Category Archives: Biomedical

เทคโนโลยี iSWAB Microbiome-EL ของ Mawi ช่วยให้ Prime Discoveries พัฒนาการตรวจวินิจฉัยโควิดที่รวดเร็วด้วยเทคนิค Extraction-Less

Logo

เฮย์เวิร์ด, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–25 เมษายน 2565

Mawi DNA Technologies (Mawi) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการเก็บตัวอย่างทางชีวภาพ ประกาศว่า Prime Discoveries สามารถทำการพัฒนา CovidDetect™ ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยเร็วด้วยเทคนิคการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม (isothermal amplification) สำหรับตรวจจับไวรัส SARS-CoV-2 ได้สำเร็จ โดยสามารถแสดงผลได้ใน 30 นาที โดยไม่จำเป็นต้องสกัดและทำ RNA ให้บริสุทธิ์ก่อน การตรวจวินิจฉัยทำโดยใช้เทคโนโลยีเก็บตัวอย่าง iSWAB Microbiome-EL (Extraction-Less) ใหม่ของ Mawi วิธีนี้ทำให้เกิดการปลดปล่อย RNA จากตัวอย่างและคงความเสถียรเอาไว้ ซึ่งเป็นการป้องกัน RNA ไม่ให้เสื่อมสภาพและยังช่วยให้สามารถจัดเก็บและขนส่งในอุณหภูมิห้องได้

เมื่อไม่นานมานี้ Prime Discoveries เพิ่งได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพ CE IVD สำหรับ CovidDetect™ และมีแผนเข้ารับการอนุมัติ FDA 510K เร็ว ๆ นี้ ผลทางคลินิกจาก Prime CovidDetect™ ผ่านขั้นตอนพิชญพิจารณ์ (peer review) แล้ว และได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการ PLOS ONE ภายใต้หัวข้อ “A Rapid, Specific, Extraction-Less, and Cost-Effective RT-LAMP Test for the Detection of SARS-CoV-2 in Clinical Specimens” เครื่องหมายรับรอง CE ทำให้สามารถนำโซลูชันนี้ไปใช้กับประเทศในแอฟริกาและเอเชียได้ ซึ่งในภูมิภาคเหล่านี้ การตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ที่ให้ผลเร็วและราคาไม่แพง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐานด้านเครื่องมือมาก ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก

Prime CovidDetect™ ใช้สารละลายบัฟเฟอร์สำหรับเก็บตัวอย่าง iSWAB Microbiome-EL ที่มีความเฉพาะของ Mawi พร้อมเทคโนโลยี Loop AMPlification (LAMP) ที่มีการจดสิทธิบัตรแล้วของ Prime Discoveries ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มปริมาณกรดนิวคลีอิกโดยไม่ต้องใช้เครื่องเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอสำหรับการทำ PCR ซึ่งมีราคาแพง โดยหลักการทำงานแบบ Extraction-Less นี้ช่วยลดขั้นตอนการสกัดและทำให้กรดนิวคลีอิกบริสุทธิ์ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อน และยังประหยัดเวลาจากการเก็บตัวอย่างสำหรับการทำ PCR ได้ 60-90 นาที

Arun Manoharan, Ph.D., ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านวิทยาศาสตร์ของ Prime Discoveries กล่าวว่า “การระบาดไปทั่วโลกของโควิดได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างมากของการตรวจวินิจฉัยโรคที่รวดเร็ว Prime Discoveries ตั้งเป้าที่จะสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันที่สามารถแสดงผลได้ภายใน 45 นาที โดยใช้ห้องปฏิบัติการ สารที่ใช้ในการวิเคราะห์ และทักษะทางเทคนิคน้อยที่สุด ซึ่งเหมาะสำหรับจุดทดสอบในพื้นที่ห่างไกล จุดทดสอบเคลื่อนที่ จุดทดสอบ ณ​ พรมแดนข้ามประเทศ และพื้นที่ทำงานทางคลินิกที่มีโครงสร้างพื้นฐานน้อย การทำงานที่เกี่ยวกับโควิดของเราได้แสดงให้เห็นถึงความเสถียรของ iSWAB Microbiome-EL โดย Mawi ในตัวอย่างทางคลินิกหลายร้อยชิ้น ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่คล้ายคลึงหรือเหนือกว่าวิธี RT-PCR โดยตัวอย่างมีความเสถียรนานกว่าสองสัปดาห์ ขณะที่ RNA มีความเสื่อสภาพเพียงเล็กน้อย และยังมีความเข้ากันได้สูงกับเทคนิคที่เราใช้เพิ่มปริมาณกรดนิวคลีอิกด้วย” เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “ความเป็นพันธมิตรกับ Mawi ของเราช่วยให้ Prime Discoveries สามารถพัฒนาการเก็บตัวอย่างในอุณหภูมิห้องพร้อมการทำงานแบบ Extraction-Less สำหรับโซลูชันตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วของเราในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงการตรวจวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ หนองในเทียม หนองใน พยาธิในช่องคลอด, HBV, HCV, HPV, TB, เริม ซิฟิลิส และอีกมากมาย เราตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ Mawi พัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจหาการติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร โรคติดต่อทางเพศ และโรคแบคทีเรียที่มีการดื้อยากับผู้ป่วยหลายพันรายได้อย่างรวดเร็ว”

เกี่ยวกับ Prime Discoveries

Prime Discoveries พัฒนาการวินิจฉัยไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรวดเร็วสำหรับโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความคุ้มค่าด้านราคา ขยายขนาดได้ และสามารถทำการตรวจวิเคราะห์ได้ง่ายและเป็นอัตโนมัติ Prime ก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กซิตี้เมื่อปี 2560 และมีนักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายสาขา ทั้งด้านจุลชีววิทยา ชีววิทยาเชิงคอมพิวเตอร์ ระบบอัตโนมัติห้องปฏิบัติการ และปัญญาประดิษฐ์จากสถาบัน Genentech, Cooper Genomics, Recombine, Phosphorus และ NYU และ Prime ยังได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในสาขาต่าง ๆ อย่างการศึกษาจีโนมิกส์และสาธารณะสุขจาก Dr. George Church และ New York University นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางวิชาการ บริษัทร่วมทุน และนักลงทุนอิสระมากมาย รวมถึง New York University, Charles Zegar (Bloomberg), Esther Dyson (23 & Me), BoxGroup, Akron Fusion Ventures, Beresford Ventures, Cannonball Capital, Liquid 2 Ventures, Francois Nader (Moderna, Acceleron, Shire), Unshackled Ventures, Doberman Forward และอื่น ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.primediscoveries.com

เกี่ยวกับ Mawi DNA Technologies

Mawi DNA Technologies ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2556 เป็นผู้พัฒนาและให้บริการเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยี iSWAB ซึ่งเป็นระบบที่มีความล้ำสมัยสำหรับการเก็บตัวอย่างทางชีวภาพ พันธกิจของ Mawi คือการรักษาความสมบูรณ์ของตัวอย่างไม่ว่าจะมาจากส่วนไหนของโลกในอุณหภูมิห้องให้ได้ เพื่อให้เห็นความหลากหลายที่แท้จริงของตัวอย่างจากต่างพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และกลุ่มประชากร ภายใต้สโลแกน At Mawi, The Future of Biosampling is Here™ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ http://www.mawidna.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220425005323/en/

ติดต่อ:

นักลงทุน
Jerome David รองประธานฝ่ายขายและการตลาด 
510-256-5186, j.david@mawidna.com 

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ: 
Susan Tellem, APR, RN, BSN 
310-313-3444, susan@tellemgrodypr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tanner Pharma เพิ่มสินค้าคงคลังของ Leukine® ในยุโรปเพื่อขยายความพร้อมใช้งานและเพิ่มการตอบสนองต่อการได้รับรังสีที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องในยูเครน

Logo

Leukine ได้รับการรับรองจาก FDA ให้รักษาความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS) ตามข้อแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ในระบบการรักษาการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–24 มีนาคม 2565

Tanner Pharma Group ผู้จัดจำหน่ายยาที่จำเป็นระดับสากล ประกาศว่าได้เพิ่มสินค้าคงคลัง Leukine (sargramostim, rhuGM-CSF ที่มาจากยีสต์) อย่างมีนัยสำคัญที่จะจัดขึ้นในยุโรป การดำเนินการนี้ด้วยความร่วมมือกับ Partner Therapeutics (PTx) เจ้าของของ Leukine เพื่อตอบสนองต่อสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครนและมีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นสำหรับเหตุการณ์ที่อาจต้องปรับใช้อย่างรวดเร็วในการหนุนเสริมทางการแพทย์เพื่อรักษาการได้รับรังสีหรือสารเคมี

“เพื่อตอบสนองต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครน Tanner สนับสนุนการเตรียมพร้อมและการตอบสนองในยุโรปโดยการเพิ่มสินค้าคงคลังของ Leukine ในพื้นที่ที่สามารถนำไปใช้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน” Banks Bourne ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Tanner Pharma กล่าว “ประสิทธิภาพอันโดดเด่นของ Leukine ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตเมื่อให้ภายใน 96 ชั่วโมงหลังได้รับรังสีและปราศจากการให้เลือดครบส่วน ทำให้เป็นมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมข้อได้เปรียบด้านลอจิสติกส์ที่สำคัญในกรณีที่เกิดการระเบิดนิวเคลียร์ การวางตำแหน่งอุปทานเพิ่มเติมในยุโรปทำให้มั่นใจได้ว่า Leukine มีวางจำหน่ายอย่างรวดเร็วหากจำเป็น”

Leukine เป็นตัวปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้การรักษาผลการสร้างเม็ดเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลันและได้รับการจัดเพื่อใช้โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการรับมือทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2556 นอกจากนี้ Leukine ยังได้รับการแนะนำให้ใช้เพื่อรักษา H-ARS ในทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) การจัดการทางการแพทย์สำหรับการบาดเจ็บจากรังสีปี 2563(1) และถูกนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ประสบภัยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนปิลในปี 2529 ได้สำเร็จ(2) นอกเหนือจาก ARS แล้ว แนะนำให้ใช้ Leukine ตามเอกสารแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ว่าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมีในการบำบัดการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)(3) ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับใช้กับการได้รับซัลเฟอร์มัสตาร์ด

การฉายรังสีในปริมาณมากจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างรุนแรง เซลล์ที่เสียหายรวมถึงโมโนไซต์ (monocytes) แมคโครเฟจ (macrophages) เกล็ดเลือด (platelets) นิวโทรฟิล (neutrophils) เซลล์เดนดริติก (dendritic cells) และเซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cells) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) โดย Leukine กระตุ้นเซลล์แต่ละประเภทเหล่านี้และแสดงให้เห็นว่าช่วยเร่งการฟื้นตัวจากเกล็ดเลือด ผลกระทบในวงกว้างนี้ช่วยให้รอดชีวิตจาก ARS เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องให้เลือด นี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่ให้ความคาดหวังว่าหลังจากเหตุการณ์ทางรังสีวิทยาหรือนิวเคลียร์ ผลิตภัณฑ์เลือดจะถูกจำกัดหรือไม่พร้อมใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นเพียงมาตรการรับมือ ARS เดียวที่แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพเมื่อให้ยานานกว่า 24 ชั่วโมงหลังการสัมผัส ในความเป็นจริงการค้นคว้าได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพเมื่อให้ยานานถึง 96 ชั่วโมงหลังการสัมผัส(4,5) ภายหลังเหตุการณ์กัมมันตภาพรังสีหรือนิวเคลียร์ กรอบเวลาการรักษา 48-96 ชั่วโมงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง(6,7) ความท้าทายด้านลอจิสติกส์ในการจัดเตรียมเวชภัณฑ์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพพร้อมสำหรับการตอบสนองและการรักษาที่แนะนำให้ใช้เวลา 2 วันก่อนที่จะให้ยาในทุกระดับ นอกจากนี้ Leukine ยังมีความเสถียรอยู่ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 12 เดือน ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ซัพพลายเชนแบบแช่เย็นในช่วงวิกฤต

ด้านล่างนี้คือข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการใช้ Leukine สำหรับความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS) และแก๊สมัสตาร์ด (HD) ที่ได้รับจาก Partner Therapeutics:

เกี่ยวกับ LEUKINE ในความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน (ARS)

Leukine ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับรังสีในปริมาณ myelosuppressive (กลุ่มของอาการที่ไม่รุนแรงในการสร้างเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน หรือ H-ARS) ข้อมูลจากการค้นคว้า GLP NHP หลายรายการซึ่งได้รับทุนจากสถาบัน U.S. Biomedical Advanced Research and Development Authority (BARDA) แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตโดยการกระตุ้นการสร้างเกล็ดเลือดในไขกระดูกและเพิ่มจำนวนเกล็ดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ นอกเหนือจากการเร่งการฟื้นตัวของเม็ดเลือดขาวและเรทติคิวโลไซต ด้วยเหตุนี้จึงระบุองค์ประกอบหลักทั้งสามของความเสียหายของการสร้างเลือดจากการได้รับรังสี รวมกันกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) การค้นคว้า NHP แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและเร่งการฟื้นตัวจากการลดการทำงานของไขกระดูก (รวมถึงภาวะเกล็ดเลือดต่ำ) เมื่อได้รับรังสีนานถึง 96 ชั่วโมง (4,5,8) Leukine ไม่ได้รับการรับรองจาก EMA สำหรับ H-ARS

Leukine คือรูปแบบรีคอมบิแนนท์ที่มาจากยีสต์ของ Granulocyte-Macrophage Colony Stimulating Factor (GM-CSF) ซึ่งเป็นโปรตีนขนาดเล็กในกลุ่ม pleiotropic ที่ส่งเสริมการสร้างต้นกำเนิดของ megakaryocytic และ erythroid และกระตุ้นให้เซลล์ progenitor แบ่งและแยกความแตกต่างภายในวิถีทางแกรนูโลไซต์ (granulocyte)และ แมคโครเฟจ (macrophage) โดย Leukine กระตุ้นการผลิต การเพิ่มจำนวนและการสร้างความแตกต่างของเซลล์เม็ดเลือดในกลุ่มของไมอิลอยด์ของเซลล์ต้นกำเนิดของการสร้างเลือด ซึ่งรวมถึงแกรนูโลไซต์ (granulocyte) แมคโครเฟจ (macrophages) เกล็ดเลือด (platelets) เซลล์เดนดริติก (dendritic cells) และเซลล์เม็ดเลือดแดง (red blood cells) นอกจากนี้ยังกระตุ้นแกรนูโลไซต์ (granulocytes) และโมโนไซท์ (monocytes) ที่โตเต็มที่ เพิ่มคุณสมบัติฟาโกไซติก (phagocytic) และ ไลติก (lytic) ผลกระทบของ Leukine ต่อเกล็ดเลือด (platelets) โมโนไซต์ (monocytes) แมคโครเฟจ (macrophage) และเซลล์เดนดริติก (dendritic cells) นอกเหนือจากผลกระทบที่ทราบแล้วต่อนิวโทรฟิล (neutrophils) ได้แสดงให้เห็นในสภาวะของโรคต่าง ๆ และสนับสนุนการใช้ใน H-ARS

ฉลาก FDA ของ Leukine ใน ARS อ่านว่า: “เพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่และเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 17 ปีที่ได้รับรังสีอย่างรุนแรงจากปริมาณใน myelosuppressive (กลุ่มของอาการที่ไม่รุนแรงในการสร้างเลือดของความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน [H-ARS]);” Leukine® สำหรับการฉีด: ดูได้ที่ www.leukine.com/pi สำหรับข้อมูลการสั่งจ่ายยา Leukine

เกี่ยวกับ LEUKINE ในการได้รับแก๊สมัสตาร์ด (HD)

Leukine ไม่ใช่ FDA หรือ EMA ที่ได้รับการอนุมัติให้รักษาการได้รับแก๊ส HD แนะนำให้ใช้ Leukine ในตามเอกสารแนะนํา/กําหนดของ EMEA/CPMP Guidance ว่าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมีในการบำบัดการได้รับแก๊ส HD

การได้รับ HD นั้นไปยับยั้งการทำงานของไขกระดูก นำไปสู่การการลดการทำงานของไขกระดูก และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) รายงานภาวะเม็ดเลือดข่าวต่ำในผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการได้รับสารในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (WWI) สงครามโลกครั้งที่สอง (WWII) และสงครามอิรัก-อิหร่าน (Iran-Iraq War) และมีรายงานการเสียชีวิตในทุกกรณีที่จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลงต่ำกว่า 200/µl6 ในขณะที่รายงานการเสียชีวิตน้อยกว่าร้อยละ 2.5 ของทั้งหมดที่ได้รับ HD โดยผลเสียหายทางโลหิตวิทยาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการรักษาในโรงพยาบาล และความเสียหายทางโลหิตวิทยาอย่างรุนแรงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต(10)

Leukine ช่วยเร่งการฟื้นตัวของการทำงานของไขกระดูกและการฟื้นตัวจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) และลดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในบุคคลที่มีภาวะไขกระดูกล้มเหลวภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลาย รวมทั้งหลังการให้เคมีบำบัดอย่างเข้มข้นและหลังจากการฉายรังสีทั่วทั้งร่างกายในขนาดสูงอย่างเฉียบพลันในบริบทของการปลูกถ่ายเซลล์เม็ดเลือด(4,5,8) ทั้งประสบการณ์ทางคลินิกในผู้ที่ได้รับ Leukine หลังการให้เคมีบำบัดและการฉายรังสีบำบัด และข้อมูลจากการค้นคว้า GLP NHP ARS ที่สนับสนุนการอนุมัติของ Leukine และการใช้ในข้อบ่งชี้เหล่านั้น แสดงให้เห็นว่า Leukine ช่วยเร่งการฟื้นตัวจากภาวะการกดไขกระดูกและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (pancytopenia) และลดอัตราการติดเชื้อและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และมีแนวโน้มที่จะให้ประโยชน์เช่นเดียวกันหลังจากการได้รับ HD(4-5,9-11)

Tanner มอบเส้นทางที่สอดคล้องกับกฎระเบียบเพื่อให้ Leukine มีวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมนี้หรือขอสิทธิ์ในการเข้าถึง Leukine กรุณาส่งอีเมลไปที่ leukine@tannerpharma.com

เกี่ยวกับ TANNER PHARMA GROUP

Tanner Pharma Group ร่วมมือกับบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์เพื่อจัดหาโซลูชั่นแบบเบ็ดเสร็จที่เพิ่มผู้ป่วยในการเข้าถึงยาทั่วโลก ด้วยการขยายธุรกิจในกว่า 130 ประเทศ Tanner นำเสนอโซลูชั่นที่ปรับให้เหมาะกับบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่อยู่นอกตลาดหลักที่พวกเขาให้ความสำคัญ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.tannerpharma.com

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Partner Therapeutics สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.partnertx.com/

(1) การจัดการทางการแพทย์ของการบาดเจ็บจากรังสี, เวียนนา, สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ, 2020; ผลรายงานความปลอดภัยชุดที่ 101

(2) Dainiak N, การจัดการทางการแพทย์ของกลุ่มอาการรังสีเฉียบพลันและการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตสูง, Journal of Radiation Research, ฉบับที่ 59, เลขที่ S2, 2018, p. ii54-ii64. Doi:10.1093/jrr/rry004

(3) เอกสารแนะนำ/กำหนดของ EMEA/CPMP เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ถูกโจมตีของผู้ก่อการร้ายด้วยสารเคมี; The European Agency for the Evaluation of Medicinal Products Pre-authorization Evaluation of Medicines for Human Use, ลอนดอน, 25 เมษายน 2003; EMEA/CPMP/1255/03

(4) Clayton N, et al. (2021): Sargramostim (rhu GM-CSF) ปรับปรุงการอยู่รอดของสัตว์ตระกูลลิงที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วยการกดไขกระดูกอย่างรุนแรงหลังจากการฉายรังสีครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกาย ปริมาณสูง แบบเฉียบพลัน การวิจัยการฉายรังสี 195:191-199 https://doi.org/10.1667/RADE-20-00131.1

(5) Zhong Y, et al. (2020): ประสิทธิภาพของการบริหาร sargramostim ที่ล่าช้าจนถึง 120 ชั่วโมงหลังการได้รับสารในแบบจำลองการฉายรังสีครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกายของสัตว์ตระกูลลิงที่ไม่ใช่มนุษย์, Int. J. Radiat. Biol.; https://doi.org/10.1080/09553002.2019.1673499

(6) Yeddanapudi N, et. al., (2018): แจ้ง CONOPS และกลยุทธ์การปรับใช้มาตรการรับมือทางการแพทย์หลังจากการระเบิดอุปกรณ์นิวเคลียร์แบบชั่วคราว: ความสำคัญของประสิทธิภาพการรักษาที่ล่าช้า; Int. J. Radiat. Biol

(7) Pray L, et al., (2019): สำรวจความพร้อมทางการแพทย์และสาธารณสุขสำหรับเหตุการณ์นิวเคลียร์: การดำเนินการของการประชุมเชิงปฏิบัติการ; สำนักพิมพ์วิชาการแห่งชาติ http://doi.org/10.17226/25372

(8) Gale R, Armitage J, (2021): การใช้ปัจจัยการเจริญเติบโตของการสร้างเลือดที่โคลนในระดับโมเลกุลในบุคคลที่ได้รับรังสีไอออไนซ์ครอบคลุมทุกอวัยวะในร่างกายในปริมาณสูงเฉียบพลันและมีอัตราปริมาณที่สูง; Blood Reviews 45; https://doi.org/10.1016/j.blre.2020.100690

(9) Leukine แบบ Package Insert

(10) Willems, JL, การจัดการทางคลินิกของผู้เสียชีวิตจากแก๊สมัสตาร์ด, Ann Med Milit Belg 1989; 3: S1-61.

(11) Sezigan S, et. al., ภาวะเกล็ดเลือดต่ำและภาวะแทรกซ้อนทางโลหิตวิทยาเฉียบพลันของการได้รับซัลเฟอร์มัสตาร์ดในผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายทางเคมี, Toxicology Letters 318 (2020) 92-98

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220324005308/en/

ติดต่อ:

Christine Quern
CBQ Communications
cq@christinequern.com
617.650.8497

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gelesis® เผยแพร่ผลการเปิดตัวระดับประเทศเบื้องต้นสำหรับ Plenity®: การทำลายสถิติการสั่งยาและการรับส่งข้อมูลออนไลน์

Logo

การสั่งยาสำหรับ New Plenity เพิ่มขึ้น 3.5 เท่าภายในสามสัปดาห์แรกของการเปิดตัวแคมเปญสื่อระดับประเทศ 

บริษัทได้คาดการณ์รายได้สุทธิ 58 ล้านดอลลาร์ในการเปิดตัวเต็มรูปแบบครั้งแรกในปี 2565

บอสตัน–(บิสิเนสไวร์)–16 มี.ค. 2565

Gelesis (NYSE: GLS) ผู้ผลิต Plenity ประกาศผลเบื้องต้นจากแคมเปญสื่อเพื่อการรับรู้ในวงกว้างซึ่งเปิดตัวในวันที่ 31 มกราคม 2565  ภายในสามสัปดาห์แรกบริษัทเห็นการเข้าชมเว็บเพิ่มขึ้น 3 เท่าและจำนวนบุคคลที่ขอใบสั่งยาใหม่เพิ่มขึ้น 3.5 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่อุปทานมีจำกัด Gelesis คาดการณ์ว่ารายรับสุทธิของผลิตภัณฑ์ในปี 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 58 ล้านดอลลาร์ในปีแรกของการเปิดตัวเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการยืนยันแนวทางของบริษัทเมื่อต้นปีนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220316005056/en/

Plenity is inspired by nature and FDA cleared to aid in weight management. (Photo: Business Wire)

Plenity ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและผ่านการรับรองจาก FDA เพื่อช่วยในการควบคุมน้ำหนัก (ภาพ: บิสิเนส ไวร์)

Gelesis ได้รับสมัครสมาชิก Plenity ใหม่ประมาณ 4,700 รายต่อสัปดาห์ภายในสามสัปดาห์แรกของแคมเปญ ซึ่งนอกเหนือจากสมาชิกที่มีอยู่แล้วที่ยังคงสั่งยา Plenity ต่อไป  สมาชิก Plenity ประมาณ 70% ไม่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักที่ต้องสั่งโดยแพทย์มาก่อน ซึ่งบ่งชี้ว่า Plenity กำลังนำผู้คนใหม่ๆ เข้าสู่หมวดผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักที่ต้องสั่งโดยแพทย์  ภายในสองสัปดาห์ของการเปิดตัวแคมเปญ Plenity ได้เข้าถึงปริมาณการค้นหาทั่วไปโดยเทียบเท่ากับแบรนด์การลดน้ำหนักและการจัดการน้ำหนักที่มีชื่อเสียงตามข้อมูลจาก Google Trends®

“เรากำลังนำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพที่ได้รับการพิสูจน์จากทางการแพทย์พร้อมความสะดวกสบายที่คุณคาดหวังจากอีคอมเมิร์ซ  คุณสามารถขอใบสั่งยา Plenity ได้ทุกที่ทุกเวลาในราคาประหยัด” David Pass, Pharm.D. หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและการพาณิชย์ของ Gelesis กล่าว “เราเห็นในการศึกษาทางคลินิกของเราว่า 6 ใน 10 คนเป็นผู้ตอบสนองต่อยาและ 60% ของสมาชิกของเราได้สั่งซื้อชุดอุปกรณ์รายเดือนหลายชุดภายในเวลาที่ Plenity พร้อมให้บริการ  เรารู้สึกตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เราได้ยินจากสมาชิกเกี่ยวกับประสบการณ์จริงของพวกเขา”

Ro ซึ่งเป็นหุ้นส่วนด้าน telehealth พิเศษของ Gelesis ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเมื่อสั่งซื้อ Plenity ล่วงหน้ารวมมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว  นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การเปิดตัวของผู้บริโภคในวงกว้าง ตลอดจนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์มการรักษาพยาบาลแบบส่งตรงถึงผู้ป่วยของ Ro ทำให้ Plenity กลายเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดบนแพลตฟอร์มของ Ro

Zachariah Reitano ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Ro กล่าวว่า “เมื่อเดือนที่แล้ว Plenity เป็นยาที่เติบโตเร็วที่สุดบนแพลตฟอร์ม Ro และได้สมาชิกใหม่เข้ามามากกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ  เรารู้สึกตื่นเต้นกับการขยายความร่วมมือครั้งล่าสุดกับ Gelesis ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถนำเสนอนวัตกรรมใหม่นี้สู่ผู้ป่วยทั่วประเทศได้มากขึ้น”

โดยสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจด้านดิจิทัลแห่งแรกของ Gelesis ที่สร้างขึ้นเพื่อปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้เปลี่ยนระบบฝ่ายขายด้านการดูแลสุขภาพไปเป็นการขายออนไลน์เป็นหลัก  การสั่งยาจากผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (“HCP”) Plenity เพิ่มขึ้น 100% นับตั้งแต่เริ่มแคมเปญสื่อ และผู้บริโภคขอใบสั่งยา HCP มากกว่า 40% (เพิ่มขึ้น 60% จากการเปิดตัวรอบเบต้าของบริษัท)

ไม่ว่าพวกเขาจะมาทาง telehealth หรือทาง HCP แบบดั้งเดิม สมาชิกประมาณ 95% มีความมั่นใจหรือมั่นใจมากในการใช้ผลิตภัณฑ์เมื่อได้รับการจัดส่งครั้งแรก  สมาชิก Plenity ส่วนใหญ่อธิบายว่ากระบวนการนี้รวดเร็วและใช้งานง่าย  เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่หยุดใช้ Plenity ชั่วคราวระบุว่าพวกเขาจะพิจารณาใช้อีกครั้งในอนาคต

ความพยายามทางการตลาดก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ Plenity นั้นจำกัดมาก  ในขณะที่ Gelesis ได้สร้างโรงงานผลิตในเชิงพาณิชย์ บริษัทได้ขยายความพยายามในการผลิตที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ณ สิ้นปี 2564  เพื่อตอบสนองความต้องการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

Gelesis คาดว่าจะเปิดเผยผลประกอบการทั้งปี 2564 ในเดือนนี้  ผลประกอบการทางการเงินจากการเปิดตัวในระดับประเทศในไตรมาสนี้คาดว่าจะสะท้อนให้เห็นในผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2565 ของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม

ข้อมูลด้านความปลอดภัยที่สำคัญเกี่ยวกับ Plenity

● ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์หรือแพ้เซลลูโลส กรดซิตริก โซเดียม สเตียริล ฟูมาเรต เจลาติน หรือไททาเนียมไดออกไซด์ ไม่ควรรับประทาน Plenity

● เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อการดูดซึมยา:

  • สำหรับยาทั้งหมดที่ควรรับประทานพร้อมอาหาร ให้รับประทานหลังจากเริ่มรับประทานอาหาร
  • สำหรับยาทั้งหมดที่ไม่ควรรับประทาน (ในขณะท้องว่าง) ให้รับประทานต่อไปในขณะท้องว่างหรือตามคำแนะนำของแพทย์

● อุบัติการณ์โดยรวมของผลข้างเคียงจาก Plenity ไม่แตกต่างจากยาหลอก ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ ท้องร่วง ท้องอืด ลำไส้เคลื่อนไหวไม่บ่อย และท้องอืด

● ติดต่อแพทย์ทันทีหากมีปัญหาเกิดขึ้น หากคุณมีอาการแพ้อย่างรุนแรง ปวดท้องรุนแรง หรือท้องร่วงรุนแรง ให้หยุดใช้ Plenity จนกว่าคุณจะสามารถปรึกษาแพทย์ได้

Rx Only ในการใช้ Plenity อย่างปลอดภัยและเหมาะสม กรุณาพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ อ่าน คำแนะนำสำหรับการใช้งานของผู้ป่วยหรือโทร 1-844-PLENITY

เกี่ยวกับ Gelesis

Gelesis Holdings Inc. (NYSE: GLS) (“Gelesis”) เป็นบริษัทด้านชีวบำบัดที่มีผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางและเป็นผู้ผลิต Plenity® ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ และได้รับการอนุมัติจาก FDA เพื่อช่วยในการจัดการน้ำหนัก ไฮโดรเจลแบบ non-systemic superabsorbent ชนิดแรกของเรานั้นทำขึ้นจากหน่วยการสร้างที่ได้มาจากธรรมชาติทั้งหมด โดยได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ประกอบและคุณสมบัติทางกลของผักดิบที่รับประทานโดยแคปซูลและช่วยระบบย่อยอาหารเพื่อให้ผู้คนรู้สึกพอใจกับการรับประทานอาหารในปริมาณที่น้อยลง  ผลงานของเราประกอบด้วย Plenity® และการรักษาที่มีศักยภาพในการพัฒนาสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 โรคตับไขมันที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NAFLD)/ภาวะตับอักเสบจากไขมันที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (NASH) และอาการท้องผูกจากการทำงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ gelesis.com หรือเชื่อมต่อกับ Twitter @GelesisInc

หมายเหตุ

Gelesis ไม่มีภาระผูกพันและไม่ได้ตั้งใจที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขผลลัพธ์ที่ให้ไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ผลลัพธ์ที่ให้ไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้แสดงถึงประสิทธิภาพในอดีตและไม่ได้เป็นการคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ในอนาคต

แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า

แถลงการณ์ การประมาณการ เป้าหมาย และการคาดการณ์บางอย่างในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจเป็น “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามความหมายของกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง คำว่า “คาดการณ์” “เชื่อ” ดำเนินการต่อ “อาจ” “ประมาณการ” “คาดหวัง” “ตั้งใจ” “วางแผน” “เป็นไปได้” “มีศักยภาพ” ” คาดการณ์” “มีโครงการ” “ควร” “พยายาม” “จะ” และการแสดงออกที่คล้ายกันอาจระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า แต่การไม่มีคำเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าข้อความดังกล่าวไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นการคาดคะเน การคาดคะเน และข้อความอื่นๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตที่อิงตามการคาดการณ์และสมมติฐานในปัจจุบัน และด้วยเหตุนี้จึงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้ารวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความหวัง ความเชื่อ เจตนา หรือกลยุทธ์ในอนาคตของทีมผู้บริหารหรือของเรา ซึ่งรวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจของ Gelesis กับ Capstar Special Purpose Acquisition Corp. (“Capstar”) และผลประโยชน์ที่คาดหวัง ผลการดำเนินงานของ Gelesis หลังจากการรวมธุรกิจ สภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ Gelesis ดำเนินการ ผลการดำเนินงานทางการเงินและโอกาสทางการตลาดในอนาคตที่คาดหวังของ Gelesis และข้อความเกี่ยวกับ ความหวัง ความเชื่อ ความตั้งใจหรือกลยุทธ์เกี่ยวกับ อนาคต นอกจากนี้ ข้อความใดๆ ที่อ้างถึงการคาดการณ์ การคาดการณ์ หรือลักษณะอื่นๆ ของเหตุการณ์หรือสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งรวมถึงสมมติฐานพื้นฐานใดๆ ถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าจะพูดเฉพาะในวันที่ที่มีการจัดทำขึ้นเท่านั้น ผู้อ่านควรระวังอย่าใช้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเกินควร และ Gelesis ไม่มีภาระผูกพัน และไม่มีเจตนาที่จะปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออย่างอื่น  Gelesis ไม่รับประกันว่าจะบรรลุความคาดหวังใดๆ ที่ระบุไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ (ซึ่งบางส่วนอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา) หรือปัจจัยอื่นๆ อาจทำให้ผลลัพธ์ ประสิทธิภาพ หรือเหตุการณ์ในอนาคตที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากที่อธิบายไว้ในที่นี้  ปัจจัยบางอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์และประสิทธิภาพในอนาคตอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: (i) ขนาด ความต้องการ และศักยภาพในการเติบโตของตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Plenity® และ Gelesis และความสามารถของ Gelesis ในการให้บริการตลาดเหล่านั้น (ii) ระดับการยอมรับของตลาดและการยอมรับผลิตภัณฑ์ของ Gelesis; (iii) ความสามารถของ Gelesis ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมการลดน้ำหนัก (iv) ความสามารถของ Gelesis ในด้านการเงินและประสบความสำเร็จในการเปิดตัว Plenity® เชิงพาณิชย์และแผนการเติบโต ซึ่งรวมถึงข้อบ่งชี้ที่เป็นไปได้ใหม่และข้อมูลทางคลินิกจากการศึกษาอย่างต่อเนื่องและในอนาคตเกี่ยวกับตับและโรคอื่นๆ (v) ความล้มเหลวในการตระหนักถึงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการรวมธุรกิจ ซึ่งรวมถึงผลจากความล่าช้าหรือความยากลำบากในการรวมธุรกิจของ Capstar และ Gelesis; (vi) ความสามารถของ Gelesis ในการออกตราสารทุนหรือหลักทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับตราสารทุนหรือได้รับเงินกู้ในอนาคต (vii) ผลของการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ที่ฟ้องร้องกับ Capstar, Gelesis หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจ (viii) ความสามารถของ Gelesis ในการรักษาตำแหน่งของตนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก; (ix) ความเสี่ยงที่การรวมธุรกิจขัดขวางแผนปัจจุบันและการดำเนินงานของ Gelesis อันเป็นผลมาจาก Gelesis เป็นผู้ออกหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์; (x) แนวทางการกำกับดูแลสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Gelesis และการตอบสนองจากหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึง FDA และหน่วยงานกำกับดูแลที่คล้ายคลึงกันนอกสหรัฐอเมริกา (xi) ความสามารถของ Gelesis ในการเติบโตและจัดการการเติบโตอย่างมีกำไร รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าและซัพพลายเออร์ และรักษาผู้บริหารและพนักงานหลักของ Gelesis (xii) ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจ รวมถึงต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับ Gelesis ที่เป็นผู้ออกหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (xiii) การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง; (xiv) ความเป็นไปได้ที่ Gelesis อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ กฎระเบียบและ/หรือการแข่งขันอื่น ๆ (xv) ประมาณการค่าใช้จ่ายและความสามารถในการทำกำไรของ Gelesis; (xvi) ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่กำลังดำเนินอยู่ (xvii) ผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีที่เป็นคู่แข่งกันที่อาจเกิดขึ้น (xviii) ความผันผวนของตลาด telehealth โดยทั่วไปหรือความต้องการของผู้ป่วยไม่เพียงพอ (xix) ความสามารถของ Gelesis ในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ; (xx) ผลกระทบของการระบาดใหญ่ของ COVID 19 ต่อธุรกิจของ Gelesis; (xxi) ประวัติการดำเนินงานที่จำกัดของ Gelesis; และ (xxii) ปัจจัยที่กล่าวถึงในหนังสือมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนร่วมของ Capstar ที่ยื่นต่อ SEC เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และเอกสารอื่นๆ ของ Gelesis ที่ยื่นหรือที่จะยื่นต่อ SEC โดย Gelesis เอกสารเหล่านี้ระบุถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สำคัญอื่นๆ ที่อาจทำให้ผลลัพธ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแตกต่างไปอย่างมากจากที่มีอยู่ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220316005056/en/

ติดต่อ:

Media Relations ฝ่ายสื่อ
Katie Sullivan
ksullivan@gelesis.com

Investor Relations ฝ่ายการลงทุน
Lynne Collier, ICR
lynne.collier@icrinc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Dexcom G7 ได้รับมาตรฐาน CE สำหรับระบบติดตามระดับกลูโคสแบบต่อเนื่อง (CGM) รุ่นต่อไปเพื่อปฏิวัติการจัดการโรคเบาหวาน

Logo

  • CGM แบบเรียลไทม์ที่ขายดีที่สุดในโลกขณะนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้งานง่ายขึ้นด้วยแอปสำหรับมือถือที่สวมใส่ได้แบบออลอินวันขนาดเล็กและออกแบบใหม่ทั้งหมด
  • ระบบใหม่มีวอร์มอัพเซ็นเซอร์ที่เร็วที่สุดในตลาด* โดยไม่ต้องใช้นิ้วมือ หรือการสแกน
  • Dexcom G7 สร้างขึ้นจากประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ของ Dexcom CGM ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าลด A1C ลดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และเพิ่มช่วงเวลาสำหรับชี้วัดระดับน้ำตาล (TIR)2,3

เอดินบะระ, สกอตแลนด์  และซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)–14 มีนาคม 2565

วันนี้ DexCom, Inc. (NASDAQ:DXCM) ผู้นำระดับโลกด้านการตรวจวัดระดับน้ำตาลกลูโคสอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ประกาศว่าบริษัทได้รับมาตรฐาน CE (Conformité Européenne) สำหรับระบบตรวจสอบกลูโคสแบบต่อเนื่อง Dexcom G7 (CGM) สำหรับผู้ที่มีปัญหา โรคเบาหวานในยุโรปที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปรวมทั้งสตรีมีครรภ์

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220309005998/en/

With Dexcom G7, real-time glucose readings are sent automatically to a compatible display device. (Photo: Business Wire)

การอ่านค่ากลูโคสแบบเรียลไทม์จาก Dexcom G7 จะถูกส่งไปยังอุปกรณ์แสดงผลที่ใช้งานร่วมกันได้โดยอัตโนมัติ (ภาพ: Business Wire)

Dexcom G7 นำเสนอวิธีที่ดีกว่าในการช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น เพื่อให้สามารถจัดการเบาหวานได้อย่างมั่นใจมากขึ้นในแต่ละวัน อุปกรณ์สวมใส่ในชิ้นเดียวขนาดเล็กนี้จะวอร์มอัพเครื่องได้เร็วกว่า CGM อื่น ๆ ในตลาด* และส่งการอ่านค่าน้ำตาลแบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติไปยังอุปกรณ์อัจฉริยะหรือเครื่องรับที่เข้ากันได้ โดยไม่ต้องใช้นิ้วมือสัมผัส Dexcom G7 ยังมีชุดการแจ้งเตือนที่ตั้งค่าได้ ซึ่งสามารถเตือนหากระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ และช่วยให้ผู้ใช้งานมีช่วงเวลาสำหรับชี้วัดระดับน้ำตาล (TIR) มากขึ้น§,2 ความสามารถในการตรวจสอบและการรายงานจากระยะไกลระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมยังช่วยให้ผู้ใช้งานติดต่อกับคนที่พวกเขารักและทีมดูแลได้ทุกที่ทุกเวลา||

Kevin Sayer ประธาน ประธานกรรมการและซีอีโอของ Dexcom กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นก้าวที่มหัศจรรย์สำหรับบริษัทของเราและสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานในยุโรป แพลตฟอร์มใหม่นี้จะนำเสนอ CGM ที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อและใช้งานง่าย โดยให้ข้อมูลระดับน้ำตาลในเลือดแก่ผู้ใช้งานของเราผ่านหน้าจอเดียว ซึ่งช่วยให้พวกเขาใช้เวลาน้อยลงในการจัดการกับโรคเบาหวาน และมีเวลามากขึ้นในการทำสิ่งที่พวกเขารัก Dexcom G7 นำทุกสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบเกี่ยวกับ G6 มาทำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก”

คุณสมบัติใหม่ที่มาพร้อมกับ Dexcom G7:

  • เล็กลง 60 เปอร์เซ็นต์ สวมใส่ได้แบบออลอินวันและมีความเป็นส่วนตัว พัฒนาร่วมกับ Verily
  • เซ็นเซอร์วอร์มอัพเป็นเวลา 30 นาที เป็น CGM ที่เร็วที่สุดของในตลาด*
  • ระยะเวลาผ่อนผัน 12 ชั่วโมงในการแทนที่เซ็นเซอร์ที่ใช้งานเสร็จแล้ว เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงระหว่างเซสชันเป็นไปอย่างราบรื่น
  • แอปฯ บนมือถือที่ออกแบบใหม่และมีความเรียบง่ายด้วยผสานรวม Dexcom Clarity เข้าไป#,**
  • ปรับปรุงการตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
  • ตัวรับสัญญาณเสริมที่ออกแบบใหม่ให้มีขนาดเล็กลง พร้อมจอแสดงผลที่สดใส อ่านง่ายขึ้น
  • ส่งผลตรงไปยัง Apple Watch (ซอฟต์แวร์ที่คาดว่าจะวางจำหน่ายในอนาคต)

คุณสมบัติของ Dexcom G6 ที่รวมอยู่ใน Dexcom G7:

  • ไม่มีลายนิ้วมือ การสแกน หรือเทียบมาตรฐาน
  • การอ่านค่ากลูโคสแบบเรียลไทม์ที่ส่งโดยอัตโนมัติไปยังอุปกรณ์แสดงผลที่รองรับ
  • ระบุไว้สำหรับสวมใส่ที่ด้านหลังต้นแขนและหน้าท้องสำหรับผู้ที่อายุ 2 ปีขึ้นไปหรือบั้นท้ายส่วนบนสำหรับผู้ที่อายุ 2-17 ปี
  • บูรณาการกับระบบนิเวศ CGM ที่เชื่อมต่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • การตรวจสอบระยะไกลทำให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันข้อมูลกลูโคสกับผู้ติดตามได้ถึง 10 คน||
  • ความแม่นยำและประสิทธิภาพ4 ของ Dexcom ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว4

Dexcom ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรด้านเครื่องปั๊มอินซูลินเพื่อผสาน Dexcom G7 เข้ากับระบบนำส่งอินซูลินอัตโนมัติทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยเร็วที่สุด

ศาสตราจารย์ Partha S. Kar, OBE ที่ปรึกษาพิเศษระดับประเทศด้านโรคเบาหวานที่ NHS England และที่ปรึกษาต่อมไร้ท่อที่โรงพยาบาล Portsmouth NHS Trust กล่าวว่า “ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา Dexcom เป็นหนึ่งในผู้นำและผู้บุกเบิกในการพัฒนาเทคโนโลยี CGM แบบเรียลไทม์ ด้วยคุณสมบัติที่ได้รับการปรับปรุงและความเรียบง่ายที่เพิ่มขึ้น Dexcom G7 หวังว่าจะทำให้การจัดการโรคเบาหวานง่ายขึ้นสำหรับทั้งผู้ป่วยและผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเราเห็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของ CGM มากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มประชากรผู้ป่วยเบาหวานในวงกว้าง”

Dexcom คาดว่าจะเริ่มเปิดตัว Dexcom G7 ในยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวอัลกอริทึม CGM ที่มีการอัปเดตในปี 2565 เพื่อขับเคลื่อนขั้นตอนต่อไปในด้านประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์ CGM

เยี่ยมชม Dexcom.com และเริ่มใช้งาน Dexcom G6 วันนี้ เพื่อดูประโยชน์ของ CGM ทันที หากต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dexcom G7 และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลาที่จะวางจำหน่ายในยุโรป โปรดเข้าไปที่ Dexcom.com/G7

Dexcom ได้ยื่นฟอร์ม 510(k) สำหรับก่อนวางจำหน่ายสินค้าในตลาดที่มีความครบถ้วนไปยังองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเพื่อรับการตรวจสอบตามข้อบังคับของระบบ Dexcom G7 CGM ตามการควบคุมพิเศษ iCGM ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564††

เกี่ยวกับ DexCom, Inc.

Dexcom, Inc. ช่วยให้ผู้คนควบคุมโรคเบาหวานผ่านนวัตกรรมระบบตรวจสอบระดับน้ำตาลกลูโคสอย่างต่อเนื่อง (CGM) Dexcom มีสำนักงานใหญ่ในซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย และดำเนินงานทั่วยุโรป บริษัทได้กลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน Dexcom ช่วยลดความซับซ้อนและปรับปรุงการจัดการโรคเบาหวานทั่วโลกผ่านการรับฟังความต้องการของผู้ใช้งาน ผู้ดูแล และผู้ให้บริการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dexcom CGM โปรดไปที่ www.dexcom.com

ข้อความเตือนเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งไม่ใช่เพียงประวัติเกี่ยวกับความตั้งใจ ความเชื่อ ความคาดหวัง และกลยุทธ์สำหรับอนาคตของ Dexcom หรือผู้บริหาร รวมถึงข้อความเกี่ยวกับจังหวะเวลาของการเปิดตัว G7 ในยุโรป การอัปเดตอัลกอริทึม CGM และผลกระทบต่อการจัดการโรคเบาหวาน แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าและสาเหตุที่ผลลัพธ์อาจแตกต่างออกไปซึ่งรวมอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้จัดทำขึ้น ณ วันที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ โดยอิงจากข้อมูลที่ Dexcom มีอยู่ในปัจจุบัน การจัดการกับเหตุการณ์ในอนาคต ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่าง ๆ รวมถึงความเสี่ยงและ ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา การเตรียมการ และการยื่นแบบฟอร์ม 510(k) ในอนาคตสำหรับ G7 ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา และระยะเวลาหรือผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ของการตรวจสอบข้อบังคับของการใช้งานดังกล่าว และผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากการคาดการณ์ในปัจจุบันของ Dexcom มีการอธิบายอย่างละเอียดมากขึ้นในรายงานประจำไตรมาสของ Dexcom ในแบบฟอร์ม 10-Q สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 ตามที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ปี 2564 Dexcom ถือว่าไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ดังกล่าวหลังจากวันที่ในรายงานนี้ หรือเพื่อให้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่แท้จริง ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

*Dexcom G7 สามารถวอร์มอัพได้ภายใน 30 นาที ในขณะที่แบรนด์ CGM อื่น ๆ ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงหรือนานกว่านั้น
หากการแจ้งเตือนและการอ่านค่าน้ำตาลจาก Dexcom G7 ไม่ตรงกับอาการหรือความคาดหวัง ให้ใช้เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อตัดสินใจในการรักษาโรคเบาหวาน
หากต้องการดูรายการอุปกรณ์อัจฉริยะที่ใช้ด้วยกันได้ เข้าไปที่ 
dexcom.com/compatibility
§ผลลัพธ์ที่ได้จาก Dexcom CGM System รุ่นก่อนหน้า
||ไม่รวมแอป Dexcom Follow และจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับการแชร์ข้อมูล ผู้ใช้ควรยืนยันการอ่านในแอปฯ หรือเครื่องรับ Dexcom G7 ทุกครั้งก่อนตัดสินใจทำการรักษา
เปรียบเทียบกับ Dexcom CGM System รุ่นก่อนหน้า
#ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถลงทะเบียน Dexcom Clarity ได้ที่ 
clarity.dexcom.com/professional/ 
**ผู้ป่วยต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อส่งข้อมูลกลูโคสไปยัง Dexcom Clarity ผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะที่เข้ากันได้ที่: 
dexcom.com/compatibility ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะสามารถดูข้อมูลกลูโคสของผู้ป่วยได้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยเลือกที่จะแบ่งปันกับพวกเขาผ่าน Dexcom Clarity
††พิธีการเกี่ยวกับฟอร์ม 510(k) อยู่ระหว่างดำเนินการ – ไม่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา

1 Dexcom, data on file, 2021
2 Beck RW, et al. JAMA. 2017;317(4):371-378.
3 Welsh JB, et al. Diabetes Technol Ther. 2019;21(3):128-132.
4 Dexcom G7 User Guide.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220309005998/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
James McIntosh
619-884-2118
james.mcintosh@dexcom.com

ข้อมูลติดต่อสำหรับนักลงทุน
Sean Christensen
858-203-6657
sean.christensen@dexcom.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





Dr. Andreas Amrein เข้าร่วมงานกับ Advanced Clinical เพื่อเป็นผู้นำการพัฒนาและการขยายตัวระดับโลกในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และแคนาดา

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–9 มี.ค. 2565

Advanced Clinical ซึ่งเป็นองค์กรด้านการพัฒนาทางคลินิกและการจัดหาทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ทางคลินิกที่ดีขึ้นตลอดเส้นทางการพัฒนายา มีความยินดีที่จะประกาศว่า Dr. Andreas Amrein ได้เข้ามาร่วมทีมบริหารในตำแหน่งรองประธานอาวุโสของเอเชียแปซิฟิก (เอเชียแปซิฟิก) และญี่ปุ่น ตลอดจนการเป็นกรรมการผู้จัดการประจำยุโรปและแคนาดา

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220308006375/en/

Dr. Andreas Amrein, Senior Vice President of Asia-Pacific (APAC) and Japan as well as Managing Director for Europe and Canada, Advanced Clinical (Photo: Business Wire)

Dr. Andreas Amrein รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) และญี่ปุ่น ตลอดจนกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคยุโรปและแคนาดาของ Advanced Clinical (ภาพ: Business Wire)

Dr. Amrein จะเป็นกุญแจสำคัญในการขยายและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานในปัจจุบันของ Advanced Clinical ในภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงสำนักงานในสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น นอกจากนี้ เขายังจะดูแลโอกาสในการพัฒนาและขยายสาขาเพิ่มเติมทั่วยุโรปและแคนาดา ซึ่งจะช่วยเสริมการดำเนินงานที่มีอยู่ของบริษัท ซึ่งรวมถึงสำนักงาน 10 แห่งในยุโรป เช่นเดียวกับสำนักงานในโตรอนโต ประเทศแคนาดา

ด้วยประสบการณ์ความเป็นผู้นำระดับนานาชาติกว่า 20 ปี Dr. Amrein ได้เป็นผู้นำทีมและองค์กรมากมายในกว่า 30 ภูมิภาค รวมถึงในบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 (Novartis, Abbott และ Shire) และธุรกิจสตาร์ทอัพแบบไดนามิกอีกหลายธุรกิจ

“ความเชี่ยวชาญพิเศษของผมในการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว การเปิดตัว การสร้างความเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือ และอื่น ๆ ทั่วทั้งเอเชียและทั่วโลก ผมหวังว่าจะได้ใช้ความรู้เพื่อช่วยให้ Advanced Clinical สร้างการดำเนินงานที่มีคุณภาพในระดับสากลต่อไป” Dr. Amrein กล่าว

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่มี Andreas ในทีมของเรา ในขณะที่เรายังคงขยายตัวไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น” Julie Ross ประธาน Advanced Clinical กล่าว “Andreas จะเป็นเครื่องมือในการเร่งการเติบโตของธุรกิจในขณะที่เรากระจายโปรแกรมทางคลินิกระดับโลกของเราและยกระดับกลยุทธ์ทางคลินิกของเราสำหรับลูกค้าและผู้ป่วยที่เราให้บริการ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ภูมิภาคนี้ในปี 2564 ร่วมกับการเปิดสำนักงานเพิ่มเติมใน เอเชียแปซิฟิก ในปี 2565 Andreas จะช่วยยกระดับสถานะของเรา ทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และแคนาดาอย่างไม่ต้องสงสัยในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยทางคลินิก FSP และบริการทรัพยากรเชิงกลยุทธ์”

เกี่ยวกับ Advanced Clinical

Advanced Clinical คือองค์กรด้านการพัฒนาทางคลินิกและการจัดหาทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ทางคลินิกที่ดีขึ้นตลอดเส้นทางการพัฒนายา เป้าหมายของเราคือการปรับปรุงชีวิตของผู้ที่สัมผัสกับการวิจัยทางคลินิก การเอื้อมคว้าโอกาสด้วยการมองการณ์ไกล ความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น และนวัตกรรม จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายทศวรรษ เราช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้นโดยการสนทนาอย่างตรงไปตรงมาและการคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นผ่านโซลูชันที่ปรับแต่งได้ของเรา เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม: www.advancedclinical.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220308006375/en/

ติดต่อ:

Stephanie Swanson

ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลก

P: (312) 572-6000

sswanson@advancedclinical.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ANANDA Scientific และ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก Grossman School of Medicine ประกาศว่า ผู้ป่วยรายแรกได้ลงทะเบียนในการทดลองทางคลินิกสำหรับการลดการใช้ยาแก้ปวดอนุพันธ์ฝิ่น ในผู้เข้าร่วมที่มีอาการปวดรากประสาท หรือ Radiculopathic Pain แล้ว

Logo

กรีนวูด วิลเลจ, โคโลราโด และ นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–9 มี.ค. 2565

ANANDA Scientific Inc. บริษัทยาเทคโนโลยีชีวภาพ และ NYU Grossman School of Medicine ประกาศว่าผู้ป่วยรายแรกได้รับการลงทะเบียนในการทดลองทางคลินิกเพื่อประเมิน Nantheia™ A1002N5S ซึ่งเป็นการทดลองยาที่ใช้ในการวิจัยโดยใช้ cannabidiol ในเทคโนโลยี Liquid Structure™ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ ANANDA การทดลองนี้กำลังประเมิน Nantheia™ A1002N5S เพื่อการลดการใช้ยาแก้ปวดจากอนุพันธ์ฝิ่น  หรือ Opioid Sparing ในการรักษาผู้เข้าร่วมโครงการที่มีอาการปวดรากประสาท

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

การทดลองนี้ดำเนินการที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก Grossman School of Medicine ซึ่งนำทีมโดย Stephen Ross, MD รองศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์ เงินทุนสำหรับการทดลองนี้มาจากสถาบันแห่งชาติว่าด้วยการใช้ยาเสพติด  (NIDA) โดยได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก ANANDA คณะแพทยศาสตร์ NYU Grossman ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของประเทศในด้านการวิจัย จากการรายงานการจัดอันดับ “บัณฑิตวิทยาลัยที่ดีที่สุด” ของ U.S. News & World Report ปี 2565

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มการทดลองที่สำคัญนี้และขยายการวิจัยเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาแทนยาแก้ปวดอนุพันธ์ฝิ่น” Dr. Ross กล่าว “การวิจัยนี้จะสร้างโอกาสสำหรับการพัฒนาที่เป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ยา CBD ตามหลักฐานที่ค้นพบ เพื่อลดการบริโภคยาแก้ปวดอนุพันธ์ฝิ่นและลดความเจ็บปวด”

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก NYU Grossman School of Medicine  เราประทับใจในความเข้มงวดทางวิทยาศาสตร์และความเป็นมืออาชีพของทีมมหาวิทยาลัยนิวยอร์กในการจัดทำโครงการที่ทันสมัยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของยาที่มีความเป็นไปได้สูงนี้” Sohail R. Zaidi, ซีอีโอของ ANANDA กล่าว “การลงทะเบียนผู้ป่วยในการศึกษานี้เป็นขั้นตอนสำคัญในความพยายามที่จะให้ผู้ป่วยที่มีอาการปวดรากประสาท หรือ Radiculopathic Pain มีทางเลือกอื่นแทนการใช้ยาแก้ปวด ในการจัดการความเจ็บปวด”

การทดลองครั้งนี้เป็นการทดลองแบบสุ่ม ปกปิดทั้งสองทาง (double-blind) และควบคุมด้วยการใช้ยาหลอก (placebo) โดยมีผู้เข้าร่วม 40 คน ที่ได้รับการรักษาด้วย Nantheia™ A1002N5S 4 เดือน หรือโดยยาหลอกที่มีการติดตามผลหลังจาก 2 เดือน ผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพหลัก ๆ คือการเปลี่ยนแปลงปริมาณยาแก้ปวดจากการตรวจวัด ณ จุดเริ่มต้น จนถึงสิ้นสุดระยะเวลาการรักษา นอกจากนี้ ความปลอดภัยและความทนทานของ CBD จะได้รับการประเมินตลอดการทดลองอีกด้วย(ClinicalTrials.gov Identifier: NCT04760613)

เกี่ยวกับ NANTHEIA™ A1002N5S

Nantheia™ A1002N5S เป็นยาที่ใช้ในการวิจัยซึ่งใช้ CBD ในเทคโนโลยีของ ANANDA ในการนำส่งโครงสร้างของเหลว การวิจัยพรีคลินิกและการศึกษาเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีการนำส่ง Liquid Structure™ ของ ANANDA (ได้รับอนุญาตจาก Lyotropic Delivery Systems (LDS) Ltd ในกรุงเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของ CBD อนึ่ง Nantheia ™ A1002N5S เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในช่องปากที่มี CBD 50 มก. ต่อแคปซูลซอฟเจล

เกี่ยวกับ ANANDA SCIENTIFIC

ANANDA เป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพชั้นนำที่มุ่งเน้นการวิจัย ซึ่งบุกเบิกการศึกษาทางคลินิกที่มีความสามารถสูงเพื่อประเมินข้อบ่งชี้ในการรักษา เช่น โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง  (PTSD), การปวดรากประสาท (Radiculopathic Pain) โรควิตกกังวล (Anxiety) และ โรคเสพติดอนุพันธ์ฝิ่น Opioid Use Disorder (Mt. Sinai, UCLA) บริษัทใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรในการผลิต cannabinoids และสารประกอบที่ได้จากพืชอื่น ๆ ทางชีวภาพสูง ละลายน้ำได้ และอายุการเก็บรักษาที่เสถียร และมุ่งเน้นการผลิตผลิตภัณฑ์ยาที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพระดับพรีเมียม สอดคล้องกับข้อมูลการวิจัยที่แข็งแกร่ง บริษัทยังมีท่อส่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร โดยมีแผนขยายสู่ตลาดอื่น ๆ เช่น สหภาพยุโรป จีน แอฟริกา และประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย บริษัทกำลังขยายฐานการวิจัยผ่านข้อตกลงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนหลายฉบับกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอทางเทคโนโลยี

เกี่ยวกับการลดใช้ยาแก้ปวดอนุพันธ์ฝิ่น สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังที่ไม่ใช่มะเร็ง

อาการปวดเรื้อรัง (ปวดนาน 3 เดือนขึ้นไป) (1) เป็นปัญหาสาธารณสุขที่แพร่หลายมาก (2) (3) และถือเป็นภาระทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเงื่อนไขทางการแพทย์ใดๆ (4) จากอาการปวดเรื้อรังที่ไม่ใช่มะเร็ง (CNCP) ความผิดปกติของอาการปวดหัว (โดยเฉพาะอาการปวดหลังส่วนล่าง) มีอัตราการสั่งใช้สารอนุพันธ์ฝิ่นที่สูงเป็นพิเศษ (5) และปริมาณอนุพันธ์ฝิ่นที่สูงขึ้นทำนายผลลัพธ์ของการรักษาที่แย่ลงในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง (6)  การประมาณความชุกของความผิดปกติของการใช้อนุพันธฝิ่น (OUDs) ใน CNCP มีตั้งแต่ร้อยละ ในการวิเคราะห์ meta-analysis (7) ถึง ร้อยละ 20-35 (8), (9), (10), (11) อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ การบำบัดด้วยฝิ่นเรื้อรัง (COT) ที่กำหนดให้ CNCP เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดระหว่างปี 2543 ถึง 2553 และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการระบาดของการใช้ฝิ่นเกินขนาดในปัจจุบัน (12) เป้าหมายของเราคือการพัฒนาโครงการเพื่อลดการใช้ยาอนุพันธ์ฝิ่นในผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเรื้อรังที่ไม่ใช่มะเร็ง CNCP syndrome ที่ได้รับ COT ระดับปานกลางถึงสูง ไปสู่การใช้งานในขนาดที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อม ๆ ไปกับการรักษาและการพัฒนาด้านการจัดการความเจ็บปวด

เอกสารอ้างอิง

1. Dowell D, Haegerich TM, Chou R. แนวทางของ CDC สำหรับการสั่งจ่ายอนุพันธ์ฝิ่นสำหรับอาการปวดเรื้อรัง สหรัฐอเมริกา (CDC Guideline for Prescribing Opioids for Chronic Pain), 2559. MMWR Recomm Rep. 2559;65(1):1-49. Epub 2559/03/18. doi: 10.15585/mmwr.rr6501e1. PubMed PMID: 26987082.

2. Nahin RL. Estimates of pain prevalence and severity in adults ประมาณความชุกและความรุนแรงของความเจ็บปวดในผู้ใหญ่: สหรัฐอเมริกา, 2555. The Journal of Pain: วารสารทางการของ American Pain Society. 2015;16(8):769-80. Epub 2558/06/02. doi: 10.1016/j.jpain.2558.05.002. PubMed PMID: 26028573; PMCID: PMC4562413.

3. คณะกรรมการสถาบันแพทยศาสตร์ความก้าวหน้าการวิจัยความเจ็บปวด ค. ครุศาสตร์. The National Academies Collection: รายงานที่ได้รับทุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ การบรรเทาความเจ็บปวดในอเมริกา: Relieving Pain in America: A Blueprint for Transforming Prevention, Care, Education, and Research วอชิงตัน (ดีซี): National Academies Press (US), National Academy of Sciences.; 2554

4. Gaskin DJ, Richard P. ต้นทุนทางเศรษฐกิจของความเจ็บปวดในสหรัฐอเมริกา The economic costs of pain in the United States จาก The Journal of Pain: วารสารทางการของ American Pain Society 2555;13(8):715-24. Epub 2555/05/23. doi: 10.1016/j.jpain.2555.03.009. PubMed PMID: 22607834

5. WebsterBS, Verma SK, Gatchel RJ ความสัมพันธ์ระหว่างการสั่งจ่ายอนุพันธ์ฝิ่นในระยะแรกสำหรับอาการปวดหลังเฉียบพลันจากการทำงานและระยะเวลาทุพพลภาพ ค่ารักษาพยาบาล การผ่าตัดภายหลังและการใช้ยาฝิ่นในระยะสุดท้าย Spine. 2550;32(19):2127-32. Epub 2550/09/01. doi: 10.1097/BRS.0b013e318145a731. PubMed PMID: 17762815.

6. Kidner CL, Mayer TG, Gatchel RJ ปริมาณ opioid ที่สูงขึ้นทำนายผลลัพธ์การรักษาที่แย่ลงในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติในการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกเรื้อรัง วารสารศัลยกรรมกระดูกและข้อ American volume. 2552;91(4):919-27. Epub 2552/04/03. doi: 10.2106/jbjs.H.00286. PubMed PMID: 19339577; PMCID: PMC2665041

7. Higgins C, Smith BH, Matthews K. อุบัติการณ์ของการพึ่งพาอาศัย iatrogenic opioid หรือการละเมิดในผู้ป่วยที่มีอาการปวดซึ่งได้รับยาแก้ปวด อนุพันธ์ฝิ่น: การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์ meta-analysis 2561;120(6):1335-44. Epub 2561/05/26. doi: 10.1016/j.bja.2018.03.009. PubMed PMID: 29793599

8. Sullivan MD, Von Korff M, Banta-Green C, Merrill JO, Saunders K. ปัญหาและข้อกังวลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยอนุพันธ์ฝิ่นสำหรับอาการปวดเรื้อรังที่ไม่ใช่มะเร็ง. Pain. 2553;149(2):345-53. Epub 2553/03/26. doi: 10.1016/j.pain.2553.02.037. PubMed PMID: 20334974; PMCID: PMC3318978

9. Boscarino JA, Rukstalis M, Hoffman SN, Han JJ, Erlich PM, Gerhard GS, Stewart WF. ปัจจัยเสี่ยงของการพึ่งพายาในผู้ป่วยนอกในการรักษาด้วยอนุพันธ์ฝิ่นในระบบการดูแลสุขภาพขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ การเสพติด (Abingdon, ประเทศอังกฤษ). 2553;105(10):1776-82. Epub 2553/08/18. doi: 10.1111/j.1360-0443.2553.03052.x. PubMed PMID: 20712819

10. Juurlink DN, Dhalla IA การพึ่งพาอาศัยกันและการเสพติดระหว่างการรักษาด้วยอนุพันธ์ฝิ่นเรื้อรัง วารสารพิษวิทยาทางการแพทย์ : วารสารทางการของ American College of Medical Toxicology 2555;8(4):393-9. Epub 2555/10/18. doi: 10.1007/s13181-012-0269-4. PubMed PMID: 23073725; PMCID: PMC3550262

11. Boscarino JA, Hoffman SN, Han JJ. ความผิดปกติของการใช้อนุพันธ์ฝิ่นในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยฝิ่นระยะยาว: ผลกระทบของเกณฑ์การวินิจฉัย DSM-5 ขั้นสุดท้ายที่มีต่อความชุกและความสัมพันธ์ การใช้สารเสพติดและการฟื้นฟูสมรรถภาพ 2558;6:83-91. Epub 2558/09/01. doi: 10.2147/sar.S85667. PubMed PMID: 26316838; PMCID: PMC4548725

12. Vadivelu N, Kai AM, Kodumudi V, Sramcik J, Kaye AD. วิกฤตอนุพันธ์ฝิ่น Opioid: ภาพรวมที่ครอบคลุม Curr Pain Headache Rep. 2561;22(3):16. Epub 2561/02/25. doi: 10.1007/s11916-018-0670-z. PubMed PMID: 29476358

ดูคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52590134/en

ติดต่อ:

ฝ่ายวิทยาศาสตร์สัมพันธ์ ANANDA

Christopher Moore

813 326 4265

media@anandascientific.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mawi DNA Technologies ได้รับการรับรอง CE สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์การเก็บตัวอย่าง

Logo

เฮย์เวิร์ด แคลิฟอร์เนีย (บิสิเนสไวร์)–07 มี.ค. 2565

Mawi DNA Technologies (Mawi) ผู้นำด้านเทคโนโลยีการเก็บตัวอย่างทางชีวภาพ ประกาศว่าบริษัทได้รับการรับรอง CE Mark และ UK MHRA สำหรับพอร์ตโฟลิโอ iSWAB อุปกรณ์เก็บตัวอย่างแบบไม่รุกราน  การอนุมัตินี้รวมถึงหลอดเก็บเลือดครบส่วน HemaSure-OMICS ของ Mawi สำหรับ gDNA, cfDNA และ RNA จากตัวอย่างเดียวกันและก้านเก็บตัวอย่าง NextSWAB

ใบรับรอง CE ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อนุมัติว่าผลิตภัณฑ์ของ Mawi เป็นไปตามข้อกำหนดด้านเครื่องมือแพทย์ของยุโรปและสหราชอาณาจักร  ด้วยการอนุมัติ CE Mark และ UK MHRA Mawi จะสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครบวงจรในสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรปและทุกประเทศที่ตระหนักถึงมาตรฐานการตรวจวินิจฉัยระดับโมเลกุลนี้

“การอนุมัติ CE Mark และ MHRA ของสหราชอาณาจักรถือเป็นก้าวสำคัญของ Mawi” Dr. Bassam El-Fahmawi ซีอีโอของ Mawi DNA Technologies กล่าว “โดยช่วยให้เราสามารถขยายประโยชน์และการเข้าถึงเทคโนโลยีการเก็บตัวอย่างชีวตัวอย่างที่เป็นนวัตกรรมของเราจากการใช้การวิจัยไปจนถึงตลาดการวินิจฉัยระดับโมเลกุลในหลอดทดลองในยุโรป  นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสในการร่วมมือและเป็นพันธมิตรกับบริษัทและองค์กรในยุโรปเพื่อรวมผลิตภัณฑ์ของเราเข้ากับกลุ่มตลาดที่มีมูลค่าสูงที่ได้รับการควบคุม เช่น การทดสอบการวินิจฉัยระดับโมเลกุล การทดลองทางคลินิก และการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อ”

Hanzel Lawas, QMS และผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ Mawi กล่าวว่า “การได้รับเครื่องหมาย CE และ UK MHRA เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับบริษัทของเรา  เมื่อรวมกับการรับรอง ISO 9001/13485 ล่าสุดของเรา ถือเป็นการตอกย้ำถึงความสอดคล้องของเรากับคำสั่ง IVD Medical Device และความมุ่งมั่นของเราในการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตรงตามความคาดหวังและข้อกำหนดของลูกค้าของเรา”

เกี่ยวกับ Mawi DNA Technologies

Mawi DNA Technologies ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2556 ได้พัฒนาและจำหน่ายเทคโนโลยี iSWAB ซึ่งเป็นระบบนวัตกรรมสำหรับการรวบรวมตัวอย่างชีวภาพ  ภารกิจของ Mawi คือการรักษาความสมบูรณ์ของตัวอย่างจากทุกที่ในโลกที่อุณหภูมิห้อง ทำให้เกิดความหลากหลายของตัวอย่างอย่างแท้จริงในทุกภูมิภาคหรือทุกกลุ่มประชากร  ที่ Mawi อนาคตของการสุ่มตัวอย่างทางชีวภาพอยู่ที่นี่™ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ http://www.mawidna.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220307005296/en/

ติดต่อ:

สำหรับนักลงทุน:
Jerome David, VP of Sales and Marketing
510-256-5186, j.david@mawidna.com 

สำหรับสื่อ:
Susan Tellem, APR, RN, BSN
310-313-3444, susan@tellemgrodypr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สูตรของเหลว RGC-COV19TM ที่ใช้ในการวิจัยของ Regencell Bioscience แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพผ่านทางผู้ป่วยที่ลงทะเบียนในการกำจัดโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางภายในระยะเวลาการรักษา 6 วันในการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH

Logo

  • ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 36 จาก 37 รายที่รับการรักษาในการทดลองนี้ คิดเป็นประมาณร้อยละ 97.3 ของผู้ป่วย ผลรายงานว่าอาการทั้งหมดถูกกำจัดภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน ช่วยรักษาการสูญเสียหรือลดการรับรู้รสชาติและกลิ่น (“Sensory Dysfunction”) และไอเป็นครั้งคราว ทั้งนี้จำนวนสูงสุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งคือ 14 ราย
  • ผู้ป่วยจำนวน 15 จาก 36 รายมีอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสก่อนเข้ารับการรักษา ในบรรดาผู้ป่วยจำนวน 15 รายนั้น มี 5 รายฟื้นตัวจากการทำงานทางประสาทสัมผัส ในขณะที่อีก 10 รายมีอาการดีขึ้นเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการรักษา 6 วัน
  • ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 31 จาก 37 ราย คิดเป็นประมาณร้อยละ 83.8 ของผู้ป่วย ผลรายงานว่ามีการกำจัดอาการอย่างน้อยหนึ่งอาการหลังจากรับประทาน RGC-COV19 TM ครบ 1 โดส (วันที่ 1 ของการรักษา) ด้วยจำนวนมากที่สุดของการกำจัดอาการหลังจาก 1 วัน ของการรักษาคือ 7 อาการ
  • จากผู้ป่วย 37 ราย ในผู้ป่วยจำนวน 9 รายมีอาการหายใจลำบาก (อาการหายใจไม่ออก หรือ difficulty breathing) ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วย 6 จาก 9 รายนี้ไม่มีอาการหายใจลำบากและ/หรือเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับ RGC-COV19 TM ครบ 1 โดส
  • ผู้ป่วยทั้งหมด 23 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19 TM ภายใน 3 วันนับจากเริ่มมีอาการ ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.2 วัน ในการกำจัดอาการทั้งหมด ช่วยรักษาในความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว
  • ผู้ป่วยทั้งหมด 14 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19TM ระหว่าง 4 ถึง 5 วันนับจากเริ่มมีอาการ ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.6 วัน ในการกำจัดอาการทั้งหมด ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2565

Regencell Bioscience Holdings Limited (NASDAQ: RGC) (“Regencell” หรือ “บริษัท”) ในวันนี้ประกาศผลการวิเคราะห์บุคคลทั้งหมด 37 รายที่ลงทะเบียนในการประเมินค่า/การตัดสินและการประเมิน RGC-COV19TM TCM ผ่านแนวทางแบบองค์รวม หรือ Evaluation and Assessment of RGC-COV19TM TCM through a Holistic approach (“EARTH”) การทดลองใช้ประสิทธิภาพโดย Regencell Bioscience Asia Limited (“Regencell Asia”) ของ COVID-19 oral TCM candidate RGC-COV19TM ใหม่ชนิดรับประทาน (Regencell Bioscience (RGCA-CV01) ที่เป็นสูตรของเหลว) ผลลัพธ์ยังไม่ได้รับการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพ เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH แล้ว RGC-COV19TM สามารถใช้ในวงกว้างขึ้นสำหรับการรักษาประชากรที่แสวงหาแนวทางธรรมชาติและองค์รวมเพื่อลดและกำจัดอาการของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อลดความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต

“ผลลัพธ์ของ EARTH ถือเป็นการเดินทางครั้งสำคัญของบริษัทโดยมีเป้าหมายในการช่วยและปรับปรุงชีวิตของผู้ป่วยทั่วโลก ในขณะที่ผู้ป่วยโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลกในปี 2565 จึงมีการเร่งโดยด่วนในการหาแนวทางแบบองค์รวมในการรักษาโควิด-19 ด้วยการก่อตั้ง Regencell Asia และจากผลการวิจัยเบื้องต้นของ EARTH เราหวังว่ากระบวนการในการหาทางเลือกในการรักษาโดยธรรมชาติสำหรับโควิด19 จะเร็วขึ้น ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นให้เห็นถึงศักยภาพในการนำเสนอการรักษาแบบองค์รวมและเป็นธรรมชาติสำหรับโควิด-19” Ji Yang Lee (Jay) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Regencell Asia กล่าว

เกี่ยวกับการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH

วัตถุประสงค์หลักของ EARTH คือการประเมินค่า/การตัดสินและการประเมินประสิทธิภาพใน TCM – RGC-COV19TM ของ Regencell Bioscience (Regencell Bioscience (RGCA-CV01) สูตรของเหลว) ในการลดและกำจัดอาการโควิด-19 ผ่านแนวทางองค์รวมภายในระยะเวลา 6 วัน

EARTH เป็นการทดลองประสิทธิภาพแบบไม่อำพรางซึ่งดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 เกณฑ์คุณสมบัติกำหนดให้ผู้ป่วยทุกรายได้รับการยืนยันทางห้องปฏิบัติการว่าติดเชื้อ SARS-CoV-2 ภายใน 3 วันก่อนการรักษาและมีอาการภายใน 5 วันก่อนการรักษา

ตามเกณฑ์ที่กล่าวไว้ข้างต้น ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการถูกปฏิเสธและในที่สุดก็มีผู้ป่วย 37 รายที่ผ่านการคัดเลือกและเข้ารับการลงทะเบียน ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนมีอายุระหว่าง 5 ถึง 61 ปี และมีเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ และภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน จำนวน 23 รายอาศัยอยู่ในกัวลาลัมเปอร์และเซเรมบัน ประเทศมาเลเซีย ในขณะที่อีก 14 คนอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนจำนวน 23 จาก 37 รายเริ่มใช้ RGC-COV19TM ภายใน 3 วันหลังจากเริ่มมีอาการ และผู้ป่วยที่เหลืออีก 14 รายเริ่มใช้ RGC-COV19TM ระหว่าง 4 ถึง 5 วันหลังที่เริ่มมีอาการ

ในการดำเนินการทดลอง EARTH ซึ่ง Regencell Asia ได้กำหนดการรักษาสูงสุดจำนวน 6 วันต่อผู้ป่วยหนึ่งราย ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนต้องรายงานอาการโควิด-19 ทุกวันตามความรุนแรง 3 ประเภท (เล็กน้อย ปานกลาง รุนแรง) และรายการของอาการอย่างเช่น มีไข้ เหนื่อยล้า ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ รู้สึกร้อน หนาวสั่น ง่วงซึม หายใจถี่ เจ็บหน้าอกหรือแน่นอย่างต่อเนื่อง ปวดกล้ามเนื้อและไม่สบายท้อง ผู้ป่วยยังได้รับการร้องขอให้ระบุอาการอื่น ๆ ที่พวกเขาประสบอยู่ ทั้งนี้ผู้ป่วยแต่ละรายได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง 2 วัน ในขณะที่การทดสอบปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรสย้อนกลับ (RT-PCR) สำหรับผู้ป่วยในมาเลเซียดำเนินการทุก 2 วัน

เมื่อใดก็ตามที่ผลการทดสอบ RT-PCR ของผู้ป่วยเป็นลบหรือผู้ป่วยไม่มีอาการของโควิด-19 อีกต่อไป (ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสหรือไอเป็นครั้งคราว) ภายในระยะเวลาการรักษา 6 วันนั้นการรักษาจะสิ้นสุดลง ขณะรับการรักษา TCM จำนวน 3 รายไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3 รายได้รับการฉีดวัคซีนบางส่วน และจำนวน 31 รายได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน เมื่อสิ้นสุดการรักษาจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดที่อาการหายไปอย่างสมบูรณ์ภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวจะถูกบันทึกเพื่อประเมินประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับผลลัพธ์ของ EARTH

ประสิทธิภาพของอาการหมดไปอย่างสมบูรณ์ภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน

ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 36 จาก 37 ราย ได้รับการรักษาจนหมดอาการ ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน การทดลองวัดประสิทธิภาพของเราแสดงให้เห็นว่าหลังจากรับ RGC-COV19TM ผู้ป่วยร้อยละ 97.3 ได้รับการกำจัดโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวภายในระยะเวลาการรักษา 6 วัน ผู้ป่วยจำนวน 15 จาก 36 รายมีอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสก่อนเข้ารับการรักษา ในบรรดาผู้ป่วย 15 รายนั้น จำนวน 5 ราย มีการฟื้นตัวของการทำงานทางประสาทสัมผัส ขณะที่อีก 10 รายที่เหลือมีอาการดีขึ้นเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการรักษาจำนวน 6 วัน

จากผู้ป่วยจำนวน 36 ราย ซึ่งจำนวนวันที่ใช้รักษาจนหมดอาการ ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสและไอเป็นครั้งคราวภายในระยะเวลาการรักษาจำนวน 6 วัน คือ 1 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 6 ราย, 2 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 7 ราย, 3 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 5 ราย, 4 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 11 ราย, 5 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 4 ราย, 6 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 3 ราย

อาการหมดไปหลังจากได้รับ RGC-COV19TM ครบ 1 โดส

ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 31 จาก 37 ราย คิดเป็นประมาณร้อยละ 83.8 ของผู้ป่วย ผลรายงานการกำจัดอาการอย่างน้อยหนึ่งอาการหลังจากรับ RGC-COV19TM ครบ 1 โดส ด้วยจำนวนที่มากที่สุดของการกำจัดอาการหลังจากการรักษา 1 วัน ได้ถูกรายงานโดยผู้ป่วยจำนวน 7 ราย จำนวนวันเฉลี่ยที่ใช้ตั้งแต่เริ่มการรักษาสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้ง 37 รายที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราวอยู่ที่ประมาณ 3.4 วัน จำนวนมากที่สุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานโดยผู้ป่วยคือ 14 อาการ และจำนวนเฉลี่ยของอาการต่าง ๆ ที่รายงานคือประมาณ 6 อาการ

มาเลเซีย – การรักษาที่นำไปสู่การตรวจด้วยวิธี RT-PCR ที่ได้ผลลบ

จากผู้ป่วยจำนวน 23 รายจากมาเลเซีย มีผู้ป่วยจำนวน 10 ราย (คิดเป็นประมาณร้อยละ 43.48) ทดสอบวิธี RT-PCR ที่ได้ผลลบภายใน 6 วันของการรักษา (RT-PCR ที่ได้ผลลบใน 2 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 4 ราย, 4 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 4 ราย, 5 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 1 ราย, 6 วัน = ผู้ป่วยจำนวน 1 ราย) นับตั้งแต่เริ่มการรักษา จำนวนวันเฉลี่ยของผู้ป่วยจำนวน 10 รายที่ทดสอบได้ผลเป็นลบคือ 3.5 วัน จำนวนวันต่ำสุดและสูงสุดที่ผู้ป่วยทดสอบได้ผลเป็นลบคือ 2 และ 6 วันตามลำดับ ผู้ป่วยที่เหลืออีก 13 ราย ที่อาการหมดไป ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางประสาทสัมผัสและไอเป็นครั้งคราวภายใน 6 วัน (โดยเฉลี่ยประมาณ 3.5 วัน) ดังนั้นจึงไม่ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติม

การรักษาภายใน 3 วันนับจากเริ่มมีอาการ เทียบกับภายใน 4 ถึง 5 วันนับจากเริ่มมีอาการ

การวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่าผู้ป่วยจำนวน 23 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19TM ภายใน 3 วันนับจากเริ่มมีอาการใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.2 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว โดยจำนวนสูงสุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งคือ 14 อาการและจำนวนเฉลี่ยของอาการต่าง ๆ ที่รายงานคือ 5 อาการ

ผู้ป่วยที่เหลืออีกจำนวน 14 รายที่เริ่มใช้ RGC-COV19TM ระหว่าง 4 ถึง 5 วันนับจากเริ่มมีอาการใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3.6 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว โดยจำนวนสูงสุดของอาการต่าง ๆ ที่รายงานโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งคือ 13 อาการและจำนวนเฉลี่ยของอาการที่รายงานคือ 7 อาการ

สถานะการฉีดวัคซีน

ผู้ป่วยจำนวน 3 รายที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ผลรายงานว่าแต่ละรายมีอาการโดยเฉลี่ย 3 อาการ และผู้ป่วยทั้ง 3 รายใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2.3 วันในการกำจัดอาการ ผู้ป่วยจำนวน 3 รายที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงบางส่วน ผลรายงานอาการโดยเฉลี่ย 3 อาการต่อราย และใช้เวลาประมาณ 3.3 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัส ผู้ป่วยจำนวน 1 ใน 3 รายนี้ทดสอบ RT-PCR ได้ผลเป็นลบหลังการรักษาจำนวน 4 วัน ผู้ป่วยที่เหลือซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน ผลรายงานจำนวนเฉลี่ย 6 อาการ และผู้ป่วยเหล่านี้ใช้เวลาประมาณ 3.5 วันที่อาการหมดไป ช่วยรักษาความผิดปกติทางประสาทสัมผัสและอาการไอเป็นครั้งคราว ผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจได้รับวัคซีนเข็มแรก เข็มสอง หรือวัคซีนสูตรไขว้จาก Pfizer-BioNTech, Moderna, AstraZeneca, Sinovac-CoronaVac และ/หรือ Janssen ของ Johnson & Johnson

ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง

จากผู้ป่วยจำนวน 37 ราย ผู้ป่วยจำนวน 9 รายมีอาการหายใจลำบาก (อาการหายใจไม่ออก) ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยจำนวน 6 ใน 9 รายนี้ไม่มีอาการหายใจลำบากและ/หรือเจ็บหน้าอกอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับ RGC-COV19 TM  ครบ 1 โดส

ไม่มีผลข้างเคียง

จากข้อมูลที่ผู้ป่วยรายงานด้วยตนเอง ไม่มีอาการแย่ลงระหว่างและหลังการใช้ RGC-COV19TM และไม่มีผู้ป่วยรายใดได้รับผลข้างเคียงที่ไม่ทราบสาเหตุ

ไม่มีการรักษาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น

ในบรรดาผู้ป่วยจำนวน 3 รายที่เป็นโรคร่วม อย่างเช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) โรคหอบหืด และโรคมะเร็ง ไม่มีการรักษาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นและไม่มีการหยุด RGC-COV19TM เนื่องจากผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์

การเสียชีวิต/เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

เมื่อสิ้นสุดการทดลองใช้ประสิทธิภาพของ EARTH ไม่มีผู้ป่วยรายใดเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและไม่มีผู้เสียชีวิต ประสิทธิภาพของ RGC-COV19TM ไม่ได้รับผลกระทบจากระยะเวลาที่เริ่มมีอาการหรือปัจจัยเสี่ยง ผลลัพธ์มีความสอดคล้องกันในทุกช่วงอายุ เพศ เชื้อชาติและกลุ่มชาติพันธุ์ในผู้ป่วยที่ลงทะเบียน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ EARTH

มีผู้ป่วยหลายร้อยล้านคนทั่วโลกที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 และบางคนมีอาการหลังโควิด-19 อย่างเช่น เหนื่อยล้าอย่างรุนแรง (อ่อนเพลีย) หายใจลำบาก มีปัญหาด้านความจำและสมาธิ (สภาวะสมองล้า) ใจสั่น เวียนศีรษะ เจ็บหน้าอกหรือแน่น ปวดข้อ ซึ่งขณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มอาการลองโควิด (long-COVID)

เนื่องจากอาการลองโควิดมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำงานของแต่ละบุคคล Regencell Asia จึงอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาสำหรับผู้ป่วยลองโควิดโดยใช้สูตรธรรมชาติและองค์รวม – RGC-COV19TM (RGCA-LCV01)

เกี่ยวกับ RGC-COV19TM

RGC-COV19TM (RGCA-CV01) เป็นสูตรของเหลวเพื่อการศึกษาวิจัยที่เป็นธรรมชาติชนิดรับประทาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดและกำจัดอาการโควิด-19

RGC-COV19TM สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาสองถึงสามสัปดาห์ ในการดำเนินการEARTH การรักษาถูกจำกัดไว้ที่ 6 วัน เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการลดและกำจัดอาการโควิด-19

Regencell เริ่มแนวทางเชิงสอบสวนเกี่ยวกับการรักษาโควิด-19 เมื่อเพื่อนของ Regencell ได้รับเชื้อโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2563 และ TCM Practitioner ได้ใช้สูตร TCM ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา โดยใช้มาตลอด 30 ปีที่ผ่านมาเพื่อรักษาผู้ป่วยที่เป็นหวัดและไข้หวัดใหญ่ต่าง ๆ รวมถึงในช่วงการระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 ในการรักษาเขา ทั้งนี้ TCM Practitioner ได้ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่สมัครใจจำนวน 9 รายในสหรัฐอเมริกา “TCM Practitioner” หมายถึงพันธมิตรการวิจัยเชิงกลยุทธ์ของ TCM ซึ่ง Sik-Kee Au เป็นบิดาของผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเรา

ผลการศึกษาพบว่าการรักษาได้ผลดี เนื่องจาก Regencell มีเป้าหมายในการช่วยชีวิต ปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ป่วย และตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองในตลาด Regencell ต้องการทำให้การรักษาแบบธรรมชาติและแบบองค์รวมพร้อมสำหรับผู้คนที่ต้องการ

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ถึงสิงหาคม 2564 Regencell ได้ตั้งค่าโปรโตคอลและขั้นตอนการดำเนินการทดลองประสิทธิภาพของ EARTH ในมาเลเซียและสหรัฐอเมริกา

RGC-COV19TM ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อกระตุ้นกลไกการรักษาของร่างกายและยาช่วยบรรเทาอาการของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ หนาวสั่น เซื่องซึม หายใจถี่ เจ็บอกเรื้อรัง และปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ในขณะที่ยาทำงานเพื่อ (i) ลดและล้างเมือกและเสมหะออกจากระบบทางเดินหายใจส่วนบน; (ii) กำจัดเชื้อโรคจากไวรัสภายนอกผ่านทางเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ; (iii) ล้างความร้อนสิ่งที่อยู่ภายในและตับ; (iv) ดีท็อกซ์ตับ; และ (v) ปรับปรุงการไหลเวียนของร่างกาย

ด้วยการใช้ TCM Practitioner “Sik-Kee Au TCM Brain Theory®”, RGC-COV19TM ช่วยขจัดลิ่มเลือดออกจากสมองจึงฟื้นฟูการทำงานของสมองต่าง ๆ ของผู้ป่วย

RGC-COV19TM (RGCA-CV01) จัดให้ที่ 1 โดสของ RGCA-CV01-1Na (ประมาณ 230 มล.) และ 1 โดสของ RGCA-CV01-2Da (ประมาณ 230 มล.) ในแต่ละครั้ง โดยให้ 1 โดสของ RGCA-CV01-1Na เริ่มตั้งแต่คืนวันแรกของการรักษา และรับประทาน 1 โดสของ RGCA-CV01-2Da หลังอาหารกลางวันในวันถัดไปจนกว่าอาการจะหมดไป

เกี่ยวกับ Regencell Bioscience Holdings Limited และ Regencell Bioscience Asia Limited: ความก้าวหน้าในสูตร TCM ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยชีวิตและปรับปรุงชีวิต

เป็นระยะเวลากว่า 30 ปีที่ TCM Practitioner ซึ่ง Regencell Bioscience เป็นพันธมิตรด้วยได้รักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทและโรคติดเชื้อ TCM formulae candidates ของ TCM Practitioner มาจากสูตรพื้นฐานของ TCM และสูตรที่ปรับได้ซึ่งพัฒนาขึ้นจากทฤษฎีสมอง TCM ของเขาหรือที่รู้จักกันในชื่อ “Sik-Kee Au TCM Brain Theory®”

ทั้ง Regencell Bioscience และ TCM Practitioner มุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคมและแสดงให้เห็นถึง CARE ผ่านการดูแลผู้ป่วย ความรับผิดชอบโดยการรักษามาตรฐานคุณภาพและความซื่อสัตย์ในระดับสูง ความเคารพโดยประเมินค่าความร่วมมือ การทำงานเป็นทีมและความสามัคคี และความกระตือรือร้นในการปรับปรุงชีวิตของผู้ด้อยโอกาส

นับตั้งแต่จดทะเบียน Regencell Bioscience ผ่านการร่วมทุนกับ Honor Epic Enterprises Limited ได้ก่อตั้ง Regencell Bioscience Asia Limited เพื่อเสนอการรักษาที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แก่ผู้ป่วยในประเทศอาเซียน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เนื่องจาก Regencell Bioscience มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดระดับโลกในด้านการรักษาแบบธรรมชาติและแบบองค์รวมสำหรับความผิดปกติทางระบบประสาทและโรคติดเชื้อ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.regencellbioscience.com และ www.regencellasia.com

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มี “ข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต” ตามความหมายของกฎหมายที่บังคับใช้ รวมถึงกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ แผนงาน และกลยุทธ์ของเรา; ข้อความที่มีการคาดการณ์ผลการดำเนินงานหรือสถานะทางการเงิน; ข้อความที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย การพัฒนา และการใช้แพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยี  เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และตัวเลือกผลิตภัณฑ์ของเรา; และข้อความทั้งหมดที่กล่าวถึงกิจกรรม เหตุการณ์ หรือการพัฒนาที่เราตั้งใจ คาดหวัง โครงการ เชื่อ หรือคาดการณ์ว่าจะเกิดหรืออาจเกิดขึ้นในอนาคต ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของบริษัทของเรา ได้แก่: ความสามารถของเราในการได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบและ TCM formulae และ/หรือผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่สุดแล้วตาม TCM formulae ของเรา; ผลการศึกษาวิจัยของเราปราศจากอคติของผู้ปกครองหรือผู้ดูแลผู้ป่วย เนื่องจากเราอาศัยข้อมูลที่ได้รับจากพวกเขา; ความยากลำบากในการลงทะเบียนผู้ป่วยในการศึกษาวิจัยของเรา; ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เกิดจาก TCM formulae candidates อาจทำให้ล่าช้าหรือขัดขวางการอนุมัติด้านกฎระเบียบหรือขัดขวางการค้าเชิงพาณิชย์;หรือไม่ผลการศึกษาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ TCM formulae เฉพาะบุคคลสามารถคาดการณ์ผลการศึกษาวิจัยในอนาคตได้; ความล้มเหลวของกระบวนการวิจัยและพัฒนา; หรือไม่ TCM formulae candidates ใด ๆ ที่สามารถพัฒนา ผลิต ขาย ทำการตลาดและจัดจำหน่าย; ความสามารถในการค้าที่ประสบความสำเร็จในการรักษาใด ๆ ในอนาคต; ความสามารถของเราในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของเรา; และความสามารถของเราในการได้มาและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของเรา; และการประชาสัมพันธ์ที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ TCM formulae candidates ส่วนผสมหรือโปรแกรมการตลาดแบบเครือข่าย เราได้ใช้ข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้บนสมมติฐานและการประเมินโดยฝ่ายบริหารของเราตามประสบการณ์และการรับรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับแนวโน้มในอดีต สภาวะปัจจุบัน การพัฒนาในอนาคตที่คาดหวัง และปัจจัยอื่น ๆ ที่พวกเขาเชื่อว่ามีความเหมาะสม นอกจากนี้บริษัทยังใช้และสันนิษฐาน โดยไม่มีการตรวจสอบโดยอิสระ ในความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมดที่มีจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ และไม่รับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยเกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าว แม้ว่าผลการดำเนินงาน สถานะทางการเงินและสภาพคล่อง และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เราดำเนินการอยู่จะสอดคล้องกับข้อความที่มีลักษณะคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตที่มีอยู่ในการนำเสนอนี้ แต่ก็อาจไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์หรือการพัฒนาในอนาคต สำหรับการอภิปรายเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ เหล่านี้ โปรดดูรายงานประจำปีของเราในแบบฟอร์ม 20-F สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งอยู่บนเว็บไซต์ของ SEC ได้ที่ www.sec.gov ข้อมูลทั้งหมดในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้เป็นข้อมูล ณ วันที่เผยแพร่ และบริษัทไม่มีหน้าที่ในการปรับปรุงข้อมูลนี้เว้นแต่กฎหมายจะกำหนด คำเตือนนี้จัดทำขึ้นภายใต้บทบัญญัติด้านความปลอดภัยของมาตรา 21E ของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220216005895/en/

ติดต่อ:

นักลงทุนสัมพันธ์
James Chung
ir@rgcbio.com
+852 2155 0823

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Parse Biosciences ระดมทุนรอบ Series B มูลค่า 41.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับผลิตภัณฑ์การจัดลำดับเซลล์เดียวและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์

Logo

บริษัทจะทำการค้าและสร้างผลิตภัณฑ์ multi-omics แบบเซลล์เดียว

ซีแอตเทิล–(BUSINESS WIRE)–15 กุมภาพันธ์ 2565

วันนี้ Parse Biosciences บริษัทที่ทุ่มเทในการให้บริการโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดียวที่ปรับขนาดได้ ประกาศเกี่ยวกับการระดมทุนในรอบ Series B เป็นมูลค่า 41.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย Marshall Wace และ Janus Henderson Investors ขณะที่ Soleus Capital, Logos Capital และ Bioeconomy Capital ก็เข้าร่วมในการระดมทุนรอบนี้เช่นเดียวกัน ทำให้มูลค่าการระดมทุนทั้งหมดของ Parse Biosciences ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านเหรียญ

เงินทุนจะนำไปใช้เพื่อขยายการค้าผลิตภัณฑ์ Evercode Whole Transcriptome ของ Parse ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสร้างโปรไฟล์เซลล์ในระดับต่าง ๆ และทำให้พวกเขาสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการในการทดลองเฉพาะของพวกเขาได้ Evercode ใช้ประโยชน์จากเทคนิคที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วของบาร์โค้ดแบบผสมผสาน ซึ่งช่วยปรับปรุงความละเอียดของตัวอย่าง เพิ่มความไวในการถอดรหัส และทำให้กระบวนการทำงานง่ายขึ้น

กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Parse ประกอบด้วย Evercode Whole Transcriptome Mega ซึ่งสามารถกำหนดโปรไฟล์ได้มากถึง 1,000,000 เซลล์ในแบบคู่ขนาน และ Evercode Whole Transcriptome Mini ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ที่ใช้สร้างโปรไฟล์มากถึง 10,000 เซลล์แบบคู่ขนานสำหรับการศึกษาในระดับที่เล็กกว่า หลังจากการระดมทุน Parse จะขยายแพลตฟอร์ม Evercode ไปมากกว่า transcriptomics ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสามารถยกระดับการวัด multi-omic แบบเซลล์เดียวในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

Alex Rosenberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าวว่า “การทำความเข้าใจและกำหนดโปรไฟล์เซลล์อย่างละเอียดตามระดับที่ต้องการเป็นพื้นฐานสำหรับการค้นพบครั้งใหญ่ในอนาคตในสาขาต่าง ๆ เช่น เนื้องอกวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา และประสาทวิทยาศาสตร์ การทำความเข้าใจ transcriptome เป็นหัวใจสำคัญ แต่การพัฒนาไปสู่ ​​multi-omics เป็นการพัฒนาตามธรรมชาติ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเริ่มขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเริ่มในปลายปีนี้”

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทจะรองรับการใช้งานต่าง ๆ ได้แก่:

  • การทำโปรไฟล์ภูมิคุ้มกันที่จะช่วยให้นักวิจัยสามารถรวบรวมการแสดงออกของยีนและการทำโปรไฟล์ตัวรับ
  • การทำโปรไฟล์ Chromatin ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับกลไกการควบคุมยีนเฉพาะเซลล์ และช่วยให้เข้าใจ epigenome มากขึ้น
  • การคัดกรอง CRISPR ปริมาณงานสูงที่จะช่วยให้สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนตามการปรับยีนในเซลล์เดียว
  • เครื่องมือการวิเคราะห์ยีนเป้าหมายที่จะเสริมสร้างยีนย่อยเฉพาะอีกชุดที่เกี่ยวข้องกับนักวิจัย โดยจะช่วยให้การศึกษาที่ปรับระดับได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับรักษาต้นทุนในแต่ละลำดับที่เหมาะสม
  • ความไวเพิ่มเติมของชุดเครื่องมือ Evercode Whole Transcriptome ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากในการถอดรหัสและการตรวจหายีน

หลังจากการระดมทุน Series A มูลค่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม 2564, Parse Biosciences ก็ได้ขยายขอบเขตการบริการไปยังระดับโลก ในเดือนตุลาคม 2564, Parse ร่วมมือกับ Decode Sciences เพื่อจัดหาโซลูชันการจัดลำดับเซลล์เดียวให้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นไม่นาน Parse ได้ประกาศข้อตกลงการจัดจำหน่ายกับ Research Instruments Pte Ltd เพื่อขยายการให้บริการไปยังสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม

Charlie Roco ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าวว่า “ตั้งแต่ Series A ปิดตัวลง Parse ก็เติบโตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรากำลังพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งกำลังใช้การจัดลำดับเซลล์เดียวในวงกว้างในแบบที่เราไม่เคยพบมาก่อน เรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อนักลงทุนของเราที่ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ และเรารู้สึกภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักวิจัยผู้ขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อยารักษาที่ตรงจุดและการบำบัดด้วยยาโดยรวม”

Parse Biosciences จะเข้าร่วมการประชุมประจำปี Molecular and Precision Med Tri-Conference ตั้งแต่วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2565 ในเซสชันของเขา หัวข้อ “The Implications of Single-Cell Transcriptomics at Unprecedented Scale” หรือ ผลกระทบของการถอดรหัสเซลล์เดียวในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดย Charlie Roco จะนำเสนอผลกระทบที่สำคัญของการทำโปรไฟล์ transcriptome ตามระดับที่ต้องการในพื้นที่การรักษาจำนวนมาก Parse จะเป็นเจ้าภาพการสัมมนาผ่านทาง webinar คู่กับ American Society of Human Genetics เพื่อแสดงประสิทธิภาพใหม่ของแพลตฟอร์ม Evercode ในวันที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

Parse กำลังรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมเพื่อเข้าร่วมทีม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.parsebiosciences.com/careers

เกี่ยวกับ Parse Biosciences

Parse Biosciences เป็นบริษัทในซีแอตเทิลที่มีภารกิจในการเร่งความก้าวหน้าในด้านสุขภาพของมนุษย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

หัวใจหลักของบริษัทของเราคือแนวทางการบุกเบิกสำหรับการจัดลำดับเซลล์เดียว การจัดลำดับเซลล์เดียวได้เปิดใช้งานการค้นพบที่แปลกใหม่ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับการรักษามะเร็ง การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ โรคไตและตับ การพัฒนาสมอง และระบบภูมิคุ้มกัน  ที่ Parse Biosciences เรากำลังจัดหานักวิจัยที่มีความสามารถในการดำเนินการจัดลำดับเซลล์เดียวในขนาดและความง่ายดายที่ไม่เคยมีมาก่อน

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: https://www.parsebiosciences.com/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220215005525/en/

ติดต่อ:

Shannia Coley
shannia@jones-dilworth.com
443-471-6830

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Parse Biosciences ประกาศความร่วมมือกับ Research Instruments Group เพื่อเสนอชุด RNA-Seq ในสิงคโปร์และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

วางจำหน่ายแล้วในอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ความร่วมมือนี้มีขึ้นเพื่อเร่งการวิจัยจีโนมเซลล์เดียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ซีแอตเทิล–(บิสิเนสไวร์)–19 ม.ค. 2565

Parse Biosciences บริษัทที่มอบแนวทางจัดลำดับเซลล์ให้กับนักวิจัยได้ประกาศความร่วมมือกับ Research Instruments Pte Ltd เพื่อมอบชุดรักษาสภาพของเซลล์และนิวคลีไอ Parse’s Evercode Whole Transcriptome Kits (WTKs) ให้กับตลาดในประเทศสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ภายใต้ข้อตกลงระหว่างสองฝ่าย Research Instruments ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Parse สำหรับสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม

เครื่องมือวิจัยจะให้บริการแก่ลูกค้า การสนับสนุนด้านเทคนิค การขายและการตลาด การจัดจำหน่าย และลอจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Parse Bioscience ของการวิจัยจีโนมเซลล์เดียว

Research Instruments เป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำสำหรับผลิตภัณฑ์การวิจัยด้านจีโนมและวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีทีมเทคนิคหลายทีมและสร้างความสัมพันธ์ในการสนับสนุนลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาค  ภารกิจหลักของพวกเขาคือการนำร่องและเร่งการนำเครื่องมือวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตที่ก้าวล้ำไปใช้ในตลาดของตน

ในต้นปี 2564 Parse Biosciences ได้เปิดตัว Whole Transcriptome Kits สู่ตลาดซึ่งมี Evercode ซึ่งเป็นเทคนิคบาร์โค้ดแบบผสมผสานที่ได้รับการจดสิทธิบัตร  ในเดือนตุลาคม 2564 พวกเขาได้ขยายข้อเสนอเพื่อรวม Evercode Whole Transcriptome Mega ซึ่งช่วยให้นักวิจัยสร้างโปรไฟล์ได้ถึง 1,000,000 เซลล์ในแบบคู่ขนาน และ Evercode Whole Transcriptome Mini ซึ่งเป็นชุดอุปกรณ์ที่ใช้สร้างโปรไฟล์ได้ถึง 10,000 เซลล์แบบขนานสำหรับการวิจัยขนาดเล็กในราคาเริ่มต้น

Alex Rosenberg ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Parse Biosciences กล่าวว่า “สำคัญสำหรับทีม Parse คือความสามารถในการเข้าถึง ไม่เพียงแต่ในความรวดเร็วที่ลูกค้าสามารถเริ่มใช้เทคโนโลยีได้ แต่ยังรวมถึงทีมที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่  เรารู้สึกตื่นเต้นที่ Research Instruments แบ่งปันวิสัยทัศน์ของเราในการนำเสนอเทคโนโลยี RNA-seq เซลล์เดียวที่ปรับขนาดได้และปรับเปลี่ยนได้ง่ายสู่ตลาดในวงกว้าง”

“ที่ RI เรามุ่งมั่นที่จะมอบการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่” Greg Kent ซีอีโอของ Research Instruments กล่าว “โซลูชันการจัดลำดับของ Parse Biosciences ช่วยให้เวิร์กโฟลว์ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียสละรายละเอียด และด้วยทีมขายด้านเทคนิคและสนับสนุนแอปพลิเคชันของเราที่ได้รับการฝึกอบรมและมีประสบการณ์ในแอปพลิเคชันจีโนมเซลล์เดียว แพลตฟอร์ม Parse Bioscience จึงสามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคนี้”

Parse Biosciences และ Research Instruments จะจัดสัมมนาทางเว็บเชิงเทคนิคสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันที่ 20 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น. SGT  เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแยกวิเคราะห์ชีววิทยาศาสตร์และความสามารถของแพลตฟอร์มที่ https://www.parsebiosciences.com/ หรือติดต่อวิจัยเครื่องมือที่ https://www.ri.com.sg/

เกี่ยวกับ Parse Biosciences

Parse Biosciences เป็นบริษัทในซีแอตเทิลที่มีภารกิจในการเร่งความก้าวหน้าในด้านสุขภาพของมนุษย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

หัวใจหลักของบริษัทของเราคือแนวทางการบุกเบิกสำหรับการจัดลำดับเซลล์เดียว การจัดลำดับเซลล์เดียวได้เปิดใช้งานการค้นพบที่แปลกใหม่ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับการรักษามะเร็ง การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ โรคไตและตับ การพัฒนาสมอง และระบบภูมิคุ้มกัน  ที่ Parse Biosciences เรากำลังจัดหานักวิจัยที่มีความสามารถในการดำเนินการจัดลำดับเซลล์เดียวในขนาดและความง่ายดายที่ไม่เคยมีมาก่อน

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม: https://www.parsebiosciences.com/

เกี่ยวกับ Research Instruments

Research Instruments Pte Ltd เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และสารชีวภาพสำหรับการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต โดยมุ่งเน้นที่การจัดหาเครื่องมือและเทคโนโลยีแห่งอนาคตด้วยการสนับสนุนที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันสำหรับแอปพลิเคชัน บริการบำรุงรักษา และการฝึกอบรม  Research Instruments Pte Ltd ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 โดยมีสำนักงานกระจายอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับการรับรอง GDP-MDS สำหรับการกระจายอุปกรณ์ Dx และ Medical, bizSAFE สำหรับบริการด้านวิศวกรรม และให้บริการคลังสินค้าตามมาตรฐาน GMP และ ISO 9001 และการขนส่งแบบ Cold-chain สำหรับลูกค้าของเรา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม https://www.ri.com.sg/

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220118006247/en/

ติดต่อ:

Shannia Coley
Shannia@jones-dilworth.com 
443-471-6830

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย