Category Archives: Lifestyle

สถานที่ท่องเที่ยวติดเทรนด์ปี 2023 ของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลเผยทริปยอดนิยมสำหรับนักเดินทางทุกประเภท

Logo

โคเปนเฮเกน, ฟลอริดาคีย์ส, อิสตันบูล, ลิสบอน และเม็กซิโกซิตีล้วนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–1 พฤศจิกายน 2022

วันนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล ได้เผยแพร่รายชื่อสถานที่เที่ยวติดเทรนด์ปี 20231 ซึ่งประกอบด้วยสิบสุดยอดสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางในปีหน้า โดยได้ข้อมูลมาจากการจองการเดินทางของสมาชิก American Express Card® สำหรับแต่ละสถานที่ที่ว่านี้ ที่ปรึกษาด้านการเดินทางของอเมริกัน เอ็กซ์เพรสยังได้จัดทำแผนการเดินทางสามวัน โดยให้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับสถานที่ยอดนิยมที่น่าเข้าพัก กิน ช้อป และสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงวิธีที่สมาชิก Platinum Card® สามารถใช้ “วันหยุดโบนัส” ที่ได้จากการเช็คเอาต์ที่รับประกันที่เวลา 16:00 น. เมื่อจองที่พักระดับ Fine Hotels + Resorts® ผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล

American Express Travel's 2023 Trending Destinations (Graphic: Business Wire)

สถานที่ท่องเที่ยวติดเทรนด์ปี 2023 ของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล (กราฟิก: Business Wire)

“เมื่อสมาชิกที่มีบัตรจองการเดินทางผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล พวกเขาเชื่อใจให้เราดูแลสิ่งที่มีค่าที่สุด ซึ่งก็คือเวลา” กล่าวโดย Audrey Hendley ประธานอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล “ประวัติการทำงานทั่วโลกของเรากว่า 100 ปีแห่งความชำนาญและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสมาชิกที่มีบัตรของเรา ทำให้เรามีความสามารถพิเศษในการสร้างแรงบันดาลใจให้นักเดินทางโดยสร้างรายชื่อสถานที่เที่ยวยอดนิยมประจำปีนี้ ทำให้กระบวนการวางแผนง่ายขึ้น และให้คำแนะนำอย่างมั่นใจเกี่ยวกับสิ่งที่สมาชิกที่มีบัตรต้องทำเมื่อเดินทางถึงที่หมาย”

แบบสำรวจ Amex Trendex2 ล่าสุดพบว่าผู้ใหญ่ 50% บอกว่าใช้เวลาวางแผนการเดินทางวันหยุดอย่างน้อยห้าชั่วโมง เพื่อช่วยนักเดินทางประหยัดเวลาและสนุกกับการเดินทางให้ได้มากที่สุด ที่ปรึกษาด้านการเดินทางของอเมริกัน เอ็กซ์เพรสจึงสร้างแผนการเดินทางสามวันในช่วงสุดสัปดาห์สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแต่ละแห่ง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องที่พัก ที่กิน และกิจกรรมที่ดีที่สุดเพื่อสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่น

81% ของผู้ทำแบบสำรวจ Amex Trendex2 ยอมรับว่าต้องการใช้เวลาทุกชั่วโมงขณะท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในแผนการเดินทางนี้กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่า ไม่ว่าจะผจญภัยคนเดียว สำรวจกันเป็นกลุ่ม หรือใช้เวลากับครอบครัว แผนการเดินทางก็มีทุกอย่างสำหรับทุกคน ตั้งแต่การหาขนมชูร์โรที่ดีที่สุดในเม็กซิโกซิตี และการเจอกับโคอาลาในซิดนีย์ ไปจนถึงการทำทรีตเมนต์ที่สปาสุดหรูในปารีส และสำรวจป่าเมเปิลในรัฐเวอร์มอนต์

ทั้งนี้ 88% ของผู้ทำแบบสำรวจยอมรับด้วยว่าอยากเที่ยวให้นานกว่าเดิม สมาชิกบัตรแพลตตินัมจะได้รับประโยชน์จากการเช็คเอาต์เกินเวลาที่รับประกันไว้ที่ 16:00 น. เมื่อจองที่พักระดับ Fine Hotels + Resorts ผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวล หนึ่งในสิทธิประโยชน์ระดับพรีเมียมที่มากมายที่มาจากการจองกับอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลอย่างการเช็คเอาต์เกินเวลา จะทำให้นักเดินทางได้รับ “วันพิเศษ” เพื่อให้เที่ยวต่อได้นานขึ้น แผนการท่องเที่ยวที่ติดเทรนด์จะอธิบายถึงวิธีใช้เวลาในการเดินทาง เพื่อให้สมาชิกบัตรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนวิธีทำชีสระดับปรมาจารย์ในปารีส การล่องเรือไปหมู่เกาะเจ้าชายในอิสตันบูล หรือการเที่ยวชมสินค้าโปรตุเกสแท้ๆ ในลิสบอน

นอกเหนือจากสถานที่เที่ยวยอดนิยมแล้ว อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลยังได้อธิบายถึงเทรนด์สำคัญที่กระตุ้นการท่องเที่ยวในปี 2023 อีกด้วย ดังนี้

  • ใครๆ ก็อยากได้การผจญภัยครั้งใหม่: 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการเดินทางไปยังสถานที่เที่ยวที่ต้องการในปี 2023
  • เที่ยวพักผ่อนโดยคำนึงถึงสุขภาพแบบองค์รวม89% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการไปเที่ยวเพื่อหลีกหนีจากกิจวัตรประจำวัน และ 74% วางแผนที่จะเดินทางมากขึ้นในปี 2023 เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี
  • มองหาประสบการณ์เฉพาะบุคคล88% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการสัมผัสประสบการณ์ของคนในพื้นที่และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเมื่อเดินทาง และ 73% เต็มใจที่จะจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้ซึ่งแผนการเดินทางที่ต้องการ
  • ตั้งแต่เป้าหมายชีวิตเมื่อขึ้นปีใหม่ไปจนถึงการเดินทางในหน้าร้อน43% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าต้องการเดินทางมากขึ้นตามเป้าหมายชีวิตเมื่อขึ้นปีใหม่ และ 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามเริ่มคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดฤดูร้อนปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง
  • จ่ายเพิ่มเพื่อการพักผ่อนที่ดีที่สุด74% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่ามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินไปกับการเดินทางในปี 2023 มากขึ้น และ 40% บอกว่ายินดีจ่ายแพงขึ้นเพื่อการเช็คเอาต์เกินเวลาเมื่อเลือกที่พักสำหรับการเดินทาง

1รูปแบบสถานที่ท่องเที่ยวมาแรงในปี 2023
สถานที่ท่องเที่ยวติดเทรนด์ปี 2023 ของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลได้รับการเลือกโดยอิงจากการจองของสมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรสทั่วโลกที่จองผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลโดยดูจากการเติบโตของการเดินทางปีต่อปีระหว่างปี 2019 ถึง 2022

2รูปแบบการทำแบบสำรวจ
แบบสำรวจออนไลน์ Amex Trendex ดำเนินการโดย Morning Consult ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนจนถึง 3 ตุลาคม 2022 โดยสุ่มจากนักเดินทางในสหรัฐอเมริกา 2,000 คนที่มีรายได้อย่างน้อย $70K และจัดว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มักเดินทางบ่อยโดยใช้เครื่องบินอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี การสัมภาษณ์จัดทางออนไลน์ ผลลัพธ์จากแบบสำรวจทั้งหมดมีอัตราความคลาดเคลื่อนบวกหรือลบ 2 คะแนน

เงื่อนไขและข้อกำหนดของโปรแกรม FINE HOTELS + RESORTS
โปรแกรม Fine Hotels + Resorts® (FHR) สามารถใช้จองครั้งใหม่ได้ผ่านอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทราเวลโดยใช้ได้กับสถานที่ที่เข้าร่วมโปรแกรม และใช้ได้กับสมาชิกประเภท Consumer, Business และ Corporate Platinum Card® และสมาชิก Centurion® (สมาชิก Delta SkyMiles® Platinum Card ไม่ได้รับสิทธิ์นี้) การจองต้องทำโดยใช้บัตรที่มีสิทธิ์และต้องชำระเงินโดยใช้บัตรนั้นหรือบัตร American Express® อื่นในนามสมาชิกบัตรที่มีสิทธิ์ และสมาชิกบัตรจะต้องเดินทางตามแผนการเดินทางที่จอง มูลค่ารวมเฉลี่ยของสิทธิประโยชน์ของโปรแกรมนั้นคำนวณจากการจองของปีก่อนหน้าสำหรับการเข้าพักสองคืน มูลค่าที่แท้จริงจึงแตกต่างกันไป การเช็คอินตอนเที่ยงและการอัปเกรดห้องพักขึ้นอยู่กับความพร้อมและให้บริการ ณ ตอนเช็คอิน โดยที่ห้องพักบางประเภทไม่สามารถอัปเกรดได้ ประเภทของเครดิตประสบการณ์นั้นแตกต่างกันไปตามสถานที่ให้บริการ โดยที่เครดิตประสบการณ์จะถูกนำไปใช้กับค่าใช้จ่ายที่มีสิทธิ์จนถึงจำนวนเครดิตประสบการณ์ ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าสำหรับเครดิตประสบการณ์บางอย่าง ประเภทและมูลค่าของอาหารเช้าประจำวัน (สำหรับสองคน) จะแตกต่างกันไปตามสถานที่ให้บริการ อาหารเช้าจะมีมูลค่าขั้นต่ำอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อห้องต่อวัน หากค่าใช้จ่ายของ Wi-Fi รวมอยู่ในค่าธรรมเนียมของที่พัก เครดิตรายวันจะถูกนำมาใช้เมื่อเช็คเอาต์ สิทธิประโยชน์จะนำไปใช้เป็นรายห้องต่อการเข้าพัก (จำกัดแค่สามห้องต่อการเข้าพักหนึ่งครั้ง) การเข้าพักแบบต่อเนื่องที่จองโดยสมาชิกบัตรคนเดียว สมาชิกบัตรที่เข้าพักในห้องเดียวกัน หรือสมาชิกบัตรที่เดินทางในกลุ่มเดียวกันภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง ณ สถานที่เดียวกันจะถือเป็นการเข้าพักหนึ่งครั้งและไม่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์ FHR เพิ่มเติม (“การกระทำต้องห้าม”) อเมริกัน เอ็กซ์เพรสและที่พักขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขหรือเพิกถอนสิทธิประโยชน์ FHR ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ หากเราหรือที่พักพิจารณาตามดุลยพินิจแล้วว่า คุณอาจมีส่วนร่วมในการกระทำต้องห้าม หรือมีส่วนร่วมในการละเมิด การใช้ในทางที่ผิด หรือการเล่นตุกติกที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ FHR ของคุณ ข้อจำกัดด้านผลประโยชน์แตกต่างกันไปตามสถานที่ให้บริการ สิทธิประโยชน์ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้และไม่สามารถใช้ร่วมกับข้อเสนออื่นๆ เว้นแต่จะระบุไว้ จะต้องใช้สิทธิประโยชน์ ณ ช่วงที่จองที่พัก เครดิตที่เกี่ยวข้องจะใช้เมื่อเช็คเอาต์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหรือเทียบเท่าในสกุลเงินท้องถิ่น สิทธิประโยชน์ ที่พักที่ร่วมรายการ ความพร้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกของที่พักเหล่านั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้

เกี่ยวกับอเมริกัน เอ็กซ์เพรส

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (NYSE:AXP) เป็นบริษัทการชำระเงินแบบบูรณาการระดับโลก โดยช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ ข้อมูลเชิงลึก และประสบการณ์ที่ยกระดับชีวิตและสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ americanexpress.com และติดต่อเราผ่านทาง facebook.com/americanexpressinstagram.com/americanexpresslinkedin.com/company/american-expresstwitter.com/americanexpress และ youtube.com/americanexpress

ลิงก์สำคัญไปยังผลิตภัณฑ์ บริการ และข้อมูลความรับผิดชอบของบริษัท: personal cardsbusiness cardstravel servicesgift cardsprepaid cardsmerchant servicesAccertifyKabbageResycorporate cardbusiness traveldiversity and inclusioncorporate responsibility และ Environmental, Social, and Governance reports

ที่ตั้ง: นิวยอร์ก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52957038/en

ติดต่อ

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส
Emily Vicker
Emily.Vicker@aexp.com

Ali Barlow
Ali.Barlow@aexp.com

แหล่งข้อมูล: อเมริกัน เอ็กซ์เพรส

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Westrock Coffee เข้าร่วมงานมหกรรมระดับโลกสำหรับธุรกิจการบริการด้านอาหารและงานบริการของ FHA-HoReCa

Logo

LITTLE ROCK, Ark.–(BUSINESS WIRE)–25 ตุลาคม 2022

บริษัท Westrock Coffee (Nasdaq: WEST) (“Westrock Coffee,” หรือ “บริษัท”) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทจะเข้าร่วมงานมหกรรมระดับโลกสำหรับธุรกิจการบริการด้านอาหารและงานบริการของ FHA-HoReCa โดยงานนี้จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม ถึงวันที่ 28 ตุลาคม พร้อมผู้ให้บริการด้านอาหารและงานบริการชั้นนำจากทั่วโลก

“ในขณะที่เรายังคงขยายธุรกิจไปนอกอเมริกาเหนืออย่างต่อเนื่อง Westrock Coffee มีความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในงานมหกรรมระดับโลกของ FHA-HoReCa” กล่าวโดย Kyle Newkirk รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรมและข้อมูลเชิงลึกระดับโลก “ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมที่มีธุรกิจระดับโลกในตลาดบริการด้านอาหารและงานบริการ เราตั้งตารอที่จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและมุ่งเน้นผู้บริโภคที่หลากหลาย พร้อมผสมผสานและตอบสนองแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคและตลาดธุรกิจ”

ในงานมหกรรมของ FHA-HoReCa ทาง Westrock Coffee จะมีการแสดงโซลูชันเครื่องดื่มที่หลากหลายมากมาย ได้แก่

  • เครื่องดื่มให้ความสดชื่นผสมชาดำ
  • เครื่องดื่มให้พลังงานผสมกาแฟ
  • เครื่องดื่มกาแฟผสมชา
  • เครื่องดื่มสารสกัดไนโตร
  • เครื่องดื่มพร้อมดื่ม (RTD)

สามารถพบกับตัวแทนของ Westrock Coffee ได้ที่บูธแสดงสินค้าของ Westrock Coffee ชั้น 2F 4-01 ตลอดงานแสดงสินค้า

บริษัทเพิ่งก่อสร้างโรงงานใหม่ขนาด 90,000 ฟุตเสร็จสิ้นในเมืองโจโฮร์บะฮ์รู ประเทศมาเลเซีย โรงงานแห่งใหม่นี้อยู่ห่างจากศูนย์กลางนานาชาติของประเทศสิงคโปร์เพียง 30 นาที เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถและปริมาณในการคั่ว บรรจุภัณฑ์ และคลังสินค้าจัดเก็บกาแฟและสารสกัดทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและ MENA

Westrock Coffee เป็นผู้จัดหารายใหญ่และเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในธุรกิจการค้าปลีก, ธุรกิจอาหารและร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อและศูนย์การท่องเที่ยว, CPG, อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมงานบริการ พร้อมโซลูชันด้านกาแฟ ชา และเครื่องดื่มสารสกัด ลูกค้าประกอบด้วยร้านอาหารแบบบริการด่วน (QSR) 13 ร้านจากร้านชั้นนำ 25 ร้าน และร้านสะดวกซื้อ 13 ร้านจากร้านชั้นนำ 25 ร้านในประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน บริษัทให้บริการกาแฟกว่า 20 ล้านแก้วทั่วโลกในแต่ละวัน และเป็นผู้จัดหากาแฟและชาตามสั่ง/ออกแบบเฉพาะแต่ละบริษัทรายใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับบริษัท Westrock Coffee

บริษัท Westrock Coffee เป็นผู้นำเสนอโซลูชันด้านกาแฟ ชา รสชาติต่างๆ สารสกัด และส่วนผสมชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมจัดหากาแฟ บริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการคั่ว บรรจุภัณฑ์ และจัดจำหน่ายให้ร้านค้าปลีก, ธุรกิจอาหารและร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อและศูนย์การท่องเที่ยว, CPG, อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ และอุตสาหกรรมงานบริการทั่วโลก ด้วยสำนักงานใน 10 ประเทศ บริษัทพร้อมจัดหากาแฟและชาจาก 35 ประเทศต้นทาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าเยี่ยมชม WestrockCoffee.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

มีเดีย:
ICR สำหรับ Westrock Coffee: WestrockPR@icrinc.com

แหล่งข้อมูล: บริษัท Westrock Coffee

Valuence เปลี่ยนชื่อ Nanboya ธุรกิจรับซื้อสินค้าแบรนด์หรู เป็น ALLU สำหรับสาขาต่างๆ ในต่างประเทศ

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–20 ตุลาคม 2022

Valuence Group มอบคุณค่าที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ซึ่งเหมาะสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกราย เป็นการส่งเสริมให้ทุกคนในโลกนี้ใช้ชีวิตอย่างเป็นตัวเองที่แท้จริง ทาง Valuence International Ltd. (เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน คุณ Susumu Muguruma ซึ่งเป็นผู้แทน) ได้ประกาศว่าบริษัทเปลี่ยนชื่อ Nanboya ทุกสาขาในต่างประเทศทั้งหมดไปเป็นชื่อทางการค้าว่า ALLU

เสริมสร้างการขายปลีกและการตลาดในต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น
นับตั้งแต่เปิดสำนักงานแห่งแรกในฮ่องกงเมื่อเดือนกรกฎาคม 2019 ทาง Valuence ก็ได้ขยายกิจการไปในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมด 34 แห่ง ใน 16 ประเทศ ทาง Valuence International กำลังขยายช่องทางการขายในต่างประเทศ รวมถึงเปิดตัว STAR BUYERS AUCTION ทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการประมูล BtoB สำหรับตัวแทนจำหน่าย โดยธุรกิจการนำกลับมาใช้ใหม่ทั่วโลกสามารถเข้าร่วมการประมูลออนไลน์นี้ได้ นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดตัวแบรนด์ค้าปลีก ALLU สำหรับผู้บริโภคทั่วไปในสหรัฐฯ เพื่อขยายช่องทางการขายในต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนชื่อจาก Nanboya เป็น ALLU มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการตลาด และดึงดูดลูกค้าด้วยการนำเสนอแบรนด์แบบครบวงจรสำหรับการซื้อขาย โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดตัวการขายปลีกในประเทศต่างๆ ในอนาคต
ALLU หมายถึงทั้งหมดเพื่อคุณ และหมายถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรับฟังลูกค้าเพื่อเสนอบริการที่หลากหลายขึ้น และเป็นคุณค่าที่เชื่อมโยงไปสู่อนาคต นอกจากนี้ บริษัทยังตัดสินใจรวมธุรกิจจัดซื้อสินค้าแบรนด์หรูในต่างประเทศและธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อแบรนด์ ALLU ที่คุ้นเคยอันเป็นที่รักของลูกค้าทั่วโลก

Valuence Group จะยังคงเปิดสถานที่รับซื้อภายใต้แบรนด์ ALLU ในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้นเพื่อขยายธุรกิจค้าปลีกต่อไปในแต่ละประเทศ

  • Valuence International Ltd. (https://www.valuence.inc/en/group/international/)
     
    • ก่อตั้งเมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2008 (ก่อตั้งกลุ่มบริษัท: กันยายน 2015)
    • ผู้แทนผู้อำนวยการและประธาน: Susumu Muguruma
    • สำนักงานใหญ่: ชั้น 16 อาคาร 5 เดอะเกทเวย์ ฮาร์เบอร์ซิตี้ เกาลูน ฮ่องกง
    • กลุ่มธุรกิจ: ซื้อขายสินค้าแบรนด์หรู โลหะมีค่า อัญมณี ฯลฯ

*Valuence International Ltd. เป็นกลุ่มบริษัทของ Valuence Holdings Inc. (รหัสหลักทรัพย์: TSE Growth Market 9270, https://www.valuence.inc/en/)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สอบถามข้อมูล:
สำนักงานประชาสัมพันธ์
Valuence Holdings Inc.
เบอร์: +81-3-4580-9983
อีเมล: media@valuence.inc

แหล่งข้อมูล: Valuence Holdings Inc.

ขอแนะนำคอลเลคชัน GUESS USA ประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2565

Logo

ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–17 ต.ค. 2565

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เป็นต้นมา GUESS ได้มีวิสัยทัศน์ที่เป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวกับ 'วิถีอเมริกัน' และการเป็นคลังเก็บรวบรวมผลงานของการออกแบบและภาพถ่ายขนาดใหญ่

Nicolai Marciano ได้นำ Eli Russell Linnetz ช่างภาพ มาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ GUESS USA ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยของ GUESS ในแคลิฟอร์เนีย คอลเลคชันเครื่องแต่งกายที่ออกแบบโดย Nicolai Marciano เป็นผลงานการสร้างสรรค์เชิงสุนทรียศาสตร์แบบอเมริกาตะวันตกผ่านการกำกับการถ่ายภาพโดย Linnetz – วิสัยทัศน์ของเขาผสมผสานกับพลังและทัศนคติของวัฒนธรรมอเมริกานา (Americana)

ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 เป็นต้นไป คอลเลกชั่นนี้จำหน่ายผ่าน Slam Jam ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกของ GUESS USA แต่เพียงบริษัทเดียว โดยให้บริการแก่ผู้ค้าปลีกที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลก

“การได้รับแรงบันดาลใจจาก American Iconography ของแคมเปญ GUESS ในยุคแรก ทำให้คอลเล็กชั่นนี้เต็มไปด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่คุณจะพบได้ที่ร้านบูติกริมถนนในอเมริกา หนังแบบ (Distressed leathers) ยีนส์ซีด (faded denim) ขนสัตว์ฟอกแดด (sun-bleached furs) และฮาร์ดแวร์สีแตก (hardware cracking with paint)” — NICOLAI MARCIANO กล่าว

ความร่วมมือที่สอดประสานกันก่อให้เกิดคอลเล็กชันที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งรวมเอาคลังข้อมูล GUESS USA เอาไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยแรงบันดาลใจจากผลงานที่หาไม่ได้อีกแล้วที่ค้นพบในอาร์ตเวิร์กของ GUESS ที่ออกแบบในยุค 80, 90 และ 2000 ผลงานเหล่านี้ไม่เคยถูกนำไปผลิตเลย จวบจนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่แคมเปญการตลาดแรกสุดเป็นต้นมา GUESS ได้สนับสนุนสื่อการถ่ายภาพซึ่งบุกเบิกรูปแบบใหม่ของการโฆษณาและการสร้างแบรนด์ ซึ่งบางครั้งไม่ใช่แต่เพียงบนเสื้อผ้าเท่านั้น แต่งโฆษณาก็ยังขายไลฟ์สไตล์และความฝันแบบอเมริกัน ซึ่งเป็นธีมที่โดดเด่นในผลงานของ Eli Russell Linnetz อีกด้วย

“GUESS ใช้ภาพถ่ายเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่น่าทึ่งเสมอ เรื่องราวที่ไม่เพียงแต่ใช้นำเสนอเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทัศนคติและพลังงานอันน่าตื่นเต้นอีกด้วย” — ELI RUSSELL LINNETZ กล่าว

GUESS มีความจำเป็นที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับวิถีอเมริกัน การถ่ายภาพทั้งหมดดำเนินการโดย Eli Russell Linnetz  ผู้ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเพื่อบันทึกแคมเปญ FA22 ของแบรนด์

ด้วยการอาศัยวิสัยทัศน์ของ Eli Russell Linnetz ในการนำคลังภาพถ่ายของ GUESS มาจินตนาการใหม่  Nicolai Marciano, Linnetz และ Slam Jam ได้ทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดความเซ็กซี่และทัศนคติที่ผลักดันขอบเขตของคนรุ่นใหม่

เกี่ยวกับ GUESS?, Inc.

GUESS ก่อตั้งขึ้นในปี 2524 โดยเริ่มต้นจากการเป็นบริษัทกางเกงยีนส์และเติบโตจนกลายเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ปัจจุบัน Guess?, Inc. ออกแบบ ทำการตลาด จัดจำหน่าย และออกใบอนุญาตคอลเลกชั่นไลฟ์สไตล์ของเสื้อผ้าร่วมสมัย ผ้ายีนส์ กระเป๋าถือ นาฬิกา แว่นตา รองเท้า และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  สินค้าของ Guess?จำหน่ายผ่านแบรนด์ Guess? ตลอดจนถึงร้านค้า ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าเฉพาะทางทั่วโลก บริษัทเปิดร้านค้าปลีกโดยตรงเป็นจำนวน 1,064 แห่ง ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย พันธมิตรและผู้จัดจำหน่ายของบริษัทดำเนินการร้านค้าปลีกเพิ่มเติม 567 แห่งทั่วโลก  บริษัทและคู่ค้าและผู้จัดจำหน่ายได้ดำเนินการในประมาณ 100 ประเทศทั่วโลก ณ วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ www.guess.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20221017005040/en/

ติดต่อ:

Montana Wilkie

GUESS?, Inc.

212.852.0534

mwilkie@guess.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hyatt ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ Lindner Hotels AG เพื่อเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมของแบรนด์ในเยอรมนีและจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญของยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ

Logo

ความร่วมมือยังคงดำเนินต่อไปตามกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจแบบ asset-light ของ Hyatt และถือเป็นการเข้าสู่แบรนด์ JdV by Hyatt ในเยอรมนี

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–06 ตุลาคม 2565

Hyatt Hotels Corporation (NYSE: H) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทในเครือของ Hyatt ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับ Lindner Hotels AG ซึ่งเป็นธุรกิจบริการที่ดำเนินการโดยครอบครัวสัญชาติเยอรมนี มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโรงแรม การจัดการและการลงทุน โดยคาดว่าโรงแรมมากกว่า 30 แห่งทั่วทั้งเจ็ดประเทศในยุโรปจะเข้าร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ Hyatt และจะถูกรวมเข้ากับโปรแกรมความภักดีของ World of Hyatt ในอนาคตอันใกล้นี้ ที่พักส่วนใหญ่มีกำหนดจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ JdV by Hyatt ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมอิสระที่มีบุคลิกเฉพาะตัวและสะท้อนให้เห็นถึงสถานที่ของพวกเขาอย่างแท้จริง

Lindner Hotels AG ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจบริการครอบครัวสัญชาติเยอรมัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2516 โดยสถาปนิก Otto Lindner ดำเนินธุรกิจที่พักหลากหลายประเภทภายใต้แบรนด์ Lindner Hotels & Resorts  และ me and all hotels ในเมืองสำคัญทั่วเยอรมนีและในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ข้อตกลงดังกล่าวจะขยายพื้นที่ครอบคลุมแบรนด์ของ Hyatt ไปยังตลาดใหม่ 15 แห่ง และขยายการจัดจำหน่ายในจุดหมายปลายทางสำคัญ ๆ อย่างเช่น ดุสเซลดอร์ฟ แฟรงก์เฟิร์ต และฮัมบูร์ก

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะสานต่อเส้นทางการเติบโตธุรกิจแบบ asset-light ของ Hyatt ในยุโรปผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่มีความหมายกับ Lindner” Mark Hoplamazian ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hyatt กล่าว “การเพิ่มพอร์ตโฟลิโอโรงแรมที่เป็นที่ต้องการของ Lindner จะทำให้พื้นที่แบรนด์ของ Hyatt เติบโตอย่างมากในเยอรมนี และนำแขกผู้มาเยือนและสมาชิก World of Hyatt ของเราไปสู่จุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ทั่วยุโรป รวมถึงคีล ไลพ์ซิก ซิลท์ บราติสลาวา และอินเทอร์ลาเคน เรารู้สึกขอบคุณสำหรับความไว้วางใจที่ทีมงานของ Lindner มอบให้กับเรา และรู้สึกตื่นเต้นที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับแขกผู้มาเยือนที่เข้าพักผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่ Lindner ทำในพอร์ตโฟลิโอ”

พอร์ตโฟลิโอของ Lindner จะเพิ่มพื้นที่ด้านไลฟ์สไตล์ของ Hyatt ขึ้นอีกด้วยการเพิ่มห้องพักประมาณ 5,500 ห้อง ซึ่งจะทำให้พื้นที่ครอบคลุมของ Hyatt ในเยอรมนีเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นำตัวเลือกเพิ่มเติมมาสู่แขกผู้มาเยือนของ Hyatt และสมาชิกความภักดีของ World of Hyatt

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีแบรนด์ระดับนานาชาติที่แข็งแกร่งเช่นนี้เคียงข้างเราที่ Hyatt โดยมุ่งเน้นที่คุณภาพและแนวทางแบบองค์รวมในด้านการต้อนรับร่วมกัน” Arno Schwalie ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Lindner กล่าว “ความร่วมมือประเภทนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในตลาดเยอรมัน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ JdV by Hyatt โดย Lindner ยังคงเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งด้วยเอกลักษณ์ของตนเองและความเป็นอิสระขององค์กร ซึ่งขณะนี้ได้รับการแนะนำโดยการขับเคลื่อนของการรับรู้แบรนด์ระดับโลกของ Hyatt และความสามารถด้านการขายและการตลาดระดับเฟิร์สคลาส”

ส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้ Lindner Hotels จะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของแบรนด์ ประสบการณ์ของแขกผู้มาเยือน และการเพิ่มประสิทธิภาพของรายได้จาก Global Franchise and Owner Relations Group ของ Hyatt ซึ่งเป็นทีมงานที่ทุ่มเทให้กับการดำเนินงานของโรงแรมแฟรนไชส์ ​​เจ้าของและผู้ประกอบการ

คำว่า ” Hyatt ” ใช้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เพื่อความสะดวกในการอ้างถึง Hyatt Hotels Corporation และ/หรือบริษัทในเครืออย่างน้อยหนึ่งราย

เกี่ยวกับ Hyatt Hotels Corporation

Hyatt Hotels Corporation มีสำนักงานใหญ่อยู่ในชิคาโก ซึ่งเป็นบริษัทด้านการบริการชั้นนำระดับโลกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อดูแลผู้คนเพื่อให้พวกเขาสามารถทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 พอร์ตโฟลิโอของบริษัทประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 1,150 แห่งและที่พักแบบรวมทุกอย่างใน 72 ประเทศทั่วทั้งหกทวีป ข้อเสนอของบริษัทรวมถึงแบรนด์ต่าง ๆ ใน ​​Timeless Collection ได้แก่ Park Hyatt®, Grand Hyatt®, Hyatt Regency®, Hyatt®, Hyatt Residence Club®, Hyatt Place®, Hyatt House® และ UrCove; The Boundless Collection รวมถึง Miraval®, Alila®, Andaz®, Thompson Hotels®, Hyatt Centric® และ Caption by Hyatt; The Independent Collection รวมถึง The Unbound Collection by Hyatt®, Destination by Hyatt™ และ JdV by Hyatt™; และ The Inclusive Collection รวมถึง Hyatt Ziva®, Hyatt Zilara®, Zoëtry® Wellness & Spa Resorts, Secrets® Resorts & Spas, Breathless Resorts & Spas®, Dreams® Resorts & Spas, Vivid Hotels & Resorts®, Alua Hotels & Resorts® และ Sunscape® Resorts & Spas บริษัทย่อยของ Company operate the World of Hyatt® loyalty program, ALG Vacations®, Unlimited Vacation Club®, Amstar DMC destination management services, และ Trisept Solutions® technology services สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.hyatt.com

เกี่ยวกับ JdV by Hyatt

แบรนด์ JdV by Hyatt เป็นชุมชนสำหรับจิตวิญญาณ ความร่าเริงสนุกสนาน การใส่หัวใจความเป็นหนุ่มสาว นำเสนอคอลเลกชันโรงแรมอิสระที่มีชีวิตชีวาอันสะท้อนถึงย่านในเมืองที่เราเรียกว่าบ้านอย่างแท้จริง รวบรวมชื่อที่เหมือนกันให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง (joie de vivre) ซึ่งแบรนด์ JdV by Hyatt ขอเชิญแขกผู้มาเยือนและคนในท้องถิ่นมาเชื่อมต่อ อยู่กับปัจจุบัน และเฉลิมฉลองความสุขของชีวิต โรงแรมแต่ละแห่งมอบประสบการณ์ที่รวมจิตวิญญาณและพื้นที่ไว้ด้วยกัน ขอเชื้อเชิญให้ทุกคนทำการเข้าพักในแต่ละครั้งเป็นการพักของคุณอย่างแท้จริง สำหรับข่าวสารและการอัปเดตติดตาม @JDVHotels บน Facebook, Instagram และ Twitter สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ www.jdvbyhyatt.com

เกี่ยวกับ Lindner Hotels AG

ความพึงพอใจ ความสนุกสนานรื่นเริง และการเติมความสุขให้กับชีวิต สำหรับเวลา 50 ปี สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเด่นของโรงแรม 31 แห่งของ Lindner Hotels AG ใน 7 ประเทศยุโรป ด้วยการออกแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ ความมีสไตล์แบบเป็นกันเอง และเน้นความยั่งยืน โรงแรมบูติกในเมืองของแบรนด์ me and all hotels ทุกแห่งที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในเมืองและนักธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนในท้องถิ่นที่ต้องการผสมผสานการใช้ชีวิต การทำงานและการเฉลิมฉลอง คู่สามีภรรยาท้องถิ่นตั้งแต่การรับประทานอาหาร ดนตรี ศิลปะ และสตาร์ทอัพ มอบประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านครัวแบบ pop-up งานอีเวนต์ และผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน Lindner Hotels & Resorts ที่ได้รับรางวัลมากมายผสมผสานประเพณีและนวัตกรรมเข้าด้วยกัน ตั้งแต่โรงแรมธุรกิจที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมที่ทันสมัย ​​ไปจนถึงโรงแรมที่มีธีม สปาสุดหรูและกอล์ฟรีสอร์ท สถานที่ท่องเที่ยวในเมือง และ Grand Hotel อันเก่าแก่ ทั้งหมดนี้ผสมผสานการต้อนรับที่อบอุ่น ความหลงใหลทางด้านกีฬา และการแสวงหาความสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อยกเว้น Arno Schwalie ได้ดำรงตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Lindner Hotels AG ในเดือนพฤษภาคม 2565 บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2516 โดยสถาปนิก Otto Lindner และยังคงเป็นของธุรกิจครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต เป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าตามความหมายของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 ในบางกรณี คุณสามารถระบุแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าได้โดยใช้คำต่าง ๆ เช่น อย่างที่ “อาจ” “อาจจะ” “คาดว่า” “ตั้งใจว่า” “วางแผน” “มุ่งหา” “คาดการณ์” “เชื่อว่า” “ประมาณว่า” “พยากรณ์ว่า” “มีแนวโน้ม” “เดินหน้า” “เป็นไปได้ว่า” “จะ” และหรือคำหรือวลีอื่น ๆ ที่คล้ายกัน หรือคำที่มีความหมายในเชิงลบของคำหรือวลีที่คล้ายกันเหล่านี้ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้านี้ตั้งอยู่บนการคาดการณ์และสมมติฐานต่าง ๆ ซึ่งแม้จะผ่านการพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลเมื่อจัดทำ และอยู่ภายใต้สมมติฐานและความไม่แน่นอน ซึ่งหลายข้ออยู่นอกเหนือการควบคุมของ Lindner หรือ Hyatt ซึ่งอาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง ประสิทธิภาพหรือความสำเร็จที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากที่แสดงในหรือโดยนัยโดยแถลงการณ์ดังกล่าว แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้จัดทำขึ้นเฉพาะในวันที่เผยแพร่ครั้งแรกและทั้งสองฝ่ายไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ต่อสาธารณะเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ยกเว้นในขอบเขตที่กำหนดโดยกฎหมายที่ใช้บังคับ หากมีการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งข้อความ ไม่ควรมีการอนุมานว่าจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านั้นหรืออื่น ๆ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221006005349/en/

ติดต่อ:

Hannah Acsinia
Hyatt
hannah.acsinia@hyatt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การ Live-streaming งาน Tokushima International Consumer’s Forum 2022 จะจัดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2565

Logo

โทคุชิมะ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–06 ตุลาคม 2565

กรมนโยบายผู้บริโภคของรัฐบาลจังหวัดโทคุชิมะ ในปัจจุบันนี้กำลังส่งเสริมโครงการริเริ่มเพื่อการบริหารและการศึกษาผู้บริโภค โดยร่วมมือกับสำนักงานใหญ่ด้านยุทธศาสตร์สำหรับงานนโยบายผู้บริโภคซึ่งเป็นหน่วยงานระดับชาติของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคที่จัดตั้งขึ้นในจังหวัดโทคุชิมะในฐานะศูนย์กลางการพัฒนานโยบายและการดำเนินงานระหว่างประเทศในการบริหารผู้บริโภคของญี่ปุ่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221005005009/en/

The world famous Awa Dance has a 400 years’ history. The story of its origin varies. It is said that Awa Dance was performed often around the time Hachisuka Iemasa, a feudal load of Tokushima, entered Tokushima in 1586, and hoarded the wealth produced by the indigo and salt trades. Later, indigo traders played an active part and made the dance even more gorgeous year by year. Awa Dance was established in the civil society and flourished as a free-form of mass entertainment. Especially, after World War II, it developed rapidly as a symbol of reconstruction. Nowadays, Awa Dance is well-known around the world as a representative of Japan’s traditional arts. (Photo: Business Wire)

เทศกาลเต้นรำอาวะ (Awa) ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมีประวัติอันยาวนานกว่า 400 ปี เรื่องราวของต้นกำเนิดนั้นแตกต่างกันไป โดยว่ากันว่าการเต้นรำอาวะมีการแสดงบ่อยครั้งในช่วงที่ Hachisuka Iemasa ซึ่งเป็นกลุ่มศักดินาของโทคุชิมะ เข้ามาในโทคุชิมะในปี ค.ศ. 1586 และสะสมความมั่งคั่งที่เกิดจากการค้าต้นครามและเกลือ ในเวลาต่อมาพ่อค้าต้นครามเข้ามามีส่วนร่วมและทำให้การเต้นรำงดงามยิ่งขึ้นในแต่ละปี การเต้นรำอาวะ (Awa Dance) ก่อตั้งขึ้นในภาคประชาสังคมและเจริญรุ่งเรืองในฐานะความบันเทิงมวลชนรูปแบบอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างใหม่ ปัจจุบันนี้ Awa Dance เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะตัวแทนของศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น (ภาพ: Business Wire)

งานประชุมนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2565 โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากประเทศต่าง ๆ มาเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ส่งเสริม “การบริโภคอย่างมีจริยธรรม” และ “แฟชั่นที่ยั่งยืน” ตั้งแต่ “การตระหนักรู้” ไปจนถึง “การปฏิบัติ” เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SDGs ภายในปี 2573 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 นอกจากนี้เราจะมีผู้เข้าร่วมจากคนรุ่นใหม่ภายในจังหวัดและจากต่างประเทศมาร่วมงานกับเราในขณะที่เรายังคงเชื่อมโยงความพยายามของเราต่อไปในอนาคต

งานประชุมจะถูกไลฟ์สตรีมบนเว็บไซต์ด้านล่าง เราหวังว่างานที่จะเกิดขึ้นนี้จะอำนวยความสะดวกในการอภิปรายที่มีความหมายซึ่งนำไปสู่ความก้าวหน้าของนโยบายผู้บริโภคระหว่างประเทศและพฤติกรรมของผู้บริโภคสู่สังคมที่ยั่งยืนสำหรับทุกคนทั่วโลก

  1. ธีมหลัก
    เชื่อมต่อกับอนาคต! ผู้บริโภคก้าวสู่ความท้าทายในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน
    -จับเทรนด์ล่าสุดใน DX และ GX-
  2. วันและเวลา (เวลามาตรฐานญี่ปุ่น JST)
    25 ตุลาคม (วันอังคาร) 2565 เวลา 9:40–17:00 (Live-streaming)
  3. กำหนดการ (เวลามาตรฐานญี่ปุ่น JST)
  • 09:40–10:00 กล่าวเปิดงาน
  • 10:00–10:20 คำกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดโทคุชิมะ
  • 10:20–10:40 วีดิทัศน์จากอธิบดีขององค์กรผู้บริโภคสากล
  • 10:50–12:30 ช่วงที่ 1
    การประชุมร่วมกับผู้นำระดับโลกด้านการบริโภคอย่างมีจริยธรรมจากสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และฟิลิปปินส์
  • 13:40–15:10 ช่วงที่ 2
    “อนาคต” การประชุมกับเยาวชนจากจังหวัดโทคุชิมะและอาเซียน (มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย)
  • 15:30–17:00 ช่วงที่ 3
    การประชุมร่วมกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค

* สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของงาน Tokushima International Consumer’s Forum 2022 ได้ด้านล่าง

Tokushima International Consumer’s Forum 2022
https://www.pref.tokushima.lg.jp/en/world.consumer.forum/2022/

ข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดโทคุชิมะ (ภาษาอังกฤษ จีน และเกาหลี)
https://discovertokushima.net/en/

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221005005009/en/

ติดต่อสอบถาม
Consumer Policy Division, Consumer Development and Safety Bureau,
Crisis Management and Environment Department
Tokushima Prefectural Government
โทร: +81-088-621-2499
Aya Miyamoto
อีเมล: shohishaseisakuka@pref.tokushima.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เพิ่มหมวดสาเกญี่ปุ่นใน “ASI Bootcamp in Malaysia 2022”

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–04 ตุลาคม 2565

Association de la Sommellerie Internationale (ASI) ได้จัดสัมมนา “ASI Bootcamp in Malaysia 2022” ตลอดสามวันที่ “DoubleTree by Hilton Kuala Lumpur” ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 14 กันยายน เพื่อให้ความรู้แก่ซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ที่จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20221002005097/en/

ASI Bootcamp (Photo: Business Wire)

ASI Bootcamp (ภาพ: Business Wire)

Japan Sake and Shochu Makers Association (JSS) ได้สรุปความร่วมมือกับ ASI ในปีนี้ JSS ได้จัด Sake Masterclass ที่เกี่ยวข้องกับเหล้าสาเกห้าชนิดเพื่อแสดงความมหัศจรรย์ของเหล้าสาเกแก่ซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ในแคมป์ โดย JSS ยังให้โอกาสในการลิ้มรสสาเก 12 ชนิดที่โต๊ะชิม

ASI Bootcamp เป็นโปรแกรมด้านการศึกษาที่พัฒนาและส่งเสริมโดย ASI โดยปีนี้นับเป็นครั้งที่สองที่จัดขึ้นหลังจากงานเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว งานสามวันคุณภาพสูงและเข้มข้นนี้ประกอบด้วย 27 เซสชันของมาสเตอร์คลาส เวิร์กช็อป และการลิ้มรสสำหรับซอมเมลิเยร์รุ่นเยาว์ 47 คนที่ได้รับการคัดเลือกจาก 22 ประเทศทั่วโลก

ความนิยมของสาเกทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และซอมเมลิเยร์ที่เข้าร่วมหลายคนต่างก็ตั้งตารอที่จะแนะนำหมวดสาเก มาสเตอร์คลาสความยาว 40 นาทีในหัวข้อ “Sake -Ingredients, techniques, styles” ได้จัดขึ้นเพื่อดูแลเรื่องนี้ โดยครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น รายละเอียดที่จำเป็น ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างไวน์และสาเก บทบาทของโคจิ (ข้าวมอลต์) อูมามิ และความแตกต่างในวิธีการจับคู่สาเกกับอาหารที่เฉพาะเจาะจง

ผู้เข้าร่วมมีคำถามมากมาย และมาสเตอร์คลาสยังได้รับความสนใจจากผู้สอนคนอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดแสดงความสนใจอย่างมากในขอบเขตศักยภาพของสาเกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก

ซอมเมลิเยร์จำเป็นต้องมีความรู้กว้างขวางในด้านเครื่องดื่มและไวน์โดยเฉพาะ การรวมหมวดหมู่สาเกไว้ในบูตแคมป์แบบเข้มข้นตลอดสามวันนี้จะช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ถึงสาเกได้อย่างมากและส่งผลดีต่อพลังของแบรนด์

JSS จะยังคงดำเนินกิจกรรมร่วมกับ ASI และสมาคมซอมเมลิเยร์อื่น ๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก

ลิงก์ SNS ของ Japan Sake and Shochu Makers Association มีดังต่อไปนี้
FB: https://www.facebook.com/japansakeshochu
IG: https://www.instagram.com/japansakeshochu_en/
YouTube: https://www.youtube.com/user/JapanSakeOfficial
Twitter: https://twitter.com/jss_sake_en

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20221002005097/en/

ติดต่อ:

Japan sake PR Secretariat
Contact person: Satoru Suzuki
Mail: Japansake@jk-soken.co.jp
FAX: 81-3-5441-2587

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ชิคาโกโอแฮร์ แทนที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุด

Logo

สหรัฐฯ ครองตำแหน่งศูนย์กลางระดับโลกที่ชะลอสู่การฟื้นตัวหลังเกิดโรคระบาด

การค้นพบที่สำคัญ:

  • ชิคาโกโอแฮร์ (ORD) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในโลก
  • ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 22 ทั่วโลก แต่ยังคงครองอันดับ 1 ของยุโรปไว้
  • ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) เป็นท่าอากาศยานนอกสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมต่อมากที่สุด
  • โตเกียวฮาเนดะ (HND) ขึ้นจากอันดับที่ 22 ในปี 2562 เป็นอันดับที่ 14 ในปี 2565
  • ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เป็นท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อกันมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2565

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ในวันนี้เปิดเผย Megahubs 2022 ในการเป็นสนามบินที่มีการเชื่อมต่อระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก 50 อันดับแรก อัปเดตล่าสุดในปี 2562 โดย Megahubs ให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ว่าการหยุดชะงักของการเดินทางอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อการเชื่อมต่อทั่วโลกได้อย่างไร

ในขณะที่ ลอนดอนฮีทโธรว์ (LHR) ยังคงรักษาอันดับที่หนึ่งในบรรดายุโรปฮัป แต่จากอันดับทั่วโลกร่วงจากอันดับที่ 1 ในปี 2562 มาอยู่อันดับที่ 22 ในปีนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล (CDG) และ ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต (FRA) ประสบปัญหาคล้ายกัน โดยร่วงจาก 10 อันดับแรกมาอยู่อันดับที่ 27 และอันดับที่ 30

ท่าอากาศยานของสหรัฐฯ ครองการเป็น Megahubs ระดับโลก โดยชิคาโกโอแฮร์ (ORD; อันดับ 1), ท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ (DFW; อันดับ 2) และ ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทสฟิลด์–แจ็คสัน แอตแลนตา (ATL; อันดับ 3) อยู่ในสามอันดับแรกของท่าอากาศยานที่เชื่อมต่อมากที่สุดในโลก ท่าอากาศยานนานาชาติเม็กซิโกซิตี้ (MEX) อยู่ที่อันดับสูงสุดนอกสหรัฐอเมริกาในส่วนของการเป็น Megahub อันดับที่ 8 เพิ่มขึ้น 7 ตำแหน่งจากอันดับที่ 15 ในปี 2562

“ตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังเกิดโรคระบาด ในขณะที่สหรัฐฯ ครองตลาดเนื่องจากตลาดภายในประเทศที่แข็งแกร่ง เราอาจเห็นยุโรปและศูนย์กลางระดับโลกอื่น ๆ ไล่ตามได้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่การฟื้นตัวเต็มที่” John Grant ประธานฝ่ายบริหารด้านวิเคราะห์ของ OAG กล่าว

Megahub ที่เชื่อมต่อมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคือ ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี (DEL) เนื่องจากท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงร่วงจาก 50 อันดับแรก ท่าอากาศยานนานาชาติมุมไบ (BOM) อยู่ในอันดับที่ 6 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี (SIN) ร่วงมาอยู่อันดับที่ 12

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมจาก Megahubs 2022 และระเบียบวิธีการทั้งหมด โปรดดูบทวิเคราะห์ที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางชั้นนำของโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ปี 2472 มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ OAG ดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่: www.oag.com และติดตามเราบน Twitter @OAG Aviation

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220927005042/en/

ติดต่อ:

Chrissy Azevedo, Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

OAG เปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการเดินทางผ่านแพลตฟอร์มข้อมูลอเนกประสงค์

Logo

ข้อมูลเที่ยวบินและการเดินทางแบบองค์รวมจะทำให้สามารถมองเห็นประสบการณ์ของผู้โดยสารทั้งหมด รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่หาจากที่ไหนไม่ได้ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–19 กรกฎาคม 2565

OAG ผู้ให้บริการข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการเดินทางชั้นนำของโลก ประกาศว่าได้เผยแพร่ข้อมูลสถานะเที่ยวบินในโซลูชัน Flight Info Direct ของตนซึ่งเปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลเที่ยวบินตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการเดินทางได้แบบทันที โซลูชัน Flight Info Direct ซึ่งขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มข้อมูล OAG Metis ที่ทำงานบน Snowflake ให้การเข้าถึงฐานข้อมูลที่มีมูลค่าสูงของ OAG แบบทันที ประกอบด้วย ข้อมูลตารางการบินของสายการบินทั่วโลก ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และข้อมูลการต่อเที่ยวบิน การเผยแพร่ข้อมูลสถานะเที่ยวบินซึ่งเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะช่วยให้ลูกค้าสามารถดูเที่ยวบินได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหล ตั้งแต่ตารางที่กำหนดไว้ไปจนถึงเวลาลงจอด ณ จุดหมายปลายทาง

จากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของข้อมูลเชิงลึกที่มีมูลค่าสูงและข้อมูลด้านการให้บริการ การสามารถดูข้อมูลเที่ยวบินได้พร้อมกันในครั้งเดียวจากการเข้าถึง การบูรณาการ และการรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เข้าด้วยกันจะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ทางธุรกิจที่มีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ เช่น การกำจัดกำแพงข้อมูลของระบบที่มีความล้าสมัย การให้ข้อมูลการเดินทางแบบครบวงจร และแก้ปัญหาด้านการไกล่เกลี่ยและปัญหาด้านคุณภาพ

Phil Callow ซีอีโอของ OAG กล่าวว่า “โซลูชันที่มีการปรับให้ทำงานเร็วขึ้นของเราและความเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Snowflake และ Microsoft Azure ทำให้เราเป็นพาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าก้าวข้ามระบบเทคโนโลยีที่มีความล้าสมัยและซับซ้อน โอกาสที่เกิดจากข้อมูลในทั้งระบบนิเวศการเดินทาง ทั้งการค้นหาและการจอง การต้อนรับ การชำระเงิน รวมถึงการค้าปลีกและอื่น ๆ นั้นมากมายมหาศาล แพลตฟอร์มข้อมูลบนระบบคลาวด์ซึ่งมีความอเนกประสงค์ของเราเชื่อมทั้งระบบนิเวศนี้เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และผ่านมุมมองเพียงหนึ่งเดียว เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราเติบโต ปรับปรุงการให้บริการให้ทันสมัย และทำงานที่มีปริมาณมากได้อย่างยืดหยุ่น”

การเผยแพร่ข้อมูลบนแพลตฟอร์มที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้เป็นวิวัฒนาการล่าสุดของเส้นทางการเติบโตของผลิตภัณฑ์จาก OAG เพื่อเชื่อมระบบนิเวศและตลาดกับข้อมูลที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นรวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

Callow เสริมว่า “เรากำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ไปข้างหน้าโดยเปิดให้มีการเข้าถึงข้อมูลการเดินทางคุณภาพสูงอย่างไม่ติดขัด การสามารถดูข้อมูลแบบองค์รวมของเที่ยวบินด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีตอนนี้ได้คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการดูข้อมูลจากตารางแบบเก่าและการแยกแสดงสถานะแบบในอดีต”

OAG มีลูกค้าอยู่ในทั้งระบบนิเวศการเดินทางและฝังอยู่ในเครื่องมือการจอง แอปด้านการเดินทางและธุรกิจต้อนรับต่าง ๆ แอปสายการบิน ตัวแทนด้านการเดินทางที่ให้บริการแบบออนไลน์ เครื่องมือสืบค้นข้อมูลเมตา เครื่องมือสืบค้นข้อมูล และแอปติดตามเที่ยวบินอีกมากมาย

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลสถานะเที่ยวบินที่ https://www.oag.com/status-direct

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472 OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย เยี่ยมชม www.oag.com และติดตามเราทาง Twitter ที่ @OAG Aviation

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220719005065/en/

ติดต่อสื่อ: 
Glenn Simpson – Harvard ตัวแทนของ OAG 
pressoffice@oag.com 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mom’s Touch ขยายตลาดอาหารฟาสต์ฟู้ดสู่ระดับโลกโดยใช้กลยุทธ์ความสำเร็จที่ทำให้ร้านขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในเกาหลี แซงหน้าแบรนด์ระดับโลกรายใหญ่

Logo

แบรนด์เบอร์เกอร์และไก่ของเกาหลีได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นแนวหน้าในตลาดภายในประเทศที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

เบอร์เกอร์สะโพกไก่พร้อมก้อนเนื้อสะโพกไก่ที่อัดแน่นด้วยผักจะมอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ผ่านวิธีการ 'ปรุงตามสั่ง'

ปัจจุบันได้เปิดสาขาในตลาดสหรัฐอเมริกาโดยใช้ความรู้ความชำนาญในการครองตลาดเกาหลี ที่ถ่ายทอด DNA แห่งความสำเร็จสู่ตลาดระดับโลก

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–18 กรกฎาคม 2565

แฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชุมชนทั่วโลก มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าในช่วงแรกจะได้รับการคิดค้นขึ้นในประเทศเยอรมนี แต่ก็เป็นที่ยอมรับมานานแล้วว่าเป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณสำหรับคนอเมริกัน โดยทั่วไปแล้ว แบรนด์แฮมเบอร์เกอร์ระดับโลกในปัจจุบันส่วนใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงมีการส่งออกแฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ของสหรัฐฯ กลับไปยังสหรัฐฯ มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก และหนึ่งในแบรนด์เหล่านี้คือ 'Mom's Touch' ที่มาจากเกาหลี

Mom’s Touch แบรนด์แฮมเบอร์เกอร์และไก่สัญชาติเกาหลี กำลังขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไปยังตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลังผ่านการส่งออกผลิตภัณฑ์กลับไปยังตลาดสหรัฐฯ

ในประเทศเกาหลี Mom’s Touch เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยผลิตภัณฑ์ “เบอร์เกอร์สะโพกไก่” ที่มาพร้อมกับคุณภาพยอดเยี่ยมและความคุ้มค่า ได้รับความนิยมจากเจเนอเรชั่น MZ (การจับคู่กันระหว่าง Millennials กับ Z) ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดกับแบรนด์ระดับโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mom’s Touch ได้รับการบันทึกว่ามีจำนวนร้านค้ามากที่สุดในเกาหลีจากการเพิ่มพลังของแบรนด์ผ่านการจัดการคุณภาพ และวางตำแหน่งตัวเองเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแฟรนไชส์

'เบอร์เกอร์สะโพกไก่' เอาใจผู้บริโภคในอเมริกา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์

เบอร์เกอร์สะโพกไก่จะมอบความลงตัวระหว่างเนื้อไก่ฉ่ำ ๆ จากส่วนขาทั้งหมดที่ปรุงรสเผ็ดและผักกาดหอม หัวหอม และซอสสดใหม่ในปริมาณที่พอเหมาะ เบอร์เกอร์สะโพกไก่ได้สร้างความประทับใจด้านรสชาติให้แก่ผู้บริโภคตั้งแต่เด็กจนถึงวัยกลางคน จนได้ยืนอยู่ในตำแหน่งเบอร์เกอร์ไก่ยอดนิยมในเกาหลีโดยมียอดขาย 390 ล้านชิ้นนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2548

การอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียบได้ท่ามกลางแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง Mom's Touch ประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์และไก่

จากข้อสรุปของสัญญาแฟรนไชส์ตัวแทนกับพันธมิตรท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา Mom's Touch ได้เปิดร้านสาขาแรกในลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2564 ด้วยการจัดรายการเมนูโดยคำนึงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เมนูตามสั่งและการเลือกส่วนต่าง ๆ ของไก่ที่ชื่นชอบ Mom's Touch ได้เพิ่มรายรับถึง 120,000 ดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม และ 150,000 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม ปี 2564 ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 120,000 ดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2564

นอกจากนี้ Mom's Touch ยังประสบความสำเร็จในการรักษาตำแหน่งในลอสแอนเจลิส เนื่องจากร้านได้รับการประเมินว่าเป็นร้านอาหารที่ต้องไปเยือนจากสื่อท้องถิ่นที่ทรงอิทธิพล เช่น Los Angeles Times และ Eater LA โดยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้านักชิมในถิ่นกำเนิดของไก่และแฮมเบอร์เกอร์ ที่ซึ่งเบอร์เกอร์ไก่ (แซนด์วิชไก่) ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทรนด์ขนาดใหญ่ที่มีรสชาติและบริการที่แตกต่างตามความรู้ความชำนาญเฉพาะตัว

จากประสบการณ์ทางธุรกิจของร้านแรก Mom's Touch ได้เปิดร้านที่สองซึ่งเป็นไดรฟ์ทรูในลองบีช โดยกลยุทธ์ในการเลือกของบริษัทจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ยอดขายในร้านแบบไดรฟ์ทรูคิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขายทั้งหมดในอุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ดของสหรัฐฯ บริษัทมีแผนจะเปิดร้านสาขาที่สามในสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาทั้งหมด 100 แห่งในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2568

Mom’s Touch แฟรนไชส์แฮมเบอร์เกอร์และไก่ของเกาหลี ครองอันดับ 1 ในเกาหลี แซงหน้าแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่

เมื่อสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2565 แบรนด์ Mom’s Touch ครองอันดับ 1 ในเกาหลีในด้านจำนวนร้านค้าโดยบริหารจัดการร้านแฟรนไชส์ทั้งหมด 1,354 แห่ง ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและความสามารถในการดำเนินงาน แบรนด์สัญชาติเกาหลีนี้จึงอยู่ในจุดที่ไม่มีใครเทียบได้ในตลาดแฟรนไชส์อาหารฟาสต์ฟู้ดในเกาหลี ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่และแบรนด์ระดับโลกกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้าน Mom's Touch จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้บริโภคโดยใช้วิธีการ 'ปรุงตามสั่ง' ซึ่งอาหารทั้งหมดจะปรุงหลังจากได้รับคำสั่งซื้อ ไม่ว่าจะสั่งเมื่อไร ลูกค้าก็สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติอันกรุบกรอบและชุ่มฉ่ำของแต่ละเมนูได้แบบไม่ซ้ำใคร เหมือนปรุงเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง

ซึ่งแตกต่างจากเบอร์เกอร์อื่น ๆ ที่ใช้ก้อนเนื้อไก่บดและแช่แข็ง ขณะที่เบอร์เกอร์สะโพกไก่ไร้กระดูกจะมาแบบสดและแช่เย็น ซึ่งได้รับการประเมินด้านรสชาติและคุณภาพในระดับสูง ปัจจัยในการเติบโตอีกประการของแบรนด์คือขนาดที่ใหญ่โต ซึ่งเห็นแล้วชวนมองและมาพร้อมกับผักสดอัดแน่นเพื่อเพิ่มความอิ่มหนำ เช่น ผักกาดและมะเขือเทศ ที่อยู่บนก้อนเนื้อไก่ ทำให้ชายหนุ่มในช่วงอายุ 10-29 ปีติดใจ กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของแฮมเบอร์เกอร์ได้สำเร็จ

Mom’s Touch ตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันด้วยการจัดการคุณภาพและสุขอนามัยผ่านการขยายระบบคลังอาหาร ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และความก้าวหน้าของกระบวนการ M-QMS ที่จัดการคุณภาพและสุขอนามัยของผลิตภัณฑ์ในเชิงรุกในทุกขั้นตอนตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงการขาย

Mom's Touch ยังสร้างสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจแฟรนไชส์ด้วยการมอบความคุ้มค่าอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์ทั่วไปต้องการเงินลงทุนเริ่มแรกสูงมาก แต่ Mom's Touch ยังคงเป็นแบรนด์แฟรนไชส์อันเป็นที่ต้องการของผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพ เพราะใช้เงินลงทุนในขั้นตอนแรกอย่างสมเหตุสมผลและสร้างผลกำไรที่มั่นคงได้

ผู้รับสัมปทานแฟรนไชส์จะได้รับผลประโยชน์ด้านเงินลงทุนเริ่มต้นที่ลดลงและคงที่ผ่านการตั้งร้านค้าขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีพื้นที่ประมาณ 83 ~ 100 ตร.ม. ริมถนนหรือตรอกในเขตธุรกิจหลัก ๆ หรือสถานที่เชิงกลยุทธ์บนชั้นสองของศูนย์การค้าต่าง ๆ นอกจากนี้ Mom's Touch ยังเสนอนโยบายที่เป็นมิตรกับเจ้าของร้าน เช่น การไม่เรียกเก็บค่าส่วนต่างสำหรับการตกแต่งภายในร้าน หรือค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ หรือค่าฝึกอบรม

และจากความต้องการด้านการบริการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดของโรค โมเดลธุรกิจที่คุ้มค่าของ Mom's Touch จึงกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น

เร่งขยายสู่ตลาดโลกโดยใช้ ‘DNA ที่ประสบความสำเร็จของ Mom's Touch'

หลังจากยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครเทียบได้ท่ามกลางแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก Mom's Touch จะรุกเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนในปีนี้ โดยต่อยอดความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์

ในการเข้าร่วมตลาดบริการอาหารในประเทศไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mom's Touch ได้ทำสัญญาแฟรนไชส์แบบตัวแทนกับ Mom's Touch Thailand Co., Ltd. เจ้าของคือ RS Group ซึ่งเป็นบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะทำหน้าที่เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการของบริษัท

จากการใช้ประเทศไทยเป็นฐานหลักในการขยายสู่ภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากบริการส่งอาหารเติบโตอย่างรวดเร็ว Mom's Touch จึงตั้งเป้าที่จะยกระดับชื่อเสียงแบรนด์ไปยังระดับโลกด้วยความสามารถในการแข่งขันเบอร์เกอร์ไก่ที่แตกต่าง ซึ่งครองตลาดในเกาหลี

การมุ่งเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยที่ชื่นชอบไก่ Mom’s Touch จะนำเสนอ 'เบอร์เกอร์สะโพกไก่' โดยมีก้อนสะโพกไก่ทอดชิ้นหนาเป็นเมนูหลัก และจะร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวเมนูท้องถิ่นที่หลากหลายและเหมาะสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่น ได้แก่ แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ และ เครื่องเคียง

Mom's Touch จะเปิดร้านสาขาแรกในไทยเร็ว ๆ นี้ด้วยแฟรนไชส์แบบตัวแทน เพื่อตอบรับผู้บริโภคในท้องถิ่น และตั้งใจที่จะเปิดร้าน 6 แห่งภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและการรับรู้ในตลาดท้องถิ่นด้วยการทดสอบเมนูและบริการที่ปรับให้เหมาะสม นอกจากนี้บริษัทยังกำลังหารือเกี่ยวกับสัญญาแฟรนไชส์แบบตัวแทนกับพันธมิตรในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนและตะวันออกกลางอีกด้วย

ผู้จัดการของ Mom’s Touch กล่าวว่า “เราก้าวขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมอาหารด้วยเบอร์เกอร์สะโพกไก่ ซึ่งเป็นราชาในตลาดเบอร์เกอร์ไก่ของเกาหลีและเป็นตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มเปลี่ยนตามเทรนด์ตลอดเวลา เราตั้งเป้าที่จะแสดงศักยภาพของ 'K-Burger' หรือเบอร์เกอร์เกาหลี โดยส่งต่อ DNA ความสำเร็จของเราไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์ด้วยพลังของผลิตภัณฑ์และความรู้ความชำนาญในการดำเนินงานแฟรนไชส์ของเรา”

ติดต่อ:

MOM'S TOUCH&Co. 
Subin Yun 
+82 2 6933 7175 
subinyun3@momstouch.co.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย