นได้จริง

*3

แบบสำรวจตลาดเกี่ยวกับ “น้ำมันเครื่อง” ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 จนถึงกุมภาพันธ์ 2024; น้ำมันเครื่องแรกของโลกสำหรับรถ 4 ล้อ ที่มาพร้อมองค์ประกอบสามอย่าง ได้แก่ การรับรองตามมาตรฐาน API, น้ำมันจากพืช และสมรรถนะในการแข่งขัน
แบบสำรวจโดย Trending Future Research Institute inc. หากต้องการทราบรายละเอียด โปรดดูเอกสารที่เผยแพร่ด้านล่าง
การพัฒนา “IDEMITSU IFG Plantech Racing” น้ำมันเครื่องที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน API แรกของโลกพร้อมสมรรถนะในการแข่งขัน ผลิตจากวัตถุดิบจากพืชมากกว่า 80% (7 สิงหาคม 2024) 

*4

เทคโนโลยีการผสมสูตรแบบเฉพาะตัวของ Idemitsu จะผสมโมลิบดีนัม (ซึ่งลดการเสียกำลังเครื่องยนต์และสมรรถนะเนื่องจากความต้านทานแรงเสียดทาน) เข้ากับเอสเทอร์จากพืชที่มีความหนืดสูง (ซึ่งจะทำให้ฟิล์มน้ำมันหนาขึ้น และเพิ่มสมรรถนะในการปกป้องเครื่องยนต์) ในน้ำมันพื้นฐานจากพืชที่ผสมยาก 

เกี่ยวกับ “ซีรีส์ IDEMITSU IFG/IRG”
“ซีรีส์ IDEMITSU IFG/IRG” คือ ซีรีส์น้ำมันเครื่องที่มาพร้อมการผสมแบบเฉพาะตัวตามสูตรที่แม่นยำและเหมาะสม เพื่อยกระดับสมรรถนะเครื่องยนต์ให้ถึงขีดสุด หากต้องการทราบรายละเอียด โปรดดูเว็บไซต์อย่างเป็นทางการด้านล่าง
https://www.idemitsu-nano-tailored-oil.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54136139/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อในกรณีที่มีคำถามในเรื่องนี้
ข้อมูลติดต่อในกรณีที่มีคำถามเกี่ยวกับ IDEMITSU IFG Plantech Racing
idemitsu-plantech-racing@idemitsu.com

สำหรับคำถามจากสื่อ โปรดติดต่อ
แผนกประชาสัมพันธ์ ส่วนประชาสัมพันธ์ Idemitsu Kosan Co., Ltd.
https://www.idemitsu.com/jp/contact/newsrelease_flow/index.html

แหล่งที่มา: Idemitsu Kosan Co., Ltd.

.



Kioxia สาธิต SSD ที่รองรับ Flexible Data Placement พร้อมฐานข้อมูล RocksDB ในงาน OCP Global Summit 2024

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–15 ตุลาคม 2024

บริษัท Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ เตรียมจัดแสดงและสาธิตประสิทธิภาพของ SSD รุ่น KIOXIA XD Series ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Flexible Data Placement (FDP) ซึ่งรองรับฐานข้อมูล RocksDB ในงาน OCP Global Summit 2024 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2024 ณ เมืองซานโฮเซ่ สหรัฐอเมริกา ฐานข้อมูล RocksDB โดดเด่นด้วยความสามารถในการค้นหาข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและจัดการข้อมูลประวัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในแอปพลิเคชัน AI ช่วยสร้าง (generative AI) และแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ฟังก์ชัน FDP ซึ่งถูกกำหนดในข้อกำหนดพื้นฐานของ NVM Express™ (TP4161) ช่วยให้สามารถควบคุมการจัดวางข้อมูลภายใน SSD ได้อย่างยืดหยุ่น การจัดการตำแหน่งข้อมูลใน SSD อย่างเหมาะสม โดยปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์โฮสต์และไดรเวอร์อุปกรณ์เพียงเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของ SSD ได้อย่างมีนัยสำคัญ

SSD ทำงานตามคำสั่งจากซอฟต์แวร์โฮสต์และไดรเวอร์อุปกรณ์ในการจัดเก็บและลบข้อมูล เมื่อกระบวนการนี้เกิดซ้ำ ๆ อาจเกิดการจัดสรรข้อมูลใหม่ภายใน SSD ซึ่งอาจส่งผลให้ความเร็วในการเข้าถึงลดลงและสิ้นเปลืองรอบการเขียนข้อมูลของหน่วยความจำแฟลชโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อการจัดสรรข้อมูลเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การใช้ FDP ช่วยลดปัญหาการจัดสรรข้อมูลใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของ SSD ได้อย่างเต็มที่

การสาธิตในงาน OCP Global Summit จะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของฟังก์ชัน FDP ใน SSD สำหรับศูนย์ข้อมูล KIOXIA XD Series NVMe™ พร้อมปลั๊กอินที่พัฒนาโดย Kioxia เพื่อรองรับความสามารถของ FDP ซึ่งได้รับการทดสอบร่วมกับ RocksDB ผลการทดสอบและประเมินอย่างละเอียดพบว่า ระบบที่ใช้ FDP ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของแอปพลิเคชัน RocksDB ได้ประมาณสามเท่า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ประมาณ 1.8 เท่า เมื่อเทียบกับระบบแบบดั้งเดิมที่ใช้ SSD ทั่วไปและระบบไฟล์มาตรฐาน1

ผลลัพธ์เหล่านี้จะถูกนำเสนอผ่านการสาธิตแบบสดที่บูธของ Kioxia (A7) ในงาน OCP Global Summit นอกจากนี้ Kioxia ยังมีแผนที่จะเผยแพร่ปลั๊กอินที่รองรับ RocksDB FDP ในรูปแบบโอเพนซอร์ส Kioxia ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและแบ่งปันเทคโนโลยีเพื่อการใช้งาน SSD และหน่วยความจำแฟลชอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลขั้นสูงและศูนย์ข้อมูลในอนาคต

หมายเหตุ :

1 อ้างอิงจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ Kioxia ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2024

NVM Express และ NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

เครื่องหมาย OCP และ Open Compute Project เป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิ Open Compute Project และใช้โดยได้รับอนุญาต

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทอื่น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ มุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทต้นกำเนิดของ Kioxia ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ผู้คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่ให้ทางเลือกแก่ลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้แก่สังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D อันเป็นนวัตกรรมของ Kioxia อย่าง BiCS FLASH™ กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่ต้องการความจุสูง เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

*ข้อมูลในเอกสารนี้ ซึ่งรวมถึงราคาผลิตภัณฑ์และข้อมูลจำเพาะ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับคำถามจากสื่อ :

บริษัท Kioxia Corporation

แผนกวางแผนกลยุทธ์การขาย

Satoshi Shindo

โทร : +81-3-6478-2404

แหล่งที่มา : บริษัท Kioxia Corporation

Abu Dhabi เตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลที่ 2 ของการแข่งขัน Autonomous Racing League: โดยกลับมาพร้อมทีมใหม่ โมเดล Autonomous Super Formula ที่ได้รับการอัปเกรด และเงินรางวัลมูลค่า 2.25 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

  • A2RL ฤดูกาลที่ 2 ได้รับการประกาศยืนยันวันแข่งขันแล้วในวันที่ 26 เดือนเมษายน ปี 2025 ที่สนามแข่ง Yas Marina อันโด่งดังของ Abu Dhabi
  • ขยายการเข้าถึงทั่วโลกด้วยทีมใหม่จากสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • โปรแกรมเมอร์และวิศวกรแข่งขันกันบนแพลตฟอร์ม AI เพื่อขยายขอบเขตจำกัดของเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ

DUBAI, United Arab Emirates–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2024

ASPIRE หน่วยงานเร่งพัฒนานวัตกรรมของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของ Abu Dhabi ประกาศเปิดตัวฤดูกาลที่สองของ Abu Dhabi Autonomous Racing League (A2RL) อย่างเป็นทางการ โดยยืนยันวันแข่งขันในวันที่ 26 เดือนเมษายน ปี 2025 ที่ สนามแข่ง Yas Marina A2RL กลับมาอีกครั้งพร้อมดึงดูดฐานลูกค้าทั่วโลกด้วยการเพิ่มทีมนานาชาติใหม่สี่ทีม และเปิดตัว Super Formula Emirates Autonomous Vehicle (EAV24) ที่อัปเกรดโดย Dallara ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อขยายขอบเขตจำกัดของ AI ในมอเตอร์สปอร์ต ผู้เข้าแข่งขันจะชิงส่วนแบ่งจากเงินรางวัลมูลค่า 2.25 ล้านเหรียญสหรัฐ

A2RL Season 2 Race Day confirmed for 26 April 2025, at Abu Dhabi’s iconic Yas Marina Circuit (Photo: AETOSWire)

A2RL ฤดูกาลที่ 2 ได้รับการประกาศยืนยันวันแข่งขันแล้วในวันที่ 26 เดือนเมษายน ปี 2025 ที่สนามแข่ง Yas Marina อันโด่งดังของ Abu Dhabi (ภาพถ่าย: AETOSWire)

หลังจากการแข่งขันครั้งแรกที่ประสบความเร็จเมื่อเดือนเมษายน ปี 2024 ซึ่งมีทีมเข้าร่วมจาก สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี อิตาลี สิงคโปร์ จีน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ A2RL กำลังขยายรายชื่อทีมจากทั่วโลกด้วยการเพิ่มทีมใหม่สี่ทีม: AiPEX Racing จากสหรัฐอเมริกา Aladin Innovation จากฝรั่งเศส SEVRUS Japan (TGM Grand Prix) จากญี่ปุ่น และทีมจาก Technology Innovation Institute (TII) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้เข้าร่วมแข่งขันใหม่เหล่านี้จเข้าร่วมทีมดั้งเดิมจากฤดูกาลที่ 1 ในการเข้าสู่เฟสการจำลองสถานการณ์อันเข้มงวดในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งพวกเขาจะต้องเผชิญกับสภาพของสนามแข่ง เพื่อสรุปรายชื่อทีมทั้งหมด จะมีการเปิดเผยรูปแบบการแข่งขันสำหรับฤดูกาลที่จะมาถึงนี้หลังผ่านความท้าทายในสถานการณ์จำลอง

ในเฟสการจำลองสถานการณ์ ทีมจะต้องพิสูจน์ความสามารถในการควบคุมรถแข่งภายใต้เงื่อนไขที่ท้าทาย เช่น ความผิดพลาดของ GPS เซ็นเซอร์ไม่ทำงาน และจะต้องผ่านเกณฑ์คุณภาพเพื่อแสดงทักษะในการแซง ทีมยังต้องแสดงกลยุทธ์ในการอุ่นยางและเบรก รันรอบสนามอย่างสวยงาม และแม้กระทั่งแข่งขันกับคู่ต่อสู้เสมือนจริง มีเพียงผู้ที่ผ่านมาตรฐานอันสูงเหล่านี้เท่านั้นที่จะผ่านเข้ารอบการแข่งขันรอบสุดท้าย

การแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นการแสดงฝีมือของเหล่าวิศวกรและโปรแกรมเมอร์ที่เก่งกาจที่สุดในโลก โดยทีมจะใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเขียนโปรแกรมสำหรับรถแข่งไร้คนขับ ซึ่งลีกการแข่งขันคราวนี้จะเป็นการพัฒนาเข้าสู่ กีฬา AI ระดับโลก ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและการแข่งขันความเร็วสูงเป็นศูนย์กลาง

H.E. Faisal Al Bannai ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเลขาธิการของ Advanced Technology Research Council เน้นย้ำถึงผลกระทบระดับโลกของ A2RL โดยกล่าวว่า: “A2RL เป็นมากกว่าการแข่งขัน แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับการแสดงให้เห็นถึงพลังโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI และศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งหมด การขยายขอบเขตที่เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ ช่วยให้เราสามารถเร่งสร้างนวัตกรรมในทุกภาคส่วน และทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นผู้นำระดับโลกในด้าน AI”

Stephane Timpano CEO ของ ASPIRE กล่าวเสริมว่า “ฤดูกาลที่สองของ A2RL จะมีความน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก โดยทีมใหม่จะช่วยผลักดันขีดจำกัดของการผสมผสาน AI เข้ากับกีฬามอเตอร์สปอร์ต รถแข่งรุ่นอัปเกรดของเราซึ่งได้รับการออกแบบโดยเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติรุ่นใหม่ จะเป็นท้าทายในการพัฒนาการเขียนโปรแกรมและวิศวกรรมของทีมไปสู่ยุคใหม่ ลีกการแข่งขันในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงอนาคตของกีฬาที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีกด้วย”

ในงาน GITEX Global ซึ่งเป็นงานเทคโนโลยีชั้นนำของ Dubai ผู้เข้าร่วมงานจะได้เยี่ยมชม EAV24 รถแข่งระบบอัตโนมัติรุ่นอัปเกรดรุ่นใหม่ของ A2RL เป็นครั้งแรก โดยรุ่นนี้จะมีตัวถังที่ประดิษฐ์จากวัสดุไบโอคอมโพสิตแบบยั่งยืน พร้อมดีไซน์อันทันสมัย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากอัลกอริทึมดิจิทัลและรูปแบบข้อมูลที่ขับเคลื่อนโดย AI โดยเน้นย้ำถึงจุดประสงค์หลักของงานด้านนวัตกรรม AI นี้ EAV24 จะเป็นศูนย์กลางแห่งการแข่งขัน โดยทีมต่างๆ จะต้องต่อสู้กันเพื่อพัฒนาระบบ AI ที่สามารถเอาชนะคู่แข่งและทำผลงานได้ดีเยี่ยมในสนามแข่ง

ฤดูกาลแรกของลีกการแข่งขันนี้มีผู้เข้าชมจำนวนมาก โดยมีผู้ชมมากกว่า 10,000 คน รับชมการแข่งขันสดที่สนามแข่ง Yas Marina และมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก ที่รับชมการแข่งขันทางออนไลน์ ฤดูกาลที่สองนี้ก็มุ่งหวังที่จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน เพื่อตอกย้ำจุดยืนของ A2RL ในฐานะผู้บุกเบิกทั้งมอเตอร์สปอร์ตและการพัฒนา AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

ภารกิจของ A2RL ขยายออกไปกว้างไกลเกินกว่าเพียงการแข่งรถ แต่ยังรวมถึงการเร่งพัฒนาระบบอัตโนมัติในแพลตฟอร์มต่างๆ และสร้างความไว้วางใจในด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีใหม่นี้ต่อสาธารณชน นอกเหนือจากการแข่งรถแล้ว ลีกการแข่งขันยังครอบคลุมการแข่งขันที่ล้ำสมัยอื่นๆ เช่น การแข่งขันโดรนอัตโนมัติ และรถบักกี้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้สามารถทดสอบและปรับปรุงเทคโนโลยีในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย การแข่งขันนี้ยังนำเสนอสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยงให้แก่ OEMs (Original Equipment Manufacturers) และผู้ผลิตยานยนต์เพื่อให้สามารถสำรวจและพัฒนานวัตกรรมระบบอัตโนมัติ ซึ่งขับเคลื่อนความก้าวล้ำที่วันหนึ่งจะมีผลต่อภาคส่วนยานยนต์ให้ขยายกว้างขึ้นไปในภายภาคหน้า

สามารถเข้าดูตัวอย่างพิเศษเกี่ยวกับ EAV24 และข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับอนาคตของการแข่งรถที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ที่ บูธของ ATRC ที่ Hall 17-B10 ในงาน GITEX Global

แหล่งข้อมูลAETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54135516/en

ติดต่อ

Dalia Awdi
+971501945368
Dalia.Awdi@edelman.com

แหล่งข้อมูล: Abu Dhabi Autonomous Racing League

Gradiant ประกาศเปิดตัว ProtiumSource โซลูชันน้ำที่พร้อมเข้ากระบวนการ อิเล็กโทรไลต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการของผู้ผลิตไฮโดรเจนสีเขียว

Logo

ProtiumSource ไม่ต้องใช้น้ำป้อนเข้าระบบ การปล่อยของเหลวเป็นศูนย์ และทํางานด้วยพลังงานหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพในระดับชั้นนําของอุตสาหกรรมเพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียว

บอสตัน

CAI เผยอัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ ณ งานประชุมและนิทรรศการประจำปีของ ISPE

Logo

ออร์แลนโด รัฐฟลอริดา –(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2024

CAI ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกด้านความพร้อมและความเป็นเลิศในการปฏิบัติการ ได้เปิดตัวโครงการเพื่อการปรับปรุงแบรนด์ใหม่อย่างครอบคลุมในวันนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทในการพัฒนาตนเองอย่างมีจุดมุ่งหมายและบทบาทในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพ รวมถึงการขึ้นเป็นบริษัทที่มีผลสำคัญต่อภารกิจ โดยจะเฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ในงานประชุมและนิทรรศการประจำปีของ ISPE ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม ณ เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ผู้เข้าร่วมงานสามารถดูตัวอย่างการรีแบรนด์ใหม่ของ CAI และพบปะกับทีมงานได้ที่บูธหมายเลข 1104

ในยุคที่เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมแบบก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย ทาง CAI ก็มุ่งมั่นที่จะมอบเครื่องมืออันจำเป็นแก่ลูกค้า เพื่อให้ได้มาซึ่งความพร้อมทางการปฏิบัติงานที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

รูปลักษณ์และองค์ประกอบทางภาพใหม่ของ CAI ซึ่งดำเนินการควบคู่ไปกับความพยายามนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจที่มุ่งเน้นไปยังอนาคต รวมถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อลูกค้าและผู้ถือผลประโยชน์อย่างชัดเจน โลโก้และโทนสีใหม่ผสมผสานเฉดสีน้ำเงิน ม่วง และเขียวอันสดใส ซึ่งเน้นย้ำถึงการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยี ความน่าเชื่อถือ และความแม่นยำที่ CAI นำมาสู่ตลาด การออกแบบเน้นที่รูปทรงหกเหลี่ยมเพื่อสื่อถึงเทคโนโลยี จึงสร้างเอกลักษณ์ที่เชื่อมโยงสู่กันแต่ก็ยังดูโดดเด่นอันล้ำหน้าและไม่ซ้ำใคร

Richard Tree ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ CAI อธิบายว่า “อัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ของเรานั้นไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์ แต่ยังสะท้อนถึงวิธีที่เราปรับตัวและโอบรับความก้าวหน้าในอุตสาหกรรม เมื่อเรานำเทคโนโลยีและวิธีการใหม่ๆ มาใช้ เราก็จะยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานทางความพร้อมในการปฏิบัติงานและการดำเนินโครงการต่อไป แบรนด์ใหม่ของเราบอกเล่าเรื่องราวของนวัตกรรมและประสิทธิภาพที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของเรา”

ความพร้อมในการปฏิบัติงานและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อภารกิจต่างๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเคร่งครัด และต้องมีมาตรฐานทางการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวด สำหรับบริษัทในแวดวงเหล่านี้ บริการทางความพร้อมในการปฏิบัติงานของ CAI จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสิ่งอำนวยความสะดวก บุคลากร และกระบวนการต่างๆ จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงทำงานได้อย่างสอดคล้องกันก่อนที่จะเปิดตัวโครงการ เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันความล่าช้าอันมีค่าใช้จ่ายสูง ในทางกลับกัน บริการทางความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานของบริษัทจะเน้นไปที่การคงรักษาและปรับปรุงมาตรฐานด้านประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพการทำงาน คุณภาพ และความคุ้มทุนในระดับสูงสุด

Tree เน้นย้ำอีกว่าเมื่อ CAI ให้ความสำคัญกับ “แนวทางที่เข้มงวดและความเอาใจใส่ต่อมาตรฐานสูงสุดอย่างไม่ลดละ” บริษัทสามารถรักษาชื่อเสียงอันโดดเด่นและฐานลูกค้าที่ภักดีตลอดเกือบ 30 ปีที่ดำเนินธุรกิจไว้ได้ เขากล่าวต่อไปว่า “สิ่งที่เราต้องการในทุกวันคือความไว้วางใจจากลูกค้า เราจึงทำโครงการให้เสร็จตรงเวลาและไม่เกินงบประมาณ เพื่อสื่อสารให้ลูกค้าเห็นอย่างชัดเจนว่าเราทำตามสัญญา เราไม่ได้ตั้งเป้าไว้ที่แค่ ‘ดีพอแล้ว’ แต่เราทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ลูกค้ามีความได้เปรียบทางการแข่งขันมากขึ้น”

Jennifer Lauria Clark รองประธานฝ่ายขายและฝ่ายจัดการลูกค้าของ CAI กล่าวว่า “เราแทบรอไม่ไหวที่จะนำเสนอแบรนด์ใหม่ที่งานประชุมและนิทรรศการประจำปีของ ISPE ทีมงานของเราทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้แบรนด์สอดคล้องกับวัฒนธรรม ค่านิยม และวิธีที่เรามอบความสนับสนุนแก่อุตสาหกรรมที่เราให้บริการ เราต้องการทำสิ่งที่ตรงจุด ไม่ใช่แค่เพื่อธุรกิจของเราเท่านั้น แต่เพื่อลูกค้าของเราด้วย งานของเรามีความสำคัญก็เพราะงานของลูกค้ามีความสำคัญ”

นอกจากนี้ คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ใหม่ของ CAIReady.com เพื่อดูประสบการณ์ผู้ใช้ที่ปรับปรุงใหม่แล้ว และข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับบริการของบริษัท

เกี่ยวกับ CAI

ที่ CAI เราเป็นบริษัทผู้ให้บริการเฉพาะด้านอันประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ด้านคุณภาพ และด้านการปฏิบัติงาน ซึ่งจะเข้ามาช่วยเร่งให้เกิดความพร้อมในการปฏิบัติงานและความเป็นเลิศในสภาพแวดล้อมซึ่งส่งผลต่อกิจการ ความเชี่ยวชาญในระดับสูงของเรามาจากการรวมบุคลากรผู้มีความสามารถเข้ากับเทคโนโลยีล่าสุด อีกทั้งแนวทาง กระบวนการ และความเอาใจใส่ในรายละเอียดของเราทำให้เราสามารถส่งมอบโครงการได้อย่างตรงเวลาและไม่เกินงบประมาณ สำหรับเรา ความพร้อมในการปฏิบัติงานเป็นมากกว่าแค่เป้าหมายในระยะสั้น เราต้องการขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม สร้างอนาคตผ่านการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ความสัมพันธ์ที่แท้จริง และมาตรฐานสูงสุด แล้วคุณล่ะ พร้อมแล้วหรือยัง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

Maggie Whitney, mwhitney@cglife.com

ที่มา: CAI