Category Archives: Featured

สคฝ. เผยสถิติผู้ฝาก 6 เดือนแรก รวม 80 ล้านราย ย้ำมาตรการคุ้มครองเงินฝากมั่นคงสูง พร้อมเปิดศูนย์บริการให้ความรู้การคุ้มครองเงินฝาก 1158 และช่องทางออนไลน์ ให้ข้อมูลการคุ้มครองแก่ประชาชน

Logo

imgกรุงเทพฯ 24 สิงหาคม 2563 – สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA เสริมความมั่นใจการคุ้มครองเงินฝากในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน ย้ำมาตรการการคุ้มครองเงินฝากที่เป็นบัญชีเงินฝากสกุลเงินบาทภายในประเทศ ครอบคลุมบัญชีของผู้ฝากที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ในสถาบันการเงินภายใต้การคุ้มครองทั้ง 35 แห่ง ซึ่งหากสถาบันการเงินภายใต้การคุ้มครองถูกปิดกิจการ สคฝ. จะคืนเงินฝากภายใน 30 วัน โดยข้อมูลในช่วงครึ่งปี 2563 ระหว่างเดือน มกราคม ถึง มิถุนายน พบว่า ประเทศไทย มีจำนวนผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของ สคฝ. รวม 80.82 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.38 หรือราว 1.1 ล้านราย และจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง มีจำนวนทั้งสิ้น 14.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.12 เมื่อเทียบกับข้อมูล ณ สิ้นปี 2562 โดยกว่าร้อยละ 98 เป็นผู้ฝากรายย่อย
มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการคุ้มครองเงินฝากเพิ่มเติมได้ที่ www.dpa.or.th   ศูนย์บริการให้ความรู้การคุ้มครองเงินฝาก โทร. 1158 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/dpathailand             

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนทั่วทุกมุมโลก โดย สคฝ. มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ฝากเงินเป็นสกุลเงินบาทกับสถาบันการเงินภายใต้กฎหมาย ว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝากทั้ง 35 แห่ง ซึ่งจะคุ้มครองทันทีในลักษณะ 1 รายชื่อผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน ในบัญชีเงินฝาก 5 ประเภท ได้แก่ 1. เงินฝากกระแสรายวัน 2. เงินฝากออมทรัพย์ 3. เงินฝากประจำ 4. บัตรเงินฝาก และ 5. ใบรับฝากเงิน อย่างไรก็ตาม ในกรณีสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองถูกเพิกถอนใบอนุญาต ผู้ฝากจะได้รับเงินฝากคืนภายใน 30 วัน ตามวงเงินที่กฎหมายกำหนด โดยปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ 5 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินคุ้มครองดังกล่าว สามารถครอบคลุมการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนของผู้ฝาก 80.51 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 99.63 ของผู้ฝากทั้งระบบ สำหรับเงินฝากที่เกินวงเงินการคุ้มครอง ผู้ฝากมีโอกาสได้รับเงินฝากคืนเพิ่มเติม จากการชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการในภายหลัง                

จากข้อมูลสถิติการฝากเงินในสถาบันการเงิน ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเงินฝากย้อนหลัง 3 ปี พบแนวโน้มจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองของระบบสถาบันการเงินเป็นไปในทิศทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างปี 2560 – 2562 มีเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง จำนวน 12.54 ล้านล้านบาท 13.02 ล้านล้านบาท และ 13.56 ล้านล้านบาท ตามลำดับ และจากข้อมูลในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน พบว่า
ประเทศไทย มีจำนวนผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของ สคฝ. รวม 80.82 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.38 หรือราว 1.1 ล้านราย และมีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองมีจำนวนทั้งสิ้น 14.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.12 เมื่อเทียบกับข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2562 โดยกว่าร้อยละ 98 เป็นผู้ฝากรายย่อยที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท

จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันปริมาณเงินฝากมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ฝากเกือบทุกกลุ่ม โดยปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่ม “ผู้ฝากบุคคลธรรมดา” และ “ผู้ฝากภาคธุรกิจ องค์กรภาครัฐ และกองทุนต่าง ๆ” อีกทั้งมีการขยายตัวใน
ทุกระดับวงเงินฝาก โดยเกือบครึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในระดับเงินฝากวงเงินสูงกว่า 25 ล้านบาท อย่างไรก็ดี
จากปริมาณเงินฝากที่ขยายตัวในอัตราสูง เป็นผลมาจากความผันผวนในตลาดการเงิน ทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนมาเข้าเงินฝากมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเงินฝากมีความปลอดภัยสูง เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นในตลาดเงินที่ผลตอบแทนลดลง และยังมีแนวโน้มการออมเพื่อสำรองการใช้จ่ายในอนาคต

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลผลตอบแทนตามประเภทสินทรัพย์เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ระหว่าง 2553 – 2562 พบว่า ผลตอบแทนการฝากเงินประเภทออมทรัพย์อยู่ที่ร้อยละ 0.72 ประเภทฝากประจำ 1 ปีอยู่ที่ร้อยละ 1.88 ประเภทพันธบัตร 3 ปีอยู่ที่ร้อยละ 2.41 ทองคำอยู่ที่ร้อยละ 2.31 JUMBO25 (หุ้น) อยู่ที่ร้อยละ 10.01 ทั้งนี้ แม้ว่าการฝากเงินยังเป็นช่องทางที่มั่นคงและมีความปลอดภัยสูง แต่ผู้ฝากยังสามารถพิจารณาการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ตามความเหมาะสมและความต้องการของตนเอง โดยต้องพิจารณาและศึกษาการจัดสรรสินทรัพย์อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยในการบริหารการเงินอย่างยั่งยืน ขณะนี้ สคฝ. อยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อพิจารณาขยายการคุ้มครองในอนาคต นายทรงพล กล่าวทิ้งท้าย

 ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ สามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝากได้ที่ www.dpa.or.th
ศูนย์บริหารให้ความรู้การคุ้มครองเงินฝาก โทร. 1158 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/dpathailand    

###

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนติดต่อ

เจซีแอนด์โค คอมมิวนิเคชั่นส์ – JC&CO PUBLIC COMMUNICATIONS –

ชิดชนก ทองดี / +6698-494-9351 / chidchanokt@jcco.co.th  

ปัณณทัต กิตติพงศ์ยิ่งยง / 6662-445-9966 / pannatatk@jcpr.co.th

** MEDIA HOTLINE: 063-641-9549 (ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์) **

“แลคตาซอย” ชวนโพสต์ท่า สู้สู้ คู่กับกล่องเเลคตาซอย ครีเอทท่าเด็ดพร้อมข้อความให้กำลังใจลุ้นรับรางวัลใหญ่

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–24 สิงหาคม 2563

imgแลคตาซอย ชวนมาร่วมสนุกกับกิจกรรม “โชว์ท่า..เเลคตาซอย สู้ๆ เติมพลัง ในวันใหม่” ด้วยกติกาแสนง่าย เพียงโพสต์รูปโชว์ท่าสู้ๆ คู่กับกล่องเเลคตาซอย 300 มิลลิลิตร หรือ 500 มิลลิลิตร  พร้อมคำให้กำลังใจเพื่อนๆ ให้สู้ๆ ไปด้วยกัน นำมาโพสต์ลงเฟซบุ๊กของตนเองและตั้งค่าเป็นสาธารณะ ติด #Lactasoy #แลคตาซอย เเคปภาพมายืนยันการร่วมกิจกรรมที่ FB: Lactasoy https://www.facebook.com/lactasoyclub/ ระยะเวลาการร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 63 ถึง 24 ก.ย. 63 นี้เท่านั้น

ผู้โชคดีที่ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลใหญ่ ได้แก่ รางวัลที่ 1 iPad 10,900.- รางวัลที่ 2 หม้อทอดไร้น้ำมัน tefal 5,900.-  รางวัลที่ 3 เครื่องชงกาแฟแรงดัน mini mex 4,290.-  รางวัลที่ 4 เครื่องสกัดน้ำผักผลไม้ electrolux 3,200.-  ประกาศผลวันที่ 30 ก.ย. 63 ทาง FB: Lactasoy https://www.facebook.com/lactasoyclub/

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

ความปกติใหม่ได้นำมาสู่ยุคใหม่ แต่เรายังสามารถเดินทางต่อไปได้: คือข้อความที่แข็งแกร่งในงานประชุมวิชาการออนไลน์ครบรอบ 53 ปีอาเซียนที่จัดโดย AJC

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–21 ส.ค. 2563

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 ศูนย์อาเซียนญี่ปุ่น (AJC) ร่วมกับคณะกรรมการอาเซียนในโตเกียว (ACT) ซึ่งประกอบด้วยเอกอัครราชทูตอาเซียนไปยังประเทศญี่ปุ่น ได้จัดงานประชุมวิชาการออนไลน์ครบรอบ 53 ปีอาเซียนภายใต้แนวคิด “หลังจาก Covid-19 ก้าวสู่ความปกติใหม่” ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากทั้งญี่ปุ่นและประเทศสมาชิกอาเซียน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200821005186/en/

H.E. Dato Lim Jock Hoi, Secretary-General of ASEAN, delivered his keynote address (Photo: Business Wire)

H.E. Dato Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนกล่าวปาฐกถาพิเศษ (ภาพ: Business Wire)

H.E. Mr. Myint Thu เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ประจำญี่ปุ่นและประธาน ACT ได้เปิดการประชุมสัมมนา โดยทางเอกอัครราชทูต Myint Thu เรียกร้องให้อาเซียนและญี่ปุ่นจัดการกับความท้าทายใหม่ร่วมกันอย่างมีประสิทธิผลและดำเนินมาตรการรับมือกับผลกระทบของการระบาดทั่วโลก

หลังจากกล่าวเปิดงาน H.E. Dato Lim Jock Hoi เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ  Dato Lim ให้ความมั่นใจในความมุ่งมั่นของอาเซียนในการต่อสู้กับโรคระบาดผ่านการดำเนินการที่เด็ดขาดและรอบคอบ  ตัวอย่างที่ยกมา ได้แก่ การจัดตั้ง “กองทุนอาเซียนเพื่อตอบสนองต่อ COVID-19” และ “คลังเครื่องมือทางการแพทย์ประจำภูมิภาคอาเซียน”; และการใช้ “แผนปฏิบัติการฮานอยเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียนและการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานเพื่อตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19”

Dato Lim ยังยอมรับว่าโลกหลังการแพร่ระบาดจะนำเสนอการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในรูปแบบของกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กับอาเซียน โดยอาจสามารถรับมือกับปัญหานี้ด้าน 5 มาตรการ: มาตรการแรก การตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นต่างๆ มาตรการที่สอง แนวโน้มต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล มาตรการที่สาม การมุ่งเน้นไปที่การค้าและการลงทุนภายในอาเซียน  มาตรการสี่ การมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการแข่งขันในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนและศูนย์กลางการค้าและการผลิต  และสุดท้ายคือการเสริมสร้างการใช้ประโยชน์จาก FTA ของอาเซียน

ในระหว่างการอภิปรายในช่วงหลังของการประชุมสัมมนาที่มีเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ (IPN) เป็นประเด็นหลัก Dr. Fukunari Kimura ศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเคโอและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สถาบันวิจัยเศรษฐกิจอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) ได้แบ่งปันมุมมองของเขาว่าเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกกำลังประสบกับการขาดอุปสงค์และอุปทานฉับพลัน ซึ่งจะตามมาด้วยอุปสงค์อย่างมากอีกครั้งด้วยเครือข่ายการผลิตที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่  ศาสตราจารย์ Kimura ยังได้นำเสนอกรอบนโยบายเบื้องต้นสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการก้าวเข้าสู่มาตรฐานใหม่โดยแบ่งออกเป็น (i) การตอบสนองฉุกเฉิน (ii) นโยบายการถอนตัวและ (iii) นโยบายสำหรับภาวะปกติใหม่

Dr. Seiya Sukegawa ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยโคคุชิคังประเทศญี่ปุ่นได้ตอบสนองโดยเน้นย้ำถึงการสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานขึ้นมาใหม่ผ่านห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและการจัดการเฉพาะกรณีแทนที่จะเป็นอุปทานที่แสวงหาประสิทธิภาพและการจัดการแบบทันเวลา  Dr. Maria Socorro G. Bautista ศาสตราจารย์คณะเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์กล่าวว่าอาเซียนในฐานะผู้สนับสนุนการค้าเสรีควรกำหนดแนวทางในการเพิ่มอุปสงค์โดยรวมและดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ภูมิภาคเนื่องจากดูเหมือนจะมีผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่พึงประสงค์แม้จะมีส่วนร่วมใน IPN  ทั้ง Kimura และ Bautista ไม่คิดว่าจะมีการปรับขนาดใหญ่

ในการกล่าวสรุปคุณ Masataka Fujita เลขาธิการ AJC ได้สะท้อนความรู้สึกของเอกอัครราชทูต Myint Thu ว่าถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอาเซียนและญี่ปุ่นในการมองว่าการแพร่ระบาดครั้งนี้เป็นปัญหาร่วมกันและควรดำเนินกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์และยืดหยุ่นร่วมกัน

AJC เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นโดยประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นในปี 2524 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น  AJC จัดงาน ASEAN Anniversary Symposium ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อรำลึกถึงการก่อตั้งอาเซียนโดยนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของอาเซียนและภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นปัจจุบันในอาเซียน

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น: https://www.asean.or.jp/en/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200821005186/en/

ติดต่อ:

Office of Secretary General, PR (ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงานเลขาธิการ)
Tomoko Miyauchi
ASEAN-Japan Center
โทร: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

“มาม่าคัพ Spicy Carbonara” รสชาติเผ็ดร้อน ถูกปากคนชอบความแซ่บ

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–21 สิงหาคม 2563

imgบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ส่งเมนูความแซ่บ “มาม่าคัพ Spicy Carbonara” อร่อยได้ทุกที่ Spicy กว่าเดิม เอาใจคนชอบรักเส้นด้วยเส้นที่หนานุ่มกว่าเดิม ผสานกับรสชาติคาโบนาร่าที่สไปซี่เข้มข้นขึ้นอย่างลงตัว สำหรับใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านรับรองว่าถูกปากถูกใจ อดใจไม่ไหวอย่างแน่นอน รีบไปลิ้มลองความอร่อยกันได้แล้ววันนี้ที่ร้าน 7-11 ทุกสาขา ในราคา 15 บาท

###

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

การท่องเที่ยวฮ่องกง เตรียมนำเทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival สู่โลกออนไลน์

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–21 สิงหาคม 2563

ด้วยสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากวิกฤติการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 การท่องเที่ยวฮ่องกงได้ประกาศเตรียมจัดงานใหญ่ประจำปีอย่างเทศกาล “Hong Kong Wine & Dine Festival” ในรูปแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก

Hong Kong Wine & Dine Festival (Photo: Business Wire)

Hong Kong Wine & Dine Festival (รูปภาพ: Business Wire)

ดร.วาย เค แปง (Dr YK Pang) ประธานการท่องเที่ยวฮ่องกง กล่าวถึงการจัดงานรูปแบบใหม่ครั้งนี้ว่า “เทศกาล Hong Kong Wine & Dine ถือเป็นหนึ่งในอีเว้นท์ที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับทั้งชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยวตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการจัดงานขึ้นเป็นครั้งแรก แม้ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีนี้ เราก็หวังว่าผู้คนจะยังได้สัมผัสประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมอาหารที่มีเอกลักษณ์ของฮ่องกง พร้อมกับช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของฮ่องกงท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทายเช่นนี้ การจัดงานในรูปแบบเทศกาลออนไลน์ในปีนี้จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดการด้านสาธารณสุขและความปลอดภัย”

ดร. แปง กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทศกาล Hong Kong Wine & Dine ในรูปแบบออนไลน์นี้ จะยังคงบรรยากาศที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวาอันเป็นสเน่ห์ของงานนี้เอาไว้อย่างครบถ้วน ด้วยการมอบประสบการณ์การลิ้มรสอาหารและไวน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนำเสนอโดยกูรูผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบงานเทศกาลออนไลน์ เราได้ขยายระยะเวลาของเทศกาลออกไป จากปกติ 4 วันเป็นหลายสัปดาห์ เพื่อให้ผู้คนสามารถร่วมงานได้จากทุกที่ทุกเวลามากยิ่งขึ้น”

เพื่อรักษากลิ่นอายและเอกลักษณ์แบบฉบับของเทศกาลให้ได้มากที่สุด การท่องเที่ยวฮ่องกงเลยสร้างพื้นที่ออนไลน์เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมโปรแกรมและกิจกรรมต่าง ๆ ของเทศกาลที่จะเกิดขึ้นเข้าไว้ด้วยกัน บริษัทผู้จัดจำหน่ายไวน์หลากหลายแบรนด์เตรียมมอบส่วนลดพิเศษ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ โดยผู้ร่วมงานสามารถเลือกดูและซื้อผลิตภัณฑ์ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ตามความสะดวก นอกจากนี้ จะมีการเชิญนักวิจารณ์อาหารและไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ รวมถึงเชฟและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ มาบรรยายแนะนำการจับคู่ไวน์กับเมนูอาหารชั้นเลิศในรูปแบบของกิจกรรมเวิร์กชอปและคลาสออนไลน์ด้วย

งานเทศกาล Hong Kong Wine & Dine Festival เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2552 หลังจากฮ่องกงและเมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือด้านธุรกิจที่เกี่ยวกับไวน์ร่วมกัน เทศกาลกลางแจ้งขนาดใหญ่นี้เลยกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ในเวลาอันรวดเร็ว และได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน10เทศกาลอาหารและไวน์นานาชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกโดยนิตยสาร Forbes Traveler

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน “Hong Kong Wine & Dine Festival” สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์การท่องเที่ยวฮ่องกง DiscoverHongKong.com

-จบ –

สื่อมวลชนสามารถดาวน์โหลดรูปภาพ ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ หรือคุณกมลพิชญ์ พรมบาง

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกงสำหรับสื่อมวลชน

แฟรนคอม เอเชีย

02 233 4329 ต่อ 17 หรือ pr@francomasia.com

CleverTap แต่งตั้ง Abhishek Gupta ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้า

Logo

ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) รายนี้จะเป็นหัวหอกในการมอบประสบการณ์เริ่มใช้งานที่ราบรื่นและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

เมาน์เทนวิว, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–20 สิงหาคม 2563

CleverTap แพลตฟอร์มรักษาฐานผู้ใช้งานและบริหารวงจรลูกค้าด้วยเทคโนโลยี AI ชั้นนำ ประกาศแต่งตั้งคุณ Abhishek Gupta ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้าในวันนี้ คุณ Gupta มาพร้อมประสบการณ์ด้านบริการระบบซอฟต์แวร์หรือ SaaS และการบริหารความสำเร็จของลูกค้าที่สะสมมากว่า 18 ปี และจะใช้ประสบการณ์นี้ต่อยอดความสำเร็จของ CleverTap ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันสร้างความผูกพันและรักษาฐานลูกค้าชั้นนำของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการตลาดบนมือถือที่มีการแข่งขันสูงต่อไป

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200820005124/en/

Abhishek Gupta, Chief Customer Officer, CleverTap (Photo: Business Wire)

Abhishek Gupta ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้า CleverTap (รูปภาพ: Business Wire)

“ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก การลงทุนเพื่อการเติบโตของทีมที่ดูแลเรื่องความสำเร็จของลูกค้าคือความสำคัญสูงสุด” คุณ Sunil Thomas ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอแห่ง CleverTap กล่าว “คุณ Abhishek มีประสบการณ์ที่กว้างขวางทางด้านการบริหารความสำเร็จของลูกค้า และมีผลงานที่เป็นประจักษ์ในการสร้างทีมและขั้นตอนการทำงานที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สร้างมูลค่าสูงสุดจากการลงทุนใน SaaS พวกเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เขามารวมงานที่ CleverTap และตัวผมเองก็ตั้งตารอที่จะได้เห็นเขามาต่อยอดความสำเร็จให้กับทีมบริหารความสำเร็จลูกค้าที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพของเรา”

คุณ Gupta เป็นผู้นำธุรกิจที่มากด้วยประสบการณ์และได้ร่วมบริหารธุรกิจ SaaS และอินเทอร์เน็ตที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จของลูกค้าและสร้างธุรกิจที่มีการเติบโตสูงมาแล้วมากมาย ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วม CleverTap คุณ Gupta เคยนำทีมที่ดูแลงานด้านบริหารความสำเร็จของลูกค้าและการบริการเฉพาะทางที่ Asia for Sprinklr บริษัทชั้นนำด้านการบริหารประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งเขาได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาพลิกโฉมงานด้านต่าง ๆ ทั้งการตลาด โฆษณา วิจัย และการดูแลและสร้างความผูกพันกับลูกค้าให้กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงทั้งในระดับโลกและภูมิภาคหลายแห่ง ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทภายใต้เครือ Trilogy คุณ Gupta ยังเป็นผู้ขับเคลื่อนงานปฏิบัติการให้กับกลุ่มธุรกิจของบริษัทภายในองค์กรและที่เข้าซื้อมาทั้งในด้านแพลตฟอร์มพัฒนาแอปพลิเคชัน โซลูชันการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ และเครื่องมือเพื่อเพิ่มผลผลิต คุณ Gupta สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจาก IIM Bangalore และปริญญาตรีด้านเทคโนโลยีสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์จากสถาบัน IIT (BHU)

การแต่งตั้งคุณ Gupta เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ CleverTap หลังการระดมทุน Series C มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์โดย Tiger Global Management และ Sequoia เสร็จสมบูรณ์

“ขณะที่ธุรกิจกำลังเดินหน้าไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั่วโลก การสร้างสัมพันธภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าที่เคย” คุณ Abhishek Gupta ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารลูกค้าแห่ง CleverTap กล่าว “ในฐานะบริษัท เราให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ให้กับลูกค้าของ CleverTap และช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผมตื่นเต้นและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมกับ CleverTap เพื่อเสริมแกร่งและสร้าความสำเร็จให้กับวิธีการที่แบรนด์ระดับโลกใช้สร้างความผูกพันและรักษาฐานลูกค้าให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น”

CleverTap ช่วยให้แบรนด์ที่โฟกัสด้านดิจิทัลสร้างมูลค่าจากแอปพลิเคชันมือถือของพวกเขาได้สูงสุด ด้วยการสร้างประสบการณ์เฉพาะให้กับลูกค้าโดยวิเคราะห์จากข้อมูลพฤติกรรมแบบเรียลไทม์และเทคนิคการจำแนกประเภทข้อมูล (Predictive Modeling) ทุกวัน นักการตลาดชั้นนำของโลกนำ CleverTap ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งเทคโนโลยีอาหาร การเงิน อีคอมเมิร์ซ สื่อ/ความบันเทิง การเดินทาง การจำหน่ายตั๋ว และการขนส่ง ปัจจุบัน กว่า 8,000 แอปพลิเคชันสำหรับมือถือของบริษัทเช่น Gojek, Disney+ Hotstar, Discovery Kids, Sony, Vodafone, Carousell และ Cleartrip ใช้ CleverTap ในการบริหารจัดการ ซึ่งช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ปัจจุบัน แพลตฟอร์มนี้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์มือถือได้มากกว่าหนึ่งพันล้านเครื่อง

เกี่ยวกับ CleverTap

CleverTap คือแพลตฟอร์มสร้างความผูกพันและรักษาลูกค้าชั้นนำ ซึ่งช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สร้างมูลค่าสูงสุดจากมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้าได้ แบรนด์ผู้บริโภคกว่า 8,000 แบรนด์จากทั่วโลก รวมถึง Gojek, Disney+ Hotstar, Discovery Kids, Sony, Vodafone, Carousell และ Cleartrip ต่างวางใจให้ CleverTap เป็นผู้ช่วยด้านการสร้างความผูกพันและการรักษาผู้ใช้งานเพื่อช่วยเพิ่มพูนรายได้ในระยะยาว CleverTap ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทร่วมลงทุนชั้นนำหลายรายทั้ง Sequoia, Tiger Global Management, Accel รวมถึง Recruit Holdings สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ในทั้งอัมสเตอร์ดัม สิงคโปร์ ดูไบ และมุมไบ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ clevertap.com หรือติดตามเราได้ทาง LinkedIn และ Twitter

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200820005124/en/

ติดต่อ:

CleverTap
Charles Orlando
415-513-5756
press@clevertap.com

คนขับรถบรรทุกชาวจีนขับรถไกลหลายกิโลเมตรก่อนที่รถจะระเบิด ได้รับ FAW J7 จากการรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด

Logo

ซินหมิน จีน–(BUSINESS WIRE)–20 ส.ค. 2563

สื่อจีนเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 รายงานเหตุระทึกที่เกิดขึ้นในเมือง Xinmin เมืองซินหมินในมณฑลเหลียวหนิงของจีน โดยมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ลุกไหม้พุ่งขับออกมาจากใกล้ปั๊มน้ำมัน  ตัวรถบรรทุกถูกไฟใหญ่กลืนไปเกือบทั้งหมดขณะที่เปลวไฟลุกโชนสูงกว่า 2 เมตรและดูเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ  ไม่กี่นาทีต่อมารถบรรทุกได้ระเบิดที่ชานเมืองด้านนอกท่ามกลางควันไฟ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200819005798/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

หลังเกิดอุบัติเหตุ Sun Gang คนขับรถบรรทุกที่เกือบเสียชีวิตยอมให้สัมภาษณ์ เขากล่าวว่าไฟไหม้รถบรรทุกเกิดจากความผิดพลาดของการซ่อมแซมและสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้ไม่สามารถควบคุมไฟได้ เมื่อเห็นว่าใกล้จะระเบิดเขาจึงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตท่ามกลางไฟที่ลุกโชนและคลื่นความร้อนและขับรถที่กำลังลุกไหม้ออกไปจากเมือง

เหตุการณ์นี้แพร่กระจายไปยังโลกโซเชียลและได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมาก โดยมียอดการอ่านออนไลน์ทะลุ 100 ล้านครั้งและ Sun Gang ได้รับการยกย่องให้เป็น "ฮีโร่ร่วมสมัย"  อย่างไรก็ตามฮีโร่ที่จมดิ่งลงไปในวิกฤตชีวิตหลังเหตุการณ์เพราะรถบรรทุกที่ระเบิดเป็นทรัพย์สินที่แพงที่สุดในครอบครัวของเขา

ไม่กี่วันต่อมา Sun Gang ได้รับโทรศัพท์จากผู้ผลิตรถบรรทุก  เขาได้รับแจ้งว่าเขาจะได้รับของขวัญพิเศษจากผู้ผลิตรถบรรทุก FAW Jiefang ซึ่งเป็นรถแทรกเตอร์ FAW 550 แรงม้า J7 รุ่นล่าสุด

ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปของ FAW Jiefang และเลขาธิการคณะกรรมการพรรค Hu Hanjie ส่งมอบกุญแจรถใหม่ให้กับ Sun Gang

Sun Gang กล่าวว่า “ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกะทันหันผมไม่มีเวลาคิดเรื่องอะไรนอกจากขับรถออกไปตามสัญชาตญาณ ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นเป็นอันตรายเช่นกัน”

FAW Jiefang เป็นแบรนด์รถบรรทุกที่พัฒนาโดยประเทศจีน มีผู้ใช้งาน 7 ล้านคนและครองอันดับ 1 ในแง่ของยอดขายของโลกสำหรับแบรนด์รถบรรทุกขนาดกลางและงานหนักในปี 2018 และ 2019 FAW.  Jiefang ยินดีที่จะ ช่วยเหลือผู้ขับขี่รถบรรทุกจำนวนมากขึ้นที่ประสบความยากลำบากในครอบครัวเนื่องจากโรคและภัยพิบัติเพื่อที่จะได้ออกเดินทางอีกครั้งในอนาคตทั่วโลกและปฏิบัติตามค่านิยมและความเชื่อด้านการกุศลของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง (Facebook@chinafawtruck)

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200819005798/en/

ติดต่อ:

FAWTRUCKS
Liu TianLi
marketing_cv@faw.com.cn

การรับชมเนื้อหาวิดีโอที่สตรีมออนไลน์ครองความเป็นผู้นำในการบริโภคสื่อและความบันเทิงในเอเชียแปซิฟิก จากรายงานดัชนีวิดีโอทั่วโลกของ Brightcove ไตรมาสที่สองของปี 2563

Logo

ยอดดูวิดีโอในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 40% และทีวีที่เชื่อมต่อออนไลน์เพิ่มขึ้น 160% ในขณะที่การบริโภคข่าวสารและเนื้อหาความบันเทิงเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในช่วงที่ COVID -19 ระบาด

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)– 19 ส.ค. 2563

Brightcove Inc. (NASDAQ: BCOV) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีวิดีโอชั้นนำของโลกได้เผยแพร่ดัชนี Brightcove Q2 2020 Global Video Index Entertainment and Media Edition ซึ่งพบว่าการสตรีมเนื้อหาความบันเทิงแบบ OTT ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเริ่มคลายนโยบายการให้อยู่ที่บ้าน ข้อมูลนี้ได้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการบริโภคสื่อของผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไปจากการดูทีวีแบบเดิม ๆ อย่างถาวร ซึ่งการสตรีมกลายมาเป็นทางเลือกหลักสำหรับการรับชมความบันเทิง

ดัชนี Brightcove’s Q2 2020 Global Video Index ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ของ Brightcove วิเคราะห์จุดข้อมูลล่าสุดหลายแสนล้านจุดจากลูกค้าของ Brightcove ทั่วโลก เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกว่าผู้ชมรับชมเนื้อหาวิดีโออย่างไร ข้อมูลไตรมาสที่ 2 แสดงให้เห็นว่าการบริโภคข่าวและเนื้อหาบันเทิงเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า (40%) จากไตรมาสที่ 1 (23%) ซึ่งเป็นการค้นพบที่สำคัญโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าโดยทั่วไปในไตรมาสที่ 2 มีการเติบโตของการรับชมวิดีโอที่ช้าลง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 เมื่อดูครึ่งแรกของปี 2563 เทียบกับปี 2562 จำนวนการรับชมโดยรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%.

“ตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งในเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะสูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568 และด้วยเทคโนโลยี 5G ที่กำลังมาถึง เราจะยังคงเห็นผู้บริโภคหันมาใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อสตรีมเนื้อหาวิดีโอต่อไป” Jim O’Neill หัวหน้านักวิเคราะห์ และผู้จัดทำ Brightcove’s Global Video Index กล่าว “ ยิ่งไปกว่านั้น  GSMA รายงานว่าจะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือใหม่ 663 ล้านคนในเอเชียแปซิฟิกภายในปี 2568 ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2,000 ล้านคนในภูมิภาคนี้ เมื่อคำนึงถึงสถิตินี้ควบคู่ไปกับการมีเครือข่ายที่เร็วขึ้นและแบนด์วิดท์ที่มากขึ้น จะมีอัตราการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง”

สิ่งที่ผู้บริโภคใช้ในการเข้าดูเนื้อหาก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทีวีที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต (CTV) มีการเติบโตมากที่สุดในไตรมาสที่ 2 (160% เมื่อเทียบปีต่อปี) ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของหน้าจอทีวีที่ใหญ่ขึ้นในฐานะสื่อการรับชมสำหรับความบันเทิง

ข้อค้นพบที่น่าทึ่งอื่น ๆ จากดัชนี Brightcove Q2 2020 Global Video Index ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ :

  • สมาร์ทโฟนเป็นหน้าจอหลักสำหรับวิดีโอ  ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคยังคงใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เกือบทั้งหมดเป็นแบบสมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งการดูวิดีโออยู่ที่ 90% หรือเกือบ 90% เป็นระยะเวลาหลายไตรมาสแล้ว
     
  • สมาร์ทโฟนแบบที่ใช้ Android ยังคงครองตลาดอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะรับชมเนื้อหาบนสมาร์ทโฟน Android มากกว่าของ iPhone ถึง 8 เท่าซึ่ งเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ยังคงมีความสอดคล้องกันมาหลายไตรมาส
     
  • ผู้บริโภครับชมเนื้อหาที่มีรูปแบบยาวเป็นพิเศษบนอุปกรณ์มือถือมากขึ้นเรื่อย ๆเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีอัตราการบริโภคที่เนื้อหาที่มีรูปแบบยาวเป็นพิเศษ (41 นาทีขึ้นไป) โดยเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 66%

“ ปี 2563 กลายเป็นช่วงเวลาแห่งวิวัฒนาการด้านวิดีโอ ส่วนการสตรีมเนื้อหาวิดีโอเพื่อความบันเทิงเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” Jeff Ray ซีอีโอของ Brightcove กล่าว “ วิกฤตในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อผู้คนในด้านอารมณ์และการเงิน ทำให้การเชื่อมต่อกับเพื่อนมนุษย์ผ่านเนื้อหาวิดีโอมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เราได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการสมัครใช้บริการสตรีมมิ่งที่เพิ่มขึ้นซึ่งบ่งชี้ว่าอนาคตของการบริโภคความบันเทิงจะอยู่ที่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อออนไลน์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ การดูโทรทัศน์แบบเดิม ๆ ในไม่ช้าอาจกลายเป็นเพียงอดีต”

หากต้องการดาวน์โหลด Brightcove Q2 2020 Global Video Index Entertainment and Media Edition ฉบับสมบูรณ์รวมถึงข้อมูลทั้งหมดโปรดไปที่: https://www.brightcove.com/en/video-index

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อค้นพบของไตรมาสนี้ หรือ ติดตามการสัมมนาผ่านเว็บสุดพิเศษกับ Jim O’Neill ในวันที่ 15 กันยายน หรือ หากต้องการลงทะเบียนโปรดไปที่: https://get.brightcove.com/global-video-index-2020-q2/

เกี่ยวกับ the Global Video Index

ดัชนี Brightcove’s Global Video Index ประเมินจุดข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนมากกว่า 400,000 ล้านจุดจากลูกค้าหลายพันรายของ Brightcove ในแต่ละไตรมาส โดยดึงข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมที่สามารถช่วยเป็นแนวทางในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจทุกขนาด

เกี่ยวกับ Brightcove Inc. (NASDAQ: BCOV)

เราคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มเทคโนโลยีวิดีโอชั้นนำของโลก ด้วยเทคโนโลยีและบริการที่ได้รับรางวัลของเรา เราช่วยให้องค์กรต่างๆในกว่า 70 ประเทศพบบรรลุความท้าทายทางธุรกิจและสร้างโอกาสเชิงกลยุทธ์ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจให้ความบันเทิงและดึงดูดผู้ชมผ่านวิดีโอ

นับตั้งแต่ Brightcove ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 เราได้ผลักดันขอบเขตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับผู้ที่จริงจังด้านวิดีโอ นั่นก็คือแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งปรับขนาดได้ และใช้งานง่าย Brightcove ซึ่งได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก การสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม ระบบนิเวศของคู่ค้าที่กว้างขวางและการลงทุนอย่างไม่หยุดยั้งในด้านการวิจัยและพัฒนาวิดีโอ ได้กำหนดมาตรฐานระดับมืออาชีพสำหรับการจัดการวิดีโอ การเผยแพร่ และการสร้างรายได้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่ www.brightcove.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200818005473/en/

ติดต่อ:

Radha K Raman

ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด, ภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค

Brightcove | +65 3163 5555

rraman@brightcove.com

Meredith Duhaime

ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์

Brightcove | 603-785-8518

mduhaime@brightcove.com

ปตท.สผ. มอบโครงการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลแก่ Halliburton

Logo

ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่เน้นความเป็นเลิศด้านการผลิต

โครงการประกอบด้วยชุดเทคโนโลยี DecisionSpaceของ Halliburton® และซอฟต์แวร์การจัดการประสิทธิภาพองค์กร Honeywell Forge

ฮิวสตัน–(บิสิเนส ไวร์)–18 ส.ค. 2563

ปตท.สผ. บริษัท สำรวจและผลิตปิโตรเลียมของประเทศไทยได้มอบสัญญาแก่ Halliburton (NYSE: HAL) ในการออกแบบและดำเนินโครงการการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Advanced Production Excellence (APEX) ของ ปตท.สผ.  APEX จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการผลิตใน 4 แท่นขุดเจาะนอกชายฝัง ได้แก่ โครงการอาทิตย์ บงกชใต้ บงกชเหนือ และทุ่งซอติก้า เมียนมาร์

Landmark สายธุรกิจของ Halliburton จะใช้ DecisionSpace® Production Suite ในระบบคลาวด์เพื่อปรับปรุงการดำเนินการผลิตตั้งแต่พื้นผิวดินไปจนถึงโรงงานแปรรูป  DecisionSpace® Enterprise Platform จะทำงานร่วมกับ Honeywell Forge ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ในการมอบข้อมูลแบบเรียลไทม์และภาพอัจฉริยะเพื่อให้ ปตท.สผ. สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิผลมากขึ้น

โดยใช้แบบจำลองทางฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ข้อมูลขั้นสูง ผลิตภัณฑ์นี้สามารถสร้างแบบจำลองของพื้นผิวและส่วนประกอบใต้พื้นผิวเพื่อจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานตั้งแต่แหล่งน้ำมันจนถึงจุดส่งมอบ  สิ่งนี้รวมถึงการวางแผนและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในระยะสั้น การตรวจสอบ ควบคุม และรับประกันการไหลเวียน การตรวจสอบและควบคุมการผลิตทราย การเพิ่มประสิทธิภาพการคงตัวของคอนเดนเสท การเพิ่มประสิทธิภาพเมมเบรน CO2 การเพิ่มประสิทธิภาพก๊าซเชื้อเพลิง และการตรวจสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโรงงานแปรรูป

“เรามีความยินดีที่จะได้ร่วมมือกับ Honeywell เพื่อสนับสนุน ปตท.สผ. ในเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล” Nagaraj Srinivasan รองประธานอาวุโสของ Landmark และ Halliburton Digital Solutions กล่าว “การใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเพิ่มมูลค่าสูงสุดของพอร์ตโฟลิโอของผู้ปฏิบัติงาน”

เกี่ยวกับ HALLIBURTON

Halliburton ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2462 เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอุตสาหกรรมพลังงาน  ด้วยพนักงานมากกว่า 40,000 คนจาก 140 สัญชาติในกว่า 80 ประเทศ บริษัทช่วยให้ลูกค้าเพิ่มมูลค่าตลอดวงจรชีวิตของแหล่งเชื้อเพลิง ตั้งแต่การค้นหาไฮโดรคาร์บอนและการจัดการข้อมูลทางธรณีวิทยา ไปจนถึงการขุดเจาะและการประเมินการก่อตัว การก่อสร้างบ่อ และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดอายุของสินทรัพย์ เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.halliburton.com ติดตาม Halliburton บน Facebook, Twitter, LinkedIn, Instagram และ YouTube

อ่านที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200818005064/en/

สำหรับนักลงทุน:
Abu Zeya
Investor Relations (นักลงทุนสัมพันธ์) investors@halliburton.com 
281-871-2688

สำหรับสื่อข่าว:
William Fitzgerald
External Affairs  (กิจการภายนอก)
pr@halliburton.com  
281-871-5267