Category Archives: General News

Novo Nordisk ประเทศไทย ได้รับการรับรองสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน

Logo

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–4 ต.ค. 2564

Novo Nordisk ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีนวัตกรรมและความเป็นผู้นำในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานมายาวนานกว่า 95 ปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานในประเทศไทยทั้งในปี 2563 และ 2564 บริษัทเสนอบริการที่มีรางวัลการันตี มีวัฒนธรรม โอกาสก้าวหน้า การฝึกอบรมและการพัฒนาอาชีพ การให้คำปรึกษาระดับสูง การริเริ่มด้านสุขภาพกายและใจ การริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และผลประโยชน์ในการแข่งขัน ส่งผลบริษัทให้เป็นหนึ่งนายจ้างที่น่าปรารถนาในประเทศไทย จากผลสำรวจของบริษัท พบว่า พนักงานร้อยละ 99 กล่าวว่าที่นี่เป็นที่ทำงานที่ยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับองค์กรไทยทั่วไปที่ได้คะแนนร้อยละ 82

“Novo Nordisk Thailand ให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนและครอบครัวในช่วงการระบาดใหญ่ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ด้วยการสื่อสารที่ชัดเจนทั้งด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วม ไปพร้อม ๆ กับการจัดการการทำงานจากที่บ้านอย่างมีชีวิตชีวา การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นสิ่งที่น่ายกย่องและชื่นชมอย่างมากในช่วงเวลานี้ จิตวิญญาณของทีมไม่เคยล้มเหลวในการสร้างความมั่นใจว่าอุปสรรคทั้งหมดจะได้รับการจัดการอย่างสอดคล้องเหมาะสมกัน พร้อมกับการเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอดทั้งปี” หนึ่งในพนักงานของ Novo Nordisk ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์เอาไว้

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นบริษัทที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน” John Dawber ผู้จัดการทั่วไปของ Novo Nordisk ประจำประเทศไทยกล่าว “ผมรู้สึกซาบซึ้งอย่างแท้จริงกับผลลัพธ์ เมื่อคำนึงว่าเราเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการทำงานในประเทศไทยเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 เราทำงานอย่างหนัก ไปพร้อม ๆ กับการใช้แนวทางที่เป็นระบบเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อให้แน่ใจว่า สภาพแวดล้อมที่เราจัดเตรียมไว้เป็นสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลิน รู้สึกปลอดภัย มีส่วนร่วม และประสบความสำเร็จ แม้ในช่วงเวลาที่ต้อง Work from Home เราให้ความสำคัญกับสถานการณ์ส่วนบุคคลของทีมอย่างใกล้ชิด และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับพนักงานของเราใน สถานการณ์ที่ยากลำบาก”

“ผลตอบรับที่ได้รับจากรางวัล Best Place To Work Award ปีที่แล้ว ถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานของเรา เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถปรับปรุงคะแนนทั้งหมดทั่วทั้ง 8 มิติของแบบสำรวจ เมื่อเทียบกับปี 2563 กุญแจสู่ความสำเร็จของบริษัทของเราคือพนักงานของเรา เราขอขอบคุณพวกเขาที่มีส่วนร่วมอย่างมากต่อวัฒนธรรมองค์กรของเรา สำหรับความไว้วางใจในภารกิจของเรา และข้อเสนอแนะที่ตรงไปตรงมา” Vera Bakirova ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Novo Nordisk ประเทศไทย กล่าว

“แม้จะมีปัญหาจากการระบาดใหญ่ แต่  Novo Nordisk ประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะสามารถส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่น และสร้างคุณูปการเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังได้รับความไว้วางใจจากพนักงานให้ยังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดสถานที่ทำงานในประเทศไทย”

เกี่ยวกับโครงการสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด

Best Places To Work หรือ โครงการสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด เป็นโครงการการรับรองระดับโลกที่รับรองสถานที่ทำงานชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก การประเมินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราจะวิเคราะห์ความน่าดึงดูดใจของบริษัทผ่านกระบวนการสองขั้นตอนโดยเน้นที่ปัจจัยในที่ทำงาน 8 ประการ ได้แก่ วัฒนธรรม ความเป็นผู้นำ โอกาสในการเติบโต และการปฏิบัติของบุคลากร นอกจากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานแล้ว เรายังดำเนินการประเมินด้านทรัพยากรบุคคลโดยมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติด้านทรัพยากรบุคคลในองค์กรโดยเทียบกับมาตรฐานกรอบงานบุคลากรของเราที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้ที่อยู่ในระดับชั้นนำของตลาด และนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  www.bestplacestoworkfor.org

ติดต่อสำหรับสื่อ: Grace Kelly

อีเมล: grace@bestplacestoworkinasia.com

โทร: +65 3159 1167

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ผนึกกำลังกับ Equal Rights Trust เพื่อบุกเบิกการวิจัยเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในอัลกอริทึมและเอไอ

Logo

ดัลลาส–(บิสิเนสไวร์)–04 ต.ค. 2564

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านการส่งเสริมเพศหญิงได้ประกาศความร่วมมือกับ Equal Rights Trust (ERT) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีภารกิจในการกำจัดการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบและสร้างความมั่นใจว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน  Trust ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาความเท่าเทียมผ่านกฎหมายทั่วโลก ในการร่วมมือครั้งนี้ Mary Kay Inc. จะช่วยให้ ERT ริเริ่มการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอและอัลกอริธึมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ผ่านเลนส์ตามเพศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211004005308/en/

Equal Rights Trust logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Equal Rights Trust (ภาพกราฟิก: Mary Kay Inc.)

“ในฐานะบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นด้วยพันธกิจในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงทุกที่ Mary Kay มองหาองค์กรต่างๆ ที่เราสามารถร่วมมือด้วยเสมอเพื่อสร้างผลกระทบต่อความเท่าเทียมทางเพศทั่วโลก” Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สนับสนุน Equal Rights Trust ในงานของพวกเขาที่จะช่วยพัฒนาความเท่าเทียมด้วยการออกแบบและก้าวไปข้างหน้าสู่ความร่วมมือกับภาคเอกชน  การทำงานของเรากับ ERT มุ่งเน้นเฉพาะในการวางกรอบภูมิทัศน์ใหม่ของปัญญาประดิษฐ์และความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นในยุคดิจิทัล”

การสนับสนุน ERT ของ Mary Kay จะเป็นผู้บุกเบิกด้านการวิจัยใหม่เกี่ยวกับผลกระทบจากการเลือกปฏิบัติของระบบอัลกอริธึมที่ ERT ได้พัฒนาและส่งเสริมแบบจำลองของการประเมินผลกระทบความเท่าเทียมกัน โดยสนับสนุนแนวทาง “ความเท่าเทียมโดยการออกแบบ” ในการตัดสินใจภาครัฐและเอกชนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติและความเท่าเทียมกันในการมีส่วนร่วม  ลำดับที่สำคัญที่สุดคือการเปิดตัวความคิดริเริ่มเพื่อสร้างและจัดการกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติของการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ

“การใช้อัลกอริธึมและปัญญาประดิษฐ์กำลังแพร่กระจาย” Ariane Adam รองผู้อำนวยการ Equal Rights Trust กล่าว “เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิเคราะห์ การสื่อสาร และแม้กระทั่งกฎหมายสำหรับสังคมของเราอย่างรวดเร็ว  แม้ว่าระบบดังกล่าวจะแพร่หลายไปทั่วโลก แต่เราเพิ่งเริ่มเข้าใจข้อบกพร่อง ข้อจำกัด และขอบเขตของการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเลือกปฏิบัติ เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay ในการให้ความกระจ่างเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดการเลือกปฏิบัติจากการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง”

การส่งมอบความคิดริเริ่มสามารถแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน:

  • ระยะที่ 1: การวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นใหม่ของการใช้อัลกอริทึมในการตัดสินใจในด้านการจ้างงาน การเข้าถึงสินเชื่อและการเข้าถึงที่อยู่อาศัย รวมถึงการมุ่งเน้นที่ผลกระทบของผู้หญิงในฐานะกลุ่มที่ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในบริบทเหล่านี้โดยเฉพาะ
  • ระยะที่ 2: การมีส่วนร่วมกับผู้มีบทบาทที่หลากหลายเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสนับสนุนเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมกันโดยแนวทางการออกแบบ การพัฒนา การเปิดตัว และการเฝ้าติดตามเทคโนโลยี AI
  • ระยะที่ 3: มีส่วนร่วมกับผู้มีบทบาทระดับนานาชาติ ระดับภูมิภาค และระดับชาติในการกำหนดมาตรฐานที่กำหนดความเท่าเทียมกันด้วยแนวทางการออกแบบ

การเป็นพันธมิตรกับ Equal Rights Trust เป็นเพียงความคิดริเริ่มล่าสุดที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ในปี 2564 เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในทุกที่ เป็นเวลาเกือบ 60 ปีที่ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสตรีและครอบครัวโดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลก

เกี่ยวกับ EQUAL RIGHTS TRUST

Equal Rights Trust เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับนานาชาติที่มีขึ้นเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติและรับรองว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน  เพื่อให้บรรลุภารกิจนี้ องค์กรได้ทำงานร่วมกับผู้ปกป้องความเท่าเทียม – องค์กรภาคประชาสังคม (CSO) นักกฎหมาย ผู้แทนรัฐบาล และอื่นๆ ที่มุ่งมั่นที่จะใช้กฎหมายเพื่อสร้างโลกที่เท่าเทียม โดยให้การสนับสนุนด้านเทคนิค กลยุทธ์ และการปฏิบัติที่จำเป็นแก่พวกเขา การทำงานเพื่อการยอมรับและการดำเนินการตามกฎหมายความเท่าเทียมกันที่ครอบคลุม  ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เราได้สนับสนุนผู้ปกป้องความเสมอภาคในเกือบ 50 ประเทศ ขณะที่พัฒนาฉันทามติในระดับสากลเกี่ยวกับความจำเป็นและเนื้อหาของกฎหมายความเท่าเทียมกันที่ครอบคลุม เรียนรู้เพิ่มเติมที่ equalrightstrust.org

เกี่ยวกับ MARY KAY

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม และการร่วมมือกับองค์กรทั่วโลกเพื่อสร้างผลกระทบทางสังคมที่ดี  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก   เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211004005308/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Johns Manville ต่ออายุคำมั่นสัญญาเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า โดยการตั้งเป้าหมายปี 2568 ในรายงานความยั่งยืนฉบับใหม่

Logo

เดนเวอร์–(BUSINESS WIRE)–1 ต.ค. 2564

Johns Manville (JM) ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานและวัสดุพิเศษทางวิศวกรรม และบริษัท Berkshire Hathaway เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2021 ในวันนี้ โดยรายงานฉบับที่เจ็ดของ JM สื่อสารถึงความมุ่งมั่นในแนวทางที่สมดุลซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริษัท สามารถหาดูรายงานได้ที่ www.jm.com/sustainability

“JM ยังคงเดินหน้าสู่ความยั่งยืนด้วยความตั้งใจและคำมั่นสัญญาที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า” Bob Wamboldt ประธานและซีอีโอกล่าว “การมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนของเราช่วยเสริมค่านิยมหลักของเราในด้าน People, Passion, Perform and Protect ซึ่งช่วยให้เราขับเคลื่อน JM Experiences ในเชิงบวกและอย่างทรงพลังให้กับพนักงาน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ของเรา”

รายงานฉบับใหม่นี้มีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับความคืบหน้าเทียบกับเป้าหมายความยั่งยืนประจำปี 2563 ของ JM และแนะนำเป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 ในกรอบการทำงานสากลแบบใหม่

“เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดทั่วโลก ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตอกย้ำว่า เหตุใดความยั่งยืนจึงมีความสำคัญมาก” Tim Swales รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีกล่าว “กรอบการทำงานด้านความยั่งยืนใหม่ของเรามีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อโลกโดยการลดการสร้างและการฝังกลบของเสียอย่างมีนัยสำคัญ ขยายการสนับสนุนพนักงานทั่วโลกของเราเน้นไปที่ความปลอดภัย การใส่ใจด้านความหลากหลาย ความครอบคลุมอย่างถ้วนหน้า และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้นสำหรับอนาคตที่ปลอดคาร์บอน ”

รายงานปี 2564 ได้รับการพัฒนา ให้เป็นไปตาม ตัวเลือกหลักของมาตรฐานการรายงานความยั่งยืนของ GRI (GRI Sustainability Reporting Standards Core option) และผ่านการตรวจสอบโดยบริการการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญของ GRI หรือ GRI’s Materiality Disclosures Service

เกี่ยวกับ Johns Manville

Johns Manville บริษัทในเครือ Berkshire Hathaway (NYSE: BRK.A, BRK.B) เป็นผู้ผลิตชั้นนำและผู้ทำการตลาดผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียมสำหรับฉนวนกันความร้อนในอาคาร ฉนวนเชิงกล หลังคาเชิงพาณิชย์และฉนวนหลังคา ตลอดจนเส้นใยและผ้าไม่ถักไม่ทอสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย JM ให้บริการในตลาดต่างๆ ซึ่งรวมถึงการบินและอวกาศ ยานยนต์และการขนส่ง การจัดการอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า HVAC ท่อและอุปกรณ์ การกรอง การกันน้ำ อาคาร พื้น การตกแต่งภายใน และพลังงานลมในธุรกิจตั้งแต่ปี 2401 บริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเดนเวอร์มียอดขายต่อปีมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์และดำรงตำแหน่งผู้นำในตลาดสำคัญทั้งหมดที่ให้บริการ Johns Manville มีพนักงาน 8,000 คน และมีโรงงานผลิต 46 แห่งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jm.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210930006002/en/

ติดต่อ:

Eric Brown

+1-303-809-2853

Eric.Brown@JM.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

JSSI แต่งตั้ง Trevor Merszei ให้เป็นรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำเอเชียแปซิฟิก

Logo

ชิคาโก-(BUSINESS WIRE)–27 ก.ย. 2564

Jet Support Services, Inc. (JSSI) ผู้ให้บริการอิสระชั้นนำด้านการสนับสนุนการบำรุงรักษาและบริการทางการเงินแก่อุตสาหกรรมการบินเพื่อธุรกิจ ได้แต่งตั้ง Trevor Merszei ให้เป็นรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210926005017/en/

JSSI appoints Trevor Merszei vice president of business development for APAC. (Photo: Business Wire)

JSSI แต่งตั้ง Trevor Merszei ให้เป็นรองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำ APAC (ภาพ: Business Wire)

Merszei นำประสบการณ์กว่า 14 ปีในด้านการขาย การตลาด และความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูงมาสู่ตำแหน่ง บทบาทของเขาในประเทศไทยจะเน้นไปที่การเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับข้อเสนอที่สำคัญ ๆ ของบริษัทในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึง Conklin & de Decker, JSSI Advisory Services, JSSI Parts & Leasing และซอฟต์แวร์ติดตามการบำรุงรักษา SierraTrax

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Trevor เข้าสู่ทีมของเราในเอเชียแปซิฟิก เนื่องจาก JSSI ยังคงขยายชุดบริการไปยังเจ้าของเครื่องบินและผู้ให้บริการต่อไป” Mark Winzar รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ JSSI สำหรับ EMEA และ APAC กล่าว “ความเป็นผู้นำและความรู้ด้านการตลาดเชิงลึกของเขาจะมีคุณค่าอย่างยิ่งในยุคหลังโควิด โดยไม่เพียงแต่ช่วยสนับสนุนผู้เข้ามาใหม่ในภาคธุรกิจของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลูกค้าที่มีอยู่แล้วภายในภูมิภาคด้วย”

“ผมภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ JSSI ในขณะที่บริษัทยังคงเพิ่มพูนประสบการณ์การเป็นเจ้าของเครื่องบินด้วยผลิตภัณฑ์และบริการในระดับนวัตกรรมใหม่เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเราทั่วทั้งภูมิภาคนี้ ผมเห็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นมากมายที่รออยู่ข้างหน้าสำหรับเราในการสนับสนุนเจ้าของและผู้ให้บริการในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตของเครื่องบิน” Merszei กล่าวเสริม

ด้วยภูมิหลังทางอาชีพที่ไม่เหมือนใครตั้งแต่การเล่นสโนว์บอร์ดแบบมืออาชีพ ไปจนถึงการแสดงซิทคอม ล่าสุด Merszei ดำรงตำแหน่งซีอีโอที่ OrientSKYs ซึ่งเป็นบริษัทเช่าเหมาลำเครื่องบินเจ็ตในกรุงเทพฯ ซึ่งเขามีหน้าที่ดูแลการเข้าซื้อกิจการที่มีชื่อเสียง ซึ่งรวมถึง Gulfstream G650 มือสองคันแรกของโลก และ เครื่องบินเจ็ทโบอิ้งระดับธุรกิจของเอกชนรายแรกในประเทศไทย

เกี่ยวกับ Jet Support Services, Inc.

เป็นเวลากว่า 30 ปี ที่ Jet Support Services, Inc. (JSSI) เป็นผู้ให้บริการอิสระชั้นนำด้านการสนับสนุนการบำรุงรักษาและบริการทางการเงินแก่อุตสาหกรรมธุรกิจการบิน JSSI มีหน้าที่รับผิดชอบในการบำรุงรักษาเครื่องบินไอพ่นธุรกิจ เครื่องบินไอพ่นประจำภูมิภาค และเฮลิคอปเตอร์มากกว่า 2,000 ลำทั่วโลก และให้บริการลูกค้าผ่านโครงสร้างพื้นฐานของที่ปรึกษาด้านเทคนิคที่ผ่านการรับรอง JSSI ใช้ประโยชน์จากความรู้ทางเทคนิค ประสบการณ์ กำลังซื้อ และข้อมูล เพื่อสนับสนุนในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตเครื่องบิน ตั้งแต่การจัดหาเครื่องบินไปจนถึงการรื้อถอนและแยกชิ้นส่วนเครื่องบิน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ jetsupport.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210926005017/en/

ข้อมูลติดต่อ

Chiara Lawrance / Ali Gibson / Jane Lindsay

8020 ฝ่ายติอต่อสื่อสาร

+44 (0) 1483 447380

JSSI@8020comms.com

Tom Morton

JSSI

+1 312.644.8779

tmorton@jetsupport.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

KUNIHIKO HIRABAYASHI ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2564

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) มีความยินดีที่ได้ประกาศแต่งตั้งคุณ Kunihiko Hirabayashi เป็นเลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียว ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210924005103/en/

Mr. Kunihiko Hirabayashi, the Secretary General of the AJC (Photo: Business Wire)

Kunihiko Hirabayashi เลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (ภาพ: Business Wire)

คุณ Hibayashi เป็นอดีตหัวหน้าที่ปรึกษาระดับภูมิภาคด้านสุขภาพขององค์การยูนิเซฟ สำนักงานภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและเป็นตัวแทนสำนักงานภูมิภาคขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) มานานกว่า 18 ปี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2546 ถึง สิงหาคม 2564 ก่อนหน้านั้น เขาทำงานให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่โรงพยาบาลในประเทศกำลังพัฒนามาประมาณ 10 ปี ด้านการศึกษา เขาได้รับปริญญาเอก สาขาสรีรวิทยาและการแพทย์ จากมหาวิทยาลัย Tsukuba จังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น

คุณ Hirabayashi อุทิศชีวิตการทำงานมากว่า 40 ปีเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้คนและเด็ก ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกลุ่มประเทศอาเซียน โดยรับฟังอย่างจริงใจในเสียงของผู้มีอำนาจตัดสินใจต่าง ๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ครูผู้สอน ผู้นำธุรกิจและชุมชน ผู้ประกอบการเพื่อสังคม และผู้นำทางความคิดรุ่นเยาว์ ตลอดจนเสียงของผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงซึ่งเปราะบางและถูกกีดกันมากที่สุด เช่น ผู้พลัดถิ่น ผู้ลี้ภัย และคนพิการ เขาได้ใช้เวลาลงพื้นที่ในประเทศเหล่านั้นอีกด้วย

คุณ Hirabayashi กล่าวว่า “ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นมีประวัติความเป็นเลิศมาเป็นเวลา 40 ปีในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างประเทศประเทศสมาชิกอาเซียนกับญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนประชาชน ศูนย์แห่งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่มีความมุ่งมั่นและความกระตือรือร้น ซึ่งกำลังทุ่มเทความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขยายและกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับญี่ปุ่นให้ลึกซึ้ง ผมจะทำหน้าที่สำคัญในการรื้อปรับระบบของศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่นแห่งนี้ และจะรับผิดชอบต่ออนาคตที่ยั่งยืน บูรณาการ สันติสุข และมั่นคงสำหรับผู้คนในประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นผ่านการทำงานร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานที่ไว้วางใจได้

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC)

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) เป็นองค์การระหว่างรัฐบาลที่ก่อตั้งโดยประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นในปี 2524 โดยทำหน้าที่ส่งเสริมการส่งออกจากประเทศสมาชิกอาเซียนไปยังญี่ปุ่น พร้อมฟื้นฟูการลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประชาชนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับญี่ปุ่น
ลิงก์: https://www.asean.or.jp/en/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210924005103/en/

ติดต่อ:

หน่วยประชาสัมพันธ์ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
Tomoko Miyauchi (MS)
ลิงก์: https://www.asean.or.jp/en/
โทร: +81-3-5402-8118
อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Women’s Entrepreneurship Accelerator ฉลองครบรอบปีที่สองโดยประกาศความคิดริเริ่มที่มีผลกระทบเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ประกอบการสตรี

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2564

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์แบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่จัดตั้งขึ้นโดยหน่วยงานของสหประชาชาติ 5 แห่งและ Mary Kay Inc. ในวันนี้ได้ฉลองครบรอบปีที่สองด้วยการประกาศความคืบหน้าในหลายโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อส่งผลกระทบต่อผู้หญิง 5 ล้านคนทั่วโลกภายในปี 2573 โปรแกรมและผลิตภัณฑ์องค์ความรู้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ WEA ในการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาอย่างสูงสุดของผู้ประกอบการสตรีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่สี่ของปีนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210923005313/en/

Women’s Entrepreneurship Accelerator logo (Graphic: WEA)

โลโก้ Women’s Entrepreneurship Accelerator (กราฟิก: WEA)

“เมื่อสองปีที่แล้ว Accelerator มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสตรีสามารถเริ่มต้นและขยายธุรกิจของตนเพื่อเร่งความก้าวหน้าสู่ความเท่าเทียมของผู้หญิง” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “วันนี้เราตื่นเต้นที่จะรายงานความคืบหน้าตามคำมั่นสัญญานั้นและแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ไม่เหมือนใครทั้ง 5 หน่วยงานของสหประชาชาติและภาคเอกชนสามารถมีได้เมื่อทำงานร่วมกัน โปรแกรมเหล่านี้แสดงถึงขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมสู่การเปลี่ยนแปลงระบบซึ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมสภาพแวดล้อมของการเติบโต ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นสำหรับผู้ประกอบการสตรี”

โปรแกรมเชิงกลยุทธ์ซึ่งทั้งหมดกำหนดขึ้นโดยมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องเพศที่มีลักษณะเฉพาะ เป็นผลลัพธ์ร่วมกันของความร่วมมือระหว่างองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ด้วยการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์และการระดมทุนของ Mary Kay

  • เครื่องมือและการฝึกอบรมสร้างขีดความสามารถดิจิทัล

ในความร่วมมือกับ ITC SheTrades โครงการ Accelerator จะนำเสนอหลักสูตรที่มีคำแนะนำเสริมด้วยการฝึกอบรมภาคสนามสำหรับผู้หญิงจากประเทศกำลังพัฒนาที่สนใจในการเป็นผู้ประกอบการและ/หรือวางแผนที่จะรวมเข้ากับห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาคและระดับโลก เซสชั่นการฝึกอบรมในประเทศปี 2564 จะเกิดขึ้นจริงในบราซิล โคลอมเบีย อินเดีย และเม็กซิโก

หลักสูตรออนไลน์เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการมีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนผู้ประกอบการสตรีให้มีทักษะในการออกแบบและจัดตั้งธุรกิจที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจ ด้วยโมดูลอินเทอร์แอคทีฟ 27 โมดูลที่ครอบคลุมเจ็ดขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาธุรกิจและอัดแน่นไปด้วยวิดีโอมากกว่า 200 รายการ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีนำวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการ พัฒนาแนวคิดผ่านการคิดเชิงออกแบบและวิธีการเริ่มต้นแบบของลีนสตาร์ทอัพ เตรียมเครื่องมือที่ช่วยออกแบบโมเดลธุรกิจผ่านปัจจัยทั้ง 9 ด้าน ออกแบบสำนวนการขาย ระบุแหล่งเงินทุน ค้นหาพันธมิตรที่เหมาะสม ให้คำปรึกษา สร้างทีม และจัดตั้งธุรกิจของพวกเขา

หลักสูตรนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้ทุกคนโดยไม่มีขีดจำกัดในการเข้าร่วม และผู้เข้าร่วมจะได้รับใบรับรองเมื่อจบหลักสูตร

หลักสูตร Women's Entrepreneurship Accelerator ITC SheTrades จะค่อย ๆ เผยแพร่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2564 ในภาษาอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส และจะมีภาษาอาหรับ รัสเซีย และจีนกลางในปี 2565 โดยจะสามารถเข้าถึงได้บนเว็บไซต์ Accelerator และโดยตรงบนพื้นที่การเรียนรู้เสมือนจริงของ ITC SheTrades และแอพมือถือที่จะเริ่มตุลาคม 2564

  • การวิจัยผู้ประกอบการ

ตามวัตถุประสงค์ของ WEA สำหรับปี 2563-2564 ILO มุ่งเน้นที่การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีในเม็กซิโกและบราซิล ในเม็กซิโก WEA และ ILO จะเปิดเผยผลการวิจัยจากการประเมินกรอบการทำงานที่ส่งผลต่อการพัฒนาผู้ประกอบการสตรี

การศึกษานี้เป็นภาคส่วนเฉพาะสำหรับการค้าและอุตสาหกรรมในเมืองเม็กซิโกซิตี้ และได้รับผลกระทบของโควิด-19 การประเมินประกอบด้วยชุดคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้สำหรับสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยที่มากขึ้น ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรระดับชาติ รวมถึงสมาคมนายจ้าง หอการค้า และสมาคมผู้ประกอบการสตรีเพื่อให้มั่นใจในความเป็นเจ้าของและความยั่งยืนของชาติ

ในบราซิลผ่านทาง WEA โดย ILO กำลังร่วมมือกับ SENAI ผู้นำระดับชาติด้านการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีและส่งเสริมการเจรจาบนพื้นฐานในผลการประเมินของ WED ที่ดำเนินการในกรอบการทำงานของโครงการ Win-Win ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป โปรแกรมการประชุมระดับชาติและระดับภูมิภาค สัมมนา การฝึกอบรม และแคมเปญการสื่อสารได้ถูกรวบรวมไว้เพื่อสร้างและรวมแรงผลักดันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการสตรี

  • การสนับสนุนและฝึกอบรมการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อเพศสภาพ (GRP)

การจัดซื้อจัดจ้างโดยคำนึงถึงเพศสภาพ (GRP) อาจส่งผลกระทบในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ และมีส่วนสนับสนุนการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรี ในทั่วโลกหนึ่งในสามของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่เป็นเจ้าของโดยผู้หญิง1 แต่ผู้หญิงก็ยังชนะเพียง 1% ของค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทขนาดใหญ่และรัฐบาล2

Women's Entrepreneurship Accelerator เข้าร่วมในการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม หรือ Generation Equality Forum ในปารีส (30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม) ผ่านโปรแกรม “Drivers of Change” ซึ่งจัดเป็นเสวนาในหัวข้อ “Building a Transformative Strategy for Gender-Responsive Procurement” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรอบด้าน อุปสรรคที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกันของการเป็นผู้ประกอบการสตรีและเพื่อส่งเสริม GRP

ผลงานหลักของ UN Women ต่อสายงาน GRP ของโครงการ Accelerator ในปี 2564 ได้แก่ การจัดตั้ง Business Case for GRP ผ่านการเปิดตัวชุมชนแห่งการปฏิบัติ (CoP) ในเดือนกรกฎาคม โดยร่วมมือกับ UN Global Compact เพื่อดึงดูดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาคเอกชน

UN Women ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก UN Global Compact กำลังดำเนินการสำรวจทั่วโลกเกี่ยวกับ GRP ในทุกภาคส่วน UN Women กำลังสัมภาษณ์บริษัทและองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 50 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกับการตอบแบบสำรวจแล้ว จะส่งผลให้เกิดกรณีศึกษาและเครื่องมือสนับสนุนตามหลักฐานเพื่อเน้นกรณีธุรกิจของ GRP เครื่องมือสนับสนุนจะเผยแพร่ภายในเดือนธันวาคม 2564 และจะสนับสนุน WEA เพื่อสนับสนุนโปรแกรมริเริ่มที่สำคัญที่สุดของ UN Women “กระตุ้นโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้ประกอบการสตรี”

ในเดือนธันวาคม UN Women Europe และ Central Asia (ECA) จะเปิดตัวโปรแกรมนำร่องขั้นต้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของทั้งผู้ประกอบการสตรีและภาคเอกชนโดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการสตรี: (1) การสร้างขีดความสามารถในการจัดซื้อจัดจ้างของผู้ประกอบการสตรีเพื่อโอกาสในการแข่งขันการประมูลกับภาครัฐและภาคเอกชน (2) เสริมสร้างขีดความสามารถของหน่วยงานภาคเอกชนจากทุกภาคส่วนในการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติ และการออกแบบความคิดริเริ่มในการจัดซื้อจัดจ้างและการลงทุนที่ตอบสนองต่อเพศสภาพ

การประกาศของโครงการ Accelerator เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญของโปรแกรมเหล่านี้เป็นเพียงขั้นตอนล่าสุดที่ดำเนินการโดยหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการประกอบการในฐานะแรงผลักดันที่สำคัญในการพัฒนาความเสมอภาคของผู้หญิงในปี 2564 และปีต่อ ๆ ไป

ที่การประชุม Generation Equality Forum ในกรุงปารีส โครงการ Accelerator ได้ประกาศความมุ่งมั่นในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิง 5 ล้านคนภายในสิ้นปี 2573 และสร้างระบบนิเวศสำหรับการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของผู้หญิงที่ส่งเสริมการเติบโต ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นสำหรับผู้ประกอบการสตรี

ในวันที่ 28 กันยายน โครงการ Accelerator จะจัดงานเสมือนจริงในหัวข้อ “Joining Forces to Drive Change” ซึ่งจะเรียกผู้บริหารระดับสูงของ ILO, ITC, UNDP, UNGC และ UN Women โดยมีคำปราศรัยเบื้องต้นจาก Mary Kay ซึ่งจัดขึ้นในช่วง UNGA 76 เพื่อฉลองครบรอบ 2 ปีของ WEA งานระดับสูงจะเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในระบบนิเวศของผู้ประกอบการสตรีได้ฟังจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในหัวข้อต่อไปนี้: ความเสมอภาคทางเพศและการเสริมอำนาจของผู้หญิง การสนับสนุนทางเศรษฐกิจและสังคมของผู้ประกอบการผู้หญิง นโยบายและแนวปฏิบัติที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งสามารถนำไปใช้และทำซ้ำได้ทั่วโลกเพื่อสนับสนุนความเป็นผู้นำของผู้หญิงในธุรกิจ ลงทะเบียนและสอบถามข้อมูลอื่น ๆ คลิกที่นี่

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Women's Entrepreneurship Accelerator และผลงานที่ทำตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อสองปีที่แล้ว กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ we-accelerate.com

เกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่จัดตั้งขึ้นระหว่าง UNGA 74 โดยหน่วยงานของสหประชาชาติห้าแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay Inc. จะเพิ่มพลังให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate. ติดตามเราได้ที่: Twitter (We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ International Labour Organization

The International Labour Organization หรือ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เป็นหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติที่จัดตั้งขึ้นในปี 2462 หลังจากเกิดสงครามทำลายล้าง เพื่อดำเนินตามวิสัยทัศน์ตามสมมติฐานที่ว่าสันติภาพที่เป็นสากลและยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมทางสังคม เป้าหมายหลักของ ILO คือการส่งเสริมสิทธิในการทำงาน ส่งเสริมโอกาสการจ้างงานที่เหมาะสม ส่งเสริมการคุ้มครองทางสังคม และเสริมสร้างการเจรจาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับงาน โครงสร้างไตรภาคีที่เป็นเอกลักษณ์ของ ILO นั้นให้เสียงที่เท่าเทียมกันแก่คนงาน นายจ้าง และรัฐบาล เพื่อให้แน่ใจว่าความคิดเห็นของหุ้นส่วนทางสังคมจะสะท้อนให้เห็นอย่างใกล้ชิดในมาตรฐานแรงงานและในการกำหนดนโยบายและแผนงาน

โครงการพัฒนาผู้ประกอบการสตรีของ ILO (ILO-WED) เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และดำเนินการมาเกือบสองทศวรรษแล้ว ILO-WED ทำงานเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงโดยดำเนินการยืนยันเพื่อสนับสนุนสตรีที่เพิ่งเริ่มต้น กำหนดรูปแบบและขยายวิสาหกิจของตนเอง และโดยการนำประเด็นความเท่าเทียมทางเพศมาผสมผสานเข้ากับงานของ ILO ในการพัฒนาองค์กร เว็บไซต์: www.ilo.org | Twitter – @ILOWED | Facebook – ILO WED (@International Labour Organization)

เกี่ยวกับ International Trade Centre

ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ หรือ International Trade Centre (ITC) เป็นหน่วยงานร่วมของ World Trade Organization and the United Nations หรือ องค์การการค้าโลกและสหประชาชาติ ITC ช่วยวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อมในระบบเศรษฐกิจกำลังพัฒนาและช่วงเปลี่ยนผ่านให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนภายในกรอบของวาระ Aid-for-Trade และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

โครงการ SheTrades Initiative ของ ITC ตั้งเป้าที่จะเชื่อมโยงผู้ประกอบการสตรีและธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของสามล้านคนเข้ากับตลาดต่างประเทศภายในปี 2564 SheTrades ทำงานร่วมกับรัฐบาล บริษัท และองค์กรสนับสนุนธุรกิจเพื่อทำการวิจัย กำหนดนโยบายและข้อบังคับด้านการค้า อำนวยความสะดวกด้านการเงิน และขยายการเข้าถึงสู่ประกวดราคาสาธารณะ และห่วงโซ่อุปทานขององค์กร ช่วยให้ผู้ประกอบการสตรีมีสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่หลากหลายและหลักสูตรที่ยืดหยุ่นบนแพลตฟอร์ม www.shetrades.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.intracen.org และติดตาม ITC บน Twitter | Facebook | LinkedIn | Instagram | Flickr

เกี่ยวกับ United Nations Global Compact

ตามความคิดริเริ่มพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติ ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Global Compact คือการเรียกร้องให้บริษัทต่าง ๆ ทุกแห่งจัดการดำเนินงานและกลยุทธ์ของตนให้สอดคล้องกับหลักการสากล 10 ประการในด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต เปิดตัวในปี 2543 หน้าที่ของ UN Global Compact คือการชี้นำและสนับสนุนชุมชนธุรกิจทั่วโลกในการทำให้เป้าหมายและค่านิยมของ UN ก้าวหน้าผ่านแนวปฏิบัติขององค์กรที่รับผิดชอบ ด้วยบริษัทมากกว่า 10,000 แห่งและผู้ลงนามที่ไม่ใช่ธุรกิจ 3,000 รายในกว่า 160 ประเทศและเครือข่ายท้องถิ่นมากกว่า 60 แห่ง เป็นโครงการริเริ่มเพื่อความยั่งยืนขององค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ @globalcompact บนโซเชียลมีเดียและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ unglobalcompact.org

เกี่ยวกับ UN Women

องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women เป็นองค์กรของ UN ที่อุทิศตนเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมอำนาจของผู้หญิง UN Women เป็นแชมป์ระดับโลกสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ก่อตั้งขึ้นเพื่อเร่งความก้าวหน้าในการตอบสนองความต้องการทั่วโลก

UN Women สนับสนุนประเทศสมาชิก UN ในขณะที่พวกเขากำหนดมาตรฐานระดับโลกสำหรับการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ และทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคประชาสังคมในการออกแบบกฎหมาย นโยบาย โปรแกรม และบริการที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ามีการบังคับใช้มาตรฐานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วโลกอย่างแท้จริง การทำงานทั่วโลกเพื่อทำให้วิสัยทัศน์ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นจริงสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง และยืนอยู่เบื้องหลังการมีส่วนร่วมที่เท่าเทียมกันของผู้หญิงในทุกด้านของชีวิต โดยเน้นที่ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์สี่ประการ: ผู้หญิงเป็นผู้นำ การมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันจากระบบการบริหารการปกครอง ผู้หญิงมีรายได้ที่มั่นคง มีการทำงานที่ดีและมีอิสระทางเศรษฐกิจ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทุกคนมีชีวิตที่ปราศจากความรุนแรงทุกรูปแบบ ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงมีส่วนร่วมและมีอิทธิพลมากขึ้นในการสร้างสันติภาพและการยืนหยัดที่ยั่งยืน และได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันจากการป้องกันภัยธรรมชาติและความขัดแย้งและการดำเนินการด้านมนุษยธรรม UN Women ยังประสานงานและส่งเสริมการทำงานของระบบ UN ในการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศ

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นมากกว่า 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com

1 World Bank (2020). Enterprise Surveys, World Bank Gender Data Portal cited by World Bank Blogs (2020) Women entrepreneurs needed – stat!
2 Vazquez and Sherman (2014). Cited by UN Women (2017) The Power of Procurement: How to source from women-owned businesses.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210923005313/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or  media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



เรือ ‘Hidden Gem’ ถึงเมืองรอตเตอร์ดัมเพื่อเปลี่ยนเป็นเรือเก็บแร่และหินสำหรับ The Metals Company

Logo

  • เรือความยาว 228 เมตรคาดว่าจะเป็นเรือลำแรกที่ได้รับการจัดประเภทเป็นเรือขุดใต้น้ำภายใต้กรม American Bureau of Shipping
  • มีการบูรณาการอุปกรณ์เพื่อรองรับยานพาหนะเก็บแร่ธาตุนำร่องและระบบไรเซอร์ที่กำลังออกแบบและสร้างโดย Allseas
  • เริ่มการทดสอบสำหรับการใช้งานในโรงงานสำหรับส่วนประกอบของระบบที่จะรวมเข้ากับเรือ

นิวยอร์ก–(บิสิเนส ไวร์)–21 ก.ย. 2564

The Metals Company (Nasdaq: TMC) ได้ประกาศในวันนี้ว่าอดีตเรือขุดเจาะความยาว 228 เมตรที่เปลี่ยนชื่อเป็น Hidden Gem ได้มาถึงเมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้วเพื่อเริ่มแปลงเป็นเรือขุดใต้ทะเลเรือลำแรกโดย American Bureau of Shipping Allseas  Allseas พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ TMC ได้ซื้อเรือขุดเจาะน้ำลึกพิเศษในอดีต ซึ่งสามารถรองรับคนได้ 200 คนในเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากการกำหนดค่านั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการดัดแปลงที่จะช่วยให้สามารถติดตั้งเครื่องยกสูงยาว 4.5 กิโลเมตรในทะเลได้เพื่อนำก้อนโพลีเมทัลลิกขึ้นมาจากพื้นทะเล

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210921005945/en/

Hidden Gem vessel (Photo: Business Wire)

เรือ Hidden Gem (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

โดยร่วมกับ The Metals Company (เดิมชื่อ DeepGreen Metals Inc.) Allseas กำลังพัฒนาระบบรวบรวมแร่ธาตุจากทะเลลึกเพื่อนำก้อนโพลีเมทัลลิกกลับมาใช้ใหม่จากพื้นมหาสมุทรอย่างมีความรับผิดชอบและส่งต่อเพื่อการขนส่งไปยังฝั่ง  แต่ละก้อนประกอบด้วยนิกเกิล แมงกานีส ทองแดง และโคบอลต์คุณภาพสูง ซึ่งเป็นโลหะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการสร้างแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็น Hidden Gem ในยุโรปและได้เห็น Allseas มีความก้าวหน้าอย่างมาก” Gerard Barron ประธานและซีอีโอของ The Metals Company กล่าว “เรือลำดังกล่าวประสบความสำเร็จในการเริ่มดำเนินการในขั้นตอนการบำรุงรักษาในอู่ ซึ่งน่าจะเป็นการแปลงที่ราบรื่นและทันเวลาล่วงหน้าก่อนโครงการขุดนำร่องของเราในปี 2565”

The Metals Company เพิ่งเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการของ SPAC และการเสนอขายหุ้นใน Nasdaq  นอกจากนี้ พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ Allseas ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านวิศวกรรมนอกชายฝั่งได้แสดงความยินดีให้ก้ับทางบริษัท “ในฐานะนักลงทุนรายสำคัญในบริษัทและนักลงทุนใน PIPE เราเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับ The Metals Company ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น  เรามีวิสัยทัศน์ร่วมกับพวกเขาในการใช้ประโยชน์จากแหล่งโลหะแบตเตอรี่ที่ความว่าใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” Edward Heerema ผู้ก่อตั้งและประธาน Allseas กล่าว

TMC และ Allseas คาดว่าเรือจะพร้อมดำเนินการทดสอบนำร่องภายในกลางปี ​​2565

เกี่ยวกับ The Metals Company

The Metals Company เป็นบริษัทแคนาดาที่สำรวจแบตเตอรี่ที่มีผลกระทบต่ำจากก้อนโพลีเมทัลลิกใต้ท้องทะเล โดยมีภารกิจสองประการ: (1) จัดหาโลหะสำหรับการเปลี่ยนพลังงานสะอาดโดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในเชิงลบน้อยที่สุด และ (2) เร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจโลหะหมุนเวียน  ทางบริษัท ผ่านบริษัทในเครือ ถือครองสิทธิในการสำรวจและการค้าในพื้นที่สัญญาจ้างโลหะโพลีเมทัลลิกสามแห่งในเขต Clarion Clipperton ของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งควบคุมโดย International Seabed Authority และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของนาอูรู คิริบาส และราชอาณาจักรตองกา

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.metals.co

เกี่ยวกับ Allseas

Allseas Group SA เป็นผู้รับเหมาชั้นนำระดับโลกในด้านการติดตั้งท่อส่งน้ำมันนอกชายฝั่ง ลิฟต์ขนาดใหญ่ และการก่อสร้างใต้ทะเล  บริษัทมีพนักงานมากกว่า 4,000 คนทั่วโลก และดำเนินการกองเรืออเนกประสงค์สำหรับรถบรรทุกหนัก การวางท่อ และเรือสนับสนุนเฉพาะทาง ซึ่งออกแบบและพัฒนาภายในบริษัท

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Allseas ได้ที่ www.allseas.com

แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า

ข้อความบางส่วนในการนำเสนอนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต แต่เป็นแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยภายใต้กฎหมาย Private Securities Litigation Reform Act ปี 2538 ส่งต่อ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าจะมาพร้อมกับคำต่างๆ เช่น “เชื่อ” “อาจ” “จะ” “ประมาณการ” “ดำเนินการต่อ” “คาดการณ์” “ตั้งใจ” “คาดหวัง” “ควร” “อาจจะ” “วางแผน” “ทำนาย” “มีศักยภาพ” “ดูเหมือน” “แสวงหา” “ในอนาคต” “มีมุมมอง” และสำนวนที่คล้ายกันที่ทำนายหรือบ่งชี้เหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคตหรือที่ไม่ใช่ข้อความของเรื่องทางประวัติศาสตร์ ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความคาดหวังของ TMC ในส่วนที่เกี่ยวกับเรือสำรวจ การใช้งานและการทำงานของอุปกรณ์ และความร่วมมือกับ Allseas และระยะเวลาของการทดสอบการรวบรวมโหนดนำร่อง  ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สำคัญซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่กล่าวถึงในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า  ปัจจัยเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของ TMC และคาดการณ์ได้ยาก ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: การไม่สามารถรักษารายชื่อหุ้นของ TMC บน Nasdaq ความสามารถในการรับรู้ถึงผลประโยชน์ที่คาดการณ์ไว้ของการรวมธุรกิจที่เพิ่งเสร็จสิ้นซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความเป็นไปได้ทางการค้าและทางเทคนิคของการทำเหมืองและการแปรรูปก้อนโลหะโพลีเมทัลลิก อุปทานและอุปสงค์ของโลหะแบตเตอรี่ ราคาโลหะแบตเตอรี่ในอนาคต เวลาและเนื้อหาของระเบียบการแสวงหาผลประโยชน์ของ ISA ที่จะสร้างกรอบทางกฎหมายและทางเทคนิคสำหรับการหาประโยชน์จากก้อนโลหะโพลีเมทัลลิกในโซน Clarion Clipperton  ข้อบังคับของรัฐบาลเกี่ยวกับการทำเหมืองใต้ทะเลลึกและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำเหมือง ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ระยะเวลาและปริมาณการผลิตในอนาคตโดยประมาณ ต้นทุนการผลิต รายจ่ายฝ่ายทุน และข้อกำหนดสำหรับเงินทุนเพิ่มเติม กระแสเงินสดได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน ความสามารถของ TMC ในการจัดหาเงินทุนในอนาคต ค่าใช้จ่ายในการถมที่ไม่คาดคิด การเรียกร้องและข้อจำกัดในการประกัน  ความไม่แน่นอนในการประมาณการทรัพยากรแร่ ความไม่แน่นอนในการศึกษาและความคิดเห็นทางธรณีวิทยา อุทกวิทยา โลหะวิทยา และธรณีเทคนิค ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความสามารถของ TMC ในการบังคับใช้ภาระผูกพันของผู้ลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ภายใต้สัญญาจองซื้อที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจ ความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และการพึ่งพาผู้บริหารหลักและเจ้าหน้าที่บริหาร และความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในหนังสือมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงที่อยู่ภายใต้ “ปัจจัยเสี่ยง” ในนั้น และในการยื่นเอกสารอื่นๆ ต่อ SEC TMC เตือนว่ารายการปัจจัยข้างต้นไม่ใช่เฉพาะ TMC เตือนผู้อ่านอย่าใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเกินควร ซึ่งพูดเฉพาะ ณ วันที่ทำ TMC ไม่ดำเนินการหรือยอมรับภาระผูกพันหรือการดำเนินการใด ๆ ในการเผยแพร่การปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ ต่อสาธารณะเพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในความคาดหวังหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ตามข้อความดังกล่าว

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210921005945/en/

ติดต่อ:

Chelsea Lauber | Antenna Group | tmc@antennagroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Landmark ฉลองครบรอบ 30 ปีในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านการฝึกอบรมและการพัฒนาเพื่อการเติบโตส่วนบุคคลและในวิชาชีพ

Logo

ได้มีผู้คนเข้าร่วมมากกว่า 3 ล้านคนและได้สร้างโครงการที่ไม่แสวงหากำไรและที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกว่า 150,000 โครงการ

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)– 17 ก.ย. 2564

Landmark (Landmark Worldwide) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2534 ฉลองครบรอบ 30 ปีโดยมีผู้คนมากกว่าสามล้านคนทั่วโลกได้รับการสนับสนุนและเสริมพลังบวกจากโครงการต่างๆ  และแนวคิดจากการการฝึกอบรมครั้งแรกในปี 1971 ที่พัฒนาขึ้นจนเป็น Landmark ในวันนี้ได้มีการครบรอบ 50 ปี เช่นกัน

ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมการเติบโตส่วนบุคคลและวิชาชีพ การฝึกอบรมและการพัฒนา โปรแกรมและแนวคิดของ Landmark ได้เสริมพลังให้แก่ผู้คนเป็นเวลาห้าทศวรรษและได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาอย่างมาก  และนอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อส่วนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาเช่นกัน

Marketdata Enterprises, Inc. ผู้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพัฒนาส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริการะบุในรายงานปี 2564 ว่า

  • “Landmark ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทฝึกอบรมและพัฒนาชั้นนำของโลกโดย HR.com/James McNeil”
  • “Landmark ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในคณะวิชาที่ดีที่สุดในธุรกิจ” และผู้เชี่ยวชาญหลายคน “ในอุตสาหกรรมการพัฒนาและการฝึกสอนส่วนบุคคลได้เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในโปรแกรมของ Landmark”
  • Landmark มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในอุตสาหกรรมในฐานะ “ผู้ให้บริการโปรแกรมของการเปลี่ยนแปลงแบบภววิทยาแต่เพียงผู้เดียว และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างทันที ยั่งยืน และอย่างน่าทึ่ง”

50 ปีที่แล้วการฝึกอบรม est Training ของ Werner Erhard ได้ เปิดตัวอุตสาหกรรมการพัฒนาส่วนบุคคลและจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมและการฝึกสอนชีวิตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  แนวความคิดหลายอย่างของเขาได้เข้าเป็นส่วนของวัฒนธรรมกระแสหลัก ธุรกิจ และวิชาการ  นิตยสาร TIME ยอมรับว่า “ความหลงใหลในการเปลี่ยนแปลงแบบอเมริกันไม่ใช่เรื่องใหม่ สิ่งนี้เก่าแก่พอๆ กับประเทศชาติ แต่ Werner Erhard ได้เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงสมัยใหม่ครั้งแรกเมื่อเขาก่อตั้งการสัมมนา est ในปี 1971”

Erhard ยกเลิกการฝึกอบรม est และเปิดตัวหลักสูตรใหม่ The Forum ในปี 1985  แนวคิดของ Erhard (ตามที่แสดงในโปรแกรมของเขา) ได้รับการตรวจสอบโดยละเอียดโดยนักวิชาการสองคนในหนังสือขายดี Speaking Being: Werner Erhard, Martin Heidegger, and a New Possibility of Being Human

โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักคิดที่เฉียบแหลมและลึกซึ้งที่สุดคนหนึ่งในยุคของเรา” โดย David Eagleman, Ph.D.,  โดยเป็นนักประสาทวิทยาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และนักเขียนหนังสือขายดีของ New York Times, Erhard ได้ทุ่มเทปัญญาส่วนของเขาในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อ โลกวิชาการ  โดยร่วมกับเพื่อนร่วมงานของเขา เขากำลังเขียนหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยและการสอนและการบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึง UCLA Anderson School of Management, United States Air Force Academy, Stanford University, Harvard University, Yale University, Dartmouth College และ Erasmus University .

ทุกวันนี้ Landmark ยังคงจัดโปรแกรมทั่วโลก รวมทั้งมีการเปิดตัวโปรแกรมออนไลน์มากกว่า 50 โปรแกรม  Landmark ยังคงได้รับการรับรองโดยผู้นำที่มีชื่อเสียงทั่วโลกนับพันราย รวมถึงซีอีโอของบริษัททั่วโลกที่ได้รับการเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง นักวิชาการ และนักมนุษยธรรมที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

“สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจอย่างมากเกี่ยวกับ Landmark คือการให้ผู้คนได้เข้าถึงการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กรได้โดยตรงและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในระยะเวลาอันสั้นอย่างน่าประหลาดใจ”

~ Michael C. Jensen, Jesse Isidor Straus ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

“การคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา และเมื่อฉันได้เข้าร่วม Landmark Forum ฉันก็ตระหนักว่าฉันสามารถมีความสำเร็จ ความสมหวัง และมีความสุขได้ในทุกช่วงชีวิตของฉัน”

~ Natalie Cook ผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิก

“ในฐานะบุคคลที่ใช้เวลาชีวิตในด้านการแก้ปัญหาระดับโลก ผมไม่สามารถนึกถึงโปรแกรมการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ได้  ผลลัพธ์ที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งที่ผมได้รับคือความสามารถในการจัดการกับปัญหาระดับโลกที่ยากจะแก้ไขได้โดยไม่ท้อถอย  จากการเข้าร่วม Landmark แต่ละคนจะได้รับเครื่องมือในการออกไปสู่โลกและสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น”

~ Dr. Charles McNeill ที่ปรึกษานโยบายอาวุโส โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ

ผมยังไม่เห็นสิ่งอื่นใดที่ส่งผลดีต่อความสามารถของผู้คนในความสัมพันธ์ สื่อสาร และดำเนินการได้เท่ากับ Landmark”

~ Paul Fireman ผู้ก่อตั้งและอดีตประธาน/ซีอีโอของ Reebok International, Ltd.USA

บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลกของ Landmark และบริษัทในเครือ Vanto Group ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการที่ดีที่สุดของอเมริกาโดย นิตยสาร Forbes เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน – 2563 และ 2564 นอกจากนี้ Landmark เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักสำหรับผู้เข้าร่วมที่สร้างโครงการที่ไม่แสวงหาผลกำไรและที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกว่า 150,000 โครงการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบุคคล องค์กร และชุมชนทั่วโลก ตัวอย่างบางส่วน ได้แก่

  • Special Spectators (ซึ่งผู้ก่อตั้ง Blake Rockwell ได้ชื่อว่าเป็น CNN Hero) มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเด็กที่ป่วยหนักหลายหมื่นคน พี่น้อง และผู้ปกครองด้วยการให้ประสบการณ์การเล่นเกมระดับวีไอพีในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยสำคัญๆ มากกว่า 50 แห่ง
  • Plant a Million Trees: Gashaw Tahir ก่อตั้ง NGO ชื่อ Greenland Development Foundation ที่ปลูกต้นไม้มากกว่าหนึ่งล้านต้นในเอธิโอเปีย และในกระบวนการนี้ ได้ให้คนหนุ่มสาวมากกว่า 450 คนมีงานทำ ทำให้พวกเขาสร้างศักดิ์ศรีและความสามารถในการมองเห็นอนาคตในเอธิโอเปีย
  • R U OK? Day: โครงการป้องกันการฆ่าตัวตายที่คนทั้งประเทศออสเตรเลียยอมรับ

Landmark รับทราบและขอบคุณผู้คนมากกว่าสามล้านคนที่มีส่วนร่วมในงานและความแตกต่างที่พวกเขาสร้างในชีวิตของตัวเอง ในชีวิตของผู้อื่น และทั่วโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Landmark และโปรแกรมต่างๆ ของบริษัทได้ที่ www.landmarkworldwide.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210916005243/en/

ติดต่อ:

Michelle Tennant Nicholson จาก Wasabi Publicity Inc. +1-828-749-3200
Michelle@WasabiPublicity.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การศึกษาทั่วโลกของ Egon Zehnder เปิดเผยว่า ซีอีโอมีความตระหนักในตนเองมากขึ้น แต่ยังต้องปรับตัวและสร้างความสัมพันธ์มากว่าเดิม

Logo

การสำรวจซีอีโอจำนวนเกือบ 1,000 คนทั่วโลกเผยให้เห็นว่า ความท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบันได้ผลักดันให้มีการสะท้อนตนเองและการพัฒนาในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองด้านซีอีโอและบทบาทความเป็นผู้นำ

ซูริค–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2564

Egon Zehnder บริษัทที่ปรึกษาด้านการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลก วันนี้เปิดเผยผลการศึกษาจากการสำรวจซีอีโอจำนวน 972 คนทั่วโลก โดยหาคำตอบว่าบทบาทและความคาดหวังของซีอีโอมีการพัฒนาไปอย่างไรเมื่อเผชิญกับความท้าทายและเหตุการณ์สำคัญระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้น ผลการศึกษาพบว่า การสะท้อนตนเองและการพัฒนาตนเองได้ขยับมามีความสำคัญสูงสุดสำหรับซีอีโอ เนื่องจากพวกเขาตระหนักรู้ในตนเองมากขึ้น โดยเห็นว่ากุญแจสู่ความสำเร็จคือการปรับปรุงด้านความเป็นผู้นำในตัวมนุษย์

เนื่องจากความต้องการด้านความเท่าเทียมในสถานที่ทำงานและแรงกดดันใหม่ ๆ เกี่ยวกับการทำงานแบบไฮบริดที่เพิ่มสูงขึ้นยังคงพัฒนาวัฒนธรรมทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว ซีอีโอทั่วโลกจึงได้ประเมินบทบาทของตนเองใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการมีส่วนร่วมกับทีม ตลอดจนวิธีการดูแลรับผิดชอบองค์กรและตัวเองในการทำให้ธุรกิจให้พร้อมสำหรับอนาคต ปัจจุบัน ซีอีโอมองว่าการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตนเองและการสร้างแรงผลักดันจากภายในตัวของพนักงานในองค์กรเป็นลำดับแรก ๆ นั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อน

ผลการสำรวจสำคัญ ๆ มีดังนี้

  • 90% ของซีอีโอรายงานว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ที่ศูนย์กลางของเสียงที่ดังขึ้น หลากหลายมากขึ้น และแตกต่างออกไป เมื่อถูกถามเกี่ยวกับผลกระทบของสถานการณ์ล่าสุดที่มีต่อองค์กร ซีอีโอส่วนใหญ่เน้นย้ำถึงการตัดสินใจและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ่งบอกถึงความซับซ้อนและการพัฒนาที่รวดเร็ว ซึ่งกำลังพลิกโฉมธุรกิจ และซีอีโอจะตอบคำถามผู้ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น และมีการประเมินผลในรูปแบบที่คิดขึ้นมาใหม่
  • 83% ของผู้นำมองว่าการไตร่ตรองรูปแบบความเป็นผู้นำของตนเองเป็นสิ่งจำเป็น โดยเพิ่มขึ้นจาก 66% ในการศึกษาปี 2018 ใน The CEO: A Personal Reflection บรรดาซีอีโอกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว สร้างความสัมพันธ์ และตระหนักรู้ในตนเอง พวกเขามุ่งมั่นที่จะรับฟังมุมมองที่หลากหลายและเปิดรับข้อเสนอแนะจากภาคส่วนใหม่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกในทีม ประธาน เมนเทอร์ ที่ปรึกษา และซีอีโอท่านอื่น นอกจากนี้ ซีอีโอหญิงจะเปิดรับข้อเสนอแนะจากแหล่งต่าง ๆ หลายแห่ง และมีแนวโน้มที่จะเปิดรับคำแนะนำจากเพื่อนซีอีโอ เมนเทอร์ และสมาชิกในครอบครัวมากกว่าผู้ชาย
  • 78% (เพิ่มขึ้นสามเท่าจากปี 2561) ของซีอีโอเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตนเองต่อไป เหล่าซีอีโอยังเห็นด้วยอย่างยิ่งต่อความสำคัญของ “การเดินทางสองทาง” ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้นำเชื่อว่าการพัฒนาตนเองและการเติบโตขององค์กรในฐานะเส้นทางที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนั้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดได้ ผลการสำรวจที่โดดเด่นที่สุดของเราคือข้อตกลงที่แทบจะเป็นเอกฉันท์ในหมู่ผู้นำนับพัน โดยมีใจความว่า “ในฐานะซีอีโอ ฉันอยากมีสมรรถภาพในการเปลี่ยนแปลงตัวเองและองค์กร”
  • ใน 3 ของซีอีโอรายงานว่า ตัวชี้วัดขั้นสุดท้ายที่ชี้นำการตัดสินใจของพวกเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมีความคาดหวังทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับสังคมและเศรษฐกิจที่พวกเขาให้การสนับสนุน จากความขัดแย้งนี้ จึงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าซีอีโอมีแนวทางที่จะทำตามความมุ่งหวังของตนโดยตรง โดยใช้ตัวชี้วัดทางการเงินแบบเดิมเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการตัดสินใจสำหรับซีอีโอส่วนใหญ่หรือไม่
  • การวิเคราะห์คำตอบปลายเปิดแสดงให้เห็นว่า ซีอีโอเกือบ 500 คน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ให้การสำรวจทั้งหมด มองว่าความสามารถเชิงสัมพันธ์เป็นจุดบอดหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของซีอีโอ (44%) รายงานว่ารู้สึกเข้ากันได้อย่างเต็มที่กับทีม และน้อยกว่าที่เข้ากันได้กับบอร์ดบริหาร ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความตึงเครียดที่สูงขึ้นและความจำเป็นในการทำงานร่วมกันที่เพิ่มขึ้น

Jill Ader ประธานของ Egon Zehnder กล่าวว่า “ซีอีโอต่างตระหนักดีว่าความซับซ้อนทางธุรกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปัจจุบันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ด้านความเป็นผู้นำ และการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องเริ่มต้นจากภายในด้วยการไตร่ตรองความคิดและการพัฒนาตนเองไปอีกหลายระดับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคิดตามใจตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่ทีม องค์กร และผู้ที่เกี่ยวข้องคาดหวังจากซีอีโอ ความเฉียบแหลมด้านธุรกิจแบบเดิมต้องสมดุลเท่าเทียมกันกับความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากกว่าที่เคยเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นคงทางอารมณ์ของทีมและองค์กร ดำเนินการท่ามกลางความซับซ้อนทางธุรกิจ และสร้างสถานที่ทำงานที่มีประสิทธิผลและสร้างแรงบันดาลใจ”

Kati Najipoor-Schuette และ Dick Patton ซึ่งเป็นผู้นำร่วมกลุ่มให้ปรึกษาซีอีโอ ของ Egon Zehnder และผู้ร่วมเขียนการสำรวจนี้เน้นย้ำว่า การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเหล่านี้ ซีอีโอต้องเพิ่มความสามารถของตนเองในการปรับตัว สร้างความสัมพันธ์ และตระหนักในตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ความสามารถเหล่านี้จำเป็นต้องสมดุลกับความแข็งแกร่งด้านความเป็นผู้นำแบบเดิม การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการวางแนวประสิทธิภาพอย่างไม่หยุดยั้ง การเพิ่มพูนทักษะเหล่านี้ผู้นำจะต้องเพิ่มความสามารถในการฟัง ไว้วางใจในเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง และสื่อสารอย่างจริงใจมากกว่าที่เคยเป็นมา

จากการฝึกฝนทักษะเหล่านี้และใช้แนวทางที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น ซีอีโอจะพัฒนาความยืดหยุ่น ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการปรับตัวทั้งของตนเองและองค์กร

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสำรวจซีอีโอของ Egon Zehnder ซึ่งสำรวจซีอีโอจำนวน 972 คนทั่วโลก โปรดู www.egonzehnder.com/it-starts-with-the-CEO

เกี่ยวกับ Egon Zehnder

Egon Zehnder เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้นำตอบคำถามที่ซับซ้อนด้วยคำตอบที่เน้นการเข้าถึงมนุษย์ ด้วยประสบการณ์กว่า 55 ปีในการให้คำปรึกษาลูกค้าเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูง เราทราบว่าการเลือกซีอีโอเป็นจุดกึ่งกลางของกระบวนการ ไม่ใช่จุดสิ้นสุด นั่นคือเหตุผลที่เราเป็นพันธมิตรกับลูกค้าเพื่อส่งมอบการเปลี่ยนแปลง การสืบทอดตำแหน่ง การพัฒนา และการสนับสนุนการเป็นซีอีโอที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ เราช่วยให้องค์กรเข้าถึงหัวใจของความท้าทายในการเป็นผู้นำ และเสนอความคิดเห็นและข้อมูลเชิงลึกที่ตรงไปตรงมาเพื่อช่วยให้ผู้นำตระหนักถึงตัวตนและจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา ที่ปรึกษา 525 คนของเราในสำนักงาน 63 แห่งและ 37 ประเทศคืออดีตผู้นำในอุตสาหกรรมและฟังก์ชันงานต่าง ๆ ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และฟังก์ชันต่างๆ เพื่อส่งมอบพลังความสามารถของบริษัทให้กับลูกค้าทุกรายในทุก ๆ ครั้ง เราเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงผู้คน องค์กร และโลกได้ผ่านความเป็นผู้นำ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.egonzehnder.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn และ Twitter

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210915005058/en/

ติดต่อ:

Stacy Drumtra, ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายการตลาดสากลประจำชิคาโก
stacy.drumtra@egonzehnder.com | โทร: +1 312 805 6736

Martin Klusmann, ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายการตลาดสากลประจำเบอร์ลิน
martin.klusmann@egonzehnder.com | โทร: +49 1702360101

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คว้ารางวัล World Branding Awards ประจำปี 2564 โดย Storm

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–9 กันยายน 2564

วันนี้รางวัลอันทรงเกียรติ World Branding Awards ซึ่งเป็นสุดยอดรางวัลการเชิดชูแบรนด์ระดับโลก ในขณะนี้เป็นครั้งที่ 13 ของงานแล้ว โดยคัดเลือก 150 แบรนด์จาก 41 ประเทศ และมอบรางวัล “แบรนด์แห่งปี” หรือ “Brand of the Year” ในพิธีมอบรางวัลเสมือนจริงครั้งแรกที่จัดขึ้นในประวัติศาสตร์ของรางวัลนี้ แบรนด์ต่าง ๆ ได้รับการเสนอชื่อจากผู้บริโภคมากกว่า 115,000 รายจากหกทวีปสำหรับ Animalis edition ที่พิเศษซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ สองปี โดยมุ่งเน้นที่การมอบรางวัลแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

Animal Planet, BuddyRest, FRONTLINE, KONG, ORIJEN, Pedigree, Petplan, PURINA Friskies, Rogz, Tetra และ Whiskas ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะระดับ Global Tier ในปีนี้ ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

Aqua Design Amano (ญี่ปุ่น), Vitakraft และ Zooplus (เยอรมนี) และ PetSmart (สหรัฐอเมริกา) ล้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ชนะระดับ Regional Tier พร้อมกับแบรนด์อื่น ๆ อีกสองสามราย

แบรนด์ของมาเลเซียที่เป็นจุดสนใจ ได้แก่ Aquanice (อาหารปลา), Aquaria KLCC (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสาธารณะ), Catzonia (โรงแรมสำหรับสัตว์เลี้ยง – แมว) และ Powercat (อาหารแมว – แบบแห้ง/แบบเม็ด) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

แบรนด์ดังของสิงคโปร์ ได้แก่ Gold-D (อาหารแมว) และ Snappy (ทรายแมว) ในฐานะผู้ชนะระดับ National Tier และ Happi Doggy (ขนมขัดฟัน) และ Kit Cat (ผลิตภัณฑ์/อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง) ในฐานะผู้ชนะระดับ Regional Tier ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

และสุดท้าย แบรนด์ที่ได้รับชัยชนะจากฟิลิปปินส์ ได้แก่ Top Breed (อาหารสุนัข – แบบแห้ง/แบบเม็ด), Pupkits (ชุดเครื่องนอน) และ Petshop.ph (ร้านขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

“รางวัล Animalis Edition เป็นรางวัลอันทรงเกียรติแก่แบรนด์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์และสัตว์เลี้ยงทั่วโลก และเชิดชูแบรนด์ที่ยังคงอยู่แถวหน้าในจิตใจของผู้บริโภค โดยเมื่อพิจารณาจากความท้าทายของการระบาดใหญ่ทั่วโลกที่ประสบต่อธุรกิจ อย่างน้อยก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจ” ริชาร์ด โรวส์ ประธานองค์กร World Branding Forum กล่าว

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองของนักการตลาดที่ดีที่สุดของแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์จากทั่วโลก” Rowles กล่าวเสริม

พิธีมอบรางวัลดังกล่าวมีผู้ประกอบการ Lara Morgan และสื่อสัตวแพทย์ Joe Inglis กล่าวปาฐกถาพิเศษแก่แขกผู้มีเกียรติ

รางวัลนี้จัดขึ้นโดย World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ the World Branding Forum

World Branding Forum (WBF) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ผ่านการจดทะเบียน โดยมีจุดมุ่งหมายและกิจกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมและผู้บริโภค องค์กร WBF ทำการผลิต จัดการ และสนับสนุนโปรแกรมที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมการวิจัย การพัฒนา การศึกษา การยอมรับ เครือข่าย และการขยายงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ brandingforum.org

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210909005386/en/

ติดต่อ:

Press
Peter Michaels
peter.michaels@brandingforum.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย