Category Archives: Biomedical

STEERLife และ Callidus Research Laboratories สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

Logo

เบงกาลูรู อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

STEERLife ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการพัฒนายา และ Callidus Research Laboratories ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนายารักษาโรคอย่างครอบคลุม ได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาสำหรับตลาดทั่วโลก STEERLife เป็นแผนกหนึ่งของ STEER World

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ขั้นสูงและการผลิตแบบต่อเนื่องของ STEERLife เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนายารักษาโรคของ Callidus เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยาและการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

STEERLife และ Callidus จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกันเพื่อให้บริการพัฒนายาขั้นสูงแก่ลูกค้าทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ความร่วมมือนี้ทำให้ทั้งสององค์กรสามารถผสมผสานความรู้และทักษะเฉพาะทางของตนเข้าด้วยกันได้ ซึ่งนำไปสู่โซลูชันเชิงนวัตกรรมและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือยังช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนเครือข่าย การติดต่อ และการเข้าถึงตลาด ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถเข้าสู่ภูมิภาคและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ ความร่วมมือนี้จะตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยารักษาโรครุ่นถัดไป โดยให้บริการแก่บริษัทยาสามัญและบริษัทยาที่มีแบรนด์

ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้สามารถพัฒนายาแบบครบวงจรสำหรับสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) ที่ออกฤทธิ์แรงได้ด้วย นอกเหนือจากความสามารถที่เสริมซึ่งกันและกันแล้ว ความร่วมมือระหว่างองค์กรยังได้รับการขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตสำหรับตลาดทั่วโลก

“ความร่วมมือของเรากับ Callidus Research Laboratories ถือเป็นก้าวสำคัญในด้านนวัตกรรมเภสัชกรรม” Indu Bhushan ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STEERLife กล่าว “ความร่วมมือนี้ช่วยให้ลูกค้ามีเทคโนโลยีสุดล้ำ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม และความสามารถในการขยายขนาดที่ราบรื่น”

“การพัฒนานี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ STEERLife ในด้านความเป็นเลิศ นวัตกรรม และการส่งมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยม” คุณ Bhushan กล่าวเสริม

“การร่วมมือกับ STEERLife ช่วยเพิ่มความสามารถของเรา ทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่ครอบคลุมให้กับบริษัทด้านเภสัชกรรมต่างๆ ทั่วโลกได้” Vardhaman Bafna ผู้ก่อตั้งร่วมและผู้อำนวยการของ Callidus Research Laboratories กล่าว “ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันขอบเขต ส่งเสริมการเติบโต และปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ป่วยผ่านโซลูชันทางเภสัชกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิต”

เกี่ยวกับ STEERLife

STEERLife ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ STEER World เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพชั้นนำที่ปฏิวัติการผลิตและการบริโภคยารักษาโรคผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์สุดล้ำ ในฐานะบริษัทด้านเภสัชกรรมชั้นนำในอินเดียที่เปลี่ยนจากการผลิตเป็นชุดแบบดั้งเดิมเป็นการผลิตแบบต่อเนื่องและไม่มีการหยุดชะงัก STEERLife มอบโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยม โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับผู้ป่วย ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเชิงนวัตกรรม

เกี่ยวกับ Callidus Research Laboratories

Callidus Research Laboratories เป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่ก่อตั้งและบริหารโดยทีมงานมืออาชีพจากอุตสาหกรรมเภสัชกรรม ซึ่งมีประวัติการให้บริการตลาดทั่วโลกที่ยอดเยี่ยม

ทีมงานของ Callidus ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถในการพัฒนารูปแบบยาต่างๆ และให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคครบวงจรแก่ลูกค้าทั่วโลก

เราให้บริการครบวงจรในโปรแกรมพัฒนายาแก่พันธมิตรทั่วโลกของเรา ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาสูตรยา การพัฒนาเชิงวิเคราะห์ การศึกษาความคงตัว การถ่ายโอนเทคโนโลยี สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Amit Jain, Myo Brand Partners, +91-9886062866

แหล่งข้อมูล: STEERLife

Medidata คว้าตำแหน่งสุดยอดผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก

Logo

นิวยอร์ก –(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Medidata (แบรนด์ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำในวงการวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิต) ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตประจำปี 2024 ที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก รายงานนี้ได้ประเมินผู้ให้บริการ 13 รายโดยอิงตามผลลัพธ์ที่ผลิตภัณฑ์ของผู้ให้บริการเหล่านี้มีต่อตลาด และขีดความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและประสบผลสำเร็จ

Rave CTMS จาก Medidata เป็นผู้นำวงการในการมอบบริการส่งข้อมูลผู้ป่วยแบบเรียลไทม์และราบรื่นที่พลิกโฉมระบบการติดตามผลการลงทะเบียน และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นและมีข้อมูลประกอบ ทั้งนี้ Rave CTMS ช่วยยกระดับการทำงานร่วมกัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงรายการข้อมูลด้วยตนเอง และทำให้การทดลองเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นพร้อมความแม่นยำที่เหนือชั้น โดยช่วยให้ทีมศึกษาวิจัยเห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ในทันที

คุณ Tom Doyle ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำสูงสุดในด้าน CTMS จากทาง Everest Group” และ “รางวัลนี้ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการพลิกโฉมการวิจัยและตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของเราในการนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ผ่าน AI ที่จะปฏิวัติวิธีการออกแบบ วางแผน และจัดการการทดลองแบบครบวงจรขององค์กรต่าง ๆ พร้อมมอบผลลัพธ์สูงสุด”

คุณ Tom Doyle ยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ในปี 2025 Medidata จะนำข้อมูลเชิงลึกจาก AI เข้ามาผสานรวมกับโซลูชันด้านการวางแผนและการดำเนินการวิจัย ช่วยให้สามารถจำลองการออกแบบการทดลอง ลดความยุ่งยากของกระบวนการ และยกระดับประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้”

Medidata เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน CTMS, การบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และการทดลองทางคลินิกแบบแยกจากศูนย์ (DCT) จาก Everest Group สำหรับ Rave EDC ของ Medidata, แพลตฟอร์ม Medidata และผลงานของทางบริษัทใน DCT

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata มุ่งพัฒนาการรักษาให้มีความอัจฉริยะยิ่งขึ้นและช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata ได้พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาแล้ว 25 ปีจากการทดลองกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย บริษัทนี้จึงมีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของวงการ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่ผ่าน ๆ มาในระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้าประมาณ 2,200 ราย เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งคิดค้นนวัตกรรมทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ Dassault Systèmes(Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี และได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.medidata.com และติดตามเราที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes ช่วยเร่งให้มนุษย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น เราให้บริการสภาพแวดล้อมเสมือนในการทำงานร่วมกับแก่ธุรกิจและผู้คนเพื่อคิดค้นนวัตกรรมที่ยั่งยืน เมื่อมีการสร้างประสบการณ์แบบ Virtual Twin ที่เหมือนกับโลกความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ของเรา ลูกค้าของเราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ ผลิต และจัดการวงจรการใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนได้ และช่วยให้โลกใบนี้ยั่งยืนยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดี ความสวยงามของเศรษฐกิจประสบการณ์ (Experience Economy) ก็คือเศรษฐกิจแบบนี้จะคำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน ทั้งนี้ Dassault Systèmes ได้สร้างคุณค่าให้กับลูกค้ากว่า 350,000 รายการในทุกขนาด ทุกวงการ และในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนสิทธิ์ทุกประการ 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS คือเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายของฝรั่งเศส และมีการจดทะเบียนกับ Versailles Trade และหน่วยงานทะเบียนบริษัทภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่นทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของรายนั้น ๆ การใช้เครื่องหมายการค้าใด ๆ ของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Everest Group

Everest Group เป็นบริษัทด้านการวิจัยชั้นนำของโลก ซึ่งช่วยให้ผู้นำทางธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ การประเมิน PEAK Matrix® ของ Everest Group มาพร้อมการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการระดับสากล ตำแหน่งที่ตั้ง รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันภายในส่วนตลาดต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันเหล่านี้เองก็เลือกใช้ PEAK Matrix® ในการวัดและเทียบผลิตภัณฑ์ของตนกับผู้อื่นในวงการหรือตลาด โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเนื้อหาเชิงลึกที่ www.everestgrp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ของ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งที่มา: Medidata

Medidata และ Bioforum เสริมสร้างความสัมพันธ์ยาวนานกว่าทศวรรษเพื่อพัฒนาข้อมูลทางคลินิกและโซลูชันไบโอเมตริกสำหรับการทดลองทางคลินิก

Logo

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นใช้ประโยชน์จาก Clinical Data Studio และไบโอเมตริกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบบริการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสำหรับลูกค้าของ Bioforum

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ประกาศข้อตกลงองค์กรฉบับใหม่กับ Bioforum ซึ่งเป็น CRO ด้านไบโอเมตริกที่ให้บริการแก่ผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิกทั่วโลก

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นจากการทำงานร่วมกันมากกว่าทศวรรษจะช่วยให้ลูกค้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพของ Bioforum เข้าถึงเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Medidata ได้กว้างขวางขึ้น ทำให้ประสบการณ์การพัฒนาทางคลินิกมีความคล่องตัวมากขึ้น นอกเหนือจากโซลูชัน Medidata เช่น Medidata Rave EDC และ Medidata Rave RTSM ซึ่ง Bioforum ได้ใช้ประโยชน์เพื่อจัดทำการศึกษาวิจัย 60 รายการในด้านการรักษาที่หลากหลาย CRO ยังเพิ่ม Medidata Clinical Data Studio และ Medidata eConsent เพื่อปรับปรุงการไหลของข้อมูล รักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล และให้เป็นไปตามข้อกำหนด

“ทีมผู้เชี่ยวชาญ บริการไบโอเมตริกชั้นนำของอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราส่งผลให้ Bioforum ช่วยให้ผู้สนับสนุนสามารถจัดการข้อมูลทางคลินิกได้อย่างราบรื่นในที่เดียว และมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัย ถูกต้อง และพร้อมสำหรับการวิเคราะห์” Amir Malka ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งร่วมของ Bioforum กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เสริมสร้างความร่วมมือกับ Medidata และร่วมกันมอบโซลูชันขั้นสูงที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าเพื่อเติบโตได้”

“ความร่วมมือที่ขยายขึ้นกับ Bioforum จะนำการจัดการการทดลองทางคลินิกที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่คล่องตัว ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหล่านั้นออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว “การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการเฝ้าระวังข้อมูลผู้ป่วยและ RBQM จะช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับ Bioforum และมอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลคุณภาพสูงที่ราบรื่นให้กับลูกค้าของพวกเขาได้”

Bioforum จะสนับสนุนงาน NEXT New York ของ Medidata ที่กำลังจะจัดขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมการทดลองทางคลินิกชั้นนำที่บริษัทจัดขึ้น โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 ถึง 14 พฤศจิกายน ณ นครนิวยอร์ก

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,200 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ทำงานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คนเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่เป็นคู่ขนานกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ของเราจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถกำหนดนิยามใหม่ให้กับกระบวนการสร้างสรรค์ การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอของลูกค้าได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลอย่างมากในการทำให้โลกยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ความงามของเศรษฐกิจประสบการณ์คือเศรษฐกิจที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นหลักเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง Dassault Systèmes มอบคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทุกขนาดในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอนเข็มทิศ, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักงานทะเบียนการค้าและบริษัทแวร์ซายส์ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน

เกี่ยวกับ Bioforum the Data Masters

Bioforum the Data Masters เป็นองค์กรวิจัยทางคลินิกชั้นนำระดับโลก (CRO) ที่เชี่ยวชาญด้านบริการและโซลูชันด้านไบโอเมตริกสำหรับอุตสาหกรรมยา เทคโนโลยีชีวภาพ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีสุดล้ำช่วยให้ Bioforum ให้บริการต่างๆ มากมาย รวมถึงการจัดการข้อมูล ชีวสถิติ การเขียนโปรแกรมเชิงสถิติ และการเขียนทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ นำยาและการรักษาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราและบริการของเรา โปรดไปที่ www.bioforumgroup.com หรือค้นหาเราบน LinkedIn ได้ที่ https://il.linkedin.com/company/bioforum-ltd

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ร่วมมือกับ Oxford Nanopore เพื่อพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับพันธุศาสตร์ของประชากรหลายเชื้อชาติของสิงคโปร์

Logo

โครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์จะจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนม เพื่อปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมทางพันธุกรรมและความหลากหลายในประชากรเอเชียที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติของสิงคโปร์ผ่านเทคโนโลยีการหาลําดับขั้นสูงที่ใช้นาโนพอร์

อ็อกซ์ฟอร์ด อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–05 สิงหาคม 2024

Oxford Nanopore Technologies (Oxford Nanopore) ได้ประกาศโครงการสําคัญร่วมกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ ซึ่งนําโดย Precision Health Research, Singapore (PRECISE) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแคตตาล็อกโครงสร้างที่มีการปรับเปลี่ยนที่ครอบคลุม ซึ่งแสดงถึงสามกลุ่มชาติพันธุ์หลักในสิงคโปร์ ได้แก่ ชาวจีน ชาวมาเลย์ และชาวอินเดีย ความแตกต่างทางพันธุกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสําคัญในการช่วยนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยทางการแพทย์ เข้าใจความหลากหลายทางพันธุกรรมและโรคของมนุษย์ ความคิดริเริ่มนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Oxford Nanopore ในการพัฒนาการวิจัยทางพันธุกรรมและผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับประชากรที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักไม่ได้รับการเสนอในฐานข้อมูลจีโนม

ส่วนของโครงการ Oxford Nanopore จะมุ่งเน้นไปที่การจัดลําดับจีโนม 10,000 จีโนมที่เป็นตัวแทนของประชากรที่หลากหลายของสิงคโปร์ รวมถึงชุมชนมาเลย์ อินเดีย และจีนที่เข้าร่วมในกลุ่มประชากร PRECISE-SG100K โครงการนี้จะใช้เครื่องมือหาลําดับ PromethION 48 ที่มีเอาต์พุตสูงของ Oxford Nanopore เพื่อส่งมอบข้อมูลจีโนมที่มีรายละเอียดและครอบคลุมเพื่อพัฒนาการวิจัยและสนับสนุนการดูแลสุขภาพที่มีความแม่นยํา โครงการนี้เริ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2024 และจะดําเนินการนานถึง 12 เดือน

แพลตฟอร์มของ Oxford Nanopore นําเสนอความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นที่เหนือชั้นในการหาลําดับ DNA/RNA และสามารถระบุลักษณะชิ้นส่วน DNA/RNA ดั้งเดิมทั้งแบบสั้นและยาวพิเศษ รวมถึงการตรวจหาเมทิลเลชัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่สําคัญที่พบใน DNA โดยไม่จําเป็นต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมและด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ความสามารถนี้ ซึ่งไม่สามารถทําได้ด้วยการอ่านสั้นๆ หรือวิธีการแบบดั้งเดิม ถือเป็นสิ่งสําคัญสําหรับการระบุความแตกต่างทางพันธุกรรมที่หลากหลายได้อย่างแม่นยํา ซึ่งจําเป็นต่อการทําความเข้าใจโรคที่ซับซ้อนและปรับแต่งแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

Oxford Nanopore ได้ทําการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ขยายห้องปฏิบัติการในสิงคโปร์เพื่อรองรับกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในการฝึกอบรม การถ่ายทอดความรู้ และการเพิ่มทักษะของเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคในท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงการปรับใช้ซีเควนเซอร์ภายในศูนย์วิทยาศาสตร์สิงคโปร์และสถาบันเทคโนโลยีสิงคโปร์เพื่อใช้ในโปรแกรมการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ปริญญาตรี และการศึกษาผู้ใหญ่

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเข้าถึงศูนย์กระจายสินค้าในสิงคโปร์ผ่านการขยายความร่วมมือกับ UPS Healthcare ซึ่งส่งผลให้การส่งมอบโฟลว์เซลล์ไปยังสิงคโปร์และทั่วเอเชียแปซิฟิกได้เร็วขึ้น

Gordon Sannghera ซีอีโอของ Oxford Nanopore กล่าวว่า:

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับโครงการ National Precision Medicine (NPM) ของสิงคโปร์ เพื่อสร้างชุดข้อมูลจีโนมอ้างอิงที่กว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุดชุดหนึ่งของโลก ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความมุ่งมั่นของเราในการดูแลสุขภาพที่แม่นยําเท่านั้น แต่ยังวางตําแหน่งทางยุทธศาสตร์ให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสําคัญสําหรับจีโนมในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งส่งเสริมความก้าวหน้าที่สําคัญในการวิจัยทางการแพทย์และผลลัพธ์ด้านการดูแลสุขภาพ”

นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรอื่นๆ ในโครงการนี้ด้วย รวมถึง NovogeneAIT ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่งในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมในด้านจีโนมิกส์

Oxford Nanopore ได้ร่วมมือกับทีมวิทยาศาสตร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อมูลจีโนมที่สมบูรณ์สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยอุปกรณ์หาลําดับ Oxford Nanopore ซึ่งส่งผลให้เกิดชุดข้อมูล “เทโลเมียร์ถึงเทโลเมียร์” ที่ก้าวล้ำ และอยู่ในการเตรียมพร้อมสําหรับการเริ่มต้นโปรแกรมการหาลําดับที่ใหญ่ขึ้น

เกี่ยวกับ Oxford Nanopore Technologies

เป้าหมายของ Oxford Nanopore Technologies คือการมอบประโยชน์สูงสุดให้กับสังคมผ่านการเปิดใช้งานการวิเคราะห์ทุกสิ่งโดยทุกคนและทุกที่ บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจจับแบบนาโนพอร์รุ่นใหม่สําหรับการวิเคราะห์ DNA และ RNA แบบเรียลไทม์ประสิทธิภาพสูง เข้าถึงได้ และปรับขนาดได้ เทคโนโลยีนี้ถูกนํามาใช้ในกว่า 120 ประเทศเพื่อทําความเข้าใจชีววิทยาของมนุษย์และโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง พืช สัตว์ แบคทีเรีย ไวรัส และสภาพแวดล้อมทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ของ Oxford Nanopore Technologies มีไว้สําหรับการใช้งานด้านอณูชีววิทยาและไม่ได้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวินิจฉัย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://nanoporetech.com/

เกี่ยวกับ Precision Health Research, Singapore (PRECISE)

Precision Health Research, Singapore (PRECISE) เป็นหน่วยงานกลางที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานงานความพยายามทั้งหมดของสิงคโปร์ในการดําเนินการระยะที่ 2 ของโครงการ National Precision Medicine (NPM) สามระยะของสิงคโปร์

NPM ระยะที่ 2 มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพในสิงคโปร์ และปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วยผ่านข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับจีโนมเอเชียและโซลูชันการดูแลสุขภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ใน NPM ระยะที่ 2 PRECISE จะร่วมมือกับพันธมิตรด้านการวิจัยและทางคลินิกในสิงคโปร์ รวมถึง Agency for Science, Technology and Research (A*STAR), Lee Kong Chian School of Medicine, National Healthcare Group, National University Health System, National University of Singapore และ SingHealth Duke-NUS Academic Medical Centre เพื่อศึกษาโครงสร้างทางพันธุกรรมของชาวสิงคโปร์ที่มีสุขภาพดีจำนวน 100,000 คนและกลุ่มผู้ป่วยเฉพาะกลุ่ม ข้อมูลทางพันธุกรรมจะถูกบูรณาการเข้ากับข้อมูลวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และข้อมูลทางคลินิกโดยละเอียด เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อโรคและสภาวะต่างๆ ของชาวเอเชีย

นอกจากนี้ NPM ระยะที่ 2 จะช่วยเพิ่มความกว้างและความลึกของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Precision Medicine โดยการดึงดูดและยึดบริษัทต่างชาติในสิงคโปร์ไว้ ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสใหม่ๆ  ให้กับบริษัทในประเทศ เพื่อยกระดับและเร่งรัดภาคส่วนการแพทย์ที่แม่นยํา PRECISE ทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ A*STAR สํานักงานความร่วมมืออุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ และคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการเติบโตในระยะต่อไปสําหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีชีวการแพทย์ของสิงคโปร์

PRECISE เป็นโครงการของ Consortium for Clinical Research and Innovation ประเทศสิงคโปร์ (CRIS) โดย PRECISE ได้รับการสนับสนุนจาก National Research Foundation ประเทศสิงคโปร์ (NRF) ภายใต้ RIE2020 White Space (MOH-000588 และ MOH-001264) และบริหารงานโดยกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ผ่าน National Medical Research Council (NMRC), MOH Holdings Pte Ltd

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.npm.sg

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

media@nanoporetech.com

ที่มา: Oxford Nanopore Technologies

Medisca เปิดศูนย์บรรจุหีบห่อยาแห่งใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายทั่วโลก

Logo

PLATTSBURGH, N.Y.–(BUSINESS WIRE)–27 มิถุนายน 2024

Medisca ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย จัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 20 เดือนมิถุนายน ปี 2024 สำหรับศูนย์บรรจุหีบห่อและกระจายสินค้าแห่งใหม่ใน Plattsburgh รัฐ New York งานนี้เป็นการเฉลิมฉลองสำหรับทีมงานอันทรงคุณค่าที่ Plattsburgh ของ Medisca รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐและรัฐบาลกลาง ประกอบด้วย สมาชิกสภาหญิง Elise Stefanik วุฒิสภา Dan Stec และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Billy Jones

Left to right: Mitchell Rubin, Medisca CFO | Assemblyman Billy Jones | Stephane Nizri, Medisca Head of Engineering | Sanjay Goorachurn, Medisca CEO | Antonio Dos Santos, Medisca Founder and Chairman | Maria Zaccardo, Medisca Co-Founder and Vice-Chair | Congresswoman Elise Stefanik | Panagiota Danopoulos, Medisca SVP Global Strategy and Innovation | Senator Dan Stec | Larry Harney, Medisca Operations Manager (Photo: Business Wire)

ซ้ายไปขวา: Mitchell Rubin, Medisca CFO | สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Billy Jones | Stephane Nizri, หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของ Medisca | Sanjay Goorachurn, Medisca CEO | Antonio Dos Santos, ผู้ก่อตั้งและประธานของ Medisca | Maria Zaccardo, ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานของ Medisca | สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Elise Stefanik | Panagiota Danopoulos, รองประธานผู้อาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกของ Medisca | วุฒิสมาชิก Dan Stec | Larry Harney, ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ Medisca (ภาพถ่าย: Business Wire)

“งานนี้ถือเป็นการเสร็จสมบูรณ์ของโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่ Medisca เคยทำมาในประวัติศาสตร์ 35 ปีของเรา” Antonio Dos Santos ผู้ก่อตั้งและประธานของ Medisca กล่าว “ศูนย์แห่งใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างขยันขันแข็งและการอุทิศตนของบุคลากรใน Medisca รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราเพื่อรองรับความต้องการด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

การลงทุนอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคทางภาคเหนือ

หลังจากการก่อตั้งและการลงทุนในภูมิภาคทางภาคเหนือมาเป็นเวลา 32 ปี การเปิดศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca ใน Plattsburgh เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของพนักงานในภูมิภาคนี้

“ศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca เป็นข้อพิสูจน์ถึงกลุ่มบุคลากรในท้องถิ่นที่มีทักษะความสามารถ โดยมีการจัดหางานในท้องถิ่นที่มีค่าตอบแทนดีจำนวน 65 ตำแหน่ง พร้อมแผนการขยายเพิ่มเติม” สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร Elise Stefanik กล่าว “การลงทุนครั้งสำคัญใน Plattsburgh นี้ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในภูมิภาคของเรา ผมมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุน Medisca และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่มีการลงทุนในชุมชนของเรา และขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจสำหรับครอบครัวของกลุ่มบุคลากรที่ทำงานหนักในทางตอนเหนือและภูมิภาคทางภาคเหนือ”

กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อรองรับความต้องการด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่เพิ่มขึ้น

การผสานรวมการดำเนินงานที่มีอยู่ให้เป็นศูนย์แห่งเดียว พร้อมเครื่องจักรนวัตกรรมใหม่และขั้นตอนการทำงานแบบอัตโนมัติ ศูย์แห่งใหม่นี้จะช่วยเสริมขีดความสามารถของบริษัทได้เป็นอย่างมาก เพื่อรองรับการบริการกลุ่มการดูแลสุขภาพที่หลากหลาย

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์แห่งใหม่นี้จะช่วยให้ Medisca สามารถขยายขีดความสามารถในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสำหรับเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อให้พวกเขาสามารถจัดเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและยาที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเช่นคุณและผม ไม่เพียงเฉพาะที่นี่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่สำหรับทั่วโลก” Sanjay Goorachurn, Medisca CEO กล่าว

การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่สามารถปรับขนาดได้ การเสริมคุณภาพสำหรับระบบที่จัดตั้งขึ้น และการให้ความสำคัญต่อสุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับบุคลากรของ Medisca เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจในทุกครั้งระหว่างการออกแบบและการสร้างศูนย์แห่งใหม่นี้ ข้อพิจารณาหลักที่สำคัญ ได้แก่ การเปิดตัวห้องการผลิตที่ได้รับมาตรฐาน ISO โดยมีการปรับแต่งตามความต้องการ และการใช้ประโยชน์จากระบบการจัดการคลังสินค้าแบบปรับแต่งเองเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

“เมื่อรวมทุกส่วนเข้าด้วยกัน ศูนย์แห่งใหม่นี้จึงเป็นตัวอย่างที่ล้ำสมัยซึ่งใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม ตลอดจนมาตรการด้านคุณภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ บุคลากร และสิ่งแวดล้อมของเรา” Dos Santos กล่าว

ศูนย์แห่งใหม่ของ Medisca ที่ Plattsburgh นี้ผ่านการตรวจสอบของรัฐ New York และการตรวจสอบเอกสารและระบบโดยบุคคลที่สามเป็นที่สำเร็จ และยังผ่านการตรวจสอบจากผู้ให้สิทธิอนุญาตเพิ่มเติมและการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการแก่ตลาดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก หากต้องการดูรายละเอียดเกี่ยวกับศูนย์แห่งใหม่นี้ โปรดคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 และเป็นผู้นำระดับโลกในด้านยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและโซลูชันห่วงโซ่อุปทานด้านยา โดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 2,000 รายการ พร้อมเสริมด้วยคลังสูตรยาทั้งที่เป็นกรรมสิทธิ์และมีการปรับแต่งเองกว่า 10,000 รายการ บวกกับความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และการบริการด้านการผสมยา การให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การทดสอบเชิงวิเคราะห์ และอื่นๆ อีกมากมาย Medisca นำเสนอโซลูชันที่มีการปรับแต่งอย่างประณีตเพื่อรองรับภาคส่วนด้านสุขภาพความเป็นอยู่ที่หลากหลายทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medisca.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn, Facebook และ YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Medisca Communications
communications@medisca.com
1-800-665-6334

แหล่งข้อมูล: Medisca

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54087780/en

การวิจัยวัคซีนที่ใช้ LC-Plasma ได้รับเลือกสำหรับโครงการ SCARDA

Logo

– มุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ –

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–08 พฤษภาคม 2024

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings)(TOKYO:2503) และ National Institute of Infectious Diseases (NIID) ร่วมมือกันดำเนินการศึกษาเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพในการป้องกันของพลาสม่าสายพันธุ์ L. lactis [โพสต์ไบโอติก] (LC-Plasma) สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ เราขอประกาศว่า ข้อเสนอสำหรับการร่วมมือในการวิจัยของเราได้รับการยอมรับให้เป็นโครงการสำหรับการวิจัยและการพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาวัคซีนโดยศูนย์ยุทธศาสตร์การวิจัยและการพัฒนาวัคซีนขั้นสูงทางชีวการแพทย์เพื่อการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Strategic Center of Biomedical Advanced Vaccine Research and Development for Preparedness and Response – SCARDA) ในหน่วยงานของญี่ปุ่น สำหรับการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ (Medical Research and Development – AMED)

ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการวิจัย

หัวข้อ: การพัฒนาวัคซีนโดยใช้พลาสม่าสายพันธุ์ Lactococcus ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นความจำโดยธรรมชาติ

ตัวแทน: Tetsuro Matano รองอธิบดี NIID

ตัวแทน: Daisuke Fujiwara เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ผู้จัดการทั่วไป สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ Kirin Holdings

หัวข้อเฉพาะ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาวัคซีนโดยใช้ LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ

ภูมิหลัง
SCARDA ก่อตั้งขึ้นที่ AMED เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022 ตามยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพื่อเสริมเงินทุนการวิจัยเชิงกลยุทธ์และเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์การวิจัยและการพัฒนาระดับโลก (https://www.amed.go.jp/en/program/list/21/index.html) SCARDA สนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาสำหรับวัคซีนรุ่นใหม่ มีความคาดหวังว่า วัคซีนแบบดั้งเดิมจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันแบบปรับสภาพ รวมถึงการตอบสนองของแอนติบอดีและทีเซลล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย เมื่อไม่นานมานี้ มีการพูดคุยกันถึงแนวคิดการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผ่านการฝึก และมีการทดลองพัฒนาวัคซีนที่มีการกระตุ้นการตอบสนองโดยธรรมชาติต่อโรคติดเชื้อให้มีประสิทธิผล ซึ่งยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

LC-Plasma มีคุณลักษณะที่โดดเด่นในความสามารถกระตุ้นเซลล์พลาสมาซีตอยด์เดนไดรติก (plasmacytoid dendritic cells – pDCs) และกระตุ้นการผลิตอินเตอร์เฟอรอน ซึ่งนำไปสู่การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น จากการวิจัยร่วมกันกับ NIID ทาง Kirin Holdings มีการยืนยันว่า สามารถยับยั้งตัวจำลองแบบ SARS-CoV-2 ได้โดย pDC ส่วนลอยเหนือตะกอนจากการเพาะเลี้ยง ที่ได้รับการกระตุ้นด้วย LC-Plasma (Ishii et al, BBRC 662:26, 2023)

ในขณะนี้ Kirin Holdings และ NIID มีการดำเนินการวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาวัคซีนที่กระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติต่อการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ โดยใช้ LC-Plasma สำหรับวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ โครงการนี้มีขึ้นเพื่อสำรวจศักยภาพของการฉีดวัคซีน LC-Plasma ในโพรงจมูกเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ รวมถึง SARS-CoV-2 และไวรัสไข้หวัดใหญ่

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทต่างชาติที่มีการดำเนินงานในภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ภาคส่วนเภสัชกรรม (ธุรกิจยา) และภาพส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีรากฐานมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทมีการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจยาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซึ่งยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 มีการก่อตั้ง Kirin Holdings ขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันมุ่งเน้นการขยายภาคส่วนวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้ วิสัยทัศน์ของ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* โดยสร้างมูลค่าทั่วโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่ม จนถึงด้านเภสัชกรรม นับจากนี้เป็นต้นไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถเติบอย่างยั่งยืนในองค์กร

* สร้างเสริมคุณค่าร่วมกัน ผสานรวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53976235/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

National Institute of Infectious Diseases Contact
1-23-1 Toyama, Shinjuku-ku, Tokyo
+81-3-5285-1111
info@nih.go.jp

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

การเดินทางบทใหม่ของ Medisca: Sanjay D. Goorachurn ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

Logo

มอนทรีออล –(BUSINESS WIRE)–17 เมษายน 2024

Medisca บริษัทระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านเภสัชภัณฑ์ส่วนบุคคลยินดีที่ได้ประกาศการแต่งตั้ง Sanjay D. Goorachurn เป็น CEO คนใหม่ของบริษัท ในฐานะผู้ก่อตั้ง Tony Dos Santos และ Maria Zaccardo ได้เปลี่ยนบทบาทของตนไปเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ในตำแหน่งประธานและรองประธานตามลำดับ ประจวบกับวันครบรอบ 35 ปีของบริษัท ทำให้การตัดสินใจครั้งนี้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Medisca

Left to right: Tony Dos Santos, Founder | Maria Zaccardo, Co-founder | Sanjay D. Goorachurn, CEO (Photo: Business Wire)

ซ้ายไปขวา: ผู้ก่อตั้ง Tony Dos Santos | ผู้ก่อตั้งร่วม Maria Zaccardo | ซีอีโอ Sanjay D. Goorachurn (รูปภาพ: Business Wire)

ในปี 1989 Medisca ได้เปิดประตูสู่โลกในฐานะทีมสามคนที่มีผลิตภัณฑ์เพียงสองอย่าง พร้อมกับวิสัยทัศน์ที่จะอุดช่องโหว่ในการดูแลผู้ป่วย และในทุกวันนี้ Medisca ก็ได้กลายเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเภสัชภัณฑ์ส่วนบุคคลที่มีสถานประกอบการมากกว่า 10 แห่งที่กระจายอยู่ใน 5 ประเทศ และมีบุคลากรกว่า 450 คน Medisca มีสินค้าที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์มากกว่า 2,000 รายการที่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการดูแลสุขภาพได้อย่างหลากหลาย

“ด้วยประสบการณ์กว่า 35 ปี Medisca ผ่านการพัฒนามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยการยึดมั่นในบุคลากรและวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย” Dos Santos กล่าว “เมื่อมีประสบการณ์และทักษะอันเป็นเอกลักษณ์ของ Sanjay มาสมทบ เราจึงมั่นใจได้ว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบทใหม่สำหรับ Medisca”

ในฐานะนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ผ่านประสบการณ์มากว่า 30 ปี ทำให้ Goorachurn ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในนักวางกลยุทธ์ IP ชั้นนำของโลก ซึ่งได้ทำงานร่วมกับผู้บริหารระดับอาวุโสของบริษัทของรัฐและเอกชนหลายแห่งอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ให้กับนวัตกรรมและสินทรัพย์ IP ของบริษัทจนถึงขีดสุด ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของ Goorachurn และประสบการณ์การทำงานในการขยายการเติบโตสำหรับบริษัทที่มีความซับซ้อนในระดับโลกทำให้ Dos Santos และ Zaccardo ต้องดึงตัวเขากลับมาในปี 2016 เมื่อเขาเข้าร่วมกับทีม Medisca ในฐานะที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์

“ความเป็นมาของ Sanjay กับ Medisca เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งเขาเป็น CEO คนใหม่ของเรา” Dos Santos กล่าว “ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา Sanjay ได้สร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับบุคลากรที่ Medisca หลายคนและแนะนำเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในบางครั้ง รวมถึงการพัฒนาและการปกป้องนวัตกรรมสำคัญของเรา ดังนั้น CEO คนใหม่ของบริษัทจึงไม่ได้เป็นเพียงบุคคลที่สามารถผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า แต่ยังต้องมีค่านิยมพื้นฐานเดียวกันที่กำหนดตัวตนของเราอีกด้วย”

“เป้าหมายของผมคือการอนุรักษ์มรดกสืบทอดการเป็นผู้ประกอบการของ Tony และ Maria รวมถึงนำวิสัยทัศน์ของบริษัทไปเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาสุขภาพสำหรับทุกคน” Goorachurn กล่าว “ผมจะมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรที่ Medisca สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นสัดส่วนมากขึ้นสำหรับการเติบโตเชิงกลยุทธ์ สร้างความร่วมมือที่สำคัญ และใช้ประโยชน์จากความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมที่ทำให้ Medisca โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปถึงการขยายตัวตนของเราในระดับโลก”

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca เป็นผู้นำระดับโลกด้านเภสัชภัณฑ์ส่วนบุคคลและโซลูชันห่วงโซ่อุปทานเภสัชภัณฑ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยมีผลิตภัณฑ์มากมายกว่า 2,000 รายการจากคลังสูตรยาที่คิดค้นขึ้นเองและเป็นกรรมสิทธิ์อีกกว่า 10,000 สูตร ประกอบกับความเชี่ยวชาญและการให้บริการการประกอบตัวยา การให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การทดสอบเชิงวิเคราะห์ และอื่น ๆ อีกมากมาย การให้บริการโซลูชันที่เป็นเลิศในภาพส่วนด้านสุขภาพที่มีความหลากหลายทั่วโลก ทำให้ Medisca สามารถอุดช่องโหว่ในการดูแลสุขภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาสุขภาพสำหรับทุกคนได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medisca.com และติดตามเราบน LinkedInFacebook, และ YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53933380/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medisca Communications
communications@medisca.com
1-800-665-6334

ที่มา: Medisca

Mitsubishi Corporation Life Sciences ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่เกี่ยวกับผลของการกินซิสเทอีนเปปไทด์ที่มีกลูตาไธโอนต่อความกระจ่างใสของผิว

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–12 มีนาคม 2024

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited (สำนักงานใหญ่: เขตชิโยดะ โตเกียว ญี่ปุ่น คิชิโมโตะ โคจิ กรรมการตัวแทนและประธาน) ได้ทำการศึกษาทางคลินิก เรื่องความกระจ่างใสของผิวในซิสเทอีนเปปไทด์และตีพิมพ์ใน Cosmetics 2023, 10, 72 ในการศึกษานี้ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ไลฟ์ ไซเอนซ์ ให้คำจำกัดความของกลูตาไธโอน (GSH), ซิสเทนิลไกลซีน (Cys-Gly) และกลูตามิลซิสเทอีน (-Glu-Cys) เป็นเปปไทด์ซิสเทอีน และทำการศึกษาแบบสุ่ม ปกปิดทั้งสองด้านด้วยยาหลอกเพื่อตรวจสอบผลกระทบของซิสเทอีนเปปไทด์ที่รับประทานทางปากในความกระจ่างใสของผิวมนุษย์

การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่รับประทานซีสเตอีนเปปไทด์ขนาด 45 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าแขนขาวขึ้นโดยขึ้นอยู่กับเวลา และสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกในสัปดาห์ที่ 12

รายละเอียดการวิจัย

การศึกษานี้ได้รับการออกแบบให้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบแบบสุ่ม ปกปิดสองด้าน ควบคุมด้วยยาหลอก กลุ่มคู่ขนานกับชายและหญิงที่มีสุขภาพดี อายุระหว่าง 20 ถึง 65 ปี ผู้เข้าร่วมที่มีสิทธิ์ได้รับการสุ่มแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม (ซิสเทอีนเปปไทด์ 45 มก.: n = 16, 90 มก.: n = 15 และยาหลอก: n = 16) ผู้เข้ารับการทดลองแต่ละคนรับประทานยาหกเม็ดทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และวัดความสว่างของผิวหนัง (ค่า L) โดยใช้เครื่องสเปกโตรโฟโตมิเตอร์แบบพกพา CM-26d (Konica Minolta โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น) ที่การตรวจคัดกรอง 0 สัปดาห์ 4 สัปดาห์ 8 สัปดาห์ และ 12 สัปดาห์

ผลลัพธ์

ทุกกลุ่มแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความกระจ่างใสของแขนที่ 12 สัปดาห์ เทียบกับ 0 สัปดาห์ นอกจากนี้ ค่า ΔL ยังสว่างกว่าอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่ม 45 มก. เมื่อเทียบกับยาหลอก (p = 0.028) ที่ 12 สัปดาห์ ค่า ΔL 90 มก. สูงกว่ากลุ่มยาหลอกที่ 12 สัปดาห์

Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited มีบริษัทในเครือของ KOHJIN Life Sciences ซึ่งเป็นผู้ผลิตกลูตาไธโอนที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น KOHJIN Life Sciences มีประวัติการผลิตยาวนานกว่า 70 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าใหม่โดยการรวมเทคโนโลยีการหมักขั้นสูงของบริษัทต่าง ๆ ของ Mitsubishi Corporation Life Sciences Group และผ่านการวิจัยและพัฒนาในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53905938/en

ติดต่อ

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวนี้ โปรดติดต่อ:
kentaro.hamasaki@mcls-ltd.com
Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited
Tokyo Takarazuka Bldg 14F,
1-1-3 Yurakucho, Chiyoda-ku,
Tokyo 100-0006 Japan

ที่มา: Mitsubishi Corporation Life Sciences Limited

Timeline เป็นเทคโนโลยีชีวภาพที่มีอายุยืนยาวของสวิส ได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่สําคัญ จากผู้นําอุตสาหกรรมระดับโลกเชิงกลยุทธ์ รวมถึง L’Oréal และ Nestlé

Logo

โลซาน, สวิตเซอร์แลนด์–(BUSINESS WIRE)–17 มกราคม 2024

Timeline เป็นบริษัท เทคโนโลยีชีวภาพด้านสุขภาพของผู้บริโภคในระดับแนวหน้า ในการพัฒนาโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว ได้ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทสามารถระดมทุนได้ 56 ล้านฟรังก์สวิส(66 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการระดมทุน Series D ที่มีสมาชิกมากเกินไป นับเป็นก้าวสําคัญสําหรับบริษัท และรวมถึงการลงทุนเชิงกลยุทธ์จากสองผู้นําอุตสาหกรรมระดับโลก ได้แก่ L’Oréal และ Nestlé

Timeline Longevity Products (Photo: Timeline)

ผลิคภัณฑ์ที่มีอายุยืนยาวของ Timeline (ภาพ: Timeline)

การระดมทุนรอบนี้นําโดย BOLD (Business Opportunities for L'Oréal Development) ซึ่งเป็นกองทุนร่วมลงทุนด้านนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ของ L'Oréal Groupe ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทอย่าง Mitopure® เพื่อช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีและยืนยาวขึ้น Mitopure® ได้รับการสนับสนุนในการวิจัยกว่า 15 ปี และได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่า สามารถกําหนดเป้าหมายเส้นทางอายุยืนของเซลล์ที่สําคัญ โดยการรีไซเคิลและฟื้นฟูโรงไฟฟ้าของเซลล์ไมโตคอนเดรีย การทํางานของไมโตคอนเดรียอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับการรักษาพลังงานของเซลล์ ซึ่งสนับสนุนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การรับรู้ ความยืดหยุ่นของภูมิคุ้มกัน พลังผิว และประโยชน์ที่สําคัญอื่น ๆ โดยนำเสนอแนวทางที่ครอบคลุมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดี

การสนับสนุนจากผู้นําในอุตสาหกรรมเหล่านี้ และเงินทุนที่ระดมทุนได้จะถูกนํามาใช้ เพื่อสร้าง Timeline ให้เป็นแบรนด์สุขภาพผู้บริโภคที่มีอายุยืนยาวชั้นนํา โดยการขยายด้านวิทยาศาสตร์ หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ และตลาดในภาคอาหาร ความงาม และสุขภาพ

“ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางหลายมิติที่ก้าวหน้า ซึ่งเราเชื่อมาโดยตลอดว่า จําเป็นต่อความก้าวหน้าที่มีความหมายสําหรับการมีอายุยืนยาวและสุขภาพที่ดี” Patrick Aebischer ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ Timeline กล่าว “ผมอยากจะขอบคุณ L’Oréal  Nestlé และนักลงทุนที่มีมายาวนานของเรา สําหรับความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาการมีอายุยืนที่มีรากฐานมาจากวิทยาศาสตร์ระดับสูงสุด”

“การมีอายุยืนยาวเป็นเรื่องของการมีสุขภาพที่ดีให้ยืนยาวขึ้น และ L’Oréal ได้ทํางานมาเป็นเวลาสิบปี เพื่อทําความเข้าใจและคาดการณ์ว่า สิ่งนี้อาจมีความหมายต่อความงามอย่างไร” Barbara Lavernos รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ดูแลฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี ของ L’Oréal กล่าว “การมีอายุยืนยาวเป็นคําจํากัดความใหม่ของความงาม โดยเป็นการผสมผสานระหว่างสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การถอดรหัสเครื่องหมายทางชีวภาพ ไปจนถึงการวิเคราะห์การสัมผัสภายนอก การลงทุนของเราใน Timeline เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสําหรับศักยภาพในการเปลี่ยนลักษณะสําคัญของการมีอายุยืนยาวมาสู่สุขภาพผิวและความงาม”

“เราเป็นผู้ลงทุนใน Timeline มาตั้งแต่ปี 2019 และยังคงประทับใจทีมงานเป็นอย่างมาก และยืนหยัดอยู่เบื้องหลังศักยภาพที่เทคโนโลยี Mitopure ยึดมั่นในโภชนาการเพื่อช่วยให้ผู้คนมีอายุยืนและสุขภาพดีขึ้น” Anna Mohl ซีอีโอของ Nestlé Health Science กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ L’Oréal เข้าร่วมในฐานะนักลงทุนและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เพื่อนําเทคโนโลยีนี้ไปสู่จุดสูงสุดใหม่และขยายการใช้งาน”

เกี่ยวกับ Timeline

Timeline (บริษัทแม่ Amazentis) เป็นบริษัทผู้บุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพของสวิส ซึ่งมุ่งมั่นที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมการมีอายุยืนยาวด้วยส่วนผสม Mitopure® ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้ว Timeline นําเสนอแนวทางที่ครอบคลุมเพื่อสุขภาพของเซลล์ โดยผสมผสานคุณประโยชน์ของ Mitopure ไว้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรุ่นต่อไป และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผิวเฉพาะที่ ด้วยความเชี่ยวชาญกว่าทศวรรษในการวิจัยวิทยาศาสตร์การสูงวัย Timeline มุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดด้านสุขภาพของมนุษย์ โดยมีส่วนช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีขึ้น บริษัทได้รับการสนับสนุนในการวิจัยกว่า 15 ปี โดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง การศึกษาทางคลินิกหลายครั้ง สิทธิบัตรมากกว่า 50 รายการ และ Nestlé Health Science เป็นนักลงทุนตั้งแต่ปี 2019 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ www.timelinenutrition.com

ติดต่อ

โปรดติอต่อ:

Chris Rinsch ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง Timeline

Federico Luna ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Timeline
press@timelinenutrition.com

ที่มา: Timeline

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53883838/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Xenco Medical เปิดตัว TrabeculeX Continuum ซึ่งเป็นการผสานรวมอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ ในงาน CES 2024 ที่ลาสเวกัส ซึ่งเป็นการประชุมเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Logo

SAN DIEGO–(BUSINESS WIRE)–16 มกราคม 2024

วันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิกได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุชีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ ที่ผ่านการรับรองจาก FDA เพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับศัลยแพทย์ในการปลูกถ่าย TrabeculeX Bioactive Matrix ที่ผ่านการรับรองจาก FDA ของ Xenco Medical เพื่อลงทะเบียนผู้ป่วยใน TrabeculeX Recovery App และสามารถใช้ในการตรวจสอบเพื่อการรักษาจากระยะไกล ตลอดจนวิดีโอและการส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส TrabeculeX Continuum เป็นการผสานรวมเวชศาสตร์ฟื้นฟูและสุขภาพดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

On January 11th, trailblazing medical technology company Xenco Medical unveiled its convergent technology bridging Digital Health and Biomaterials by showcasing its TrabeculeX Continuum™ at the 2024 Consumer Electronics Show in Las Vegas, Nevada. Comprising the TrabeculeX Bioactive Matrix™ and the TrabeculeX Recovery App™, the TrabeculeX Continuum is the first technology-enabled bridge between orthobiologics and digital health, unifying a patient’s biomaterial implantation and postoperative journey. (Graphic: Business Wire)

เมื่อวันที่ 11 เดือนมกราคม Xenco Medical บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์บุกเบิก ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่ผสานรวมระหว่างสุขภาพดิจิทัลและวัสดุขีวภาพ โดยมีการจัดแสดง TrabeculeX Continuum™ ในงาน 2024 Consumer Electronics Show ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา TrabeculeX Continuum เป็นสะพานเทคโนโลยีเชื่อมระหว่างออร์โธไบโอโลจิกส์และสุขภาพดิจิทัลแห่งแรก โดยเป็นการผสมผสานการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพและการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ประกอบด้วย TrabeculeX Bioactive Matrix™ และ TrabeculeX Recovery App™ (กราฟิก: Business Wire)

โดยมีการออกแบบมาเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการขึ้นรูปแบบไฮดรอกซีคาร์บอเนตอะพาไทต์ใน TrabeculeX Bioactive Matrix วัสดุชีวภาพที่สร้างขึ้นใหม่ใน TrabeculeX Continuum ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีตโดย Xenco Medical เพื่อช่วยในการสร้างรูปกระดูกแบบสามมิติ โดยสถาปัตกรรมใหม่ของ TrabeculeX Bioactive Matrix เป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นผิวที่ซับซ้อน เริ่มต้นที่ขนาดต่ำกว่าไมครอน และขยายไปยังโครงสร้างเนื้อเยื่อทั้งหมด TrabeculeX Recovery App เป็นการผสานรวมวิธีการปลูกถ่ายวัสดุชีวภาพเข้ากับการฟื้นฟูกายภาพอย่างเต็มรูปแบบ โดยเอื้อให้ศัลยแพทย์ที่ใช้ TrabeculeX Bioactive Matrix ในผู้ป่วยสามารถสั่งจ่ายยาและติดตามแผนการฟื้นฟูกายภาพเฉพาะด้านจากระยะไกล พร้อมความสามารถในการวิดีโอ และส่งข้อความแบบอะซิงโครนัส

“ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ไม่เพียงทุ่มเทให้กับการดูแลระหว่างการผ่าตัดของผู้ป่วยเท่านั้น แต่เรายังมุ่งเน้นการฟื้นตัวในระยะยาวด้วยเช่นกัน เรามุ่งมั่นที่จะขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่เรามีอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่การผ่าตัดไปจนถึงการฟื้นฟูกายภาพ ด้วย TrabeculeX Continuum เราขอแนะนำเทคโนโลยีการผสานรวมที่สามารถบันทึกทุกขั้นตอนในการรักษาผู้ป่วย แทนที่จะเป็นเพียงเฉพาะการดูแล” Jason Haider ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xenco Medical กล่าว

ผู้บุกเบิกการประยุกต์ใช้งานวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุขั้นสูงและเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด รวมถึงการออกแบบการปลูกถ่าย นวัตกรรมวิทยาศาสตร์การผลิตวัสดุของ Xenco Medical รวมถึงระบบการผ่าตัดคอมโพสิตโพลีเมอร์และการปลูกถ่ายไขสันหลังแบบโฟมไทเทเนียมไบโอมิเมติกได้รับการรับรองจากสถานพยาบาลทั่วประเทศ Xenco Medical ได้รับการยอมรับและเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากที่สุดในโลกจาก Fast Company Magazine ในปี 2023

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53882026/en

ติดต่อ

Melissa Russell
858-202-1505
info@xencomedical.com

แหล่งข้อมูล: Xenco Medical