Category Archives: Lifestyle

โมเดลร้านอาหารเจเนอเรชั่นใหม่ “Kura Sushi Osaka Kansai Expo Store” เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการใน “Future Life Zone” วันที่ 13 เมษายน (อาทิตย์) นี้!

Logo

 “ร้านอาหารยั่งยืน” แห่งแรกของ Kura Sushi ที่นำผลิตภัณฑ์จากทะเล เศษอุปกรณ์ตกปลา และพลาสติกกลับมาใช้ใหม่!

 ‘ความยั่งยืน’ และ “เทคโนโลยีล่าสุด” ผสมผสานกัน

โอซาก้า ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2025

Kura Sushi Inc. (สำนักงานใหญ่: เมืองซาไก จังหวัดโอซาก้า) หนึ่งในเครือร้านซูชิสายพานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ประกาศว่าจะเปิดร้าน Kura Sushi ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนที่ Future Life Zone ของงาน Osaka-Kansai Expo ในวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2025

Appearance: Sustainable store that uses “plaster with no artificial materials” for exterior wall material that reuses “seashells” that would otherwise be discarded.

ลักษณะภายนอก: ร้านค้าที่ยั่งยืนที่ใช้ “ปูนปลาสเตอร์ที่ปราศจากวัสดุสังเคราะห์” เป็นวัสดุผนังภายนอก โดยนำ “เปลือกหอย” ที่ปกติแล้วจะถูกทิ้งมาใช้ซ้ำ

Kura Sushi Osaka Kansai Expo Store เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างมา โดยที่นั่ง 338 ที่นั่ง ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Kura Sushi และมีสายพานหมุนที่ยาวที่สุดที่ประมาณ 135 เมตร การออกแบบภายนอกเรียบง่าย โดยมีผนังนามาโกะชวนให้นึกถึงโกดังสัญลักษณ์ของบริษัท และรูปทูน่านิกิริขนาดใหญ่ใน “Antibacteria Sushi Cover Mr. Freshness” ที่ช่วยปกป้องซูชิจากฝุ่นและไวรัสในอากาศ ภายในมีการออกแบบที่หรูหราและทันสมัยสไตล์ญี่ปุ่นด้วยโต๊ะและพนักพิงลายไม้ รวมถึงพื้นผิวที่นั่งแบบเสื่อทาทามิ และภาพกราฟิกที่โดดเด่นของจานขนาดยักษ์บนเพดาน

ผนังด้านนอกทำด้วย “ปูนปลาสเตอร์ไร้สารสังเคราะห์” ซึ่งทำจากการนำเปลือกหอย 336,000 ชิ้นที่ปกติแล้วจะถูกทิ้งมาใช้ใหม่ และใช้กาวและส่วนผสมอื่นๆ ที่ทำจากสาหร่ายทะเล สำหรับภาพสัญลักษณ์ที่เคาน์เตอร์เก็บเงินและห้องน้ำนั้น ได้ใช้ฝาขวดพลาสติกที่ถูกทิ้งแล้วและถังโพลีเอทิลีนสีขาวขุ่นรวมประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์2ลงเหลือประมาณหนึ่งในสามของปริมาณที่ปล่อยออกมาจากการเผา นอกจากนี้ หมายเลขที่นั่งและป้ายโลโก้ในที่กำบังลมบางส่วนยังทำจากวัสดุตกปลารีไซเคิล เช่น เชือก ทุ่น และตะกร้า ซึ่งมีน้ำหนักรวมประมาณ 15 กิโลกรัม ม้านั่งในบริเวณนั่งรอทำจากต้นซีดาร์ที่ตัดแต่งในญี่ปุ่น แคปซูล “Bikkura Pon®” และสิ่งของอื่นๆ ที่ผู้เยี่ยมชมสามารถนำกลับบ้านได้ก็ได้รับการรีไซเคิลเช่นกัน และภาชนะใส่อาหารกลับบ้านทำจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อมีส่วนสนับสนุนในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)

นอกจากนี้ ร้านอาหารแห่งนี้ยังมีระบบที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยี AI และ ICT ที่พัฒนามายาวนานเพื่อปรับปรุงสุขอนามัยและการควบคุมคุณภาพ และเป็นร้านซูชิสายพานรายใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารล้ำสมัยที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดเข้ากับ “การเสิร์ฟด้วยสายพาน” ซึ่งสามารถทำได้โดยร้านซูชิสายพานรายใหญ่เท่านั้น

นอกจากเมนูซูชิปกติแล้ว ร้านอาหารแห่งนี้ยังเสนอเมนูเพื่อความยั่งยืนที่ใช้ปลาไร้ประโยชน์ เช่น ปลานิซาได ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการทำประมงอย่างยั่งยืน รวมไปถึงเมนู 70 คอร์สที่สร้างสรรค์อาหารที่เป็นตัวแทนของ 70 ประเทศและภูมิภาค 

ในงานแถลงข่าว Hiroyuki Okamoto กรรมการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายโฆษณา และนักลงทุนสัมพันธ์ กล่าวว่า “เราเป็นเครือร้านซูชิสายพานรายใหญ่เพียงรายเดียวที่เสิร์ฟซูชิจากสายพานของเราในร้านอาหารทุกแห่งของเรา แนวคิดของเราคือการสร้างสถานที่ที่ผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นอกจากนี้ เรายังจะแนะนำ “โมเดลร้านอาหารเจเนอเรชันใหม่” ให้กับโลกด้วยการผสมผสานองค์ประกอบที่ยั่งยืนเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย และนำวัฒนธรรมซูชิแบบหมุนเวียนซึ่งมีต้นกำเนิดในญี่ปุ่นมาสู่ผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ Kura Sushi Inc. มีร้านอาหาร 546 แห่งในญี่ปุ่น 73 แห่งในสหรัฐอเมริกา 59 แห่งในไต้หวัน และ 3 แห่งในเซี่ยงไฮ้

[ จุดเด่นของร้าน Kura Sushi Osaka Kansai Expo ]

  •  ร้านค้าที่ยั่งยืนที่ใช้ “ปูนปลาสเตอร์ที่ปราศจากวัสดุสังเคราะห์” เป็นวัสดุผนังภายนอก โดยนำ “เปลือกหอย” ที่ปกติแล้วจะถูกทิ้งมาใช้ซ้ำ
  •  ด้วยจำนวนที่นั่งมากที่สุดและสายพานหมุนที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Kura Sushi มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สนุกสนานกับซูชิแบบหมุนเฉพาะของ Kura Sushi เท่านั้น
  •  โครงการริเริ่มที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้วัสดุที่ถูกทิ้ง
     Kura Sushi Osaka-Kansai Expo Store ให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง โดยได้นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในหลาย ๆ จุดของร้านอาหาร โดยฝาขวดพลาสติกและถังพลาสติกโพลีเอทิลีนสีขาวขุ่นถูกใช้เป็นภาพสัญลักษณ์บนเคาน์เตอร์เก็บเงินและห้องน้ำ นอกจากนี้ ป้ายโลโก้และตัวระบุหมายเลขที่นั่งในที่กำบังลมบางส่วนยังใช้เชือกตกปลา ทุ่น และตะกร้าแทน
  •  เปิดตัวแคปซูลและภาชนะแบบนำกลับบ้าน “Bikkura Pon!®” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
     แคปซูล “Bikkura Pon!®” เป็นแคปซูลกระดาษที่ใช้เทคโนโลยี PIM (Pulp Injection Molding) ซึ่งทำจากแป้งและเยื่อกระดาษ แคปซูลไม่ปล่อยสารพิษเมื่อถูกเผา สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และสลายตัวในดินได้ภายในเวลาประมาณ 6 เดือน
     ภาชนะใส่อาหารกลับบ้านใช้เศษเหลือทางมะพร้าว ทางใบปาล์ม(*1) ซึ่งเหลือจากการผลิตน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้และก๊าซมีเทนจากการสลายตัว ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถุงกระดาษสำหรับซื้อกลับบ้านทำจากกระดาษรีไซเคิล 100%(*2) นอกจากนี้ ยังมีการพิมพ์คำว่า “โชคลาภ” ไว้ด้านในภาชนะ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับลูกค้าที่มารับอาหารกลับบ้าน
     *1 เศษเหลือของทางใบปาล์ม: ทะลายปาล์มเปล่าที่เกิดขึ้นหลังจากใบปาล์มถูกบีบเพื่อผลิตน้ำมันปาล์ม
     *2 ไม่รวมหูหิ้วถุงกระดาษ
  • การนำเสนอเมนูที่ยั่งยืนซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการพยายามสร้างการประมงที่มีมายาวนาน
     บริษัทของเขากำลังทำงานร่วมกับชาวประมงในญี่ปุ่นในโครงการริเริ่มต่างๆ เพื่อปกป้องทรัพยากรทางทะเลและฟื้นฟูอุตสาหกรรมประมงเพื่อปกป้องมหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์ในอนาคต ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ บริษัทจึงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน เช่น ปลาที่ใช้น้อย “การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอัจฉริยะ” ที่ใช้ AI และปลาออร์แกนิก
     Kura Sushi สาขา Osaka Kansai Expo ยังนำเสนอเมนูที่ยั่งยืนซึ่ง Kura Sushi เท่านั้นที่ทำได้ เช่น “กะหล่ำปลีนิซาได” “ฮามาจิออร์แกนิก” และ “โรลเพื่อสุขภาพ (มาโยกุ้ง)” โดยใช้ 'เวจิโต' (แครอทแผ่น) แผ่นผักที่ทำจากผักที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อส่งเสริม “การพัฒนาที่ยั่งยืน” ผ่านทางอาหาร บริษัทมีเป้าหมายที่จะ “มีส่วนสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)” ผ่านทางอาหาร
  •  เมนูพิเศษเมนูแรกของ Kura Sushi ซึ่งประกอบด้วยอาหารจาก 70 ประเทศและภูมิภาค!
     Kura Sushi ได้พัฒนาเมนูพิเศษที่รังสรรค์อาหารจาก 70 ประเทศและภูมิภาค สำหรับ 25 เมนูนั้น เราได้ขอให้ตัวแทนจากประเทศญี่ปุ่นและผู้ที่คุ้นเคยกับรสชาติดั้งเดิมของแต่ละประเทศมาลองชิม และเราได้ทำการปรับปรุงตามความคิดเห็นและคำแนะนำของพวกเขา เราพิถีพิถันในการสร้างสรรค์รสชาติดั้งเดิมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการทำอาหารของแต่ละประเทศและตัวแทนจากแต่ละภูมิภาค คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารกว่า 70รายการจากทั่วโลกได้ที่ Expo Store
     นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบ “ปกซูชิป้องกันแบคทีเรีย Mr. Freshness” ในรูปแบบพิเศษเพื่อสะท้อนถึงแนวคิดของร้าน Osaka/Kansai Expo อีกด้วย โดยปกทั้งสองเล่มเชื่อมต่อกันด้วยลวดลายจับมือสีแดงและสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีสันของงาน Expo ปกหน้ามีภาพอาหารจากประเทศและภูมิภาคต่างๆ ส่วนปกหลังประกอบด้วยอาหารซูชิซึ่งไหลมารวมกันบนสายพานหมุน 

[ รายละเอียดร้านค้า ]

  • ชื่อร้าน: “Kura Sushi Osaka Kansai Expo Store”
  • เวลาเปิดให้บริการ: 10.00–21.00 น.
  • จำนวนที่นั่ง: 338
  • พื้นที่นั่ง : 799.55 ตารางเมตร

HP: https://www.kurasushi.co.jp/2025expo/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250325146381/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำหรับการสอบถามข้อมูลสื่อเกี่ยวกับข่าวเผยแพร่นี้:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Kura Sushi, Inc.
อีเมล: prhq_kurasushi@kura-corpo.co.jp

ที่มา: Kura Sushi Inc.











เปิดรับผลงานการออกแบบโลโก้อารยธรรม Shu โบราณจากทั่วโลกอย่างเป็นทางการแล้ว

Logo

เฉิงตู ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–21 มีนาคม 2025

ท่ามกลางสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์อันกว้างใหญ่ ซานซิงตุยและจินซาเปล่งประกายราวกับ “ดวงดาวคู่” ในกลุ่มดาวที่เจิดจ้าของอารยธรรม Shu โบราณ เปล่งประกายความเจิดจ้าที่น่าหลงใหล เมื่อวันที่ 20 มีนาคม สำนักงานมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลเสฉวนได้เปิดรับสมัครผู้ส่งผลงานโลโก้อารยธรรม Shu โบราณจากทั่วโลก โดยเชิญชวนบุคคลและองค์กรต่างๆ เข้าร่วมงาน ซึ่งจะจัดขึ้นจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม

Global Call for Submissions for the Ancient Shu Civilization Logo Design

เปิดรับผลงานการออกแบบโลโก้อารยธรรม Shu โบราณจากทั่วโลก

โดยงานนี้มุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจอย่างเต็มที่ในการค้นพบโลโก้ที่สะท้อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมและเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของอารยธรรม Shu โบราณ

ซึ่งมีข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับการส่งผลงานเข้าประกวด: ผลงานจะต้องผสมผสานองค์ประกอบจากแหล่งโบราณคดีซานซิงตุยและจินซา โดยเน้นย้ำถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมและความสำคัญอันเป็นเอกลักษณ์ของอารยธรรม Shu โบราณ การออกแบบควรสะท้อนมุมมองระดับนานาชาติ สุนทรียศาสตร์ทางวัฒนธรรมจีน และเสน่ห์อันโดดเด่นของภูมิภาคปาชู่ ผลงานควรสอดคล้องกับธีม มีองค์ประกอบที่สร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร สะดุดตา เป็นที่จดจำ และแสดงออกถึงศิลปะได้อย่างชัดเจน ผลงานที่ส่งต้องประกอบด้วยไฟล์รูปภาพและไฟล์ต้นฉบับ พร้อมคำอธิบายเป็นลายลักษณ์อักษร 300–800 คำ และส่งทางอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลเฉพาะของงาน: submit@visitancientshu.com.

โดยจะมีการมอบรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งจำนวน 1 รางวัลพร้อมเงินสดมูลค่า 50,000 หยวน รางวัลรองชนะเลิศอันดับสองจำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 หยวน รางวัลรองชนะเลิศอันดับสามจำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 5,000 หยวน และรางวัลยอดเยี่ยมจำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 2,000 หยวน

อารยธรรมโบราณ Shu จะได้รับการฟื้นคืนชีพด้วยความมีชีวิตชีวาและพลังใหม่ในยุคสมัยใหม่ ตัวแทนจากคณะกรรมการจัดงานกล่าวว่า อารยธรรม Shu จะสร้างสะพานข้ามกาลเวลาและอวกาศ เชื่อมโยงอารยธรรม Shu โบราณกับโลกสมัยใหม่ ทำให้ผู้คนเข้าใจ ชื่นชม อนุรักษ์ และส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของมนุษย์ได้มากขึ้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของอารยธรรม Shu โบราณ www.visitancientshu.com.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สำนักงานบริหารมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลเสฉวน
ติดต่อ: Jean Huang
อีเมล: submit@visitancientshu.com
โทร: +8628 8663 7325
เว็บไซต์: www.visitancientshu.com

ที่มา: Sichuan Provincial Cultural Heritage Administration

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250320223656/en

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูของญี่ปุ่น: ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มระดับโลกมาร่วมดื่มด่ำกับสาเกญี่ปุ่น Honkaku Shochu และวัฒนธรรมอะวาโมริของญี่ปุ่น

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–18 มีนาคม 2025

สมาคมผู้ผลิตสาเกและโชจูแห่งประเทศญี่ปุ่น (JSS) จัดทัวร์พิเศษเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากอุตสาหกรรมไวน์และบาร์ทั่วโลกมาดื่มด่ำกับสาเกญี่ปุ่น Honkaku Shochu และวัฒนธรรมอะวาโมริที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น โปรแกรมพิเศษนี้นำเสนอประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเทคนิคการผลิตและการกลั่นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีใครเทียบของ UNESCO เมื่อไม่นานนี้

Leading Sommeliers Visiting a Rice Polishing Facility

ซอมเมลิเยร์ระดับท็อปเข้าเยี่ยมชมโรงงานขัดสีข้าว

ทัวร์ชิมสาเกนี้เป็นการรวบรวมซอมเมลิเยร์และผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องดื่มของร้านอาหารชั้นนำจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมโรงกลั่นสาเกที่คัดเลือกไว้ทั่วญี่ปุ่น ผู้เข้าร่วมจะได้รับข้อมูลแบบเจาะลึกในกระบวนการผลิต เรียนรู้เกี่ยวกับการขัดข้าว การหมัก และเทคนิคในการบ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของสาเก นอกเหนือจากการเข้าเยี่ยมชมโรงกลั่นแล้ว ยังมีการเข้าเยี่ยมชมสถาบันการศึกษาที่มีการนำเสนอเซสชั่นพิเศษเฉพาะด้านเกี่ยวกับการคัดเลือกยีสต์ การวิเคราะห์กลิ่น และแนวทางทางวิทยาศาสตร์ในการกลั่นสาเก พร้อมกันนี้ ยังพาเข้าเยี่ยมชม koji mold รวมถึงทุ่งนาที่ใช้ปลูกข้าว เพื่อเสริมความเข้าใจในการผลิตสาเกอย่างครอบคลุมตั้งแต่เมล็ดข้าวจนถึงสาเกที่เสริฟให้แก่ลูกค้า

สำหรับทัวร์ชิมโชจูนั้น เป็นการรวมตัวของบาร์เทนเดอร์และผู้จัดการบาร์ชั้นนำ เพื่อสัมผัสกับโชจูที่ผ่านการกลั่นอย่างมีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น นั่นก็คือ Honkaku Shochu ซึ่งมีความแตกต่างจากเหล้ากลั่นอื่นๆ ทั่วโลก ตรงที่มีส่วนผสมพื้นฐานที่หลากหลายและวิธีการกลั่นที่เป็นเอกลักษณ์ ผู้เข้าร่วมจะได้เข้าเยี่ยมชมโรงกลั่น พูดคุยกับผู้ผลิต และรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะที่ซับซ้อนของโชจูผ่านการชิม นอกจากนี้ ยังพาเข้าเยี่ยมชมฟาร์มมันเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักของโชจู พบปะกับเกษตรกรในท้องถิ่นและสัมผัสประสบการณ์การดื่มตามประเพณีของภูมิภาคโดยใช้ภาชนะแบบดั้งเดิม กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้ดื่มด่ำกับโชจูอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากมุมมองที่หลากหลาย

นอกเหนือจากความรู้ทางเทคนิคแล้ว ยังเอื้ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้เข้าร่วมและผู้ผลิตชาวญี่ปุ่น ซอมเมลิเยร์ยกย่องสาเกว่า “มีรสชาติอูมามิที่สมดุล” และ “มีกรดต่ำ เหมาะกับการจับคู่กับอาหาร” ในทำนองเดียวกัน บาร์เทนเดอร์ก็ชื่นชมโชจูว่า “สามารถนำไปผสมเป็นค็อกเทลได้หลากหลาย” และ “มีกระบวนการผลิตตามธรรมชาติที่ปราศจากสารเติมแต่ง” ทำให้เป็นคู่แข่งที่ไม่น้อยหน้ากันในวงการผสมเครื่องดื่มสมัยใหม่

หลังจากทัวร์เสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมสามารถนำความเชี่ยวชาญที่เรียนรู้ใหม่นี้ไปปรับใช้กับอุตสาหกรรมของตนเอง รวมถึงการแนะนำสาเกและโชจูไว้ในเมนูของร้านอาหารและบาร์ การอบรมพนักงาน และการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของญี่ปุ่นเหล่านี้มาผสมผสานกับโปรแกรมการศึกษาของสมาคมซอมเมอลิเยร์ในท้องถิ่นและเวิร์กช็อปค็อกเทลทั่วโลก

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามอย่างต่อเนื่องของ JSS เพื่อยกระดับความตระหนักรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นขึ้นสู่ระดับโลก โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผู้นำในอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ สมาคมมีเป้าหมายที่จะขยายตลาด เพื่อส่งเสริมความนิยมอย่างต่อเนื่องบนเวทีระดับโลก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250316698311/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Takeshi Itani
takeshi.itani@sakeexperiencejapan.com

ที่มา: Japan Sake and Shochu Makers Association


teamLab Planets (โตเกียว, โทโยสุ) ประสบความสำเร็จในการเพิ่มยอดขายตั๋วมากถึงประมาณ 130% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากการขยายพื้นที่ครั้งใหญ่ เวลาอยู่ของผู้เข้าชมก็มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

Logo

 ดอกซากุระจะบานในสองพื้นที่ที่สร้างประสบการณ์เสมือนจริง เริ่มต้นวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–27 กุมภาพันธ์ 2025

teamLab Planets TOKYO DMM.com(ซึ่งจะขอเรียกในที่นี้ว่า teamLab Planets) ได้บันทึกการเพิ่มขึ้นของยอดขายตั๋วถึง 130% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังจากการขยายพื้นที่ครั้งใหญ่ในเดือนมกราคมปี 2025*1เวลาอยู่ของผู้เข้าชมก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจากการสำรวจล่าสุดพบว่า สัดส่วนของผู้เข้าชมที่อยู่ “2 ชั่วโมงขึ้นไป” เพิ่มขึ้นประมาณ 48% ในขณะที่ผู้ที่ “อยู่ 3 ชั่วโมงขึ้นไป” เพิ่มขึ้นประมาณ 20%*2 .

teamLab Planets, a museum in Toyosu, Tokyo, where you can immerse yourself with your entire body, has unveiled a cherry blossom-themed artwork by the international art collective teamLab. (teamLab, Floating in the Falling Universe of Flowers, Video: teamLab)

teamLab Planets พิพิธภัณฑ์ในโทโยสุ โตเกียว ที่คุณสามารถดื่มด่ำกับศิลปะด้วยร่างกายทั้งหมดของคุณ ได้เปิดตัวผลงานศิลปะธีมดอกซากุระโดยกลุ่มศิลปะนานาชาติ teamLab (teamLab, ลอยอยู่ในจักรวาลดอกไม้ที่ร่วงหล่น, วิดีโอ: teamLab)

ฤดูใบไม้ผลินี้ สองพื้นที่ศิลปะขนาดใหญ่ที่ teamLab Planets จะถูกเปลี่ยนแปลงด้วยดอกซากุระที่บานสะพรั่งเต็มที่ลอยอยู่ในจักรวาลดอกไม้ที่ร่วงหล่นที่ซึ่งดอกไม้ตามฤดูกาลจะบานและเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ดอกซากุระจะกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่การวาดบนผิวน้ำที่สร้างขึ้นจากการเต้นรำของปลาคราฟและผู้คนอินฟินิตี้ที่ซึ่งผู้เข้าชมสามารถเดินเท้าเปล่าในน้ำ โดยปลาคราฟที่ว่ายอยู่บนผิวน้ำจะกลายเป็นดอกซากุระและร่วงเมื่อชนกับผู้คน ดอกซากุระเหล่านี้จะจัดแสดงตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม ถึงวันพุธที่ 30 เมษายน

ผลงานศิลปะใหม่กว่า 20 ชิ้นถูกเปิดตัวในโครงการขยายพื้นที่ครั้งใหญ่
ในเดือนมกราคม teamLab Planets ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 เท่า นำเสนอผลงานศิลปะใหม่กว่า 20 ชิ้นที่มุ่งเน้นโครงการด้านการศึกษา เช่นAthletics Forest, Catching and Collecting ForestและFuture Parkและนอกจากนี้Sketch Factoryได้ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ผู้เข้าชมสามารถเปลี่ยนภาพวาดที่พวกเขาสร้างขึ้นภายในพื้นที่ศิลปะให้เป็นผลิตภัณฑ์ต้นฉบับเพื่อนำกลับบ้าน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายพื้นที่ครั้งใหญ่ กรุณาอ้างอิงจากแถลงข่าวนี้

*1

จากข้อมูลการซื้อตั๋วบนเว็บไซต์ทางการของ teamLab Planets เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาประมาณหนึ่งเดือน ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมถึง 16 กุมภาพันธ์ 2025 กับวันที่ 24 มกราคมถึง 18 กุมภาพันธ์ 2024

*2

แบบสำรวจที่จัดทำขึ้นที่ teamLab Planets TOKYO DMM.com

ช่วงเวลาสำรวจ: 1 มกราคม – 18 กุมภาพันธ์ปี 2025

วิธีการสำรวจ: แบบสอบถามออนไลน์สำหรับผู้เข้าชม

จำนวนคำตอบที่ใช้ได้: 2,525 (1 มกราคม – 21 มกราคม: 669 คำตอบ, 22 มกราคม – 18 กุมภาพันธ์: 1,856 คำตอบ)

ผลการสำรวจ: สัดส่วนของผู้เข้าชมที่ใช้เวลาอยู่ “2 ชั่วโมงขึ้นไป” เพิ่มขึ้นจากประมาณ 12% ก่อนการขยาย เป็นประมาณ 60% ส่วนผู้ที่อยู่ “3 ชั่วโมงขึ้นไป” เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1% เป็นประมาณ 20%

ผลงานศิลปะที่มีดอกซากุระบาน
ลอยอยู่ในจักรวาลดอกไม้ที่ร่วงหล่น

ดอกไม้ตามฤดูกาลบานและเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ชีวิตกระจายออกไปสู่จักรวาล
นอนหรือนั่งอยู่ในพื้นที่ และในที่สุดร่างกายของคุณจะลอยขึ้นและหลอมรวมเข้าสู่โลกของผลงานศิลปะ

ดอกไม้เติบโต แตกหน่อ บานสะพรั่ง และเมื่อเวลาผ่านไป กลีบดอกก็ตกหล่น ดอกไม้เหี่ยวเฉาและตาย วงจรแห่งการเกิดและการตายยังคงดำเนินต่อไปตลอดกาล
ผลงานศิลปะนี้ไม่ใช่ภาพที่บันทึกไว้ล่วงหน้าและนำมาแสดงซ้ำ แต่จะถูกสร้างขึ้นโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำการเรนเดอร์ผลงานศิลปะแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้วมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง และสภาวะภาพก่อนหน้านี้จะไม่ถูกทำซ้ำ จักรวาลในขณะนี้จะไม่สามารถเห็นได้อีกครั้ง

การวาดบนผิวน้ำที่สร้างขึ้นจากการเต้นรำของปลาคราฟและผู้คนอินฟินิตี้

ปลาคราฟว่ายบนผิวน้ำที่ขยายออกไปสู่อนันต์ ผู้คนสามารถเดินเข้าไปในน้ำได้

การเคลื่อนไหวของปลาคราฟได้รับอิทธิพลจากการมีอยู่ของผู้คนในน้ำและปลาคราฟตัวอื่นๆ เมื่อปลาชนกับผู้คน มันจะกลายเป็นดอกไม้และร่วงหล่น ดอกไม้ที่บานในแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล

เส้นทางการเคลื่อนที่ของปลาคราฟจะถูกกำหนดโดยการมีอยู่ของผู้คน และเส้นทางเหล่านี้จะสร้างเส้นบนผิวน้ำ

ผลงานนี้ถูกเรนเดอร์ในเวลาจริงโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มันไม่ใช่การบันทึกล่วงหน้าหรือการเล่นซ้ำ การโต้ตอบระหว่างผู้ชมและการติดตั้งจะทำให้ผลงานศิลปะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง สภาวะภาพก่อนหน้านี้จะไม่สามารถทำซ้ำได้และจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก

แนวคิดของ teamLab Planet
ดื่มด่ำ สัมผัส และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับศิลปะด้วยร่างกายทั้งหมดของคุณ

teamLab Planets เป็นพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถเดินผ่านน้ำได้ ซึ่งสร้างขึ้นโดยกลุ่มศิลปินทีมแล็บ (teamLab)

ผลงานศิลปะจะเปลี่ยนแปลงไปตามการมีอยู่ของผู้คน และการมีอยู่ของผลงานศิลปะจะเชื่อมต่อกับร่างกายของคุณและของผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง
ดื่มด่ำไปกับพื้นที่ผลงานศิลปะขนาดใหญ่ด้วยร่างกายของคุณ สัมผัสมันด้วยร่างกาย และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับศิลปะ

teamLab Planets TOKYO DMM
https://www.teamlab.art/e/planets/
#teamLabPlanets
Toyosu, Tokyo ( teamLab Planets TOKYO, Toyosu 6-1-16, Koto-ku, Tokyo )

วิดีโอไฮไลต์
https://youtu.be/F7nODEETR4s

ชุดสื่อประชาสัมพันธ์
https://www.dropbox.com/sh/ir7d2aui794eo6z/AAChbzX5wPsQm8cgkQ2ViFD4a?dl=0

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54214108/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ teamLab Planets
อีเมล: pr-info@planets.art
สำหรับการสอบถามข้อมูลการสัมภาษณ์:  https://forms.gle/fAtnDKLpQKFME6XR9

ที่มา: PLANETS Co., Ltd.

ONLYONE TRAVEL ผู้บุกเบิกการเดินทางแบบกำหนดเองที่ไม่เหมือนใคร ระดมทุนได้ 100 ล้านเยน

Logo

เปิดตัวธุรกิจทัวร์ผจญภัยและการบริหารจัดการโรงแรม เพื่อนำประสบการณ์การเดินทางที่ “เปลี่ยนชีวิต” ให้กับผู้คนมากขึ้น 

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–12 กุมภาพันธ์ 2025

Only One Corp. (สำนักงานใหญ่ Tokyo; CEO: Yosuke Yamada) ซึ่งเชี่ยวชาญในการวางแผนและเข้าร่วมการเดินทางแบบกำหนดเอง ได้ประสบความสำเร็จในการระดมทุน 100 ล้านเยนผ่านนักลงทุนรายย่อยมากกว่า 20 ราย

Victoria falls tour operated by ONLYONE TRAVEL (Graphic: Business Wire)

ทัวร์น้ำตกวิกตอเรีย ดำเนินการโดย ONLYONE TRAVEL (ภาพ: Business Wire)

บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวที่รวบรวมประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเราคือการนำเสนอการเดินทางครั้งหนึ่งในชีวิตโดยผสมผสาน “ความงดงามของโลกที่มีหนึ่งเดียวของเรา” เข้ากับ “ชีวิตหนึ่งเดียวของคุณ” เรามอบประสบการณ์การเดินทางที่ตรงตามความต้องการซึ่งปรับให้เหมาะกับโครงสร้างครอบครัว ช่วงชีวิต และสถานการณ์ทางการเงินของลูกค้าของเรา บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ที่ปานามา และขยายกิจการไปยังแอฟริกาในปี 2018 และปัจจุบันเสนอทัวร์ทั่วละตินอเมริกา แอฟริกา และการเดินทางขาเข้าไปยังญี่ปุ่น

ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หน่วยงานต่างๆ มักจะจัดการวางแผนทัวร์ การขาย และการดำเนินงานบริการนอกสถานที่ ซึ่งมักจะนำไปสู่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าธรรมเนียมตัวกลางหลายรายการ ด้วยการจัดการวางแผน การขาย และการดำเนินการภายในบริษัท บริษัทของเราสามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าที่เรามอบให้

CEO Yosuke เดินทางไปทั่วโลกมานานกว่า 20 ปี และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์การเดินทางที่ “เปลี่ยนชีวิต” จะช่วยเติมเต็มชีวิต ด้วยแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวเหล่านี้ บริษัทของเราได้ออกแบบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใคร “เพียงหนึ่งเดียว” ทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็ค้นคว้าวิจัย “ความหรูหราเชิงประสบการณ์” อย่างกว้างขวาง ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณค่าที่ได้รับจากประสบการณ์มากกว่าความมั่งคั่งทางวัตถุ

เงินทุนที่ระดมได้จะนำไปใช้สำหรับการขยายธุรกิจและเพิ่มมูลค่าประสบการณ์ให้สูงสุด โดยมุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่ “เปลี่ยนชีวิต” ให้กับผู้คนในวงกว้างมากขึ้น

วัตถุประสงค์ในการระดมทุน
(1) เปิดตัวทัวร์ผจญภัยแบบ “คัดสรร”
ด้วยความเชี่ยวชาญในทัวร์แบบกำหนดเองของเรา เราจะเปิดตัวทัวร์แบบกลุ่มเล็กที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ทัวร์เหล่านี้จะให้สิทธิ์การเข้าถึงสถานที่ห่างไกลและประสบการณ์พิเศษที่ยากต่อการเข้าถึงด้วยตัวเอง ภายในสิ้นปี 2025 เรามุ่งหวังที่จะเปิดตัวทัวร์กลุ่มเล็กอย่างน้อย 3 ทัวร์ต่อประเทศใน 30 ประเทศ รวมเป็นทัวร์ทั้งหมด 100 ทัวร์

(2) เริ่มดำเนินธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม
นอกเหนือจากบริการทัวร์แล้ว เรากำลังเปิดตัวธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม ครอบคลุมถึงบ้านพักซาฟารีในเคนยา ที่ดินที่มีภูมิประเทศกว้างใหญ่ และรีสอร์ทริมชายหาด นอกเหนือจากบริการทัวร์แล้ว เรากำลังเปิดตัวธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม ครอบคลุมถึงบ้านพักซาฟารีในเคนยา ที่ดินที่มีภูมิประเทศกว้างใหญ่ และรีสอร์ทริมชายหาด

(3) การขยายสู่ตลาดโลกใหม่
เราจะจัดตั้งสำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน และอินเดีย เพื่อดึงดูดนักเดินทางจากภูมิภาคเหล่านี้ให้มากขึ้น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54199009/en

Contacts

ชื่อบริษัท Only One Corp.
ประชาสัมพันธ์ Aya Kashiwagi
ติดต่อ sales@onlyone.travel

ที่มา: Only One Corp.

Japan Sake and Shochu Makers Association ประกาศข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024: มีการส่งออกสูงเป็นประวัติการณ์ไปยังกว่า 80 ประเทศ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–07 กุมภาพันธ์ 2025

ผลการดำเนินงานการส่งออกสาเกปี 2024

More people around the world are enjoying Japanese sake (Photo: Business Wire)

ผู้คนทั่วโลกเพลิดเพลินกับสาเกญี่ปุ่นมากขึ้น (ภาพ: Business Wire)

Japan Sake and Shochu Makers Association (JSS) ได้เปิดเผยข้อมูลการส่งออกสาเกในปี 2024 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมอยู่ที่ 43.5 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น +6% จากปีก่อน มีการจัดส่ง 3.45 ล้านกล่อง (เทียบเท่า 9 ลิตร) ไปยังกว่า 80 ประเทศเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ปี 2020 มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า ราคาต่อหน่วยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.3 เท่า และจำนวนจุดหมายปลายทางการส่งออกเพิ่มขึ้น 19 แห่ง โดยตลาดสาเกพรีเมียมมีการเติบโตอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

ในระดับภูมิภาค ทวีปเอเชียคิดเป็น 61% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้มีการเติบโตที่โดดเด่นสูงถึง 29% ในขณะที่ประเทศไทยและมาเลเซียก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน ทวีปอเมริกาเหนือมีการเพิ่มขึ้น 27% โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ร้านอาหารชั้นเลิศนำมาใช้บริการ ทวีปยุโรปตะวันตกเติบโต 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยขยายตัว 2.5 เท่าในช่วงห้าปี เนื่องมาจากความร่วมมือในอุตสาหกรรมไวน์ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสที่ขยายตัวประมาณ 3 เท่าและ 2.6 เท่าตามลำดับ

 ความคิดริเริ่มที่สำคัญในปี 2024 ของ JSS และแนวโน้มในอนาคต

เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ทั่วโลกเกี่ยวกับสาเก ทาง JSS ได้กระชับความร่วมมือกับ Association de la Sommelerie Internationale (ASI) และ Union de la Sommelerie Française (UDSF) ในปี 2024 โดย JSS ได้จัดมาสเตอร์คลาสที่ ASI Boot Camp ในสเปน เพื่อให้ความรู้แก่ซอมเมอลิเยร์รุ่นเยาว์เกี่ยวกับสาเก นอกจากนี้ JSS ยังเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ รวมถึง ProWein, ProWine São Paulo และ Warsaw Wine Experience เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

 โดยมีเหตุการณ์สำคัญในปี 2024 นั่นคือ การที่สาเกได้รวมอยู่ในงานบริการในรอบชิงชนะเลิศของการประกวด ASI สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านซอมเมอลิเยร์ที่ดีที่สุดของยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง ประจำปี 2024 ซึ่งได้ช่วยเพิ่มการยอมรับในหมู่ซอมเมอลิเยร์ นอกจากนี้ การลงทะเบียน “ความรู้และทักษะดั้งเดิมในการบ่มสาเกด้วยแม่พิมพ์โคจิในญี่ปุ่น” ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ในเดือนธันวาคม 2024 ได้ส่งเสริมการปรากฏตัวทั่วโลกของสาเก โดยในปี 2025 JSS ตั้งเป้าที่จะเร่งการขยายธุรกิจไปยังทวีปลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในการส่งออกต่อไป

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54200720/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

รายชื่อผู้ติดต่อ:
Takeshi Itani
takeshi.itani@sakeexperiencejapan.com

ที่มา: Japan Sake and Shochu Makers Association

 

 

Symphony of Sparkles: งาน HKTDC Twin Jewellery มีกำหนดเปิดในเดือนมีนาคม 2025

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–28 มกราคม 2025

จัดโดยองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) โดยงาน HKTDC Hong Kong International Jewellery Show ครั้งที่ 41 และงาน HKTDC Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show ครั้งที่ 11 จะกลับมาอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2025 ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (HKCEC) และ AsiaWorld-Expo ตามลำดับ ภายใต้ธีม Symphony of Sparkles งาน Twin Jewellery Shows นี้คาดว่าจะดึงดูดผู้แสดงสินค้าได้มากกว่า 4,000 รายทั่วโลก โดยจัดแสดงเครื่องประดับสำเร็จรูป พลอยร่วง และวัตถุดิบ

Hong Kong International Jewellery Show and Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show (Photo: Business Wire)

งาน Hong Kong International Jewellery Show และ Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show (ภาพ: Business Wire)

งานจัดแสดง

Click2Match

งาน HKTDC Hong Kong International Jewellery Show

4 – 8 มีนาคม 2025

ที่ HKCEC

23 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม 2025

งาน HKTDC Hong Kong International Diamond, Gem and Pearl Show

2 – 6 มีนาคม 2025

ที่ AsiaWorld-Expo

งาน Hong Kong International Jewellery Show จะมีโซนธีมต่างๆ รวมถึง Hall of Extraordinary และ Hall of Fame Hall of Extraordinary จะจัดแสดงคอลเลคชั่นระดับไฮเอนด์ที่ประดับด้วยเพชร อัญมณีล้ำค่า หยก และไข่มุกจากผู้แสดงสินค้าชื่อดังอย่าง Dehres, On Tung และ Lili Jewelry โดยโซน Hall of Fame จะมีการนำแบรนด์ดังระดับนานาชาติมาจัดแสดง อาทิ Giorgio Visconti จากอิตาลี, Lao Feng Xiang จากจีนแผ่นดินใหญ่ และ Cheté จากฮ่องกง

นอกจากโซนที่ได้รับการยกย่องแล้ว ยังมีโซนผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด: Gold Jewellery ที่จะเปิดตัวดีไซน์ที่สร้างสรรค์และงานฝีมือที่ประณีตในชิ้นงานทองคำต่างๆ

ด้วยจิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์นี้ Hong Kong Jewellery Design Competition ขอเชิญชวนผู้มีความสามารถด้านการออกแบบมาสำรวจธีม Lasting Brilliance โดยผลงานอันสร้างสรรค์นี้จะสามารถสร้างความหลงใหลและแรงบันดาลใจผ่านความเปล่งประกายและความงดงามที่ก้าวข้ามผ่านกาลเวลา และจะมีพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่งาน International Jewellery Show ซึ่งจะมีการจัดแสดงผลงานที่ชนะรางวัลด้วย

ในขณะเดียวกัน งาน Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show จะมีการนำเสนอการคัดสรรเพชร ไข่มุก และอัญมณีคุณภาพเยี่ยม รวมไปถึงวัตถุดิบสำหรับทำเครื่องประดับจากแหล่งต่างๆ โดยโซน Hall of Fine Diamonds จะนำเสนอเพชรกะรัตขนาดใหญ่ ส่วนโซน Treasures of Nature จะมีการจัดแสดงคอลเลกชั่นอัญมณีอันน่าทึ่งจากทับทิม มรกต และไพลิน และโซน Treasures of Ocean ที่จะดึงดูดใจผู้ซื้อด้วยไข่มุกทะเลธรรมชาติ

งานแสดงดังกล่าวประกอบด้วยโปรแกรมต่างๆ อันครบครัน อาทิ ขบวนพาเหรดอัญมณี สัมมนา ฟอรั่มผู้ซื้อ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มทางการตลาดให้กับผู้เล่นต่างๆ ในอุตสาหกรรม

เว็บไซต์สำหรับแอป Marketplace
https://tinyurl.com/2rneaheu

เว็บไซต์ของงาน
HK International Jewellery Show: hkjewelleryshow.hktdc.com
HK International Diamond, Gem & Pearl Show: hkdgp.hktdc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54189770/en

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
แผนกนิทรรศการของ HKTDC:
Ken Tsang
โทร: (852) 2240 4136
อีเมล: ken.mc.tsang@hktdc.org

ที่มา: Hong Kong Trade Development Council
 

 


Kirin Holdings: ปรับปรุงความยั่งยืนของไร่ชาดำในศรีลังกาผ่าน Regenerative Tea Scorecard ที่ร่วมกับ Rainforest Alliance

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Ltd. (Kirin Holdings) (TOKYO: 2503) และ Kirin Beverage Company, Ltd. (Kirin Beverage) ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เพื่อพัฒนาเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู*1 Regenerative Tea Scorecard เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือกับ Rainforest Alliance ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 โดยได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 โดยการดำเนินการนี้มีเป้าหมายที่ไร่ชาบางแห่งในศรีลังกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha และมีแผนจะดำเนินการในไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและไร่ขนาดเล็กอีก 30 แห่งในศรีลังกาภายในสิ้นปี 2025
*1 แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมทางการเกษตร

250ml LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha Straight Tea (Photo: Business Wire)

ชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. (ภาพ: Business Wire)

Regenerative Tea Scorecard มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือแบบสมัครใจที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกใบชาในไร่ชา เป็นเครื่องมือสนับสนุนไร่ชาในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะเป็นโครงการนำร่องในห่วงโซ่อุปทานของ Kirin Beverage โดยเกษตรกรผู้ปลูกชาสามารถใช้ “The Regenerative Tea Scorecard” เพื่อประเมินแนวทางการทำไร่ชาในปัจจุบันของตน และระบุพื้นที่ในการปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู โดย Regenerative Tea Scorecard มีพื้นฐานมาจากคำจำกัดความของ Rainforest Alliance เกี่ยวกับเกษตรกรรมแบบฟื้นฟู ซึ่งใช้แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูในการทำไร่ โดยรวมแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ากับกลยุทธ์การจัดการระบบแบบบูรณาการ เพื่อให้มั่นใจถึงสุขภาพของดิน การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพภายในไร่ การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการดำรงชีวิตของเกษตรกร

ปัจจุบันประมาณ 40%*2 ของใบชาดำ*3 ที่นำเข้ามาในญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*4 ได้ถูกนำไปใช้ใน Kirin Gogo-no-Kocha โดย Kirin Group ได้ให้การสนับสนุนการเข้าซื้อ Rainforest Alliance Certification*5 ตั้งแต่ปี 2013 เพื่อสร้างความร่วมมือที่ดีขึ้นกับภูมิภาคที่ผลิตชาของศรีลังกาและผู้คนที่ทำงานที่นั่น และเพื่อผลิตเครื่องดื่มชาที่ปลอดภัยและมีรสชาติที่ดีต่อไป ภายในสิ้นปี 2023 ไร่ขนาดใหญ่จำนวน 94*6 แห่ง หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 30 ของไร่ขนาดใหญ่ทั้งหมดในศรีลังกา ได้รับการรับรองแล้ว ตั้งแต่ปี 2021 โดย Kirin Beverage ได้จำหน่ายชาต้นตำรับ LL Slim Kirin Gogo-no-Kocha 250 มล. ซึ่งผลิตจากใบชาศรีลังกา 100% ซึ่งมากกว่า 90% ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance
*2 สำหรับผลเฉพาะใบชา (ไม่รวมชาสำเร็จรูป)
*3 สถิติพิธีการศุลกากร กระทรวงการคลัง
*4 ผลงานวิจัย Kirin Beverage
*5 ใบรับรองที่มอบให้กับไร่ที่ได้รับการยอมรับในด้านความมุ่งมั่นในวิธีการเกษตรที่ยั่งยืนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ปกป้องธรรมชาติและผู้ผลิต
*6 ไร่ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปฏิเสธที่จะรับการรับรองต่อในปี 2023

ไร่ชาในศรีลังกาเผชิญกับความท้าทายหลายประการ รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้งและฝนตกหนัก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ที่ดินอันเนื่องมาจากการขยายตัวของเมือง ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2022 ระบุว่า Kirin Group เป็นรายแรกของโลกที่ทดลองเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนทางธรรมชาติ*7 รวมถึงไร่ชาในศรีลังกา โดยยึดตามแนวทาง LEAP ที่ได้รับการสนับสนุนจาก TNFD*8 ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2023 ที่เผยแพร่ในเดือนกรกฎาคม 2023 เรื่องการค้นหา (การค้นพบจุดสัมผัสกับธรรมชาติ) และการประเมิน (การวิเคราะห์ความสัมพันธ์และผลกระทบ) สำหรับไร่ชาในศรีลังกา และในรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2024 ที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน 2024 เรื่องการประเมิน (การประเมินความเสี่ยงและโอกาส) และทิศทางในอนาคต (เตรียมความพร้อมสำหรับการรายงาน) มีการดำเนินการวิเคราะห์และประเมินผลอย่างละเอียดและเผยแพร่ ซึ่งเผยให้เห็นว่าการฝึกอบรมสำหรับการรับรองของ Rainforest Alliance และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เกษตรกรรมแบบฟื้นฟู เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่พื้นที่เพาะปลูกขนาดเล็กทั้งหมดที่จะผ่านการรับรอง และเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ Kirin Group ได้ทำงานร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อพัฒนา Scorecard ในการปรับปรุงความยั่งยืนของเกษตรกรเป็นหลัก ด้วยกิจกรรมนี้ Kirin Group มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการดำเนินการเกษตรกรรมแบบฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในไร่ชา และปรับปรุงความยั่งยืนของพื้นที่ในการผลิตวัตถุดิบ
*7 ต้นทุนทางธรรมชาติ คือ สต๊อกของสินทรัพย์ธรรมชาติที่ช่วยให้สังคมได้รับทรัพยากรหมุนเวียนและไม่หมุนเวียน รวมถึงบริการระบบนิเวศ
*8 คณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นกรอบการเปิดเผยข้อมูลที่เน้นการบริหารความเสี่ยงสำหรับบริษัทต่างๆ เพื่อรายงานและดำเนินการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับทุนธรรมชาติ

Kirin Group จะยังคงจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกันต่อไป (ทรัพยากรชีวภาพ ทรัพยากรน้ำ ภาชนะบรรจุและบรรจุภัณฑ์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ในแนวทางแบบองค์รวม และจะทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเชื่อมโยงความปรารถนาของเราที่จะเพลิดเพลิน และส่งต่อความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินให้คนรุ่นหลัง เราจะส่งเสริมความคิดริเริ่มต่างๆ อย่างจริงจังที่จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธรรมชาติและผู้คน

สำหรับการอ้างอิง
วิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของ Kirin Group ปี 2050 https://www.kirinholdings.com/en/impact/env/mission/

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings มีต้นกำเนิดมาจาก Japan Brewery ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1885 Japan Brewery กลายมาเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทได้ขยายธุรกิจโดยใช้การหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 โดยที่ธุรกิจทั้งหมดนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายขอบเขตสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group ปี 2027 (KV 2027) Kirin Group มีแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ที่สร้างมูลค่าให้กับโลกทั้งด้านอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในมูลค่าองค์กร

* การสร้างมูลค่าร่วมกัน: มูลค่าเพิ่มร่วมกันสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196949/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited


Kirin Holdings: ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านเพื่อการจัดหาใบชาศรีลังกาอย่างยั่งยืน

Logo

  • การลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในศรีลังกาซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ โดยร่วมมือกับ Mitsui Norin
  • ปัจจุบันญี่ปุ่นนำเข้าใบชาดำจากศรีลังกาประมาณ 40%
  • ในอนาคตจะเพิ่มจำนวนไร่เป้าหมาย โดยตั้งเป้าจัดซื้อใบชาที่บริษัท Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่ผลิตที่ยั่งยืนให้ได้ 80% ภายในปี 2030

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 มกราคม 2025

Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) (TOKYO:2503) และ Mitsui Norin Co., Ltd. (Mitsui Norin) กำลังพัฒนาโครงการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนโดยมุ่งเป้าไปที่ไร่ชาในศรีลังกา โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการจัดหาใบชาดำอย่างยั่งยืนซึ่งใช้สำหรับ Kirin Gogo-no-Kocha

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก Business Wire)

Kirin Holdings และ Mitsui Norin ได้นำระบบ Designated Tea Estates System มาใช้ ซึ่งเป็นระบบที่จะจัดหาใบชาจากไร่ชาที่กำหนด เพื่อเพาะปลูกไร่ชาที่จัดหาใบชาที่มีคุณภาพคงที่ ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดและป้องกันการเกิดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนโดยการระบุผลกระทบเชิงลบต่อสิทธิมนุษยชนผ่านการใช้แบบสอบถามใหม่และการตรวจสอบในสถานที่ที่ “ไร่ชาที่กำหนด” ในปีแรก โครงการนี้จะนำไปดำเนินการในไร่ชา 4 แห่ง ในอนาคต จำนวนไร่ชาเป้าหมายจะเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายในการจัดหาใบชา 80% ที่ Kirin Holdings ซื้อจากพื้นที่การผลิตที่ยั่งยืน    *1ภายในปี 2030 ด้วยการจัดหาใบชาที่ยั่งยืน Kirin Holdings ตระหนักถึงปัญหาสังคมที่นิคมอุตสาหกรรมต้องเผชิญและทำงานเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม
*1: หมายถึงนิคมอุตสาหกรรมที่ได้ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน โดย Mitsui Norin หรือนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance

Kirin Group ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน*2ในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตั้งแต่ปี 2018 ตามมาตรฐานสากล UN Guiding Principles on Business and Human Rights และนโยบายสิทธิมนุษยชนของ Kirin Group จนถึงขณะนี้ Kirin Group ได้ดำเนินการดังกล่าวในห่วงโซ่อุปทานของเมล็ดกาแฟในลาว ถั่วเหลืองในจีน ใบชาในศรีลังกา องุ่นในอาร์เจนตินา และอ้อยในบราซิล ประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับจากโครงการริเริ่มเหล่านั้น จะถูกนำไปใช้ในความพยายามตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ร่วมกับ Mitsui Norin และปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นจะได้รับการพิจารณาเพื่อแก้ไขโดยร่วมมือกับ Kirin Holdings และ Mitsui Norin
*2: การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของ Kirin Group: https://www.kirinholdings.com/en/impact/community/2_1/duediligence

นอกเหนือจากโครงการริเริ่มด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว Kirin Group ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและกิจกรรมอื่นๆ ที่มุ่งปกป้องพื้นที่ที่ผลิตวัตถุดิบ ปัจจุบันประมาณ 40%*3ของใบชาดำ*4ที่นำเข้ามาญี่ปุ่นมาจากศรีลังกา ซึ่งประมาณ 20%*5ใช้ใน Kirin Gogo-no-Kochaตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 Kirin Group ได้เริ่มใช้ Regenerative Tea Scorecard ร่วมกับ Rainforest Alliance เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเกษตรแบบฟื้นฟูตามดุลยพินิจของเกษตรกร นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของเมืองที่ไร่ชาในศรีลังกาต้องเผชิญ กลุ่ม Kirin Group ได้เผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปี 2022 ในเดือนกรกฎาคม 2022 ซึ่งถือเป็นรายงานฉบับแรกของโลกที่ทดลองใช้การเปิดเผยการคำนวณทุนธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงไร่ชาศรีลังกา โดยยึดแนวทาง LEAP ที่สนับสนุนโดย TNFD
*3 ผลลัพธ์จากใบชาเท่านั้น (ไม่รวมชาดำสำเร็จรูป)
*4 สถิติการดำเนินพิธีการศุลกากรจากกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น
*5 งานวิจัยเครื่องดื่ม Kirin

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกอบธุรกิจในภาคอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม), ภาคเภสัชกรรม (ธุรกิจเภสัชกรรม) และภาควิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings สามารถสืบย้อนต้นกำเนิดไปจนถึงJapan Breweryซึ่งปี 1885 Japan Brewery เปลี่ยนชื่อเป็นKirin Breweryนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Kirin Holdings ได้ขยายธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์การเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทโฮลดิ้งโดยเฉพาะ และปัจจุบันกำลังมุ่งเน้นที่การส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็น “ผู้นำระดับโลกด้าน CSV *ที่สร้างมูลค่าในโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงเภสัชกรรม” นับจากนี้ไป Kirin Group จะยังคงใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตนเพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในมูลค่าองค์กร
* การสร้างคุณค่าร่วม: สร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกันให้กับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/54196945/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
+81-3-6837-7028
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp 

ที่มา: Kirin Holdings Company, Limited

“การเดินทางและการท่องเที่ยวเสริมสร้างเศรษฐกิจที่หลากหลายและยืดหยุ่น”: Ahmed Al-Khateeb รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งซาอุดีอาระเบีย กล่าวในการประชุมประจำปีของฟอรั่มเศรษฐกิจที่เมืองดาวอส

Logo

  • เซสชั่นเกี่ยวกับการเดินทางและการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการได้รับการนำเสนออย่างโดดเด่นในวาระการประชุมของ WEF โดยผู้นำระดับโลกได้เปิดเผยถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของภาคส่วนนี้
  • โดยรัฐมนตรีมีการเรียกร้องผู้นำโลกให้ความสำคัญกับภาคส่วนนี้เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบข้ามพรมแดนและหลายภาคส่วนอย่างยั่งยืน

DAVOS, Switzerland–(BUSINESS WIRE)–25 มกราคม 2025

ในการประชุมประจำปีของฟอรั่มเศรษฐกิจโลก (WEF) ที่เมืองดาวอสในสัปดาห์นี้ ได้มีการเน้นย้ำถึงการที่ภาคส่วนการเดินทางและการท่องเที่ยวมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญในการกำหนดทิศทางระดับโลก โดยมี Ahmed A. Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย เป็นประธาน โดยมีการเรียกร้องให้ผู้นำโลกให้ความสำคัญและนำเสนอโซลูชันความร่วมมือที่ภาคส่วนนี้สมควรได้รับ

Saudi Minister of Tourism, His Excellency Ahmed A. Al-Khateeb put travel and tourism on the global agenda at the World Economic Forum Annual Meeting in Davos, Switzerland, this week. (Photo: AETOSWire)

Ahmed A. Al-Khateeb รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย นำเสนอแผนการเดินทางและการท่องเที่ยวระดับโลกในการประชุมประจำปีของฟอรั่มเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อสัปดาห์นี้ (ภาพ: AETOSWire)

ซาอุดีอาระเบียต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 30 ล้านคนในปี 2024 และมีส่วนสนับสนุนเกือบ 5% ต่อ GDP ของซาอุดีอาระเบีย ในการประชุม WEF ด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว รัฐมนตรีซึ่งเข้าร่วมงานดาวอสในฐานะหนึ่งในคณะผู้แทนอย่างเป็นทางการของซาอุดีอาระเบีย WEF ได้เน้นย้ำถึงอัตราการเติบโตที่ไม่คาดคิดของซาอุดีอาระเบีย โดยมีการเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของการท่องเที่ยวในการสร้างเศรษฐกิจที่หลากหลายและยืดหยุ่น โดย Saudi Vision 2030 จะเป็นการปลดล็อกภาคส่วนการเดินทางและการท่องเที่ยว ซาอุดีอาระเบียริเริ่มสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบองค์รวมโดยอิงจากความร่วมมือระหว่างประเทศ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

รัฐมนตรี กล่าวในการปิดการประชุมประจำปีของ WEF ว่า โลกกำลังเฝ้าดูการฟื้นตัวที่น่าทึ่งของการท่องเที่ยว โดยอุตสาหกรรมนี้ได้ฟื้นตัวอยู่เต็มที่สู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนถึง 1.4 พันล้านคนในปี 2024

“โลกคาดหวังให้เราสร้างระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่มีชีวิตชีวาและตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ปกป้องโลกและคุณภาพชีวิตของเราด้วย การท่องเที่ยวเป็นมากกว่าอุตสาหกรรม แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง เราจำเป็นต้องส่งเสริมการดำเนินการร่วมกันเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และรับรองความยืดหยุ่นของภาคส่วน” รัฐมนตรีกล่าว

ตลอดการประชุม รัฐมนตรีเป็นผู้นำการเจรจาในฐานะเสียงสำคัญในคณะกรรมาธิการ WEF อย่างเป็นทางการ รวมถึง “บทบาทของการเดินทางและการท่องเที่ยวในการสร้างความไว้วางใจ” และ “วิถีแห่งการเดินทางของเรา” มุ่งเน้นการเติบโตของภาคส่วนที่หลากหลายและเสริมสร้างความร่วมมือระดับโลกเพื่อขับเคลื่อนภาคส่วนการเดินทางและการท่องเที่ยวให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการประชุมระดับสูงที่ Saudi House ในหัวข้อ “การขยายขนาดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน: การเชื่อมโยงผู้คนและสถานที่”

รัฐมนตรีเข้าร่วมเวทีกับผู้นำที่โดดเด่นหลายท่าน รวมถึง Edi Rama นายกรัฐมนตรีจากแอลเบเนีย, Apostolos Tzitzikostas กรรมาธิการยุโรปด้านการคมนาคมและการท่องเที่ยว, Martin Nydegger CEO ฝ่ายการท่องเที่ยวของสวิตเซอร์แลนด์, Jane Sun CEO ของ Trip.com โดยทุกคนต่างก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการร่วมมือกันระดับโลกต่อไปในอนาคต

เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การท่องเที่ยวเชิงก้าวหน้าของซาอุดีอาระเบีย กระทรวงได้เปิดตัวคู่มือการลงทุนฉบับใหม่ “เอกสารเผยแพร่สำหรับนักลงทุนด้านการท่องเที่ยว” ในระหว่างการประชุมประจำปีของ WEF ความคิดริเริ่มนี้สนับสนุนเป้าหมายของ Vision 2030 ซึ่งมุ่งหวังที่จะดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนมากกว่า 40,000 ล้านริยาล (11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เงินสนับสนุน 16,000 ล้านริยาล (4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับ GDP และสร้างงาน 1.6 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030

รัฐมนตรี Al-Khateeb ยังมีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในเอกสารสรุปข้อมูลของ WEF “อนาคตของภาคส่วนการเดินทางและการท่องเที่ยว: การเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม” ที่เน้นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเดินทางอย่างยั่งยืนและความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคส่วน และจะต้องให้แน่ใจว่าชุมชนท้องถิ่นทั่วโลกได้รับประโยชน์จากการเติบโตที่เกิดขึ้น

การที่รัฐมนตรี Al-Khateeb เข้าร่วมในการปิดการประชุมของ WEF เป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของซาอุดีอาระเบียในการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์การท่องเที่ยวระดับโลก โดยเสริมสร้างวิสัยทัศน์ของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียในการสร้างตัวเองให้เป็นศูนย์กลางชั้นนำด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

 *แหล่งข้อมูล: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/54190135/en

Contacts

Media Contacts:

Najla AlKhalifa ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารอาวุโส กระทรวงการท่องเที่ยว ที่ MTDavos2025@apcoworldwide.com

Kelsey Glover ที่ kglover@apcoworldwide.com หรือ +1 513 319 6103

ที่มา: Saudi Ministry of Tourism