Category Archives: Featured

‘BTS POP-UP : MAP OF THE SOUL’ เปิดประตูสู่เอเชีย

Logo

พาจู เกาหลีใต้-(BUSINESS WIRE)–23 พ.ย. 2563

BTS POP-UP : MAP OF THE SOUL ป๊อปอัพสโตร์แห่งใหม่ของ BTS เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายนใน 7 ประเทศและภูมิภาคใน ONLINE STORE ASIA (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม)

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201122005100/en/

BTS’ new pop-up store BTS POP-UP : MAP OF THE SOUL ONLINE STORE ASIA has launched across seven countries including Indonesia, Malaysia, Philippines, Singapore, Taiwan, Thailand, and Vietnam from 14 November 2020. The BTS POP-UP : MAP OF THE SOUL ONLINE STORE ASIA has opened on the exclusive website called morningKall (2020btspopupasia.morningkall.com) and it is running to 14 February 2021. The pop-up offers up to 300 different products including but not limited to apparel, stationery, and household items. It also features products that have the b-side tracks of MAP OF THE SOUL : 7 as a central theme. The online store plans to introduce new products every week according to the schedule. (Graphic: Business Wire)

ป๊อปอัพสโตร์ออนไลน์แห่งใหม่ของ BTS ชื่อว่า BTS POP-UP: MAP OF THE SOUL ONLINE STORE ASIA ได้เปิดตัวแล้วใน 7 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซียฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 โดย The BTS POP-UP : MAP OF THE SOUL ONLINE STORE ASIA ได้เปิดตัวขึ้นบนเว็บไซต์ที่ชื่อว่า morningKall (2020btspopupasia.morningkall.com) แห่งเดียวเท่านั้น และจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ทางร้านป๊อปอัปนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันมากถึง 300 รายการซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องแต่งกาย เครื่องเขียน และของใช้ในบ้าน นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีเพลงด้าน b-side ของ MAP OF THE SOUL: 7 เป็นธีมหลักอีกด้วย ร้านค้าออนไลน์มีแผนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกสัปดาห์ตามตาราง (กราฟิก: Business Wire)

Big Hit IP ซึ่งเป็นบริษัทอิสระที่เป็นผู้นำธุรกิจ IP ของ Big Hit Entertainment ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการรูปแบบของพื้นที่เชิงประสบการณ์รูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ 'BTS POP-UP: HOUSE OF BTS' ในเดือนตุลาคม 2562 มาคราวนี้ ป๊อปอัพสโตร์แห่งใหม่ที่ดึงแนวคิดจากอัลบั้มชุดที่ 4 ของ BTS MAP OF THE SOUL: 7 ที่วางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ได้มาถึงหน้าประตูบ้านแฟน ๆ แล้ว

ออนไลน์สโตร์ BTS POP-UP: MAP OF THE SOUL ONLINE STORE ASIA ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนบนเว็บไซต์ที่ชื่อว่า morningKall (2020btspopupasia.morningkall.com) เพียงแห่งเดียวเท่านั้น และกิจการก็กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี

ร้านป๊อปอัปนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากถึง 300 รายการซึ่งรวมถึง แต่ไม่ จำกัด เพียงเครื่องแต่งกาย เครื่องเขียน และของใช้ในครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีเพลงด้าน b-side ของ MAP OF THE SOUL: 7 เป็นธีมหลัก ร้านค้าออนไลน์มีแผนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกสัปดาห์ตามตาราง สินค้าเช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ และสินค้าต่าง ๆ ที่ใช้โลโก้ BTS และผลิตภัณฑ์ที่มีธีมเพลงเช่น "Black Swan" และ "ON" ก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน

นอกจากนี้ ด้วยการจัดส่งสินค้าในประเทศของป๊อปอัพสโตร์ จึงก่อให้เกิดประสบการณ์การซื้อที่สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภคในท้องถิ่น ด้วยการแก้ปัญหาความไม่สะดวกต่าง ๆ เช่นขั้นตอนศุลกากร และภาระภาษีศุลกากรที่ผู้บริโภคในท้องถิ่นต้องเผชิญเนื่องจากการจัดส่งจากต่างประเทศ

ในสิงคโปร์ มีร้านแสดงสินค้าแบบออฟไลน์ BTS POP-UP Showcase เช่นเดียวกับที่กรุงโซล สินค้าใหม่จะออกทุกสัปดาห์ที่งานแสดงสินค้าที่สิงคโปร์ โดย Big Hit IP ซึ่งเป็นผู้เปิดร้านป๊อปอัปออฟไลน์ในเกาหลี ญี่ปุ่น และเม็กซิโกเมื่อปีที่แล้วได้ขยายสาขาไปทั่วโลกในปีนี้

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BTS POP-UP ONLINE STORE ASIA และการเปิดตัวที่กำลังจะมีขึ้นโปรดไปที่ https://2020btspopupasia.morningkall.com/ หรือติดตาม @morningKall บน Instagram, Facebook และ Twitter

รายลำเอียดออนไลน์สโตร์ของ BTS POP-UP Online Storeในเอเชีย

  • สถานที่: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวันไทย เวียดนาม
  • วันที่: 14 พฤศจิกายน 2563 – 14 กุมภาพันธ์ 2564

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201122005100/en/

ติดต่อ:

GAIA CORPORATION CO., LTD

Jae W.Han

+82 31 946 0833

support@morningkall.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Tommy Hilfiger แต่งตั้ง Avery Baker เป็นประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า

Logo

อัมสเตอร์ดัม, เนเธอแลนด์–(BUSINESS WIRE)–19 พฤศจิกายน 2563

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นกิจการของ PVH Corp. [NYSE: PVH] มีความยินดีอย่างยิ่งในการประกาศแต่งตั้ง Avery Baker เป็นประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ในตำแหน่งใหม่ที่ได้รับนี้ Baker มีบทบาทความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ การตลาด และประสบการณ์การใช้สินค้าทุกประเภท ทุกภูมิภาค และทุกช่องทาง

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201119005356/en/

Avery Baker, President and Chief Brand Officer, Tommy Hilfiger Global (Photo: Business Wire)

Avery Baker ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตราสินค้า Tommy Hilfiger Global (รูปภาพ: Business Wire)

นับตั้งแต่ร่วมงานกับ Tommy Hilfiger ในปี 2541 เป็นต้นมา Baker มีบทบาทหน้าที่หลากหลายในสำนักงานของบริษัททั่วโลก รวมถึงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินค้า ในช่วงกลางปี 2562 Baker ได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น และปัจจุบันเธอก็ย้ายกลับสู่อ้อมกอดขององค์กรอีกครั้งเพื่อช่วยวางแผนอนาคตของบริษัทและแบรนด์ที่เธอเป็นห่วงเป็นใยมาก ในช่วงที่ Baker ดำรงตำแหน่งในบริษัท เธอมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแบรนด์ TOMMY HILFIGER ให้เป็นหนึ่งในแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยมที่มีชื่อเสียงระดับโลก เธอมีประวัติผลงานในการพัฒนาและวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มมูลค่าการลงทุน

Martijn Hagman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าวว่า “Avery Baker มีความรู้ลึกซึ้งในสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดและดีเอ็นเอของแบรนด์ TOMMY HILFIGER ด้วยผลงานการสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่ลูกค้าที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งแบรนด์และธุรกิจ พันธะสัญญาการสร้างแบรนด์ในฝันและการตลาดระดับโลกยังเป็นหัวใจแห่งวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นแบรนด์ระดับโลกและเดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสต้อนรับ Avery Baker เข้าสู่ครอบครัว Tommy Hilfiger อีกครั้ง เพื่อนำพาแบรนด์เดินหน้าในพื้นที่บริเวณนี้ และเพิ่มศักยภาพไปไกลระดับโลกอย่างเต็มกำลัง”

Avery Baker กล่าวว่า “ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ แบรนด์ต่าง ๆ มีโอกาสและความรับผิดชอบในการสร้างความแตกต่างแก่ชีวิตของผู้บริโภค ฉันเชื่อว่า Tommy Hilfiger สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาลในฐานะบริษัทที่ได้รับความรักจากการกระทำของเรามากพอ ๆ กับผลิตภัณฑ์อันโดดเด่นที่เราออกแบบ ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาทำงานร่วมกับ Tommy, Martijn และทีมผู้บริหารของเราในยุโรป เอเชียแปซิฟิค และอเมริกาอีกครั้ง เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวในแต่ละภูมิภาค และปรับเปลี่ยนบริษัทจากภายในสู่ภายนอก ตั้งแต่วัฒนธรรมองค์กรไปยังผู้บริโภค เพื่อเป็นบริษัททันสมัยแห่งปี 2563”

Baker ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินค้าในปี 2557 และได้บริหารจัดการธุรกิจไปพร้อมกับการสร้างสรรค์แบรนด์เพื่อส่งต่อวิสัยทัศน์ใหม่ มีการผลักดันการผสมผสานของวัฒนธรรมป๊อบ แฟชั่น เทคโนโลยี และความบันเทิงเข้าด้วยกัน เธอได้ขับเคลื่อนโครงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น TOMMYNOW ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ใหญ่และประสบความสำเร็จที่สุดด้วยแฟชั่นโชว์แบบ “See Now, Buy now” หรือดูเสร็จซื้อเลย และนำสินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค 90 ยี่ห้อ TOMMY JEANS กลับมา โครงการเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อสืบสานมรดกให้เป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้บริโภคหนุ่มสาวยุคใหม่ ในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่ง พันธมิตรทางธุรกิจชื่อดังและเหล่าผู้มีรสนิยมทรงอิทธิพล เช่น Lewis Hamilton, Zendaya, Gigi Hadid, KITH และ Vetements ได้ช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและขยายความน่าสนใจของแบรนด์ไปยังแฟน ๆ รุ่นใหม่อีกด้วย

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำ มีชื่อเสียงและอัตลักษณ์อันเป็นที่รู้จักทั่วโลก โครงการด้านการตลาดของบริษัทได้ช่วยเพิ่มฟุตพริ้นท์ของ TOMMY HILFIGER ผ่านการเติบโตที่สอดคล้องกันระหว่างการรับรู้แบรนด์และกลยุทธ์การเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลางระดับโลกที่ช่วยสร้างกลุ่มลูกค้าและรักษากลุ่มแฟน ๆ ที่ภักดีไว้ ปัจจุบัน ชื่อเสียงของแบรนด์ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะคอลเล็กชั่นที่โดดเด่น แคมเปญ พันธมิตรทางธุรกิจ และกิจกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกแก่ลูกค้า

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

Tommy Hilfiger ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชั่นเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้ามาโดยตลอด ผลงานที่โดดเด่นของเราประกอบด้วย CALVIN KLEINTOMMY HILFIGERVan HeusenIZOD, ARROW, Warner’sOlga และ Geoffrey Beene ตลอดไปจนถึงแบรนด์ชุดชั้นใน True&Co. ที่มีความเป็นดิจิทัลสูง เราทำการตลาดสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้และเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและต่างประเทศ และเป็นแบรนด์ที่ได้รับอนุญาตลิขสิทธิ์ของตนเอง PVH มีพนักงานมากกว่า 40,000 คนในกว่า 40 ประเทศ และมีรายรับต่อปีเกือบ 9,900 ล้านดอลลาร์ฯ ทั้งหมดนี้คือพลังของเรา พลังของ PVH

ติดตามเราได้ที่ FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn

แถลงการณ์ด้านความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995 (SAFE HARBOR STATEMENT UNDER THE PRIVATE SECURITIES LITIGATION REFORM ACT OF 1995): แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจในอนาคตของ บริษัท ของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องกฎหมายหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 1995  นักลงทุนพึงระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยความแม่นยำและบางส่วนอาจคาดการณ์ไม่ถึงซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดแค่ (i) แผนกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ ความคาดหวัง และความตั้งใจของบริษัทที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามดุลยพินิจของ บริษัท ; (ii) บริษัท อาจได้รับการพิจารณาว่าได้รับการยกระดับอย่างสูงและใช้กระแสเงินสดเป็นส่วนสำคัญในการบริหารหนี้สินอันเป็นผลมาจากการที่บริษัทอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ บริษัทตั้งใจหรือที่เคยมีการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา; (iii) ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ ที่ระบุเป็นครั้งคราวในเอกสารที่ บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

บริษัทไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ ในการแก้ไขแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ ต่อสาธารณะไม่ว่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการรับข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201119005356/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger
Dana Perlman
เหรัญญิกและรองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์
(212) 381-3502 office
(917) 579 1374 cell
investorrelations@pvh.com

Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารองค์กรการตลาด
virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

QED Investors ขยายสู่ตลาดอินเดียพร้อมจ้างงานตำแหน่งใหม่เพื่อดูแลการลงทุนในเอเชียใต้

Logo

QED ยังแต่งตั้งงานอีกสองตำแหน่งเพื่อดูแลการลงทุนในสหรัฐฯ และการดำเนินงานของ Belay โดยเฉพาะ

อเล็กซานเดรีย, เวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–19 พฤศจิกายน 2563

QED Investors บริษัทชั้นนำด้านธุรกิจเงินร่วมลงทุน ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงินซึ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นของการก่อตั้ง ประกาศการเข้าสู่ตลาดอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ว่าจ้าง Sandeep Patil ให้เป็นผู้ดูแลการลงทุนในภูมิภาคนี้

Sandeep จะเข้ามาช่วยให้ QED ขยายธรุกิจไปทั่วโลก โดยมีอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาเสริมตลาดอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และสหราชอาณาจักร QED Investors ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2550 ได้ลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ไปกว่า 120 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยบริษัทยูนิคอร์น 13 แห่ง นอกจากนี้ยังเป็นผู้บริหารจัดการทุนที่มีมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การลงทุนที่สำคัญ ๆ ของบริษัท ได้แก่ Nubank, SoFi, Credit Karma, Klarna, GreenSky, Avant, Flywire, Remitly, QuintoAndar, Creditas, ClearScore และ Konfio

“ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเฉพาะในอินเดียที่เดียวมีจำนวนมหาศาลสูงกว่า 560 คน เมื่อนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับค่าใช้จ่ายในการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือที่ลดลงอย่างมาก ชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมความต้องการด้านการเงินและโครงสร้างพื้นฐานภาคบังคับที่รองรับ เท่ากับว่าคุณมีระบบนิเวศที่สุกงอมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน QED ได้ประเมินการเข้าสู่ตลาดเอเชียอย่างใกล้ชิด และเราตื่นเต้นอย่างมากกับการได้ Sandeep เข้ามาช่วยด้านการลงทุนในบริษัทฟินเทคที่ดีที่สุดในตลาด” Nigel Morris ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ QED Investors กล่าว

QED สร้างชื่อจากการเน้นเจาะกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงินและประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่สะสมมากว่า 200 ปี และ Sandeep จะเข้ามาเติมเต็มศักยภาพทั้งสองด้านนี้อย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาได้ช่วยเปิดตัวธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคและเอสเอ็มอีที่ Flipkart และมีส่วนช่วยระดมทุนของบริษัทซึ่งถูกขายให้กับ Walmart ในที่สุด เขาเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและซีอีโอของ Truecaller ประจำอินเดีย ซึ่งเขาเป็นผู้บริหารธุรกิจ Adtech ระบบชำระเงิน เทคโนโลยีด้านการเงิน เอสเอ็มอี/องค์กร และนักพัฒนา ซึ่งสร้างรายได้ให้บริษัทเป็นสองเท่า และยังประสบความสำเร็จในการสร้างผลกำไรท่ามกลางการเกิดโรคระบาด เขามาพร้อมรากฐานด้านสินเชื่อผู้บริโภคอันแข็งแกร่งที่สะสมจาก Capital One ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร และเคยให้บริการนักลงทุน ธนาคาร และบริษัทประกันทั่วโลกร่วมกับ McKinsey & Co. มาแล้ว Sandeep จะนำแนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยสมมติฐานของ QED อันแข็งแกร่งมาใช้เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนในธุรกิจฟินเทคที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นและอยู่ในสถานะที่ดีในตลาด

“มีโอกาสมากมายมหาศาลสำหรับ QED รออยู่ในอินเดียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมรับรู้และชื่นชมในความเชี่ยวชาญด้านฟินเทคของ QED มานาน รวมถึงวิธีการที่บริษัทนำประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการมาใช้ช่วยผู้ก่อตั้งและซีอีโอหลาย ๆ ท่านสร้างบริษัทที่สามารถพลิกการทำธุรกิจแบบเดิม ๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จ” Sandeep กล่าว “ผมตื่นเต้นกับการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับทีมและร่วมงานกับยูนิคอร์นด้านเทคโนโลยีการเงินเจเนอเรชันถัดไปแห่งทวีปเอเชีย”

นอกจากนี้ QED และ Sandeep ยังได้เลือกให้ Camila Key Saruhashi ดำรงตำแหน่งหัวหน้าประจำสำนักงานในซานฟรานซิสโก และให้ Adams Conrad ดำรงตำแหน่งหัวหน้าประจำสำนักงานในนิวยอร์ก Camila จะทำหน้าที่เสริมแกร่งธุรกิจของ QED ในเบย์แอเรีย โดยมุ่งเน้นการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ Adams จะขยายการเติบโตของ Belay ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนของธุรกิจในระยะก่อตั้งของ QED ที่ช่วยบริษัทด้านฟินเทคก่อตั้งและสร้างธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งคู่เข้าร่วม QED พร้อมกับประสบการณ์ด้านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยก่อนหน้านี้ Camila เคยมีประสบการณ์ในการนำทีมขนาด 300 คนในตำแหน่งหัวหน้างานปฏิบัติการที่ Nubank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ QED รวมถึงมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ที่ Earnin ขณะที่ Adams มีประสบการณ์ด้านการบริหารความสัมพันธ์จาก Quovo และ Plaid ซึ่งเขาเป็นผู้ดูแลงานด้านความมั่งคั่งในแนวดิ่ง การสร้างช่องทางและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และช่วยให้ลูกค้าฟินเทคจำนวนมากขยายธุรกิจให้เติบโต

“หลังการระดมทุนมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ฯ โดย QED เองในเดือนกุมภาพันธ์ QED ยังมีทิศทางที่ดีในการประสบความสำเร็จ เรามองเห็นถึงตัวเลือกข้อเสนอในทิศทางบวกมากมายจากบริษัทอันยอดเยี่ยมที่กำลังมองหาความเชี่ยวชาญด้านฟินเทคและประสบการณ์ในด้านการจัดการจาก QED Camila และ Adams จะนำประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่สะสมมากว่าหลายปีมาพร้อมกับพวกเขา และทั้งคู่จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราประเมินและควบคุมโอกาสในการลงทุน รวมถึงทำหน้าที่เป็นคอนซิลรีโยหรือที่ปรึกษาของผู้บริหารให้กับซีอีโอของบริษัทในเครือของเรา” Nigel Morris กล่าวเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ QED Investors

QED เป็นบริษัทด้านธุรกิจเงินร่วมลงทุนชั้นนำจากอเล็กซานเดรีย เวอร์จิเนีย โดยมี Nigel Morris และ Frank Rotman ร่วมกันก่อตั้ง บริษัทลงทุนในบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้ง QED ทุ่มเทให้กับการสร้างธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและใช้วิธีการแบบลงมือปฏิบัติที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ด้านการเป็นผู้ประกอบการและการดำเนินงานที่สะสมมากว่าทศวรรษของบริษัทคู่ค้า เพื่อช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เติบโตแบบก้าวกระโดด การลงทุนที่สำคัญ ๆ ได้แก่ Nubank, SoFi, Credit Karma, Klarna, GreenSky, Avant, Flywire, Remitly, QuintoAndar, Creditas, ClearScore และ Konfio

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20201119005837/en/

ติดต่อ:

Prosek Partners
Meredith Mitchell
646.818.9268
mmitchell@prosek.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Walgreens พลิกโฉมโปรแกรมความภักดีเพื่อสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นศูนย์กลางด้วย myWalgreens เพื่อมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับลูกค้า

Logo

สิทธิประโยชน์ใหม่อย่างหนึ่งคือการรับสินค้าขายปลีกในวันเดียวกันที่เร็วที่สุดในเวลาเพียง 30 นาที

เดียร์ฟีลด์, อิลลินอยส์.–(BUSINESS WIRE)–19 พ.ย. 2563

วันนี้ Walgreens ประกาศเปิดตัว myWalgreens ซึ่งเป็นการคิดค้นใหม่ทั้งหมดของโปรแกรมความภักดี (loyalty program) ของลูกค้าเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า รวมถึงข้อเสนอการรับสินค้าปลีกในวันเดียวกันที่เร็วที่สุดในปัจจุบันนี้* ตอนนี้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าทางออนไลน์และในแอพมือถือที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดสำหรับสินค้าเพื่อสุขภาพ และจากนั้นไปรับสินค้าในร้าน ริมทาง หรือแบบไดรฟ์ทรู ภายในเวลาเริ่มตั้งแต่ 30 นาที เท่านั้น **

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201119005676/en/

Walgreens pickup at curbside (Photo: Business Wire)

จุดรับของที่ริมถนน Walgreens  (ภาพ: Business Wire)

Walgreens เป็นโปรแกรมสร้างความภักดี หรือ loyalty program ของลูกค้าที่เน้นด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดในประเทศ โดยมีสมาชิกมากกว่า 100 ล้านคน ปัจจุบันนี้ เป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคยสำหรับสมาชิกที่จะอยู่ได้อย่างสบายช้อปปิ้งสะดวก และประหยัดเงินและเวลาได้อย่างราบรื่นในร้านค้ามากกว่า 9,000 แห่ง บน Walgreens.com และแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

สิทธิประโยชน์ใหม่นี้นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่ Walgreens นำเสนอแล้ว ยังรวมถึงบริการจัดส่งที่บ้านผ่าน DoorDash และ Postmates และ Prescription Savings Club หนึ่งแห่ง พร้อมส่วนลดสูงสุด 80 เปอร์เซ็นต์จากราคาขายปลีกเงินสด

สมาชิก myWalgreens สามารถลงทะเบียนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และตอนนี้จะได้รับ:

  • รางวัล Walgreens Cash หนึ่งเปอร์เซ็นต์ทั่วทั้งร้าน
  • รางวัลเงินสด Walgreens ห้าเปอร์เซ็นต์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีตราสินค้าของ Walgreens
  • "ข้อเสนอพิเศษสำหรับคุณเท่านั้น"

นอกจากนี้แอพมือถือยังมีบริการด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่หลากหลายสำหรับลูกค้าและผู้ป่วย รวมถึงบริการการแชทกับร้านขายยาตลอด 24 ชั่วโมง การเข้าถึงเพื่อค้นหาและจองการดูแลทางการแพทย์และการนัดหมายการฉีดวัคซีน คำแนะนำด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีส่วนบุคคล การแจ้งเตือนไข้หวัดใหญ่แบบเรียลไทม์และอื่น ๆ แอปเวอร์ชันก่อนหน้านี้ได้รับความนิยมอย่างมากและได้รับการดาวน์โหลดมากกว่า 65 ล้านครั้ง

“ในฐานะร้านขายยาชุมชนของอเมริกา Walgreens นำเสนอประสบการณ์ที่เหนือชั้นเพื่อช่วยลูกค้าและผู้ป่วยในการจัดการสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในช่วงวิกฤตสุขภาพที่รุนแรงที่สุดในช่วงชีวิตของเรา” John Standley ประธาน Walgreens กล่าว “เภสัชกรในชุมชนมากกว่า 25,000 คนยังคงเป็นหัวใจหลักของข้อเสนอของเรา เภสัชกรและทีมดูแลผู้ป่วยของเราทำมากกว่าเพียงแค่การกรอกใบสั่งยา โดยยังให้คำแนะนำที่เชื่อถือได้ การสนับสนุนเฉพาะบุคคล และบริการที่หลากหลายอื่น ๆ

การเปิดตัว myWalgreens ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของบริษัท Walgreens มอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวสูงโดยการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและคู่ค้าที่เข้าใจลูกค้ารวมถึง Microsoft, Adobe และ Epsilon

สมาชิก myWalgreens สามารถ กระทำการต่อไปนี้ผ่านช่องทางออนไลน์หรือบนแอป:

ประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวก

  • เลือกซื้อสินค้าที่มีให้เลือกมากกว่า 27,000 รายการซึ่งรวมถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตประจำวัน และสินค้าจำเป็นที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยาของแพทย์ตลอดจนถึงภาพถ่าย
  • เพิ่มวิธีการชำระเงินลงในกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อทำให้การชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสทำได้เร็วขึ้น
  • แลกรางวัล Walgreens Cash ทันทีที่จุดชำระเงิน
  • เลือกใบเสร็จรับเงินดิจิทัลสำหรับการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสอย่างรวดเร็วและเพื่อติดตามการซื้อ

รักษาสุขภาพให้แข็งแรง

  • รับโบนัสรางวัล Walgreens Cash สำหรับการบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพ
  • รับคำแนะนำประจำวันสำหรับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ตลอดจนสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นแบบเรียลไทม์และการคาดการณ์ด้านสุขภาพ

ช่วยเหลือชุมชน

  • บริจาครางวัล Walgreens Cash ให้กับองค์กรการกุศล (องค์กรการกุศลที่มีสิทธิ์จะหมุนเวียนโดยเริ่มจาก Full Plate Project ซึ่งเป็นโครงการ Comic Relief Red Nose Day  ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำงานเพื่อยุติความยากจนของเด็ก)

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสมาชิก Walgreens Balance Rewards ปัจจุบันสามารถโอนการเป็นสมาชิกของตนไปที่ myWalgreens ได้ที่ mywalgreens.com สมาชิกรางวัลยอดคงเหลือในปัจจุบันมีเวลาจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 ในการสมัคร myWalgreens เพื่อให้แน่ใจว่ารางวัลที่มีอยู่จะถูกส่งไปยังโปรแกรมใหม่ ในอีกหลายเดือนข้างหน้า myWalgreens จะประกาศสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าและผู้ป่วย

กด ที่นี่ สำหรับชุดข่าว myWalgreens รวมถึงโลโก้รูปภาพและภาพหน้าจอของแอป

เกี่ยวกับ Walgreens

Walgreens (www.walgreens.com) รวมอยู่ในแผนก Retail Pharmacy USA ของ Walgreens Boots Alliance, Inc. (Nasdaq: WBA) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านร้านขายยาขายปลีกและขายส่ง ในฐานะบริษัทขายยา ที่ดูแลสุขภาพและความงามที่เป็นที่รักมากที่สุดในอเมริกา Walgreens มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชุมชนในอเมริกา โดย Walgreens ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกมากกว่า 9,000 แห่งทั่วอเมริกา เปอร์โตริโก และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา Walgreens ภูมิใจที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพในละแวกใกล้เคียงที่ให้บริการลูกค้าประมาณ 8 ล้านคน ในแต่ละวัน เภสัชกรของ Walgreens มีบทบาทสำคัญในระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกาโดยให้บริการร้านขายยาและบริการด้านการดูแลสุขภาพที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้ป่วยให้ดีที่สุด Walgreens นำเสนอประสบการณ์ในทุกช่องทางที่แท้จริงโดยมีแพลตฟอร์มที่รวบรวมทางกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงในชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ

* เมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกอาหารและร้านขายยาทั่วประเทศที่ให้บริการไปรับที่ร้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

** สำหรับร้านค้า Walgreens ที่ไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ต้องมีการสั่งซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนปิดร้านจึงจะมีสิทธิ์สั่งได้ มิฉะนั้นคำสั่งซื้อจะถือว่าเป็นของวันทำการถัดไป ลูกค้าจะได้รับแจ้งทางอีเมลเมื่อคำสั่งซื้อพร้อมสำหรับการรับสินค้า และจะได้รับคำแนะนำสำหรับประสบการณ์การขับรถมารับที่เป็นไปตามแนวทางการกำหนดระยะห่างทางสังคม เราไม่รับประกันว่าคำสั่งซื้อจะพร้อมภายในกรอบเวลา 30 นาทีและอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือทดแทนได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผลิตภัณฑ์ในขณะสั่งซื้อ คำสั่งซื้อของสินค้าที่มีการจำกัดอายุสามารถมารับได้ที่ร้านเท่านั้น ไม่สามารถสั่งใบสั่งยาได้ แต่สามารถสั่งซื้อผ่าน Walgreens Express®ได้ หากต้องการค้นหาสถานที่ตั้งและเวลาทำการของร้านค้า Walgreens ใกล้บ้านคุณโปรดไปที่ Walgreens.com/FindAStore

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201119005676/en/

ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Walgreens:

Emily Hartwig-Mekstan

emily.hartwig@walgreens.com

ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Walgreens Boots Alliance:

Morry Smulevitz

morry.smulevitz@walgreens.com

นักลงทุนสัมพันธ์:

+1-847-315-2922

http://news.walgreens.com

@WalgreensNews

facebook.com/Walgreens

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย








รีสอทใหม่ New World Phu Quoc Resort จะเปิดให้บริการในปี 2564

Logo

ความร่วมมือระหว่าง New World Hotels & Resorts และ Sun Group จะเปิดตัวบ้านพักตากอากาศในจุดหมายปลายทางริมชายหาดชั้นนำของเวียดนาม

ฟู้โกว๊ก เวียดนาม–(บิสิเนสไวร์)–18 พ.ย. 2563

New World Hotels & Resorts ได้รับการแต่งตั้งจาก Sun Group ให้บริหาร New World Phu Quoc Resort (เดิมชื่อ Sun Premier Village Kem Beach Resort) บนเกาะฟู้โกว๊กทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยคาดว่าต้อนรับแขกรายแรกในปี 2564  ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสถานที่แห่งที่ 11 และรีสอร์ทแห่งที่สองที่จะเข้าร่วมพอร์ตโฟลิโอของ New World Hotels and Resorts ในทั่วเอเชีย  นอกจากนี้รีสอทแห่งที่สามในเวียดนามจะได้แก่ New World Saigon Hotel และ New World Hoiana Hotel ที่จะเปิดให้บริการเร็วๆ นี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201118005507/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

รีสอร์ตแบบวิลล่าทั้งหมดตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟู้โกว๊กบนพื้นที่เกือบ 60 เฮกตาร์บนริมชายหาด Kem Beach อันเลืองชื่อ ซึ่งเป็นแนวชายฝั่งรูปพระจันทร์เสี้ยวที่งดงามเป็นยาว 3.5 กม. ที่หันหน้าไปทางอ่าวไทย  โดยเป็นหมู่บ้านริมหาดสุดหรู รีสอร์ทแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับในการสำรวจความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของฟู้โกว๊ก ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมีป่าไม้หนาแน่นแบ่งออกที่เป็นสองส่วนด้วยเทือกเขา “99 ยอด” และล้อมรอบด้วยชายหาดที่ดีที่สุดของโลก  เกาะมากกว่าครึ่งเป็นเขตสงวนชีวมณฑลขององค์การยูเนสโกและน้ำโดยรอบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล

ผู้เข้าพักสามารถเลือกวิลล่า 375 หลังในเจ็ดรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ขนาด 124 ตารางเมตรไปจนถึง Sun Beach Front Villa ขนาดใหญ่ 414 ตารางเมตร  วิลลาหลังคามุงจากทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัว  วิลลาแต่ละหลังผสมผสานการออกแบบร่วมสมัยเข้ากับแนวคิดสถาปัตยกรรมเวียดนามที่ได้รับการยกย่องตามกาลเวลา  แต่ละหลังประกอบด้วยพื้นที่สามส่วนที่แยกจากกัน โดยได้รับอิทธิพจากลมทะเลและแสงแดดจากธรรมชาติ  ไม้ ไม้ไผ่ และหวายถูกรวมเข้ากับการตกแต่งภายในสไตล์เวียดนามที่หรูหราและมีสไตล์

ชายหาดส่วนตัว Kem Beach เป็นจุดดึงดูดสำหรับกีฬาทางน้ำ การพักผ่อนริมชายหาด และพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม  นอกจากนี้ ทางเดินที่คดเคี้ยวผ่านภูมิทัศน์สวนของรีสอร์ทนำผู้เข้าพักไปสู่ทางเลือกในการพักผ่อนหย่อนใจมากมาย รวมถึงสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ศูนย์ออกกำลังกาย และสตูดิโอสปาที่มี 16 ห้องทรีทเมนท์และโซนเด็กสำหรับนักพักผ่อนตัวน้อย

ร้านอาหารและบาร์ช่วยให้ผ่อนคลายในวันหยุดด้วยคาเฟ่ที่เปิดตลอดทั้งวัน ร้านอาหารพิเศษ บาร์ริมสระว่ายน้ำ และร้านอาหารริมชายหาดที่ให้บรรยากาศแบบเขตร้อนอันเขียวชอุ่มและทิวทัศน์ของเกาะ อาหารในภูมิภาค และอาหารนานาชาติ

“เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับความไว้วางใจของ Sun Group ที่มอบหมายให้เราการจัดการรีสอร์ทที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตแห่งนี้ในจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นแห่งนี้” Sonia Cheng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rosewood Hotel Group กล่าว “ที่แห่งนี้ทำให้เราสามารถแสดงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ของเราได้อย่างเต็มที่ ด้วยบริการเต็มใจท่ามกลางความสวยงามของฟู้ก๊วกและความอบอุ่นของผู้คน”

“ความร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในด้านการบริการไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มาเยือนเวียดนามเท่านั้น แต่ยังช่วยตอกย้ำจุดยืนของฟู้โกว๊กในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดระดับโลกด้วย” Dang Minh Truong ประธาน Sun Group กล่าว

บรรยากาศ สถานที่ และสไตล์  New World Phu Quoc Resort สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ทั้งหมดของเกาะเวียดนามที่เขียวชอุ่มที่จะครองใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก  นอกจากนี้ยังเป็นประตูสู่การสำรวจวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวเกาะที่น่าหลงใหลของฟู้โกว๊กที่รู้จักกันในนาม “เกาะไข่มุก” เช่นฟาร์มไข่มุก หมู่บ้านดั้งเดิม ตลาดที่คึกคัก เจดีย์ในพุทธศาสนา และไร่พริกไทยเป็นตัวอย่างสิ่งที่ชวนค้นพบที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึง nuoc cham น้ำปลาที่แพร่หลายในอาหารเวียดนามและอาหารทะเลที่ดีที่สุดในประเทศ

เกี่ยวกับ New World Hotels & Resorts

New World Hotels & Resorts เป็นธุรกิโรงแรมและรีสอร์ทที่เน้น MICE ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลักและเมืองรองในจีน ประตูหลักในเอเชีย และสถานที่พักผ่อนยอดนิยม  โรงแรม New World Hotels & Resorts ทั้งหมด 9 แห่งตั้งอยู่ในฮ่องกง ปักกิ่ง ต้าเหลียน กุ้ยหยาง อู่ฮั่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และโรงแรมในเครือในซุ่นเต๋อ  โรงแรมส่วนใหญ่มีห้องพักมากกว่า 350 ห้องพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ รวมถึงร้านอาหาร บริการธุรกิจ ห้องประชุมที่กว้างขวาง ชั้น Executive Club และตัวเลือกสันทนาการ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม newworldhotels.com

เกี่ยวกับ Rosewood Hotel Group

Rosewood Hotel Group หนึ่งในบริษัทโรงแรมชั้นนำของโลกประกอบด้วยสามแบรนด์ ได้แก่ Rosewood Hotels & Resorts® สุดหรูในอเมริกาเหนือ แคริบเบียน/แอตแลนติก ยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย  โรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกแห่งใหม่ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ KHOS แบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์ธุรกิจระดับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง  ผลงานที่รวมกันประกอบด้วยโรงแรมมากกว่า 40 แห่งใน 19 ประเทศ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม rosewoodhotelgroup.com

เกี่ยวกับ Sun Group

Sun Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 เป็นหนึ่งในกลุ่มเศรษฐกิจเอกชนชั้นนำในเวียดนามซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเวียดนาม  Sun Group เป็นเจ้าของแบรนด์ Sun World, Sun Hospitality และ Sun Property และเพิ่งได้รับรางวัล World Travel Awards 25 รางวัลสำหรับโครงการด้านการท่องเที่ยว ความบันเทิง และโครงสร้างพื้นฐาน  โครงการโรงแรมที่มีชื่อเสียงในฟู้ก๊วกได้ยกระดับจุดหมายปลายทางสู่ระดับโลกและมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นและสวัสดิภาพของชาวเกาะ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม sungroup.com.vn

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201118005507/en/

ติดต่อ:

Florence Chan
Rosewood Hotel Group
โทร: +852 2138 2262
อีเมล: florence.chan@rosewoodhotelgroup.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Novo Nordisk ประเทศไทยได้รับการรับรองให้เป็น “สถานที่ทำงานที่ดีที่สุด หรือ Best Place to Work” ในปี 2563

Logo

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–18 พ.ย. 2563

Novo Nordisk ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีนวัตกรรมและความเป็นผู้นำด้านการดูแลผู้ป่วยเบาหวานมากว่า 90 ปี ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน บริษัท ที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานในประเทศไทยในปี 2563 บริษัทนำเสนอวัฒนธรรมที่ได้รับรางวัลความก้าวหน้า โอกาสการฝึกอาชีพ การให้คำปรึกษาระดับสูง โครงการด้านสุขภาพ และการค่าตอบแทนที่ดี ส่งผลให้ได้เป็นหนึ่งในนายจ้างในประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากลูกจ้างมากที่สุด โดยจากผลสำรวจพบว่า 92% ของพนักงานกล่าวว่าที่นี่เป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทำงาน เมื่อเทียบกับ 80% ที่สถานที่ทำงานในไทยอื่น ๆ ได้รับจากพนักงาน

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ดีที่สุดในการทำงานในประเทศไทย” John Dawber, GM ของ Novo Nordisk ประจำประเทศไทยกล่าว "ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงกับผลลัพธ์นี้ เพราะนี่มาจากคำตอบที่ผู้ตอบไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่รวบรวมจากพนักงานที่มีค่าของเรา เราทำงานอย่างหนักทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้จัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่พนักงานของเราสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ที่พวกเขาทำงานและที่ที่เขาประสบความสำเร็จได้  รางวัลนี้ถือเป็นการยกย่องการมีส่วนร่วมของพนักงานของเราทุกคน”

“เรามุ่งมั่นที่จะสร้างวัฒนธรรมครอบครัวที่พนักงานของเราทุกคนเติบโต การเข้าร่วมโครงการนี้มีความสำคัญเนื่องจากการให้ข้อเสนอแนะที่มีคุณค่าแก่เราในแง่ของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ตลอดจนถึงการเป็นพื้นที่ที่เราสามารถพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานต่อไป พนักงานของเราคือกระดูกสันหลังของความสำเร็จและเราขอขอบคุณทุกคนสำหรับการมีส่วนร่วมอย่างมากในวัฒนธรรมของ บริษัทของเรา”  Vera Bakirova, ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Novo Nordisk Thailand กล่าว

“แม้จะมีการหยุดชะงักซึ่งเกิดจากการระบาดของโรค แต่ Novo Nordisk ประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จในการได้รับความไว้วางใจจากพนักงานของพวกเขา ช่วยสร้างวัฒนธรรมในการทำงานที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่น”  Hamza Idrissi, ผู้จัดการโครงการสำหรับภูมิภาค APAC.

เกี่ยวกับโครงการ BEST PLACES TO WORK PROGRAM

Best Places To Work คือโครงการการรับรองระดับโลกสำหรับสถานที่ทำงานชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก การประเมินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราจะวิเคราะห์ความน่าดึงดูดใจของบริษัท ผ่านกระบวนการสองขั้นตอนโดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยในสถานที่ทำงาน 8 ประการ ซึ่งรวมถึง วัฒนธรรม ความเป็นผู้นำ โอกาสในการเติบโต และการปฏิบัติของผู้คน นอกเหนือจากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานแล้วเรายังดำเนินการประเมินด้านทรัพยากรบุคคลโดยเน้นที่การปฏิบัติด้านทรัพยากรบุคคลที่นำมาใช้ในองค์กรเทียบกับมาตรฐานกรอบงานด้านบุคลากรของเราที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้ในระดับที่เป็นผู้นำตลาดและการยกระดับนวัตกรรม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.bestplacestoworkfor.org

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201117006152/en/

สำหรับสื่อ:

Grace Kelly

อีเมล: grace@bestplacestoworkinasia.com

โทร: +65 3159 1167

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รางวัลทรงเกียรติ Jonathan B. Postel Service Award มอบให้ Onno W. Purbo

Logo

รางวัลนี้ยกย่องผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซีย

กรุงเทพฯ–(บิสิเนสไวร์)–18 พฤศจิกายน 2020

The Internet Society องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ส่งเสริมการพัฒนาและการใช้อินเทอร์เน็ตแบบเปิดกว้าง เชื่อมต่อกับทั่วโลก และปลอดภัยได้มอบรางวัลอันทรงเกียรติ Jonathan B. Postel Service Award แก่ Onno W. Purbo สำหรับผลงานด้านเทคนิคที่ยั่งยืนและสำคัญ ความเป็นผู้นำ และการบริการแก่ชุมชนอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

รางวัลนี้มีชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ Jonathan Postel ผู้เป็นตำนานด้านเทคนิคในวงการ โดยยกย่องบุคคลที่ไม่ธรรมดาเช่นคุณ Purbo ที่มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีการเติบโตและความแข็งแกร่งของอินเทอร์เน็ต

Mr. Purbo เป็นที่รู้จักในนาม “ผู้ปลดล๊อคอินเทอร์เน็ตของอินโดนีเซีย” คุณ Purbo เป็นผู้สนับสนุนอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเสียงและมีบทบาทสำคัญในเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยราคาที่ไม่แพง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทของอินโดนีเซีย

"การสนับสนุนของคุณ Purbo ในภาคดิจิทัลเป็นสิ่งล้ำค่าและรางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของเขาและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น  ความคิดริเริ่มของเขาในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายชุมชนได้นำมาสู่การเติบโตของอินเทอร์เน็ตที่ราคาไม่แพงและการเข้าถึงได้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วอินโดนีเซีย  ผมมั่นใจว่ารางวัลนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเดินตามรอยเท้าของเขาและเอาชนะความท้าทายในชุมชนของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปรับปรุงระบบดิจิทัล” Johnny Plate รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศของอินโดนีเซียกล่าว

จากความสำเร็จมากมายของเขา คุณ Purbo เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ตในอินโดนีเซียผ่านการใช้เทคโนโลยีไร้สายและ Voice over Internet Protocol   เขาเป็นผู้นำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตครั้งแรกที่สถาบันเทคโนโลยีในบันดุงและสร้างเครือข่ายการศึกษาของชาวอินโดนีเซียแห่งแรก  นอกจากนี้เขายังสนับสนุนการยกเลิกกฎระเบียบของความถี่ Wi-Fi และได้ก่อตั้งไซเบอร์คาเฟ่ เครือข่ายชุมชน และเครือข่ายเซลลูลาร์ชุมชนในอินโดนีเซีย  คุณ Purbo ได้จัดระเบียบเครือข่ายโทรศัพท์ชุมชนผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกและเป็นผู้นำ ICT กลับมาใช้ในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายของชาวอินโดนีเซีย  ปัจจุบันเขามีส่วนร่วมในบริการอีเลิร์นนิงฟรีที่ใหญ่ที่สุดในชาวอินโดนีเซีย ซึ่งนำเสนอหลักสูตรมากกว่า 700 หลักสูตรให้กับนักเรียนเกือบ 40,000 คนและได้ฝึกอบรมครูมากกว่า 8,000 คนในการดำเนินงานอีเลิร์นนิง

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยกย่องที่สูงและล้ำค่าจากชุมชนอินเทอร์เน็ตของอินโดนีเซีย คุณ Purbo กล่าว “ด้วยการดัดแปลงอุปกรณ์ที่เรียบง่าย เรามีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและความรู้ซึ่งเป็นรากฐานที่จำเป็นสำหรับทุกชาติที่จะก้าวไปข้างหน้า  The Internet Society ยอมรับว่าแนวทางดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับแนวทางอินเทอร์เน็ตสำหรับทุกคน  อย่างไรก็ตามภารกิจนี้ยังไม่เสร็จสิ้น  รางวัล Postel Service Award ชี้ให้เห็นถึงหนทางแก่พวกเราทุกคนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับความกระตือรือร้นในการก้าวไปสู่สังคมแห่งความรู้”

คุณ Purbo ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงซึ่ง ประกอบด้วยอดีตผู้ได้รับรางวัล Jonathan B. Postel ซึ่งรวมถึงผู้มีวิสัยทัศน์ทางอินเทอร์เน็ตและผู้ทรงคุณวุฒิ  โดยเป็นปีที่ 21 รางวัล Postel Award ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย Internet Society เพื่อให้เกียรติประชาชนและองค์กรที่สนองจิตวิญญาณของ Jonathan Postel ซึ่งอิทธิพลทางเทคนิคของเขาเป็นหัวใจสำคัญของหลาย กระบวนการที่ทำให้อินเทอร์เน็ตทำงานได้  Andrew Sullivan ประธานและซีอีโอของ Internet Society จะมอบรางวัลซึ่งรวมถึงเงินสนับสนุน US$20,000 และรูปโลกคริสตัลในพิธีเสมือน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม 109th Internet Engineering Task Force (IETF) Meeting ที่เกิดขึ้นในวันที่ 16-20 พฤศจิกายน 2563

เกี่ยวกับ Internet Society

ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดยผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ต Internet Society เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ทำงานเพื่อให้อินเทอร์เน็ตเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับทุกคน  โดยผ่านชุมชน สมาชิกกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ และ 120+ สมาคมทั่วโลก องค์กรปกป้องและส่งเสริมนโยบายอินเทอร์เน็ต มาตรฐาน และโปรโตคอลที่ทำให้อินเทอร์เน็ตเปิดกว้าง เชื่อมต่อกับทั่วโลก และปลอดภัย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม: internetsociety.org

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201117006053/en/

ติดต่อสื่อ:
Allesandra deSantillana
Internet Society
desantillana@isoc.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch: ความไม่แน่นอนในการลงทุนและพลังงานหมุนเวียนสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย

Logo

ความยืดหยุ่นในการปรับตัว ความสามารถในการจับจ่าย และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมในเอเชีย

กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย (18 พ.ย. 2563) – ความไม่แน่นอนของการลงทุนที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและพลังงานหมุนเวียน เป็นสองความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชียในปัจจุบันนี้ จากรายงาน Strategic Directions: Electric Industry Asia 2563 ครั้งแรกของ Black & Veatch

จากข้อมูลที่ได้จากผู้นำระดับอาวุโสในอุตสาหกรรมพลังงาน ในรายงานชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างสมดุลระหว่างความสามารถในการจับจ่าย กับแรงกดดันในการลดปริมาณคาร์บอนในการผลิตไฟฟ้า ในขณะเดียวกันต้องสร้างระบบที่เชื่อถือได้และมีความหยืดหยุ่นที่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ สภาพอากาศที่รุนแรง และความไม่ต่อเนื่องของพลังงานหมุนเวียน

สิ่งที่เป็นภัยต่อประสิทธิภาพของระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่เชื่อถือได้ในตลาดไฟฟ้าในเอเชีย ได้แก่ :

  1. การลงทุนด้านกำลังการผลิตเครือข่ายไม่ทันกับความต้องการ
  2. การลงทุนที่น้อยเกินไปในเครือข่ายการส่งกระแสไฟที่เชื่อถือได้
  3. การนำพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ต่อเนื่องมาใช้มากเกินไป
  4. ความจุในการจัดเก็บพลังงานไม่เพียงพอ
  5. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ.

“การจัดหาเงินทุนและการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ เนื่องจากเรายังคงดำเนินการอยู่ในช่วงที่ได้รับผลกระทบของ COVID-19” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการของ Black & Veatch, Asia Power Business กล่าว “เราเห็นความจำเป็นในการใช้โซลูชันแบบบูรณาการมากขึ้นในการผลิต การส่งและการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการขยายตัวของโรงไฟฟ้าระบบเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติและการกักเก็บพลังงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการใช้พลังงาน”

การลงทุนที่จะเติบโตแบบเห็นได้ชัดที่สุด สำหรับกำลังการผลิตใหม่ ๆที่จะเกิดขึ้นในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ในรูปแบบพลังงานหมุนเวียน ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ (บนพื้นดิน), การกักเก็บพลังงาน, พลังงานแสงอาทิตย์ (แบบลอยน้ำ), ลม (นอกชายฝั่ง) และไมโครกริด ซึ่งจะเป็นห้าอันดับแรกของการลงทุน ต้นทุนของพลังงานที่ถูกลงถูกมองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนโดยมีการปรับปรุงเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์โฟโตวอลเทอิก  (PV) แบบสองหน้าและการจัดแผงที่มีความล้ำหน้ามากขึ้นจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับโรงงานผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วโลก

นอกจากนี้ยังคาดว่าอนาคตของการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงจะดำเนินไปอย่างน้อยถึงปี 2578 โดย 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าก๊าซจะยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงข่ายไฟฟ้า ในขณะที่มีเพียง 18 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นว่าถ่านหินจะยังคงมีบทบาทคล้ายกันในการผลิตไฟฟ้า บ่อยครั้งที่เราเห็นการใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลาย ก๊าซจะทำหน้าที่เป็นพลังงานพื้ฐานหลักในการผลิตไฟฟ้าเพื่อสร้างเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าควบคู่ไปกับการใช้งานระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์เอาไว้

“อุตสาหกรรมคาดว่าการลงทุนระยะใกล้จะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ แทนที่จะเป็นการสร้างใหม่ หรือแม้แต่การเลื่อนการลงทุนออกไป” Harry Harji รองประธานฝ่ายที่ปรึกษาด้านการจัดการของ Black & Veatch ในเอเชีย “ COVID-19 ป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล, ระบบควบคุมตรวจสอบจากระยะไกล และแนวทางการบริหารจัดการสินทรัพย์ร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

เมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนในปี 2564 หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาล (66%) ยังคงถูกมองว่าเป็นตัวแทนที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของพวกเขาในอีกหลายเดือนข้างหน้า สำหรับข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Electric Industry Asia 2564 ดาวน์โหลดที่นี่

คลิกที่นี่ และ ที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดภาพประกอบ

หมายเหตุของบรรณาธิการ:

  • Strategic Directions: Electric Industry Asia 2564 เป็นรายงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Black & Veatch เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย รายงานนี้ได้ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมอาวุโสในอุตสาหกรรม 35 คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบธุรกิจในพื่นที่ครอบคลุมเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ / หรือเอเชียตะวันออก ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ถึง 21 สิงหาคม 2563
  • ซีรีย์รายงานการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ของ Black & Veatch ให้ข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมโดยอ้างอิงกับการวิจัยชั้นนำของตลาด ประกอบด้วยรายงานประจำปีหลายฉบับ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ น้ำและไฟฟ้า   โดยทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่มีความสำคัญ รวมถึงความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ เยี่ยมชม http://bv.com/reports เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษาและการก่อสร้างที่มีพนักงานเป็นเจ้าของซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เราได้ช่วยทำให้ชีวิตผู้คนในกว่า 100 ประเทศดีขึ้น ด้วยการจัดการกับความสามารถในการฟื้นฟูและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของโลก รายได้ของเราในปี 2562 อยู่ที่ 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ติดต่อสำหรับสื่อ

EMILY CHIA

+65 6761 3511 p

+65 9875 8907 m

ChiaLP@BV.com

ฮอตไลน์สำหรับสื่อติดต่อ 24 ชั่วโมง

+1 866 496 9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

APRU Quarantunes การแข่งขันที่ช่วยสารสัมพันธ์และยกระดับชุมชนของนักเรียนผ่านดนตรีที่กระตุ้นจิตวิญญาณในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19

Logo

ผู้ชนะจากฮ่องกง ไต้หวัน เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา โคลอมเบียและเกาหลีใต้ ร่วมกันส่งเสริมด้านการมีสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–17 พ.ย. 2563

เพื่อเป็นการนำนักศึกษานานาชาติมารวมตัวกัน โดยการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และแบ่งปันเชิงบวกในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ เช่นตอนนี้ ทาง Association of Pacific Rim Universities (APRU) จึงได้เปิดตัวการแข่งขันดนตรีของนักศึกษาที่มีชื่อโครงการว่าการแข่งขัน Quarantunes โดยการแข่งขัน Quarantunes ซึ่งจัดขึ้นโดย APRU Plus ซึ่งเป็นศูนย์กลางออนไลน์ (online hub) ที่ได้เปิดตัวขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายในช่วง COVID นี้ ได้รับผลงานส่งเข้าประกวดจำนวนกว่า 108 ผลงาน จากนักศึกษากว่า 13 เขตเศรษฐกิจทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยทีมที่ชนะรางวัลสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของนักเรียนจากนานาชาติ โดยในกลุ่มนี้มีผลงานชั้นนำจากทีมนักศึกษาจากฮ่องกง ไต้หวันเม็กซิโก ฟิลิปปินส์ แคลิฟอร์เนีย (สหรัฐอเมริกา) โคลอมเบีย และเกาหลีใต้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20201116006114/en/

เนื่องจากแทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวของนักเรียนต่างชาติ ประกอบกับการที่ห้องเรียนในรูปแบบปกติหยุดชะงักไป นักเรียนจึงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในการเรียนและประสบการณ์ในมหาวิทยาลัย โดยจากข้อมูลการศึกษาที่ดำเนินการในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาของกลุ่มวิจัยระดับอุดมศึกษาซึ่งรวมถึงสมาชิก APRU University of California, Berkeley พบว่า 35% ของนักศึกษาระดับปริญญาตรีมีอาการโรคซึมเศร้า ในขณะที่ 39% มีอาการวิตกกังวลทั่วไปซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก ด้วยความวิตกกังวลที่แพร่หลายไปทั่วมหาวิทยาลัยทั่วโลก APRU Plus จึงมอบโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานร่วมกันเพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการห่างเหินทางสังคม

การแข่งขัน Quarantunes ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวคิดในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการอภิปรายเกี่ยวกับความสำคัญของสุขภาพจิตในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้  ทำให้นักเรียนมีวิธีใหม่ในการรับมือกับความโดดเดี่ยวและสามารถมารวมตัวกันเพื่อผลิตผลงานดนตรีที่ช่วยส่งต่อความรู้สึกเชิงบวก เพลงที่นักเรียนส่งมาแต่ละเพลงบอกเล่าเรื่องราวของ COVID ที่ไม่เหมือนใครซึ่งช่วยให้เราสามารถมองข้ามความลำบากในปัจจุบันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้มีความหวังสำหรับอนาคต

"'Get Down' เป็นเพลงที่ผสมผสานระหว่างความไพเราะดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและเนื้อเพลงที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เราหวังว่าเราจะนำเสนอโลกในแบบที่มันเป็นจริง ๆ แต่ก็แฝงความขี้เล่นเอาไว้ โลกซึ่งผู้คนรับทราบข้อบกพร่องของสังคม แต่ก็ยังคงมองโลกในแง่ดี และเชื่อมั่นในอนาคตที่สดใสกว่านี้” – ทีม National Taiwan University andThe Chinese University of Hong Kong team กล่าว

ดู วิดีโอไฮไลต์ และ วิดีโอที่ชนะ :

  • รางวัลชนะเลิศ (เสมอกัน)
    • “Get Down”  จาก National Taiwan University and The Chinese University of Hong Kong
    • “Sonos Más” จาก Tecnológico de Monterrey
  • รางวัลที่สาม
    • “Six Feet Apart” จาก University of the Philippines
  • รางวัลพิเศษ
    • “Golden Girl” จาก University of Southern California
    • “Homenaje a Lucho Bermúdez”  จาก Universidad de los Andes
    • “We're All Heroes” จาก Yonsei University

เพื่อเชื่อมโยงนักเรียนนานาชาติมากขึ้น APRU ยังเสนอโครงการ APRU Virtual Student Exchange (VSE) ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษในการเชื่อมต่อกับเพื่อนจากทั่วโลกเพื่อเรียนรู้ความรู้และทักษะใหม่ ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวัฒนธรรมและพัฒนาความสัมพันธ์ที่สำคัญต่อความสำเร็จ คลิก ที่นี่ เพื่ออ่านเพิ่ม

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20201116006114/en/

ติดต่อ:

APRU: Jack Ng jack.ng@apru.org

PLUG: Marisa Lam marisa@plug.agency

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks ติดอันดับในรายงาน Magic Quadrant ด้าน Network Firewall เป็นครั้งที่ 7

Logo

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2563

Hillstone Networks ผู้ให้บริการโซลูชันความปลอดภัยบนเครือข่ายสำหรับองค์กรและการจัดการความเสี่ยงชั้นนำ ประกาศรั้งตำแหน่งหัวแถวในรายงาน Gartner Magic Quadrant ด้าน Network Firewall จากปัจจัยด้านขีดความสามารถในกลุ่ม Niche Player

“มีคนกล่าวไว้ว่าการฝึกฝนทำให้เกิดความชำนาญ” Tim Liu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “เราได้รับการจัดอันดับในรายงาน Magic Quadrant ด้าน Network Firewall 7 ปีต่อเนื่อง (2 ปีต่อเนื่องในรายงาน Critical Capabilities ซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน) เรามองว่าการทำตามสัญญาที่จะยืนหยัดร่วมกับลูกค้าในการป้องกันเครือข่ายของพวกเขาที่ช่วยให้เราเป็นหนึ่งเดียวคือพันธกิจอันแน่วแน่และพันธกิจหลักของเรา”

พอร์ตโฟลิโออันแข็งแกร่งของ Hillstone ครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาเกี่ยวกับกรณีและสถานการณ์การใช้งานต่าง ๆ การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายโดยใช้เทคโนโลยีสำหรับตลาดกลุ่มย่อย รวมถึงกลยุทธ์อันมุ่งมั่นซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ระบบคลาวด์มาตั้งแต่เริ่มต้น

  • โซลูชัน Hillstone Intelligent Breach Prevention ประกอบด้วย Hillstone iNGFW และ sBDS เป็นโซลูชันป้องกันภัยคุกคามตลอดวงจรซึ่งสามารถป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง ปกป้องทรัพยากรที่มีความสำคัญสูง และร่นระยะเวลาระหว่างภัยคุกคามและการตรวจจับ
  • โซลูชัน Hillstone Data Center Protection ประกอบด้วย Hillstone Data Center NGFW และ Micro-segmentation solution CloudHive เป็นโซลูชันที่ให้การป้องกันด้านความมั่นคงปลอดภัยแบบ L2~L7 และการันตีถึงความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจสำหรับศูนย์ข้อมูลที่มีความทันสมัย
  • โซลูชัน Hillstone Secure SD-WAN ช่วยให้องค์กรที่มีหลายสาขาสามารถติดตั้งเครือข่าย VPN ที่ปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานที่ เพื่อยกระดับการใช้งานของผู้ใช้โดยไม่ทำให้ความปลอดภัยลดลง

ด้วยองค์กรกว่า 18,000 แห่งที่ได้รับการปกป้องดูแลโดยโซลูชันของ Hillstone ในปัจจุบัน เราเชื่อว่าเหตุผลที่ลูกค้าเลือกโซลูชันของเรา และเหตุผลที่ทำให้เราได้รับการยอมรับนั้นเห็นได้ชัดเจน

*: การ์ทเนอร์, รายงาน Magic Quadrant ด้านเน็ตเวิร์กไฟร์วอลล์, Rajpreet Kaur, Adam Hils, Jeremy D’Hoinne, 9 พฤศจิกายน 2563

การ์ทเนอร์ไม่ได้ให้การรับรองผู้ผลิต สินค้า หรือบริการใด ๆ ที่กล่าวถึงในรายงานวิจัยของบริษัทฯ และไม่ได้แนะนำให้ผู้ใช้เลือกใช้เทคโนโลยีของผู้ผลิตที่จัดอยู่ในอันดับสูงสุด รายงานวิจัยของการ์ทเนอร์ประกอบด้วยความคิดเห็นของฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ และไม่ควรถือว่าเป็นการระบุข้อเท็จจริง การ์ทเนอร์ขอปฏิเสธการรับประกันใด ๆ ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันเกี่ยวกับความสามารถในการจัดจำหน่าย หรือความเหมาะสมสำหรับจุดประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับองค์กรและการจัดการความเสี่ยงโดย Hillstone Networks มาพร้อมทัศนวิสัย ความอัจฉริยะ และระบบป้องกันที่จะสร้างความมั่นใจให้องค์กรว่าพวกเขาสามารถมองเห็นอย่างรอบด้าน เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และสามารถรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันของ Hillstone ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลกหลายแห่งสามารถปกป้องอุปกรณ์ทั้งระบบเอดจ์และคลาวด์ขององค์กร พร้อมช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของในขณะเดียวกัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Zeyao Hu
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย