Category Archives: Finance

Interactive Brokers ขยายเครื่องมือสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

Logo

GlobalAnalyst ช่วยให้นักลงทุนหาโอกาสใหม่ๆ ในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต

กรีนิช คอนเนตทิคัต–(บิสิเนสไวร์)–30 พฤศจิกายน 2564

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทโบรกเกอร์ระดับโลก เปิดตัว GlobalAnalyst ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบการประเมินมูลค่าและตัวชี้วัดทางการเงินของหุ้นทั่วโลก

GlobalAnalyst ได้รับการออกแบบสำหรับนักลงทุนที่สนใจในการกระจายพอร์ตการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อค้นหาบริษัทที่มีมูลค่าต่ำที่อาจมีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่า  เนื่องจากตระหนักว่าอาจเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนในการประเมินข้อดีของหุ้นที่ซื้อขายในสกุลเงินต่างๆ Interactive Brokers ได้สร้างเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังเพื่อเปรียบเทียบจำนวนหุ้นตามเมตริกต่างๆ ในหนึ่งใน 27 สกุลเงินที่ผู้ใช้เลือก ในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้สามารถซื้อ ขาย และติดตามหุ้นเหล่านี้ในสกุลเงินที่พวกเขาเลือกทั้งหมดในบัญชีเดียวบนหน้าจอเดียว

เมื่อใช้ GlobalAnalyst นักลงทุนสามารถค้นหาหุ้นตามภูมิภาค ประเทศ อุตสาหกรรม มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด และสกุลเงิน เพื่อระบุหุ้นที่มีราคาต่ำทั่วโลก ตารางแสดงตลาดปัจจุบันและตัวชี้วัดทางการเงินต่างๆ เช่น P/E/G Ratio (PE หารด้วยอัตราการเติบโตของรายได้รวม 3 ปี) PEG ที่ต่ำกว่า 1.0 แสดงว่าบริษัทนั้นถูกตีราคาต่ำเกินไป ในขณะที่ PEG ที่สูงกว่า 1.0 หมายถึงบริษัทที่มีมูลค่าสูงเกินไป

“นอกเหนือจากการนำเสนอทางเลือกการลงทุนจากตลาดกว่า 135 แห่งทั่วโลก เรายังคงให้บริการเทคโนโลยีและเครื่องมือชั้นนำแก่นักลงทุน เพื่อช่วยให้พวกเขาตัดสินใจลงทุนโดยอิงข้อมูล” Thomas Peterffy ประธานและผู้ก่อตั้ง Interactive Brokers กล่าว “GlobalAnalyst เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนรายย่อยและนักเทรดที่เชี่ยวชาญในการเริ่มต้นการค้นหา  โดยมองหาประโยชน์จากการลงทุนทั่วโลก เราเน้นว่าการวิเคราะห์อย่างละเอียดต้องเป็นองค์ประกอบหลักในการศึกษาหุ้นเสมอ”

ความเรียบง่ายของ GlobalAnalyst ทำให้เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ค้นหาหุ้นต่างประเทศอย่างรวดเร็ว และให้บริการฟรีบนเว็บไซต์ Interactive Brokers:

สหรัฐอเมริกา: ibkr.com/ganalyst

สหราชอาณาจักร: ibkr.co.uk/ganalyst

ยุโรปกลาง: interactivebrokers.hu/ganalyst

ยุโรปตะวันตก: ibkr.ie/ganalyst

สิงคโปร์: ibkr.com.sg/ganalyst

ออสเตรเลีย: ibkr.com.au/ganalyst

ฮ่องกง: ibkr.hk/ganalyst

แคนาดา: ibkr.ca/ganalyst

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc .:

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการดำเนินการซื้อขายอัตโนมัติและการดูแลหลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตลอดเวลาในตลาดกว่า 135 แห่งในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน  ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR บัญชีเดียวไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการแก่นักลงทุนรายย่อย กองทุนป้องกันความเสี่ยง กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และโบรกเกอร์ให้แนะนำ  การมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติตลอดสี่ทศวรรษทำให้เราสามารถจัดเตรียมแพลตฟอร์มที่มีความซับซ้อนเฉพาะตัวแก่ลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะมอบราคาดำเนินการและเครื่องมือการซื้อขาย ความเสี่ยงและพอร์ตโฟลิโอ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าของเรา โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำหรือไม่มีเลย โดยวางตำแหน่งเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหนือกว่า  Barron ได้จัดอันดับ Interactive Brokers เป็น #1 ด้วยคะแนน 5 จาก 5 ดาวในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นรีวิวโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด

อ่านจากต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211130005343/en/

ติดต่อ:

Interactive Brokers Group, Inc.
สื่อ: Katherine Ewert, media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Unicommerce ทุ่ม 5 ล้านเหรียญดอลลาร์ เพื่อขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง ตั้งเป้าโตธุรกิจต่างประเทศ 400%

Logo

  • การลงทุนจะตั้งเป้าไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ การจ้างผู้มีความสามารถ การตลาด และการตั้งสำนักงานใหม่ในตลาดต่างประเทศ
  • เส้นทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีลูกค้า 10+ รายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–23 พฤศจิกายน 2564

Unicommerce แพลตฟอร์ม SaaS สำหรับซัพพลายเชนเน้นอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ตัดสินใจลงทุน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินงานระหว่างประเทศ และขยายการดำเนินงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง  บริษัทได้ลงทุนและพัฒนาธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง และจะยังคงหาลูกค้าเพิ่มขึ้นในตลาดเหล่านี้ต่อไป หลังจากก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่ไร้คู่แข่งในอินเดียแล้ว  Unicommerce ตั้งเป้าที่จะสร้างตัวเองให้เป็นตัวเลือกที่ต้องการของผู้ค้าปลีกออนไลน์และแบรนด์ค้าปลีกในภูมิภาค

Unicommerce จะลงทุนในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ การจัดตั้งสำนักงานในพื้นที่ การขายและการตลาด ควบคู่ไปกับการจ้างงานผู้มีความสามารถในท้องถิ่นในภูมิภาคเหล่านี้ ด้วยประสบการณ์กว่าเก้าปีและการทำงานร่วมกับลูกค้าในภาคส่วนต่างๆ ในอินเดีย Unicommerce ได้สร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโลกอย่างแท้จริงซึ่งออกแบบมาสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ  บริษัทได้ลูกค้าใหม่มากกว่า 10 รายในตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และกำลังจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  การลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้ถึง 400% ในธุรกิจในต่างประเทศ

Kapil Makhija ซีอีโอของ Unicommerce กล่าวว่า “การใช้งานอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะเสริมสร้างสถานะของเราในภูมิภาคนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การเร่งความเร็วของอีคอมเมิร์ซที่นำโดยโรคระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สร้างความต้องการแพลตฟอร์มซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งเพื่อให้แน่ใจว่ามีการจัดส่งที่รวดเร็วขึ้นและประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ราบรื่นสำหรับผู้บริโภค  จนถึงตอนนี้ เราสามารถบริการลูกค้าในสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และเร็วๆ นี้จะเพิ่มลูกค้าในตลาดอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ในอีกสองสามปีข้างหน้า  เราจะขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยเงินทุนซึ่งมุ่งเน้นไปที่การได้มาซึ่งลูกค้า การสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง”

โซลูชัน Unicommerce มาพร้อมกับ การผสานรวมที่มีอยู่ก่อนแล้วกว่า 150 รายการ และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใคร เพื่อจัดหาโซลูชั่นเทคโนโลยีคลาวด์สำหรับซัพพลายเชนอีคอมเมิร์ซเพื่อช่วยผู้เล่นในอุตสาหกรรมทุกขนาด บริษัทได้ทำงานร่วมกับลูกค้ากว่า 15,000 รายทั่วอินเดีย ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดำเนินการธุรกรรม 1 ล้านครั้งต่อวัน

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211123005711/en/

ติดต่อ:

Kinshuk Sindhwani
kinshuk.sindhwani@unicommerce.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant ระดมทุนรอบใหม่ได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ เพื่อขยายการเติบโตของธุรกิจน้ำจากเทคโนโลยีสะอาด

Logo

  • การระดมทุนรอบนี้นำโดย Warburg Pincus และ Schlumberger New Energy
  • เงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตตามกลยุทธ์ เป็นแหล่งทุนให้กับโครงการต่าง ๆ การนำเทคโนโลยีมาใช้ และการเข้าซื้อกิจการเมื่อมีโอกาส
  • Gradiant คือผู้ให้บริการโซลูชันและผู้พัฒนาโครงการน้ำจากเทคโนโลยีสะอาดระดับโลก

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–22 พฤศจิกายน 2564

วันนี้ Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชันการบำบัดน้ำแบบครบวงจรและผู้พัฒนาโครงการอสังหาชั้นนำระดับโลก ประกาศว่าบริษัทได้ทำการระดมทุนในรอบ Series C ได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้นำโดยพันธมิตรทางด้านการเงินและกลยุทธ์ของบริษัทอย่าง Warburg Pincus รวมทั้ง Schlumberger New Energy และสามารถระดมทุนได้เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ตอนแรกที่ 65 ล้านดอลลาร์ฯ การระดมทุนในรอบนี้ทำให้เงินทุนของ Gradiant ณ ปัจจุบันมียอดรวมสูงกว่า 200 ล้านดอลลาร์ฯ นับตั้งแต่ก่อตั้ง

Gradiant เป็นผู้พัฒนาและผู้ให้บริการด้านโรงบำบัดน้ำและน้ำเสียที่มีความทันสมัยทั่วโลก โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับเจ้าของแบรนด์และผู้ผลิตระดับโลกที่มีความต้องการระบบน้ำจากเทคโนโลยีที่สะอาดและยั่งยืนซึ่งจำเป็นต่อธุรกิจ บริษัทยังมีเทคโนโลยีที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และสิทธิบัตรมากมาย รวมถึงบริการต่าง ๆ สำหรับโซลูชันเทคโนโลยีสะอาดแบบครบวงจร โดยเน้นเรื่องการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การฟื้นฟูทรัพยากร การลดความเค็มเพื่อลดการปล่อยน้ำให้เหลือน้อยที่สุดและไม่ปล่อยน้ำเสียออกสู่ภายนอกเลย (MLD / ZLD) รวมถึงโซลูชันแบบดิจิทัลเพื่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของโรงงาน Gradiant ยังนำเสนอโมเดลต่าง ๆ ที่มีความยืดหยุ่นสำหรับการออกแบบและก่อสร้าง การดำเนินงานและบำรุงรักษา รวมถึงโมเดลด้านการเงินสำหรับโครงการต่าง ๆ ตามความต้องการและสถานการณ์ของลูกค้าแต่ละราย

การระดมทุนดังกล่าวจะช่วยให้ Gradiant สามารถขยายสู่ตลาดและอุตสาหกรรมตามกลยุทธ์ได้กว้างขึ้น สนับสนุนเงินทุนในการจัดหาสินทรัพย์สำหรับโครงการใหม่ ๆ เร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ Gradiant รวมถึงเข้าซื้อบริษัททางด้านน้ำจากเทคโนโลยีสะอาดและความยั่งยืนซึ่งจะเข้ามาเติมเต็มและทำงานร่วมกันได้อย่างมีกลยุทธ์ บริษัทวางแผนสร้างธุรกิจให้เติบโตในอุตสาหกรรมหลัก เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เภสัชกรรม และการทำเหมือง โดยใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ทั้งในเอเชียแปซิฟิก สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง

Roy Ben-Dor กรรมการผู้จัดการของ Warburg Pincus กล่าวว่า “Gradiant อยู่บนเส้นทางการเติบโตอันน่าตื่นเต้นภายใต้การนำของทีมบริหารที่แข็งแกร่งและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องโซลูชันน้ำที่จำเป็นสำหรับลูกค้าของพวกเขาในการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน” ขณะที่ Jeff Luse ประธานแห่ง Warburg Pincus ผู้ที่กำลังจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการบริษัท กล่าวเสริมว่า “ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของ Gradiant เป็นเครื่องสะท้อนถึงความก้าวหน้าที่ทีมได้สร้างขึ้นจากการส่งมอบโซลูชันน้ำจากเทคโนโลยีสะอาดที่แตกต่างและมีประสิทธิภาพให้กับแบรนด์ระดับแถวหน้าของโลก”

Gradiant เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับการคาดการณ์ทางการเงินในระยะเวลาอันใกล้นี้คาดว่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องในอัตราที่รวดเร็วจากสัญญาออกแบบ-ก่อสร้าง (DB) และสัญญาออกแบบ-ก่อสร้าง-ควบคุม-ดำเนินงาน-จัดการ (DBOOM) ที่ยังคงค้างอยู่ซึ่งมีมากขึ้น ขณะที่การเข้าซื้อ Sigma Water (มาเลเซีย) และ CRS Water (ออสเตรเลีย) อย่างมีกลยุทธ์เมื่อไม่นานมานี้ก็ได้สร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า ข้อเสนอ และตลาดใหม่ ๆ เมื่อจับคู่กับเทคโนโลยีน้ำสะอาด การพัฒนาโครงการ และความสามารถทางการเงินของ Gradiant การเติบโตในช่วงที่ผ่านมาของ Gradiant นั้นเกิดจากการชนะประมูลโครงการสำคัญ ๆ ในเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก ซึ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมและการเติบโตของประชากรอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ส่งผลให้เทคโนโลยีเพื่อน้ำสะอาดและความยั่งยืนเป็นที่ต้องการอย่างมาก

Anurag Bajpayee ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Gradiant กล่าวว่า “ลูกค้าของเราคือบรรดาเจ้าของแบรนด์ระดับโลกที่ติดอันดับ Fortune 100 ในตลาดและอุตสาหกรรมหลัก บริษัทเหล่านั้นใช้และบำบัดน้ำปริมาณมหาศาลในกระบวนการต่าง ๆ ที่เป็นหัวใจต่อผลิตภัณฑ์และบริการที่สำคัญของพวกเขา ลูกค้าของเราต้องเผชิญกับความกดดันทั้งด้านการเงินและสังคมมากขึ้นเพื่อให้นำการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาใช้ โดยการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่และการฟื้นฟูทรัพยากรให้ได้มากที่สุด รวมถึงลดการปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อมและใช้พลังงานให้น้อยที่สุด และพวกเขามาที่ Gradiant โดยหวังพึ่งพานวัตกรรม ความเป็นผู้นำ และการจัดการของเรา โซลูชันขอองเรามีศักยภาพที่สุดที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนตามความคาดหวังของผู้ถือหุ้นและชุมชนที่พวกเขาเข้าไป”

Ashok Belani รองประธานกรรมการบริหารของ Schlumberger New Energy กล่าวว่า “เราตั้งตารอที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดการและฟื้นฟูทรัพยากรของ Gradiant รวมถึงการบำบัดน้ำเสียที่มีความก้าวล้ำผ่านการผสานการทำงานของเทคโนโลยีและตลาดอย่างมีกลยุทธ์ Gradiant คือผู้ส่งมอบโซลูชันน้ำสะอาดที่เข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรม ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่เรามีร่วมกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนต่อไป”

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการโซลูชันชั้นนำและเป็นผู้พัฒนาโครงการเทคโนโลยีสะอาดสำหรับการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง โซลูชันแบบครบวงจรที่มีประสิทธิภาพของ Gradiants รวมถึงการตอบสนองความต้องการด้านเทคนิคและความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานที่เป็นที่ยอมรับทำให้สามารถรับมือกับความท้าทายในเรื่องน้ำที่มีความซับซ้อนมากที่สุดได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่า Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) เพื่อแก้ปัญหาด้านการบำบัดน้ำที่มีความท้าทายมากที่สุดโดยใช้เทคโนโลยีที่ยั่งยืนเพื่อสร้างผลกระทบในทางบวกต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ Gradiant ให้บริการลูกค้าจากทั่วโลกจากสำนักงานใหญ่ในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาครวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครืออย่าง Gradiant India (เชนไน), Gradiant China (เซี่ยงไฮ้, หนิงโป), Sigma Water (มาเลเซีย), Gradiant Australia (ซิดนีย์), Gradiant Energy Services (ฮูสตันและมิดแลนด์, เท็กซัส, สหรัฐอเมริกา) และ Gradiant Middle East (ซาอุดิอาระเบีย) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.gradiant.com

เกี่ยวกับ Warburg Pincus

Warburg Pincus LLC เป็นผู้ลงทุนด้านการเติบโตชั้นนำของโลก บริษัทมีสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดมูลค่ากว่า 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในการบริหารจัดการ และมีลูกค้าเป็นบริษัทต่าง ๆ กว่า 215 แห่งจากระดับ อุตสาหกรรม และภูมิภาคที่มีความหลากหลาย Warburg Pincus คือพันธมิตรที่มีประสบการณ์สำหรับทีมผู้บริหารที่ต้องการสร้างบริษัทที่มั่นคงและมีมูลค่าที่ยั่งยืน Warburg Pincus ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2509 มีกองทุนสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดมากกว่า 20 กองทุน ซึ่งได้ลงทุนไปแล้วกว่า 9.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในบริษัทกว่า 960 แห่งจากกว่า 40 ประเทศ สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ในนิวยอร์ก และมีสำนักงานในอัมสเตอร์ดัม ปักกิ่ง เบอร์ลิน ฮ่องกง ฮูสตัน ลอนดอน ลักเซมเบิร์ก มุมไบ มอริเชียส ซานฟรานซิสโก เซาเปาโล เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.warburgpincus.com

เกี่ยวกับ Schlumberger New Energy

Schlumberger เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก Schlumberger New Energy ออกสำรวจเส้นทางใหม่ ๆ สู่การเติบโตโดยต่อยอดจากต้นทุนทางด้านปัญญาและธุรกิจของ Schlumberger ในตลาดพลังงานเกิดใหม่ โดยมุ่งเน้นในเรื่องเทคโนโลยีพลังงานคาร์บอนต่ำและคาร์บอนเป็นกลาง และได้ลงทุนไปในธุรกิจไฮโดรเจน ลิเธียม การจัดเก็บพลังงาน การดักจับและกักคาร์บอน พลังงานความร้อนใต้พิภพ และพลังงานเชิงภูมิศาสตร์สำหรับระบบทำความร้อนและความเย็นในอาคาร ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.slb.com/newenergy

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211117005345/en/

ติดต่อ:

Felix Wang
Gradiant, รองประธานฝ่ายการตลาด
fwang@gradiant.com

ShawKwei & Partners เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group ด้วยมูลค่า 101 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2564

ShawKwei & Partners บริษัทกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดแห่งเอเชีย (“ShawKwei”) ประกาศการเข้าซื้อกิจการ CR Asia Pte Ltd (สิงคโปร์) มูลค่า 101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทในเครือทั้งหมด ซึ่งรู้จักกันในชื่อ CR Asia Group ด้วยประวัติการดำเนินงาน 30 ปี CR Asia Group เป็นธุรกิจโซลูชั่นด้านวิศวกรรมพลังงานชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย โดยให้บริการลูกค้าระดับโลก อย่างเช่น Shell, Reliance และ Neste โดย ShawKwei เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group จาก Joh Mourik & Co. Holding B.V. แห่งเนเธอร์แลนด์, Arabian Pipeline & Services Co. Ltd. (Anabeeb) แห่งซาอุดีอาระเบีย และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยรายอื่น ๆ

CR Asia Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 ในสิงคโปร์ ปัจจุบันให้บริการลูกค้าใน 18 ประเทศในเอเชียจากฐานที่ตั้งถาวรในสิงคโปร์ ไทย อินเดีย และมาเลเซีย ลูกค้าเหล่านี้เป็นเจ้าของโรงงานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการแปรรูปพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตพลาสติก สิ่งทอ เครื่องสำอาง อิเล็กทรอนิกส์ สี และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ CR Asia Group เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการชาร์จและการปลดปล่อยตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญต่อภารกิจ ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์หลักที่ใช้ในการกลั่นพลังงาน สารเคมีและปุ๋ย และโรงงานแปรรูปอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ CR Asia Group ยังให้บริการอื่น ๆ รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และโรงงาน บริการกระบวนการดำเนินงานและการเดินท่อ การหยุดทำงานและการซ่อมบำรุง ตลอดจนบริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้าง (EPC)

Kyle Shaw ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ ShawKwei กล่าวว่า “CR Asia Group มีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศในการแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมพลังงานทั่วทั้งเอเชีย และอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนที่ต่ำกว่า CR Asia Group ได้รับการสนับสนุนจากพนักงานที่ซื่อสัตย์ ความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว และเครือข่ายพันธมิตรด้านเทคนิคที่กว้างขวาง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับทีมงาน CR Asia Group ทั้งหมด และลงทุนในโครงการริเริ่มด้านเทคโนโลยีระดับองค์กร การดำเนินงาน และระบบอัตโนมัติ เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงคาร์บอนที่ต่ำกว่า”

Mark Stansfield กรรมการผู้จัดการของ CR Asia Group กล่าวว่า “ทีมผู้บริหารของเรายินดีต้อนรับ ShawKwei ตามที่เราช่วยเหลือลูกค้าของเราในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะที่ยังคงรักษาความมั่นคงของพลังงาน อาหาร และห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของ CR Asia Group ในปี 2564 เราสะท้อนกลับด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จที่ผ่านมาของเรา และเราตั้งตารอด้วยความมั่นใจในการมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับลูกค้าของเรา”

เกี่ยวกับ ShawKwei & Partners

ShawKwei & Partners เป็นผู้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาด ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ และซานฟรานซิสโก ShawKwei & Partners ลงทุนในบริษัทการผลิต อุตสาหกรรม และบริการที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีรายได้ระหว่าง 50-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการลงทุน ShawKwei & Partners จะปรับปรุงธุรกิจโดยการร่วมมือกับผู้บริหารเพื่อระบุและตระหนักถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ยั่งยืนในการเติบโตของยอดขาย การขยายอัตรากำไรขั้นต้น และประสิทธิภาพของเงินทุน

Kyle Shaw ก่อตั้ง ShawKwei & Partners ในปี 2541 หลังจากก่อนหน้านี้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดในเอเชียสำหรับ Tudor Investment Group และ Security Pacific National Bank การลงทุนในอดีต รวมถึง YongLe Tape ผู้ผลิตเทปกาวชั้นนำของจีน Beyonics ผู้ผลิตโลหะ พลาสติก และอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำสำหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ยานยนต์ และเทคโนโลยีที่ดำเนินงานทั่วเอเชีย Flex Holdings (เดิมชื่อ Flextronics) ผู้รับจ้างผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และ Schmid Group นักออกแบบและผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับลูกค้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ลิเธียมในเยอรมนี

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211107005104/en/

ติดต่อ:

Mark Stansfield, Group Managing Director at CR Asia Group
T: +66-2-653-3913-5
E: mstansfield@crasia.net
Visit: www.crasia.net

Shirley Li, Communications Manager at ShawKwei & Partners
T: +852 3162 8479 / +86 138 1789 4699
E: shirley@shawkwei.com
Visit: www.shawkwei.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ripple เปิดตัว Liquidity Hub เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อขายและถือครองสินทรัพย์คริปโต

Logo

เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นแรกร่วมกับพันธมิตร Coinme

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)–09 พ.ย. 2564

วันนี้ Ripple ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นบล็อกเชนและคริปโตระดับองค์กร ได้นำเสนอตัวอย่าง Ripple Liquidity Hub ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่สำหรับลูกค้าองค์กรที่จะเปิดตัวในปี 2565   Ripple Liquidity Hub จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากหลากหลายจากผู้ให้บริการทั่วโลก รวมถึงผู้มอบสภาพคล่องตัว การแลกเปลี่ยน เคาน์เตอร์ OTC และสถานที่กระจายอำนาจในอนาคต  ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะรองรับการบูรณาการแบบเบ็ดเสร็จและการกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อที่ชาญฉลาดไปยังแหล่งสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อ ขาย และถือสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย

การเปิดตัว GA จะรองรับ BTC, ETH, LTC, ETC, BCH และ XRP (ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่) โดยมีแผนที่จะขยายไปยังสินทรัพย์ที่มีโทเค็นมากขึ้น ในอนาคต Ripple มีแผนที่จะเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนการ staking และฟังก์ชันการสร้าง yield

เป็นเวลาเกือบสองปีที่ Ripple ได้ใช้ประโยชน์จาก Liquidity Hub สำหรับการจัดการสภาพคล่องภายในโดยเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งขับเคลื่อนธุรกรรมนับล้านรายการ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ตอนนี้ Ripple จะทำให้ผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก เช่นเดียวกับสถาบันการเงิน ธนาคาร ฟินเทค หรือบริษัทต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือในการเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่คริปโตเป็นที่แรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

Asheesh Birla GM ของ RippleNet กล่าวว่า “เราเข้าใจโดยตรงถึงความจำเป็นในการจัดการสภาพคล่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ และด้วยเหตุนี้ เราได้ทราบความต้องการจากลูกค้าที่อยากได้โซลูชันที่สามารถเป็นผู้ค้าครบวงจรในการซื้อ ขาย และถือ สินทรัพย์คริปโท  การผสมผสานของ DNA คริปโตของ Ripple และประวัติการทำงานอันยาวนานกับสถาบันการเงินทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครในการแก้ไขปัญหานี้สำหรับลูกค้าของเราในขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เป็นโทเค็น”

Liquidity Hub ต่างจากโซลูชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กรและความต้องการเฉพาะของพวกเขา

  • การเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายดาย: นำเสนอ API ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากกลุ่มสภาพคล่องที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถผสานรวมกับ Liquidity Hub ได้อย่างง่ายดาย และเริ่มให้บริการซื้อขายแก่ลูกค้า ทำให้เกิดแหล่งรายได้ใหม่
  • การกำหนดราคาที่เหมาะสม: โดยมอบราคารวมที่ดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าจากแหล่งสภาพคล่องที่หลากหลาย
  • การเข้าถึงเงินทุน: องค์กรต่างๆ จะไม่ต้องเติมเงินในบัญชีล่วงหน้าสำหรับ Liquidity Hub และสามารถรับเงินทุนหมุนเวียนผ่าน Ripple เพื่อเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจได้

พันธมิตรรายแรกของ Ripple ของผลิตภัณฑ์รุ่นแรกคือ Coinme ซึ่งเป็นเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีสถานที่หลายพันแห่งทั่วประเทศ ในขั้นต้น Coinme จะใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีพื้นฐานของ Liquidity Hub โดยมีแผนที่จะปลดล็อกฟังก์ชันเพิ่มเติมเมื่อพร้อมใช้งาน

“Coinme ให้การเข้าถึงที่สะดวกและง่ายดายในการแลกเปลี่ยนเงินสดเป็นคริปโต  การจัดการเครือข่ายที่กว้างขวางนี้ต้องการการเข้าถึงสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าของเราสำหรับสินทรัพย์ที่หลากหลาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Ripple เพื่อนำประโยชน์เหล่านี้มาสู่ลูกค้าและธุรกิจของเรา” Neil Bergquist ซีอีโอของ Coinme กล่าว

Ripple เป็นบริษัทองค์กรแห่งแรกที่ใช้ประโยชน์จากคริปโตเพื่อจัดการกับความท้าทายมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ด้วยการชำระเงินข้ามพรมแดน  ตั้งแต่นั้นมา Ripple ได้ขยายจากเครือข่ายการชำระเงินข้ามพรมแดนไปยังแพลตฟอร์มที่ให้บริการโทเค็นที่จะนำความสามารถด้านการเข้ารหัสลับมาสู่องค์กร และเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่คริปโตเป็นศูนย์กลาง สภาพคล่องมีบทบาทสำคัญและเป็นรากฐานของประสบการณ์ในสกุลเงินดิจิทัล

ในอนาคต ลูกค้าทุกคนจะเข้าร่วม RippleNet ด้วยบริการพื้นฐานเดียวกันและกระเป๋าเงินที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งคริปโตและ fiat ด้วยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้  ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนล่าสุดที่ทำให้พวกเขาทันสมัยอยู่เสมอ แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถอัพเกรดและเพิ่มบริการใหม่ๆ ได้อย่างราบรื่นตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าจะสามารถใช้กระเป๋าเงินที่เปิดใช้งาน Ripple เพื่อดูแลทุกอย่างที่เป็นโทเค็นได้

RippleNet เพิ่งเสร็จสิ้นไตรมาสที่ดีที่สุดจน โดยประกาศตลาดมากกว่า 20 แห่งที่พร้อมให้บริการสำหรับ ODL ด้วยการใช้งานใหม่ในญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง รวมถึงการเติบโตมากกว่า 25 เท่าสำหรับกระแสข้อมูลระหว่างประเทศในเครือข่าย

การเปิดตัว Liquidity Hub อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดอื่นๆ ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามเขตอำนาจศาล

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้สามารถชำระเงินได้ทุกที่ ทุกทาง สำหรับทุกคนที่ใช้พลังของคริปโตและบล็อกเชน  ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายระดับโลก (RippleNet) ที่กำลังเติบโตของ Ripple  สถาบันการเงินสามารถประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าได้ทุกที่ในโลกทันที เชื่อถือได้ และคุ้มค่า ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้ XRP ของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ได้ ด้วยสำนักงานในซานฟรานซิสโก วอชิงตัน ดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple มีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211109005824/en/

ติดต่อ:

Megan Katz
Press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

DigitalBridge ประกาศการลงทุนจาก IFC เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการเชื่อมต่อในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

โบคา เรตัน รัฐฟลอริดา–(BUSINESS WIRE)–09 พฤศจิกายน 2564

DigitalBridge Group, Inc. (NYSE: DBRG) (“DigitalBridge” หรือ “บริษัท”) ประกาศในวันนี้ว่า International Finance Corporation (“IFC”) จะลงทุนด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จัดการโดย DigitalBridge ในบราซิล อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อขยายการเข้าถึงและการเชื่อมต่อดิจิทัล

การลงทุนด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านดอลลาร์ของ IFC นั้นรวมถึง 75 ล้านดอลลาร์ที่ลงทุนไปแล้วในบริษัทพอร์ตโฟลิโอของ DigitalBridge จำนวนสามแห่งได้แก่:

  • Scala Data Centers (“Scala”) ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกลชั้นนำที่ตั้งอยู่ในบราซิล
  • EdgePoint Infrastructure (“EdgePoint”) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สายอิสระที่มีการดำเนินงานในอินโดนีเซียและมาเลเซีย และ
  • Highline do Brasil (“Highline”) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สายอิสระที่มีการดำเนินงานในบราซิล

IFC จะลงทุนเพิ่มอีก 25 ล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ซึ่งจัดการโดย DigitalBridge ในอนาคต

เงินทุนของ IFC จะช่วยขยายธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ Scala, EdgePoint และ Highline และเพิ่มการเข้าถึงการเชื่อมต่อดิจิทัลที่มีคุณภาพและความจุของศูนย์ข้อมูลสำหรับทั้งบุคคลและองค์กรในภูมิภาคเหล่านี้ การลงทุนของ IFC ตรวจสอบและผลักดันกลยุทธ์การเติบโตของ DigitalBridge ในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้กำลังกำหนดขั้นตอนสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่ครอบคลุมและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

“การลงทุนจาก IFC ช่วยให้ Scala มีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงความเชี่ยวชาญและคำแนะนำ ซึ่งช่วยให้เราสามารถเร่งการเติบโตและความก้าวหน้าในประเทศแถบลาตินอเมริกาผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงการแบ่งปันหลักการที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับ ESG” Marcos Peigo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Scala กล่าว “ในขณะที่เราขยายแพลตฟอร์มของเราต่อไป Scala จะยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าของการทำให้เป็นดิจิทัล สนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในชุมชนที่เราให้บริการ”

“ด้วยการสนับสนุนจาก DigitalBridge ทำให้ EdgePoint ได้สร้างบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก” Suresh Sidhu ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EdgePoint กล่าว “โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และการสนับสนุนจาก IFC จะช่วยให้เราสามารถขยายโซลูชั่นการเชื่อมต่อรุ่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน”

“Highline มุ่งมั่นที่จะเพิ่มความครอบคลุมด้านโทรคมนาคมทั่วทั้งบราซิล การเชื่อมต่อเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา นวัตกรรม และความก้าวหน้า” Fernando Viotti ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Highline กล่าว “เรายินดีที่จะได้รับทรัพยากรเพิ่มเติมเหล่านี้จาก IFC ในขณะที่เราแสวงหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่องและเส้นทางที่ยั่งยืน”

“เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับ DigitalBridge ซึ่งเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่ปรับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก” Lance Crist หัวหน้า Global Head of Equity for Infrastructure ของ IFC กล่าว “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสนับสนุนทุกแง่มุมของสังคมและเศรษฐกิจ ตั้งแต่เมืองอัจฉริยะและรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการดูแลสุขภาพและการศึกษา ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซ บริการทางการเงิน และการผลิต ไปจนถึงการวิจัยและพัฒนา และอื่น ๆ การลงทุนนี้มีส่วนสำคัญในการปิดช่องว่างทางดิจิทัลโดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและบริการดิจิทัล ส่งเสริมการเชื่อมต่อในชนบท และเร่งการเปิดตัวเทคโนโลยีการสื่อสารดิจิทัล 4G และ 5G ทั่วโลก”

เกี่ยวกับ DigitalBridge

DigitalBridge (NYSE: DBRG) เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลชั้นนำระดับโลก ด้วยมรดกที่สะสมมายาวนานกว่า 25 ปี ในการลงทุนและดำเนินธุรกิจทั่วทั้งระบบนิเวศดิจิทัล ซึ่งรวมถึงหอคอย ศูนย์ข้อมูล ไฟเบอร์ เซลล์ขนาดเล็ก และโครงสร้างพื้นฐานแบบเอดจ์ ทีมงาน DigitalBridge จัดการพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์ในนามของหุ้นส่วนและผู้ถือหุ้น DigitalBridge มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโบกา เรตัน และมีสำนักงานหลักในลอสแองเจลิส นิวยอร์ก ลอนดอน และสิงคโปร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DigitalBridge กรุณาเยียมชมได้ที่ www.digitalbridge.com

คำเตือนเกี่ยวกับข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตตามความหมายของกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวข้องกับความคาดหวัง ความเชื่อ การคาดการณ์ แผนและกลยุทธ์ในอนาคต เหตุการณ์หรือแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ และการแสดงออกที่คล้ายคลึงกันซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ในบางกรณี คุณสามารถระบุข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต มักใช้คำศัพท์ที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต เช่น “อาจจะ” “จะ” “ควร” “คาดหวัง” “ตั้งใจ” “วางแผน” “คาดการณ์” “ เชื่อ” “ประมาณการ” “ทำนาย” หรือ “มีศักยภาพ” หรือ เชิงลบของคำและวลีเหล่านี้  หรือ คำหรือวลีที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นการคาดคะเนหรือบ่งชี้เหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคต และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน การสมมติฐาน และเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นทั้งที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่แสดงในข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความสามารถของบริษัทในการระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อเป็นทุนในการเติบโตในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ และความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ รวมถึงรายละเอียดในรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 รายงานรายไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 และ 30 มิถุนายน 2564 และรายงานอื่น ๆ ที่ DigitalBridge Group, Inc. (“บริษัท”) ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งคราว ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ สมมติฐาน และความคาดหวังโดยสุจริตของบริษัท แต่ไม่ได้รับประกันผลการปฏิบัติงานในอนาคต บริษัทขอเตือนนักลงทุนอย่าใช้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอย่างไม่เหมาะสม แถลงการณ์ที่เป็นข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตกล่าวถึงเฉพาะวันที่ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น บริษัทไม่มีหน้าที่ในการปรับปรุงข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใด ๆ เหล่านี้หลังจากวันที่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ และต้องไม่ปฏิบัติตามข้อความก่อนหน้านี้ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่แท้จริงหรือการคาดการณ์ที่แก้ไข และบริษัทไม่มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211109006064/en/

ติดต่อ:

DigitalBridge

นักลงทุน:
Kevin Smithen
Chief Commercial and Strategy Officer
kevin.smithen@digitalbridge.com
(646) 883-2846

สื่อ:
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
Jon Keehner / Aura Reinhard
DBRG-jf@joelefrank.com
(212) 355-4449

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

กลยุทธ์การสร้างสำหรับโซลูชันการจัดการอาชญากรรมทางการเงินกำลังสูญเสียความน่าดึงดูดใจในหมู่สถาบันการเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Logo

IDC InfoBrief ซึ่งได้รับมอบหมายจาก GBG ได้สรุปประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อตัดสินใจสร้าง ซื้อ หรือเช่า

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–03 พ.ย. 2564

GBG (AIM: GBG) ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านข้อมูลประจำตัวดิจิทัลที่ช่วยธุรกิจป้องกันการฉ้อโกงและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ซับซ้อนได้ประกาศเปิดตัว IDC InfoBrief “สร้าง ซื้อ หรือเช่า: การประเมินกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมและการฉ้อโกงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย/แปซิฟิก” สถาบันการเงิน (FI) ทั่ว APAC ยังคงต่อสู้กับกลยุทธ์การจัดการอาชญากรรมทางการเงินและการลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่และสร้างระบบภายในองค์กร ซื้อโซลูชัน หรือใช้บริการที่มีการจัดการจากผู้ให้บริการโซลูชัน  IDC InfoBrief ซึ่งได้รับมอบหมายจาก GBG ได้ออกแบบแนวทางการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้สถาบันการเงิน (FIs) ดำเนินการตรวจสอบประเด็นที่สำคัญและวิเคราะห์การตัดสินใจสำหรับโซลูชันต่อต้านการฉ้อโกงรุ่นต่อไป

GBG ได้มอบหมายให้ IDC ดำเนินการวิจัยตลาดเกี่ยวกับ “การจัดการอาชญากรรมทางการเงินรุ่นถัดไป: การเงิน การธนาคาร และอีคอมเมิร์ซในเอเปค” โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 800 รายใน 8 ตลาดหลักในเอเปค ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย ฮ่องกง ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์  การวิจัยพบว่า FI มากกว่าหนึ่งในสี่ (26 เปอร์เซ็นต์) ในภูมิภาคเอเปคกำลังใช้ระบบการจัดการการฉ้อโกงที่สร้างขึ้นเอง  อย่างไรก็ตาม ความพึงพอใจสำหรับโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงที่สร้างขึ้นภายในนั้นคาดว่าจะลดลง โดยมีเพียง 21% เท่านั้นที่เลือกกลยุทธ์การสร้างเพื่อปรับใช้ระบบการฉ้อโกงรุ่นต่อไป

แนวโน้มที่ลดลงในความพึงพอใจสำหรับโซลูชันที่สร้างขึ้นภายในองค์กรนี้ยังมีให้เห็นสำหรับระบบการฉ้อโกงธุรกรรมยุคหน้า แพลตฟอร์มการจัดการอาชญากรรมทางการเงินแบบครบวงจร การต่อต้านการฟอกเงิน (AML) โซลูชันการปฏิบัติตามข้อกำหนดการรู้จักลูกค้าของคุณ (KYC) การตรวจสอบตัวตน โซลูชั่น แมชชีนเลิร์นนิง เอไอ และโซลูชั่นการประสานงาน

Dev Dhiman กรรมการผู้จัดการ APAC ของ GBG กล่าวว่า “การสร้าง ซื้อ หรือเช่าเป็นปัญหาเก่าของบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพและสถาบันการเงินมาช้านาน  ปัญหานี้ได้รับการถกเถียงกันมากขึ้นในช่วงการเร่งสู่ระบบดิจิทัลและเปลี่ยนกระบวนการจัดการความเสี่ยงจากการฉ้อโกง  ขณะนี้เราอยู่ในยุคของเทคโนโลยีอัจฉริยะและการเชื่อมต่อแบบไฮเปอร์ลิงก์ ซึ่งช่วยให้การฉ้อโกงและอาชญากรรมทางการเงินทวีความซับซ้อนมากขึ้น เมื่อมีการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างทั่วถึงและเวลาที่ใช้กับอุปกรณ์พกพาเพิ่มมากขึ้น ผู้โจมตีจึงสามารถใช้กลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมและโจมตีผู้บริโภคและองค์กรได้ง่ายขึ้น”

“สถาบันการเงินจำเป็นต้องพิจารณากลยุทธ์การลงทุนด้านการจัดการอาชญากรรมทางการเงินอย่างรอบคอบ  โดยพื้นฐานแล้ว วิธีการของพวกเขาจะต้องมีความยั่งยืนในแง่ของการจัดหาทรัพยากรไอที โดยปรับขนาดได้อย่างรวดเร็วเพื่อขยายช่องทางและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ มีอายุการใช้งานยาวนานในการจัดการความซับซ้อนในประเภทการฉ้อโกงที่มีอยู่และที่เกิดขึ้นใหม่ และให้ความสมดุลเพื่อประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น” Dhiman กล่าวต่อ

ในบรรดา FI ที่ได้ปรับใช้โซลูชันที่สร้างขึ้นในเอเปคนั้น 85 เปอร์เซ็นต์รายงานว่าพวกเขาจะทดแทนระบบที่พวกเขาสร้างขึ้นภายในสามปี โดยหนึ่งในสี่ระบุว่าจะเปลี่ยนทุก 12 เดือน  โซลูชันอาชญากรรมทางการเงินมักใช้เวลาประมาณสามเดือนในการสร้างจังหวะในการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงหลังจากการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์  โดยปกติแล้ว องค์กรต่างๆ จะยังคงขยายการป้องกันการฉ้อโกงไปยังบริการหรือช่องทางต่างๆ มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในความแม่นยำในการตรวจจับการฉ้อโกง และลดแรงเสียดทานของลูกค้า  สำหรับระบบที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิง จำเป็นต้องฝึกโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจหาประเภทการฉ้อโกงแบบใหม่ การที่ต้องเริ่มการตั้งค่าระบบหลักใหม่เป็นประจำจะทำให้เกิดช่องว่างในการจัดการการฉ้อโกง

Michael Araneta รองรองประธาน IDC Financial Insights กล่าวว่า “ขณะนี้สถาบันการเงินดำเนินงานในตลาดผู้บริโภคที่เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว และพวกเขากำลังเผชิญกับความเสี่ยงใหม่ๆ ในการก่ออาชญากรรมทางการเงินและการฉ้อโกง  การตอบสนองของพวกเขาจะต้องทันสมัย โดยพวกเขาต้องสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อจำกัดผลกระทบต่อทั้งสถาบันและลูกค้า  เพื่อให้ได้ความเร็วและประสิทธิผลนี้ พวกเขาจะต้องรวมชุดโซลูชัน ทักษะ และความฉลาดทางเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน และทั้งหมดนี้มาจากพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้  ทางเลือกในการสร้าง ซื้อ หรือเช่าโซลูชันเหล่านี้ขึ้นอยู่กับธนาคารโดยพิจารณาจากธุรกิจของตน แต่ความพยายามควรจะเข้มข้นกว่าที่เคย เพื่อจัดการกับอาชญากรรมทางการเงินสมัยใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ”

GBG ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการฟินเทค 100 อันดับแรกของโลก โดย IDC Financial Insights, Enterprise Fraud Category Leader ใน Chartis RiskTech Quadrant® 2021 และ รางวัล Machine Learning/AI Innovation ยอดเยี่ยมแห่งปี จาก Asia Risk Awards ในปีนี้

เพื่อดาวน์โหลด IDC InfoBrief “Build, Buy or Rent: Evaluating an Effective Strategy to Fight Rising Financial Crime and Fraud in Asia/Pacific,” คลิกที่นี่

เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GBG แบบ end-to end โซลูชั่นอาชญากรรมทางการเงิน, คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ GBG: GBG (AIM: GBG) นำเสนอโซลูชันที่หลากหลายที่ช่วยให้องค์กรตรวจสอบและยืนยันตัวตนและที่ตั้งของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว  เทคโนโลยี ข้อมูล และความเชี่ยวชาญชั้นนำในตลาดของเราช่วยให้ลูกค้าของเราปรับปรุงการเข้าถึงดิจิทัล มอบประสบการณ์ที่ราบรื่น และสร้างความไว้วางใจเพื่อให้พวกเขาสามารถทำธุรกรรมกับลูกค้าทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยมีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรและมีสมาชิกในทีมมากกว่า 1,000 คนใน 16 ประเทศ เราทำงานร่วมกับลูกค้า 20,000 รายในกว่า 70 ประเทศ  ธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลกพึ่งพา GBG เพื่อให้บริการดิจิทัลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตั้งแต่ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ไปจนถึงธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและแบรนด์ครัวเรือนในยุโรป  เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่เราช่วยให้ลูกค้าของเราสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าของพวกเขาเยี่ยมชม www.gbgplc.com/apac ตามเราได้ที่ทวิตเตอร์ @gbgplc หรือ LinkedIn

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211103005507/en/

สอบถามสำหรับสื่อ

Dayna Leng, Head of Marketing & PR, APAC, GBG
E: dayna.leng@gbgplc.com

Lou Harris, Head of Communications, GBG
E: louise.harris@gbgplc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Fluence ประกาศปิดการเสนอขายการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ใช้สิทธิอย่างเต็มที่ในการเลือกซื้อหุ้นเพิ่มเติมของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ทำให้เพิ่มรายได้ขั้นต้นไปอยู่ที่ 998,200,000 ดอลลาร์

Logo

อาร์ลิงตัน เวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–2 พ.ย. 2564

Fluence Energy, Inc. (Nasdaq: FLNC) ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงานและแอปพลิเคชันดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ ประกาศปิดการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกจำนวน 35,650,000 หุ้นของหุ้นสามัญ Class A ซึ่งรวมถึง การใช้สิทธิอย่างเต็มที่ในการเลือกซื้อหุ้นเพิ่มเติมของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ในหุ้นสามัญประเภท A ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกที่ 28.00 ดอลลาร์ ต่อหุ้น รายได้จากการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกอยู่ที่ 998.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นรายได้ก่อนหักส่วนลดการรับประกันภัยและค่าคอมมิชชั่น และค่าใช้จ่ายในการเสนอ-ขายหุ้นอื่น ๆ ทั้งนี้ หุ้นเริ่มซื้อขายในตลาด Nasdaq Global Select Market เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “FLNC”

J.P. Morgan Securities LLC, Morgan Stanley, Barclays Capital Inc. และ BofA Securities ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับข้อเสนอนี้ Citigroup Global Markets Inc., Credit Suisse Securities (USA) LLC, UBS Securities, LLC, Evercore Group L.L.C., HSBC Securities (USA) Inc. และ RBC Capital Markets, LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับการเสนอขาย Nomura Securities International, Inc., Robert W. Baird & Co. Incorporated, Raymond James & Associates, Inc., Seaport Global Securities LLC, Penserra Securities LLC และ Siebert Williams Shank & Co., LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น สำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายสามารถรับได้จาก: JP Morgan Securities LLC, c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, NY 11717 ทางโทรศัพท์ที่ 866-803-9204 หรือทางอีเมลที่หนังสือชี้ชวน prospectus-eq_fi@jpmorganchase.com; Morgan Stanley & Co. LLC, Attn: Prospectus Department, 180 Varick Street, 2nd Floor, New York, NY 10014; Barclays Capital Inc., c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717 หรือทางอีเมลที่ barclaysprospectus@broadridge.com หรือทางโทรศัพท์ที่ (888) 603-5847; BofA Securities, NC1-004-03-43, 200 North College Street, ชั้น 3, Charlotte NC 28255-0001, Attn: Prospectus Department หรือทางอีเมลที่ dg.prospectus_requests@bofa.com

คำชี้แจงการลงทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอนี้ได้รับการประกาศให้มีผลบังคับใช้โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้เสนอซื้อ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือการพิจารณาคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ดังที่กล่าวมา

เกี่ยวกับ Fluence

Fluence บริษัทในเครือ Siemens และ AES เป็นผู้นำตลาดระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงาน และแอปพลิเคชันดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ เรามีการจัดเก็บพลังงานมากกว่า 3.4 GW ที่ใช้งานหรือที่ถูกทำสัญญาในตลาด 29 แห่งทั่วโลก และมีพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์และการจัดเก็บ มากกว่า 4.5 GW  ที่ถูกใช้หรือที่ถูกทำสัญญาเอาไว้ ในออสเตรเลียและแคลิฟอร์เนีย อนึ่ง ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และแพลตฟอร์ม Fluence IQ ที่ใช้ AI ของเราทำให้เราสามารถช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการขับเคลื่อนโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211102005783/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Alison Mickey
alison.mickey@fluenceenergy.com

ติดต่อสำหรับนักลงทุน

Samuel Chong
samuel.chong@fluenceenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Silver Lake เข้าซื้อกิจการของ Grupo BC จาก L-GAM

Logo

การลงทุนร่วมกับผู้ถือหุ้นทั้งที่เป็นบุคคลและกลุ่มบุคคลและทีมผู้บริหารเพื่อสนับสนุนการเติบโตแบบธรรมชาติและเร่งรัดแผนงานการควบรวมกิจการสำหรับผู้ให้บริการด้านการจัดการสินเชื่อที่อยู่อาศัย กฎหมาย และดิจิทัลชั้นนำของไอบีเรียและละตินอเมริกา

มาดริดและลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–19 ตุลาคม 2564

Grupo BC ผู้ให้บริการด้านการจัดการสินเชื่อ กฎหมายและดิจิทัลชั้นนำแก่ภาคการเงินในไอบีเรียและละตินอเมริกา ประกาศในวันนี้ว่า Silver Lake บริษัทการลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วยผู้ถือหุ้นทั้งที่เป็นบุคคลและกลุ่มบุคคลและทีมผู้บริหารของ Grupo BC จะได้รับ 100% ของบริษัทจากผู้ถือหุ้นใหญ่คือ L-GAM ตามลำดับ เพื่อส่งเสริมการเติบโตและมูลค่าของ Grupo BC ในระยะต่อไป

Santiago Bellver ประธาน Grupo BC และ Xavier Costa ซีอีโอของ Grupo BC กล่าวว่า “เรารู้สึกขอบคุณ L-GAM สำหรับการสนับสนุนและความร่วมมือตลอดระยะเวลาหกปีของการลงทุนใน Grupo BC และยินดีกับการเป็นหุ้นส่วนใหม่กับ Silver Lake นักลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่ให้ความไว้วางใจเรา และเราจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตแบบธรรมชาติของเราต้องขอบคุณความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของพวกเขาและผ่านการเข้าซื้อกิจการที่คัดเลือกมา เราจะแจ้งวัตถุประสงค์ของแผนกลยุทธ์และสัดส่วนของคณะกรรมการชุดใหม่ในไม่ช้านี้”

Christian Lucas หัวหน้าร่วมของ Silver Lake EMEA กล่าวว่า “Grupo BC เป็นบริษัทที่โดดเด่นด้วยคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ในฐานะผู้ให้บริการที่ปรับขนาดและรองรับเทคโนโลยีของการบริการและซอฟต์แวร์ที่สำคัญต่อภารกิจแก่สถาบันการเงินทั่วทั้งไอบีเรียและละตินอเมริกา เรารู้สึกประทับใจกับวิธีที่ Santiago, Xavier และทีมอื่น ๆ ได้พัฒนาและทำให้แพลตฟอร์ม Grupo BC เป็นดิจิทัลอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยสร้างให้เป็นพันธมิตรทางเลือกสำหรับลูกค้าทั่วทั้งระบบนิเวศ การลงทุนในรูปแบบธุรกิจที่รองรับเทคโนโลยีที่สร้างผลกระทบชั้นนำเป็นหัวใจสำคัญของ DNA ของ Silver Lake และเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับฝ่ายบริหารจัดการ เนื่องจาก Grupo BC เข้าสู่ระยะใหม่ของการเติบโตแบบธรรมชาติและทางลัดจากปัจจัยภายนอก”

Felipe Merry del Val และ Tito Soso หุ้นส่วนของ L-GAM กล่าวเสริมว่า: “การเดินทางของเรากับ Grupo BC เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งในการเปลี่ยนแปลง การเติบโตและความสำเร็จหลายเท่า และที่สำคัญคือการเป็นหุ้นส่วนที่คุ้มค่าอย่างมหาศาลกับทีมผู้บริหารระดับโลกที่เป็นผู้นำโดย Santiago Bellver และ CEO Xavier Costa ซึ่งเราขอขอบคุณสำหรับความพยายามและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เราหวังว่า Grupo BC จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในความพยายามที่น่าตื่นเต้นในอนาคตของพวกเขา”

Grupo BC ก่อตั้งขึ้นในปี 2517 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองมาดริด โดยเป็นแพลตฟอร์มการประมวลผลที่รองรับเทคโนโลยี ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และการบริการสำหรับการจัดการสินเชื่อบ้าน นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ โซลูชันทางกฎหมาย (การประมวลผลการเคลมและการจัดการสินเชื่อ) และโซลูชันดิจิทัลสำหรับภาคการเงินชั้นนำในสเปน โปรตุเกส เม็กซิโก บราซิล โคลอมเบีย ชิลีและเปรู Grupo BC เป็นผู้นำตลาดที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ด้วยการประมวลผลไฟล์จำนองมากกว่า 500,000 รายการต่อปีและพนักงาน 5,300 คน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ https://www.grupobc.com

การลงทุนของ Silver Lake มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปตามลำดับ โดยเสริมความแข็งแกร่งและขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันของ Grupo BC รวมทั้งสานต่อประวัติการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับการมุ่งเน้นที่ชัดเจนของฝ่ายบริหารในการสร้างซอฟต์แวร์และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลของ Grupo BC เพื่อปรับปรุงโซลูชันที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลางและขับเคลื่อนการเติบโตแบบธรรมชาติและทางลัดจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง

ธุรกรรมนี้คาดว่าจะปิดในเดือนพฤศจิกายน 2564 เงื่อนไขเพิ่มเติมของการลงทุนจะไม่ถูกเปิดเผย Socios Financieros และ Canson Capital Partners ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Grupo BC และผู้ถือหุ้น dwf-RCD ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ Grupo BC และผู้ถือหุ้น Paul, Weiss, Rifkind, Wharton & Garrison LLP และ Uría Menéndez ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายของ Silver Lake

เกี่ยวกับ Silver Lake

Silver Lake เป็นบริษัทด้านการลงทุนทางเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยสินทรัพย์รวมมากกว่า 88 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหารจัดการและเงินทุนผูกพัน และทีมงานมืออาชีพที่อยู่ในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย บริษัทต่าง ๆ ในพอร์ตโฟลิโอของ Silver Lake สร้างรายได้รวมกันมากกว่า 221 พันล้านดอลลาร์ต่อปี และมีพนักงานมากกว่า 526,000 คนทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Silver Lake และพอร์ตโฟลิโอของบริษัท กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ http://www.silverlake.com

เกี่ยวกับ L-GAM

L-GAM เป็นบริษัทด้านการลงทุนระหว่างประเทศที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดยผู้เชี่ยวชาญร่วมกับ Princely House of Liechtenstein และครอบครัวที่สำคัญอื่น ๆ ในยุโรป เอเชีย และอเมริกา โมเดลธุรกิจที่มีเอกลักษณ์และแตกต่างนั้นอิงจากการมุ่งเน้นด้านการลงทุนเชิงอุตสาหกรรมในระยะยาว โดยร่วมมือกับ SMEs ที่มีชื่อเสียงอย่างสูงทั่วยุโรป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ L-GAM กรุณาเยี่ยมได้ที่ http://www.l-gam.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211019005511/en/

ติดต่อสื่อ
For Silver Lake:
Spain: Paula Bonet, paula.bonet@edelman.com, +34 629 814 440
International: Jess Gill, Edelman Smithfield, silverlakemedia@edelman.com, +44 (0)7980 684 247

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

IHS Holding Limited ประกาศราคาเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–14 ตุลาคม 2564

IHS Holding Limited (“IHS Towers”) หนึ่งในเจ้าของอิสระ ผู้ประกอบการ และผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่ใช้ร่วมกันรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก ประกาศในวันนี้ว่าราคาของการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 18,000,000 ของหุ้นสามัญที่เสนอขายโดย IHS Towers โดยราคาเสนอขายต่อสาธารณะอยู่ที่ 21.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จะจะมีสัญญาอนุพันธ์ 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มเติมสูงสุด 2,700,000 หุ้นสามัญจาก IHS Towers ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปในครั้งแรก โดยหักด้วยส่วนลดการรับประกันภัย หุ้นสามัญคาดว่าจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “IHS”

การปิดการเสนอขายคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ขึ้นอยู่กับความพอใจของเงื่อนไขในการปิดตามธรรมเนียม

Goldman Sachs & Co. LLC, J.P. Morgan Securities LLC และ Citigroup Global Markets Inc. ทำหน้าที่เป็นผู้นำร่วมผู้จัดการด้านบัญชีสำหรับการเสนอขาย RBC Capital Markets, LLC, Barclays Capital Inc. และ Absa Bank Limited ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมด้านบัญชีสำหรับการเสนอขาย Cowen and Company, LLC, Investec Bank plc, Renaissance Securities (Cyprus) Limited, FirstRand Bank Limited (สาขาลอนดอน) ซึ่งดำเนินการผ่านแผนก Rand Merchant Bank, Academy Securities, Inc., Loop Capital Markets LLC, Samuel A. Ramirez & Company , Inc., Siebert Williams Shank & Co., LLC และ Tigress Financial Partners LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจะดำเนินการโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น หากมีสามารถขอรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายได้จาก:

  • Goldman Sachs & Co. LLC, Attention: Prospectus Department, 200 West Street, New York, New York 10282, ทางโทรศัพท์: 1-866-471-2526, or via อีเมล: prospectus-ny@ny.email.gs.com;
  • J.P. Morgan Securities LLC, c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717, หรือทางโทรศัพท์: 1-866-803-9204, หรือทางอีเมล: prospectus-eg_fi@jpmchase.com; หรือ
  • Citigroup Global Markets Inc., c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717, หรือทางโทรศัพท์: 1-800-831-9146.

แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในแบบฟอร์ม F1 ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้รับการยื่นและประกาศให้มีผลบังคับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ตามข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211013006204/en/

ติดต่อสื่อ:
Sard Verbinnen & Co
อีเมล: IHS-SVC@SARDVERB.com

ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์:
InvestorRelations@ihstowers.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย