Category Archives: General News

พีแอนด์จีเร่งสร้างพันธกิจ #ChooseEqual ที่งานประชุม UN-Convened Generation Equality Forum

Logo

  • พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) จะลงทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของผู้หญิง
  • พีแอนด์จีร่วมมือกับ Promundo, UN Women, WEConnect International, Women's Forum for the Economy & Society และองค์กรอื่น ๆ เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางเพศทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และในสังคม
  • พีแอนด์จีเข้าประชุม Generation Equality Forum ร่วมกับผู้นำภาครัฐและเอกชนและองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อประกาศการลงทุนที่มีเป้าหมายและนโยบายใหม่เพื่อเร่งการเดินหน้าพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศ

ซินซินนาติ–(BUSINESS WIRE)–30 มิถุนายน 2564

วันนี้ พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (NYSE:PG) เดินหน้าแคมเปญ #ChooseEqual ผ่านกิจกรรมใหม่ ๆ เพื่อเร่งเดินหน้าพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และในสังคม ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจ พีแอนด์จีจึงมุ่งมั่นที่จะลงทุนเม็ดเงินจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์กับธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำภายในปี 2568 พีแอนด์จีทำงานมาหลายทศวรรษเพื่อเพิ่มบทบาททางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงผ่านห่วงโซ่การผลิตระดับโลก และการประกาศในวันนี้ถือเป็นก้าวถัดไปในเส้นทางธุรกิจ ส่วนเป้าหมายของบริษัทในเวลาต่อไปคือการเพิ่มการลงทุนในธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำให้ถึง ​​10 เปอร์เซ็นต์ของกำลังซื้อเป็นเงินดอลลาร์ของพีแอนด์จีซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมถึง 10 เท่า1

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210630005839/en/

#ChooseEqual (Photo: Business Wire)

#ChooseEqual (รูปภาพ: Business Wire)

เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สำคัญในวงกว้าง พีแอนด์จีได้ร่วมมือกับหลายองค์กร เช่น UN WomenWEConnect InternationalWomen's Business Enterprise National Council (WBENC), Women’s Forum for the Economy & Society และอื่นๆ เพื่อเร่งเดินหน้าและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง พีแอนด์จีสนับสนุนการสร้างความสามารถของนักธุรกิจหญิง พร้อมพัฒนาเครื่องมือ คำจำกัดความ และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อไป และขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างบริษัทและอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมและพัฒนาความพยายามเหล่านี้กับพันธมิตรระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น

Carolyn Tstad ประธานกลุ่มอเมริกาเหนือ และผู้สนับสนุนระดับสูงด้านความเท่าเทียมทางเพศ กล่าวว่า “ที่พีแอนด์จี การให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศเป็นพื้นฐานและบูรณาการในธุรกิจของเรา เราไม่สามารถปล่อยให้ความท้าทายในปีที่ผ่านมาเป็นอุปสรรคต่อความเท่าเทียมทางเพศได้ แต่เราต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อลงทุนและเลือกความเท่าเทียม คำมั่นสัญญาเหล่านี้จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศทั่วโลก”

เปลี่ยนการเล่าเรื่องเป็นการแบ่งปันความห่วงใย #SharetheCare กับ Promundo

พีแอนด์จีได้ทำงานเป็นเวลาหลายปีเพื่อช่วยเปลี่ยนอคติทางเพศที่ฝังลึก ซึ่งมักจะตอกย้ำอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายประการต่อความก้าวหน้าของผู้หญิง ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับบทบาทของผู้ชายและเด็กผู้ชายที่บ้านด้วย จากการเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามนี้ พีแอนด์จีและแบรนด์ต่าง ๆ กำลังจัดการกับ “ช่องว่างของงานบ้าน” ซึ่งเป็นปริมาณการดูแลบ้านที่ไม่เหมาะสมและไม่ได้รับค่าจ้างและงานบ้านที่ผู้หญิงจะทำเป็นส่วนใหญ่

วันนี้ พีแอนด์จียังได้ประกาศความร่วมมือระยะเวลา 3 ปีกับ Promundo ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศและป้องกันความรุนแรง โดยการให้ผู้ชายและเด็กผู้ชายร่วมมือเกี่ยวข้องกับผู้หญิง เด็กผู้หญิง และบุคคลจากทุกเพศ พีแอนด์จีและแบรนด์ต่าง ๆ จะใช้ความเชี่ยวชาญและเสียงที่มีความสำคัญในโฆษณาและสื่อเพื่อเปลี่ยนการเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเป็นผู้ดูแลและงานบ้านของผู้ชาย

จากการเป็นพันธมิตรกับ Promundo และความร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ พีแอนด์จีจะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือครอบครัวที่ทำงานผ่านนโยบายและโปรแกรมที่เน้นความเท่าเทียมกัน ซึ่งช่วยให้ทุกเพศมีบทบาทเท่าเทียมกันที่บ้านไปพร้อมกับความสนุกในอาชีพการงานอย่างเต็มที่และคุ้มค่า เมื่อปีที่แล้ว พีแอนด์จีได้กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำระดับโลกสำหรับการลาคลอดโดยได้รับค่าจ้าง เพื่อให้ผู้ปกครองทุกคนสามารถแบ่งปันความสุขในการต้อนรับสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้านของพวกเขาในกว่า 70 ประเทศที่พีแอนด์จีดำเนินธุรกิจอยู่ได้อย่างเสมอภาค เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน 2021 State of the World’s Fathers Report ของ Promundo

ส่งเสริมให้เด็กผู้หญิงเข้าถึงกีฬาได้กับแบรนด์ Always และ Secret

นอกจากนี้ ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกปีนี้ที่โตเกียว พีแอนด์จีและแบรนด์ต่าง ๆ จะเน้นที่เรื่องราว ประสบการณ์ และความสำเร็จที่สร้างแรงบันดาลใจของนักกีฬาหญิงที่มีความหลากหลายผ่านแคมเปญใหม่ของบริษัทและแบรนด์ ซึ่งประกอบไปด้วย “Your Goodness is your Greatness” และภาพยนตร์และซีรีส์ “Good is Gold” ของพีแอนด์จี แคมเปญ “#KeepHerPlaying” และ “Fuel Her Future” ของ Always พร้อมกับแคมเปญผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเหงื่อ “Just #WatchMe” ของ Secret ที่กำลังจะจัดขึ้น

พีแอนด์จี, Always/Whisper และ Secret มุ่งมั่นที่จะนำเสนอบทบาทของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในวงการกีฬาอย่างถูกต้อง และจะสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ เช่น Sported UKWomen in Sports FoundationYMCA และและอื่น ๆ ที่ให้ต้อนรับเด็กผู้หญิงทั่วโลกให้เข้าถึงรายการกีฬาต่าง ๆ พีแอนด์จีและแบรนด์ต่าง ๆ จะยังคงสนับสนุนการแสดงบทบาทของนักกีฬาหญิงอย่างถูกต้อง พร้อมให้ความสำคัญในเสียงของพวกเขาและไฮไลต์ถึงเหตุผลที่พวกเขาเป็นแชมป์ทั้งในและนอกสนาม

การเร่งมือสร้างความเท่าเทียมทางเพศในการประชุม UN Generation Equality Forum

ในสัปดาห์นี้ พีแอนด์จีจะเข้าร่วมกับร่วมผู้นำภาครัฐและเอกชนในงาน Generation Equality Forum ซึ่งเป็นงานประชุมระดับโลกเพื่อความเท่าเทียมทางเพศที่จัดโดย UN Women และมีรัฐบาลฝรั่งเศสและเม็กซิโกเป็นเจ้าภาพร่วม การประชุมแบบหลายวันจะจัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นการประชุมแบบออนไลน์โดยมีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม มีเป้าหมาย และสร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศในทันทีและตลอดไป ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงทุกเพศทุกวัยจากทั่วทุกมุมโลกจะมารวมตัวกันเพื่อจัดการกับธุรกิจที่ยังค้างคาในการให้อำนาจกับผู้หญิง และเข้าร่วมความพยายามเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ UN Generation Equality Forum ได้ที่นี่

1แหล่งข้อมูล: https://www.unwomen.org/en/digital-library/publications/2017/3/the-power-of-procurement

เกี่ยวกับพีแอนด์จี

พีแอนด์จีมุ่งมั่นที่จะสร้างโลกที่ปราศจากอคติทางเพศด้วยเสียงที่เท่าเทียมกัน โอกาสที่เท่าเทียมกัน และการเป็นตัวแทนที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ด้วยเสียงอันทรงพลังในการโฆษณา แคมเปญของแบรนด์พีแอนด์จี เช่น Always #LikeAGirl, Olay #FaceAnything และ Secret #AllStrengthNoSweat ได้จุดประกายการสนทนาที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พีแอนด์จีกำลังช่วยขจัดอุปสรรคในการศึกษาสำหรับเด็กผู้หญิงและโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับผู้หญิง ในขณะเดียวกันก็สร้างสภาพแวดล้อมที่มีความเท่าเทียมทางเพศภายในพีแอนด์จีและสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงานอื่น ๆ นอกจากพีแอนด์จีซึ่งทุกคนสามารถมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ตามศักยภาพของแต่ละคน กรุณาเยี่ยมชม http://www.pg.com สำหรับข่าวสารล่าสุดและข้อมูลเกี่ยวกับพีแอนด์จีและแบรนด์ต่าง ๆ ของบริษัท

เกี่ยวกับแคมเปญ 2,021 Acts of Good in 2021 โดยพีแอนด์จี

ที่พีแอนด์จี การส่งเสริมความเท่าเทียมและการยอมรับความแตกต่าง การช่วยเหลือชุมชนของเรา และการปกป้องโลกนั้นฝังอยู่ในการดำเนินธุรกิจของเรา เราเชื่อว่าเรามีความรับผิดชอบในการทำให้โลกดีขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ที่เราสร้างขึ้นและผลกระทบเชิงบวกที่แบรนด์และบริษัทของเราสามารถมีได้ ภายใต้แคมเปญ Lead with Love พีแอนด์จีและแบรนด์อย่าง Always และ Secret ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำความดี 2,021 ครั้งในปีนี้ ในสหรัฐอเมริกา ผู้บริโภคสามารถทำความดีได้มากขึ้นผ่าน P&G Good Everyday ซึ่งเป็นโปรแกรมตอบแทนผู้บริโภครูปแบบใหม่ที่ช่วยเปลี่ยนกิจกรรมในแต่ละวันให้เป็นการทำความดี กิจกรรมแต่ละกิจกรรมบนเว็บไซต์จะได้รับคะแนนที่สามารถแลกเป็นรางวัลได้ และเนื่องจากผู้บริโภครายงานการทำความดีของตนเอง พีแอนด์จีจะทำการบริจาคไปยังเรื่องที่ผู้บริโภคใส่ใจ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210630005839/en/

ติดต่อ:

Ezgi Genc, พีแอนด์จี
genc.e@pg.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Amazon และ National Safety Council ร่วมเป็นพันธมิตรในการแก้ปัญหาการบาดเจ็บในสถานที่ทำงานที่พบบ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถิอเป็นครั้งแรกของความร่วมมือเช่นนี้

Logo

ความร่วมมือห้าปีระหว่าง Amazon และ NSC จะร่วมกันคิดค้นวิธีใหม่ในการป้องกันการบาดเจ็บด้านกล้ามเนื้อและกระดูกทั่วไป หรือ musculoskeletal disorders (MSDs) เช่น การเคล็ดขัดยอก และกล้ามเนื้อฉีก

ซีแอตเทิลและชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–10 มิ.ย. 2564

วันนี้ Amazon (NASDAQ:AMZN) และ National Safety Council (NSC) ได้ประกาศความร่วมมือระยะเวลาห้าปีในการคิดค้นวิธีการใหม่ในการป้องกันการบาดเจ็บในที่ทำงานประเภทที่เกิดขึ้นมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก (MSDs) โดย Amazon และ NSC ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลาหลายเดือนในการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกในโครงการลักษณะนี้

Lorraine Martin ประธานและซีอีโอของ National Safety Council กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถแก้ปัญหาที่ผู้คนต้องเผชิญทุกวันเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่” “การไปทำงานควรเป็นประสบการณ์ที่ดี คุ้มค่า และปลอดภัย เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างล้นหลามของ Amazon เพื่อช่วยบริษัทต่างๆ ทั่วโลกในการแก้ปัญหาที่สำคัญนี้ ไปพร้อม ๆ กับการเติมพลังให้กับภารกิจไม่แสวงหาผลกำไรของเราในการรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานในที่ทำงาน”

“ในฐานะสมาชิกของทีมความปลอดภัยในสถานที่ทำงานของ Amazon เป้าหมายของฉันคือการทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้เพื่อนร่วมงานของฉันมีสุขภาพแข็งแรงในที่ทำงาน เพื่อที่เราจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยไปหาเพื่อน ๆ และครอบครัวของเรา” Chelsea Weimer พนักงานรายชั่วโมงของ Amazon Fulfillment Center ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ กล่าว  “Amazon มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูง ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์เพื่อช่วยลดโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก”

การเป็นหุ้นส่วนจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกัน MSDs ในอุตสาหกรรมต่างๆ  ผ่านการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก การดำเนินการวิจัย คิดค้นเทคโนโลยีและกระบวนการใหม่ และปรับขนาดผลลัพธ์ ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นได้จากการที่  Amazon บริจาค 12 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอดการบริจาคที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NSC และจะรวมองค์ประกอบหลัก 5 ประการ:

สภาที่ปรึกษา: การจัดตั้งสภาที่ปรึกษาระหว่างประเทศเพื่อรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย บริษัท และนักวิจัยในภาครัฐและเอกชน สภาที่ปรึกษาจะทำงานร่วมกันเพื่อทบทวนแนวทางที่มีแนวโน้มมากที่สุดในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก กำหนดรูปแบบการพัฒนาองค์ประกอบการเป็นหุ้นส่วน และการมีส่วนร่วมกับบุคคลภายนอกในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก

การวิจัยบุกเบิก: ดำเนินการวิจัยโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์แห่งอนาคต การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และเครื่องมือการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อสำรวจนวัตกรรมและแนวโน้มของ MSD ในปัจจุบันและอนาคต งานวิจัยนี้จะเปิดให้ทุกอุตสาหกรรมได้สำรวจและรวบรวมข้อมูลเชิงลึก

ทุนสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและมหาวิทยาลัย: มอบทุนให้กับธุรกิจขนาดเล็ก มหาวิทยาลัย และนักศึกษามหาวิทยาลัย ทุนเหล่านี้จะให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมที่ช่วยให้บริษัททุกขนาดประสบความสำเร็จได้

ความท้าทายด้านนวัตกรรม: การบ่มเพาะและส่งเสริมโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและใช้งานได้จริงเพื่อจัดการกับ MSD ผ่านการแข่งขันด้านนวัตกรรมที่ท้าทาย การแข่งขันเหล่านี้จะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกัน ทำซ้ำ และแบ่งปันเทคนิคและแนวคิด

การรณรงค์ให้มีการสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม – The MSD Pledge: Amazon และ NSC จะแบ่งปันโซลูชันที่ค้นพบตลอดการเป็นหุ้นส่วนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านการสร้าง The MSD Pledge และเรียกร้องให้บริษัทอื่นๆ เข้าร่วมในโครงการ เพื่อที่จะ

  • ติดตามตัวบ่งชี้การบาดเจ็บเชิงรุกเพื่อให้แน่ใจว่ามีการลดความเสี่ยงที่เหมาะสมและใช้กลยุทธ์การป้องกันที่อิงจากข้อมูล
  • ใช้โครงการป้องกัน MSD ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้พนักงานและนายจ้างเกี่ยวกับการป้องกันการบาดเจ็บ
  • เปิดรับและขับเคลื่อนโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อป้องกัน MSD และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดกับองค์กรอื่นๆ ทั่วโลก

ความร่วมมือดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายนในช่วงเดือนความปลอดภัยแห่งชาติ โดยในปีแรกจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวสภาที่ปรึกษา National Safety Council การระบุพันธมิตรด้านการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ การพัฒนาทุนสนับสนุน และโครงการท้าทายด้านนวัตกรรม

Heather MacDougall รองประธานฝ่ายสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงานทั่วโลกของ Amazon กล่าวว่า “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของพนักงาน และการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถเจาะลึกถึงวิธีที่ดีที่สุดในการลด MSD” “สภาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ National Safety Council มีประวัติอันยาวนานในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับพวกเขาเช่นเดียวกับบริษัทต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญ และนักศึกษาอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์และแก้ไขปัญหาที่สำคัญนี้”

การทำงานร่วมกันของ NSC เป็นอีกก้าวหนึ่งในภารกิจระยะยาวของ Amazon ในการเป็นสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึงการลงทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในโครงการด้านความปลอดภัยในปี 2564 และเป้าหมายที่จะลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่บันทึกได้ร้อยละ 50 ภายในปี 2568 ทุก ๆ วัน Amazon ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความปลอดภัย ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยหลายพันครั้งภายในทุกอาคาร และแสวงหาข้อเสนอแนะจากพนักงานเกี่ยวกับวิธีปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน หากต้องการรับชมสถานที่ทำงานของ Amazon และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทีมและเทคโนโลยีของ Amazon ลงชื่อเพื่อเข้าร่วมทัวร์ ได้ที่ www.amazon.com/FCtours.

สภาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ NSC เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยที่ไม่แสวงหากำไรชั้นนำของอเมริกา—และตั้งอยู่มานานกว่า 100 ปีแล้ว ในฐานะองค์กรที่ยึดถือการปฏิบัติตามภารกิจ องค์กรจะดำเนินการเพื่อขจัดสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและการบาดเจ็บที่ป้องกันได้ โดยมุ่งเน้นที่การทำงานในสถานที่ทำงาน ถนน และอุปสรรค สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเพื่อให้ผู้คนปลอดภัยยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ในที่ทำงาน แต่ยังรวมถึงนอกที่ทำงานด้วย

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัยของพนักงานที่ Amazon โปรดไปที่ www.amazon.com/employee-safety.

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วน โปรดไปที่ www.nsc.org/amazonpartnership.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210610005214/en/

ติดต่อ:

Amazon-pr@amazon.com

www.amazon.com/pr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ผู้อำนวยการสร้างสารคดีเจ้าของรางวัล“Guardians of the Gulf” เข้าร่วมโครงการ CEO Water Mandate และหลักการฟื้นฟูมหาสมุทรอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ

Logo

ดัลลัส


Hisense ร่วมกับพนักงานสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

Logo

ชิงเต่า, จีน–(BUSINESS WIRE)–01 มิถุนายน 2564

การดำเนินชีวิตวีถีใหม่ได้ทำให้สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และธรรมาภิบาล (ESG) กลายมาเป็นหัวข้อที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดในโลกปัจจุบัน ผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมและการมอบโอกาสในการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับพนักงานกลายมาเป็นเกณฑ์ที่บ่งชี้ถึงการเติบโตของบริษัท การให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นอันดับแรกทำให้ Hisense ประสบความสำเร็จในการสร้างทีมพนักงานจากทั่วโลกที่รวมผู้คนจากวัฒนธรรมที่หลากหลายและประสบการณ์ที่แตกต่าง และยังสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างความเท่าเทียมและสุขภาพที่ดีเพื่อการขับเคลื่อนความสำเร็จต่อไป โดย Hisense  ได้ร่วมกับพนักงานกว่า 90,000 คน จากทั่วโลกสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และทุ่มเทให้กับการสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210601005474/en/

Production staffs at Hisense’s facility in Atlantis, South Africa (Photo: Business Wire)

พนักงานฝ่ายผลิต ณ โรงงานของ Hisense ในแอตแลนติส ประเทศแอฟริกาใต้ (รูปภาพ: Business Wire)

มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่น และการยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรม

Hisense ให้การสนับสนุนชุมชนในท้องถิ่นในการลดปัญหาเรื่องการว่างงาน ซึ่งเป็นการช่วยลดอัตราอาชญากรรมในทางอ้อม Hisense มีการลงทุนในเขตอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งสร้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่งในแอฟริกาใต้และอีกกว่า 2,000 ตำแหน่งในเม็กซิโก โดยคาดว่าจะมีการขยายการจ้างงานอีกกว่า 7,000 ตำแหน่งในอนาคต ซึ่งจะเป็นการช่วยภูมิภาคต่าง ๆ ในการขยายเศรษฐกิจให้เติบโตและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ประสบความสำเร็จ

Hisense ยังมอบโอกาสในการจ้างงานอย่างเท่าเทียมโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและเพศ พร้อมยังจัดให้มีการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพและเป็นระบบในการสรรหาพนักงานในท้องถิ่น เช่นได้มีการเลื่อนตำแหน่งให้กับพนักงานที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดียวอย่าง Nicalette ซึ่งเริ่มทำงานกับ Hisense ในแอฟริกาใต้มาตั้งแต่ปี 2545 ให้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการฝ่ายบริการหลังการขายจากประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมและการพัฒนาความสามารถอย่างรวดเร็วของเธอ โดย Nicalette เผยว่าการจ้างงานและระบบพัฒนาบุคลากรของ Hisense ทำให้ความมุ่งมั่นต่อการทำงานของเธอเพิ่มสูงขึ้น และยังทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

ให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าในงานของพนักงาน

เพื่อเป็นการส่งเสริมพนักงาน Hisense ได้จัดสภาพแวดล้อมและพื้นที่การทำงานที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างศักยภาพและคุณค่าในการทำงานให้สูงสุด Hisense มีกลไกการเลื่อนตำแหน่งที่ยืดหยุ่น โดยพนักงานสามารถเลือกเส้นทางอาชีพระหว่างงานด้าน “บริหาร” และงานด้าน “วิจัยและพัฒนา” เพื่อการพัฒนาในอนาคต ซึ่งช่วยให้การเลื่อนขั้นของพนักงานทุกคนเป็นไปอย่างราบรื่น

Hisense College ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขององค์กร มีเป้าหมายที่จะช่วยให้พนักงานประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้านอาชีพมากขึ้น โดยมีโครงสร้างการอบรมและแพลตฟอร์มฝึกอบรมที่ใช้ภายในบริษัทอย่างหลากหลาย (รวมถึงการเรียนการสอนแบบออฟไลน์ ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และอื่น ๆ) เพื่อช่วยให้พนักงานเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้จากทุกเวลาและสถานที่

“สิ่งที่ทำให้การทำงานที่นี่ต่างจากที่อื่นก็คือการที่ Hisense มักกระตุ้นให้พนักงานทำตามเป้าหมายในอาชีพให้สำเร็จและคอยให้การสนับสนุนอยู่เสมอ และนั่นทำให้พนักงานสามารถเติบโตไปพร้อมกับบริษัท” Robin Silberbauer ซึ่งเข้าร่วมงานกับ Hisense ในแอฟริกาใต้เมื่อปี 2558 กล่าว

ใส่ใจในสุขภาพและสุขภาวะของพนักงาน

ในช่วงที่เกิดโรคระบาด Hisense ยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสุขภาพที่ดีของพนักงานและครอบครัวของพวกเขา โดยได้แจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและสนับสนุนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน

Hisense ยังได้ร่วมกับองค์กรที่มีโครงการช่วยเหลือพนักงาน (“Employee Assistance Program: EAP”) เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิตกับพนักงานและครอบครัวของพวกเขาด้วย เพื่อให้พนักงานแต่ละคนสามารถรับคำปรึกษาด้านจิตวิทยาจากมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาสุขภาพจิตและรับมือกับความท้าทายในการทำงานและชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Hisense จะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรต่อไปในระยะยาว และมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ยอมรับในความแตกต่างเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนกับชุมชนในท้องถิ่นรวมถึงแรงงานทั่วโลก

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210601005474/en/

สื่อ:
Lori Luo (ทีมพีอาร์ Ogilvy)
โทร: +86-135-1278-4739
อีเมล: lori.luo@ogilvy.com / HisenseGlobal@ogilvy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Mary Kay Inc. เข้าร่วมมูลนิธิ Ellen MacArthur ด้วยความมุ่งมั่นสู่หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

Logo

แดลลัส–(บิสิเนสไวร์)–01 มิ.ย. 2564

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบขององค์กรระดับโลก ได้เข้าร่วมมูลนิธิ Ellen MacArthur ในฐานะสมาชิกของเครือข่าย โดยเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการเป็นธุรกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น  Mary Kay ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในองค์กรที่ทรงอิทธิพลเช่นเดียวกับบริษัทรายใหญ่อื่นๆ เช่น The Ford Motor Company, International Paper, Mattel และ The Fashion Institute of Technology

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210601005094/en/

Mary Kay is committed to reducing its environmental footprint and is taking steps to improve efficiency in its operations, thinking long term to incorporate responsible business practices. (Graphic: Mary Kay Inc.)

Mary Kay มุ่งมั่นที่จะลดรอยเท้าทางสิ่งแวดล้อมและกำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยคิดในระยะยาวเพื่อความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

มูลนิธิ Ellen MacArthur เป็นองค์กรการกุศลในสหราชอาณาจักรที่พัฒนาและส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยยึดหลักการกำจัดของเสียและมลภาวะ การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์และวัสดุไว้ใช้งาน และการสร้างระบบธรรมชาติขึ้นใหม่  มูลนิธิ Ellen MacArthur ทำงานร่วมและสร้างแรงบันดาลใจให้กับธุรกิจ สถาบันการศึกษา ผู้กำหนดนโยบาย และสถาบันต่างๆ เพื่อระดมแนวทางแก้ไขระบบในขนาดต่างๆ ทั่วโลก

“เป็นเวลาเกือบ 60 ปีที่ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างชีวิตของผู้หญิง พัฒนาด้านสุขภาพผิว และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัวกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเนื่องจากบริษัทต่างๆ ต้องการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความโปร่งใส และผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและมีจริยธรรมกว่า  นี่คือจุดยืนของเรา”

Mary Kay ซึ่งมีกำหนดจะประกาศกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนในปลายปีนี้ โดยหวังว่าจะได้ร่วมงานกับมูลนิธิ Ellen MacArthur และองค์กรเครือข่ายอื่นๆ เพื่อนำแนวทางปฏิบัติด้านเศรษฐกิจไปใช้จริง โดยมุ่งเน้นที่การจัดหาวัสดุ  บริษัทมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและกำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยคิดในระยะยาวเพื่อรวมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ

โรงงานผลิตทั่วโลกของ Mary Kay ในประเทศจีนได้รับสถานะการฝังกลบเป็นศูนย์ในปี 2557 ศูนย์การผลิตระดับโลกที่ตั้งอยู่ในเมืองเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับสถานะนี้ในปี 2554

“Mary Kay และสมาชิกใหม่รายอื่น ของเครือข่ายมูลนิธิ Ellen MacArthur ล้วนมีความทะเยอทะยานที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจของพวกเขา” Joe Murphy หัวหน้าเครือข่ายมูลนิธิ Ellen MacArthur กล่าว “เราตั้งตารอที่จะสนับสนุนพวกเขาและอำนวยความสะดวกในการร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายอื่นๆ ให้เป็นการดำเนินการที่หมุนเวียนมากขึ้น”

“ในขณะที่มีการริเริ่มที่มีความหมายทั่วทั้งอุตสาหกรรมความงามและใน Mary Kay เอง เรายังมีงานต้องทำอีกมากเพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจและสังคมที่รออยู่ข้างหน้า” Gibbins กล่าวเสริม “นั่นเป็นเหตุผลที่เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิ Ellen MacArthur เพื่อเข้าร่วมกับองค์กรที่มีความคิดเหมือนกันในการรับประกันการเติบโตอย่างยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป”

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก 

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210601005094/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications (ฝ่ายสื่อสารองค์กร)
Marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงระหว่างอินโดนีเซียและญี่ปุ่นที่มองว่าจะเปิดโอกาสให้ได้เข้าร่วมเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศตามการศึกษาโดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–1 มิถุนายน 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ออกบทความฉบับที่ 7 ในหัวข้อ “การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงในอาเซียน: การส่งเสริมการค้าในรูปแบบใหม่ระหว่างญี่ปุ่นและอาเซียน”  โดยมุ่งเน้นที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือนมีนาคม 2564 ผลจากการค้นพบของบทความนี้ได้ถูกนำเสนอในหัวข้อ “การสัมมนาออน์ไลน์เกี่ยวกับการไม่ถือหุ้นโดยตรงของอินโดนีเซีย” โดย AJC ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ตามบทความดังกล่าว การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรง (NEMs) ในอินโดนีเซีย คาดว่าจะมีบทบาทในการขยายโอกาสในการมีส่วนร่วมในมูลค่าโลก และมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210601005358/en/

“Non-Equity Modes of Trade in ASEAN” on Indonesia is available for download on AJC website (Graphic: Business Wire)

“การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงในอาเซียน” ในอินโดนีเซียพร้อมให้ดาวน์โหลดบนเว็บไซต์ AJC (กราฟิก: Business Wire)

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับเจ็ดของโลก และหนึ่งในสามของเศรษฐกิจนั้นมาจากการลงทุน NEMs ในอินโดนีเซียมีอยู่ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในรูปแบบของการประกอบธุรกิจฟาร์มแบบสัญญาจ้าง ในอุตสาหกรรมรองเท้าผ่านการรับจ้างช่วงและการรับเหมาช่วง ในร้านค้าฟาสต์ฟู้ดและร้านสะดวกซื้อผ่านแฟรนไชส์ ​​และในเครือข่ายโรงแรมระหว่างประเทศผ่านการบริหารตามสัญญาหรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ บทความล่าสุดของกฎหมายฉบับที่ 11 ของปี2563 ว่าด้วยการสร้างงานโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอุปสรรคสำคัญในการลงทุนในอินโดนีเซีย และให้ประโยชน์กับ NEMs ด้วยเช่นกัน โดยการดึงดูดนักลงทุนมายังอินโดนีเซียด้วยคาดว่าจะสะดวกในการประกอบธุรกิจในประเทศ

NEMs นำเสนอโอกาสที่ไม่สามารถพบในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ตัวอย่างเช่น เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของแบรนด์ต่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ (TNCs) โดยพิจารณาจากความยืดหยุ่นในการเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียนผ่านพันธมิตรแบบเซ็นสัญญากับบริษัทในท้องถิ่น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของ TNCs คาดว่าบริษัทในท้องถิ่นจะต้องมีทักษะและความสามารถด้านการจัดการและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามเนื่องจากบรรษัทข้ามชาติสามารถบอกเลิกสัญญาได้อย่างง่ายดาย ความสัมพันธ์ระยะยาวจึงไม่รับประกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณภาพของสินค้าและบริการไม่เป็นไปตามมาตรฐานของ TNCs แม้ว่า FDI อาจมีข้อได้เปรียบที่ดีกว่า NEM ในแง่ของการนำเงินทุนเข้ามา แต่ NEM ได้ขยายวิธีการดำเนินงานเพื่อให้บริษัทอินเดียโนเซียนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ

การมีอยู่ของ NEM นั้นสร้างแรงจูงใจให้บริษัทในท้องถิ่นได้เติบโตธุรกิจของตนเอง หากบริษัทในท้องถิ่นสามารถเพิ่มความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีด้วยการเชื่อมโยงกับ TNCs พวกเขาสามารถสร้างความสามารถของตนเองตามแรงจูงใจเหล่านี้ และขยายธุรกิจโดยใช้เครือข่ายของ TNC เพื่อเพิ่มศักยภาพสูงสุดของ NEMs อย่างเต็มที่ บทความนี้แนะนำให้รัฐบาลอินโดนีเซียนพิจารณาดังนี้: (1) การเพิ่มขีดความสามารถของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านการพัฒนาผู้ประกอบการและโครงการบ่มเพาะและโครงการการให้บริการทางการเงินรายย่อย (2) ดำเนินการและเสริมสร้างด้านกฎระเบียบสภาพแวดล้อมการทำงานเพื่อขยายการจ้างงาน ยกระดับทางเทคโนโลยีและมีส่วนร่วมในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก (3) สนับสนุนการส่งเสริมและยกระดับทักษะและความเชี่ยวชาญของแรงงานในท้องถิ่นผ่านโครงการการศึกษาใหม่ๆ เช่น Kampus Merdeka และผ่านบัตรก่อนการจ้างงาน และ (4) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ได้สรุปไว้เมื่อปลายปี 2563 ได้ขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันออกให้กว้างขึ้น ความพยายามของรัฐบาลอินโดนีเซียนในการเพิ่มโอกาสดังกล่าวจะช่วยให้ NEMs สามารถบูรณาการเศรษฐกิจอาเซียนได้ดียิ่งขึ้น การลดระบบราชการและการลดระเบียบกฎหมายจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอินโดนีเซียนและช่วยให้พวกเขาเข้าถึงตลาดทั่วโลก นอกจากนี้นโยบายการลงทุนที่อำนวยความสะดวกและตลาดแรงงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเป็นกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ในการปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของชาวอินโดนีเซียในอนาคต

ผลจากการค้นพบของบทความนี้ได้ถูกนำเสนอในการสัมมนาออน์ไลน์เกี่ยวกับการไม่ถือหุ้นโดยตรงของอินโดนีเซียที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 AJC ได้เชิญนักอภิปรายจากภาครัฐและสถาบันการศึกษา รวมทั้ง Dr. Kasan Muhri หัวหน้าสำนักงานวิเคราะห์การค้าและการพัฒนา ผู้อำนวยการทั่วไปของการวิเคราะห์และพัฒนานโยบายการค้า กระทรวงการค้า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ศาสตราจารย์ Chie Iguchi จากมหาวิทยาลัย Keio และเลขาธิการ AJC Masataka Fujita สำหรับรายงานฉบับเต็มเกี่ยวกับการสัมมนาออนไลน์ โปรดรับชมได้ที่ https://www.asean.or.jp/en/trade-info/20210601/

 “การค้าในรูปแบบไม่ถือหุ้นโดยตรงในอาเซียน: การส่งเสริมรูปแบบการค้าใหม่ระหว่างญี่ปุ่นกับอาเซียน: บทความที่ 3 อินโดนีเซีย” สามารถดาวน์โหลดได้บนเว็บไซต์ของ AJC ดังต่อไปนี้ https://www.asean.or.jp/ja/wp-content/uploads/sites/2/NEM-Indonesia-Paper-3-full-web.pdf

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210601005358/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zoetis ได้รับการรับรองว่าเป็นสถานที่น่าทำงานในประเทศไทยสำหรับปี 2564

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–24 พฤษภาคม 2564

Zoetis Thailand ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทด้านสุขภาพสัตว์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อสนับสนุนลูกค้าและธุรกิจของพวกเขาในรูปแบบที่ดียิ่งขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่น่าทำงานในประเทศไทยสำหรับปี 2564 ในระหว่างการประเมิน บริษัทได้รับคะแนนที่โดดเด่นในหลายแง่มุมของสถานที่ทำงานของพวกเขา ซึ่งอยู่เหนือกว่าบรรทัดฐานเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความสนุกสนานและมีความหมาย

ในปีที่ไม่ปกตินี้ เราได้เรียนรู้อีกครั้งว่านายจ้างในประเทศไทยได้คำนึงถึงคุณภาพชีวิตโดยรวมของพนักงานเป็นอย่างดี ซึ่ง Zoetis ในประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ดีของบริษัทดังกล่าวที่ก้าวขึ้นมาพร้อมกับนโยบายและแนวปฏิบัติ เพื่อสนับสนุนและปกป้องสุขภาพร่างกายและอารมณ์ของพนักงาน ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 “ดิฉันภูมิใจในทีมงานของเราที่มีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนวัตถุประสงค์ทางธุรกิจผ่านความเชื่อหลักของเรา ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตที่สร้างสรรค์ของเรา ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า หรือเป็นผู้นำความพยายามด้านความยั่งยืน และเพื่อนร่วมงานช่วยสร้างความแตกต่าง! พวกเราทีมผู้นำของประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่วัฒนธรรมที่เป็น high-performing culture โดยมุ่งเน้นอย่างชัดเจนในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนร่วมงาน สภาพแวดล้อมที่ครอบคลุม ตลอดจนการจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะยังคงมีลำดับความสำคัญหลักที่เหลืออยู่ไม่กี่ประการ หากต้องการชนะในตลาด เราต้องชนะในสถานที่ทำงานด้วย” กุลปรียา พุทธฤดีสุข ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยของ Zoetis Thailand กล่าว

เกี่ยวกับโปรแกรม BEST PLACES TO WORK

Best Places to Work คือโปรแกรมการรับรองระดับสากล ซึ่งถือเป็น 'มาตรฐานระดับแพลตินัม' ในการระบุและการยอมรับในสถานที่ทำงานชั้นนำทั่วโลก เปิดโอกาสให้นายจ้างได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความผูกพันและความพึงพอใจของพนักงานและให้เกียรติผู้ที่ส่งมอบความโดดเด่นในประสบการณ์การทำงานที่มีมาตรฐานสูงสุดในสภาพแวดล้อมของการทำงาน เข้าร่วมชุมชนของเราบน LinkedInTwitter, และ Facebook

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ www.bestplacestoworkfor.org

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210524005316/en/

ติดต่อ:

Maria Mercedes
maria@bestplacestoworkfor.org
+65 3159 1167

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

BRANDSTARS ประกาศตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยมปี 2564

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–07 พฤษภาคม 2564

คณะกรรมการคัดเลือกของ BRANDSTARS ได้เลือกแบรนด์อุตสาหกรรมที่ดีที่สุดของประเทศเกาหลีเพื่อรับรางวัลตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยม (Korea Representative Brand) ปี 2564

ในแต่ละปี นอกเหนือจากการประกาศรายชื่อแบรนด์ที่ได้รับเลือกผ่านสื่อรายใหญ่ของจีนและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียแล้ว ยังมีการจัดงานเพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ รวมถึงเพิ่มมูลค่าแบรนด์ให้กับบริษัทนั้น ๆ ด้วย

แบรนด์เกาหลีแบ่งหมวดหมู่ตามขนาดธุรกิจ ได้แก่ เล็ก กลาง ใหญ่ และมีการประเมินโดยทั้งสื่อและผู้บริโภคอย่างรอบด้าน ตามด้วยการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญในรอบสุดท้าย ก่อนที่จะมีการประกาศตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยมสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม

สำหรับแต่ละอุตสาหกรรม Samsung Galaxy จาก Samsung Electronics (สมาร์ทโฟน), Genesis จาก Hyundai Motor (รถยนต์), Whisen จาก LG Electronics (เครื่องปรับอากาศ), ห้างสรรพสินค้า Shinsegae (ช้อปปิ้ง), SSG.COM (ช้อปปิ้งออนไลน์), SKT 5GX (เครือข่าย 5G), Bacchus (เครื่องดื่มชูกำลัง), agabang (เสื้อผ้าเด็ก), และ Terra จาก HITEJINRO (เบียร์) ได้รับเลือก ขณะที่ในหมวดความบันเทิง BTS (กลุ่มเคป็อป) ได้รับเลือก

สำหรับหมวดแบรนด์ความงาม illiyoon จาก Amorepacific (เวชสำอาง), The History of Whoo จาก LG Household and Health Care (เวชสำอางศาสตร์ตะวันออก), Olive Young (ร้านสินค้าความงาม) และ Goun-bal จาก Well-Being Health Pharm (ผลิตภัณฑ์ดูแลเท้า) ได้รับเลือก

แบรนด์อาหารเกาหลียอดเยี่ยมที่ได้รับเลือก ได้แก่ Paris Baguette (เบเกอรี่), bibigo (อาหารสำเร็จรูป), Binggrae Banana Flavored Milk (นม), Buldak-bokkeum-myeon (ราเมนรสเผ็ด), Chapaghetti (จาจังราเมน), MAMACOOK (ร้านกับข้าว) และ Baunenajoogomtang (ซุปกระดูกเนื้อ)

LF HAZZYS (เสื้อผ้าลำลอง) และ FILA (เสื้อผ้ากีฬา) ได้รับเลือกในหมวดแฟชันเกาหลี ขณะที่ ASAN Medical Center (ศูนย์บริการตรวจสุขภาพ) และ CheongKwanJang (โสมแดง) ได้รับเลือกในหมวดการดูแลสุขภาพ Jeju (เมืองท่องเที่ยว) และ Seoul Kwangjang Market (การท่องเที่ยวเชิงอาหาร) ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนแบรนด์ยอดเยี่ยมด้านการท่องเที่ยวของเกาหลี

ในส่วนบริษัทภายใต้เครื่องหมาย Brand K อื่น ๆ NEO Safe Guard KF94 Mask (มาส์ก), New Wrap (เครื่องครัว) และ Speedrack (เฟอร์นิเจอร์แบบ DIY) ได้รับเลือก

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ Samsung Electronics, Hyundai Motors, LG Electronics, Shinsegae Department Store, Bacchus, agabang, HITEJINRO, BTS, LG Household and Health Care, Amorepacific, Olive Young, Paris Baguette, MAMACOOK, bibigo, Buldak-bokkeum-myeon, Baunenajoogomtang, CheongKwanJang, FILA, Well-Being Health Pharm และ Jeju ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายังคงเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคปรารถนาจากการได้รับเลือกต่อเนื่องกันสองปีซ้อน

หนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือกของ BRANDSTARS กล่าวว่า “ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ที่ยืดเยื้อ แบรนด์เกาหลีที่มีประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของโลก ศักยภาพทางด้านการออกแบบ และความปลอดภัยกลับกำลังเติบโตสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก เป้าหมายของเราคือการได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับผู้บริโภค ด้วยการประกาศรายชื่อตัวแทนแบรนด์เกาหลียอดเยี่ยม ปี 2564 ผ่านทางสื่อทั้งในเกาหลี จีน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ติดต่อ:

คณะกรรมการคัดเลือก BRANDSTARS
KJ.Kim
+82-2-544-0153
brandstars@daum.net
http://brandstars.kr/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการบริการด้านสิ่งแวดล้อมในอาเซียนเปิดโอกาสให้การค้าระหว่างประเทศในการบริการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวโดยศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–6 พฤษภาคม 2564

ภูมิภาคอาเซียนได้มองเห็นการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์สำหรับการบริการด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการเติบโตของประชากรและการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว รวมถึงการจัดการของเสียและน้ำเสีย การลดมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามการศึกษาของศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น และ การส่งเสริมการบริการด้านการค้าในอาเซียน: การค้าในการบริการด้านสิ่งแวดล้อม เผยแพร่แล้ววันนี้ รายงานนี้เป็นฉบับที่สามและฉบับสุดท้ายในชุดของบริการสังคมสามชุดภายใต้ระยะที่สองของโครงการบริการส่งเสริมการค้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210506005504/en/

The report is available for download on AJC website. (Graphic: Business Wire)

สามารถดาวน์โหลดรายงานได้ที่เว็บไซต์ AJC (กราฟิก: Business Wire)

ยอดขายโดยประมาณของบริการด้านสิ่งแวดล้อมผ่านทางการค้าในต่างประเทศ (การส่งมอบบริการโหมด 3) ในอาเซียนอยู่ที่อย่างน้อย 1.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2559 ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากหน่วยงานต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ตามมาด้วยไทยและมาเลเซียตามลำดับ ในทางกลับกันยอดขายโดยประมาณของหน่วยงานอาเซียนที่ให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศอยู่ที่ 383 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง 90% เป็นบริษัทของสิงคโปร์ ในขณะเดียวกันกระแสการลงทุนไปยังบริการด้านสิ่งแวดล้อมในอาเซียนระหว่างปี 2546 ถึง 2560 มีมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยสิงคโปร์ได้รับเงินลงทุนมากที่สุดมูลค่า 948 ล้านดอลลาร์ตามมาด้วยมาเลเซีย เวียดนาม และไทย การลงทุนเน้นไปที่บริการจัดการขยะมูลฝอยและบริการบำบัดน้ำเสีย/สิ่งปฎิกูล

เนื่องจากลักษณะการให้บริการด้านสิ่งแวดล้อมสาธารณะประเภทหลัก ในการเปิดเสรีทางการค้าในการบริการด้านสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับการบริการด้านการค้าอื่นๆ คือการเข้าถึงตลาดบริการและการปฏิบัติต่อประเทศ ในขณะที่ขั้นตอนการออกใบอนุญาตและการอนุมัติเป็นมาตรการด้านกฎระเบียบที่แพร่หลายมากที่สุดเนื่องจากกระบวนการเหล่านี้สามารถใช้ดุลยพินิจได้ในบางประเทศ ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นใหม่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การนำเข้าขยะพลาสติกจากหลายสมาชิกในอาเซียนและปัญหาขยะพลาสติกในทะเลที่เพิ่มขึ้น

เอกสารฉบับนี้แนะนำว่าการค้าที่เสรีสามารถลดต้นทุนการบริการด้านสิ่งแวดล้อมและช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ถูกกว่าหรือทันสมัยกว่าได้ เมื่อพิจารณาถึงลักษณะที่ดีของการบริการด้านสิ่งแวดล้อมสาธารณะ เอกสารแนะนำให้สมาชิกในอาเซียนอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธสัญญา/กิจกรรมที่อยู่ภายใต้การบริการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งเน้นไปที่การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ในภูมิภาค และรวมถึงการบริการด้านสิ่งแวดล้อมไว้ในบทบัญญัติในข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาค ซึ่งไม่ใช่ในกรณีของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่เพิ่งสรุปไป

นอกเหนือจากเอกสารเผยแพร่ฉบับนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานการบริการด้านสิ่งแวดล้อม ศูนย์ฯ ได้ดำเนินโครงการที่เรียกว่า “ปฏิญญาผู้นำแห่งอนาคตว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน – ญี่ปุ่นเกี่ยวกับขยะพลาสติกทางทะเลระหว่างประเทศ” โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียน – ญี่ปุ่นตามที่ระบุไว้ใน “แถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่นครั้งที่ 23 ว่าด้วยความร่วมมือแนวโน้มอาเซียนเกี่ยวกับอินโด – แปซิฟิก (AOIP)” ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 และดำเนินการตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับขยะพลาสติกในทะเลโดยเฉพาะในช่วงปีงบประมาณ 2564 เป็นต้นไป

หากต้องการรับชมและดาวน์โหลดรายงานโปรดไปที่เว็บไซต์ AJC ด้านล่าง
https://www.asean.or.jp/en/trade-info/pst2_papers/

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210506005504/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
TEL: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บริษัท Milliken & Company เผยแพร่รายงานความยั่งยืนขององค์กรประจำปีฉบับที่สาม

Logo

สปาร์ตันเบิร์ก เซาท์แคโรไลนา–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2564

บริษัท Milliken & Company ผู้ผลิตระดับโลกเปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปีฉบับที่ 3 ในชื่อ Together for Tomorrow รายงานนี้ซึ่งวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัท Milliken ด้วยมุมมองของความพยายามด้านความยั่งยืนแบบองค์รวมและได้เน้นย้ำถึงความก้าวไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนในปี 2568 ที่บริษัทกำหนดไว้ในปี 2561 ซึ่งครอบคลุมทั้งผู้คน ผลิตภัณฑ์และโลก รายงานนี้สร้างความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นในขณะที่เชิญชวนให้มีการสนทนาและการทำงานร่วมกันใหม่ ๆ ในฐานะ บริษัทที่ทำงานเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกที่จะอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210422005332/en/

Together for Tomorrow: Milliken's Third Annual Corporate Sustainability Report (Photo: Business Wire)

Together for Tomorrow: รายงานความยั่งยืนขององค์กรประจำปีฉบับที่สามของบริษัท Milliken (ภาพ: Business Wire)

 “เราได้พบเจอกับช่วงเวลาสำคัญของปี 2563 ด้วยกัน” Halsey Cook ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Milliken กล่าวแบ่งปัน “เราหมุนสายการผลิต เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ และรวบรวมทีมของเรา เพื่อปรับปรุงตัวชี้วัดความยั่งยืนของเราใน 10 จาก 12 หมวดกลยุทธ์ โครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนของเรามีแรงผลักดันและกำลังเปลี่ยนแปลงที่เป็นรากฐานธุรกิจของเรา”

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ที่ให้บริการในอุตสาหกรรมเคมี วัสดุปูพื้น สิ่งทอ และการดูแลสุขภาพ ผู้ร่วมงานของบริษัท Milliken จะตรวจสอบและรายงานความก้าวหน้าของบริษัทเป็นประจำทุกปี และการค้นพบของพวกเขาได้กำหนดรูปแบบรายงานนี้ขึ้นมา การจัดให้อยู่แนวเดียวกันเสร็จสมบูรณ์ตามกรอบงานของ Global Reporting Initiative และ Together for Tomorrow พร้อมให้บริการแก่สาธารณะในรูปแบบประสบการณ์ดิจิทัลพร้อมเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้

ในปี 2563 บริษัท Milliken มีความคืบหน้าที่สำคัญในเป้าหมายของโลก ผลิตภัณฑ์และผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  • เพิ่มความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมเข้าด้วยกันเมื่อเผชิญกับความไม่สงบในสังคม;
  • มุ่งเน้นการพัฒนาและกระบวนการผลิตเพื่อช่วยต่อสู้กับ COVID-19 โดยการผลิตชุดคลุมทางการแพทย์ หน้ากากป้องกันใบหน้า และวัสดุปูพื้นซึ่งช่วยในการแยกทางสังคม
  • จัดลำดับความสำคัญด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็น โดยการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเป็นอันดับแรกในระหว่างการระบาด
  • สนับสนุนการอภิปรายเกี่ยวกับการใช้หมุนเวียนของพลาสติกโดยการประชุมผ่านผู้นำทางความคิดโดยมีเป้าหมายเพื่ออธิบายโซลูชันระบบนิเวศที่ใช้งานได้ซึ่งจัดทำโดย National Geographic Creative Works;
  • ลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อกำจัดถ่านหินที่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดของเสีย
  • การเข้าซื้อบริษัท Borchers – การเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันของบริษัท Milliken ซึ่งจะปรับขนาดแพลตฟอร์มสารเคลือบผิวของบริษัทในลักษณะที่ช่วยลดตัวทำละลายและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ
  • เปิดตัว Milliken Leadership Model ซึ่งจะฝึกอบรมผู้ร่วมงานเกี่ยวกับความเป็นผู้นำที่เติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมาย

หากต้องการเยี่ยมชมอุปกรณ์อินเตอร์แอกทีฟฮับและรับชมรายงานฉบับสมบูรณ์คลิกที่นี่

เกี่ยวกับบริษัท Milliken

บริษัท Milliken & Company ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัสดุศาสตร์ ตระหนักดีว่าโมเลกุลเดี่ยวมีศักยภาพที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ด้วยโซลูชั่นที่มีความสร้างสรรค์ในวงการอุตสาหกรรมสิ่งทอ วัสดุปูพื้น เคมีพิเศษ และการดูแลสุขภาพ บริษัท Milliken ตอบโจทย์ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นบริษัทที่ได้รับการเสนอชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกโดยสถาบัน Ethisphere ติดต่อกันถึง 15 ปี บริษัทมีความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ในการนำเสนอโซลูชั่นที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้าและชุมชน โดยมีผู้ร่วมงานกว่าแปดพันคนใน 46 แห่งทั่วโลก โดยเบื้องหลังการชุมนุมที่มีจุดประสงค์ร่วมกัน: เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกหลายยุคสมัย ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดที่น่าสนใจและแรงบันดาลใจในการแก้ไขปัญหาของบริษัท Milliken ได้ที่ milliken.com และบน FacebookInstagram, LinkedIn และ Twitter.

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210422005332/en/

ติดต่อ:

Betsy Sikma
betsy.sikma@milliken.com
864.909.7908

Liz Morris
liz@edit-grp.com
864.918.5196

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย