Category Archives: Finance

Jetcraft Commercial ขยายธุรกิจในเอเชีย

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2564

Jetcraft Commercial ซึ่งเป็นแผนกเครื่องบินพาณิชย์ของบริษัทซื้อขายเครื่องบินระดับโลกอย่าง Jetcraft วันนี้ประกาศแต่งตั้ง Christophe Potocki เป็นรองประธานฝ่ายขาย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211013005898/en/

Christophe Potocki, Vice President of Sales, Jetcraft Commercial. (Photo: Business Wire)

Christophe Potocki รองประธานฝ่ายขายของ Jetcraft Commercial (รูปภาพ: Business Wire)

Potocki จะประจำอยู่ที่สำนักงานในประเทศสิงคโปร์ และจะทำหน้าที่ส่งเสริมกิจกรรมเชิงพาณิชย์ระดับโลกของ Jetcraft โดยมุ่งเน้นที่ภูมิภาคเอเชีย เขาจะนำประสบการณ์การบินเชิงพาณิชย์ 20 ปีมาสู่บทบาทหน้าที่ใหม่ โดยล่าสุด Potocki ดำรงตำแหน่งหัวหน้าของ Avions de Transport Regional (ATR) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเขาได้ประสานงานด้านซื้อขายมากกว่า 20% ของยอดขายเครื่องบินทั้งหมด

Raphaël Haddad ประธานบริษัท Jetcraft Commercial กล่าวว่า “ในขณะที่เราขยายขอบเขตการดำเนินงานในระดับสากลอย่างต่อเนื่องนั้น เราจำเป็นต้องมีทีมงานที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนข้อตกลงทางการค้าทั่วทั้งเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ”

“ประสบการณ์และทักษะการขายเครื่องบินที่น่าประทับใจของ Potocki ในด้านการตลาด กลยุทธ์ และการดูแลลูกค้า จะทำให้เกิดการผสมผสานที่ลงตัวสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมเชิงพาณิชย์ทั่วโลก เรามั่นใจว่าการแต่งตั้งเขาจะส่งผลดีต่อทีม”

Jetcraft Commercial เปิดตัวในปี 2558 โดยใช้ประโยชน์จากสถานะและประสบการณ์ระหว่างประเทศที่มีอยู่ของ Jetcraft เพื่อนำเสนอพันธมิตรที่สามารถตอบสนองการทำงานอย่างทันท่วงทีให้แก่ลูกค้าภายในชุมชนการขายและการเช่าเครื่องบินพาณิชย์ ด้วยสินค้าคงคลังที่หลากหลาย ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินจาก Airbus, Boeing, Bombardier, De Havilland Canada, Embraer และอื่น ๆ Jetcraft Commercial มีผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการจัดซื้อและส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์ทั่วโลก

ดูรายการสินค้าคงคลังทั้งหมดได้ที่: jetcraft.com/inventory/commercial/

สิ้นสุดเนื้อหา

เกี่ยวกับ Jetcraft Commercial

Jetcraft Commercial เป็นแผนกเครื่องบินพาณิชย์ของ Jetcraft ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายเครื่องบินระดับโลกที่สนับสนุนสายการบินและผู้ประกอบการในด้านการซื้อ การขาย การให้เช่า การตลาด และการจัดหาเงินทุนสำหรับเครื่องบิน ด้วยเครือข่ายและทีมผู้บริหารการขายและการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดที่สำคัญทุกแห่งทั่วโลก Jetcraft Commercial จึงเป็นพันธมิตรในชุมชนการขายและให้เช่าเครื่องบินพาณิชย์ที่มีความคล่องตัวและทุ่มเท และสามารถนำเสนอคุณค่า ทางเลือก และความยืดหยุ่นที่บริษัทชั้นนำของโลกต้องการได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.jetcraft.com/inventory/commercial

เกี่ยวกับ Jetcraft

Jetcraft เป็นผู้นำด้านการขายเครื่องบินระหว่างประเทศ กลยุทธ์การตลาดและการเป็นเจ้าของ การบริหารจัดการ และการบำรุงรักษาสำนักงานภูมิภาคกว่า 20 แห่งทั่วโลก ความสำเร็จที่เหนือชั้นของบริษัทตลอดเกือบ 60 ปีในธุรกิจการบินทำให้บริษัทมีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมด้วยฐานลูกค้าที่ยอดเยี่ยม เครือข่ายการเชื่อมต่อที่กว้างขวาง และสินค้าคงคลังที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.jetcraft.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211013005898/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ 8020 Communications
อีเมล: jetcraft@8020comms.com
โทรศัพท์: +44 (0)1483 447380

Anna Price
aprice@8020comms.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

STACK Infrastructure และ IPI Partners ประกาศขยายธุรกิจทั่วโลกสู่เอเชียแปซิฟิก

Logo

Preet Gona เข้าร่วม STACK ในตำแหน่ง CEO ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เดนเวอร์  ชิคาโก  และ สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 ต.ค. 2564

STACK Infrastructure (“STACK”) ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้กับบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกหลายแห่ง ประกาศในวันนี้ว่าได้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในสิงคโปร์

STACK ได้รับการสนับสนุนโดย IPI Partners (“IPI”) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนระดับโลกที่มีภาระผูกพันด้านทุนรวมแล้วมากกว่า 5.25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเชี่ยวชาญในการจัดหา พัฒนา เช่าซื้อ และดำเนินการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทที่มีเทคโนโลยีขนาดใหญ่และที่มีคุณภาพสูง ทั่วโลก

STACK ตั้งเป้าหมายในขั้นต้นที่โตเกียวและโอซาก้า โดยมีแผนจะเข้าสู่สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และตลาดอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิกในเวลาต่อมาอีกไม่นาน ผ่านการรวมการเข้าซื้อกิจการและการพัฒนาอย่างละมุนละม่อมร่วมกับเจ้าของที่ดินและแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขยายนี้ IPI และ STACK มีความยินดีที่จะประกาศว่า Pithambar (Preet) Gona ได้เข้าร่วม STACK ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเป็นผู้นำในการดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทในภูมิภาค ก่อนหน้านี้ Gona ดำรงตำแหน่งประธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bridge Data Centres ซึ่งควบรวมกิจการกับ ChinData Holdings โดยก่อนหน้าที่จะทำงานที่ Bridge Data Centers คุณ Gona เคยเป็นกรรมการผู้จัดการของ Blackstone ซึ่งเขารับผิดชอบการดำเนินงานด้านไพรเวทอิควิตี้ของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Tom Duncan เพิ่งเข้าร่วม STACK เอเชียแปซิฟิกและจะเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจ ขยายรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของ STACK กับเจ้าของที่ดินและแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในภูมิภาค ก่อนหน้านี้คุณ Duncan เคยเป็นกรรมการบริหารของ CBRE ซึ่งเขาได้ใช้โซลูชันเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูลในเอเชียแปซิฟิก พัฒนาความเชี่ยวชาญในการเลือกไซต์และความสัมพันธ์กับลูกค้าตลอดระยะเวลา 13 ปีของเขา

ทีมผู้บริหารจะประจำอยู่ที่สิงคโปร์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาในท้องถิ่นซึ่งได้รับการว่าจ้างในตลาดเป้าหมายหลักอยู่แล้ว

Brian Cox ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STACK กล่าวว่า “การเปิดตัว STACK Asia Pacific ถือเป็นก้าวที่น่าตื่นเต้นในการพัฒนาบริษัทของเรา “เรามุ่งมั่นที่จะสร้างตลาดต่างประเทศที่เป็นกลยุทธ์สำหรับลูกค้าของเรา และการขยายสู่เอเชียแปซิฟิกเป็นขั้นตอนต่อไปสำหรับการนำเสนอโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่ยืดหยุ่น ซึ่งตอบสนองและสนับสนุนความต้องการที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เรายินดีที่จะต้อนรับ Preet ซึ่งเป็นผู้นำที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในอุตสาหกรรมนี้ มาสู่ทีมของเรา และหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการลงทุน การพัฒนา และความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานในท้องถิ่นของเขา”

“STACK ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับลูกค้าระดับไฮเปอร์สเกลและองค์กรผ่านโซลูชั่นทางเทคนิคที่เป็นนวัตกรรมและโมเดลเชิงพาณิชย์ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ STACK ในอเมริกาเหนือ ซึ่งเราหวังว่าจะทำซ้ำได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” นาย Gona กล่าว “เป้าหมายของเราคือการสร้างทีมระดับโลกโดยการเป็นนายจ้างที่ได้รับเลือกในอุตสาหกรรมและช่วยเหลือลูกค้าของเราในการนำทางการพัฒนาที่ไม่เหมือนใครและความท้าทายในการดำเนินงานในภูมิภาคนี้”

Matt A'Hearn หุ้นส่วนของ IPI กล่าวว่า “เรามีโอกาสที่ดีในการสร้างความสำเร็จของ STACK ต่อไปด้วยการขยายนี้ และเรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มชั้นนำของอุตสาหกรรมของ STACK พร้อมด้วยความเป็นผู้นำและประสบการณ์ของ Preet ในภูมิภาคนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว IPI มุ่งมั่นที่จะลงทุนในเอเชียแปซิฟิกและเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าสำหรับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก”

เกี่ยวกับ STACK INFRASTRUCTURE

STACK ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อขยายบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลกหลายแห่ง ด้วยแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก บริษัทจึงนำเสนอชุดโซลูชั่นแบบบิลด์ทูสูท โคโลเคชั่น และพาวเวอร์เชลล์แบบครบวงจรสำหรับการขายส่งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเอเชียแปซิฟิก ด้วยความสามารถในการขยายตัวที่มีอยู่อย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่นในโซนความพร้อมใช้งานชั้นนำ ทำให้ STACK สามารถนำเสนอการขยายขนาดและการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์แบบที่บริษัทระดับองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็วต้องการ โลกสามารถขับเคลื่อนได้บนฐานข้อมูล และฐานข้อมูลก็ถูกขับเคลื่อนบน STACK

เกี่ยวกับ IPI PARTNERS

IPI Partners เชี่ยวชาญในการจัดหา พัฒนา เช่าซื้อ และดำเนินการสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญ เพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และที่มีคุณภาพสูงทั่วโลก ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา IPI ได้สร้างหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอของศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกลและองค์กรเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีสถานประกอบการในสหรัฐอเมริกา (แปดจาก 10 อันดับแรกของตลาด) แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และ อิตาลีด้วยความสามารถในการรองรับความจุไอทีมากกว่า 1.3 กิกะวัตต์ IPI Partners ได้ระดมทุนมากกว่า 5.25 พันล้านดอลลาร์ในภาระผูกพันด้านเงินทุนจากการลงทุนแบบปิดสองรูปแบบ

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211013005341/en/

ติดต่อ:

STACK Infrastructure
Sammer Khalaf
press@stackinfra.com

IPI
Alyssa Lorenzo/Tim Amoui/Michelle van Wyk
Sard Verbinnen & Co.
+1 310.201.2040
IPI-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Alerzo ประกาศการเติบโตของธุรกรรมห้าเท่าต่อปีโดยให้บริการผู้ค้าปลีกนอกระบบของไนจีเรีย

Logo

เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนภาคการค้าปลีกที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นเจ้าของ

สิงคโปร์และ อีบาดัน ไนจีเรีย–(บิสิเนสไวร์)–06 ต.ค. 2564

Alerzo หนึ่งในบริษัทสตาร์ทอัพ B2B ที่เติบโตเร็วที่สุดในไนจีเรีย ประกาศในวันนี้ว่าปริมาณธุรกรรมในเดือนกันยายนประจำปีเกินกว่า 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าห้าเท่าตั้งแต่ต้นปี 2564

นับตั้งแต่การระดมทุนระดับ Series A ของบริษัทในช่วงฤดูร้อนนี้ ตลาด B2B ของ Alerzo มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวและได้สร้างธุรกิจการชำระเงินที่ดำเนินการธุรกรรมมากกว่า 400,000 รายการในแต่ละเดือน

Adewale Opaleye (“Ade”) ก่อตั้ง Alerzo ในเมือง Ibadan เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของไนจีเรียในปี 2562 โดยบริษัทมีร้านค้าปลีกแบบไม่เป็นทางการมากกว่า 150,000 แห่ง ซึ่งมากกว่า 90% ดำเนินการโดยผู้หญิง และพร้อมบริการจัดส่งในวันเดียวกันฟรีโดยไม่ต้องใช้เงินสด  การชำระเงินและพอร์ตโฟลิโอของบริการดิจิทัลอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มผลกำไรของร้านค้าในขณะที่ทำให้ชีวิตของเจ้าของง่ายขึ้น

“ฉันเริ่มต้น Alerzo เพื่อช่วยแม่ของฉัน ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลร้านค้าปลีกแบบไม่เป็นทางการสองแห่งเพื่อสนับสนุนฉันและพี่น้องสามคนของฉัน  ก่อน Alerzo เธอต้องปิดร้านและเดินทางเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อซื้อสินค้าคงคลังเพื่ออยู่ในธุรกิจ” Opaleye นักศึกษาภาควิชาฟิสิกส์ในไนจีเรียและวิทยาการคอมพิวเตอร์ในประเทศจีนกล่าว “ผู้หญิงมักตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรม เพราะเด็กเร่ร่อนรู้ว่าผู้ประกอบกิจการร้านค้าปลีกมักพกเงินสดติดตัว ฉันต้องการนำสิ่งที่ฉันเรียนรู้ในประเทศจีนมาปรับใช้เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้นสำหรับคุณแม่ที่ทำงานในไนจีเรีย”

ฤดูร้อนนี้ Alerzo เข้าซื้อกิจการ Shago Payments เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงจากตลาด B2B ไปเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีแบบครบวงจร Shago ซึ่งก่อตั้งโดย Sabastine Enechi ผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการชำระเงิน ช่วยเร่งผลักดัน Alerzo สู่ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลและบริการทางการเงิน  ด้วยการผสานรวมของ Shago เข้ากับ AlerzoPay ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการชำระเงินของบริษัท ทำให้ Alerzo ให้บริการร้านค้าปลีกแบบไม่เป็นทางการพร้อมบริการดิจิทัลใหมๆ เช่น การเติมเวลาออกอากาศผ่านมือถือ การชำระบิล และการโอนแบบเพียร์ทูเพียร์

Santie Botha ประธาน Capitec Bank (แอฟริกาใต้) เพิ่งเข้าร่วมคณะกรรมการของ Alerzo ในตำแหน่งหัวหน้ากรรมการอิสระ “ฉันเข้าร่วมคณะกรรมการของ Alerzo เพราะฉันได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวชีวิตของ Ade และแบ่งปันความมุ่งมั่นของ Alerzo ในการเสริมสร้างพลังให้กับผู้หญิงที่ทำงานในแอฟริกา” Botha กล่าว

Iyinoluwa Aboyeji ผู้ร่วมก่อตั้ง Flutterwave และ Andela และสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาของ Alerzo กล่าวว่า “ธุรกิจส่วนใหญ่มักพูดถึงการรวมการเงินและเศรษฐกิจ แต่จากนั้นก็มุ่งความสนใจไปที่ธุรกิจของพวกเขาในเมืองใหญ่ที่มีความเข้าใจในเชิงพาณิชย์ เช่น ลากอสหรือไนโรบี  การมุ่งเน้นไปที่ชุมชนการค้าที่ถูกกีดกันแต่สามารถดำเนินการได้ในเชิงพาณิชย์ในเมืองเล็กๆ เช่น Ibadan เป็นแบบอย่างและมีวิสัยทัศน์ ฉันได้รับแรงบันดาลใจจากการมุ่งเน้นไปที่ชุมชนที่ถูกกีดกันอย่างแท้จริง”

นอกจาก Aboyeji แล้ว คณะกรรมการที่ปรึกษาของ Alerzo ยังรวมถึงผู้บริหารระดับสูงที่เคยทำงานที่ KKR, Facebook, Wellington Management และ Galaxy Digital เป็นต้น

Christina Sass หนึ่งในนักลงทุนของ Alerzo และผู้ร่วมก่อตั้ง Andela กล่าวว่า “Alerzo เป็นหนึ่งในองค์กรเพื่อสังคมที่หายากที่มีภารกิจทางสังคมที่ชัดเจนทรงพลัง และประสบความสำเร็จควบคู่ไปกับผลประกอบการทางการเงินของบริษัท”

ในเดือนกันยายน Alerzo ได้ขยายการดำเนินงานไปยัง Middle Belt และ Northern ของไนจีเรีย และขณะนี้ ดำเนินการใน Abuja และ Kano  บริษัทวางแผนที่จะให้บริการในพื้นที่ส่วนใหญ่ในไนจีเรียก่อนสิ้นปีหน้า

เกี่ยวกับ Alerzo

Alerzo ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์และอีบาดัน ไนจีเรียเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและบริการแบบครบวงจรที่เปลี่ยนวิธีการทำงานของร้านค้าปลีกแบบไม่เป็นทางการของไนจีเรีย  ด้วย Alerzo ผู้ค้าปลีกสามารถสั่งซื้อสต็อก จัดส่งได้อย่างรวดเร็ว รับและชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ติดตามผลกำไรของร้านค้าได้ดีขึ้น และอำนวยความสะดวกในพอร์ตโฟลิโอ ของบริการดิจิทัล เช่น การซื้อเวลาออกอากาศ การจ่ายบิล และการโอนแบบ peer-to-peer  เยี่ยมชมเราได้ที่ www.alerzo.com หรือติดตามเราบน LinkedIn และหากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Alerzo โปรดติดต่อเราที่ IR@alerzo.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211006005148/en/

ติดต่อ:

Debra Cope, +1-202-468-3814, PR@Alerzo.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TDCX เตรียมจับโอกาสจากตลาดบริการ CX Services แบบเอาต์ซอร์ซที่มีมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการเปิดตัวซื้อขายบน NYSE

Logo

ผู้ให้บริการประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลรายแรกของ Asia ที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา

สิงคโปร์และนิวยอร์ก–(บิสิเนส ไวร์)–01 ต.ค. 2564

TDCX Inc. (NYSE: TDCX) ผู้ให้บริการโซลูชั่นประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีและบริษัทบลูชิป ประกาศเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (“NYSE”)  ในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียน TDCX อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะเร่งกลยุทธ์การเจริญเติบโตไปสู่โอกาสในการเจาะตลาดบริการลูกค้าเอาท์ซอร์ส (“CX”) ทั่วโลกซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

TDCX ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยให้บริการโซลูชัน CX ดิจิทัลที่เชื่อถือได้ เพื่อช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วและแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกอื่นๆ สามารถจัดการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในนามของพวกเขา การเสนอขายหุ้นได้สร้างรายได้ 348.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 3.50 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์หากผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์เลือกที่จะใช้สิทธิการจัดสรรหุ้นส่วนเกินของพวกเขาโดยเต็ม รายได้รวมทั้งหมดของการเสนอขายจะอยู่ที่ประมาณ 401 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2.62 ดอลลาร์สหรัฐ 3.57 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์

Mr. Laurent Junique ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง TDCX กล่าวว่า “การจดทะเบียนบริษัทที่ประสบความสำเร็จของเราสะท้อนให้เห็นถึงบริษัทระดับโลกที่เราสร้างขึ้นและจุดยืนของเราในฐานะพันธมิตรที่มุ่งให้บริการประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่พลิกโฉมหน้าวงการ  ด้วยสมาชิกในทีมที่มีความสามารถ หลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมหลากหลายกว่า 13,000 คนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของเรา เราช่วยลูกค้าของเราแก้ปัญหาการโต้ตอบกับลูกค้าที่ซับซ้อนและที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในกว่า 20 ภาษาทุกวันใน 10 ภูมิภาค  เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของลูกค้าของเรา ซึ่งหลายคนเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan โซลูชัน CX ดิจิทัล มีตลาดขนาดใหญ่และกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วสำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอุปสงค์รวมคาดว่าจะถึง 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 โดยมีความต้องการจากอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตที่ร้อยละ 19 ต่อปีจาก 2559

“ในขณะที่ผู้บริโภคใช้ชีวิตออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ความคาดหวังที่จะทำสิ่งต่างๆ ที่ง่าย สะดวก และตามความต้องการก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ประสบการณ์ของลูกค้าเป็นและจะยังคงเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในยุคดิจิทัล การเป็นบริษัทมหาชนช่วยให้เราสามารถเร่งผลักดันการเติบโตของเรา และทำให้เราสามารถคว้าโอกาสทางการตลาดในเอเชียและภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงอื่นๆ ทั่วโลก

“ในขณะที่เรามองไปข้างหน้า เรามุ่งเน้นที่การดำเนินกลยุทธ์การเติบโตของเรา และการลงทุนเพิ่มเติมในบุคลากร เทคโนโลยี และเครือข่ายของเรา ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย รวมถึงกลยุทธ์ของเราในตลาดหลักและกลุ่มผู้มีความสามารถที่หลากหลาย เราจะสามารถคาดการณ์และสนับสนุนลูกค้าของเราต่อไปได้ในขณะที่พวกเขามองหาพันธมิตรที่อยู่ในระดับแนวหน้าในการนำเสนอประสบการณ์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง Mr. Junique กล่าว

เกี่ยวกับ TDCX

TDCX เป็นผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่นๆ  บริษัทนำเสนอโซลูชัน Omnichannel CX บริการการขายและการตลาดดิจิทัล และบริการตรวจสอบเนื้อหาและกลั่นกรอง  บริษัทมีประวัติความสำเร็จกับลูกค้าในด้านการเดินทางและการบริการ การโฆษณาดิจิทัลและสื่อ สินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี บริการทางการเงิน ฟินเทค หน่วยงานภาครัฐและเอกชน การเล่นเกม อีคอมเมิร์ซและการศึกษา  TDCX มีสำนักงานในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย จีน ญี่ปุ่น สเปน อินเดีย โคลอมเบีย และโรมาเนีย และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในกว่า 20 ภาษา TDCX ได้รับรางวัลมากกว่า 270 รางวัล

_____________________________

1 ตามข้อมูลของ Frost & Sullivan

2,3ตามอัตราแลกเปลี่ยน SGD/USD=1.36141

4 อัตราการเติบโตแบบทบต้นหมายถึงขนาดตลาดเศรษฐกิจใหม่ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปี 2568

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211001005456/en/

สำหรับสื่อ:
TDCX
Eunice Seow
+65 8432 8388
eunice.seow@tdcx.com

สำหรับนักลงทุน:
TDCX
Jason Lim
+65 9799 6550
lim.jason@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TDCX ประกาศราคาเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

Logo

สิงคโปร์ & นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–01 ตุลาคม 2564

TDCX Inc. (“TDCX” หรือ “บริษัท”) ผู้ให้บริการโซลูชั่นประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีและบริษัทบลูชิพ ประกาศราคาเสนอขายหุ้น American Depositary Shares (“ADS”) แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 19,358,957 โดย ADS แต่ละรายการแสดงหุ้นสามัญ Class A จำนวนหนึ่งหุ้น ในราคาต่อสาธารณะ 18 ดอลลาร์สหรัฐต่อ ADS

TDCX ให้ตัวเลือกแก่ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์เป็นเวลา 30 วันในการซื้อเพิ่มเติมสูงสุด 2,903,843 ADS ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก โดยหักส่วนลดการรับประกันและค่าคอมมิชชั่น รายได้รวมทั้งหมดของข้อเสนอคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์เลือกที่จะใช้ตัวเลือกในการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเต็มจำนวน

หุ้นดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “TDCX” ข้อเสนอนี้คาดว่าจะปิดในวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

TDCX ตั้งใจที่จะใช้เงินสุทธิที่ได้จากการเสนอขายครั้งนี้เพื่อชำระยอดคงค้างภายใต้วงเงินสินเชื่อระยะยาวร่วมกับ Credit Suisse และกองทุนเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปขององค์กร

Goldman Sachs & Co. LLC และ Credit Suisse Securities (USA) LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจะดำเนินการโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น หากมีสามารถขอรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายได้จาก:

Goldman Sachs & Co. L.L.C.
200 West Street
New York, NY 10282-2198
Attention: Prospectus Department (1-866-471-2526)
อีเมล: prospectus-ny@gs.com

Credit Suisse Securities (USA) L.L.C.
6933 Louis Stephens Drive
Morrisville, NC 27560
Attention: Prospectus Department (1-800-221-1037)
อีเมล: usa.prospectus@credit-suisse.com

แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้รับการยื่นและประกาศให้มีผลบังคับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ตามข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียน หรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

เกี่ยวกับ TDCX

TDCX เป็นผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่น ๆ บริษัทนำเสนอโซลูชันแบบ Omnichannel CX บริการการขายและการตลาดดิจิทัล และบริการตรวจสอบเนื้อหาและกลั่นกรอง บริษัทมีประวัติความสำเร็จกับลูกค้าในด้านการเดินทางและการบริการ การโฆษณาดิจิทัลและสื่อ สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี การบริการทางการเงิน เทคโนโลยีทางด้านการเงิน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน การเล่นเกม อีคอมเมิร์ซและการศึกษา TDCX มีสาขาในระดับสากลโดยสำนักงานตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย จีน ญี่ปุ่น สเปน อินเดีย โคลอมเบีย และโรมาเนีย ซึ่งให้บริการลูกค้าทั่วโลกในกว่า 20 ภาษา TDCX และได้รับรางวัลมากกว่า 270 รางวัล

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตรวมถึงข้อความทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต ในบางกรณีท่านสามารถแยกแยะข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตได้ด้วยคำต่าง ๆ เช่น “แนวโน้ม” “เชื่อ” “คาดหวัง” “มีศักยภาพ” “ดำเนินการต่อ” “อาจ” “จะ” “ควร” “สามารถ” “แสวงหา” “ทำนาย” “ตั้งใจ” “แนวโน้ม” ” “วางแผน” “ประมาณการ” “คาดการณ์” หรือคำเหล่านี้ที่มีความหมายในเชิงลบหรือคำอื่น ๆ ที่เทียบเคียงได้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้รวมถึงข้อความใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเริ่มต้นการซื้อขายหุ้นสามัญ Class A ของบริษัท การปิดการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรกของบริษัท และการใช้เงินสุทธิที่บริษัทได้รับจากการเสนอขายที่คาดการณ์ไว้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีหรือจะมีปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ผลลัพธ์หรือผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากที่ระบุไว้ในข้อความเหล่านี้ ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะสิ่งที่อธิบายภายใต้ “ปัจจัยเสี่ยง” ในคำชี้แจงการจดทะเบียนของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรก ปัจจัยเหล่านี้ไม่ควรถูกตีความว่าละเอียดถี่ถ้วนและควรอ่านร่วมกับคำเตือนอื่น ๆ ที่รวมอยู่ในคำชี้แจงการจดทะเบียน TDCX ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือทบทวนข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใด ๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ การพัฒนาในอนาคต หรืออย่างอื่น ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210930006054/en/

ติดต่อสื่อ:
TDCX
Eunice Seow
+65 8432 8388
eunice.seow@tdcx.com

ติดต่อนักลงทุน:
TDCX
Jason Lim
+65 9799 6550
lim.jason@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ฟอรัมธุรกิจระดับโลกครั้งแรกในอาเซียนเพื่อสำรวจศักยภาพของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(บิสิเนสไวร์)–27 ก.ย. 2564

การประชุม Global Business Forum (GBF) ASEAN ครั้งแรกจะสำรวจศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และโอกาสที่ภูมิภาคนี้มีให้แก่ธุรกิจและนักลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใน โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 8-9 ธันวาคม 2564 ที่ศูนย์แสดงสินค้า Dubai Exhibition Centre, Expo 2020 Dubai

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210927005637/en/

Dubai Chamber โดยร่วมกับ Expo 2020 Dubai ภายใต้หัวข้อ “The New Frontiers” จัดงาน GBF ASEAN 2021 เป็นงานแรก ในชุด GBF เพื่อเน้นภูมิภาคอาเซียน  ฟอรั่มระดับสูงนี้จะนำรัฐบาลและผู้นำทางธุรกิจจากตลาดอาเซียนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มารวมกันเพื่อสำรวจแนวทางใหม่ๆ ของความร่วมมือทางเศรษฐกิจและโอกาสการลงทุนที่เกิดขึ้นใหม่

ฟอรั่มสองวันนี้จะตรวจสอบพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของภูมิภาคอาเซียนอันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 รวมถึงโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและความร่วมมือทางการค้า  หัวข้ออื่นๆ ในวาระนี้ ได้แก่ แผนระหว่างสมาชิกอาเซียนและคู่ภาคีเพื่อสร้างเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่จะเพิ่มมูลค่าประมาณ 186 พันล้านดอลลาร์ให้กับ GDP ทั่วโลกภายในปี 2573

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วม ฟอรั่มยังจะหารือถึงวิธีการใหม่ๆ ที่ประเทศอาเซียนสามารถพัฒนาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเพื่อสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนมากขึ้น โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  ประเด็นอื่นๆ ได้แก่ การหารือว่ามีความแตกต่างระหว่างแบรนด์ของผู้ประกอบการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือตะวันออกกลางหรือไม่ และดูไบและสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางระดับโลกสำหรับภูมิภาคของตนสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้มากเพียงใด

GBF ASEAN เป็นส่วนหนึ่งของชุด Global Business Forum ของ Dubai Chamber ซึ่งเปิดตัวในปี 2555 เพื่อเป็นเวทีในการขับเคลื่อนการค้าและสำรวจโอกาสระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

ชม https://www.youtube.com/watch?v=_mPn7rISN1I

เกี่ยวกับหอการค้าและอุตสาหกรรม Dubai Chamber of Commerce and Industry

Dubai Chamber of Commerce and Industry ตั้งขึ้นในปี 2508 เป็นหน่วยงานสาธารณะที่ไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งมีภารกิจเป็นตัวแทน สนับสนุน และปกป้อง ผลประโยชน์ของชุมชนธุรกิจในดูไบโดยการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ และการส่งเสริมดูไบให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ www.dubaichamber.com

*ที่มา: AETOSWire

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210927005637/en/

ติดต่อ:

Ruba Abdel Halim, Manager, PR & Corporate Communications (ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร), +97142028450
ruba.halim@dubaichamber.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

PPRO เสนอการรวมเข้ากับ PayPal Commerce Platform สำหรับ PSPs ทั่วโลก

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–27 กันยายน 2564

ในวันนี้ PPRO ประกาศการรวมระบบของ PayPal Commerce Platform

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านการตลาดของ PPRO ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินในท้องถิ่นสำหรับผู้ให้บริการชำระเงิน (PSP) ธนาคาร และเกตเวย์

การรวมตัวกันของ PPRO จะช่วยให้ลูกค้าลดเวลาในการรวบรวมโซลูชัน PayPal Commerce Platform ลงได้อย่างมาก และช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง PayPal Wallet ได้ การพัฒนานี้ทำให้ลูกค้าของ PPRO มีโอกาสทำให้ผู้ค้าของตนสามารถเข้าถึงฐานผู้ใช้ของ PayPal ที่มีบัญชีที่ใช้งานอยู่มากกว่า 403 ล้านบัญชีใน 200 ตลาด

Claire Gates ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ของ PPRO กล่าวว่า “ข่าวในวันนี้ถือเป็นการก้าวไปข้างหน้าใน PPRO และความสัมพันธ์อันยาวนานของ PayPal ประโยชน์สำหรับพันธมิตรในการเข้าร่วมแพลตฟอร์มของ PPRO นั้นชัดเจน: เราประหยัดเวลาและเงินให้กับพวกเขา และมอบคุณภาพของการรวบรวมวิธีการชำระเงินที่นำไปสู่อัตราการแปลง หรือ conversion rates ที่สูง ด้วยการเพิ่ม PayPal Commerce Platform และความสามารถในการเสนอ PayPal Wallet ข้อเสนอนี้ไม่สามารถละเลยโดยใครก็ตามที่ทำงานในพื้นที่อีคอมเมิร์ซทั่วโลก”

ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ PPRO PSP ธนาคาร แพลตฟอร์ม และองค์กรที่มีแพลตฟอร์มการชำระเงิน ไม่เพียงแต่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึง PayPal Commerce Platform แต่ยังมาจากวิธีการชำระเงินในท้องถิ่น (LPM) ที่หลากหลายทั่วโลก ความเชี่ยวชาญด้านการชำระเงินระดับโลกของ PPRO ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพและนวัตกรรม มูลค่าผ่านเครือข่าย LPM และ PSP ของ PPRO สามารถเข้าถึงได้ด้วยสัญญาเดียวและการรวบรวมเพียงครั้งเดียว ความเรียบง่ายนี้ขจัดความซับซ้อนในรอบการชำระเงินของท้องถิ่น เพิ่มความเร็วสู่ตลาด และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับผู้ค้า

PPRO และ PayPal จะจัดไลฟ์สตรีมในวันที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา 11:30 น. เขตเวลาออมแสงยุโรปกลาง (CEST) เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือของพวกเขาและวิธีที่บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกสามารถบรรลุอัตราการแปลงที่สูง โดยเสนอวิธีการชำระเงินที่ลูกค้ารู้จักและไว้วางใจ

PPRO ได้สร้างตัวเองให้เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินในท้องถิ่นที่น่าเชื่อถือที่สุดในพื้นที่การชำระเงินข้ามพรมแดน ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตระหว่างประเทศสำหรับผู้ให้บริการชำระเงิน ธนาคาร เกตเวย์ และองค์กรที่มีแพลตฟอร์มการชำระเงิน

ข่าวของการผนวกรวม PayPal Commerce Platform เกิดขึ้นหลังจาก PPRO ประกาศเมื่อต้นปีนี้ว่าได้ระดมทุน 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มูลค่ารวมของบริษัทอยู่ที่กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210927005059/en/

ติดต่อ:

Natacha Rousseau
(323) 352-6417
natacha@mediafrenzyglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Procore เข้าซื้อ Levelset เพื่อลดความซับซ้อนของขั้นตอนการจัดการภาระผูกพันสำหรับการก่อสร้าง

Logo

คาร์พินเทเรีย แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2564

Procore Technologies, Inc., (NYSE: PCOR) ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การจัดการการก่อสร้างชั้นนำ ได้ลงนามในข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อเข้าซื้อกิจการ Levelset การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเพิ่มการจัดการสิทธิ์ในการยึดครองให้กับแพลตฟอร์ม Procore ทำให้ Procore สามารถจัดการกระแสงานในการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ซับซ้อนและปรับปรุงกระบวนการชำระเงินในการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังนำเสนอโอกาสการเติบโตในอนาคตสำหรับ Procore รวมถึงการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ข้อมูลเสริมของบริษัท

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210922005931/en/

Burdensome compliance workflows contribute to the construction industry’s median of 90 days sales outstanding and 74 days payable outstanding, the slowest of all industries surveyed across the globe. (Graphic: Business Wire)

ระบบกระแสงานในการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ยุ่งยากมีส่วนทำให้ยอดขาย 90 วันคงค้างและยอดค้างชำระ 74 วันของค่ามัธยฐานของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งถือว่าช้าที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมทั้งหมดที่สำรวจทั่วโลก (กราฟิก: Business Wire)

Toey Courtemanche ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Procore กล่าวว่า “งานก่อสร้างนั้นยากพอแล้ว — ไม่สมควรที่ได้รับเงินยากไปด้วย Levelset ช่วยให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างได้รับเงินรวดเร็วยิ่งขึ้น และข้อเสนอของพวกเขาจะเป็นส่วนเสริมที่สมบูรณ์แบบสำหรับแพลตฟอร์ม Procore การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้ Procore เข้าถึงข้อมูลอุตสาหกรรม รวมถึงการชำระเงินและกิจกรรมการปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งช่วยให้เราสามารถส่งข้อมูลความเสี่ยงอันมีค่าให้กับลูกค้าของเรา และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้”

ในการก่อสร้าง ความเสี่ยงและความซับซ้อนของการเคลื่อนย้ายเงินระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะดักจับเงินทุนหมุนเวียนที่สำคัญจำนวนมหาศาลในแต่ละปี สิ่งนี้ทำให้เกิดความเครียดแก่ผู้รับเหมา ซึ่งเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการผูกมัด และส่งผลเชิงลบต่องานก่อสร้าง ระบบกระแสงานในการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ยุ่งยากมีส่วนทำให้ยอดขาย 90 วันคงค้างและยอดค้างชำระ 74 วันของค่ามัธยฐานของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งถือว่าช้าที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมทั้งหมดที่สำรวจทั่วโลก

ในสหรัฐอเมริกา สิทธิยึดหน่วงเป็นพื้นฐานของระบบกระแสงานในการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการก่อสร้างใช้เวลาและพลังงานอย่างมากในการจัดการสิทธิในการยึดหน่วง — ตั้งแต่อุตสาหกรรมขั้นปลายที่ต้องการรักษาสิทธิการยึดหน่วงและต้องปฏิบัติตามความแตกต่างของกฎหมายภาระผูกพันที่แตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ไปจนถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้นน้ำที่จัดหาการยกเว้นภาระผูกพัน ณ จุดชำระเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการของพวกเขาเป็นอิสระและชัดเจน ซึ่งความท้าทายและความซับซ้อนในการชำระเงินที่คล้ายคลึงกันยังมีอยู่ทั่วโลก

Scott Wolfe, Jr. ซีอีโอของ Levelset กล่าวว่า “โซลูชันของเราช่วยให้ผู้คนได้รับเงินเร็วยิ่งขึ้นและลดความเครียดในเรื่องเงินสดน้อยลง ผู้ใช้มากกว่า 250,000 รายปรับใช้ Levelset ในโครงการก่อสร้างมากกว่า 6.5 ล้านโครงการ กิจกรรมนี้สร้างข้อมูลการชำระเงินและความสัมพันธ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เมื่อใช้ร่วมกับ Procore เราสามารถส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ได้รับเงินเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการทัศนวิสัยที่ดีขึ้นและเอกสารที่ราบรื่นยิ่งขึ้น” Levelset เป็นพันธมิตร Procore App Marketplaceตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 ในปัจจุบันลูกค้ากว่า 3,300 รายใช้โซลูชันการจัดการสิทธิ์ในการยึดครองเพื่อจัดการระบบการแสงานในการปฏิบัติตามข้อกำหนด

รายละเอียดในการเข้าซื้อกิจการ

Procore ได้ตกลงที่จะซื้อ Levelset ในราคาซื้อประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะประกอบด้วยเงินสดประมาณ 425 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปรับตามธรรมเนียมสำหรับเงินทุนหมุนเวียน ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม เงินสดและหนี้สิน และประมาณ 75 ล้านดอลลาร์ในหุ้นสามัญของ Procore การปิดธุรกรรมคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สี่ของปีนี้และอยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

D.A. Davidson ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว และ Jones Walker LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Levelset และ Cooley LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Procore

รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของการซื้อกิจการจะมีอยู่ในรายงานฉบับปัจจุบันในแบบฟอร์ม 8-K ที่จะยื่นโดย Procore ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ข้อมูลการประชุมทางโทรศัพท์

Procore จะจัดการประชุมทางโทรศัพท์ในวันนี้ 22 กันยายน เวลา 14:00 น. เวลาแปซิฟิก / 17:00 น. เวลาตะวันออก เพื่อหารือเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการ เว็บคาสต์ไลฟ์สดของการประชุมทางโทรศัพท์และการเล่นซ้ำจะมีให้ที่ investors.procore.com สามารถเข้าถึงการประชุมทางโทรศัพท์ได้โดยกด 877-284-6233 (สหรัฐฯ) หรือ 873-415-0281 (ระหว่างประเทศ) และป้อนไอดีการประชุม: 2838218

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตตามความหมายของมาตรา 27A ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 2476 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม หรือกฎหมายหลักทรัพย์ และมาตรา 21E ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ปี 2477 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม หรือพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับ Procore และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ข้อความทั้งหมดนอกเหนือจากข้อความข้อเท็จจริงในอดีตที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นข้อความที่เป็นการคาดการณ์ที่เกี่ยวกับผลการดำเนินงานในอนาคตและฐานะการเงินของ Procore กลยุทธ์และแผนธุรกิจ การเติบโตและแนวโน้มของตลาด และวัตถุประสงค์สำหรับการดำเนินงานในอนาคต ข้อความที่เป็นการคาดการณ์มักเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอนาคตหรือผลการดำเนินงานทางการเงินหรือการดำเนินงานในอนาคตของ Procore ในบางกรณี ท่านสามารถแยกแยะข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตได้ด้วยคำต่าง ๆ เช่น “คาดการณ์” “เชื่อ” “ครุ่นคิด” “ดำเนินการต่อ” “สามารถ” “ประมาณการ” “คาดหวัง” “ตั้งใจ” “ อาจ” “วางแผน” “มีศักยภาพ” “ทำนาย “โครงการ” “ควร” “กำหนดเป้าหมาย” “จะ” หรือ “อาจจะ” หรือคำเหล่านี้ที่มีความหมายในเชิงลบ หรือคำอื่นๆ ที่เทียบเคียงได้กับความคาดหวัง กลยุทธ์ แผนงาน หรือความตั้งใจของ Procore ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สำคัญที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงของ Procore และสถานะทางการเงินแตกต่างอย่างมากจากที่ระบุไว้ในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตได้แก่: (i) ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ (a) ความเป็นไปได้ที่เงื่อนไขการปิดการทำธุรกรรมกับ Levelset อาจไม่เป็นที่พอใจหรือสละสิทธิ์ในเวลาที่เหมาะสมหรือแต่ประการใด รวมถึงหน่วยงานของรัฐอาจห้าม ล่าช้า หรือปฏิเสธที่จะให้การอนุมัติด้านกฎระเบียบ, (b) ความล้มเหลวในการดำเนินการหรือรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการทำธุรกรรม รวมถึงการที่ Procore ไม่สามารถรวม Levelset เข้ากับธุรกิจได้สำเร็จ, (c) เบี่ยงเบนความสนใจของผู้บริหารจากการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง, (d) การเริ่มต้นหรือผลของกระบวนการทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจใช้กับ Procore หรือ Levelset ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่เสนอ และ (f) ผลกระทบของธุรกรรมที่มีต่อธุรกิจที่รวมกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ความสูญเสียลูกค้า และการหยุดชะงักของธุรกิจ; (ii) การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบธุรกิจของ Procore หรือ Levelset; (iii) การเปลี่ยนแปลงในสภาวะตลาดหรืออุตสาหกรรม สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ และการยอมรับเทคโนโลยีและบริการของ Procore หรือ Levelset; (iv) ผลของการดำเนินคดีหรือเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย; (v) การสูญเสียลูกค้าหรือพันธมิตรหลักของ Procore หรือ Levelset อย่างน้อยหนึ่งราย; (vi) ผลกระทบของ COVID-19 ต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานของ Procore หรือ Levelset; (vii) การเปลี่ยนแปลงความสามารถของ Procore หรือ Levelset ในการรับสมัครและรักษาสมาชิกในทีมที่ผ่านการรับรอง; และ (viii) ความเสี่ยงที่อธิบายไว้ในเอกสารอื่น ๆ ที่ Procore ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งคราว รวมถึงความเสี่ยงที่อธิบายไว้ในหัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” ในหนังสือชี้ชวนสุดท้ายของ Procore ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 และรายงานรายไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q ซึ่งควรอ่านควบคู่ไปกับผลลัพธ์ทางการเงินและข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต นอกจากนี้ Procore ยังดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนใหม่ ๆ เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และเป็นไปไม่ได้ที่ Procore จะคาดการณ์ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทั้งหมดที่อาจมีผลกระทบต่อข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ผลลัพธ์ เหตุการณ์ และสถานการณ์ที่สะท้อนในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตอาจไม่สำเร็จหรือเกิดขึ้น และผลลัพธ์ เหตุการณ์ หรือสถานการณ์จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากที่อธิบายไว้ในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตทั้งหมดที่จัดทำขึ้นในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ณ วันที่จัดทำข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เท่านั้น Procore ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตใด ๆ ที่จัดทำขึ้นในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ เพื่อให้สะท้อนถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์หลังวันที่ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ หรือเพื่อสะท้อนถึงข้อมูลใหม่หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด Procore อาจไม่บรรลุตามแผน ความตั้งใจ หรือความคาดหวังที่เปิดเผยในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต และไม่ควรเชื่อถือข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตเกินควร ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตของ Procore ไม่ได้สะท้อนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการ การควบรวมกิจการ การจำหน่าย การร่วมทุน หรือการลงทุนในอนาคต

เกี่ยวกับ Procore

Procore เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการจัดการการก่อสร้างชั้นนำ โครงการกว่า 1 ล้านโครงการและปริมาณการก่อสร้างมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดำเนินการบนแพลตฟอร์มของ Procore แพลตฟอร์มของเราเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการทุกรายเข้ากับโซลูชันที่เราสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง—สำหรับเจ้าของ ผู้รับเหมาทั่วไป และผู้รับเหมาพิเศษ Marketplace ของ Procore มีโซลูชันพันธมิตรมากมายที่รวมเข้ากับแพลตฟอร์มของเราอย่างราบรื่น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างมีอิสระในการเชื่อมต่อกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา Procore มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองคาร์พินเทเรีย รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ Procore.com

เกี่ยวกับ Levelset

Levelset เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ด้านการก่อสร้างที่ช่วยให้อุตสาหกรรมการก่อสร้างลดความซับซ้อนของขั้นตอนการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการชำระเงิน ลดความเสี่ยงทางการเงิน และปรับปรุงกระแสเงินสด ผลลัพธ์ที่ได้คือการชำระเงินที่รวดเร็วยิ่งขึ้น การเข้าถึงเงินทุนที่เชื่อถือได้ และการโจมตีที่น้อยลง Levelset มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา โดยมีสำนักงานอยู่ที่ออสติน เท็กซัส และไคโร ประเทศอียิปต์ และมีพนักงานประมาณ 300 คน เรียนรู้เพิ่มเติมที่ Levelset.com

PROCORE-IR

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210922005931/en/

ติดต่อสื่อ
Roohi Saeed
press@procore.com

ติดต่อนักลงทุน
Matthew Puljiz
ir@procore.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TDCX ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)– 8 ก.ย. 2564

8 กันยายน พ.ศ. 2564 — TDCX Inc. (“TDCX” หรือ “บริษัท”) ผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพ ประกาศว่า บริษัทได้ยื่นคำชี้แจงการจดทะเบียนในแบบฟอร์ม F- 1 ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (“IPO”) ของหุ้น American Depositary Shares (“ADS”) ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นสามัญประเภท A บริษัทตั้งใจที่จะลงโฆษณาในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ “TDCX”

ยังไม่ได้มีการกำหนดจำนวนหุ้นสามัญที่จะเป็นตัวแทนของแต่ละ ADS และยังไม่ได้กำหนดจำนวน ADS ที่จะเสนอขาย และช่วงราคาสำหรับการเสนอขาย

Goldman Sachs & Co. LLC และ Credit Suisse Securities (USA) LLC จะทำหน้าที่เป็นผู้ทำบัญชีร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะกระทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น สำเนาหนังสือชี้ชวนเบื้องต้น หากมี สามารถหาได้จาก:

Goldman Sachs & Co. L.L.C.

200 West Street

New York, NY 10282-2198

ติดต่อ: Prospectus Department (1-866-471-2526)

อีเมลl: prospectus-ny@gs.com

Credit Suisse Securities (USA) L.L.C.

6933 Louis Stephens Drive

Morrisville, NC 27560

ติดต่อ: Prospectus Department (1-800-221-1037)

อีเมล: usa.prospectus@credit-suisse.com

แบบฟอร์มคำชี้แจงการลงทะเบียน F-1 และการแก้ไขที่ตามมาทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่  www.sec.gov.

คำชี้แจงการจดทะเบียนในแบบฟอร์ม F-1 ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้

ห้ามขายโฆษณาเหล่านี้หรือข้อเสนอที่จะซื้อก่อนเวลาที่ใบแจ้งการจดทะเบียนมีผลบังคับใช้ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือ คุณสมบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว หลักทรัพย์ที่อ้างถึงในที่นี้ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนและจะไม่ถูกจดทะเบียนภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ที่บังคับใช้ในเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ TDCX

TDCX เป็นผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่น ๆ บริษัทนำเสนอโซลูชัน CX แบบ omnichannel  บริการการขายและการตลาดดิจิทัล และบริการตรวจสอบและกลั่นกรองเนื้อหา บริษัทมีประวัติด้านความสำเร็จกับลูกค้าในด้านการเดินทางและการบริการ การโฆษณาดิจิทัลและสื่อ สินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี บริการทางการเงิน ฟินเทค หน่วยงานภาครัฐและเอกชน การเล่นเกม อีคอมเมิร์ซและการศึกษา TDCX มีสำนักงานในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย โรมาเนีย สเปน และโคลอมเบีย และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในกว่า 20 ภาษา TDCX ได้รับรางวัลมากกว่า 270 รางวัล

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

การประกาศนี้อาจมีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่สะท้อนถึงความคาดหวังในปัจจุบันของ TDCX เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต รายการและคำอธิบายของความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และความเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน TDCX สามารถดูได้ในเอกสารที่ TDCX ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงแบบฟอร์มการจดทะเบียน F‑1 นักลงทุนควรระมัดระวังอย่าใช้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้เกินควร ซึ่งกล่าว ณ วันที่ในที่นี้เท่านั้น TDCX ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลที่มีอยู่ในประกาศนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์หรือสถานการณ์ในอนาคตหรืออย่างอื่น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210907005846/en/

สำหรับคำถาม

นักลงทุน:

TDCX

Jason Lim

+65 9799 6550

lim.jason@tdcx.com

สื่อ:

TDCX

Eunice Seow

+65 8432 8388

eunice.seow@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

AD Ports Group และ CMA CGM Group ประกาศข้อตกลงเพื่อลงทุน 570 ล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในอาคารพักตู้สินค้า ณ ท่าเทียบเรือ Khalifa

Logo

  • ภายใต้ข้อตกลงสัมปทาน 35 ปี อาคารพักตู้สินค้าอันล้ำสมัยจะเปิดดำเนินการในปี 2567 โดยมีกำลังการผลิตเริ่มต้น 1.8 ล้าน TEU
  • ท่าเรือ Khalifa กลายเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับบริษัทเดินเรือสามในสี่อันดับแรกของโลก

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–9 ก.ย. 2564

AD Ports Group ซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรม และการค้าระดับชั้นนำของภูมิภาค และ CMA CGM Group ซึ่งตั้งอยู่ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ได้ประกาศการลงนามในข้อตกลงสัมปทานระยะเวลา 35 ปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210909005619/en/

H.H. Sheikh Khaled bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan, Member of Abu Dhabi Executive Council and Chairman of Abu Dhabi Executive Office, meets with officials from AD Ports Group and CMA CGM Group to witness the signing of a concession agreement between them. (Photo: AETOSWire)

H.H. Sheikh Khaled bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan สมาชิกสภาบริหารอาบูดาบีและประธานสำนักงานบริหารอาบูดาบี เข้าพบเจ้าหน้าที่จาก AD Ports Group และ CMA CGM Group เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงสัมปทานระหว่างพวกเขา (ภาพ: AETOSWire)

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง จะมีการสร้างอาคารพักตู้สินค้าที่ท่าเรือ Khalifa ซึ่งเป็นท่าเรือคอนเทนเนอร์กึ่งอัตโนมัติแห่งแรกในภูมิภาค GCC ซึ่งจะได้รับการจัดการโดยกิจการร่วมค้าที่เป็นเจ้าของโดย CMA Terminals ในเครือของ CMA CGM (ถือหุ้น ร้อยละ 70 ) และ AD Ports Group (สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 30 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ) คาดว่าการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะมอบเงินประมาณ 570 ล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  (154 ล้านเหรียญสหรัฐ) ให้กับโครงการ

อาคารผู้โดยสารที่ล้ำสมัยเพื่อรองรับการเติบโตของท่าเรือคาลิฟา

การก่อสร้างเริ่มในปี 2564 และอาคารพักตู้สินค้าแห่งใหม่นี้มีกำหนดส่งมอบในปี 2567 โดยในเฟสที่ 1 มีความยาวท่าเรือเริ่มต้น 800 เมตร และกำลังการผลิต 1.8 ล้าน TEU ต่อปีโดยประมาณ AD Ports Group จะรับผิดชอบในการพัฒนางานสนับสนุนทางทะเลและโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงกำแพงท่าเรือสูงถึง 1,200 เมตร เขื่อนกันคลื่นขนาด 3,800 เมตร ชานชาลารางที่สร้างเสร็จทั้งหมด และลานจอดปลายทางขนาด 700,000 ตารางเมตร

อาคารพักตู้สินค้าดังกล่าวจะช่วยให้ CMA CGM มีศูนย์กลางระดับภูมิภาคแห่งใหม่ และจะช่วยให้กลุ่มบริษัทสามารถพัฒนาบริการระหว่างอาบูดาบีและเอเชียใต้ เอเชียตะวันตก แอฟริกาตะวันออก ยุโรป และเมดิเตอร์เรเนียน ตลอดจนตะวันออกกลางและอนุทวีปอินเดีย

ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่นี้ CMA CGM Group ได้ผลักดันกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลกในฐานะผู้ให้บริการเทอร์มินัลชั้นนำ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทดำเนินการท่าเทียบเรือ 49 ท่าใน 27 ประเทศผ่านบริษัทในเครือ CMA Terminals และ Terminal Link

ท่าเรือ Khalifa  ศูนย์กลางของบริษัทเดินเรือสามในสี่อันดับแรกของโลก

CMA CGM Group เป็นหน่วยงานด้านการเดินเรืออันดับสามในสี่อันดับแรกของโลกที่ผนึกกำลังกับผู้อำนวยความสะดวกด้านการค้า โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมชั้นนำของอาบูดาบี ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการยืนยันสถานะของท่าเรือคาลิฟาในฐานะท่าเรือหลักเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ให้บริการศูนย์กลางสำหรับสายการเดินเรือชั้นนำของโลกสามสาย และยังทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญของตลาดการค้าทางทะเลทั่วโลกที่เชื่อมต่อระหว่างตะวันออกกับตะวันตก

CMA CGM พันธมิตรที่มุ่งมั่นสู่เศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ส่วนกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอาบูดาบี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ ช่วยให้กลุ่ม CMA CGM สามารถใช้แผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งในอ่าว และให้บริการที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

CMA CGM Group ตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเวลา 15 ปีแล้ว และมีพนักงานประมาณ 450 คนที่ทำงานภายในสำนักงาน 10 แห่ง เพื่อจัดหาโซลูชั่นบริการทางทะเลและโลจิสติกส์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยการเชื่อมต่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับโลกด้วย 13 บริการรายสัปดาห์ ให้กับ 9 ท่าเรือ

H.E. Falah Mohammed Al Ahbabi ประธาน AD Ports Group กล่าวว่า “หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีส่วนอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาบูดาบีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของเราซึ่งพร้อมสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงยังมีเขตปลอดอากรและการริเริ่มความผูกพันทางธุรกิจที่ช่วยธุรกิจต่างชาติในการสร้างสถานะในประเทศให้ง่ายขึ้น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่สำคัญในหมู่ผู้เล่นชั้นนำของโลกจำนวนมากที่ต้องการขยายการเข้าถึงไปยังตะวันออกกลาง

“ข้อตกลงครั้งสำคัญกับ CMA CGM Group เป็นตัวอย่างที่สำคัญของความพยายามอย่างต่อเนื่องเหล่านั้น และข้อตกลงที่จะเร่งการค้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่อื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ”

“นอกจากการผลักดันปริมาณการค้าที่เพิ่มขึ้นผ่านท่าเรือของเราและการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว เราคาดว่าความสามารถของโรงงานและการเพิ่มการเชื่อมโยงทางการค้ากับท่าเรือที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ จะผลักดันการลงทุนในธุรกิจในท้องถิ่นและเขตอุตสาหกรรมของเรา สร้างการพัฒนาอย่างรวดเร็วแบบฟาสต์แทร็คของภาคส่วนสำคัญ ๆ รวมถึงการผลิตและการขนส่ง และการเพิ่มความต้องการกำลังคน”

“ข้อตกลงนี้จะช่วยให้เราตระหนักถึงความทะเยอทะยานในระยะยาวของเราในการก้าวขึ้นเป็นผู้ดำเนินการท่าเรือ อุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ 10 อันดับแรก โดยการขยายขีดความสามารถและการเติบโตของเราทั่วทั้งภูมิภาคและที่อื่น ๆ โดยรวมแล้ว เราคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า การร่วมทุนสร้างของ CMA Terminals จะขับเคลื่อนการพัฒนาเพิ่มเติมของเขตอุตสาหกรรม Khalifa อาบูดาบี (KIZAD) ในขณะเดียวกันก็ยังมีส่วนช่วยอย่างมากต่อ GDP ของประเทศ”

กัปตัน Mohamed Juma Al Shamisi ซีอีโอของกลุ่ม AD Ports Group กล่าวว่า “การเพิ่มอาคารคอนเทนเนอร์ใหม่ที่ท่าเรือ Khalifa ซึ่งจะได้รับการจัดการโดยกิจการร่วมค้าที่จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือกับ CMA Terminals เป็นการเปิดบทใหม่ในความพยายามขององค์กรของเรา เพื่อเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่สำคัญของการค้าโลก และยกระดับสถานะของอาบูดาบีในฐานะศูนย์กลางการค้าทางทะเลทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

“ด้วยการเพิ่มกลุ่มบริษัทเดินเรือชั้นนำระดับโลกอีกบริษัทหนึ่ง จะทำให้ท่าเรือ Khalifa เป็นศูนย์กลางสำหรับบริษัทเดินเรือชั้นนำสามในสี่แห่งของโลก การกระทำเช่นนี้จะสร้างโอกาสในการเปิดเส้นทางการค้าสู่ตลาดใหม่ในยุโรป แอฟริกา เอเชียตะวันตก และเอเชียใต้  ที่ประเทศของเรา เราคาดหวังว่าจะมีท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ซึ่งจะเชื่อมโยงโดยตรงกับสถานีขนส่งที่กำลังจะเกิดขึ้นของท่าเรือ Khalifa และการใช้ประโยชน์บริการ เพื่อเร่งกระแสการค้าเข้าและออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ลูกค้าของ CMA CGM Group พิจารณาจัดตั้ง บริษัทในอาบูดาบี”

Rodolphe Saadé ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CMA CGM Group กล่าวว่า “โครงการอันทะเยอทะยานที่เราจะเปิดตัวในวันนี้ในอาบูดาบีถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ CMA CGM ในภูมิภาคนี้

ท่าเทียบเรือที่ล้ำสมัยนี้จะช่วยเสริมตำแหน่งของท่าเรือ Khalifa ในฐานะศูนย์กลางชั้นนำระดับโลกและส่งเสริมเศรษฐกิจของภูมิภาค เร่งกระแสการค้าเข้าและออกจากอาบูดาบี

นอกจากนี้ยังช่วยให้กลุ่มของเราสามารถขยายเครือข่ายการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค ซึ่งเราเห็นศักยภาพในการเติบโตอย่างมากอีกด้วย”

หากต้องการดูวิดีโอเกี่ยวกับข้อตกลง โปรดไปที่:  https://youtu.be/hvW0sgIOonY.

เกี่ยวกับ AD Ports Group:

เกี่ยวกับ AD Ports Group:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม: adports.ae

Twitter @AbuDhabiPorts

LinkedIn: linkedin.com/company/abudhabiports

Instagram: instagram.com/AbuDhabiPorts

Facebook: facebook.com/AbuDhabiPorts

เกี่ยวกับCMA CGM

ติดตาม CMA CGM Group ได้ที่:

https://twitter.com/cmacgm

https://www.linkedin.com/company/cma-cgm

https://www.facebook.com/cmacgm

http://instagram.com/cmacgm/

https://www.youtube.com/channel/UCAMAVVaqikbzeE3znzw6lVQ

*แหล่งที่มา: AETOSWire

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210909005619/en/

ติดต่อ:

AD Ports Group

Sana Maadad

sana.maadad@adports.ae

+971506250890

CMA CGM

ฝ่ายสื่อสัมพันธ์

media@cma-cgm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย