Category Archives: Lifestyle

รีสอทใหม่ New World Phu Quoc Resort จะเปิดให้บริการในปี 2564

Logo

ความร่วมมือระหว่าง New World Hotels & Resorts และ Sun Group จะเปิดตัวบ้านพักตากอากาศในจุดหมายปลายทางริมชายหาดชั้นนำของเวียดนาม

ฟู้โกว๊ก เวียดนาม–(บิสิเนสไวร์)–18 พ.ย. 2563

New World Hotels & Resorts ได้รับการแต่งตั้งจาก Sun Group ให้บริหาร New World Phu Quoc Resort (เดิมชื่อ Sun Premier Village Kem Beach Resort) บนเกาะฟู้โกว๊กทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยคาดว่าต้อนรับแขกรายแรกในปี 2564  ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสถานที่แห่งที่ 11 และรีสอร์ทแห่งที่สองที่จะเข้าร่วมพอร์ตโฟลิโอของ New World Hotels and Resorts ในทั่วเอเชีย  นอกจากนี้รีสอทแห่งที่สามในเวียดนามจะได้แก่ New World Saigon Hotel และ New World Hoiana Hotel ที่จะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201118005507/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

รีสอร์ตแบบวิลล่าทั้งหมดตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟู้โกว๊กบนพื้นที่เกือบ 60 เฮกตาร์บนริมชายหาด Kem Beach อันเลืองชื่อ ซึ่งเป็นแนวชายฝั่งรูปพระจันทร์เสี้ยวที่งดงามเป็นยาว 3.5 กม. ที่หันหน้าไปทางอ่าวไทย  โดยเป็นหมู่บ้านริมหาดสุดหรู รีสอร์ทแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับในการสำรวจความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของฟู้โกว๊ก ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีป่าไม้หนาแน่นแบ่งออกที่เป็นสองส่วนด้วยเทือกเขา “99 ยอด” และล้อมรอบด้วยชายหาดที่ดีที่สุดของโลก  เกาะมากกว่าครึ่งเป็นเขตสงวนชีวมณฑลขององค์การยูเนสโกและน้ำโดยรอบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล

ผู้เข้าพักสามารถเลือกวิลล่า 375 หลังในเจ็ดรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ขนาด 124 ตารางเมตรไปจนถึง Sun Beach Front Villa ขนาดใหญ่ 414 ตารางเมตร  วิลลาหลังคามุงจากทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว  วิลลาแต่ละหลังผสมผสานการออกแบบร่วมสมัยเข้ากับแนวคิดสถาปัตยกรรมเวียดนามที่ได้รับการยกย่องตามกาลเวลา  แต่ละหลังประกอบด้วยพื้นที่สามส่วนที่แยกจากกัน โดยได้รับอิทธิพจากลมทะเลและแสงแดดจากธรรมชาติ  ไม้ ไม้ไผ่ และหวายถูกรวมเข้ากับการตกแต่งภายในสไตล์เวียดนามที่หรูหราและมีสไตล์

ชายหาดส่วนตัว Kem Beach เป็นจุดดึงดูดสำหรับกีฬาทางน้ำ การพักผ่อนริมชายหาด และพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม  นอกจากนี้ ทางเดินที่คดเคี้ยวผ่านภูมิทัศน์สวนของรีสอร์ทนำผู้เข้าพักไปสู่ทางเลือกในการพักผ่อนหย่อนใจมากมาย รวมถึงสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ศูนย์ออกกำลังกาย และสตูดิโอสปาที่มี 16 ห้องทรีทเมนท์และโซนเด็กสำหรับนักพักผ่อนตัวน้อย

ร้านอาหารและบาร์ช่วยให้ผ่อนคลายในวันหยุดด้วยคาเฟ่ที่เปิดตลอดทั้งวัน ร้านอาหารพิเศษ บาร์ริมสระว่ายน้ำ และร้านอาหารริมชายหาดที่ให้บรรยากาศแบบเขตร้อนอันเขียวชอุ่มและทิวทัศน์ของเกาะ อาหารในภูมิภาค และอาหารนานาชาติ

“เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับความไว้วางใจของ Sun Group ที่มอบหมายให้เราการจัดการรีสอร์ทที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตแห่งนี้ในจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นแห่งนี้” Sonia Cheng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rosewood Hotel Group กล่าว “ที่แห่งนี้ทำให้เราสามารถแสดงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ของเราได้อย่างเต็มที่ ด้วยบริการเต็มใจท่ามกลางความสวยงามของฟู้ก๊วกและความอบอุ่นของผู้คน”

“ความร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในด้านการบริการไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มาเยือนเวียดนามเท่านั้น แต่ยังช่วยตอกย้ำจุดยืนของฟู้โกว๊กในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดระดับโลกด้วย” Dang Minh Truong ประธาน Sun Group กล่าว

บรรยากาศ สถานที่ และสไตล์  New World Phu Quoc Resort สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ทั้งหมดของเกาะเวียดนามที่เขียวชอุ่มที่จะครองใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก  นอกจากนี้ยังเป็นประตูสู่การสำรวจวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวเกาะที่น่าหลงใหลของฟู้โกว๊กที่รู้จักกันในนาม “เกาะไข่มุก” เช่นฟาร์มไข่มุก หมู่บ้านดั้งเดิม ตลาดที่คึกคัก เจดีย์ในพุทธศาสนา และไร่พริกไทยเป็นตัวอย่างสิ่งที่ชวนค้นพบที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึง nuoc cham น้ำปลาที่แพร่หลายในอาหารเวียดนามและอาหารทะเลที่ดีที่สุดในประเทศ

เกี่ยวกับ New World Hotels & Resorts

New World Hotels & Resorts เป็นธุรกิโรงแรมและรีสอร์ทที่เน้น MICE ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลักและเมืองรองในจีน ประตูหลักในเอเชีย และสถานที่พักผ่อนยอดนิยม  โรงแรม New World Hotels & Resorts ทั้งหมด 9 แห่งตั้งอยู่ในฮ่องกง ปักกิ่ง ต้าเหลียน กุ้ยหยาง อู่ฮั่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และโรงแรมในเครือในซุ่นเต๋อ  โรงแรมส่วนใหญ่มีห้องพักมากกว่า 350 ห้องพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ รวมถึงร้านอาหาร บริการธุรกิจ ห้องประชุมที่กว้างขวาง ชั้น Executive Club และตัวเลือกสันทนาการ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม newworldhotels.com

เกี่ยวกับ Rosewood Hotel Group

Rosewood Hotel Group หนึ่งในบริษัทโรงแรมชั้นนำของโลกประกอบด้วยสามแบรนด์ ได้แก่ Rosewood Hotels & Resorts® สุดหรูในอเมริกาเหนือ แคริบเบียน/แอตแลนติก ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย  โรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกแห่งใหม่ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ KHOS แบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ธุรกิจระดับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง  ผลงานที่รวมกันประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 40 แห่งใน 19 ประเทศ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม rosewoodhotelgroup.com

เกี่ยวกับ Sun Group

Sun Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 เป็นหนึ่งในกลุ่มเศรษฐกิจเอกชนชั้นนำในเวียดนามซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเวียดนาม  Sun Group เป็นเจ้าของแบรนด์ Sun World, Sun Hospitality และ Sun Property และเพิ่งได้รับรางวัล World Travel Awards 25 รางวัลสำหรับโครงการด้านการท่องเที่ยว ความบันเทิง และโครงสร้างพื้นฐาน  โครงการโรงแรมที่มีชื่อเสียงในฟู้ก๊วกได้ยกระดับจุดหมายปลายทางสู่ระดับโลกและมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นและสวัสดิภาพของชาวเกาะ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม sungroup.com.vn

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201118005507/en/

ติดต่อ:

Florence Chan
Rosewood Hotel Group
โทร: +852 2138 2262
อีเมล: florence.chan@rosewoodhotelgroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Zeavola Resort ได้ลงนามในปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของ UNESCO ในฐานะหนึ่งในโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 พ.ย. 2563

Wedge Holdings มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า  Zeavola Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูที่กลุ่มบริษัทของเราเป็นเจ้าของและตั้งอยู่บนเกาะพีพีประเทศไทย เป็นหนึ่งในโรงแรมแรก ๆ ที่ลงนามปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Pledge) กับองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( UNESCO)  โดยได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการและ มีข้อมูลปรากฎบนเว็บไซต์ของยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว

ปฏิญญาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นโครงการของ UNESCO ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ Expedia Group เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวทั่วโลกโดยเริ่มจากประเทศไทย ทั้งนี้ โรงแรมสมาชิกจะดำเนินงานในลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะลดการใช้พลาสติกและการมีโครงการริเริ่มด้านการท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายระหว่างประเทศที่กำหนดไว้ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) จากคำชี้แนะขององค์การสหประชาชาติ

Zeavola Resort เป็นผู้บุกเบิกด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศไทยมายาวนาน โดยสื่อได้เขียนบทความเกี่ยวกับ Zeavola Resort หลายบทความ และโรงแรมได้รับรางวัลด้านโรงแรมมากมายสำหรับแนวทางการจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

*บทความ: Zeavola Resort ได้รับรางวัลด้านโรงแรม 3 รางวัลติดต่อกันในหนึ่งเดือน (2562)

https://www.carrushome.com/en/zeavola-resort-in-thailand-wins-three-awards-in-a-month/

https://latteluxurynews.com/2019/11/12/zeavola-resort-scoops-suite-of-awards/

จากความพยายามดังกล่าวทำให้ Zeavola กลายเป็นหนึ่งในโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ หลังจากนั้นโรงแรมอีกหลายแห่งก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้และ Zeavola Resort ก็มีชื่อปรากฏบนเว็บไซต์ของ UNESCO ในฐานะโรงแรมสมาชิก

(https://unescosustainable.travel/en/zeavola-resort)

ขณะนี้ Zeavola Resort เปิดรับการจองผ่านเว็บไซต์ของตัวเองและผ่านเว็บไซต์จองโรงแรมหลัก ๆ ทั้งหมด และยังเสนอแพ็คเกจที่น่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายตลาดการท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่อไปนี้

เว็บไซต์ทางการของ Zeavola Resort: https://www.zeavola.com/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201115005020/en/

ติดต่อ:

Wedge Holdings Co., Ltd

ติดต่อ PIC: Yasuhiro Kotake

โทร: +81-3-6225-2207

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Graforce และ Berlin Hotel เปิดตัวเทคโนโลยีการปล่อยสาร CO2 ติดลบ

Logo

เบอร์ลิน–(บิสิเนสไวร์)–13 พ.ย. 2563

โรงแรม Mercure Hotel MOA Berlin จะกลายเป็นโรงแรมและสถานที่จัดงานแห่งแรกของโลกที่มีค่า CO2 ติดลบเวลาสร้างความร้อน  ด้วยเทคโนโลยีพลาสมาไลซิสของก๊าซมีเทนที่พัฒนาโดย Graforce ทาง MOA เบอร์ลินจะไม่เพียงแต่สร้างความร้อนโดยไม่ปล่อยมลพิษใดๆ แต่ยังสามารถดึง CO2 ออกจากชั้นบรรยากาศในขณะที่ให้ความร้อน  ดังนั้นเทคโนโลยี "MOA-H2eat" จึงเพิ่งได้รับรางวัล German Gas Industry Innovation Prize เนื่องจาก "แนวทางที่ปฏิวัติตลาดเครื่องทำความร้อนและมีส่วนช่วยในการลดคาร์บอนแบบในท้องถิ่น" คณะกรรมการตัดสินกล่าว

Graforce's "MOA-H2eat" solution will revolutionize the heating market (Graphic: Business Wire)

"MOA-H2eat" ของ Graforce จะปฏิวัติตลาดเครื่องทำความร้อน (กราฟฟิค: บิสิเนสไวร์)

MOA Berlin ไม่ได้สร้างความร้อนด้วยก๊าซธรรมชาติอีกต่อไป แต่สร้างจากไฮโดรเจนโดยใช้ก๊าซชีวภาพ  เทคโนโลยีพลาสมาไลซิสของมีเทนแยกก๊าซชีวภาพออกเป็นไฮโดรเจนและคาร์บอนที่เป็นของแข็ง  การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน กระบวนการพลาสมาไลซิสของก๊าซมีเทนนั้นเป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศเช่นเดียวกับกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส แต่ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าอย่างมาก

สำหรับกระบวนการทำความร้อนแบบปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ MOA Berlin ใช้หม้อไอน้ำกลั่นตัวดัดแปลงที่เติมเชื้อเพลิงจากส่วนผสมของไฮโดรเจนสีเขียวและก๊าซชีวภาพ  อัตราการผสมจะถูกควบคุมโดยพลาสมาไลเซอร์ของมีเทน  การผลิตความร้อนเริ่มต้นด้วยไฮโดรเจนปริมาตร 30% และก๊าซชีวภาพ 70%  ในเดือนต่อๆ ไปส่วนแบ่งของไฮโดรเจนจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

คาร์บอนที่เป็นของแข็ง สามารถใช้เป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม ใช้เป็นสีและเซรามิกส์ หรือในกรณีของ MOA Berlin ใช้ผลิตยางมะตอย  ดังนั้น CO2 จึงถูกก่อตัวอย่างถาวร  ด้วยเหตุนี้ Graforce นำเสนอเทคโนโลยีที่พร้อมใช้ในตลาดเป็นครั้งแรกสำหรับการลด COและเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับแทนการจัดเก็บ CCS

เครื่องทำความร้อนก๊าซที่ใช้ใน MOA Berlin ก่อนหน้านี้จะปล่อย CO2 ถึง 800 ตันต่อปี การจะดูดซับปริมาณนี้จากชั้นบรรยากาศจำเป็นต้องมีต้นไม้มากกว่า 65,000 ต้น

"ในการลดภาวะโลกร้อน กระบวนการสร้างความร้อนและน้ำร้อนจำเป็นต้องปราศจาก CO2  อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2593 โดยมีสองวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายนี้: เราจะให้ความร้อนด้วยไฟฟ้าหมุนเวียนเท่านั้นหรือเราจะแยกก๊าซธรรมชาติออกด้วยทางเลือกที่ปราศจากคาร์บอนเช่นไฮโดรเจน" ผู้ก่อตั้ง Graforce และ CTO Dr. Jens Hanke อธิบาย

เกี่ยวกับ

บริษัท Graforce ของเยอรมันได้พัฒนาเทคโนโลยีการใช้งานพลาสม่าใหม่สำหรับการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวและก๊าซที่มีค่าอื่นๆ ในอุตสาหกรรมในราคาไม่แพงจากวัสดุเหลือใช้ www.graforce.com/EN

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52324006/en

ติดต่อ:

Graforce GmbH
Dr. Jens Hanke
โทร: +49 30 – 63 2222-110
presse@graforce.de

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Florasis ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศจีน เปิดตัวบนหน้าจอขนาดใหญ่ MBK ในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2563

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การแต่งหน้าแบบจีนและแบรนด์เครื่องสำอางจีนเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย ในบรรดาแบรนด์เครื่องสำอางยอดนิยมของประเทศจีน แบรนด์ Florasis มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

เมื่อเร็ว ๆ นี้  ผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Florasis  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection" เปิดตัวบนจอขนาดใหญ่ MBK ในกรุงเทพฯ  หลังจากนี้  China Beauty ฮอตมาก  ผลิตภัณฑ์ชุดนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Florasis,  Jiaqi Li ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวแฟชั่นชื่อดังในประเทศจีนและช่างเครื่องเงินแม้วจีน แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของการแต่งหน้าแบบจีนและความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน

ผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับแวดวงความงามจะพบแน่นอน   ชุด  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ได้จุดประกายการพูดคุยกันบ่อยครั้งบนแพลตฟอร์มโซเชียลเช่น Instagram และ YouTube ตั้งแต่เดือนตุลาคม ชาวเน็ตหลายคนกล่าวว่า "ว้าว! ฉันอยากรู้ว่าจะซื้อได้ที่ไหน"  "ผลิตภัณฑ์ของ Florasis มีคุณภาพสูงเหมือนนำมาจากวังโดยตรง"  พวกเขาแสดงความรักต่อ Florasis โดยไม่ลังเล

แบรนด์เครื่องสำอาง Florasis ก่อตั้งขึ้นในปี 2560  ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีพันธกิจในการสืบทอดและส่งเสริมสุนทรียภาพแบบตะวันออก  ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน คาดว่ายอดขายทั้งปีในปี 2563 จะเกิน 500 ล้านดอลล่าร์ 

ตามที่เรารู้กันดีว่า  ผลิตภัณฑ์ ชุด "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ของ Florasis ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มชาวหนึ่งที่เป็นชนกลุ่มน้อย-ชาวแม้ว คนสัญชาติแม้วเป็นคนที่มีความสามารถในการทำเครื่องประดับเงินและงานปัก  เครื่องประดับเงินและงานปักต้องใช้หลายกระบวนการ  และสามารถทำได้ด้วยมือเท่านั้น  ด้วยการพัฒนาในยุคอุตสาหกรรม   ฝีมือเครื่องประดับเงินแม้วก็ยังประสบปัญหาเรื่องมรดก  ดังนั้น Florasis จึงทำเครื่องประดับเงินแม้วบนเครื่องสำอางด้วย เพื่อให้คนอื่น ๆ รู้ว่าประเทศจีนมีเครื่องประดับเงินชาติพันธุ์ที่สวยงามเช่นนี้ 

ดูที่ผลิตภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ของ Florasis เราสามารถพบได้อย่างง่ายว่า Florasis ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์แต่งหน้ามากมายที่มีลักษณะเฉพาะของประเทศจีน Florasis ได้ทำซ้ำงานฝีมือจีนโบราณจำนวนมาก   แสดงให้เห็นถึงสุนทรียภาพและระดับการผลิตของจีนด้วยเครื่องสำอาง  ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของ  Florasis แตกต่างกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยอดนิยมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก  ทำให้ผู้บริโภคในประเทศไทยสร้างความสดชื่นเกี่ยวกับเครื่องสำอางจีน

ชุด  "Chinese Miao Ethnic Minority Silver Limited Collection"  ของ Florasis ได้เปิดตัวบนหน้าจอขนาดใหญ่ MBK ที่กรุงเทพฯในครั้งนี้  แสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมประจำชาติจีน  ความงามของชาติก็คือความงามของโลก  ในความหลากหลายทางสุนทรียภาพในปัจจุบันนี้ ความสวยงามแห่งชาติสามารถกระตุ้นอารมณ์สะท้อนของผู้คนทั่วโลกได้มากขึ้น ทำให้บุคคลรู้สึกถึงเสน่ห์และอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive และ Jennifer Rade สไตลิสต์ของคนดัง Jennifer Rade ประกาศการประชุมสุดยอดด้านสไตล์และความงามแบบดิจิทัลสำหรับฤดูใบไม้ร่วง หรือ Digital Fall Style and Beauty Summit

Logo

การประชุมจะนำผู้นำในอุตสาหกรรมด้านสไตล์และความงามมารวมกัน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแฟชั่น ความงาม และสุขภาพ

ซีแอตเทิล และลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–6 พ.ย. 2563

Glamhive ประกาศการประชุมออนไลน์ครั้งที่สามที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน การประชุม Glamhive Digital Fall Style and Beauty Summit จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามระดับแนวหน้าตั้งแต่สไตลิสต์ของ Sarah Jessica Parker ไปจนถึงช่างทำผมของ Kim Kardashian โดย ผู้นำด้านนวัตกรรมจะพูดคุยทุกเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่น สุขภาพ ความงามและอีกหลากหลายประเด็น โดย Stephanie Sprangers และ Jennifer Rade จะเป็นพิธรกรจัดงานร่วมกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201106005072/en/

The Glamhive Digital Fall Style and Beauty Summit will bring together top fashion and beauty leaders (Graphic: Mary Kay Inc.)

The Glamhive Digital Fall Style and Beauty Summit จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

"ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด Glamhive LIVE Fall Style and Beauty กับ Stephanie เรารวบรวมเอาสไตลิสต์ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการที่น่าทึ่งที่สุดในโลกมาไว้ที่นี่ เพื่อแบ่งปันทุกสิ่งที่เราเรียนรู้ ตั้งแต่วิธีเริ่มต้นไปจนถึงกลเม็ดเคล็ดลับในการมีสไตล์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม "Jennifer Rade สไตลิสต์คนดังและนักออกแบบเครื่องแต่งกายกล่าว Jennifer เป็นหนึ่งในสไตลิสต์ที่มีงานเยอะที่สุดในปัจจุบัน ลูกค้าของเธอมีตั้งแต่ดารา A-List อย่าง Angelina Jolie, Abbie Cornish, Cher และ Jenna Fischer ไปจนถึงนักดนตรี Lady A, Pink, Marilyn Manson, Dave Matthews, Amy Winehouse, Motley Crue และ Tina Turner ผลงานของเธอได้รับการนำเสนอในสิ่งพิมพ์หลายฉบับเช่น W, Vanity Fair, Marie Claire, GQ, Esquire และ Harper's Bazaar

"วิสัยทัศน์ของ Glamhive คือการจัดแต่งทรงผมให้กับทุกคน ทุกที่ และงานดิจิทัลของเราเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมในปีนี้ ทำให้เราสามารถนำกิจกรรมของเราไปสู่ทุกคนได้ทุกที่เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นและความงามหรือที่ทำงานในอุตสาหกรรมสามารถเรียนรู้จากผู้ที่มีความสามารถเยี่ยมยอดที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ได้ "Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive กล่าว โดย Sprangers เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Glamhive ซึ่งเป็นบริการจัดแต่งทรงผมส่วนตัวออนไลน์ที่นำเสนอสไตลิสต์ส่วนตัวและช่างแต่งหน้าผู้เชี่ยวชาญจากการคัดเลือกโดยตรงจากฮอลลีวูดและอินสตาแกรม ส่งตรงให้กับทุกคน อนึ่ง Glamhive ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งช่วยให้สไตลิสต์สามารถทำให้ลูกค้าพบกับประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ได้ 100% ทำให้ผู้คนสามารถทำงานร่วมกับกับสไตลิสต์ได้ทุกที่ในโลก

กิจกรรมที่ต้องมีตั๋วสำหรับการเข้าร่วมงานนี้ จะเป็นกิจกรรมตลอดทั้งวัน โดยจะมี 22 กลุ่ม (segments) พร้อมกับวิทยากร 50 คน ด้านล่างนี้เป็นภาพรวมของหัวข้อบางส่วนที่จะจะมีการอภิปรายโดยกลุ่มวิทยากรระดับ All-Star ณ งาน

หัวข้อ

  • Zoom Style: สไตล์ที่ยอดเยี่ยม (และสวมใส่สบาย)
  • การกลายมาเป็นแฟชั่นสไตลิสต์
  • Foundations First (การลงรองพื้นเป็นอันดับหนึ่ง)
  • สภาพแวดล้อมในบ้านของคุณส่งผลต่ออารมณ์และสะท้อนสไตล์ของคุณอย่างไร
  • How to Build the Wardrobe of Your Dreams
  • 360 Style — การผสมผสานระหว่างทรงผมการแต่งหน้าและตู้เสื้อผ้า
  • การเป็นผู้ประกอบการ – ความกล้าที่จะก้าวไปเพื่อความฝันของคุณ
  • อนาคตของการเดินพรมแดง
  • สาวฝรั่งเศสสุดชิคและความหลงใหลของเราต่อ Emily in Paris
  • Shape Matters — รักตัวเองและรูปร่างของคุณ
  • Style Your Health –  เพิ่มพลังงานและภูมิคุ้มกันของคุณ
  • Skincare Basics:  การฝึกสอนลูกค้าเกี่ยวกับการดูแลตนเอง
  • Iconic Style + วิธีสร้างความแตกต่างแบบมีสไตล์ของคุณ

วิทยากร:

วิทยากร ได้แก่ สไตลิสต์ของคนดัง ช่างแต่งหน้า ผู้สร้างอิเมจที่ทำงานกับคนดังในฮอลลีวูดและอื่น ๆ ได้แก่ :

Angelina Jolie, Mandy Moore, Sarah Jessica Parker, Kristen Bell, Khloe Kardashian, Robert Downey Jr, Keanu Reeves, Dwayne Johnson, Donald Glover, Sharon Stone, Serena Williams, Miranda Lambert, Julianne Moore, Liv Tyler, และอื่น ๆ

สไตลิสต์ของคนดัง:

Jennifer Rade, Ilaria Urbinati, Erin Walsh, Nicole Chavez, Jeanne Yang, Janelle Miller, Lindsey Dupuis, Tiffany Gifford, Sonia Young, Rachel Wirkus, Kesha McCloud

เมคอัพอาร์ติสต์คนดัง + แฮร์สไตลิสต์:

Danesa Myricks, Andrew Fitzsimons, Daniel Martin, Colleen, Runne, Quinn Murphy, Sheridan Ward, Simedar Jackson และ  Mia Santiago

ผู้ประกอบการ นักออกแบบ และผู้นำทางธุรกิจ

Cindy Eckhert (The Pink Ceiling Fund), Jonathan Sposato (ผู้ก่อตั้ง PicMonkey), Carrie Colbert (Curated Capital), Summer Holl (ประธาน Elyse Walker), Christian Juul Nielsen (Herve Leger | Aknvas), Lucy Aylen (Never Fully Dressed), Dr. Shrereene Idress, Dr. Avanti Kumar Singh

โมเดอเรเตอร์:

Brian Underwood (O the Oprah Magazine), Brooke Jaffe (อดีตผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่น Bloomingdales), Jack Eustace, Nicole Young (E! News), Kibwe Chase Marshall, ผู้ร่วมก่อตั้ง, The Kelly Initiative), Jezlan Moyet

ตั๋วเข้าร่วมการประชุมมีราคา 99 เหรียญ สำหรับการร่วมงานตลอดทั้งวันและยังรวมเพลย์ลิสต์ที่ She-J Nikki Pennie จัดทำขึ้นเป็นพิเศษด้วย ผู้สนับสนุนการนำเสนองาน Glamhive Digital Fall Style and Beauty Summit ได้แก่ Mary Kay และ Mary Kay Global Design Studio ส่วนผู้สนับสนุนอื่น ๆ ได้แก่ NuBra USA, LEO, AKNVAS, NYDJ และอีกมากมาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.glamhive.com/upcoming.

เกี่ยวกับ Glamhive

Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ประกอบการ Stephanie Sprangers ในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้การเสริมภาพลักษณ์และสไตล์ส่วนบุคคลเป็นเรื่องของคนทั่วไป และความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับความงามเย้ายวนใจ (glamour) ไม่ควรเป็นเฉพาะของคนรวยและคนดัง

ประสบการณ์การจัดสไตล์แบบออนไลน์ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อกับสไตลิสต์ผ่าน WiFi โดยสไตลิสต์จะให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อให้พวกเขาเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง สำหรับสไตลิสต์แล้วมันเป็นแพลตฟอร์มแบบคบวงจรที่ไร้รอยต่อเพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจได้เกือบ 100% แบบโลกออนไลน์

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 56 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201106005072/en/

ติดต่อ:

Stephanie Sprangers, ผู้ก่อตั้ง + CEO, Glamhive

stephanie@glamhive.com

+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





การท่องเที่ยวฮ่องกง ประกาศระเบียบมาตรฐานด้านสุขอนามัย เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–27 ตุลาคม 2563

ฮ่องกงเป็นหนึ่งในเมืองแรก ๆ ของโลกที่ประกาศใช้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยประชาชนและองค์กรธุรกิจต่างร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการดูแลควบคุมด้านสุขอนามัยที่ถือว่าเป็นหนึ่งในมาตรการที่เข้มงวดที่สุดในโลก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้ดำเนินมาตรการคุมเข้มด้านสุขอนามัยเป็นพิเศษ พร้อมใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทำความสะอาดพื้นที่ให้บริการเพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการในแต่ละวัน

เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การท่องเที่ยวฮ่องกงจึงได้ประกาศระเบียบมาตรฐานด้านสุขอนามัย ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักงาน Hong Kong Quality Assurance Agency (HKQAA) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพชั้นนำของฮ่องกง

ระเบียบหลักเกณฑ์นี้ ประกอบด้วยแนวทางมาตรฐานด้านสุขอนามัยและมาตรการควบคุมป้องการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวมีความรู้ความเข้าใจและนำไปใช้เตรียมตัวสำหรับการเดินทางมายังฮ่องกงได้อย่างถูกต้องเมื่อได้รับอนุญาตให้เดินทางได้อีกครั้ง

ดร.วาย เค แปง (Dr YK Pang) ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภูมิทัศน์ของแวดวงการท่องเที่ยวก้าวเข้าสู่ยุค New Normal โดยนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุขและความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง องค์กรท่องเที่ยวระดับนานาชาติต่าง ๆ จึงได้กำหนดแนวทางนโยบายด้านสุขอนามัยและมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 อย่างชัดเจน รวมถึงออกหลักเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขอนามัยสำหรับทุกอุตสาหกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทราบว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในฮ่องกงตระหนักถึงความสำคัญของมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก”

“ผมรู้สึกยินดีที่ธุรกิจและห้างร้านกว่า 1,800 ราย ได้แสดงความสนใจตอบรับระเบียบหลักเกณฑ์ดังกล่าว เมื่อการท่องเที่ยวฮ่องกงได้ปรึกษาพูดคุยร่วมกับธุรกิจการท่องเที่ยวต่าง ๆ การท่องเที่ยวฮ่องกงพร้อมเดินหน้าส่งเสริมมาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ได้รับความร่วมมือจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มกำลัง เพื่อชูภาพลักษณ์ฮ่องกงในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีคุณภาพด้านสุขอนามัยและปลอดภัย ตลอดจนสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนฮ่องกง”

การกำหนดใช้ระเบียบมาตรฐานด้านสุขอนามัยนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก บริษัทรถโค้ช สถานที่ท่องเที่ยว บริษัทท่องเที่ยว ฯลฯ โดยธุรกิจและร้านค้าที่เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มด้านสุขอนามัยและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด หลังได้รับการประเมิน สำนักงาน HKQAA จะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจและร้านค้าที่ผ่านการประเมินบนเว็บไซต์ https://hkhygiene.hkqaa.org ธุรกิจและร้านค้าที่ผ่านการประเมินสามารถโชว์ตราสัญลักษณ์เพื่อแสดงว่าพวกเขาปฏิบัติตามระเบียบมาตรฐานด้านสุขอนามัยดังกล่าว สำนักงาน HKQAA จะสุ่มลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ให้บริการตามมาตรฐานและเกณฑ์การประเมินคุณภาพต่อไป

นายซี เอส โฮ (Ir C S Ho) ประธานสำนักงาน HKQAA กล่าวว่า “ในระหว่างการพัฒนาระเบียบมาตรฐานดังกล่าว สำนักงาน HKQAA ได้อ้างถึงแนวทางนโยบายของศูนย์ดูแลป้องกันสุขภาพ (Centre for Health Protection) และกรมสุขอนามัยด้านอาหารและสิ่งแวดล้อม เราต้องการส่งเสริมแนวทางมาตรการด้านสุขอนามัยและการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ดีที่สุดให้แก่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และเล็งเห็นถึงความพยายามขององค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการรับรองและประเมินจากหน่วยงานภายนอกผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อฟื้นคืนความเชื่อมั่นของผู้คนทั้งในด้านการบริโภคและการเดินทาง”  

“ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราได้มีโอกาสทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวฮ่องกง เพื่อประสานความร่วมมือกันในการพัฒนาต่อยอดหลักเกณฑ์มาตรฐานที่สำคัญทั่วทั้งอุตสาหกรรม รวมทั้งสร้างวัฒนธรรมใหม่ด้านสุขอนามัยที่มีคุณภาพมาตรฐานท่ามกลางยุค New Normal นี้”

การท่องเที่ยวฮ่องกงทำงานร่วมกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวสู่ฮ่องกงอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมายแก่แขกทุกท่านที่มาเยือน

ภาพประกอบที่ 1

img

ฮ่องกงเป็นหนึ่งในเมืองแรก ๆ ของโลกที่ยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรธุรกิจต่างร่วมมือร่วมใจกันส่งเสริมและปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายสม่ำเสมอ

ภาพประกอบที่ 2

img

หลังได้รับการประเมิน ธุรกิจและร้านค้าที่ผ่านการประเมินสามารถโชว์ตราสัญลักษณ์เพื่อแสดงว่าพวกเขาปฏิบัติตามระเบียบมาตรฐานด้านสุขอนามัยและการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ หรือคุณกมลพิชญ์ พรมบาง

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกงสำหรับสื่อมวลชน

แฟรนคอม เอเชีย

02 233 4329 ต่อ 17 หรือ pr@francomasia.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


ป๊อกกี้ ได้รับการรับรองโดย GUINNESS WORLD RECORDS™ ในฐานะแบรนด์ขนมปังเคลือบช็อกโกแลตที่ขายดีที่สุดในโลก (*) เริ่ม 11 ตุลาคม นี้

Logo

เตรียมสร้างรอยยิ้มทั่วโลกระหว่างการจัดกิจกรรม “วันป๊อกกี้” ประจำปีครั้งที่ 5 เริ่ม 11 ตุลาคม นี้

โอซาก้า, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–15 ตุลาคม 2563

ป๊อกกี้ (Pocky) ได้รับการรับรองจาก กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด (GUINNESS WORLD RECORDS) ว่าเป็นแบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ขายดีที่สุดของโลก*

Special Packages with the GUINNESS WORLD RECORDS record holder logo from Around the Globe (Graphic: Business Wire)

แพ็คเกจพิเศษจากทั่วโลกที่มีโลโก้ของ GUINNESS WORLD RECORDS อยู่ด้วย (กราฟิก: Business Wire)

Pocky ซึ่งกลายเป็นที่โปรดปรานของลูกค้าจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งแต่ออกสู่ตลาดครั้งแรกในปี 2509 เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่วางขายยาวนานที่สุดของ เอซากิ กูลิโกะ (Glico) นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา กูลิโกะ ได้เสริมแกร่งความพยายามด้านการบริหารจัดการตราสินค้าของแบรนด์ป๊อกกี้ทั่วโลก โดยใช้กลยุทธ์การตลาดที่มีความเข้าใจผู้บริโภคในแต่ละตลาดทั่วโลกมากขึ้น และปรับปรุงโฆษณาให้มีความถูกต้องเหมาะสม

และที่พิเศษ กูลิโกะ ได้เตรียมเฉลิมฉลองวันป๊อกกี้ (Pocky Day) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน นี้ โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแคมเปญประจำปีภายใต้สโลแกน “Share happiness!” ซึ่งเป็นสารที่ ป๊อกกี้ ใช้ขับเคลื่อนกิจกรรมของแบรนด์ให้เกิดขึ้นทั่วโลก และปีนี้ซึ่งครบรอบ 5 ปีของการจัดแคมเปญวันป๊อกกี้ทั่วโลก กูลิโกะ จะเปิดตัวแคมเปญระดับโลกที่มีชื่อว่า “Say Pocky! Cheer Street View” โดยมีเป้าหมายเพื่อนำรอยยิ้มกลับคืนสู่เมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่สูญเสียกำลังกายและใจไปเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) กิจกรรมนี้จะเริ่มต้นขึ้นวันที่ 11 ตุลาคม พร้อมกันใน 11 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ กูลิโกะ จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ป๊อกกี้ ในแพ็คเกจที่มีการออกแบบพิเศษ โดยมีโลโก้ของ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด อยู่ด้วย

ขณะที่มีการรณรงค์ให้ผู้คนทั่วโลกหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเพื่อรักษาระยะห่างทางสังคมในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 กูลิโกะ ต้องการสร้างโอกาสให้ผู้คนมีความรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลอันเป็นที่รักผ่านการมองที่รอยยิ้มของกันและกัน ซึ่งจะเป็นการย่นระยะห่างทางอารมณ์ของพวกเขาให้แคบลงในช่วงที่ต้องมีการรักษาระยะห่างทางกายภาพ ผ่านแคมเปญที่ชื่อว่า “Say Pocky! Cheer Street View”

(*) แบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุด – จากราคาขายปลีกปัจจุบัน (ยอดขายโดยประมาณอยู่ที่ 589,900,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2562 อ้างอิงจากข้อมูลวิจัยตลาดต่างประเทศ)
(*) ขนมปังอบกรอบเคลือบครีมรวมอยู่ในการจำแนกข้อมูลตามการวิจัยตลาดต่างประเทศ

– รายละเอียดการรับรอง ป๊อกกี้ โดย กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด
ชื่อ: แบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุด — จากราคาขายปลีกปัจจุบัน
ปีที่ได้รับการบันทึก: 2562
ยอดขายทั่วโลก: 589.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (อ้างอิงข้อมูลจากการวิจัยตลาดต่างประเทศ)
วันที่ได้รับการรับรอง: 22 มิถุนายน 2563
หน่วยงานผู้รับรอง: กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด

– “Share happiness!” ข้อความที่แบรนด์ ป๊อกกี้ ใช้สื่อสารทั่วโลก
กูลิโกะ ใช้ข้อความ “Share happiness!” เพื่อสื่อสารผลิตภัณฑ์แบรนด์ ป๊อกกี้ ทั่วโลก ภายใต้ข้อความดังกล่าว ผู้ผลิตขนมหวานรายนี้มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการรับรู้ของชื่อ ป๊อกกี้ ในตลาดหลายแห่งทั่วโลก และได้จัดแคมเปญทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อให้การสื่อสารระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์มีความลึกซึ้งมากขึ้น นอกจากนี้ กูลิโกะ ยังได้จัดแคมเปญ “Pocky day” ซึ่งจัดเป็นแคมเปญหลักของแบรนด์ที่จัดขึ้นทั่วโลกทุกปีนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้แบ่งปันความสุขกับคนที่รัก

สำหรับปีนี้ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้คนทั่วโลกต้องรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีข้อบังคับต่าง ๆ เกี่ยวกับการออกนอกเคหะสถานและการเดินทาง ซึ่งทำให้เมืองหลายเมืองและพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ ร้างผู้คน

ขณะที่คนในสังคมได้มาร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ ที่ ป๊อกกี้ เราเชื่อว่าข้อความ “Share happiness!” ที่เราใช้สื่อสารมายาวนาน และ “รอยยิ้ม” ซึ่งเป็นคุณค่าทางประสบการณ์ ควรได้รับการส่งต่อให้กับผู้คนมากกว่าครั้งไหน ๆ มีข้อความหนึ่งกล่าวว่า “หากคุณยิ้ม คุณจะได้ความสุขกลับมาในชีวิตทุก ๆ วัน”

– แคมเปญวันป๊อกกี้ปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Say Pocky! Cheer Street View”
กิจกรรมส่วนหนึ่งที่จะจัดในวันป๊อกกี้ปีนี้ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 กูลิโกะ จะเริ่มฉลองวันป๊อกกี้ในที่ต่าง ๆ พร้อมกันภายใต้ชื่อ “Say Pocky! Cheer Street View” โดยตั้งเป้านำรอยยิ้มกลับคืนสู่เมืองและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ต้องสูญเสียกำลังใจไปเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 กิจกรรมนี้จะเริ่มต้นขึ้นวันที่ 11 ตุลาคม พร้อมกันใน 11 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

โรคระบาดที่เกิดขึ้นในตอนนี้อาจทำให้รอยยิ้มถูกลบเลือนจากใบหน้าของผู้คนในหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ แต่เราได้เตรียมจัดแคมเปญที่จะนำรอยยิ้มกลับคืนมาด้วยการเชิญชวนให้ผู้คนถ่ายภาพพร้อมกล่าวคำมหัศจรรย์ที่ว่า “Pocky!” และอัปโหลดภาพบน Google Street View ผ่านทางเว็บไซต์แคมเปญของเรา เราหวังว่าการแต่งแต้มรอยยิ้มบนแผนที่ออนไลน์ครั้งนี้ จะเป็นการให้กำลังใจและปลอบประโลมกันและกันจนกว่าจะถึงวันที่เราจะได้พบเจอบุคคลอันเป็นที่รักอีกครั้ง

นอกจากนี้เราจะจัดกิจกรรม “Smile Relay” ซึ่งต้องการให้เพื่อนฝูงและครอบครัวได้ส่งต่อโพสต์ของพวกเขาเป็นทอด ๆ นอกเหนือจากการโพสต์ภาพรอยยิ้มของพวกเขาเดี่ยว ๆ ทีมที่สามารถส่งต่อภาพรอยยิ้มได้นานที่สุดในสถานที่หนึ่ง ๆ จะได้รับเลือกไปแสดงบนป้ายโฆษณาของกูลิโกะแห่งย่านโดตมโบริ และบนเว็บไซต์ของแคมเปญในวันที่ 11 พฤศจิกายนด้วย

แคมเปญ “Say Pocky! Cheer Street View” ตั้งเป้าที่จะมอบรอยยิ้มและความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับทุกคนที่เผชิญกับความอ่อนล้าและความเครียดอันเกิดจากความกังวลที่เกิดขึ้นในแต่ละวันในช่วงเวลาที่ไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามใจ ณ ขณะนี้

ชื่อ: Say Pocky! Cheer Street View
ระยะเวลา: 11 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2563
พื้นที่: ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
เว็บไซต์: https://pocky-day2020.glico.com/

– ถ่ายภาพของคุณพร้อมพูดคำมหัศจรรย์ “Pocky!” แล้วอัปโหลดบน Google Street View!
เมื่อถ่ายภาพพร้อมพูดประโยคฮิตติดปาก “Pocky!” คุณจะได้ภาพที่มีรอยยิ้มสดใส คุณสามารถแต่งแต้มเมืองด้วยรอยยิ้มโดยการโพสต์ภาพของคุณพร้อมรอยยิ้มในแบบ Pocky! บน Google Street View ที่เว็บไซต์แคมเปญของเรา และแชร์ภาพเหล่านั้นกับคนที่คุณรัก

ขั้นตอนร่วมกิจกรรม:
1. ถ่ายภาพยิ้มของคุณขณะพูดคำว่า “Pocky” และอัปโหลดบนเว็บไซต์ของแคมเปญ
2. ปัก “หมุดรอยยิ้ม” ลงบนจุดที่คุณต้องการโดยเลือกจากพื้นที่ต่าง ๆ 59 จุดที่กำหนดไว้บนแผนที่ Google Street View หรือ Google Maps
3. ดาวน์โหลด “หมุดรอยยิ้ม” และแชร์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
4. ชวนคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงของคุณมาส่งต่อรอยยิ้มกับกิจกรรม "Smile Relay"

– ส่งต่อรอยยิ้มผ่านกิจกรรม “Smile Relay!” การมีส่วนร่วมของเพื่อนและคนรู้จักจะช่วยส่งต่อรอยยิ้มให้กระจายออกไป
ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม “Smile Relay” ซึ่งให้ผู้คนร่วมสนุกกับเพื่อนฝูงและคนรู้จัก สามารถแชร์หมุดรอยยิ้มสีเดียวกันกับเพื่อน ๆ และคนรู้จักได้ โดยสัญลักษณ์แบบเดียวกันจะแสดงบนภาพของเพื่อน ๆ และคนรู้จักที่เข้าร่วมกิจกรรม Smile Relay ด้วยกัน ผู้ร่วมกิจกรรมสามารถส่งต่อภาพรอยยิ้มเป็นทอด ๆ ด้วยการแชร์กับเพื่อน ๆ ผ่านลิงก์ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมจะได้รับหลังจากอัปโหลดภาพลงบนแผนที่และมีเพื่อนเข้าร่วมในแคมเปญเพื่อส่งต่อลิงก์ให้กับคนอื่น ๆ ต่อไป

จากประเทศที่ร่วมกิจกรรมทั้งหมด 11 ประเทศ สำหรับทีมผู้ร่วมกิจกรรมจากสิงคโปร์ ไทย ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียที่สามารถส่งต่อรอยยิ้มตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม ถึง 10 พฤศจิกายน ได้มากที่สุด รอยยิ้มที่พวกเขาส่งต่อถึงกันจะถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของสไลด์โชว์บนป้ายโฆษณากูลิโกะที่ย่านโดตมโบริ พร้อมกับแสดงบนเว็บไซต์ของแคมเปญตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

– สองกิจกรรมออนไลน์จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาแคมเปญ
กูลิโกะ จะจัดกิจกรรมออนไลน์สองช่วงระหว่างการจัดแคมเปญ ครั้งแรกวันที่ 11 ตุลาคม และอีกครั้งในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 (วันป๊อกกี้) บริษัทจะทำให้กิจการส่งต่อรอยยิ้มทั่วโลกคึกคักยิ่งขึ้นด้วยการเชิญอินฟลูเอนเซอร์ให้มาร่วมเปิดงานด้วย

เกี่ยวกับป๊อกกี้
ป๊อกกี้ เป็นขนมเคลือบช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมและเป็นที่โปรดปรานของผู้คนทั่วโลกนับตั้งแต่ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2509 โดยทำจากขนมปังอบกรอบชนิดหนึ่งและเคลือบด้วยครีมช็อกโกแลต กูลิโกะ มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงกรอบบริหารจัดการตราสินค้าทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา และได้รับการรับรองโดย GUINNESS WORLD RECORDS™ ว่ามียอดขายสูงสุดของโลก* ในปี 2563 (ชื่อ: แบรนด์ขนมปังอบกรอบเคลือบช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุด – จากราคาค้าปลีกปัจจุบัน/มียอดขาวราว 589,900,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2562 อ้างอิงจากข้อมูลวิจัยตลาดต่างประเทศ)

เกี่ยวกับวันป๊อกกี้
เอซากิ กูลิโกะ ได้กำหนดให้วันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันป๊อกกี้ หรือ Pocky Day ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะส่งต่อความสุขด้วยการแบ่งปันป๊อกกี้ของผู้คนทั่วโลก วันที่ 11 พฤศจิกายน ถูกเลือกให้เป็นวันป๊อกกี้เนื่องจากขนมป๊อกกี้มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายกับเลข “1” (ในญี่ปุ่น วันที่ 11 พฤศจิกายน ได้รับการรับรองโดย Japan Anniversary Association ให้เป็น "วันป๊อกกี้และขนมอบกรอบ หรือ Pocky & Pretz Day")

ในวันป๊อกกี้ บริษัทหวังว่าผู้คนทั่วโลกจะได้นึกถึงบุคคลอันเป็นที่รัก รู้สึกขอบคุณกันและกัน และทำสิ่งที่จะสร้างร้อยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของคนที่พวกเขารักกันมากขึ้น

– “‘Pocky’ คือคำมหัศจรรย์ที่จะสร้าง ‘รอยยิ้มพิมพ์ใจ’”
อันที่จริงแล้ว การสร้างรอยยิ้มที่จะนำมาซึ่งความประทับใจและคงอยู่ในความทรงจำตลอดไป คุณจำเป็นต้องวอร์มกล้ามเนื้อก่อน การยืดกล้ามเนื้อเลียนแบบ “การนอนหลับ” (การแสดงออกทางสีหน้า) ก่อนยิ้มจะช่วยให้คุณสร้างรอยยิ้มที่เรียกว่า Duchenne Smile หรือที่เรียกกันว่า รอยยิ้มที่จริงใจ (*1) ได้อย่างง่ายดาย

(*1) การยิ้มเช่นนี้ถูกเรียกโดยทั่วไปว่า Duchenne (ตั้งชื่อตาม Duchenne de Boulogne นักประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19) ซึ่งรอยยิ้มเช่นนี้จะแสดงถึงการแสดงออกทางสีหน้าอย่างเต็มใจ โดยดวงตาจะยิ้มไปด้วย และกล้ามเนื้อรอบปากและดวงตาจะขยับไปพร้อมกัน

เมื่อคุณพูดคำว่า “Pocky” จังหวะที่พูดคำว่า “Po” ตาของคุณจะเบิกกว้างและกล้ามเนื้อแก้มจะยืดออกซึ่งเป็นการแสดงความประหลาดใจผ่านทางสีหน้า จากนั้นเมื่อพูดว่า “cky” คุณจะสามารถแสดงออกทางสีหน้าคล้ายกับการยิ้มได้อย่างง่ายดาย ระหว่างการวอร์ม กล้ามเนื้อแก้มจะยกมุมปากขึ้นและช่วยให้คุณสร้างรอยยิ้มพิมพ์ใจ คุณอาจกล่าวได้ว่าการออกเสียงคำว่า “Pocky” อาจเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ได้ทันทีเมื่อต้องการถ่ายภาพรอยยิ้มของคุณ

เกี่ยวกับนักศึกษา 200 คนที่ร่วมทำการทดลอง
เพื่อเป็นการทดสอบว่ารอยยิ้มที่เกิดจากการพูดคำว่า “Pocky” ขณะถ่ายภาพสามารถสร้าง “รอยยิ้มพิมพ์ใจ” ได้ เราได้ทำการทดลองโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักศึกษา 200 คน ในการทดลอง เราได้ทดลองพูดคำต่าง ๆ 7 คำขณะถ่ายภาพเพื่อทำการเปรียบเทียบ โดยคำทั้ง 7 เป็นคำที่ใช้ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ดังนี้ “Cheese” (สหรัฐฯ) “Kimchi” (เกาหลี) “Tequila” (เม็กซิโก) “Spaghetti” (เยอรมนี) “Whiskey” (แอฟริกา) และ “Qiezi” (“หมายถึงมะเขือยาว” ในจีนแผ่นดินใหญ่) รวมถึงคำว่า “Pocky” เราได้ขอให้นักศึกษาแต่ละคนพูดคำต่าง ๆ และดูว่าคำเหล่านั้นทำให้พวกเขายิ้มได้มากแค่ไหน โดยให้คะแนนจาก 1 ถึง 100 และผลสำรวจที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าคำว่า “Pocky” ได้คะแนนเฉลี่ย 77 คะแนน ขณะที่คะแนนเฉลี่ยของคำอื่น ๆ อยู่ที่ 60 คะแนน คำว่า “Pocky” เอาชนะคำอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายในการทำให้ผู้ตอบแบบสำรวจยิ้ม นักศึกษาส่วนใหญ่ตอบว่า “เสียงที่เกิดขึ้นขณะออกเสียง po- ทำให้รู้สึกดี และทำให้ยิ้มแบบธรรมชาติได้ง่าย” และ “เสียง -y ในตอนท้ายช่วยให้ยิ้มง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ ภายใต้การควบคุมของศาสตราจารย์ Sugahara นักวิจัยด้ายการยิ้ม เราได้ทำการทดลองโดยใช้เครื่องอ่านใบหน้าวิเคราะห์รอยยิ้มจากการพูดประโยคต่าง ๆ ขณะถ่ายรูป และพบว่า คำว่า “Pocky” สามารถสร้าง “รอยยิ้มที่พิมพ์ใจ” ซึ่งเป็นมาตรฐานรอยยิ้มในอุดมคติได้ง่ายกว่าคำอื่น ๆ

นำโดย Dr. Toru Sugahara นักวิจัยด้านการยิ้มที่ได้รับการยอมรับ
Dr. Toru Sugahara เกิดในเมืองดาไซฟุ จังหวัดฟุกุโอกะ สำเร็จหลักสูตรปริญญาเอกจากคณะชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งทอจากโครงการสหวิทยาการระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยชินชู และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต (วิศวกรรมศาสตร์) ในปี 2548 เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งศิลปะมนุษย์และวิทยาศาสตร์ และอาจารย์ประจำศูนย์การศึกษาต่อเนื่องและอาจารย์สัญญาจ้างประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ปัจจุบัน ท่านดำรงตำแหน่งนักวิจัยรับเชิญของศูนย์วิจัยขั้นสูง คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ อาจารย์สัญญาจ้างประจำคณะสารสนเทศและศิลปกรรม และนักวิจัยรับเชิญของสถาบันวิจัยด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของมหาวิทยาลัยโตโย ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมของสถาบันวิจัยทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งมหานครโตเกียว และกรรมการบริหารสมาคมวิทยาศาสตร์การยิ้ม หรือ Society of Smile Science และท่านยังมีส่วนใน “การวิจัยด้านกลไกและการสร้างรอยยิ้มแบบ kansei” และได้รับรางวัลทางวิชาการมากมายจากงานวิจัยชิ้นนี้

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ โปรดติดต่อ
Hirohisa Tamai (Mr.), Assistant Global Brand Manager, Glico Co., Ltd.
Yuko Takatani (Ms.), Regional PR Manager, Glico Asia Pacific Pte. Ltd.
อีเมล: glico-singapore@glico.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย










นักท่องเที่ยวเกือบ 70% วางแผนที่จะบินไปต่างประเทศภายในหกเดือนข้างหน้า อ้างอิงจากการศึกษาของ OAG

Logo

การบินจะต้องจัดลำดับความสำคัญของมาตรการด้านการสื่อสาร ความปลอดภัยและการป้องกันอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างและกู้คืนความเชื่อมั่นอีกครั้ง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–6 ต.ค. 2563

OAG ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเชิงลึกชั้นนำของโลกเปิดตัว The COVID-19 Recovery: Getting Passengers Back on Board, ซึ่งเป็นรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจากการสำรวจผู้ใช้แอปเดินทาง flightview ทั่วโลก ของบริษัทกว่า 4,000 ราย

โดยรวมแล้วระดับความกลัวในการติด COVID-19 ขณะบินอยู่ในระดับที่ไม่สูง โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่เปิดใจให้กับการเดินทางทางอากาศ โดยข้อค้นพบที่สำคัญมีดังนี้ :

  • หกสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ตั้งใจจะบินไปต่างประเทศภายในหกเดือนข้างหน้าในขณะที่ 79% มีแผนสำหรับการเดินทางทางอากาศภายในประเทศ
  • ความกระตือรือร้นในการเดินทางนั้นชัดเจนมากขึ้นในหมู่คนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen-Z คนทั้งสองรุ่นมีแนวโน้มที่จะต้องการปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางน้อยกว่าคนรุ่นอื่น และมีความกระตือรือร้นที่จะเดินทางในประเทศมากกว่าเมื่อเทียบกับความกระตือรือร้นในการเดินทางออกนอกประเทศ
  • เกือบหนึ่งในสามไม่ได้เปลี่ยนและไม่ได้ตั้งใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของพวกเขา
  • ร้อยละเจ็ดสิบหกของผู้เดินทางเห็นด้วยว่าการสวมหน้ากากอนามัยเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่สายการบินและสนามบินสามารถปรับใช้ได้

“ผู้บริโภคส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่อายุน้อย เตรียมพร้อมที่จะบินภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม” John Grant หัวหน้านักวิเคราะห์ของ OAG กล่าว “การขาดความกลัวเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจและเป็นลางดีสำหรับการฟื้นตัวของตลาด แน่นอนว่าการฟื้นตัวอย่างเต็มที่จะเป็นผลสืบเนื่องมาจากความสามารถในการที่เราต่อสู้กับโรคระบาดทั่วโลกของเรา และการที่ข้อจำกัดการเดินทางจะสามารถถูกยกเลิกได้อย่างปลอดภัย”

ในการให้คะแนนเต็ม 10 คะแนน ผู้บริโภคมากกว่าครึ่งให้คะแนนความกังวลเกี่ยวกับการติด COVID-19 ขณะเดินทางน้อยกว่า 5 คะแนนโดยร้อยละ 21 ระบุว่าไม่กลัวเลย อย่างไรก็ตาม OAG พบว่าการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ยังคงมีความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว แม้กระทั่งข้อมูลก่อนมาถึงสนามบิน ตัวอย่างเช่น ข้อมูลในระหว่างขั้นตอนการค้นหาและการจอง ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการอัปเดตและการคาดการณ์แบบเรียลไทม์เกี่ยวกับความจุของเที่ยวบินและโรงแรม (61%) และอัตราการแพร่กระจายของ COVID-19 ณ จุดหมายปลายทาง (53%)

สำหรับข้อมูลเชิงลึกของการสำรวจเพิ่มเติม โปรดดูรายงานฉบับเต็ม

หากต้องการทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านข้อจำกัดการเดินทาง และข้อกำหนดด้านเอกสารโปรดไปที่flightview.com/traveltools/visas.asp.

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศมาตั้งแต่ปีพ. ศ. 2472 OAG ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักรมีการดำเนินงานทั่วโลกในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.oag.com และติดตามเราบน Twitter @OAG Aviation.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201006005678/en/

สื่อมวลชนติดต่อ:

Katy Ludwell

pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

‘Jeolla Gamyoung’ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีได้รับการบูรณะสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง พร้อมเปิดให้เข้ามชม 7 ตุลาคม นี้

Logo

– พิธีเฉลิมฉลองการบูรณะ Jeolla Gamyoung จะจัดขึ้นวันที่ 7 ตุลาคม
– กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยพิธีเปิดป้ายอาคาร การส่งมอบสมุดขอพร และการจำลองพิธีการโอนตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชอลลา

จอนจู, สาธารณรัฐเกาหลี–(BUSINESS WIRE)–5 ตุลาคม 2563

Jeolla Gamyoung ได้รับการฟื้นฟูให้กับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและจะเปิดให้เข้าชมวันที่ 7 ตุลาคม นี้ ศูนย์ราชการประจำจังหวัดแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Gamyoung’ ในยุคโชซอนและมีอายุราว 500 ปี (ระหว่างปี ค.ศ. 1392-1910 หรือ พ.ศ. 1935-2453) Jeolla หมายถึงจังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

The Korean historic site Jeolla Gamyoung was restored to its former grandeur and will open on October 7. A provincial government complex was called ‘Gamyoung’ in the Joseon Dynasty that lasted for about 500 years (1392-1910). Jeolla refers to the southwestern province of the country. Jeonju City, North Jeolla Province Government and the Jeolla Gamyoung Restoration Committee will hold a celebration of the Jeolla Gamyoung restoration at 2 p.m. on October 7. Entitled “Jeolla Gamyoung: A Radiant Flower, A Thousand Years of Fruit,” the ribbon-cutting ceremony will be live-streamed on YouTube. Discussion of a project to restore the ancient government complex began in 2005. The ground was broken for the project in November 2017 after the old Jeollabuk-do government building was demolished. The first stage of the project was completed on August 27. Jeonju will kick off the second stage of the project shortly after deciding on the plan to develop the west zone of Jeolla Gamyoung. (Photo: Business Wire)

Jeolla Gamyoung สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ได้รับการฟื้นฟูให้กับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและจะเปิดให้เข้าชมวันที่ 7 ตุลาคม นี้ ศูนย์ราชการประจำจังหวัดแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Gamyoung’ ในยุคโชซอนและมีอายุราว 500 ปี (ระหว่างปี ค.ศ. 1392-1910) Jeolla หมายถึงจังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เมืองจอนจู รัฐบาลจังหวัดชอลลาเหนือ และคณะกรรมการบูรณะ Jeolla Gamyoung จะจัดพิธีเฉลิมฉลองการบูรณะ Jeolla Gamyoung ณ เวลา 14.00 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม พิธีเปิดซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Jeolla Gamyoung: A Radiant Flower, A Thousand Years of Fruit” และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube การหารือเกี่ยวกับการบูรณะศูนย์ราชการเก่าแก่แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2548 และได้เริ่มลงมือบูรณะซ่อมแซมไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 หลังจากมีการรื้อถอนอาคารว่าการเมืองชอลลาเหนือหลังเก่า การบูรณะในระยะแรกของโครงการเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา เมืองจอนจูจะเริ่มการบูรณะในระยะที่สองของโครงการเร็ว ๆ นี้ หลังจากตัดสินใจเกี่ยวกับแผนที่จะพัฒนาฝั่งตะวันตกของ Jeolla Gamyoung ได้แล้ว (รูปภาพ: Business Wire)

เมืองจอนจู รัฐบาลจังหวัดชอลลาเหนือ และคณะกรรมการบูรณะ Jeolla Gamyoung จะร่วมกันเผยโฉม Jeolla Gamyoung หลังการบูรณะฟื้นฟูในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม นี้ พิธีเปิดซึ่งจะจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “Jeolla Gamyoung: A Radiant Flower, A Thousand Years of Fruit” จะมีผู้เข้าร่วมเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (Covid-19) และจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง YouTube

การเฉลิมฉลองการบูรณะสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้จะเริ่มต้นด้วยการแสดงชุด ‘Seungjeonmu’ (Victory Dance) ซึ่งเคยแสดงเพื่อต้อนรับ จอร์จ เคลย์ตัน โฟล์ก อดีตอุปทูตของสหรัฐฯ ในโจซอน เมื่อครั้งเดินทางมาเยือน Jeolla Gamyoung ในปี ค.ศ. 1884 (พ.ศ. 2427) พิธีโอนตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชอลลาจะถูกจำลองขึ้นจากข้อมูลในบันทึกของอดีตผู้ว่าลีซ็อกพโย โดยอ้างอิงจากบันทึกส่วนตัวของท่านที่ชื่อ ‘Honam Diary’ ซึ่งโฮนัมเป็นอีกชื่อหนึ่งของชอลลา

จากนั้น จะมีการเปิดป้ายอาคาร ‘Seonhwadang’ ซึ่งเป็นอาคารหลักของ Jeolla Gamyoung ผู้ว่าราชการจังหวัดชอลลาในยุคโชซอนเคยปฏิบัติราชการ ณ อาคาร ‘Seonhwadang’ แห่งนี้ และชาวเมืองจอนจูและประชากรในจังหวัดชอลลาเหนือจะส่งมอบสมุดขอพรซึ่งเป็นสิ่งที่ปรารถนาให้เกิดขึ้นกับ Jeolla Gamyoung ในอนาคตให้กับนายกเมืองจอนจูและผู้ว่าชอลลาบุกโดหรือเมืองชอลลาเหนือ และหลังจากพิธีทางการแล้ว ผู้เข้าร่วมงานจะเดินชมรอบ ๆ สถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้

ในอดีต ผู้ว่าการเมืองชอลลาในยุคโชซอนมีอำนาจปกครองครอบคลุมทั้งเมืองชอลลาเหนือและชอลลาใต้ในปัจจุบัน รวมถึงมหานครควังจู และเกาะเจจู Jeolla Gamyoung เคยตั้งอยู่ในบริเวณของงอาคารว่าการเมืองชอลลาเหนือแห่งเก่า

การหารือเกี่ยวกับการบูรณะศูนย์ราชการเก่าแก่แห่งนี้เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2548 และได้เริ่มลงมือบูรณะซ่อมแซมไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 หลังจากมีการรื้อถอนอาคารว่าการเมืองชอลลาเหนือหลังเก่า การบูรณะในระยะแรกของโครงการเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา

เป้าหมายหลักของการบูรณะในระยะแรกคือการค้นหาบันทึกต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงสร้างดั้งเดิมของ Jeolla Gamyoung โดยมีอาคารหลักเจ็ดหลัง ได้แก่ Seonhwadang, Naeah, Naeah Hangrang, Gwanpoonggak, Yeonsindang, Naesammun และ Oehangrang ได้รับการบูรณะไปในช่วงแรก

เมืองจอนจูจะเริ่มการบูรณะในระยะที่สองของโครงการเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนที่จะพัฒนาฝั่งตะวันตกของ Jeolla Gamyoung ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง บริเวณนี้จะยังคงเปิดให้สาธารณะชนคนเข้าชมได้

“ทางเมืองได้เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองการบูรณะโดยจะจัดให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา” ชอยลักกี ผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและกีฬาของเมืองจอนจู กล่าว “หลัง Jeolla Gamyoung ได้รับการบูรณะแล้ว เราต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ให้มากขึ้นเพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์และสถานะของสถานที่แห่งนี้ Jeolla Gamyoung หลังการบูรณะฟื้นฟูจะทำให้ชาวจอนจูและชาวจังหวัดชอลลาเหนือภาคภูมิใจในฐานะพลเมืองของที่นี่”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52293949/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

เมืองจอนจู
Taeyoung Kim
+82-63-281-2226
kim88313@korea.kr

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ประกาศแผนขยายห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน (Centurion®) ในสนามบินหลักของสหรัฐฯ สองแห่ง และเตรียมกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งภายใต้ระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยฉบับใหม่

Logo

  • อเมริกัน เอ็กซ์เพรส เพื่อขยายและเพิ่มประสิทธิภาพห้องรับรอง เดอะเซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดีย ในนิวยอร์กและท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรนในลาสเวกัส
  • อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ขอแนะนำ “ความมุ่งมั่นของห้องรับรอง เดอะเซ็นจูเรี่ยน” ภายใต้ระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยฉบับใหม่

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2563

วันนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (NYSE: AXP) ได้ประกาศแผนเตรียมขยายพื้นที่ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน สองแห่ง และได้ประกาศให้ทราบเกี่ยวกับ Centurion Lounge Commitment ซึ่งเป็นระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยฉบับใหม่ที่จะนำมาใช้กับห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ทั้งหมดเมื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง (บางแห่งจะเริ่มกลับมาให้บริการในช่วงต้นเดือนตุลาคม) ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดีย (LGA) ในนิวยอร์กจะย้ายไปอยู่ในบริเวณเทอร์มินอล B และมีขนาดกว้างขวางขึ้น และตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้ว ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรน (LAS) ในลาสเวกัสจะได้รับปรับโฉมใหม่และขยายให้ใหญ่ขึ้น

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200916005291/en/

Rendering of Centurion Lounge at New York's LaGuardia Airport (Photo: Business Wire)

ภาพเรนเดอร์ของห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ในสนามบินลาการ์เดียของนิวยอร์ก (รูปภาพ: Business Wire)

“เรายังคงให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และความสบายสำหรับสมาชิกผู้ถือบัตรและเพื่อนร่วมงานเป็นอันดับต้น ๆ ระหว่างที่เตรียมเปิดห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ที่เป็นไอคอนของเราเพิ่มและเตรียมความพร้อมกลับมาให้บริการทั่วโลกอีกครั้ง” Alexander Lee รองประธานด้านประสบการณ์ท่องเที่ยวและสิทธิประโยชน์ กล่าว “เราเชื่อว่าการเดินทางเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของสมาชิกบัตรของเรา และเช่นเดียวกันกับสมาชิกทั้งหลาย เราต่างตั้งตารอวันที่จะได้กลับมาเดินทางท่องโลกอีกครั้ง เราตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับสมาชิกที่ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ของเราอีกครั้ง เร็ว ๆ นี้”

ยกระดับประสบการณ์การใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบิน LAS และ LGA:

การตกแต่งห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดียในนิวยอร์กและท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรนในลาสเวกัสจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 ห้องรับรองที่มีการขยายให้กว้างขวางขึ้นจะมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้สมาชิกบัตรได้เพลิดเพลินเมื่อกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง

  • ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ สนามบินลาการ์เดีย (LGA) จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าและจะย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่เฉพาะสำหรับผู้ที่ผ่านจุดตรวจค้นสนามบินเข้าแล้วในบริเวณเทอร์มินอล B ซึ่งเป็นเทอร์มินอลสุดล้ำแห่งใหม่ของสนามบิน ห้องรับรองแห่งใหม่นี้โดดเด่นด้วยห้องสำหรับครอบครัว พื้นที่ทำงานที่ขยายให้กว้างขึ้น ห้องโทรศัพท์ส่วนตัว และวิวทิวทัศน์ของเส้นขอบฟ้าแห่งมหานครนิวยอร์ก
  • สำหรับ ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ซึ่งเปิดให้บริการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติแมคคาร์แรน (LAS) เป็นที่แรกในปี 2556 จะมีการขยายพื้นที่จากเกือบ 9,000 ตารางฟุตเป็นกว่า 13,400 ตารางฟุต ห้องรับรองที่ได้รับการออกแบบใหม่จะมีพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มมากขึ้น มีห้องโทรศัพท์ส่วนตัวใหม่ บริเวณต้อนรับโฉมใหม่ รวมถึงพื้นที่ทำงานและอื่น ๆ อีกมากมาย

ในช่วงปลายปีนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ยังเตรียมเปิดห้องรับรองเพิ่ม ณ ท่าอากาศยานจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในนิวยอร์ก และท่าอากาศยานฮีทโธรว์และท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ในลอนดอนอีกด้วย

สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและมีความปลอดภัยด้วย Centurion Lounge Commitment:

ขณะที่ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ยังคงต้องปิดให้บริการเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ได้ประกาศให้ทราบเกี่ยวกับระเบียบและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัย (Centurion Lounge Commitment) ฉบับใหม่ ที่จะนำมาใช้เพื่อดูแลในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของสมาชิกผู้ถือบัตรรวมถึงพนักงานเมื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง จากรายงาน Amex Trendex* ซึ่งเป็นรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มต่าง ๆ โดย อเมริกัน เอ็กซ์เพรส พบว่าผู้บริโภคเกือบ 2 ใน 3 ให้ความเห็นว่านโยบายและขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับด้านสุขภาพและความปลอดภัย (39%) หรือความยืดหยุ่น (25%) คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พวกเขาพิจารณาเมื่อวางแผนกลับมาเดินทางอีกครั้งในอนาคต

สมาชิกผู้ถือบัตรจะต้องปฏิบัติตามหลักปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยใหม่ เช่น การกำหนดที่นั่งโดยรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล การลดจำนวนผู้เข้าใช้ การเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด การบังคับให้สวมหน้ากากขณะเข้าใช้เลานจ์ การเสิร์ฟอาหารแทนการบริการแบบบุฟเฟต์ และอื่น ๆ สำหรับการเช็คอินแบบไร้การสัมผัส สมาชิกบัตรสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน American Express® มาเพื่อใช้เช็คอินผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยจะมีการประเมินหลักปฏิบัติเหล่านี้เป็นระยะ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ถือบัตรและข้อบังคับของรัฐบาลและหน่วยงานด้านสุขภาพในท้องถิ่นนั้น ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่: thecenturionlounge.com/reopening

ขณะที่หลาย ๆ คนยังไม่พร้อมที่จะเดินทางท่องเที่ยวในขณะนี้ รายงาน Amex Trendex* พบกว่าผู้บริโภคกว่าครึ่ง (56%) ที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศเป็นปกติจะพร้อมเดินทางท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศอีกครั้งในอีก 6 เดือน อเมริกัน เอ็กซ์เพรส อยู่ระหว่างประเมินช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกลับมาให้บริการห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน แต่ละแห่งอีกครั้งจากหลายปัจจัยรวมถึงการระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่นั้น ๆ  และจะค่อย ๆ กลับมาให้บริการในแต่ละพื้นที่ต่อไป บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเติล-ทาโคมา และท่าอากาศยานนานาชาติฟิลาเดลเฟียได้ในวันที่ 5 ตุลาคม 2563 นี้ ตามด้วยพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป

*วิธีทำแบบสำรวจโดย Amex Trendex:

แบบสำรวจออนไลน์นี้จัดทำโดย Morning Consult ระหว่างวันที่ 18-20 สิงหาคม 2563 โดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนจากทั่วประเทศ โดยกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป มีรายได้อย่างน้อย 70,000 ดอลลาร์ต่อครัวเรือน และเป็นผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ที่เดินทางโดยเครื่องบินอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปี 2562 ผลการสำรวจมีส่วนต่างของข้อผิดพลาดบวกหรือลบ 2 เปอร์เซ็นต์

เกี่ยวกับ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส เป็นบริษัทผู้ให้บริการระดับโลก ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ข้อมูล รวมถึงประสบการณ์ที่เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ americanexpress.com และติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทาง facebook.com/americanexpressinstagram.com/americanexpresslinkedin.com/company/american-expresstwitter.com/americanexpress และ youtube.com/americanexpress

ลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์ บริการ และข้อมูลความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท: ค่าธรรมเนียมและบัตรเครดิต บัตรเครดิตเพื่อธุรกิจ บริการด้านการเดินทาง บัตรของขวัญ บัตรเติมเงิน บริการร้านค้า Accertify InAuthบัตรสำหรับองค์กร การเดินทางเพื่อธุรกิจ และ ความรับผิดชอบต่อสังคม

เกี่ยวกับห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน

ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน เป็นโปรแกรมห้องรับรองที่เป็นซิกเนเจอร์ภายใต้ คอลเลกชันห้องรับรองอเมริกันเอ็กซ์เพรสทั่วโลก ซึ่งให้สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน โดยอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ห้องรับรองอเมริกัน เอ็กซ์เพรสในประเทศต่าง ๆ  สิทธิ์ Delta Sky Club® สำหรับผู้ถือบัตรที่เดินทางกับสายการบินเดลตา สิทธิ์ Priority PassTM Select Lounges โดยต้องทำการลงทะเบียน สิทธิ์เข้าถึง Airspace Lounges, MAG U.S. Escape Lounges และ Plaza Premium Lounges รวมกว่า 1,300 แห่งใน 140 ประเทศ และกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ

สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน เป็นเอกสิทธิ์ที่มอบให้เฉพาะสมาชิกผู้ถือบัตรแพลตตินัม สมาชิกห้องรับรองเซ็นจูเรี่ยน และสมาชิกบัตร Delta SkyMiles® Reserve เท่านั้น สมาชิกบัตรแพลตตินัมสามารถเข้าใช้ห้องรับรองพร้อมผู้ติดตามได้สูงสุดสองท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สมาชิกบัตรเซ็นจูเรี่ยนสามารถเข้าใช้ห้องรับรองพร้อมครอบครัว หรือ ผู้ติดตามได้สูงสุดสองท่าน สมาชิกบัตรแพลตตินัมและบัตรเซนจูเรียนสามารถซื้อสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรอง เดอะ เซ็นจูเรี่ยน ให้กับแขกที่นอกเหนือจากนี้ได้ในราคา 50 ดอลลาร์ต่อท่าน สมาชิกบัตร Delta SkyMiles® Reserve สามารถให้ผู้ติดตามเข้าใช้ได้สูงสุดสองท่านต่อการเข้าใช้หนึ่งครั้ง โดยมีค่าบริการเพิ่มเติมที่ 50 ดอลลาร์ต่อท่านต่อห้องรับรองแต่ละแห่ง

ที่ตั้ง: ทั่วโลก

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200916005291/en/

ติดต่อ

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส
Margot Leeds
Margot.Leeds@aexp.com