Category Archives: General News

แถลงการณ์ครบรอบหนึ่งปีของโครงการ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2563

โปรดดูคำชี้แจงด้านล่างจากผู้นำ Women’s Entrepreneurship Accelerator เกี่ยวกับการครบรอบหนึ่งปีของโครงการริเริ่มที่สร้างความเปลี่ยนแปลงโครงการนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200924005283/en/

Anita Bhatia, Deputy Executive Director, UN Women

Anita Bhatia รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจาก UN Women

หนึ่งปีที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นที่จะให้ความรู้และเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการสตรี 10 ล้านคนในช่วงสิบปีข้างหน้าผ่านโครงการ Women’s Entrepreneurship Accelerator (WEA) โดยเราเริ่มวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบเพื่อทำลายอุปสรรคที่ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินและการมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับตนเองและชุมชน

ทุกวันนี้ อนาคตของผู้หญิงกำลังอยู่ในทางแยกของประวัติศาสตร์ ผู้หญิงได้รับผลกระทบในด้านลบอย่างไม่สมสัดส่วนจากความหายนะทางเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจาก COVID-19 แต่ในขณะเดียวกันผู้หญิงก็กุมกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย โดยปัจจุบันมีผู้หญิงจำนวน 39% ในการจ้างงานทั่วโลก แต่ว่ามีการสูญเสียงานโดยรวมของสตรีในช่วงการระบาดใหญ่ คิดเป็น 54% และพวกเขามีแนวโน้มที่จะทำงานในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบจาก Covid มากกว่า เช่น ภาคการผลิต การศึกษา การท่องเที่ยว การบริการและอาหาร การขายส่งและการขายปลีก สถานประกอบการของสตรีมีความอ่อนไหวต่อแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจเป็นพิเศษ แต่ในสถานการณ์ที่เราดำเนินการในขณะนี้เพื่อต่อสู้กับแนวโน้มเหล่านี้การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของผู้หญิงสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ GDP ได้ถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกภายในปี 25731  ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกประเทศ จึงควรให้ผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเศรษฐกิจหลังการระบาดและความพยายามในการฟื้นตัว

นั่นคือเหตุผลที่ผู้ประกอบการสตรีต้องกลายเป็นสถาปนิกของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ซึ่งจะเป็นเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน มันเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย โดยให้ธุรกิจที่นำโดยผู้หญิงเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง

  • กรอบนโยบาย: เราเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติพัฒนากรอบนโยบายระดับชาติโดยมีเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมและเป้าหมายระดับชาติที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในอันที่จะส่งเสริมเพิ่มจำนวนและสร้างขีดความสามารถของธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ เราขอปรบมือให้กับประเทศที่ได้เริ่มใช้นโยบายการตอบสนอง COVID-19 ในการระดมทุนเพื่อสตรีและเสนอบริการให้กับผู้ประกอบการสตรีแล้ว2  อย่างไรก็ดีธุรกิจของผู้หญิงมักจะยังไม่อยู่ในแผนและมาตรการระดับชาติของประเทศส่วนใหญ่ในด้านการสนับสนุน SMEs
  • การเข้าถึงด้านการเงิน: ภาคเอกชนและภาครัฐต้องร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการลงทุนในธุรกิจของผู้หญิงทั้งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดและช่วงอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโซลูชั่นทางการเงินระดับนวัตกรรม ผ่านการจัดหาทุนและการชำระหนี้และการแนะนำสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
  • การจัดหางาน: รัฐบาลและบริษัททุกขนาดสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อย่างเหลือเชื่อโดยการซื้อกิจการที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ สร้างความแตกต่างแบบก้าวกระโดดของการเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่มีสตรีเป็นผู้นำในห่วงโซ่อุปทานโดยการแสวงหาธุรกิจที่เป็นของผู้หญิง ตั้งและติดตามเป้าหมาย พร้อม ๆ กับสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีให้เข้าถึงโอกาสในการจัดหางานใหม่ ๆ
  • การศึกษาเชิงดิจิทัล: ผู้ประกอบการสตรีจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลทักษะดิจิทัลและการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถเป็นผู้นำและผู้สร้างผลงานในโลกออนไลน์ได้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเลิกการกีดกันทางเพศแบบดิจิทัลและช่วยให้ผู้หญิงเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลทางการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นและสามารถเข้าถึงได้
  • การคุ้มครองทางสังคม: 75% ของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลกทำงานบ้านโดยไม่ได้รับค่าจ้าง  และการทำงานบ้านก็เพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด การคุ้มครองทางสังคม เช่น การลาเพื่อดูแลบุตร เงินสนับสนุนจากรัฐในการดูแลบุตรการประกันสุขภาพ และการชดเชยการว่างงานจะต้องได้รับการสนับสนุนให้ครอบคลุมผู้หญิงในการจ้างงานอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการซึ่งรวมไปถึงผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระด้วย สิ่งนี้จะสร้างเสถียรภาพให้กับชุมชนทั้งหมดทำให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการพิจารณาเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น
  • การสนับสนุนข้ามภาคส่วน: เราทุกคนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม สมาคมเชิงธุรกิจ โรงเรียนและมหาวิทยาลัย สามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสตรีเติบโตขึ้นได้3

หากเราไม่ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้หญิงในระหว่างการต่อกรในระยะยาวกับการแพร่ระบาดของโควิด เราเสี่ยงที่จะทิ้งผู้หญิงหลายล้านคนไว้ข้างหลังและการสูญเสียความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศที่เราสามารถเก็บเกี่ยวมาได้นานหลายทศวรรษ ซึ่งนี่ยังรวมถึงการจัดการกับอุปสรรคที่มีมายาวนานตลอดจนการดูแลความปลอดภัยของผู้หญิงทุกคน

ผลกระทบเชิงลบของ COVID-19 ทำให้ความไม่เท่าเทียมกันที่มีอยู่ทวีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งทำให้ผู้หญิงที่มีภูมิหลังที่หลากหลายไม่สามารถมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในทีม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้มุมมองแบบประสานภาคส่วน (intersectional lens) ในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการทางเศรษฐกิจของผู้หญิงทุกคนในการพยายามฟื้นฟูโลกหลังจากภาวะโควิด

การลงทุนในผู้ประกอบการสตรีเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นตัวจากการระบาดของโรค พร้อม ๆ ไปกับการสร้างสังคมที่เข้มแข็ง ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น มีความสามารถในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมากขึ้น อนาคตของเราขึ้นอยู่กับการลงทุนในผู้ประกอบการสตรี

ลงชื่อ,

Anita Bhatia

รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร UN Women

Pamela Coke-Hamilton

กรรมการบริหาร, The International Trade Centre (ITC)

Annemarie Hou

กรรมการบริหาร a.i., UN Office for Partnerships

Deborah Gibbins

ประธานฝ่ายปฏิบัติการ, Mary Kay Inc.

เกี่ยวกับ the Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women’s Entrepreneurship Accelerator เป็นโครงการริเริ่มที่มีพันธมิตรหลายรายซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้และส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก ภารกิจของ Accelerator คือการขจัดอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลกผ่าน 4 วิธีการส่งเสริมศักยภาพ หรือ Four Pathways of Empowerment ได้แก่ ด้านการศึกษา การให้ทุน การสนับสนุน และการมีส่วนร่วม โครงการริเริ่มระดับโลกที่เริ่มต้นโดย Mary Kay Inc. ที่ไม่มีการกีดกั้นด้านการมีส่วนร่วม เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่พัฒนาขึ้นโดยการหารือกับหน่วยงานของสหประชาชาติ 6 แห่ง ได้แก่ UN Women, สำนักงานเพื่อความร่วมมือแห่งสหประชาชาติ (UNOP), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO),  International Trade Centre (ITC), UN Global Compact (UNGC) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) อนึ่ง Accelerator ตั้งเป้าที่จะเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิง 10 ล้านคนภายในปี 2573

อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.we-accelerate.com/ ติดตามเราบน Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator).

เกี่ยวกับ UN Women

UN Women เป็นหน่วยงานของสหประชาชาติที่อุทิศตนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิง โดย UN Women เป็นองค์กรส่งเสริมผู้หญิงและเด็กผู้หญิงระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเร่งความคืบหน้าในการตอบสนองความต้องการของพวกเขาทั่วโลก

UN Women สนับสนุนประเทศสมาชิกสหประชาชาติในการกำหนดมาตรฐานระดับโลกเพื่อก่อให้เกิดความเท่าเทียมกันทางเพศ พร้อม ๆ ไปกับการทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคประชาสังคมในการออกแบบกฎหมาย นโยบาย โครงการ และการบริการที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรฐานต่าง ๆ ถูกดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้หญิงจริง ๆ นอกจากนี้ UN Women ยังได้ทำงานไปทั่วโลกเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals ให้เกิดขึ้นจริงสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง และคอยสนับสนุนผลักดันการมีส่วนร่วมของผู้หญิงอย่างเท่าเทียมกันในทุกด้านของชีวิตโดยมุ่งเน้นที่สี่ยุทธศาสตร์สำคัญคือ

UN Women ยังประสานงานและส่งเสริมการทำงานของระบบสหประชาชาติในการส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและในด้านข้อพิจารณาและข้อตกลงทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับวาระ 2030 โดยองค์กรได้วางตำแหน่งด้านความเสมอภาคทางเพศไว้ให้เป็นหลักการพื้นฐานของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และโลกที่ทุกคนได้รับประโยชน์อย่างครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น

เกี่ยวกับ the International Trade Centre

International Trade Center (ITC) เป็นหน่วยงานร่วมขององค์การการค้าโลกและองค์การสหประชาชาติ โดย ITC ช่วยองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางในการพัฒนา และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้นในตลาดโลกเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนภายใต้กรอบของวาระการช่วยเหลือเพื่อการค้า หรือ Aid-for-Trade และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

โครงการริเริ่ม SheTrades ของ ITC มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการสตรีและธุรกิจที่เป็นของผู้หญิงสามล้านคน เพื่อเข้าสู่ตลาดต่างประเทศภายในปี 2564 โดย SheTrades ทำงานร่วมกับรัฐบาล บริษัท และองค์กรสนับสนุนทางธุรกิจเพื่อดำเนินการวิจัย กำหนดรูปแบบนโยบายและกฎระเบียบทางการค้า อำนวยความสะดวกในการจัดหาเงินทุน และขยายการเข้าถึงสู่สาธารณะ การประมูลและซัพพลายเชนขององค์กร ITC ให้โแกาสผู้ประกอบการสตรีในการได้รับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่หลากหลายและหลักสูตรที่ยืดหยุ่นบนแพลตฟอร์ม  www.shetrades.com ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.intracen.org หรือติดตาม ITC บน Twitter | Facebook | LinkedIn | Instagram | Flickr.

เกี่ยวกับ the International Labour Organization

The International Labour Organization (ILO) เป็นหน่วยงานเฉพาะของสหประชาชาติที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2462 หลังจากเกิดสงครามทำลายล้างเพื่อดำเนินตามวิสัยทัศน์ตามสมมติฐานที่ว่าสันติภาพที่เป็นสากลและยั่งยืนสามารถสร้างได้ก็ต่อเมื่อตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมในสังคม จุดมุ่งหมายหลักของ ILO คือการส่งเสริมสิทธิในการทำงานส่งเสริมโอกาสในการจ้างงานที่เหมาะสมเพิ่มการคุ้มครองทางสังคมและเสริมสร้างการเจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการทำงาน โครงสร้างไตรภาคีที่เป็นเอกลักษณ์ของ ILO ให้เสียงที่เท่าเทียมกับคนงาน นายจ้าง และรัฐบาล เพื่อทำให้แน่ใจว่ามุมมองของพันธมิตรทางสังคมจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของการมีมาตรฐานแรงงาน และในการกำหนดนโยบายและโครงการต่าง ๆ

โครงการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีของ ILO หรือ The ILO’s Women’s Entrepreneurship Development programme  (ILO-WED) เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และดำเนินการมากว่าทศวรรษ โดย ILO-WED ดำเนินการเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงโดยการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนผู้หญิงในการเริ่มต้นจัดตั้งและขยายกิจการของตน และโดยการนำประเด็นความเท่าเทียมทางเพศมาใช้ในงานของ ILO ในการพัฒนาองค์กร เว็บไซต์: www.ilo.org | Twitter – @ILOWED | Facebook – ILO WED (International Labour Organization)

เกี่ยวกับ the United Nations Global Compact

ในฐานะที่เป็นโครงการความคิดริเริ่มพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติงาน the United Nations Global Compact คือความพยายามเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ จัดให้มีการดำเนินงานและกลยุทธ์ตามหลักการสากลสิบประการในด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต องค์กรซึ่งเปิดตัวในปี 2543 นี้มีหน้าที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนชุมชนธุรกิจทั่วโลกในการพัฒนาเป้าหมายและค่านิยมขององค์การสหประชาชาติผ่านแนวทางปฏิบัติขององค์กร ทั้งนี้ ด้วยว่ามีบริษัทมากกว่า 10,000 แห่ง และสมาชิกที่ไม่ใช่องค์กรธุรกิจอีก 3,000 ราย ในกว่า 160 ประเทศ และเครือข่ายท้องถิ่นมากกว่า 60 เครือข่าย มันจึงเป็นโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดตาม @globalcompact บนโซเชียลมีเดียและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ unglobalcompact.org.

เกี่ยวกับ United Nations Office for Partnerships

The United Nations Office for Partnerships (UNOP) ทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ระดับโลกสำหรับการเร่งปฏิกิริยาและการสร้างพันธมิตรแบบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่มเพื่อความก้าวหน้าในการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) โดย UNOP จัดทำแพลตฟอร์มสำหรับการมีส่วนร่วมของพันธมิตรที่มีประสิทธิภาพและการทำงานเพื่อยกระดับสินทรัพย์และความเชี่ยวชาญของคู่ค้าที่หลากหลายในการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน  UNOP จะกำกับดูแลกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (the United Nations Fund for International Partnerships) กองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งสหประชาชาติ (the United Nations Democracy Fund) ศูนย์ปฏิบัติการ SDG และผู้ให้การสนับสนุน SDG ของสำนักงานเลขาธิการ  the Secretary-Generals’ SDG Advocates

เยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมที่:

สำนักงานเพื่อความร่วมมือแห่งสหประชาชาติ (UNOP) พยายามที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้สำหรับเหล่าพันธมิตรในการเชื่อมต่อและสร้างโอกาสและแนวทางแก้ไขเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย The UN Office for Partnerships ทำงานในระดับโลกภูมิภาคและในประเทศต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกผ่านการเป็นหุ้นส่วนของ SDG – สำหรับผู้คนและโลกใบนี้

สำนักงานนี้ดูแลกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ( the United Nations Fund for International Partnerships), กองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งสหประชาชาติ (the United Nations Democracy Fund), SDG Action Hub และ Secretary-Generals’ SDG Advocates ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.un.org/partnerships/.

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 57 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนใน เกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอาง ค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.marykay.com.

1McKinsey Global Institute, COVID-19 และความเท่าเทียมทางเพศ: การต่อต้านผลกระทบที่ถดถอยโดย Anu Madgavkar, Olivia White, Mekala Krishnan, Deepa Mahajan และ Xavier Azcue (กรกฎาคม 2563)

2ได้แก่ แคนาดา โคลอมเบีย อียิปต์ กัวเตมาลา จอร์เจีย ฮอนดูรัสไอร์แลนด์ เม็กซิโก โมร็อกโก ปารากวัย และสหราชอาณาจักร  นโยบายการตอบโต้ COVID-19 ที่คำนึงถึงเรื่องเพศจากประเทศต่าง ๆ สามารถหาดูได้จาก UN Women และ UNDP’s COVID-19 Global Gender Response Tracker https://www.undp.org/content/undp/en/home/covid-19-gender-dashboard.html

3การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีในการตอบสนองต่อ COVID-19 และเครื่องมือสนับสนุนการฟื้นตัวหน้า 2 หาอ่านได้ที่: https://www.empowerwomen.org/en/resources/documents/2020/09/strengthening-support-for-women-entrepreneurs-in-covid-19-response-and-recovery?lang=en

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200924005283/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.

Michael Wassmer

media@mkcorp.com

+1-972-687-5332

UN Women

Oisika Chakrabarti

oisika.chakrabarti@unwomen.org

+1-646-781-4522

International Trade Centre

Vittorio Cammarota

vcammarota@intracen.org

+41 (0)22 730-0322




การจัดฟันแบบใส แบบถอดได้

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS ON BEHALF OF ALINE)–23 กันยายน 2563

Aline แบรนด์น้องใหม่มาแรง การจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ ถอดได้ จัดฟันใสไม่แพง ดัดฟันผ่อนได้

มันจะดีแค่ไหนถ้าคุณมีรอยยิ้มที่สวยงามเพราะฟันที่เรียงตัวได้ตามธรรมชาติ? แต่ทว่าทุกคนไม่ได้มีฟันเรียงตัวสวยได้ตามธรรมชาติน่ะสิ!

ปัญหาฟันยื่น ฟันเหยิน ฟันสบไม่พอดี ขากรรไกรผิดรูป ปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของรอยยิ้มที่ไม่มั่นใจและปัญหาในช่องปากอื่นๆ ซึ่งในปัจจุบันมีนวัตกรรมมากมายในการทำให้ฟันเราสวยได้ตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการจัดฟัน หรือที่เรารู้จักกันว่า “การดัดฟัน” ซึ่งมันก็มีหลายประเภท มีทั้งแบบติดเครื่องมือทั่วๆไปและแบบเซรามิค แบบโลหะยึดติด หรือดามอนและแบบไม่ติดเครื่องมือ หรือจัดฟันแบบใสนั่นเอง

วันนี้เราจะมาแนะนำเทคโนโลยีการจัดฟันแบบไม่ต้องติดเครื่องมือน้องใหม่อย่าง “Aline” ที่กำลังมาแรงมากในประเทศเกาหลี ญี่ปุ่นและประเทศไทย ด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ

  • ขั้นตอนที่ 1 ทำการสแกนฟันแบบ 3 มิติจากทันตแพทย์ในเครือ
  • ขั้นตอนที่ 2 รับแผนการรักษาที่เป็นรูปภาพและวิดีโอที่ได้จัดทำขึ้น โดยทีมทันตแพทย์จัดฟันที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี
  • ขั้นตอนที่ 3 อุปกรณ์จัดฟันเพื่อรอยยิ้มพิมพ์ใจจะถูกจัดส่งไปถึงหน้าบ้านของคุณเลย

ใครๆก็มั่นใจในรอยยิ้มได้ ด้วยราคาที่เอื้อมถึง

  • ไม่ต้องเสียเวลาทำนัดเพื่อไปเจอคุณหมอ ไม่ต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนเพื่อไปตามนัดทุกเดือน
  • ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ก็จะได้รอยยิ้มที่ต้องการ
  • ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือไม่มีใครสังเกตเห็นว่าคุณกำลังจัดฟันอยู่ เพราะเป็นอุปกรณ์ใส ถอดได้
  • จ่ายน้อยกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ และมีราคาถูกถูกกว่าแบรนด์อื่น 60%
  • ถูกสุขอนามัย แถมยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ ถึง 50%

จัดฟันใสราคาไม่แพง Aline ทางเลือกใหม่ของการจัดฟัน

การรักษาทางทัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ ถูกสุขอนามัย ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการทำความสะอาดช่องปาก ผลิตจากพลาสติกที่ปราศจากสาร BPA พร้อมทางเลือก 2 ช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น

  • เลือกชำระเต็มจำนวนครั้งเดียว เพียง 37,000 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
  • ผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต เพียงเดือนละ 4,200 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

Aline ช่วยคุณได้ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งรอยยิ้ม!

สินค้าโรงงานคุณภาพจากไท่โจวสร้างบรรยากาศคึกคักในมาเลเซียและไทย

Logo

— งานแสดงสินค้าส่งออกออนไลน์ เจ้อเจียง ไท่โจว 2020 (สถานที่: มาเลเซียและไทย ประเภทสินค้า: เครื่องใช้ในบ้าน) เริ่ม 21 กันยายน

กรุงเทพฯ –(BUSINESS WIRE)–18 กันยายน 2563

งานแสดงสินค้าส่งออกออนไลน์ เจ้อเจียง ไท่โจว 2020 (สถานที่: มาเลเซียและไทย ประเภทสินค้า: เครื่องใช้ในบ้าน) มีรัฐบาลประชาชนเทศบาลไท่โจวเป็นเจ้าภาพ หอการค้าเทศบาลไท่โจวเป็นผู้อำนวยการ และบริษัท เจ้อเจียงแซมเอ็กซ์โป เอ็กซ์ซิบิชัน แอนด์ คอนเวนชัน โฮลด์ดิ้งส์ จำกัด เป็นผู้จัด การจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ขนาดเล็กภายในบ้านทางออนไลน์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในไท่โจวปีนี้จะเริ่มถ่ายทอดทางโปรแกรม ZOOM วันที่ 21 กันยายน การจัดงานจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสมาคมการค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนไทย และหอการค้ามาเลเซีย-จีน จับคู่ผู้ซื้อคุณภาพสูงกับผู้ประกอบการสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและเครื่องใช้ขนาดเล็กภายในบ้านจากเมืองไท่โจว แห่งมณฑลเจ้อเจียง

เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) เป็นเขตการค้าเสรีแรกและใหญ่ที่สุดของจีนสำหรับการเจรจาธุรกิจต่างประเทศ ปัจจุบัน ปริมาณเศรษฐกิจรวมของทั้งสองฝั่งสูงเกือบแตะ 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเกือบ 60% ของเอเชีย และ 13% ของการค้าทั้งหมดทั่วโลก นอกจากนี้ ภาษีของสินค้ากว่า 90% ที่ซื้อขายกับกลุ่มอาเซียนยังลดลงเหลือศูนย์ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดผู้บริโภคเครื่องใช้ภายในบ้านทั่วโลกกลับมาเติบโตอีกครั้ง และแนวโน้มการเติบโตของเครื่องใช้ขนาดเล็กภายในบ้านและเครื่องใช้อัจฉริยะภายในบ้านยังคงเห็นได้ชัด เนื่องจากความต้องการเครื่องใช้ภายในบ้านในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ของอาเซียนเติบโตขึ้น

ไท่โจวเป็นสถานที่กำเนิดของระบบเศรษฐกิจสหกรณ์แบบรวมทุนของจีนและเป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านที่สำคัญของจีนอีก ผลิตภัณฑ์อย่างตู้เย็น หม้อหุงข้าวแรงดัน เครื่องปรับอากาศ เครื่องสุขภัณฑ์จากที่นี่ต่างครองตำแหน่งผู้นำตลาดภายในประเทศ โดยในบรรดาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ หม้อหุงข้าวแรงดันและภาชนะอาหารเคลือบผิว (non-stick) มีส่วนแบ่งการตลาดภายในประเทศถึง 70% และ 50% ตามลำดับ ขณะที่่ส่วนแบ่งการตลาดของอุปกรณ์สำหรับตู้เย็นสูงกว่า 10% ยอดขายต่อปีของตู้เย็นติดอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมภายในประเทศ 5 ปีติดต่อกัน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 25% แบรนด์ "Xingxing", "Supor" และ "ASD" ได้รับการรับรองเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงของจีน ตู้เย็นแบรนด์ "Xingxing" หม้อหุงข้าวแรงดันและภาชนะอาหารเคลือบผิวแบรนด์ "Supor" และภาชนะอาหารเคลือบผิวแบรนด์ "ASD" เป็นสินค้าแบรนด์ดังของจีน และตู้เย็น "Xingxing" เครื่องปรับอากาศ "ShuangLu" ภาชนะอาหารเคลือบผิวแบรนด์ "Supor" และ "ASD" ยังได้รับการรับรอง inspection-free product อีกด้วย

ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด การจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์เป็นการรับมืออันยอดเยี่ยมของรัฐบาลประชาชนเทศบาลไท่โจวและหอการค้าเทศบาลไท่โจวที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการในไท่โจวที่ค้าขายกับต่างประเทศ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200918005247/en/

สื่อโปรดติดต่อ: Shubhra Bundela, 9584394446, shubhra.bundela22@gmail.com

OPPLE Lighting จับมือกับ Huawei สร้างระบบนิเวศน์ระดับโลก

Logo

เซี่ยงไฮ้–(บิสิเนสไวร์)–17 ก.ย. 2563

ในระหว่างการประชุมนักพัฒนา Developer Conference 2020 ของ Huawei ที่เพิ่งปิดไปเมื่อเร็วๆ นี้ Huawei และพันธมิตร 12 รายรวมถึง OPPLE Lighting ได้ประกาศเปิดตัวความร่วมมือทางระบบนิเวศน์ HMS Go Global Ecosystem Alliance โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักพัฒนาชาวจีนที่มองตลาดโลกด้วยเครื่องมือ “go global service engine” ได้จัดการกับความท้าทายที่สำคัญสามประการ: “การแปลงผลิตภัณฑ์ให้กับท้องถิ่น” “การปฏิบัติตามข้อกำหนดในท้องถิ่น” และ “การตลาดในท้องถิ่น”

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200917005710/en/

HMS members join hands to create a smart and scenario-based ecosystem. (Photo: Business Wire)

สมาชิก HMS ร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ชาญฉลาดและเป็นไปตามสถานการณ์ (ภาพ: Business Wire)

ในฐานะพันธมิตรด้านฮาร์ดแวร์เชิงกลยุทธ์รายเดียวของ Huawei ในบรรดาสมาชิกพันธมิตรทั้งหมด โดย OPPLE Lighting จะเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการเป็นพันธมิตรและจะร่วมมือกับ Huawei เพื่อพัฒนาระบบนิเวศระดับโลกและผลิตภัณฑ์ระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้แอปพลิเคชันของจีนเข้าสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น

ปัจจุบัน OPPLE Lighting รองรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของระบบนิเวศ HiLink ของ Huawei ในการปรับแต่งภายในบ้านและรับรองระบบแสงสว่างอัจฉริยะโดยรวมและฟังก์ชันการใช้ชีวิตที่ชาญฉลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบแสงสว่างแบบครบวงจรของ OPPLE Lighting ซึ่งรวมถึงดาวน์ไลท์ และสปอตไลท์ แถบโคมไฟ เพดาน และโคมไฟตกแต่ง ตลอดจนแผงสถานการณ์อัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์นั้นล้วนใช้งานได้กับโปรโตคอล Bluetooth MESH ตามแพลตฟอร์ม HiLink ของ Huawei

OPPLE Lighting ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านระบบนิเวศอื่นๆ บนแพลตฟอร์ม HiLink เพื่อสร้างมาตรฐาน Bluetooth MESH และกฎการเข้าถึงอุปกรณ์และได้เปิดใช้งานการโต้ตอบระหว่างระบบล็อคอัจฉริยะ ไฟอัจฉริยะ ม่านบังแดดอัจฉริยะ และเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่ผลิตโดยบริษัทต่างๆ  ในโซนการใช้ชีวิตที่ชาญฉลาด Full-Scenario Smart Living Open Experience Zone ที่งาน Developer Conference 2020 ของ Huawei นั้น OPPLE Lighting, Multi IR, Kaadas และ Dooya Tubular Motor ได้ร่วมกันสาธิตระบบบ้านอัจฉริยะที่ใช้โปรโตคอล Bluetooth MESH

OPPLE Lighting ได้รับการคัดเลือกจากโครงการในต่างประเทศหลายโครงการให้เป็นผู้ให้บริการระบบแสงสว่างระดับมืออาชีพ รวมถึงโครงการอาคารอเนกประสงค์ Al Kifaf ใน UAE โครงการสำนักงานและโรงพยาบาลในเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และเบลเยียม โครงการโคมไฟถนนมัณฑะเลย์ และตัวแทนจำหน่าย JLR และผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่น Mobily ในซาอุดีอาระเบีย  ในอนาคต OPPLE Lighting จะร่วมมือกับสมาชิกของพันธมิตรและใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ระดับโลกและความเชี่ยวชาญของสมาชิกแต่ละคนเพื่อสร้างเรื่องราว “ก้าวสู่ระดับโลก” ที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นสำหรับนักพัฒนาชาวจีน

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200917005710/en/

ติดต่อ:

OPPLE Lighting
Jenny Qian, +86 21 38550000
Globalservice@opple.com


นี่คือวิธีที่ทำให้ผมได้พบกับ Amanda

Logo

กรุงเทพฯ ประเทศไทย–(THAI BUSINESS NEWS ON BEHALF OF YOOUL)–15 กันยายน 2563

ผมได้พบกับ Amanda บนอินเทอร์เน็ต เธอเป็นหญิงสาวสวยที่สูงและเซ็กซี่จริง ๆ เธอเป็นผู้หญิงแบบที่ผมชอบเลย ผมหลงเสน่ห์เธอหลังจากได้เห็นรูปที่เธอโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นผมจึงรวบรวมความกล้าที่จะคุยกับเธอ ผมดีใจมากที่เธอตอบผมทันที เธอแนะนำตัวเองว่าเป็นสาวเกาหลีและเป็นพยาบาล

หลังจากคุยกับเธอทางอินเทอร์เน็ตได้ไม่กี่สัปดาห์เราก็ตกลงคบกัน การคุยกับเธอทุกครั้งได้กลายมาเป็นแรงผลักดันในชีวิตประจำวันของผม ผมอยากบินไปหาเธอเมื่อผมพร้อมจะไปเกาหลี คุณคิดว่าอย่างไรบ้างล่ะ

อ้อลืมบอกไปว่าแอพนี้มีชื่อว่า Yooul มันเป็นแอพที่เก๋ไก๋ โดดเด่น และน่าตื่นเต้น ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่สนุกและที่น่าสนใจ

Yooul ช่วยให้คุณสามารถพูดคุยกับคนเยอรมันหรือคนเกาหลีได้โดยไม่ต้องมีนักแปล คุณสามารถสำรวจวัฒนธรรมของเมืองแห่งความรักอย่างปารีส หรือศึกษาประวัติศาสตร์ของกรุงโรมโดยไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยซ้ำ

คุณสามารถหาเพื่อนและสนทนากับผู้คนจากประเทศอื่น ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการไม่รู้ภาษาต่างประเทศ ทำให้คุณไม่สามารถแสดงความรู้สึกของคุณได้อย่างถูกต้อง แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะเรามีทางออกที่ยอดเยี่ยม การแปลภาษาในตัวแอพจะช่วยให้คุณสามารถแสดงความคิดและความรู้สึกของคุณผ่านคำพูดของคุณ และถ่ายทอดให้เพื่อนชาวต่างชาติของคุณเข้าใจเป็นภาษาแม่ของพวกเขา

Yooul เปลี่ยนเวลาว่างที่น่าเบื่อหน่ายให้กลับมาสนุกสนานมีชีวิตชีวา การแบ่งปันความคิดของคุณกับชุมชนทั่วโลกไม่เคยง่ายแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าคุณจะต้องการแบ่งปันเรื่องราวอะไร ก็แค่โพสต์ตั้งกระทู้ด้วยภาษาของคุณเองเพียงเท่านั้น

Yooul ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณสามารถสนทนากับเพื่อนชาวต่างชาติด้วยภาษาแม่ของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถดูโพสต์และอ่านความคิดของพวกเขาในภาษาของคุณเอง เพียงแค่เลือกประเทศของคุณโดยคลิกเพียงครั้งเดียวจากนั้นโฮมเพจทั้งหมดจะถูกแปลเป็นภาษาแม่ของคุณ แสดงความคิดเห็นในโพสต์ที่น่าสนใจในภาษาแม่ของคุณแล้วเพื่อน ๆ ของคุณจะได้อ่านโพสต์นั้นในภาษาแม่ของพวกเขา ค้นหาเพื่อนใหม่จากประเทศที่คุณชอบได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

แหล่งที่มา: Yooul

Mary Kay เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับเลือกในการจัดอันดับ Purpose Power Index™

Logo

การศึกษาโดย Reputation Institute และ StrawberryFrog นี้ จัดทำขึ้นเพื่อประเมินความเห็นและความรู้สึกของผู้บริโภคต่อจุดประสงค์ของแบรนด์

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2563

Purpose Power Index™ ซึ่งเป็นการศึกษาวิธีคิดและความรู้สึกของผู้บริโภคต่อจุดประสงค์ของแบรนด์ที่จัดทำโดย Reputation Institute และ StrawberryFrog ได้ยกให้ Mary Kay เป็นหนึ่งในแบรนด์ผู้ขับเคลื่อนด้วยเจตนารมณ์ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดของประเทศ การศึกษานี้ได้ทำการรวบรวมคะแนนกว่า 17,500 คะแนนจากผู้ตอบแบบสอบถามที่ไม่ซ้ำกันกว่า 5,700 ราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทใดสามารถดำเนินธุรกิจตามพันธกิจของบริษัทได้มากที่สุดในสายตาของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา

“Mary Kay เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นอย่างมีเป้าหมายตั้งแต่แรกเริ่ม” Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย และประธานเจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายของ Mary Kay Inc กล่าว “นั่นเป็นเหตุผลที่ความตั้งใจของเราไม่เคยปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเสริมสร้างพลังให้กับผู้หญิงไปจนถึงเรื่องความยั่งยืนด้านการวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งและการต่อสู้เพื่อยุติความรุนแรงทางเพศต่อเด็กผู้หญิงและสตรี งานวิจัยชิ้นนี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยุคนี้ไม่ให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีเป้าหมายที่จะแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ให้สำคัญกับเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างมีเป้าหมายด้วย”

ในการจัดอันดับ Purpose Power Index™ นั้น มีการนำปัจจัยหลายด้านมาพิจารณาเพื่อให้คะแนนกับบริษัทต่าง ๆ ทั้งเรื่องเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่มากกว่าการสร้างรายได้ การพัฒนาการใช้ชีวิตของผู้คนและชุมชนให้ดีขึ้น ความมุ่งมั่นต่อการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น และการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยรวม

"แบรนด์ที่มีเจตนารมณ์แข็งแกร่งที่สุดคือแบรนด์ที่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามจุดประสงค์ในทุก ๆ ด้าน ทั้งในแง่ของการชดเชยพนักงานไปจนถึงการปฏิบัติตัวในสังคม ไม่เฉพาะแค่คำพูดเท่านั้น" Scott Goodson ซีอีโอแห่ง StrawberryFrog กล่าว "แบรนด์เหล่านี้ยังได้จุดประกายและมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวทางสังคมอีกด้วย"

นอกจาก Mary Kay แล้ว ยังมีแบรนด์อีก ๆ ที่มีรายชื่อในอันดับต้น ๆ ได้แก่ The North Face, Kellogg Company, Unilever, UPS, Etsy, Disney, Microsoft, IBM, Netflix, Canon, Chick-fil-A, Amazon และ Tesla

Kylie Wright-Ford ซีอีโอของ The RepTrak Company กล่าวว่า “บริษัทที่พูดและทำทุกอย่างอย่างมีเป้าหมายมักได้รับผลตอบแทนเป็นชื่อเสียงที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ประโยชน์จากการกำหนดเป้าหมายด้วยความเชื่อจะอยู่ในรูปของการสนับสนุนด้านพฤติกรรมที่เพิ่มขึ้นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย ทั้งในด้านความตั้งใจที่จะซื้อสินค้า ความตั้งใจที่จะทำงาน และแนวโน้มความต้องการที่จะลงทุน”

การได้รับการยกย่องจาก Purpose Power Index™ เป็นอีกหนึ่งเกียรติยศล่าสุดสำหรับ Mary Kay Inc. ภายใต้พันธกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และเมื่อไม่นานมานี้ David Holl ซีอีโอแห่ง Mary Kay ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “10 ซีอีโอที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก” จาก RepTrak® โดย Reputation Institute โดย Mary Kay ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 สถานที่ทำงานที่ดีที่สุดของโลกประจำปี 2562 ในอันดับที่ 42 จาก Reputation Institute อีกด้วย

เกี่ยวกับ Mary Kay

คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนใน 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com.

ดูเนื้อหาต้นฉบับ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200914005146/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

การสนับสนุนด้าน COVID-19 ของ Mary Kay Inc. มุ่งเป้าหมายไปยังกลุ่มหมายประชากรชาวอเมริกันพื้นเมืองที่ได้รับผลกระทบมากอย่างไม่สมสัดส่วน โดยผ่านเครือข่าย the Indian Health Service

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–9 ก.ย. 2563

เมื่อต้นปีที่ผ่าน Mary Kay Inc. ได้ประกาศว่าจะบริจาคเงินเกือบ 10 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุนด้านการเงินและการแจกจ่ายสิ่งของในชุมชนที่บริษัทดำเนินงานอยู่ทั่วโลก ซึ่งเป็นความพยายามที่จะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของ COVID-19 และสนับสนุนพนักงานที่ทำงานในแนวหน้า มาวันนี้โลกก็ยังคงต่อสู้กับไวรัสต่อไป Mary Kay จึงได้ขยายความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือดังกล่าวให้เป็นมูลค่าที่สูงกว่า 10 ล้านดอลลาร์ พร้อม ๆ ไปกับการขยายความร่วมมือกับองค์กรที่สนับสนุนและเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากอย่างไม่สมสัดส่วน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200909005162/en/

Mary Kay has donated nearly 75,000 units of hand sanitizer to the Indian Health Service (IHS), an operating division within the US Department of Health and Human Services. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ได้บริจาคเจลทำความสะอาดมือเกือบ 75,000 ชุดให้กับ Indian Health Service (IHS) ซึ่งเป็นแผนกปฏิบัติการภายในแผนกหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ หรือ  the US Department of Health and Human Services (ภาพ: Mary Kay Inc.)

หนึ่งในกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบมากอย่างไม่สมสัดส่วนดังกล่าวคือเขตปกครองชาวพื้นเมืองนาวาโฮ ซึ่งประสบปัญหา COVID-19 ต่อหัวมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยดินแดนที่มีพื้นที่กว่า 25,000 ตารางไมล์ทั่วทั้งรัฐแอริโซนา นิวเม็กซิโก และยูทาห์มีประชากรประมาณ 244,000 คนที่เรียกเขตปกครองนาวาโฮว่าบ้าน ชุมชนนี้มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าชุมชนส่วนใหญ่อื่น ๆ โดยมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ยืนยันแล้วเกือบ 10,000 ราย

“ความพยายามครั้งใหญ่ในการช่วยต่อสู้กับไวรัสในครั้งนี้มีความสำคัญและสร้างผลกระทบได้จริง  แต่เราต้องให้ความสำคัญกับชุมชนที่เปราะบางที่สุดของเราด้วย” David Holl ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรื่องราวมากมายของครอบครัวประชากรอเมริกันพื้นเมืองในเมืองของเราที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มันน่าสลดมาก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์กรต่าง  ๆยังคงจะให้การสนับสนุน the Indian Health Service ต่อไป เพื่อให้พนักงานในแนวหน้าสามารถหยุดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างปลอดภัยและให้การดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสได้อีกด้วย”

Mary Kay ได้บริจาคเจลทำความสะอาดมือเกือบ 75,000 ชุดให้กับ Indian Health Service (IHS) ซึ่งเป็นแผนกปฏิบัติการแผนกหนึ่งภายในกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ โดย IHS มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขโดยตรงแก่สมาชิกของชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางและชนพื้นเมืองในอะแลสกา เครือข่ายนี้เป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหลักของรัฐบาลกลางและเป็นผู้สนับสนุนด้านสุขภาพสำหรับชาวอินเดียนพื้นเมือง โดยการจัดบริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมสำหรับชาวอเมริกันอินเดียนและชาวอะแลสกาประมาณ 2.6 ล้านคนซึ่งมาจากชนเผ่าที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางจำนวน 574 เผ่าใน 37 รัฐ เจลทำความสะอาดมือที่ถูกบริจาคถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาล 26 แห่งศูนย์อนามัย 59 แห่งและสถานีอนามัย 32 แห่งในเครือข่าย IHS ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัท ยังได้จัดส่งอุปกรณ์เจลทำความสะอาดมือให้กับ Gallup Indian Medical Center (GIMC) เพื่อช่วยสนับสนุนความพยายามในการสร้างชุดดูแลสุขอนามัยที่บ้านและส่งเสริมสุขภาพผ่านสื่อการเรียนรู้ ทีมที่ทำงานในด้านชุมชนของ GIMC กำลังสร้างมาตรฐานในการแจกจ่ายวัสดุส่งเสริมสุขภาพและสุขอนามัยที่จุดที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ป่วยได้ เช่น ที่สถานที่ที่ทำการทดสอบการให้บริการแบบ drive through อนึ่ง การส่งเสริมสุขภาพจะให้บริการผ่านการสนทนาโดยตรงตัวต่อตัวกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ตลอดไปจนถึงการให้ข้อมูลที่เป็นตัวหนังสือในทั้งภาษาอังกฤษและภาษานาวาโฮ

" The Indian Health Service พร้อม ๆ กับพันธมิตรซึ่งเป็นองค์กรสำหรับชาวพื้นเมืองและชนเผ่าต่าง ๆ ของเรา กำลังให้บริการที่สำคัญ ๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา" ผู้อำนวยการและพลอากาศตรี Michael D. Weahkee แห่ง IHS กล่าว "เจลทำความสะอาดมือเป็นทรัพยากรสำคัญในการหยุดการแพร่ระบาดของ COVID-19 เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการบริจาคครั้งนี้และสำหรับการบริจาคทั้งหมดที่เราได้รับจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งหมด พวกเขาสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในด้านความสามารถของเราในการให้บริการชุมชนของเราได้ดีขึ้น และช่วยให้ภารกิจของ IHS ในการยกระดับสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณของชาวพื้นเมืองอเมริกันอินเดียนและชาวอะแลสกาในช่วงการระบาดนี้ บรรลุได้ "

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิมได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 56 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนใน เกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่  MaryKay.com.

เกี่ยวกับ the Indian Health Service

IHS ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Department of Health and Human Servicesมีระบบการให้บริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมสำหรับชาวอเมริกันอินเดียนพื้นเมืองและชาวพื้นเมืองอะแลสกาประมาณ 2.6 ล้านคนซึ่งเป็นชนเผ่าที่รวมอยู่ในชนเผ่าได้รับการยอมรับจากรัฐบาลกลางจำนวน 574 เผ่า ในพื้นที่ 37 รัฐ สามารถติดตาม IHS ผ่านโซเชียลมีเดียบน Facebook, Twitter, และ LinkedIn

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200909005162/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

Mary Kay Inc. และ Mary Kay FoundationSM ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี และ CARE USA ในโครงการระดับโลกเพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 สิงหาคม 2563

ด้วยความพยายามที่จะสนับสนุนงานด้านการช่วยชีวิตเพื่อป้องกันและยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลกและถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

Melinda Foster Sellers, Chief People Officer at Mary Kay (Photo: Mary Kay Inc.)

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

ผู้หญิงมากกว่าหนึ่งในสามทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับความรุนแรงทั้งทางร่างกายและ/หรือทางเพศตลอดชีวิตของพวกเธอ1 สถิติที่น่าตกใจเหล่านี้ถูกซ้ำเติมให้รุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้ง ภัยธรรมชาติ และวิกฤตต่าง ๆ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ที่ดำเนินการภายใต้องค์การสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังการมีส่วนร่วมของผู้หญิง และมีหน้าที่บริหารจัดการกองทุนสหประชาชาติ (UN Trust Fund) ภายใต้ระบบของสหประชาชาติ ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เกิดความตื่นตัวและสร้างการตระหนักรู้ต่อการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของความรุนแรงต่อผู้หญิงระหว่างที่เกิดการระบาดของ COVID-19 รวมถึงผลที่จะตามมาอย่างถาวรซึ่งจะทำให้สิทธมนุษยชนของผู้หญิงตกอยู่ในความเสี่ยงขณะที่ชาติต่าง ๆ ง่วนอยู่กับการกอบกู้สถานการณ์ในประเทศ

“ตลอดหลายสิบปี Mary Kay มุ่งมั่นที่จะหยุดความรุนแรงที่เกิดต่อผู้หญิงและเด็กทั่วโลก ความมุ่งมั่นนี้คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้” Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay Inc. กล่าว “วันนี้ เราได้ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE สองผู้จัดกิจกรรมเพื่อสิทธิของผู้หญิงรายสำคัญที่ได้สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ผ่านการลงพื้นที่สร้างผลลัพธ์ทางสังคม การเก็บข้อมูลเรื่องเพศ และงานสนับสนุนต่าง ๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือนี้ เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้โลกของเราปราศจากการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง”

“นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM มุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาความรุนแรงในครัวเรือน” Anne Crews รองประธานด้านกิจการสาธารณะของ Mary Kay และคณะกรรมการ The Mary Kay FoundationSM กล่าว “ตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา สถานที่พักพิงกว่า 2,600 แห่งที่ทำงานเพื่อยุติปัญหาความรุนแรงทางเพศในครัวเรือนได้รับเงินสนับสนุนรวมเกือบ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เราได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงและสตรีกว่า 6 ล้านคนที่ต้องการที่พักอาศัยและความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการกระทำทารุณ ความร่วมมือระดับโลกร่วมกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE จะช่วยให้เราขยายขอบเขตในการต่อสู้เพื่อปกป้องเด็กผู้หญิงและสตรีให้ลึกและกว้างยิ่งขึ้น”

จากการทำงานอย่างต่อเนื่องของมูลนิธิองค์กรทั้ง 4 แห่ง ผนวกกับความร่วมมือระดับโลกครั้งล่าสุดนี้ Mary Kay ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการชี้ให้เห็นถึงปัญหาและป้องกันการเกิดความรุนแรงต่อผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 โครงการริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Mary Kay ต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 5 (SDG 5) ว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ พัฒนาบทบาทสตรีและเด็กผู้หญิง

  • ภายใต้ความร่วมมือกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี Mary Kay จะมอบเงินทุนสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เพื่อปกป้องสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 70 ประเทศ

กองทุนสหประชาชาติ ในฐานะกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าตามอุปสงค์ที่เชี่ยวชาญด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก เป็นกลไกเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในสถานะที่จะทำให้เป้าหมายนี้บรรลุผลผ่านการมอบเงินสนับสนุนให้กับโครงการริเริ่มที่เกี่ยวข้องกันเชิงบริบทและให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ กับผู้รับทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรด้านสิทธิสตรีขนาดเล็กที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 โดยข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 50/166 กองทุนสหประชาชาติได้มอบทุนสนับสนุนไปแล้ว 175 ล้านดอลลาร์ให้กับ 572 โครงการ ใน 140 ประเทศ

ผู้รับทุนจากกองทุนสหประชาชาติเป็นผู้ที่อยู่แนวหน้าในการรับมือกับการระบาดของการใช้ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานมาจนขณะนี้

กว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา กองทุนสหประชาชาติได้ให้ความช่วยเหลือที่เข้าถึงผู้คนกว่า 22 ล้านคนผ่านทางโครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายป้องกันและยุติปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิทธิสตรีที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ และองค์กรที่นำโดยผู้หญิงซึ่งใช้กำลังความสามารถของตัวเองในการอยู่แถวหน้าเพื่อมอบความช่วยเหลือให้ผู้รอดชีวิต รวมถึงการใช้ข้อกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ สตรีและเด็กกว่าหนึ่งล้านคนได้รับประโยชน์โดยตรงจากความช่วยเหลือเหล่านี้ รวมถึงกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างพลังและป้องกันพวกเขาจากความรุนแรง และยังมีอีกอย่างน้อย 107,428 ชีวิตที่รอดพ้นจากความรุนแรง เฉพาะในปี 2563 กองทุนสหประชาชาติได้สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ไป 137 โครงการ และมอบทุนให้กับผู้รับทุนรายใหม่ 79 ราย มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์

“ความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นมากที่สุดในวงกว้างทั่วโลกและไม่มีที่สิ้นสุด” Aldijana Sisic ผู้อำนวยการกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี กล่าว “สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงการเลือกปฏิบัติที่มีความร้ายแรงมากที่สุด เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นมานานและยังไม่หายไป ซ้ำยังมีวิกฤต COVID-19 เข้ามาเพิ่มความรุนแรงของสถานการณ์ให้มากขึ้นตอนนี้ มาตรการล็อคดาวน์เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาผนวกกับระบบสาธารณสุขที่ต้องแบกรับภาระเกินความสามารถและระบบการบังคับใช้กฎหมายทิ้งให้สตรีและเด็กผู้หญิงที่เป็นผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงต้องตกอยู่ท่ามกลางอันตราย ในบริบทนี้ องค์กรเพื่อผู้หญิงทั่วโลกเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในฐานะบุคคลกลุ่มแรก ๆ ที่ขานรับเหล่าผู้รอดชีวิต ขณะนี้ ถึงเวลาที่จะต้องผนึกกำลังกัน ก้าวออกมาและช่วยเหลือพวกเขาเพื่อไม่ให้มีผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องถูกทิ้งไว้ลำพังหลังกำแพงที่พวกเขาไม่สามารถส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้ เราขอขอบคุณพันธมิตรของเราที่ Mary Kay ที่ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างด้วยการสนับสนุนการทำงานชิ้นนี้ และเดินบนเส้นทางนี้ร่วมไปกับเรา”

  • Mary Kay จะให้การสนับสนุนโครงการ CARE ในการต่อสู้กับความรุนแรงทางเพศ ที่จะเปลี่ยนชีวิตของสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 100 ประเทศ

ผู้หญิงทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากความยากจนและความรุนแรงทางเพศในระดับที่มากน้อยต่างกันไป โดยในบรรดาผู้ที่ได้รับผลกระทบ มีผู้หญิงจำนวน 1.4 พันล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนส่วนใหญ่ ที่มีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ด้วยเหตุผลนี้ CARE จึงได้กำหนดพันธกิจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่องเพศขึ้นมา และให้การสนับสนุนอย่างไม่ลดละเพื่อให้ผู้หญิงมีสิทธิมีเสียงและมีความเป็นผู้นำ

การรับมือสภาวะฉุกเฉินต่อวิกฤต COVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกของ CARE ได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วสู่ 67 ประเทศที่เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมอันมีสาเหตุจากโรคระบาด และเข้าถึงผู้คนโดยตรงราว 16 ล้านคนผ่านโครงการต่าง ๆ รวมถึงจัดการอบรมและให้บริการข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับความช่วยเหลือเพื่อหยุดการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงแก่ผู้คนกว่า 1 ล้านคน ด้วยตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ต่อเรื่องเพศได้รับความสนใจ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา CARE ได้เริ่มใช้การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 (RGA) หลังจากปรึกษากับคณะกรรมการช่วยเหลือและกู้ภัยนานาชาติ (IRC) การสนับสนุนของ Mary Kay มีความแตกต่างออกไปด้วยมีข้อมูลและผลการศึกษาจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 ใน 50 ณ ขณะนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศแบบรวดเร็วของ CARE แสดงให้เห็นว่าการระบาดของโรคทำให้ปัญหาแย่ลงโดยเฉพาะในทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาและในยุโรป รวมถึงยังรายงานว่ามีผู้หญิงหลายหมื่นคนที่กำลังเผชิญกับการทำร้ายร่างกายหรือการคุกคามทางเพศในช่วงล็อคดาวน์และไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้

Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM ยังได้มอบเงินมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ให้กับ Together For Her’s ซึ่งเป็นความพยายามในระดับนานาชาติในการบรรเทาความรุนแรงด้านเพศภายใต้ CARE เงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกที่ให้ความช่วยเหลือเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากความรุนแรง จัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือ PPE ให้กับเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามไปกับผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงไปยังศาล รวมถึงจัดหาอาหาร อุปกรณ์ดูแลความสะอาดและสุขอนามัยให้กับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงซึ่งเข้ารับบริการด้านจิตใจ การแพทย์ และที่พักพิงชั่วคราว

"การสร้างความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงให้เกิดขึ้นและกำจัดความรุนแรงทางเพศ (GBV) สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ในหลายทิศทาง" Michelle Nunn ประธานและซีอีโอของ CARE กล่าว "ในชุมชนที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในโลก เด็กผู้หญิงและสตรีต่างต้องเผชิญกับความอยุติธรรม เฉพาะวิกฤต COVID-19 เพียงอย่างเดียวอาจเป็นสาเหตุให้เหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น 31 ครั้งในช่วงหกเดือนของการล็อคดาวน์ที่เกิดจากไวรัส เราตระหนักว่าสามารถป้องกันไม่ให้ความเป็นไปได้นี้เกิดขึ้นได้ และเราต้องจัดการกับการคุมคามที่น่าสยดสยองนี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น การลงทุนในการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้าของผู้หญิงในท้องถิ่นเป็นหนึ่งในสิ่งดี ๆ ที่ทรงพลังที่เราสามารถทำได้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม"

คุณรู้หรือไม่?

  • ในปี 2560 ผู้หญิงราว 87,000 คนทั่วโลกถูกทำให้เสียชีวิตอย่างจงใจ และกว่าครึ่ง (58 เปอร์เซ็นต์) ถูกฆ่าโดยคู่รักหรือสมาชิกในครอบครัว
  • ดังนั้น ในทุก ๆ วัน มีผู้หญิง 137 คนทั่วโลกที่ถูกฆ่าโดยสมาชิกในครอบครัว
  • ปัจจุบัน มีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงราว 650 ล้านคนทั่วโลกที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี เยาวชนหญิงราว 15 ล้านคน (อายุระหว่าง 15 ถึง 19 ปี) ทั่วโลกเคยถูกบังคับให้ร่วมเพศ (การขืนใจให้ร่วมเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศรูปแบบอื่น) ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตของพวกเขา

แหล่งที่มา: กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี รายงานประจำปี 2562

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนใน 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

เกี่ยวกับ The Mary Kay FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay หรือ The Mary Kay FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่องค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้น มูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

เกี่ยวกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี

กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund) อยู่ภายใต้องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบโดยสหประชาชาติ เป็นกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าระดับโลกเพียงกลไกเดียวที่มุ่งยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงทุกรูปแบบ ภายในเวลา 24 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง กองทุนได้ให้การสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 572 แห่ง ลงทุนในการหาทางออกที่นำโดยประชาสังคมโดยยึดหลักฐานและมีความทันสมัยและถึงโครงการเปลี่ยนชีวิตอีกหลายโครงการ โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนมุ่งเน้นการป้องกันความรุนแรง การนำกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ มาใช้เพื่อรับมือกับปัญหาและลดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงยกระดับการเข้าถึงความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับผู้รอดชีวิต เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ untf.unwomen.org และติดตามเราได้ทาง FacebookInstagram และ Twitter

เกี่ยวกับ CARE

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 พร้อมกับการถือกำเนิดขึ้นของ CARE Package® เป็นองค์กรด้านมนุษยชนชั้นนำที่ต่อสู้กับความยากจนทั่วโลก สะสมประสบการณ์มากว่าเจ็ดทศวรรษในการส่งมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินในช่วงวิกฤต การตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินของเรามุ่งเน้นไปที่ความต้องการของประชากรกลุ่มที่มีความเปราะบางที่สุดโดยเฉพาะสตรีและเด็กผู้หญิง ปีที่ผ่านมา CARE เข้าไปทำงานใน 100 ประเทศและเข้าถึงผู้คนเกือบ 70 ล้านคนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราที่ www.care.org

เกี่ยวกับ Together for Her

Together for Her เป็นการเรียกร้องให้มีดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่แสดงว่าเป็นการยืนหยัดเคียงข้างสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลกด้วยการมอบเงินทุนและความช่วยเหลือเพื่อตอบโต้ความรุนแรงภายในครัวเรือนระหว่างช่วงการระบาดของ COVID-19 โครงการ Charlize Theron Africa Outreach Project (CTAOP), CARE และ Entertainment Industry Foundation (EIF) ได้เข้าร่วมกันเพื่อกำจัดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร Charlize และ CTAOP ได้มอบของขวัญ และ Charlize ได้ออกมาเรียงร้องให้ผู้หญิงทั่วโลกรวมพลังกันและช่วยสาดแสงไปยังความพยายามครั้งสำคัญนี้ เสียงของพวกเราที่ร่วมกันเปล่งออกมาคือสิ่งที่แสดงถึงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะรวมพลังกันเพื่อสนับสนุน Together for Her


1 รายงานองค์การอนามัยโลก. 2013

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

ติดต่อ:
ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com




ความปกติใหม่ได้นำมาสู่ยุคใหม่ แต่เรายังสามารถเดินทางต่อไปได้: คือข้อความที่แข็งแกร่งในงานประชุมวิชาการออนไลน์ครบรอบ 53 ปีอาเซียนที่จัดโดย AJC

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–21 ส.ค. 2563

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ศูนย์อาเซียนญี่ปุ่น (AJC) ร่วมกับคณะกรรมการอาเซียนในโตเกียว (ACT) ซึ่งประกอบด้วยเอกอัครราชทูตอาเซียนไปยังประเทศญี่ปุ่น ได้จัดงานประชุมวิชาการออนไลน์ครบรอบ 53 ปีอาเซียนภายใต้แนวคิด “หลังจาก Covid-19 ก้าวสู่ความปกติใหม่” ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากทั้งญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอาเซียน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200821005186/en/

H.E. Dato Lim Jock Hoi, Secretary-General of ASEAN, delivered his keynote address (Photo: Business Wire)

H.E. Dato Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนกล่าวปาฐกถาพิเศษ (ภาพ: Business Wire)

H.E. Mr. Myint Thu เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ประจำญี่ปุ่นและประธาน ACT ได้เปิดการประชุมสัมมนา โดยทางเอกอัครราชทูต Myint Thu เรียกร้องให้อาเซียนและญี่ปุ่นจัดการกับความท้าทายใหม่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลและดำเนินมาตรการรับมือกับผลกระทบของการระบาดทั่วโลก

หลังจากกล่าวเปิดงาน H.E. Dato Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ  Dato Lim ให้ความมั่นใจในความมุ่งมั่นของอาเซียนในการต่อสู้กับโรคระบาดผ่านการดำเนินการที่เด็ดขาดและรอบคอบ  ตัวอย่างที่ยกมา ได้แก่ การจัดตั้ง “กองทุนอาเซียนเพื่อตอบสนองต่อ COVID-19” และ “คลังเครื่องมือทางการแพทย์ประจำภูมิภาคอาเซียน”; และการใช้ “แผนปฏิบัติการฮานอยเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียนและการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานเพื่อตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19”

Dato Lim ยังยอมรับว่าโลกหลังการแพร่ระบาดจะนำเสนอการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในรูปแบบของกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กับอาเซียน โดยอาจสามารถรับมือกับปัญหานี้ด้าน 5 มาตรการ: มาตรการแรก การตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นต่างๆ มาตรการที่สอง แนวโน้มต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล มาตรการที่สาม การมุ่งเน้นไปที่การค้าและการลงทุนภายในอาเซียน  มาตรการสี่ การมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการแข่งขันในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนและศูนย์กลางการค้าและการผลิต  และสุดท้ายคือการเสริมสร้างการใช้ประโยชน์จาก FTA ของอาเซียน

ในระหว่างการอภิปรายในช่วงหลังของการประชุมสัมมนาที่มีเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ (IPN) เป็นประเด็นหลัก Dr. Fukunari Kimura ศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเคโอและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สถาบันวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) ได้แบ่งปันมุมมองของเขาว่าเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกกำลังประสบกับการขาดอุปสงค์และอุปทานฉับพลัน ซึ่งจะตามมาด้วยอุปสงค์อย่างมากอีกครั้งด้วยเครือข่ายการผลิตที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่  ศาสตราจารย์ Kimura ยังได้นำเสนอกรอบนโยบายเบื้องต้นสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการก้าวเข้าสู่มาตรฐานใหม่โดยแบ่งออกเป็น (i) การตอบสนองฉุกเฉิน (ii) นโยบายการถอนตัวและ (iii) นโยบายสำหรับภาวะปกติใหม่

Dr. Seiya Sukegawa ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยโคคุชิคังประเทศญี่ปุ่นได้ตอบสนองโดยเน้นย้ำถึงการสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานขึ้นมาใหม่ผ่านห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและการจัดการเฉพาะกรณีแทนที่จะเป็นอุปทานที่แสวงหาประสิทธิภาพและการจัดการแบบทันเวลา  Dr. Maria Socorro G. Bautista ศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์กล่าวว่าอาเซียนในฐานะผู้สนับสนุนการค้าเสรีควรกำหนดแนวทางในการเพิ่มอุปสงค์โดยรวมและดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ภูมิภาคเนื่องจากดูเหมือนจะมีผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่พึงประสงค์แม้จะมีส่วนร่วมใน IPN  ทั้ง Kimura และ Bautista ไม่คิดว่าจะมีการปรับขนาดใหญ่

ในการกล่าวสรุปคุณ Masataka Fujita เลขาธิการ AJC ได้สะท้อนความรู้สึกของเอกอัครราชทูต Myint Thu ว่าถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอาเซียนและญี่ปุ่นในการมองว่าการแพร่ระบาดครั้งนี้เป็นปัญหาร่วมกันและควรดำเนินกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์และยืดหยุ่นร่วมกัน

AJC เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นโดยประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นในปี 2524 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น  AJC จัดงาน ASEAN Anniversary Symposium ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อรำลึกถึงการก่อตั้งอาเซียนโดยนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของอาเซียนและภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นปัจจุบันในอาเซียน

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น: https://www.asean.or.jp/en/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200821005186/en/

ติดต่อ:

Office of Secretary General, PR (ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงานเลขาธิการ)
Tomoko Miyauchi
ASEAN-Japan Center
โทร: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp