Category Archives: Technology

Milliken & Company มุ่งมั่นสู่อนาคตที่มีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

Logo

SBTi ตั้งเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิของบริษัทเป็นศูนย์ภายในปี 2050

SPARTANBURG, S.C.–(BUSINESS WIRE)–19 ตุลาคม 2022

Milliken & Company ผู้ผลิตระดับโลกที่มีความหลากหลายประกาศว่าเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ได้รับการอนุมัติโดย Science Based Targets initiative (SBTi) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ SBTi เป็นกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษที่สอดคล้องกับภูมิอากาศวิทยาและความตกลงปารีส (Paris Agreement)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย สามารถดูฉบับเต็มได้ที่นี่ https://www.businesswire.com/news/home/20221019005053/en/

“ที่ Milliken ความยั่งยืนคือค่านิยมหลัก” กล่าวโดย Halsey Cook ประธานและซีอีโอของ Milliken & Company “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างแรงกดดันต่อชุมชน บริษัท และโลกของเรา ถึงเวลาต้องดำเนินการอย่างมี เป้าหมายแล้ว”

SBTi คำนวณว่าบริษัทต่าง ๆ ที่มุ่งมั่นจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสายการผลิตตามภูมิอากาศวิทยา ขณะนี้คิดเป็นมูลค่า 38 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก Milliken เป็นหนึ่งใน 50 บริษัทแรกทั่วโลกที่บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับอนุมัติ และเข้าร่วมกลุ่มบริษัทมากกว่า 1,300 แห่งที่ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์โดยใช้มาตรฐาน SBTi Corporate Net-Zero ของปี 2021 Milliken เป็นบริษัทแรกที่ได้รับการอนุมัติในเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ทั่วโลกของ Milliken

Kasel Knight ที่ปรึกษาทั่วไปและหัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของ Milliken กล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั้งหมดจะเหมือนกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ Milliken มุ่งมั่นที่จะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างแท้จริงทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ภายในปี 2050 จากปีฐาน 2018” “ด้วยการทำงานร่วมกับ SBTi ความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ควบคู่ไปกับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวของเราที่ได้รับการอนุมัติ จะได้รับการตรวจสอบอย่างเต็มที่ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดในระดับโลก”

“เราภูมิใจที่ Milliken เป็นผู้นำงานนี้” กล่าวสรุปโดย Cook “เป้าหมายของเราช่วยให้ทีมงานของเรามากกว่า 8,000 คนลดความเสี่ยง ลดผลกระทบ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุน และค้นพบวิธีการใหม่ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์”

เกี่ยวกับ Milliken

Milliken & Company เป็นผู้นำด้านการผลิตระดับโลกที่มุ่งเน้นด้านวัสดุศาสตร์เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่โมเลกุลชั้นนำของอุตสาหกรรมไปจนถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน Milliken สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คนและนำเสนอวิธีแก้ปัญหาสำหรับลูกค้าและชุมชน ด้วยสิทธิบัตรหลายพันรายการและแฟ้มภาพผลงานที่มีการประยุกต์ใช้ในธุรกิจสิ่งทอ เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ผลิตภัณฑ์ปูพื้น และการดูแลสุขภาพ บริษัทใช้ความรู้สึกร่วมกันของความซื่อสัตย์และความเป็นเลิศเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกมาหลายชั่วอายุคน สามารถดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดที่กระหายใคร่รู้ของ Milliken และวิธีแก้ปัญหาที่สร้างแรงบันดาลใจได้ที่ milliken.com และบน FacebookInstagram, LinkedIn และ Twitter

เกี่ยวกับ Science Based Targets initiative

Science Based Targets initiative (SBTi) เป็นองค์กรระดับโลกที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดเป้าหมายที่มีความทะเยอทะยานในการลดการปล่อยมลพิษตามภูมิอากาศวิทยาล่าสุด โดยมุ่งเน้นที่การเร่งรัดให้บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งก่อนปี 2030 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ก่อนปี 2050 ความคิดริเริ่มนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง CDP, ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact), สถาบันทรัพยากรโลก (WRI) และกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) และหนึ่งในพันธกรณีของ We Mean Business Coalition

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221019005053/en/

ติดต่อ

Betsy Sikma
betsy.sikma@milliken.com
864.909.7908

ที่มา: Milliken & Company

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia ประกาศเปิดตัว EDSFF E1.S SSD รุ่นใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกล

Logo

KIOXIA รุ่น XD7P Data Center NVMe™ SSDs ใหม่ ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0

TOKYO—(BUSINESS WIRE)—19 ตุลาคม 2022

สานต่อภารกิจของบริษัทในการรับมือกับความต้องการเฉพาะของแอปพลิเคชันระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล Kioxia Corporation จึงได้ประกาศความสำเร็จด้วยการเปิดตัว KIOXIA รุ่น XD7P Data Center NVMe SSDs ที่ออกแบบมาสำหรับไฮเปอร์สเกลและเซิรฟ์เวอร์ทั่วไป ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P ได้รับการออกแบบมาสำหรับแอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์แบบไฮเปอร์สเกลและแบบทั่วไปในองค์กรใหม่ และฟอร์มแฟกเตอร์มาตรฐานของศูนย์ข้อมูล (EDSFF) ฟอร์มแฟกเตอร์ E1.S ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P เป็นรุ่นที่สองของ E1.S SSD ของ Kioxia ซึ่งรองรับOpen Compute Project (OCP) Data Center NVMe SSD ต่อจาก KIOXIA รุ่น XD6 ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P นั้นอยู่ระหว่างการสุ่มตัวอย่างเพื่อเลือกลูกค้า

Next-Generation EDSFF E1.S SSDs for Hyperscale Data Centers: KIOXIA XD7P Series Data Center NVMe™ SSDs (Photo: Business Wire)

EDSFF E1.S SSDs รุ่นใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกล: KIOXIA XD7P รุ่น Data Center NVMe™ SSDs (ภาพ: Business Wire)

KIOXIA รุ่น XD7P Data Center NVMe SSD ให้ประสิทธิภาพโดยรวมที่ดีขึ้น อีกทั้งยังบรรลุประสิทธิภาพในการไรท์ตามลำดับเกือบ 1.5 ถึง 2 เท่า และสุ่มเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการอ่าน/ไรท์กับรุ่นก่อนหน้า

ไดรฟ์ KIOXIA รุ่น XD7P ได้รับการออกแบบตามข้อกำหนด PCIe 4.0 และ NVMe 2.0 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการพัฒนา PCIe 5.0 ที่มีความเร็วอินเทอร์เฟซสูงสุด 32 GT/s ต่อเลน ดังนั้น KIOXIA รุ่น XD7P จะวางจำหน่ายเบื้องต้นในรูปแบบ PCIe 4.0 SSD ส่วนแบบ PCIe 5.0 SSD นั้นจะจัดจำหน่ายตามความต้องการของลูกค้า

KIOXIA รุ่น XD7P ใช้ตัวควบคุม Kioxia ที่เหมาะสมซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 5 ของ Kioxia เป็นพื้นฐาน ฟอร์มแฟกเตอร์ E1.S จะมีความสูงที่ 9.5 มม. 15 มม. และ 25 มม. พร้อมตัวเลือกฮีตซิงก์ อีกทั้งยังมีความจุพร้อมใช้งานสูงสุดถึง 7.68 TB พร้อมความทนทาน 1 DWPD นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกการรักษาความปลอดภัย TCG Opal SSC SED อีกด้วย [2]

หมายเหตุ
[1] ตัวอย่างทางวิศวกรรมมีไว้สำหรับการประเมินลูกค้า OEM (ลูกค้าที่จ้างผลิตสินค้าเพื่อนำไปขายในแบรนด์ของตัวเอง) ข้อมูลคุณสมบัติอาจแตกต่างจากช่วงที่มีการผลิตเป็นจำนวนมาก
[2] ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

* DWPD: อัตราการไรท์ของไดรฟ์ต่อหนึ่งวัน (Drive Write(s) Per Day) หมายถึงไดรฟ์สามารถไรท์และรีไรท์ใหม่เต็มความจุได้วันละครั้งทุกวันเป็นระยะเวลาห้าปี ซึ่งเป็นระยะเวลาการรับประกันผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ ในส่วนผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไปเนื่องจากการกำหนดค่าระบบ การใช้งาน และปัจจัยอื่น ๆ

*ความเร็วในการอ่านและไรท์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเครื่องหลัก เงื่อนไขการอ่านและไรท์ และขนาดของไฟล์

*คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation ได้กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์และเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุในการจัดเก็บข้อมูลโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงอาจแสดงค่าความจุน้อยลง ประสิทธิภาพความจุที่มี (รวมถึง ตัวอย่างของไฟล์มีเดียหลายไฟล์) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งเอาไว้ก่อน หรือเนื้อหาของมีเดียนั้น ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของบริษัท NVM Express, Inc ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 หน่วยความจำ Toshiba รุ่นก่อนได้แยกตัวออกจากบริษัท Toshiba Corporation ซึ่งเป็นผู้คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและมูลค่าตามหน่วยความจำสำหรับสังคม BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia ซึ่งจะกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงอันรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง เครื่องคอมพิวเตอร์ SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลลูกค้าได้ที่
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมทั้งราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของการบริการ และข้อมูลติดต่อนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

แกลลอรีรูปภาพ/มัลติมีเดีย
สามารถรับชมได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52947783/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามสื่อได้ที่

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

โทร: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Hillstone Networks เพิ่มการรับรอง Common Criteria Certification EAL4+ สำหรับไฟร์วอลล์รุ่นต่อไปของ Hillstone Networks

Logo

การรับรองความปลอดภัยระดับสากลและที่มีความเป็นอิสระสำหรับ Hillstone Networks SG-6000 A-Series Next Generation Firewall และ StoneOS 5.5.R9 เสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์ม Hillstone ซึ่งเป็นรากฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายตั้งแต่ระบบเอดจ์ (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ (cloud)

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–17 ตุลาคม 2565

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และสามารถเข้าถึงได้ ประกาศว่าบริษัทได้รับการรับรองผ่าน Common Criteria EAL4+ สำหรับ Hillstone Networks SG-6000 A-Series Next Generation Firewall (NGFW) และ StoneOS 5.5.R9 ซึ่งเสริมความแข็งแกร่งให้เป็นแพลตฟอร์มทางเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายและรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินที่สำคัญของพวกเขาตั้งแต่ระบบเอดจ์ (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ (cloud)

Common Criteria for Information Technology Security Evaluation (Common Criteria) เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการรับรองความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ Common Criteria เป็นปัจจัยในการนำไปใช้ในหน่วยงานของรัฐตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดและเป็นไปตามข้อกำหนด เนื่องจากการประกันคุณภาพและการรับประกันการรับรอง องค์กรขนาดใหญ่อื่น ๆ ในหลายอุตสาหกรรมจึงใช้ Common Criteria ในการปรับใช้โซลูชัน

“ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ (Cyber resilience) เป็นข้อบังคับในปัจจุบัน โดยไม่คำนึงถึงขนาดองค์กรหรืออุตสาหกรรม” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “Hillstone Next Generation Firewall เป็นรากฐานสำหรับพอร์ตโฟลิโอการรักษาความปลอดภัยของเรา และนำไปปรับใช้งานทั่วโลก รักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้ากว่า 23,000 ราย ในวันนี้ลูกค้าของเรามีเหตุผลอีกประการหนึ่งที่เชื่อมั่นว่าโซลูชันของเราปกป้องทรัพย์สินที่มีความอ่อนไหวและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของพวกเขาด้วยการเพิ่มการรับรอง Common Criteria Certification เรายังคงผลักดันขอบเขตในการทำให้โลกดิจิทัลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

“Secura ขอแสดงความยินดีกับ Hillstone Networks ที่ได้รับการรับรอง EAL4+ Common Criteria สำหรับ Hillstone Next Generation Firewall และ StoneOS การรับรองนี้มีขึ้นเพื่อเน้นคุณลักษณะด้านความปลอดภัยที่นำมาใช้ภายในผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความสมบูรณ์ของกระบวนการพัฒนา ความร่วมมือที่เป็นแบบอย่างระหว่างทีม Hillstone และ Secura ทำให้ผลลัพธ์นี้เป็นไปได้” Razvan Venter ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยของ Secura กล่าว

Hillstone Networks A-Series ที่ได้รับการยอมรับโดย Gartner ว่าเป็น ผู้มีวิสัยทัศน์ Magic Quadrant ทางด้าน Network Firewalls มาในฟอร์มแฟคเตอร์สองแบบพร้อมโมเดลเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองเวิร์กโหลดและการกำหนดความต้องการที่มีการเรียกร้องมากที่สุด สำหรับข้อมูลการรับรองเพิ่มเติม โปรดตรวจสอบ รายงานการรับรอง เป้าหมายความปลอดภัย และ การรับรอง CCRA  

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมและเข้าถึงได้ของ Hillstone Networks ได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยขององค์กรและผู้ให้บริการ ทำให้มีความยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์ในขณะที่ลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ด้วยการมอบความสามารถในการมองเห็นอย่างครอบคลุม ความชาญฉลาดที่เหนือกว่า และการป้องกันที่รวดเร็วในการมองเห็น ทำความเข้าใจ และดำเนินการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ตั้งแต่ระบบเอดจ์ (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ (cloud) โดย Hillstone ได้รับการจัดอันดับอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความเชื่อถือจากบริษัทระดับโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Canva ประกาศมีผู้ใช้ที่ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 100 ล้านรายหลังจากการเปิดตัว Visual Worksuite

Logo

การจ่ายค่าสมาชิกผลิตภัณฑ์สำหรับทีมเพิ่มขึ้นสามเท่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เนื่องจากผู้บริโภค องค์กร และโรงเรียนต่างเปิดรับชุดการสื่อสารด้วยภาพของ Canva

ซิดนีย์–(บิสิเนส ไวร์)–12 ต.ค. 2022

Canva แพลตฟอร์มการสื่อสารด้วยภาพระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่ามีผู้คนมากกว่า 100 ล้านคนใน 190 ประเทศใช้แพลตฟอร์มของตนทุกเดือน การเติบโตที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการเปิดตัว Visual Worksuite ของ Canva เมื่อเร็วๆ นี้ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวมีผู้ใช้ที่ใช้งานต่อเดือนเพิ่มเติมมากกว่า 15 ล้านคน เนื่องจากทีม โรงเรียน และสถานที่ทำงานเปิดรับความสามารถในการสื่อสารด้วยภาพบนอุปกรณ์ใดก็ได้จากทุกที่ในโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221012005414/en/

(Graphic: Canva)

(กราฟิก: Canva)

“เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ทะลุเป้าหมายที่สำคัญนี้ในภารกิจของเราในการเสริมพลังให้คนทั้งโลกได้เป็นนักออกแบบ” Melanie Perkins ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Canva กล่าว “การสื่อสารด้วยภาพมีความสำคัญมากกว่าที่เคย การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเราแสดงให้เห็นถึงความต้องการอย่างมากสำหรับแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันที่เรียบง่ายและครบวงจรที่ช่วยให้ทีมทุกประเภท ในสถานที่ทำงานทุกประเภท ปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์และบรรลุเป้าหมายโดยไม่ต้องมีความซับซ้อน”

การเติบโตอย่างยั่งยืนของ Canva เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบริษัทกลายเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารด้วยภาพตัวเลือกอย่างรวดเร็วในทีมและสถานที่ทำงานทุกประเภท  ความง่ายในการใช้งาน ลักษณะการทำงานร่วมกัน และความกว้างของชุดผลิตภัณฑ์ของ Canva ได้เห็นการนำไปใช้ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก  ด้วยการใช้งานในสถานที่ทำงานที่เพิ่มสูงขึ้นในหลากหลายอาชีพและอุตสาหกรรม  ความต้องการนี้พิสูจน์ได้จากงานปัจจุบันมากกว่า 10,000 ตำแหน่งบน LinkedIn ที่ระบุว่า Canva เป็นทักษะที่ต้องการของบริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึง American Express, Amazon, TikTok, LEGO และ Google

Marissa Kraines รองประธานฝ่ายโซเชียลและการตลาดด้านคอนเท้นท์ที่ Salesforce กล่าวว่า “Canva เป็นเครื่องมืออันล้ำค่าสำหรับธุรกิจของเรา โดยเปลี่ยนวิธีที่ทีมครีเอทีฟและโซเชียลทำงานร่วมกันโดยทำให้พนักงานสร้างการออกแบบใหม่ได้ง่ายขึ้นในลักษณะที่คงไว้ซึ่งความสอดคล้องของแบรนด์  นอกจากนี้ยังช่วยให้ทีมของเราสามารถปรับขนาดแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการสื่อสารด้วยภาพทั่วทั้งบริษัทเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจในช่องทางโซเชียลและช่องทางที่เราเป็นเจ้าของทั้งหมด”

การสื่อสารมีการมองเห็นเพิ่มมากขึ้น และโลกแห่งการทำงานไม่เคยมีความเป็นสากลมากขึ้นเท่านี้ ทำให้ทักษะการออกแบบที่เรียบง่ายและการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา  เมื่อความต้องการใช้การสื่อสารด้วยภาพในที่ทำงานเพิ่มขึ้น Canva ยังคงทุ่มเทเพื่อสร้างชุดผลิตภัณฑ์การสื่อสารด้วยภาพอย่างเต็มรูปแบบที่ขับเคลื่อนพนักงานยุคใหม่เพื่ออนาคตของการทำงานในทุกอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับ Canva

Canva เปิดตัวในปี 2013 เป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารด้วยภาพและการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ฟรี โดยมีพันธกิจในการมอบอำนาจให้ทุกคนในโลกออกแบบ มีส่วนต่อประสานผู้ใช้แบบลากและวางที่เรียบง่ายและเทมเพลตหลากหลายตั้งแต่การนำเสนอ เอกสาร เว็บไซต์ กราฟิกโซเชียลมีเดีย โปสเตอร์ เสื้อผ้า ไปจนถึงวิดีโอ รวมถึงคลังแบบอักษรขนาดใหญ่ การถ่ายภาพสต็อก ภาพประกอบ ฟุตเทจวิดีโอ และ คลิปเสียง ใครๆ ก็สามารถนำไอเดียมาสร้างสรรค์สิ่งสวยงามได้

ดาวน์โหลดมีเดียต่างๆ คลิกที่นี่

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221012005414/en/

ติดต่อสำหรับสื่อมวลชน:
Grace Langford
press@canva.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Adani Power ของอินเดียเลือก Black & Veatch เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ด้านพลังงานความร้อนลดต้นทุนการดำเนินงานและลดการปล่อยมลพิษ

Logo

ผู้นำโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกใช้โปรแกรมการจัดการประสิทธิภาพสินทรัพย์ (APM) เพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกที่ทันเวลาและนำไปปฏิบัติได้

มุมไบ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 ตุลาคม 2565

Adani Power Limited (APL) ได้แต่งตั้ง Black & Veatch เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและปรับปรุงความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ด้านพลังงานในอินเดีย โดยมีเป้าหมายรวมถึงการลดการปล่อยคาร์บอนโดยรวม

Black & Veatch จะใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เชิงคาดการณ์ที่หน่วยความร้อน 23 หน่วยเพื่อตรวจสอบสถานภาพและประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่สำคัญแบบเรียลไทม์ การดำเนินการดังกล่าวจะสนับสนุนการทำงานที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานการผลิตพลังงานความร้อนเกือบ 12 กิกะวัตต์ (GW) ในอินเดีย โดยลดการปิดระบบที่ไม่ได้ตั้งแผนไว้ให้น้อยที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้มากขึ้น

“ความท้าทายที่ภาคพลังงานของอินเดียได้รับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ทดสอบความยืดหยุ่นของรูปแบบธุรกิจของเรา ด้วยความรอบคอบ แน่วแน่ และมีวินัย เราสามารถจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพของสินทรัพย์ของเราด้วยความช่วยเหลือจากการวิเคราะห์ข้อมูลและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม” Jayadeb Nanda ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Adani Power Limited กล่าว

โซลูชันการจัดการประสิทธิภาพด้านสินทรัพย์ที่ดำเนินการโดย Black & Veatch จะช่วยให้ Adani Power มีบริการตรวจสอบและวินิจฉัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเดียและศูนย์ทั่วโลก บริการตรวจสอบและวินิจฉัยระยะไกลสร้างกระบวนการทำซ้ำได้ที่สำเร็จ ความผิดปกติด้านประสิทธิภาพที่สำคัญ แนะนำการดำเนินการสืบสวนสอบสวน และกำหนดมาตรการแก้ไขทันทีและกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงและลดต้นทุนในโรงงานขนาดต่าง ๆ และสภาพแวดล้อม

Hoe Wai Cheong ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch ให้ความเห็นเกี่ยวกับคุณค่าของโปรแกรมที่จะนำมาสู่ Adani Power ได้กล่าวว่า “อุตสาหกรรมทุกขนาดกำลังเผชิญกับตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น ซึ่งความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่า การดำเนินงานที่เชื่อถือได้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น พอร์ตโฟลิโอของโซลูชันการจัดการประสิทธิภาพด้านสินทรัพย์ของ Black & Veatch บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วยการรวมการวิเคราะห์ข้อมูล บุคลากร และกระบวนการต่าง ๆ เพื่อแจ้งและชี้นำการตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้ธุรกิจบรรลุผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และทำกำไรได้”

Adani Power Limited (APL) เป็นส่วนหนึ่งของ Adani Group ที่มีความหลากหลาย APL เป็นผู้ผลิตพลังงานความร้อนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 12,450 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนในรัฐคุชราต รัฐมหาราษฏระ รัฐกรณาฏกะ รัฐราชสถาน และรัฐฉัตติสครห์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 40 เมกะวัตต์ในรัฐคุชราต

โซลูชัน ASSET360® Monitoring & Diagnostics (M&D) ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ (AI)/ภาษาเครื่อง (ML) บนคลาวด์ของ Atonix Digital ซึ่งรวมพลังของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เข้ากับเวิร์กโฟลว์การทำงานร่วมกันในตัว แพลตฟอร์มนี้ปรับใช้โมเดล ML อย่างรวดเร็ว ตรวจจับความเบี่ยงเบนในการปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวกในการวินิจฉัย และเชื่อมโยงทีมเพื่อให้แน่ใจว่าจะแก้ไขปัญหาได้

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch ใช้กระบวนการตรวจสอบและวินิจฉัยกับหน่วยผลิตไฟฟ้ามากกว่า 150 หน่วย ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 50,000 เมกะวัตต์
  • Black & Veatch ดำเนินการศูนย์ตรวจสอบและวินิจฉัยสี่แห่งโดยมุ่งเน้นที่การผลิตพลังงาน การผลิตพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมซึ่งดำเนินการผลิต และแหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (DER)
  • Black & Veatch ช่วยลูกค้าได้มากกว่า 121 ล้านดอลลาร์จากการตรวจหาและประเมินปัญหาด้านวิศวกรรมช่วงเริ่มต้น ตรวจสอบทรัพย์สินมากกว่า 25,000 รายการด้วยโซลูชัน ASSET360® ซึ่งขับเคลื่อนโดย AtonixOI

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี 2458 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยยืนหยัดต่อสู้และสร้างความเชื่อมั่นในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2564 มีมูลค่าเกิน 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221003005482/en/

ข้อมูลการติดต่อสื่อ:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
24-HOUR MEDIA HOTLINE | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รับรองความปลอดภัยให้การชำระเงินในเอเชียด้วยเทคโนโลยี 3-D Secure ล่าสุด

Logo

Omise ผสานรวมโปรโตคอล EMV® 3DS 2.2 โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ 3DS ของ Netcetera

สิงคโปร์Omise ผู้ให้บริการระบบชำระเงิน (PSP) ได้นำเซิร์ฟเวอร์ 3-D Secure ของ Netcetera มาใช้เพื่อรับรองความปลอดภัยให้กับธุรกรรมการชำระเงินออนไลน์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก Netcetera ซึ่งเป็นผู้นำตลาดสำหรับโซลูชันการชำระเงินดิจิทัล นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองสำหรับการประมวลผลการชำระเงินแบบ 3DS และสนับสนุนการรับรองความถูกต้องที่ปลอดภัยและราบรื่นเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้อย่างไร้กังวล Omise คือหนึ่งในลูกค้า PSP รายแรกๆ ที่นำโปรโตคอล EMV 3DS 2.2 มาปรับใช้ ซึ่งช่วยให้สามารถเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรมและลดการฉ้อโกงได้

PSP, ร้านค้า และผู้ให้บริการแก่ผู้รับบัตรจำเป็นต้องลดความเสี่ยงสำหรับธุรกรรมที่ไม่มีการพิสูจน์ตัวจริง การคืนเงินที่เกี่ยวข้อง และรายได้ที่สูญหายไป ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างกระบวนการที่ราบรื่นและปรับปรุงประสบการณ์ของเจ้าของบัตรในระหว่างการเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ การค้นหาความสมดุลในการตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายไม่ใช่งานง่าย

เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ Omise ตัดสินใจที่จะปรับใช้เซิร์ฟเวอร์ 3-D Secure ของ Netcetera ซึ่งเป็นโซลูชันในองค์กรที่ได้รับการรับรองจากเครือข่ายและพร้อมสำหรับ PCI Omise คือหนึ่งใน PSP รายแรกๆ ที่นำเซิร์ฟเวอร์ 3DS มาใช้กับโปรโตคอลล่าสุด EMV 3DS 2.2 Jatuporn Pinnuvat หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของ Omise กล่าวว่า “หลังจากการประเมินและการตรวจสอบซัพพลายเออร์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจเลือก Netcetera เพราะมอบการชำระเงินที่ยืดหยุ่น ฉับไว และเป็นอิสระ เราพิจารณาว่าเซิร์ฟเวอร์ 3DS ของ Netcetera เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้และใช้การได้มากที่สุดในการสนับสนุนธุรกรรมที่สะดวกและปลอดภัย การปรับใช้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ และเราสามารถประหยัดทั้งแรงและเวลาได้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก Netcetera มีการจัดทำเอกสารทางเทคนิคที่ครอบคลุม เว็บบินาร์เพื่อให้ความรู้ และการสนับสนุนระดับมืออาชีพ”

ในฐานะแบรนด์ที่มีตัวตนที่แข็งแกร่ง ซึ่งให้บริการแก่ร้านค้าหลายพันรายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทำให้ Omise เป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมระบบชำระเงิน และขับเคลื่อนความปลอดภัยและความสะดวกของการชำระเงินออนไลน์ร่วมกับ Netcetera Kiril Milev กรรมการผู้จัดการของ Netcetera ในประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าเราสามารถนำคุณค่ามาสู่อุตสาหกรรมระบบชำระเงินได้ด้วยผลิตภัณฑ์ของเราที่ทันสมัยและได้รับการรับรอง ซึ่งผลักดันระบบชำระเงินสำหรับอีคอมเมิร์ซให้ก้าวหน้า การปรับใช้ในครั้งนี้ที่ Omise ทำให้เราสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวตนของเราในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกได้”

Netcetera และ Omise เดินหน้าร่วมมือกันต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าการชำระเงินออนไลน์ในเอเชียจะได้รับการประมวลผลตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยล่าสุด และเพื่อสำรวจเทคโนโลยีล่าสุดของระบบชำระเงิน

หมายเหตุ:
EMV® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ และเป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนในที่อื่นๆ เครื่องหมายการค้า EMV เป็นของ EMVCo, LLC

เกี่ยวกับ Netcetera

Netcetera คือบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์ไอทีล้ำสมัยและโซลูชันดิจิทัลเฉพาะตัวด้านการชำระเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย เทคโนโลยีทางการเงิน สื่อ การขนส่ง การดูแลสุขภาพ และการประกันภัย ธนาคารและผู้ออกบัตรกว่า 2,000 แห่ง และร้านค้า 150,000 รายพึ่งพาโซลูชันการชำระเงินดิจิทัลและผลิตภัณฑ์ 3-D Secure ที่ได้รับการรับรองในระดับสากลของผู้นำตลาดรายนี้สำหรับความปลอดภัยในการชำระเงิน บริษัทที่บริหารงานโดยเจ้าของแห่งนี้ครอบคลุมไอทีแบบครบวงจร ตั้งแต่การสร้างแนวคิดและกลยุทธ์ไปจนถึงการปรับใช้และการปฏิบัติการ การผสมผสานที่สมดุลระหว่างเทคโนโลยีล่าสุดกับมาตรฐานที่ผ่านการพิสูจน์แล้วช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการลงทุน ตั้งแต่โครงการขนาดใหญ่ไปจนถึงสตาร์ทอัพนวัตกรรม Netcetera ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีพนักงาน 700 คน และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสาขาเพิ่มเติมอยู่ทั่วยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง

ข้อมูลเพิ่มเติม: netcetera.com

เกี่ยวกับ Omise

Omise ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดยเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรอันทันสมัยแก่ธุรกิจต่างๆ ในการรับ ประมวลผล และเบิกจ่ายการชำระเงินทางออนไลน์ ร้านค้าที่ทำงานร่วมกับ Omise สามารถเข้าถึงเครื่องมือการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ โซลูชันการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุม ตลอดจนการเชื่อมต่อกับเครือข่ายบัตรและวิธีการชำระเงินที่ผู้บริโภคนิยมใช้ Omise ช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้และมอบประสบการณ์ในการชำระเงินที่ราบรื่นทั้งทางออนไลน์ ในร้านค้า และในแอป

Omise มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเป็นบริษัทแพลตฟอร์มการชำระเงินที่แบรนด์นับพันต่างเลือกใช้ในทุกวันนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม: omise.co

ติดต่อสื่อ

Netcetera

Angelika Seiler

หัวหน้าฝ่ายเนื้อหา

angelika.seiler@netcetera.com

+41 44 297 58 09

Hillstone Networks จัดแสดงผลงานด้านนวัตกรรม Cyber Resilient Portfolio ในงานความปลอดภัยด้านไซเบอร์ที่สิงคโปร์

Logo

Hillstone Networks เป็นผู้สนับสนุนที่น่าภาคภูมิใจของการประชุม Cyber ​​Security World Asia และ GovWare ในสิงคโปร์

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–11 ต.ค. 2565

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเข้าถึงได้ ประกาศว่าจะสนับสนุนกิจกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์สองงานในสิงคโปร์ ได้แก่ Cyber ​​Security World Asia และ GovWare เพื่อแสดงโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และเครือข่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวงกว้าง

Cyber ​​Security World Asia จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ถึง 13 ที่ Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ โดยมีประเด็นสำคัญที่ครอบคลุมความท้าทายและแนวโน้มด้านความปลอดภัยในปัจจุบัน รวมถึงประเด็นอนาคตของการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์  ผู้นำธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจะมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและความยืดหยุ่นทางไซเบอร์  Hillstone Networks จะมีบูธพร้อมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อแสดงคุณค่าของพอร์ตโฟลิโอที่ยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์

สัปดาห์ถัดมา วันที่ 18-20 ตุลาค เป็นงานและนิทรรศการ GovWare ซึ่งปีนี้มีหัวข้อคือการส่งเสริมให้เกิดไซเบอร์สเปซที่ปลอดภัยและยั่งยืนท่ามกลางการหยุดชะงัก โดยจะกลับมาพร้อมกับผู้นำธุรกิจคนสำคัญ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริงใน ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ แบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และสำรวจโอกาสใหม่ๆ  เข้าร่วมกับ Hillstone Networks เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ล่าสุด เครือข่ายกับเพื่อนของคุณและเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำของ SEA ด้วยตนเองในสิงคโปร์” Albert Wang ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาค SEA ของ Hillstone Networks กล่าว “Hillstone มีสถานะที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้และเราตื่นเต้นกับสองสัปดาห์ที่จะมาถึงของการพบปะกับผู้นำธุรกิจระดับภูมิภาค ผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เพื่อทำความเข้าใจกับลำดับความสำคัญของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้นและวิธีที่โซลูชันที่เป็นนวัตกรรมของเราจะสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้”

ผู้เชี่ยวชาญของ Hillstone จะพร้อมสาธิตและจัดแสดงผลิตภัณฑ์โซลูชัน Hillstone ล่าสุด ด้วยเทคโนโลยีต่อไปนี้: SD-WAN, ZTNA, Microsegmentation, CWPP, NDR, และ XDR

เข้าร่วมทีม Hillstone Networks:

Cyber ​​Security World 2022
12-13 ต.ค. 2022
บูธ: B03

GovWare 2022
18-20 ต.ค. 2022
บูธ: B14

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hillstone Networks โปรดไปที่ www.hillstonenet.com

เกี่ยวกับ Hillstone

นวัตกรรมและโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Hillstone Networks ที่เข้าถึงได้จะเปลี่ยนโฉมการรักษาความปลอดภัยขององค์กรและผู้ให้บริการ ทำให้มีความยืดหยุ่นในโลกไซเบอร์ในขณะที่ลด TCO  ด้วยการให้การมองเห็นที่ครอบคลุม ความชาญฉลาดที่เหนือกว่า และการป้องกันที่รวดเร็วในการดู ทำความเข้าใจ และดำเนินการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์สู่คลาวด์ Hillstone ได้รับการจัดอันดับอยู่ในเกณฑ์ดีโดยนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความเชื่อถือจากบริษัทระดับโลก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.hillstonenet.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221010005807/en/

ติดต่อ:

Zeyao Hu
+1 4085086750
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

MetricStream คว้ารางวัล ‘Operational Risk Management Solution’ of the Year จากงาน Asia Risk Awards 2022

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–10 ต.ค. 2022

MetricStream ผู้นำตลาดระดับโลกในด้านการจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการ (IRM) และการกำกับดูแล การบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติตามข้อกำหนด (GRC) ประกาศว่าบริษัทได้รับรางวัล Operational Risk Management Solution แห่งปีจากรางวัล AsiaRisk Technology Awards 2022อัน  รางวัล AsiaRisk Technology จัดขึ้นโดย Risk.net และเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่ MetricStream โดยได้รับรางวัลนี้ในหมวด Operational Risk Management

ภาวะความเสี่ยงที่มีความเชื่อมโยงและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประกอบกับการหยุดชะงักทางดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้มีความจำเป็นสำหรับธุรกิจในการดำเนินการเชิงรุกและเปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ รางวัลนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถเฉพาะตัวของเราในการส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าด้วยการช่วยให้พวกเขาตรวจสอบความไม่แน่นอนและเสริมสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ” Michel Feijen กรรมการผู้จัดการ APAC กล่าว

การจัดการความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ (ORM) ของ MetricStream พร้อมชุดความสามารถที่ครอบคลุมเพื่อจัดการความเสี่ยงด้านปฏิบัติการและความสูญเสียที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างวินัยในการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงสร้างการรับรู้ถึงความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร ปกป้องธุรกิจจากความไม่แน่นอน ส่งเสริมการตัดสินใจทางธุรกิจที่คำนึงถึงความเสี่ยง ในขณะที่เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน

โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า ผลิตภัณฑ์นี้จึงมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาความไม่สอดคล้องกันในกระบวนการจัดการความเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการกำกับดูแลข้อมูลอย่างเข้มงวด ให้การมองเห็นที่ครบถ้วนพร้อมข้อมูลเชิงลึกที่นำไปดำเนินการจัดการความเสี่ยงด้านปฏิบัติการระดับสูง การวิเคราะห์ขั้นสูงช่วยให้องค์กรสามารถวัดปริมาณความเสี่ยงในรูปของเงินและลดความสูญเสียในการดำเนินงานโดยการลดความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรในเชิงรุก

เกี่ยวกับ Inc.,

MetricStream เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่น SaaS (Software as a Service) ด้านการจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการและโซลูชัน GRC ที่ช่วยให้องค์กรเติบโตจากความเสี่ยงด้วยการเร่งการเติบโตผ่านการตัดสินใจที่คำนึงถึงความเสี่ยง เราเชื่อมโยงการกำกับดูแล การจัดการความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อกำหนดทั่วทั้งองค์กรที่ขยายออกไป ConnectedGRC ของเราและสายผลิตภัณฑ์สามสาย ได้แก่ BusinessGRC, CyberGRC และ ESGRC อิงจากแพลตฟอร์มเดียวที่ปรับขนาดได้ ซึ่งสนับสนุนคุณทุกที่ที่คุณอยู่บนเส้นทาง GRC

MetricStream มีสำนักงานใหญ่ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีศูนย์ปฏิบัติการและ R&D ในบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย พร้อมการสนับสนุนด้านการขายและการดำเนินงานทั่วโลก ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.metricstream.com, LinkedIn, เฟสบุ๊ค และ ทวิตเตอร์.

เข้าร่วมกับเราในวันที่ 8 และ 9 พฤศจิกายนในลอนดอนสำหรับงาน 10th GRC Summit – Experience the Power of Connection.

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221009005013/en/

ติดต่อ:

Preeti Goswami
preeti.goswami@metricstream.com 
+91-9654394164

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

MidOcean Energy ของ EIG เตรียมเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ในพอร์ตโฟลิโอของสี่โครงการ LNG แบบบูรณาการของออสเตรเลียมูลค่า 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายของโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) คุณภาพสูงที่หมุนเวียนด้วยเงินสดสร้างรากฐานสำหรับ MidOcean Energy

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–07 ตุลาคม 2565

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัท LNG ที่ก่อตั้งและบริหารจัดการโดย EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุสัญญาหลักที่เกี่ยวข้องกับ Tokyo Gas Co., Ltd (“Tokyo Gas”) เพื่อเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ในพอร์ตโฟลิโอของสี่โครงการ LNG แบบบูรณาการของออสเตรเลีย

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง MidOcean จะเข้าซื้อหุ้นของ Tokyo Gas ใน Gorgon LNG, Ichthys LNG, Pluto LNG และ Queensland Curtis LNG เพื่อพิจารณาเป็นเงินสดรวม 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการแบบบูรณาการเหล่านี้ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกและตะวันออกของออสเตรเลีย และเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของก๊าซ LNG ไปยังเอเชีย โดยมีสัญญาจ้างหรือจ่ายระยะยาวที่หลากหลายกับคู่สัญญาระดับการลงทุน และไปยังตลาดก๊าซในประเทศของออสเตรเลีย พอร์ตโฟลิโอนี้คาดว่าจะสร้างก๊าซ LNG สุทธิให้กับ MidOcean ได้ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการผลิตที่ได้รับการสนับสนุนจากปริมาณสำรองที่มีอายุการใช้งานยาวนานและโครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ทั่วโลก พอร์ตโฟลิโอได้รับประโยชน์จากผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์ ซึ่งรวมถึง Chevron, INPEX, Woodside และ Shell และขยายห่วงโซ่คุณค่าก๊าซ LNG จากการดำเนินงานต้นน้ำไปจนถึงกลางน้ำ การทำให้เป็นของเหลว และการขาย

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างบริษัทก๊าซ LNG บูรณาการแบบ ‘pure play’ ระดับโลกที่มีคุณภาพสูงและหลากหลาย และใช้ประโยชน์จากประสบการณ์การลงทุนที่กว้างขวางของ EIG ในภาคส่วนก๊าซ LNG ระดับโลก โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธกิจหลายพันล้านเหรียญดอลลาร์ต่อโครงการก๊าซ LNG หลายโครงการในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดรวมถึงการได้มาของรายการส่วนได้เสียที่มีอำนาจควบคุมใน GNL Quintero S.A. ซึ่งเป็นสถานีระเหยก๊าซ LNG ที่ใหญ่ที่สุดในชิลี ธุรกรรมดังกล่าวยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การจัดการ “Compass 2030” ของ Tokyo Gas Group ซึ่ง Tokyo Gas ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบ Net-Zero

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “การเปิดตัว MidOcean สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งของเราในก๊าซ LNG ว่าเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของก๊าซ LNG ในฐานะแหล่งพลังงานด้านกลยุทธ์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ เราเชื่อว่าธุรกรรมนี้จะช่วยให้ MidOcean มีพอร์ตโฟลิโอขั้นพื้นฐานของสินทรัพย์ LNG แบบบูรณาการที่คุ้มค่าและคุ้มราคาในเขตปกครองที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดหาลูกค้าหลักในญี่ปุ่น เอเชีย และทั่วโลกในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า”

ในเดือนมิถุนายน 2565 EIG ได้ประกาศว่า De la Rey Venter ผู้มีประสบการณ์ด้านก๊าซ LNG ซึ่งเคยร่วมงานกับ Shell ได้เข้าร่วม MidOcean ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยนำประสบการณ์ 25 ปีในการดำเนินงานก๊าซ LNG การจัดการข้อตกลง และความเป็นผู้นำทางธุรกิจระดับโลก

Mr. Venter กล่าวว่า “ด้วยการประกาศในวันนี้ MidOcean กำลังดำเนินการขั้นตอนแรกสู่การตระหนักถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างธุรกิจก๊าซ LNG ที่มีคุณสมบัติแบบ pure play ซึ่งเราคาดว่าจะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่อนาคตแบบ Net Zero เราเห็นโอกาสมากมายในการขยายจุดยืนของ MidOcean ในการจัดหาตลาดก๊าซ LNG ทั่วโลก และตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรและลูกค้ารายใหม่ของเรา”

ธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะปิดในครึ่งแรกของปี 2566 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม รวมถึงการอนุมัติด้านกฎระเบียบของออสเตรเลีย

Barrenjoey, Barclays และ JP Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ และ White & Case ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยเงิน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดย EIG เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั่วโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 40 ปี EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่า 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่าน 387 โครงการหรือบริษัทใน 38 ประเทศใน 6 ทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรปชั้นนำหลายแห่ง  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ รีโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซด์ MidOcean’s website ได้ที่ www.midoceanenergy.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221007005100/en/

ติดต่อ:

สื่อ
FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Topcon เปิดตัวกล้อง NW500 Non-Mydriatic Retinal

Logo

กล้องอัตโนมัติเต็มรูปแบบให้ภาพคุณภาพสูงที่เชื่อถือได้เมื่อรวมกับความสามารถที่เพิ่มขึ้น

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–06 ต.ค. 2022

Topcon Healthcare ผู้ให้บริการชั้นนำด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และโซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับชุมชนการดูแลดวงตาทั่วโลก มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทได้เปิดตัว NW500 ซึ่งเป็นกล้องเรตินอล non-mydriatic อัตโนมัติเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ที่ให้ความคมชัดและเชื่อถือได้ ด้วยภาพที่มีคุณภาพพร้อมความสามารถที่เพิ่มขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221005005153/en/

The new NW500 fully automated non-mydriatic retinal camera from Topcon. (Photo: Business Wire)

กล้องเรตินอล NW500 แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบจาก Topcon (ภาพ: Business Wire)

NW500 นำเสนอการสแกนรอยกรีดที่เป็นนวัตกรรมใหม่และกลไก rolling shutter ซึ่งช่วยให้ก้าวข้าวหนึ่งในสาเหตุของภาพถ่ายม่านตาที่ได้เกรดต่ำโดยสามารถถ่ายภาพขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ 2.00 มม. ขึ้นไป* เซ็นเซอร์ 12 เมกะพิกเซลให้ภาพจอสีคุณภาพเยี่ยมสำหรับการตรวจสอบและวิเคราะห์ที่ชัดเจน

NW500 มีส่วนช่วยในกระบวนการทำงานที่คล่องตัวและเพิ่มประสบการณ์ของผู้ป่วยด้วยการนำเสนอความสามารถในการรับภาพจอตาในสภาพแสงโดยไม่จำเป็นต้องขยายม่านตาผู้ป่วย NW500 ให้ภาพจอสีคุณภาพเยี่ยมในจุดยึดแบบเดิม 3 จุด (ดิสก์ จุดศูนย์กลาง และมาคูล่า) รวมถึงตำแหน่งการตรึง 9 ตำแหน่งสำหรับการถ่ายภาพบริเวณขอบภาพ

การใช้งานหน้าจอสัมผัสช่วยให้จับภาพได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว การดำเนินการอัตโนมัติเต็มรูปแบบช่วยให้แพทย์มีความยืดหยุ่นในการมอบหมายการตรวจคัดกรองให้กับเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่คลินิก ความเร็วในการประมวลผลที่ดีขึ้น** หมายถึงสามารถใช้เวลาน้อยลงในการจับภาพ และทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเพิ่มปริมาณงานของผู้ป่วยได้ โดยมีตัวเลือกการเชื่อมต่อที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของธุรกิจทางคลินิกและการคัดกรอง

“NW500 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Topcon ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องในการแสวงหาเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับและทำให้การดูแลมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น” Tobias Kurzke ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์กล่าว “เมื่อรวมกันแล้ว เทคโนโลยี slit scan ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และกล้อง 12 เมกะพิกเซลช่วยให้แพทย์ได้ภาพที่มีคุณภาพรวดเร็วและคมชัด โดยมีความล้มเหลวและการถ่ายภาพซ้ำน้อยลง ทำให้กระบวนการรับภาพอวัยวะได้รวดเร็วและเชื่อถือได้มากกว่าเดิม และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วยผ่านการตรวจคัดกรองที่เร็วขึ้นและไม่จำเป็นต้องขยายม่านตา ซึ่งจะทำให้แพทย์และการตรวจสุขภาพมีความได้เปรียบในการแข่งขัน”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://topconhealthcare.jp/products/nw500

เกี่ยวกับ Topcon Healthcare

Topcon Healthcare เห็นว่าสุขภาพดวงตาแตกต่างจากผู้อื่น วิสัยทัศน์ของเราคือการส่งเสริมผู้ให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสำหรับการดูแลผู้ป่วยที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ทันกับภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ เรานำเสนอโซลูชั่นแบบบูรณาการล่าสุด รวมถึงการถ่ายภาพหลายโมเดลขั้นสูง การจัดการข้อมูลที่เป็นกลางจากผู้ขาย การเว้นระยะห่างอย่างปลอดภัย และเทคโนโลยีการวินิจฉัยระยะไกลที่ก้าวล้ำ

Topcon เป็นธุรกิจระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชันเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายทางสังคมในโดเมนขนาดใหญ่ของการดูแลสุขภาพ การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน ในด้านการดูแลสุขภาพ ความท้าทายเหล่านี้รวมถึงโรคตาที่เพิ่มขึ้น ค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น การเข้าถึงการรักษาพยาบาล และการขาดแคลนแพทย์ ด้วยการลงทุนในนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า Topcon ทำงานเพื่อให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

* ยืนยันในรุ่น eye

** เมื่อเปรียบเทียบกับกล้องเรตินอลที่ไม่ใช่ mydriatic ของ Topcon TRC-NW400

ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือข้อเสนอบางอย่างไม่ได้รับการอนุมัติหรือเสนอในทุกตลาด และผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ติดต่อผู้จัดจำหน่ายในพื้นที่ของคุณสำหรับข้อมูลเฉพาะประเทศและความพร้อมใช้งาน

https://topconhealthcare.jp/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221005005153/en/

ติดต่อ:

Topcon Corporation Eyecare Business Division
Yasuko Sasaki
infomid@topcon.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย