Category Archives: Lifestyle

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive และ Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังประกาศเรื่องการประชุมสุดยอด Digital Winter Style and Beauty Summit

Logo

การประชุมจะเป็นการรวมตัวกันของผู้นำในอุตสาหกรรมสไตล์และความงาม เพื่อพูดคุยเรื่องแฟชั่น ความงาม และการเป็นผู้ประกอบการ

ซีแอตเติล และ ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–24 ก.พ. 2564

Glamhive ประกาศการประชุมออนไลน์ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 การประชุมสุดยอด Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit (การประชุมสุดยอดสไตล์ฤดูหนาวด้านความงามออนไลน์)  จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำตั้งแต่ Cindy Eckert สไตลิสต์ของ Kristen Bell ที่กลายมาเป็นเป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเหล่าผู้นำด้านนวัตกรรมจะพูดคุยเกี่ยวกับแฟชั่น ความงาม การเป็นผู้ประกอบการและอื่น ๆ ซึ่ง Stephanie Sprangers และ Nicole Chavez จะร่วมเป็นเจ้าภาพในงานนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

The Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit will bring together top fashion and beauty leaders (Graphic: Mary Kay Inc.)

งานประชุม Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำมาไว้ด้วยกัน (กราฟฟิค: Mary Kay Inc. )

“ฉันชอบที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดด้านสไตล์และความงามของ Glamhive โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ การประชุมสุดยอดจะก่อให้เกิดความรู้สึกของความกลมเกลียวเป็นชุมชน ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสิ่งที่ขาดไปในโลกของนักทำงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ฉันยังได้ทำความรู้จักสร้างคอนเนคชันกับศิลปินคนอื่น ๆ เรื่อยมา” Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังกล่าว Nicole เป็นหนึ่งในสไตลิสต์ที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในปัจจุบัน ลูกค้าของเธอรวมถึงดาราระดับ A-List อาทิเช่น Kristen Bell, Rachel Bilson, Jessica Simpson, Ellie Bamber, Scarlett Johansson, Catherine Zeta-Jones และอื่น ๆ อีกมากมาย ผลงานของเธอได้รับการนำเสนอในสิ่งพิมพ์หลายฉบับรวมถึง W, InStyle และ Harper's Bazaar

“วิสัยทัศน์ของ Glamhive คือการให้สร้างประโยชน์จากการทำงานร่วมกับสไตลิสต์ส่วนตัวที่มีให้กับทุกคนทุกที่ ส่วนงานดิจิทัลต่าง ๆ ของเราก็ถือเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยม สิ่งดี ๆ ที่เกิดจากวิกฤตปีที่ผ่านมาก็คือการที่เราสามารถนำการประชุมสุดยอดด้านสไตล์ของเราไปสู่โลกดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ทุกคนในทุก ๆ ที่สามารถพบปะและเรียนรู้จากสิ่งที่ดีที่สุดในธุรกิจได้” Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Glamhive กล่าว โดย Sprangers เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Glamhive ซึ่งเป็นบริการจัดแต่งสไตล์ส่วนตัวออนไลน์ที่นำเสนอสไตลิสต์ส่วนตัวและช่างแต่งหน้าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับคัดเลือกโดยตรงจากฮอลลีวูดและอินสตาแกรมให้กับทุกคน โดย Glamhive ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทซึ่งช่วยให้สไตลิสต์สามารถแนะแนวทางให้แก่ลูกค้าผ่านประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมแบบออนไลน์ได้ 100% ทำให้ผู้คนสามารถทำงานกับสไตลิสต์ได้ทุกที่ในโลก

ตั๋วสำหรับกิจกรรมตลอดทั้งวันจะทำให้คนเข้าถึงวิทยากรกว่า 60 ท่าน ด้านล่างนี้แสดงภาพรวมของหัวข้อบางส่วนที่วิทยากรระดับ All-Star นี้จะได้พูดถึง

ภาพรวมของหัวข้อ:

ประกอบด้วยสองแทร็ก และ 22 เซ็กเมนท์ ภาพรวม:

  • สไตล์สำหรับพรมแดง: สร้างช่วงเวลาแบบไอคอน
  • แนวโน้มปี 2021: สไตล์หลังโควิด
  • การเอาชนะเกมสไตล์วินเทจ คือ อาวุธลับของคุณ
  • คู่มือสไตลิสต์: จะสร้างสไตล์ทีดีที่สุดในชีวิตได้อย่างไร
  • Beauty Boss Babe: บทสัมภาษณ์กับ Jamie Kern Lima
  • สุดยอดคำแนะนำสำหรับผม “แบบง่าย ๆ “
  • เข้าสังคมกันเถอะ: เทรนด์ความงาม Instagram และ TikTok ที่ดีที่สุด
  • โหราศาสตร์แห่งแฟชั่น กับ Susan Miller
  • มากกว่าที่ตาเห็น: เสื้อผ้าของคุณบอกอะไรเกี่ยวกับคุณ
  • ROI ของสไตล์: การแต่งตัวให้ดีสร้างความคุ้มค่าแค่ไหน
  • ฉันสร้างสิ่งนี้ได้อย่างไร: ขอคำแนะนำที่ดีจากผู้หญิงที่ก้าวสู่จุดสูงสุด

วิทยากร:

วิทยากร ได้แก่ สไตลิสต์คนดัง ช่างแต่งหน้า ผู้สร้างอิมเมจที่ทำงานกับบุคคลชื่อดังในฮอลลีวูดและอีกมากมาย รวมถึง

Angelina Jolie, Serena Williams, Mandy Moore, Sarah Jessica Parker, Kristen Bell, Khloe Kardashian, Robert Downey Jr., Keanu Reeves, Sharon Stone, Miranda Lambert, Julianne Moore และอีกมากมาย

สไตลิสต์คนดัง:

Nicole Chavez, Jill + Jordan, Jeanne Yang, Jennifer Rade, Tara Swennen, Janelle Miller, Lindsey Dupuis, Tiffany Gifford, Kesha McLoud, และ Sonia Young.

ช่างแต่งหน้า + ช่างทำผมที่มีชื่อเสียง:

Tommy Buckett, Todd Harris, Diana Madison, Danny Moon, AJ Crimson และ Helen Reavey.

ผู้ประกอบ การนักออกแบบ และผู้นำทางธุรกิจ:

Claire Sulmers (Fashion Bomb Daily), Hillary Kerr (WhoWhatWear), Tara Rudes Dann (L'Agence), Steven Dann (Designer), Cindy Eckert (The Pink Ceiling Fund), Helen Ravey (Act+Acre), Cassandra Cadwell (Violet Grey), Michelle Waugh (Designer), Clarissa Egana (Port De Bras), Amy Rosoff Davis (Celebrity Trainer), Jamie Kern Lima (IT Cosmetics).

โมเดอเรเตอร์:

Brian Underwood (O Magazine), Brooke Jaffe (Penske Media), Pandora Amoratis (Daily Mail), Andrea Lavanthal (PEOPLE), Robin Nazzaro (O Magazine), Alexis Bennett (Vogue) and Kibwe Chase-Marshall (The Kelly Initiative).

ตั๋วเข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งวันราคา 149 ดอลลาร์ ผู้สนับสนุนการนำเสนอของ Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit ได้แก่ Mary Kay Inc. และ Mary Kay Global Design Studio

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.glamhive.com/upcoming.

เกี่ยวกับ Glamhive

Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดย Stephanie Sprangers ผู้ประกอบการในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้การตกแต่งเสริมสไตล์เข้าถึงปัจเจกชน และยังมีหลักการว่า ความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับความเย้ายวนใจไม่ควรเป็นเฉพาะของคนรวยและคนดังเท่านั้น

ประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่สามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อ WiFi ได้พบกับสไตลิสต์ที่จะให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อสร้างเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขา แพลตฟอร์ม Glamhive เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ไร้รอยต่อสำหรับสไตลิสต์ เพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจของพวกเขาได้บนโลกออนไลน์ 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 57 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่ MaryKay.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

Stephanie Sprangers, ผู้ก่อตั้ง + ซีอีโอ, Glamhive

stephanie@glamhive.com

+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






OAG และ IATA เสริมสร้างความร่วมมือด้านข้อมูลเพื่อต่อสู้กับความผันผวนของตลาดและการกำหนดการ

Logo

ข้อมูลที่ครอบคลุมจัดทำโดยระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ของ OAG เพื่อช่วยขับเคลื่อนเครื่องมือตลาดอัจฉริยะ Airport IS ของ IATA

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–24 กุมภาพันธ์ 2564

OAG ผู้ผู้ให้บริการข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ตกลงเป็นพันธมิตรกับ International Air Transport Association (IATA) เพื่อจัดหากำหนดการและข้อมูลอ้างอิงผ่านระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้นำการบินทั้งสอง OAG จะจัดหาเครื่องมือวิเคราะห์ชั้นนำของตลาดให้กับ IATA ซึ่งจะนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของรายการทั้งหมดควบคู่ไปกับ Airport IS และเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ต่อไปในอนาคต

การสร้างขึ้นบนระบบคลาวด์แพลตฟอร์ม Snowflake การจัดหาข้อมูลอ้างอิง และการกำหนดเวลา ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลตารางเวลาเวอร์ชันที่สมบูรณ์และใหม่ที่สุดที่มีอยู่ในตลาด

 “ผลกระทบอย่างต่อเนื่องของ COVID-19 ส่งผลต่อความผันผวนของการคมนาคม ทำให้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ของเราด้วยข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด” Charles de Gheldere ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลการบินของ IATA กล่าว “ความร่วมมือที่แข็งแกร่งของเรากับ OAG ช่วยจัดหาข้อมูลที่ใหม่และถูกต้องให้กับลูกค้าในสนามบิน และระบบแพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่มีนวัตกรรมที่สูง ทันสมัยและยืดหยุ่น ข้อเสนอ IATA และ OAG ที่รวมกันช่วยให้สนามบินทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่นำทางในช่วงเวลาที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุดในช่วงหนึ่งในอุตสาหกรรมของเรา”

Phil Callow ประธานบริหารของ OAG กล่าวเสริมว่า “เทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ของเราช่วยให้ปรับตัวเข้ากับความผันผวนของตลาดที่กำลังดำเนินอยู่ได้ โดยการส่งมอบข้อมูลเวอร์ชันที่เหมาะสมที่สุดสู่มือของลูกค้าโดยตรง ความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของเรากับ IATA และการลงทุนในระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ของเราถือเป็นขั้นตอนล่าสุดในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด”

การเป็นพันธมิตรแบบระยะหลายปีมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2564 และนับเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนากับทั้งสององค์กร

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ในการใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อขับเคลื่อนโลกแห่งการเดินทางคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472

OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรมีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: www.oag.com และสามารถติดตามเราทาง Twitter ได้ที่ @OAG Aviation

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210224005505/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Caroline Mather, Marketing Director, OAG
Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การท่องเที่ยวฮ่องกงเตรียมกระตุ้นฟื้นฟูการท่องเที่ยว ผ่านแคมเปญยิ่งใหญ่ระดับโลก “Hong Kong Super Fans” พร้อมร่วมกิจกรรมกับซูเปอร์แฟนฮ่องกงใน 20 ประเทศทั่วโลก

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–10 กุมภาพันธ์ 2564

การท่องเที่ยวฮ่องกงประกาศเปิดตัวแคมเปญใหญ่ระดับโลกครั้งแรก กับแคมเปญ “Hong Kong Super Fans” โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่การท่องเที่ยวฮ่องกงได้จัดทำขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

Good fortune bag (Photo: Business Wire)

Good fortune bag (ภาพ: Business Wire)

ในช่วงเวลานี้ที่ยังมีข้อจำกัดด้านการเดินทางในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงความพยายามในการจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนเพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด การท่องเที่ยวฮ่องกงได้รวบรวมกลุ่มผู้ชื่นชอบฮ่องกงจากหลากหลายประเทศมาร่วมแคมเปญสำคัญนี้ เพื่อย้ำเตือนให้ผู้คนหวนคิดถึงว่าทำไมพวกเขาถึงรักฮ่องกง และปลุกกระแสความตื่นเต้นที่ทุกคนเฝ้ารอจะได้เดินทางกลับมาเยือนฮ่องกงอีกครั้งเมื่อมีการเปิดพรมแดนอย่างเป็นทางการ

“การท่องเที่ยวฮ่องกงได้มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับเหล่านักเดินทางกลับสู่ฮ่องกงอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอย” ดร. วายเค แปง (YK Pang) ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง กล่าว “แคมเปญ Hong Kong Super Fans นี้ เป็นองค์ประกอบหลักและสำคัญของแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวฮ่องกง และยังเป็นวิธีการที่เราจะแสดงความขอบคุณต่อกลุ่มผู้ที่ให้ความรักต่อฮ่องกงตลอดมาและยังคงคิดถึงฮ่องกงอยู่เสมอในฐานะเมืองจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก”

สำหรับแคมเปญล่าสุดนี้ การท่องเที่ยวฮ่องกงได้เชิญกลุ่ม Hong Kong Super Fans ซึ่งเป็นเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงและมีความชื่นชอบและใกล้ชิดกับฮ่องกงมาร่วมกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของฮ่องกง เมื่อเราได้รับอนุญาตให้เดินทางข้ามประเทศอีกครั้ง Hong Kong Super Fans เหล่านี้จะได้รับเชิญให้มาเที่ยวและสัมผัสฮ่องกงในทุกแง่มุม ตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมไปจนถึงที่เที่ยวแบบ hidden gems สไตล์คนท้องถิ่น และอัปเดตกิจกรรมและสถานที่เที่ยวใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาแก่ผู้คนในโลกออนไลน์ (แฟน ๆ และเพื่อน) และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ การท่องเที่ยวฮ่องกงยังได้จัดดีลข้อเสนอและโปรโมชั่นโดนใจอีกมากมายเพื่อแฟน ๆ และเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบฮ่องกงทุกคนด้วย

การท่องเที่ยวฮ่องกงได้คัดเลือกและเชิญชวน Super Fans ทั้งในฮ่องกงและประเทศต่าง ๆ อีก 20 ประเทศผ่านสำนักงานการท่องเที่ยวฮ่องกงในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ออสตราเลเซีย ยุโรป แอฟริกาตะวันออกกลาง และอเมริกา โดยสัปดาห์นี้จะมีการประกาศกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญคือ กิจกรรมทัวร์ออนไลน์เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในฮ่องกงมิติใหม่แบบไม่เหมือนใคร ซึ่งจัดขึ้นสำหรับ Super Fans เป็นกลุ่มแรกโดยเฉพาะ กิจกรรมการเดินทางแบบ “ออนไลน์ + ออฟไลน์” นี้จะพาเหล่า Hong Kong Super Fans ไปสัมผัสย่าน Old Town Central ที่มีเสน่ห์เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีการเฉลิมฉลองของคนท้องถิ่น เลือกซื้อหาของมงคล และเปิด “ถุงโชคดี” ที่จัดส่งให้แก่พวกเขาล่วงหน้า ซึ่งมีเครื่องประดับนำโชค ขนมมงคลประจำเทศกาลและอื่น ๆ อีกมากมายอยู่ด้านใน พร้อมร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนี้กับชาวฮ่องกงและผู้คนทั่วโลกจากบ้านได้อย่างสนุกสนาน

 “การท่องเที่ยวฮ่องกงได้เดินหน้าจัดแคมเปญ 'Holiday at Home' เพื่อเชิญชวนให้ชาวฮ่องกงมาสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวในฮ่องกงบ้านเกิดของพวกเขาอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการจัดแคมเปญ 'Hong Kong Super Fans' ที่ถือเป็นก้าวแรกเริ่มสำคัญในการสร้างความผูกพันใกล้ชิดระหว่างฮ่องกงกับนักท่องเที่ยวทั่วโลก” ดร. วายเค แปง (YK Pang) กล่าวเสริม “เมื่อพรมแดนเริ่มเปิดอีกครั้ง เราจะเปิดตัวแคมเปญ ‘Open House Hong Kong’ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าฮ่องกงพร้อมที่จะต้อนรับเหล่านักเดินทางให้มาเยือนอีกครั้งด้วยข้อเสนอดี ๆ มากมายและประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าสนใจและหาไม่ได้ที่ไหนในโลก”

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ Hong Kong Super Fans จะมีการประกาศเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้

จบ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/52377001/en

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ หรือคุณกมลพิชญ์ พรมบาง

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกงสำหรับสื่อมวลชน | แฟรนคอม เอเชีย

02 233 4329 ต่อ 17 หรือ pr@francomasia.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


ฉลองตรุษจีนมิติใหม่แบบฮ่องกงสไตล์

Logo

เปิดประสบการณ์ต้อนรับปีใหม่มงคลด้วยกิจกรรมออนไลน์สุดสร้างสรรค์

แม้ว่าปีนี้เทศกาลตรุษจีนจะแตกต่างไปจากที่เราคุ้นเคยกันอยู่บ้าง แต่ฮ่องกงก็เตรียมพร้อมเฉลิมฉลองเทศกาลมงคลนี้อย่างยิ่งใหญ่ในสไตล์ของตัวเอง ด้วยการผสานขนบธรรมเนียมดั้งเดิมเข้ากับไอเดียรูปแบบกิจกรรมออนไลน์ใหม่ ๆ เพื่อให้ปีฉลูปีนี้ของทุกคนเป็นปีแห่งความสุขสนุกสนานและน่าจดจำ

Not to be missed is a collaboration between the 73-year-old Kung Lee Sugar Cane Drink and chic candy brand Papabubble (Photo: Business Wire)

ที่พลาดไม่ได้คือผลงานการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างร้าน Kung Lee Sugar Cane Drink ร้านเครื่องดื่มและของหวานเก่าแก่ที่เปิดขายมานานกว่า 73 ปี และ Papabubble แบรนด์ขนมสุดเก๋ (ภาพ: Business Wire)

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนประจำปีในฮ่องกง ด้วยการเยี่ยมชมตลาดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงในย่าน Prince Edward ฝั่งเกาลูน ที่ชาวฮ่องกงจะมาซื้อหาดอกไม้และต้นไม้ตามฤดูกาลซึ่งมีความหมายมงคลในด้านต่าง ๆ เชื่อกันว่าต้นส้มเขียวหวานจะนำความโชคดีมาให้ ในขณะที่กล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความประณีตงดงาม นอกจากนี้ยังมีดอกไม้และผลไม้ประจำเทศกาลอีกมากมายให้เราได้เลือกซื้อและนำกลับบ้านพร้อมความหมายดี ๆ เช่นผู้คนที่มาเดินในตลาดดอกไม้แห่งนี้กล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณจัดบ้านของคุณให้สวยงาม คุณก็จะมีความสุขมากขึ้น และจะนำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนสุขและความสดใสเบิกบานในชีวิต”

การไหว้เจ้าเป็นอีกหนึ่งธรรมเนียมปฏิบัติที่นิยมของชาวฮ่องกง ในช่วงเทศกาลตรุษจีน คนฮ่องกงหลายพันคนจะพากันไปวัดดัง ๆ ในฮ่องกงอย่างน้อยหนึ่งแห่ง เช่นวัดกังหันแชกงหมิว วัดหวังต้าเซียน และวัดหมั่นโหมว เพื่ออธิษฐานขอพรให้สุขภาพแข็งแรงและให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรืองในปีใหม่ที่จะมาถึง วัดเหล่านี้มีสถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่น ภายในวัดมีศาลเจ้าที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีตงดงาม ยิ่งช่วยให้ทริป การไหว้พระขอพรถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดีและสมบูรณ์แบบ

“ฟ่าย ชุน” (Fai chun) หรือป้ายอักษรจีนมงคล เป็นของตกแต่งแบบดั้งเดิมที่แขวนหน้าประตูบ้านและบนผนัง ซึ่งเป็นของมงคลที่ทุกคน “ต้องมี” เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศความรื่นเริงและนำมาซึ่งความโชคดีและความมั่งคั่งร่ำรวย

แม้ปีนี้จะไม่มีการจัดอีเว้นท์ใด ๆ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 แต่การท่องเที่ยวฮ่องกงก็เตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนแบบยิ่งใหญ่ไปอีกขั้น ด้วยการผสานขนบประเพณีดั้งเดิมที่เปี่ยมด้วยความหมายเข้ากับรูปแบบกิจกรรมออนไลน์เพื่อส่งมอบ “คำอวยพร” และบรรยากาศมงคลต้อนรับปีใหม่ในรูปแบบที่แตกต่าง โดยแคมเปญกิจกรรมฉลองตรุษจีน “Fortunes in Hong Kong” จะจัดขึ้นในรูปแบบทั้ง “ออนไลน์และออฟไลน์” ระหว่างวันที่ 8-26 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ ทางเว็บไซต์ www.discoverhongkong.com/CNY โดยจะมีตลาดนัดออนไลน์ที่เป็นแหล่งรวมสินค้าสร้างสรรค์ รวมถึงอาหารรสเลิศฉลองเทศกาลตรุษจีนและเมนูมงคลสุดพิเศษ ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เกมส์ เคล็ดลับฮวงจุ้ยเสริมดวง และ e-card การ์ดอวยพรตรุษจีน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสบรรยากาศการเฉลิมฉลองในแบบฉบับฮ่องกงได้จากทั่วทุกมุมโลก

สำหรับโซนตลาดนัดออนไลน์ จะมีผลิตภัณฑ์สไตล์ Crossover ดี ๆ ที่น่าสนใจซึ่งเป็นผลงานการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างแบรนด์ท้องถิ่นสไตล์ดั้งเดิมและแบรนด์ที่มีคอนเซปต์และนวัตกรรมล้ำสมัยมาจำหน่ายสำหรับผู้ที่อยากฉลองเทศกาลตรุษจีนอย่างมีสไตล์ ที่พลาดไม่ได้คือผลงานการสร้างสรรค์ร่วมกันระหว่างร้าน Kung Lee Sugar Cane Drink ร้านเครื่องดื่มและของหวานเก่าแก่ที่เปิดขายมานานกว่า 73 ปี และ Papabubble แบรนด์ขนมสุดเก๋ ที่ครั้งนี้พวกเขามาร่วมกันแปรเปลี่ยนเครื่องดื่มรสขมสุดคลาสสิกสไตล์ฮ่องกงนี้ให้เป็นลูกอมแฮนด์เมดรสชาสมุนไพรต่าง ๆ ในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งความสร้างสรรค์ร่วมกันของแบรนด์ท้องถิ่นที่น่าภาคภูมิใจ กับร้านขนมแบบดั้งเดิม Yiu Fung ที่จับมือกับบริษัท Papery บริษัทจัดทำสิ่งพิมพ์ที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ดีไซน์กล่องใส่ขนมมงคลสวยงามเพื่อบรรจุเมนูขนมสุดคลาสสิกยอดนิยมของร้าน Yiu Fung  ภายในกล่องมีกระดาษป็อบอัพรูปต้นส้มเขียวหวานซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีตามความเชื่อชาวจีนด้วย

ด้วยกิจกรรมเฉลิมฉลองที่ชวนสนุกสนานทั้งหมดนี้ ฮ่องกงพร้อมต้อนรับปีฉลูหรือปีวัวทองด้วยความสุขและคำอวยพรดี ๆ ตลอดปีและตลอดไป ตามที่คนฮ่องกงกล่าวไว้ว่า “เมื่อพบความยากลำบาก เราชาวฮ่องกงก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น เราหวังว่าปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นปีที่ดี”  

– จบ –

ดาวน์โหลดรูปภาพความละเอียดสูงและคลิปวิดีโอ ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

https://hktb.filecamp.com/s/jXExZbkwQO3uEulr/fo

ดาวน์โหลดรูปภาพความละเอียดสูงและคลิปวิดีโอ ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

https://hktb.filecamp.com/s/jXExZbkwQO3uEulr/fo

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ หรือคุณกมลพิชญ์ พรมบาง

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกงสำหรับสื่อมวลชน

แฟรนคอม เอเชีย

02 233 4329 ต่อ 17 หรือ pr@francomasia.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


ฮิลตัน เปิดตัว Hilton EventReady Hybrid Solutions สำหรับการประชุมและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นที่คาดไว้สำหรับปี 2564

Logo

เริ่มต้นแล้วทั่วโลกในกลุ่มโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอที่รองรับการจัดประชุมแบบไฮบริด

แม็คลีน, เวอร์จิเนียร์–(BUSINESS WIRE)–11 ม.ค. 2563

หลังจากได้ผ่านพ้นปีแห่งความไม่แน่นอนที่ผ่านมา ความเป็นจริงทางธุรกิจอย่างหนึ่งดูเหมือนจะชัดเจนยิ่งขึ้น นั่นคือการประชุมและกิจกรรมแบบไฮบริดเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการพบปะและสังสรรค์ของผู้คน ฮิลตันจึงขอแนะนำ Hilton EventReady Hybrid Solutions ซึ่งเป็นชุดข้อเสนอใหม่ ที่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อนำผู้วางแผนอีเวนต์ หรืออีเวนต์แพลนเนอร์ ไปสู่โรงแรมต่าง ๆ ในเครือของฮิลตัน ที่พร้อมให้บริการอีเวนต์แบบไฮบริด พร้อมกับการวางแผนทรัพยากร ซึ่งรวมไปถึงคู่มือ Hilton EventReady Playbook ที่มีการขยายรายละเอียดให้ครอบคลุม รวมไปถึงข้อเสนอสำหรับลูกค้าที่ยืดหยุ่นอีกด้วย

เพื่อส่งมอบประสบการณ์การประชุมและกิจกรรมโดยสมาชิกในทีม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Hilton EventReady Hybrid Solutions โรงแรมที่เข้าร่วมจะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลการฝึกอบรมสมาชิกในทีมอย่างครอบคลุมเพื่อเสริมสร้างความรู้ของพวกเขาในการจัดประชุมแบบไฮบริดได้

“ฮิลตันเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการประชุมและอีเวนต์มากว่า 100 ปี ด้วยการรับฟังอย่างตั้งใจและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป” Martin Rinck รองประธานบริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่แบรนด์ฮิลตัน กล่าว “Hilton EventReady Hybrid Solutions เกิดจากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราในการสร้างความเป็นเลิศ ตั้งแต่การเข้าถึงความสามารถของโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอทั่วโลกของเรา ไปจนถึงการเปิดตัวข้อเสนอการวางแผนงานทรัพยากรที่ครอบคลุม และการแนะนำการฝึกอบรมสมาชิกในทีมเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะสามารถมอบประสบการณ์การจัดงานโดยรวมที่ดีที่สุดได้”

Hilton EventReady Hybrid Solutions จะเริ่มเปิดตัวในเดือนนี้ที่โรงแรมฮิลตันทั่วโลก นอกจากนี้ รายละเอียดที่เพิ่มเติมสำหรับการประชุมแบบไฮบริดในคู่มือ Hilton EventReady Playbook ยังประกอบไปด้วย การรวมกรณีศึกษาโดยละเอียด คำแนะนำสำหรับมืออาชีพ อภิธานศัพท์ของการจัดประชุมแบบไฮบริด และอื่น ๆ โดยจะมีให้บริการเป็นภาษาอังกฤษในเดือนนี้ และลูกค้าที่ร่วมงานกับกลุ่มโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอของฮิลตันสามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก

กลุ่มโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอที่พร้อมให้บริการอีเวนต์แบบไฮบริดจะเน้นย้ำถึงความต้องการพื้นฐานที่ลูกค้าควรคาดหวังได้เมื่อจัดงานอีเวนต์แบบไฮบริดขนาดเล็กซึ่งรวมถึง:

  • ความพร้อมด้าน IT: โรงแรมแต่ละแห่งจะได้รับการประเมิน โดยพิจารณาที่แบนด์วิดท์ไอทีที่มีอยู่และโครงสร้างพื้นฐานของโรงแรม เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของการจัดอีเวนต์แบบไฮบริดขนาดเล็ก ในการที่จะได้รับการยืนยันให้เป็น "โรงแรมที่มีความพร้อมในการจัดอีเวนต์แบบไฮบริด หรือ hybrid-ready" โรงแรมจะต้องมีจำนวนแบนด์วิดท์ที่พร้อมใช้งานที่สูงกว่าขั้นต่ำของระดับการใช้วงจรไฟฟ้าโดยเฉลี่ยของโรงแรม ข้อกำหนดนี้ช่วยให้สามารถสื่อสารและเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์การประชุมแบบไฮบริดภายในโรงแรมในขณะที่ให้ผู้เข้าร่วมแบบเวอร์ชวลสามารถเข้าถึงได้ง่าย
  • การเสนอขายหลายสถานที่และข้อตกลงด่วน: ข้อเสนอเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถจองการจัดงานอีเวนต์ของตนเองได้ที่หลากหลายสถานที่ของฮิลตันที่รองรับการจัดงานแบบไฮบริด และสร้างประสบการณ์การทำสัญญาที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
  • คู่มือที่มีการขยายความอย่างครอบคลุม: ในขณะที่คู่มือ EventReady Playbook พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั่วโลก ผู้ที่มองหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการวางแผนและการดำเนินกิจกรรมไฮบริดขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของการจัดงานแบบไฮบริดที่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

อีกส่วนหนึ่งของ Hilton EventReady Hybrid Solutions นั้น Encore (หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า PSAV) ได้นำเสนอแพ็กเกจเทคโนโลยีในการจัดงานอีเวนต์ขนาดเล็กในโรงแรมที่รองรับการจัดประชุมแบบไฮบริด อีกทั้ง Presentation Stages ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับเทคโนโลยีการออกอากาศและเป็นอุปกรณ์จัดแสดงที่ช่วยยกระดับการส่งข้อความและการมีส่วนร่วมในการประชุม ขั้นตอนการนำเสนอเป็นการเตรียมความพร้อมของสถานที่อย่างสะอาดและปลอดภัยในการผลิต บันทึก และ/หรือออกอากาศงานอีเวนต์ออนไลน์ด้วยคุณภาพที่สูงกว่าการผลิตจากทางบ้านหรือที่ทำงานทั่วไป โรงแรมฮิลตันมีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีการจัดงานเพื่อรองรับผู้นำเสนองานภายในโรงแรมระหว่างสองถึงหกคน และผู้เข้าร่วมประชุมได้ถึง 50 คน

ปัจจุบัน Presentation Stages สามารถจองได้แล้วที่ Conrad Fort Lauderdale Beach, Hilton Atlanta, Hilton Anatole, Hilton Denver, และ The Beverly Hilton พร้อม ๆ กับอีกหลายแห่งที่มีให้บริการใน คลีฟแลนด์ (Cleveland), มินนีแอโพลิส (Minneapolis), นิวยอร์ก (New York), วอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, DC) รวมทั้ง ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่จะตามมาภายในปีนี้

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับHilton EventReady Hybrid Solutions รวมถึงรายชื่อโรงแรมที่รองรับการจัดประชุมแบบไฮบริดได้ที่: meetings.hilton.com/hybridsolutions.

เกี่ยวกับฮิลตัน

ฮิลตัน (NYSE: HLT) บริษัทชั้นนำด้านธุรกิจโรงแรมแห่งหนึ่งของโลก ที่มีแบรนด์โรงแรมระดับโลกภายใต้ พอร์ตโฟลิโอของบริษัท ถึง 18 แบรนด์ มากกว่า 6,300 โรงแรม ที่ให้บริการห้องพักกว่า 1 ล้านห้อง ใน 118 ประเทศและเขตการปกครองอื่น ๆ ฮิลตัน ด้วยความทุ่มเทเพื่อปฏิบัติตามพันธกิจในการเป็นบริษัทที่ดีที่สุดในโลกด้านการโรงแรม ฮิลตันได้ต้อนรับแขกมากกว่า 3 พันล้านคนในประวัติศาสตร์กว่า 100 ปี และได้รับตำแหน่งสูงสุดในรายชื่อสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2563 และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลกประจำปี 2562 ที่จัดอันดับโดย Dow Jones Sustainability Indices โดยในปี 2563 Hilton CleanStay ได้รับการเปิดตัว โดยได้นำมาตรฐานความสะอาดและการฆ่าเชื้อที่กำหนดในอุตสาหกรรมไปใช้กับโรงแรมทั่วโลกอีกทั้งโปรแกรมสมาชิกสำหรับแขกที่ได้รับรางวัลที่เรียกว่า Hilton Honors สมาชิกมากกว่า 110 ล้านคนที่จองโดยตรงกับฮิลตันจะได้รับคะแนนสำหรับการเข้าพักในโรงแรมและประสบการณ์ที่เงินไม่สามารถซื้อได้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทันที ซึ่งรวมถึงการเช็คอินแบบไร้การสัมผัสและเลือกห้องได้ กุญแจดิจิทัล และ Connected Room หรือเทคโลโยลีในการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานต่าง ๆ ภายในห้องพักผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เยี่ยมชม newsroom.hilton.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเชื่อมต่อกับฮิลตัน บน Facebook, Twitter, LinkedIn, Instagram และ YouTube

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่ https://www.businesswire.com/news/home/52352900/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Colleen Hart

Director, ฝ่ายสื่อสารองค์กรระดับโลก

Colleen.Hart@Hilton.com

เพลิดเพลินกับกิจกรรมและสินค้าเกาหลีที่น่าตื่นตาตื่นใจในงาน Korea Grand Sale 2021 เทศกาลวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติที่จะจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์

Logo

– ระยะเวลา 46 วัน เริ่มตั้งแต่ 14 มกราคม เพื่อเป็นการนำเสนอโปรโมชันออนไลน์

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–08 มกราคม 2564

MCST (กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว; รัฐมนตรี: Park Yang-woo) และ VKC (คณะกรรมการท่องเที่ยวเกาหลี) เตรียมเป็นเจ้าภาพเทศกาลวัฒนธรรมและท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติ 'Korea Grand Sale 2021' ระหว่างวันที่ 14 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์

Korea Grand Sale 2021 is held online from January 14 to February 28. It will be opened with the online concert of K-pop idol singer OH MY GIRL. Korea Grand Sale 2021 offers a variety of programs: Online Cultural Tours Around Korea wherein people can experience and purchase Korean cultural content in a contactless way; Special Online Shopping Mall Event wherein discounts are offered for items of K-beauty, K-food, and K-fashion, which are popular among foreign tourists; Korean Tourism Products Pre-purchase Promotion which offers discounts on tourism products to encourage foreign tourists to visit Korea when the COVID-19 era comes to an end; and Share Your Korea, a social media campaign with a hashtag designed to promote foreigners to participate on social media as well as on the Internet. (Graphic: Business Wire)

งาน Korea Grand Sale 2021 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ โดยจัดให้มีคอนเสิร์ตออนไลน์จากนักร้องเค-ป็อปขวัญใจอย่าง OH MY GIRL เป็นการเปิดงาน ในงาน Korea Grand Sale 2021 ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในรูปแบบออนไลน์รอบ ๆ เกาหลี ซึ่งให้ผู้คนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวและจับจ่ายสินค้าทางวัฒนธรรมของเกาหลีแบบไร้การสัมผัส กิจกรรมช้อปปิ้งออนไลน์สุดพิเศษจากห้างสรรพสินค้า โดยมีส่วนลดสำหรับสินค้าความงาม อาหาร และแฟชันแบรนด์เกาหลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมานำเสนอ โปรโมชันผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวเกาหลีแบบสั่งซื้อล่วงหน้า ซึ่งนำเสนอสส่วนลดสำหรับผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนเกาหลีหลังสิ้นสุดการระบาดของไวรัสโควิด-19 และกิจกรรม Share Your Korea ซึ่งเป็นการรณรงค์ผ่านสื่อสังคมโดยใช้แฮชแท็กที่สร้างขึ้นมากระตุ้นให้ชาวต่างชาติเข้าร่วมสื่อสังคมและสื่อออนไลน์ (กราฟิก: Business Wire)

Korea Grand Sale เป็นเทศกาลที่ขึ้นชื่อในเรื่องการช้อปปิ้ง วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวซึ่งนำเสนอเนื้อหาด้านการท่องเที่ยวที่น่าสนใจรวมถึงสิทธิประโยชน์สำหรับการเลือกซื้อสินค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงฤดูหนาวซึ่งผู้คนไม่นิยมท่องเที่ยว สำหรับเทศกาลในปี 2564 นี้จะจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

ในงาน Korea Grand Sale 2021 ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในรูปแบบออนไลน์รอบ ๆ เกาหลี ซึ่งให้ผู้คนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวและจับจ่ายสินค้าทางวัฒนธรรมของเกาหลีแบบไร้การสัมผัส กิจกรรมช้อปปิ้งออนไลน์สุดพิเศษจากห้างสรรพสินค้า โดยมีส่วนลดสำหรับสินค้าความงาม อาหาร และแฟชันแบรนด์เกาหลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมานำเสนอ โปรโมชันผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวเกาหลีแบบสั่งซื้อล่วงหน้า ซึ่งนำเสนอสส่วนลดสำหรับผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนเกาหลีหลังสิ้นสุดการระบาดของไวรัสโควิด-19 และกิจกรรม Share Your Korea ซึ่งเป็นการรณรงค์ผ่านสื่อสังคมโดยใช้แฮชแท็กที่สร้างขึ้นมากระตุ้นให้ชาวต่างชาติเข้าร่วมสื่อสังคมและสื่อออนไลน์

งาน Korea Grand Sale 2021 จะจัดให้มีคอนเสิร์ตออนไลน์จากนักร้องเค-ป็อปขวัญใจอย่างวง ‘OH MY GIRL’ เป็นการเปิดงาน ตลอด 46 วัน เริ่มตั้งแต่ 14 มกราคม เป็นต้นไป

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเทศกาล Korea Grand Sale (www.koreagrandsale.co.kr)

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52356381/en 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

คณะกรรมการท่องเที่ยวเกาหลี (Visit Korea Committee)
Kim Moon-joo, ผู้จัดการการตลาด
+82-2-6272-7307
onlyou6@vkc.or.kr

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ เชิญชวนผู้ประกอบการด้านสังคมสมัครร่วมกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์

Logo

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งที่สามนี้ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะที่เป็นคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และชาวผิวสี (BIPOC) สมัครเข้าร่วม รวมถึงเชิญชวนให้ผู้บริโภคลงทะเบียนเพื่อร่วมตัดสินผลงานที่ส่งเข้ามา

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–06 มกราคม 2564

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ซึ่งมี พีวีเอช คอร์ป [NYSE: PVH] เป็นเจ้าของ มีความยินดีที่จะประกาศให้ทราบถึงการเปิดรับสมัครเข้าร่วมกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ครั้งที่สาม ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม ไปจนถึง 8 มีนาคม 2564 กิจกรรมระดับโลกนี้มีเป้าหมายสนับสนุนผู้เริ่มต้นธุรกิจและธุรกิจที่กำลังขยายในการพัฒนาโซลูชันที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนเชิงบวกในวงการแฟชั่น โดยนับตั้งแต่เริ่มต้นขึ้นในปี 2561 กิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ได้มอบรางวัลแด่ผู้ประกอบการที่ยืนหยัดในความเชื่อและมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภายในชุมชนของตนไปแล้วกว่า 350,000 ยูโร สำหรับปีที่สามของกิจกรรมซึ่งเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ  ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ที่ว่า Waste Nothing and Welcome All นี้ ทางโครงการมุ่งมั่นที่จะขยายขนาดและสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และชาวผิวสี (BIPOC) ที่ทำงานเพื่อยกระดับชุมชนของตนให้ก้าวหน้า รวมถึงก่อร่างอนาคตที่เท่าเทียมยิ่งขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่มให้กับวงการแฟชันที่ โดยมีการเชิญชวนให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินผลงานที่ส่งเข้ามาด้วย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210105006033/en/

“กิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ มุ่งเน้นความสนใจไปยังผู้ประกอบการที่ทุ่มทั้งหัวใจและวิญญาณให้กับการสร้างผลกระทบทางสังคมในเชิงบวกในอุตสาหกรรมของเรา” ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ กล่าว “สำหรับปีนี้ เราต้องการแสดงให้เห็นถึงมุมมอง แนวคิด และชุมชนที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่ม BIPOC เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นทั่วทั้งวงการแฟชั่น และผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สานต่อพันธกิจในเรื่องความเท่าเทียมที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่มของเราผ่านกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้

ธุรกิจที่สนใจสามารถส่งข้อเสนอโครงการที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้างห่วงโซ่คุณค่าในวงการแฟชันที่มีความเท่าเทียมมากขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่ม ผู้สมัครจะถูกคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบหกคนสุดท้าย ซึ่งจะได้รับเชิญให้ร่วมพัฒนาแผนโครงการของตนทางออนไลน์ โดยจะได้รับการสนับสนุนจาก ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ และทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องจากภายนอก หลังจากได้รับการฝึกอบรมจากโค้ชผู้มากประสบการณ์แล้ว ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะต้องนำเสนอแนวคิดสุดท้ายของตนต่อคณะกรรมการตัดสินผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ชมที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยตัดสินในรอบตัดสินของกิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2565

เพื่อเป็นการต่อยอดความมุ่งมั่นในเรื่องความเท่าเทียมสำหรับคนทุกกลุ่ม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ได้เพิ่มคำเชิญสำหรับผู้บริโภคที่จะเข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินและช่วยคัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายสำหรับกิจกรรมปีนี้ กรรมการที่เป็นตัวแทนจากผู้บริโภคจะได้รับมอบหมายให้คัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้ายให้เหลือเพียง 50 คนจากทั้งหมด 200 คน โดยแต่ละคนจะได้รับผลงานจากผู้สมัครอย่างน้อยสี่คนเพื่อทำการตัดสินผ่านเว็บเฉพาะกิจของแบรนด์ ผู้บริโภคที่ต้องร่วมเป็นกรรมการตัดสินสามารถสมัครได้ที่ https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/ ภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์

ในปีนี้ มีการเพิ่มรางวัลขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยผู้ชนะจะได้รับทั้งเงินรางวัลและความรู้สำหรับต่อยอดไอเดียธุรกิจของตน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • บรรดาผู้ชนะจะได้รับรางวัลรวม 200,000 ยูโร รวมถึงโอกาสคว้าเงินรางวัลเพิ่มเติมถึง 15,000 ยูโร ในกรณีที่เป็นผู้ชนะ “การโหวตผลงานที่ชื่นชอบจากผู้ชม”
  • คำปรึกษาตลอดเวลาหนึ่งปีจาก ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ และผู้เชี่ยวชาญภายนอก
  • พื้นที่ในโครงการผู้ประกอบการเพื่อสังคม (ISEP) ของ INSEAD
  • คำปรึกษาตลอดเวลาหนึ่งปีจาก INSEAD

“แม้อุตสาหกรรมแฟชันกำลังเดินหน้าสู่การยอมรับความหลากหลายและความเท่าเทียมสำหรับคนทุกกลุ่ม แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่รอให้เราลงมือทำ” Martijn Hagman ซีอีโอประจำ Tommy Hilfiger Global กล่าว “เราจะใช้กิจกรรม ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ ต่อยอดความมุ่งมั่นของเราต่อเรื่องบทบาทที่เท่าเทียมและความหลากหลาย และช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่พวกเราปรารถนาและต้องการเห็นมากที่สุด”

พันธกิจของ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ คือการเป็นบริษัทแฟชันที่ลดการสร้างขยะและเปิดรับผู้คนทุกกลุ่ม และบริษัทเครื่องแต่งกายไลฟ์สไตล์ชั้นนำที่สร้างความยั่งยืนผ่านกระบวนการผลิตสินค้า การดำเนินธุรกิจ และการสร้างสัมพันธ์กับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเส้นทางสู่ความยั่งยืนของ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ซั่งสนับสนุนโดยกลุยทธ์ Forward Fashion ของพีวีเอช สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-sustainability

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ แฟชั่น ฟรอนเทียร์ ชาเลนจ์ รวมถึงวิธีสมัคร สามรถดูได้ที่นี้: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/

ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ที่ติดตามแบรนด์ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาผ่านสื่อสังคมโดยใช้แฮชแท็ก #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

# # #

เกี่ยวกับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์

ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ พีวีเอชคอร์ป

พีวีเอช เป็นผู้กำหนดมาตรฐานให้กับสไตล์ ในฐานะหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราสนับสนุนแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นให้เดินหน้า ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วยแบรนด์ต่าง ๆ อย่างเช่น Calvin KleinTOMMY HILFIGERVan HeusenIZOD, ARROW, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene รวมถึงแบรนด์ชุดชั้นในที่มีความเป็นดิจิทัลสูงอย่าง True&Co. เราจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้ และแบรนด์ตนเป็นเจ้าของและได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ พีวีเอช มีพนักงานกว่า 40,000 คนในกว่า 40 ประเทศ และมีรายรับต่อปีราว 9.9 พันล้านดอลลาร์ฯ ทั้งหมดนี่คือพลังของ พีวีเอช

ติดตามเราได้ที่ FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210105006033/en/

ข้อมูลติดต่อ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์
Baptiste Blanc
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารสากล
อีเมล: baptiste.Blanc@tommy.com
โทร: +31 62904 2334

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โรงแรม New World Nha Trang จะเปิดให้บริการปี 2566

Logo

New World Hotels & Resorts ขยายพอร์ตโฟลิโอในเอเชียด้วยอสังหาริมทรัพย์ลำดับที่สี่ในเวียดนาม

ญาจาง, เวียดนาม–(BUSINESS WIRE)– 18 ธ.ค. 2563

New World® Hotels & Resorts ได้รับการแต่งตั้งจาก KDI Holdings ให้บริหารโรงแรม New World Nha Trang จำนวน 306 ห้องที่เปิดให้บริการในปี 2566 ด้วยการเริ่มต้นบทใหม่ของการขยายธุรกิจในเอเชีย ทั้งนี้ โรงแรม New World Nha Trang Hotel จะเข้าร่วมพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ในฐานะ อสังหาริมทรัพย์แห่งที่สี่ในเวียดนามที่เป็นทั้งเกตเวย์และสถานที่พักผ่อนในประเทศเวียดนาม ซึ่งพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ยังรวมถึง โรงแรม New World Saigon Hotel ที่เป็นที่รู้จักในฐานะแลนด์มาร์ก และรีสอร์ทอีกมากมายที่เปิดให้บริการในฮอยอันและฟูก๊วกในปี 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201218005018/en/

NEW WORLD NHA TRANG HOTEL TO OPEN 2023 (Photo: Business Wire)

โรงแรม NEW WORLD NHA TRANG HOTEL จะเปิดในปี 2566 (ภาพ: Business Wire)

ญาจางได้รับการยกย่องมานานแล้วว่าเป็นอัญมณีบนชายฝั่งเวียดนามตอนกลางตอนใต้ซึ่งตั้งอยู่บนอ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเสริมด้วยทิวทัศน์ภูเขาเขียวชอุ่มและชายหาดสีฟ้าใสทอดยาวและหมู่เกาะใกล้เคียง โรงแรม New World Nha Trang Hotel ตั้งอยู่บนทำเลที่ยอดเยี่ยมในคอมเพล็กซ์รีสอร์ทแบบครบวงที่ดำเนินการในระดับสากลในชื่อ Vega City Nha Trang หรือที่เรียกว่าเมืองแห่งศิลปะและความบันเทิงของเวียดนาม โดย Vega City Nha Trang เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ซึ่งเป็นที่ตั้งของความบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจมากมายในพื้นที่ 44 เฮกตาร์ คอมเพล็กซ์ริมอ่าวยังประกอบด้วยโรงละครโอเปร่าอันโดดเด่น ศูนย์การค้า Vega Continental การแสดงระบำแสงไฟ Dance of Lights อันตระการตา สวน Vega Coral Park และ Beach Club แบบเมดิเตอร์เรเนียน ที่ไม่เคยหลับใหล ตลอดจนถึงงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งแสดงอยู่ทุก ๆ มุม

โรงแรม New World Nha Trang Hotel ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีโดยรถยนต์จากใจกลางเมืองญาจาง ฉากหลังของโรงแรมเป็นป่าเขาและยังเป็นโรงแรมแห่งแรกที่โอบกอดหาด Bai Tien ที่มีความยาว 1.5 กิโลเมตร โดยตรงห้องพักและห้องสวีทได้รับการออกแบบอย่างสวยงามแต่ละห้องมีขนาดใหญ่อย่างน้อย 42 ตารางเมตรที่มาพร้อมกับระเบียงขนาดใหญ่และทิวทัศน์มุมกว้างของอ่าวญาจาง เกาะ Hon Rua และภูเขา Co Tien ในส่วนของวิลล่าริมชายหาดตั้งอยู่ริมชายหาดแบบแยกออกจากกันเป็นอิสระ ให้บรรยากาศหรูหราสไตล์เขตร้อน และจะประกอบด้วยห้องนอน 2 ถึง 4 ห้อง พร้อมตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินส่วนบุคคล ห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารแยกเป็นสัดส่วน สระว่ายน้ำส่วนตัวและฝักบัวกลางแจ้ง

โรงแรมนิวเวิลด์ญาจางจะมอบสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมกลุ่มและการประชุมในธีมเขตร้อน ที่มาพร้อมกับวิวทะเล ที่มีขนาดรวม 1,450 ตารางเมตร ซึ่งรวมถึงห้องประชุมส่วนตัว 5 ห้องห้อง ห้องบอลรูมไร้เสาขนาด 566 ตารางเมตรและห้องพักพิเศษสำหรับงานคู่บ่าวสาวสำหรับการจัดงานแต่งงาน โรงแรมจะนำเสนอโอกาสในการพักผ่อนหย่อนใจมากมาย เช่น สระว่ายน้ำอินฟินิตี้กลางแจ้ง สปา ศูนย์ออกกำลังกาย สตูดิโอออกกำลังกาย สโมสรสำหรับเด็กและบีชคลับ ที่พักแห่งนี้มีห้องอาหารและเลานจ์สี่แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีบรรยากาศและสไตล์การทำอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมไปถึงคาเฟ่ที่เปิดตลอดวัน ห้องอาหารและบาร์สุดพิเศษ บาร์ริมสระว่ายน้ำ และล็อบบี้เลานจ์

“การเติบโตอย่างรวดเร็วของการดำเนินงานของเราในเวียดนามเป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นสำหรับแบรนด์ของเรา และด้วยการสนับสนุนของ KDI Holdings โรงแรม New World Nha Trang จะเป็นส่วนเสริมที่น่าประทับใจในพอร์ตโฟลิโอของเรา” Sonia Cheng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rosewood Hotel Group กล่าว

“เราเลือกโรงแรม New World Hotels & Resorts เพื่อบริหารจัดการที่พักแห่งนี้ เพราะว่า ปรัชญาของการบริการความสัมพันธ์ของพวกเขารวมกับการบริการระดับเฟิร์สคลาสถือเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับโรงแรมริมชายหาดแห่งนี้ ซึ่งจะช่วยแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งความอบอุ่นและการต้อนรับที่แสนพิเศษของญาจาง”  Mr. Do Tuan Anh  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ KDI Holdings กล่าว “ เนื่องจากญาจางถูกคาดว่าจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำในเวียดนาม ทาง Vega City จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางและการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมจากกลุ่มผู้บริหารโรงแรมชั้นนำของโลก

เมื่อโรงแรม New World Nha Trang Hotel เปิดให้บริการ ก็จะมีการให้บริการกีฬาทางน้ำที่แขกผู้มาเยี่ยมเยือนจะพลาดไม่ได้ ตั้งแต่การดำน้ำไปจนถึงการล่องแพ การเล่นกระดานโต้คลื่น และการดำน้ำตื้นในแนวปะการังที่สวยงามของอ่าว Vega Nha Trang  อย่างไรก็ดีการเที่ยวชมทางบกก็เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เช่นกัน ปราสาทจามโพนครที่มีอายุมากกว่า 10 ศตวรรษที่ผ่านมาเป็นสัญลักษณ์ของญาจางเช่นเดียวกับเจดีย์ Long Son และ Suoi Do และมหาวิหารญาจาง ท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของญาจางได้ที่ป้อม Dien Khanh ที่สร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดในเวียดนามใต้ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น

เกี่ยวกับ New World Hotels & Resorts

New World® Hotels & Resorts เป็นธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทระดับดีลักซ์ที่เน้นไปที่การให้บริการแบบ MICE ซึ่งหมายถึง ธุรกิจการจัดประชุมขององค์กร (Meetings)การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) การจัดประชุมนานาชาติ (Conventions) และการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibitions) โดยจะให้บริการในทำเลใจกลางเมืองที่สะดวกสบายในเมืองหลักและเมืองรองในประเทศจีน และแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ ในเอเชียและสถานที่พักผ่อนยอดนิยม โรงแรม New World Hotels & Resorts ทั้งหมด 9 แห่งตั้งอยู่ในฮ่องกง ปักกิ่ง ต้าเหลียน กุ้ยหยาง อู่ฮั่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยมีโรงแรมในเครืออยู่ในเมืองซุ่นเต๋อ อีกด้วย โรงแรมส่วนใหญ่จะเป็นแบบห้องพักมากกว่า 350 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงร้านอาหาร บริการด้านธุรกิจ ห้องประชุมที่กว้างขวาง การให้บริการพื้นที่ Residence Club แบบ executive และตัวเลือกสันทนาการมากมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

newworldhotels.com

เกี่ยวกับ Rosewood Hotel Group

Rosewood Hotel Group เป็นหนึ่งในบริษัทโรงแรมชั้นนำของโลกประกอบด้วยสามแบรนด์ ได้แก่ Rosewood Hotels & Resorts® สุดหรูในอเมริกาเหนือ แคริบเบียน / แอตแลนติก ยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกแห่งใหม่ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ KHOS ทั้งนี้ Rosewood Hotel Group เป็นแบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ธุรกิจระดับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง ผลงานที่รวมกันประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 40 แห่งใน 19 ประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ rosewoodhotelgroup.com.

เกี่ยวกับ KDI Holdings

KDI Holdings ("KDI") เป็น บริษัท ที่จัดการการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทรวมถึงหุ้นเอกชน อสังหาริมทรัพย์ การเกษตรและการศึกษา การดำเนินธุรกิจของ KDI แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ (1) การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมไปถึงโครงการรีสอร์ทแบบบูรณาการในสถานที่สำคัญในเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในเวียดนามเช่น Vega City Nha Trang และ Vega City Van Don (2) เกษตรกรรมซึ่งประกอบด้วย โครงการเกษตรไฮเทค 525 เฮกตาร์โดยใช้พันธุ์พืชที่นำเข้าการเพาะปลูกตามวิธีการและระบบการจัดการที่ทันสมัยในอำเภอ Krong Pac จังหวัด Dak Lak (3) การศึกษาโดย KDI Education เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโปรแกรม STEM ชั้นนำสำหรับโรงเรียนเกือบ 100 แห่งในเวียดนาม และนักเรียนมากกว่า 40,000 คน ในฐานะนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์ที่มีประสบการณ์หลายสิบปีและเครือข่ายระดับโลกที่ยาวนาน KDI มีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าในขณะที่สร้างสินทรัพย์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งให้กับชุมชนผ่านทางโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรม ตามแนวทางที่มีวินัยแน่วแน่และทีมผู้บริหารที่มีความสามารถ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kdiholdings.com.vn.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201218005018/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Florence Chan

Rosewood Hotel Group

โทรศัพท์: +852 2138 2262

อีเมล: florence.chan@rosewoodhotelgroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay จะสนับสนุนความพยายามในการอนุรักษ์เต่าทะเลและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืนด้วยความร่วมมือกับ the Nature Conservancy ในหมู่เกาะโซโลมอน

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–24 พ.ย. 2563

เดือนพฤศจิกายนนี้ Mary Kay Inc. รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศความร่วมมือกับ The Nature Conservancy เพื่อปกป้องเต่ากระ หรือ hawksbill sea turtles ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่นำโดยผู้หญิงในหมู่เกาะโซโลมอน โดยทาง Mary Kay จะสนับสนุนการพัฒนาทักษะของกลุ่มสตรีในท้องถิ่นซึ่งเรียกว่า KAWAKI ผ่านความร่วมมือกับ The Nature Conservancy ในการอำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยของอาหารและสุขอนามัยส่วนบุคคลซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปิดตัวโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่นำโดยสตรีแห่งแรกของโซโลมอน ในหมู่เกาะ Arnavon อันห่างไกล

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201123006284/en/

Mary Kay has partnered with The Nature Conservancy to empower women in ecotourism in the Solomon Islands, providing needed local economic opportunities and conservation support for the endangered hawksbill turtles. © Jeff Yonover

Mary Kay ได้ร่วมมือกับ The Nature Conservancy เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้หญิงในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในหมู่เกาะโซโลมอน โดยมอบโอกาสทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นและการสนับสนุนด้านการอนุรักษ์สำหรับเต่ากระที่ใกล้สูญพันธุ์ © Jeff Yonover

กลุ่ม KAWAKI เป็นองค์กรสตรีท้องถิ่นในหมู่เกาะโซโลมอนที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ทางทะเลและการปกป้องเต่าในหมู่เกาะ Arnavon ภารกิจของพวกเขาคือการรวมพลังผู้หญิงในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและชุมชนเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับลูก ๆ และคนรุ่นต่อ ๆ ไป โครงการอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของ KAWAKI ตั้งอยู่ในหมู่เกาะ Arnavon ซึ่งเป็นที่ตั้งของเต่ากระที่ใหญ่ที่สุดในแปซิฟิกใต้ เต่ากระเป็นเต่าสายพันธุ์หนึ่งที่ถูกคุกคามจากการลักลอบล่าสัตว์และการสูญเสียที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะการสูญเสียชายหาดที่ทำรังเนื่องจากการกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดจากพายุและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล การท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาที่สำคัญสำหรับหมู่เกาะโซโลมอน และด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือน Arnavon ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี หน่วยงานของเขตจึงได้ระบุให้เรื่องนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เฉพาะกลุ่มที่สามารถช่วยยกระดับชุมชนให้หลุดพ้นจากความยากจน และช่วยจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการอนุรักษ์เต่าอย่างได้ผล อย่างไรก็ตามโครงสร้างพื้นฐานและการตลาดในท้องถิ่นปัจจุบันยังไม่ได้รับการพัฒนาสำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืนเพื่อรองรับผู้มาเยือน Arnavon ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความท้าทายอีกประการหนึ่งที่ประเทศในแปซิฟิกใต้ เช่น หมู่เกาะโซโลมอนต้องเผชิญ คือการเข้าถึงการดูแลสุขภาพอย่างจำกัด โดยการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นับตั้งแต่รัฐบาลหมู่เกาะโซโลมอนประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ชาวเกาะโซโลมอนจำนวนมากเดินทางจากเมืองหลวงโฮนีอารากลับไปยังบ้านเกิด ผู้หญิงกลุ่ม KAWAKI ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขในท้องที่ และกับผู้นำคริสตจักรและโรงเรียน เพื่อจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการล้างมือและมาตรการป้องกันอื่น ๆ ให้กับชุมชนห่างไกล ตลอดจนการจัดสรรทรัพยากร เช่น สบู่ ซึ่งมักหาได้ยาก

“การมีส่วนร่วมและความเป็นผู้นำของผู้หญิงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องผลลัพธ์การอนุรักษ์เชิงบวกและสุขภาพของชุมชนที่มีความเสี่ยง” Trina Leberer ผู้อำนวยการ The Nature Conservancy  หมู่เกาะแปซิฟิกกล่าว “ เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Mary Kay ให้การสนับสนุนกลุ่มสตรี KAWAKI และงานของเราในหมู่เกาะโซโลมอน ด้วยความร่วมมือครั้งนี้เรากำลังใช้แนวทางบูรณาการในการอนุรักษ์และสุขภาพเชิงป้องกันเสริมสร้างศักยภาพของสตรีในท้องถิ่นในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน พร้อม ๆ ไปกับการสนับสนุนสุขภาพของชุมชนห่างไกลที่อาจไม่สามารถเข้าถึงสถานพยาบาลได้”

การสนับสนุนโครงการนี้ของ Mary Kay เป็นไปสองทาง คือ การเสริมสร้างความพยายามในการอนุรักษ์เต่าในท้องถิ่น และการช่วยทั้ง The Nature Conservancy และกลุ่มสตรี KAWAKI ในการสร้างโอกาสในการดำรงชีวิตที่เท่าเทียมและยั่งยืนผ่านการจัดให้มีการฝึกอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่สำคัญสำหรับชุมชนท้องถิ่นที่รับผิดชอบในการปกป้อง เต่ากระที่ใกล้สูญพันธุ์ในหมู่เกาะ Arnavon

“ในฐานะผู้สนับสนุนชั้นนำในการเสริมสร้างศักยภาพของสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ Mary Kay ได้รับเกียรติให้สนับสนุนการพัฒนาผู้นำสตรีในท้องถิ่น ผู้หญิงเหล่านี้เป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงในบ้านและหมู่บ้านของตนทุกวันและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของโครงการอนุรักษ์” KK Chua ประธาน Mary Kay Asia Pacific กล่าว “ เราหวังว่าการลงทุนในโครงการนี้จะช่วยให้เราพิสูจน์ถึงความสมดุลที่จำเป็นระหว่างสุขภาพของระบบนิเวศและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่จะช่วยให้คนในท้องถิ่นและสัตว์ป่าเจริญเติบโตไปด้วยกัน”

ตั้งแต่ปี 2535 The Nature Conservancy ได้ทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นสามแห่งเพื่อปกป้องหมู่เกาะ Arnavon โดยหมู่เกาะ Arnavons ถือเป็นต้นแบบสำหรับการอนุรักษ์ชุมชนและอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกในหมู่เกาะโซโลมอน  และเพิ่งได้รับการประกาศให้เป็นหนึ่งใน Blue Park โดยสถาบันอนุรักษ์ทางทะเล (the Marine Conservation Institute) รางวัล Blue Park Award อันทรงเกียรติ“ เป็นการยกย่องความพยายามที่โดดเด่นของประเทศ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ผู้จัดการ MPA และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในท้องถิ่นที่ปกป้องระบบนิเวศทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบันไปสู่อนาคต

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 56 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่ออนุรักษ์ดินแดนและผืนน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพิง เราได้ใช้วิยาศาสตร์ในการสร้างโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ได้จริงสำหรับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกันได้ เรากำลังแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ดินแดน น่านน้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน การจัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และการช่วยทำให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น เราใช้วิธีการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นรัฐบาลภาค เอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ในการทำงานใน 79 ประเทศและดินแดน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201123006284/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายการสื่อสารองค์กร

marykay.com/newsroom

(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tommy Hilfiger แต่งตั้ง Avery Baker เป็นประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า

Logo

อัมสเตอร์ดัม, เนเธอแลนด์–(BUSINESS WIRE)–19 พฤศจิกายน 2563

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นกิจการของ PVH Corp. [NYSE: PVH] มีความยินดีอย่างยิ่งในการประกาศแต่งตั้ง Avery Baker เป็นประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ในตำแหน่งใหม่ที่ได้รับนี้ Baker มีบทบาทความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ การตลาด และประสบการณ์การใช้สินค้าทุกประเภท ทุกภูมิภาค และทุกช่องทาง

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201119005356/en/

Avery Baker, President and Chief Brand Officer, Tommy Hilfiger Global (Photo: Business Wire)

Avery Baker ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า Tommy Hilfiger Global (รูปภาพ: Business Wire)

นับตั้งแต่ร่วมงานกับ Tommy Hilfiger ในปี 2541 เป็นต้นมา Baker มีบทบาทหน้าที่หลากหลายในสำนักงานของบริษัททั่วโลก รวมถึงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินค้า ในช่วงกลางปี 2562 Baker ได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น และปัจจุบันเธอก็ย้ายกลับสู่อ้อมกอดขององค์กรอีกครั้งเพื่อช่วยวางแผนอนาคตของบริษัทและแบรนด์ที่เธอเป็นห่วงเป็นใยมาก ในช่วงที่ Baker ดำรงตำแหน่งในบริษัท เธอมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแบรนด์ TOMMY HILFIGER ให้เป็นหนึ่งในแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยมที่มีชื่อเสียงระดับโลก เธอมีประวัติผลงานในการพัฒนาและวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มมูลค่าการลงทุน

Martijn Hagman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าวว่า “Avery Baker มีความรู้ลึกซึ้งในสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดและดีเอ็นเอของแบรนด์ TOMMY HILFIGER ด้วยผลงานการสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่ลูกค้าที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งแบรนด์และธุรกิจ พันธะสัญญาการสร้างแบรนด์ในฝันและการตลาดระดับโลกยังเป็นหัวใจแห่งวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นแบรนด์ระดับโลกและเดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสต้อนรับ Avery Baker เข้าสู่ครอบครัว Tommy Hilfiger อีกครั้ง เพื่อนำพาแบรนด์เดินหน้าในพื้นที่บริเวณนี้ และเพิ่มศักยภาพไปไกลระดับโลกอย่างเต็มกำลัง”

Avery Baker กล่าวว่า “ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ แบรนด์ต่าง ๆ มีโอกาสและความรับผิดชอบในการสร้างความแตกต่างแก่ชีวิตของผู้บริโภค ฉันเชื่อว่า Tommy Hilfiger สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาลในฐานะบริษัทที่ได้รับความรักจากการกระทำของเรามากพอ ๆ กับผลิตภัณฑ์อันโดดเด่นที่เราออกแบบ ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาทำงานร่วมกับ Tommy, Martijn และทีมผู้บริหารของเราในยุโรป เอเชียแปซิฟิค และอเมริกาอีกครั้ง เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวในแต่ละภูมิภาค และปรับเปลี่ยนบริษัทจากภายในสู่ภายนอก ตั้งแต่วัฒนธรรมองค์กรไปยังผู้บริโภค เพื่อเป็นบริษัททันสมัยแห่งปี 2563”

Baker ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินค้าในปี 2557 และได้บริหารจัดการธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างสรรค์แบรนด์เพื่อส่งต่อวิสัยทัศน์ใหม่ มีการผลักดันการผสมผสานของวัฒนธรรมป๊อบ แฟชั่น เทคโนโลยี และความบันเทิงเข้าด้วยกัน เธอได้ขับเคลื่อนโครงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น TOMMYNOW ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ใหญ่และประสบความสำเร็จที่สุดด้วยแฟชั่นโชว์แบบ “See Now, Buy now” หรือดูเสร็จซื้อเลย และนำสินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค 90 ยี่ห้อ TOMMY JEANS กลับมา โครงการเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อสืบสานมรดกให้เป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้บริโภคหนุ่มสาวยุคใหม่ ในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่ง พันธมิตรทางธุรกิจชื่อดังและเหล่าผู้มีรสนิยมทรงอิทธิพล เช่น Lewis Hamilton, Zendaya, Gigi Hadid, KITH และ Vetements ได้ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขยายความน่าสนใจของแบรนด์ไปยังแฟน ๆ รุ่นใหม่อีกด้วย

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำ มีชื่อเสียงและอัตลักษณ์อันเป็นที่รู้จักทั่วโลก โครงการด้านการตลาดของบริษัทได้ช่วยเพิ่มฟุตพริ้นท์ของ TOMMY HILFIGER ผ่านการเติบโตที่สอดคล้องกันระหว่างการรับรู้แบรนด์และกลยุทธ์การเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางระดับโลกที่ช่วยสร้างกลุ่มลูกค้าและรักษากลุ่มแฟน ๆ ที่ภักดีไว้ ปัจจุบัน ชื่อเสียงของแบรนด์ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะคอลเล็กชั่นที่โดดเด่น แคมเปญ พันธมิตรทางธุรกิจ และกิจกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกแก่ลูกค้า

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

Tommy Hilfiger ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชั่นเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้ามาโดยตลอด ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วย CALVIN KLEINTOMMY HILFIGERVan HeusenIZOD, ARROW, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene ตลอดไปจนถึงแบรนด์ชุดชั้นใน True&Co. ที่มีความเป็นดิจิทัลสูง เราทำการตลาดสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้และเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและต่างประเทศ และเป็นแบรนด์ที่ได้รับอนุญาตลิขสิทธิ์ของตนเอง PVH มีพนักงานมากกว่า 40,000 คนในกว่า 40 ประเทศ และมีรายรับต่อปีเกือบ 9,900 ล้านดอลลาร์ฯ ทั้งหมดนี้คือพลังของเรา พลังของ PVH

ติดตามเราได้ที่ FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn

แถลงการณ์ด้านความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995 (SAFE HARBOR STATEMENT UNDER THE PRIVATE SECURITIES LITIGATION REFORM ACT OF 1995): แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจในอนาคตของ บริษัท ของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995  นักลงทุนพึงระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยความแม่นยำและบางส่วนอาจคาดการณ์ไม่ถึงซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดแค่ (i) แผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจของบริษัทที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามดุลยพินิจของ บริษัท ; (ii) บริษัท อาจได้รับการพิจารณาว่าได้รับการยกระดับอย่างสูงและใช้กระแสเงินสดเป็นส่วนสำคัญในการบริหารหนี้สินอันเป็นผลมาจากการที่บริษัทอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ บริษัทตั้งใจหรือที่เคยมีการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา; (iii) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในเอกสารที่ บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

บริษัทไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ในการแก้ไขแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะไม่ว่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการรับข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201119005356/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger
Dana Perlman
เหรัญญิกและรองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์
(212) 381-3502 office
(917) 579 1374 cell
investorrelations@pvh.com

Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารองค์กรการตลาด
virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย