Category Archives: Featured

Unicommerce ขยายพอร์ตโฟลิโอในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการเรียกลูกค้าใหม่ 10 ราย

Logo

เปิดใช้งานแบรนด์ค้าปลีกด้วยการจัดการคำสั่งซื้อ การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดการคลังสินค้า และโซลูชันการทำการตลาดในรูปแบบ Omnichannel

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–17 กันยายน 2564

การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีคอมเมิร์ซของ Unicommerce มุ่งเน้นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีซัพพลายเชนในการให้บริการทางด้านซอฟต์แวร์ หรือ SaaS กำลังขยายฐานลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง Unicommerce ได้เข้าร่วมงานมากกว่า 10 บริษัท ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมากับลูกค้าทั่วทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ Unicommerce จะช่วยให้บริษัทเหล่านี้มีการจัดการคำสั่งซื้อ การจัดการสินค้าคงคลัง และการจัดการคลังสินค้า แบรนด์ชั้นนำบางส่วนที่ Unicommerce กำลังทำงานให้ในตลาดเหล่านี้ ได้แก่ Edamama, Payo Asia และอีกมากมาย

ในปีที่ผ่านมา Unicommerce ได้สร้างเครือข่ายและเตรียมผลิตภัณฑ์ให้พร้อมสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทได้รวมแพลตฟอร์มเข้ากับตลาดกลาง ผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์ เช่น Lazada, Shopee, NinjaVan, Fleet.ph, XDE เป็นต้น Unicommerce ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเนื่องจากมีการบูรณาการที่มีอยู่แล้วกว่า 150 รายการ ทำให้เป็น โซลูชัน Plug-and-play สำหรับผู้ค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-tailers และสิ่งนี้ช่วยให้ Unicommerce ได้เรียกลูกค้าที่ทำงานร่วมกับผู้เล่นที่โดดเด่นคนอื่น ๆ

Unicommerce ทำงานร่วมกับแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียและดำเนินการแล้ว 20% ของจำนวนอีคอมเมิร์ซของอินเดีย บริษัทมีความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นที่การเรียกลูกค้าอย่างรวดเร็วในสิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนแรงงานในประเทศเหล่านี้ และวางแผนที่จะบรรลุการเติบโตของธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 400% ในปีปฏิทินปัจจุบัน

Mr. Kapil Makhija ซีอีโอของ Unicommerce กล่าวถึงการขยายธุรกิจว่า “การเดินทางของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2563 เราใช้เวลาหกเดือนแรกในการสำรวจอย่างครอบคลุมเพื่อทำความเข้าใจจุดอ่อนทางธุรกิจของผู้ค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาค และเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อรองรับบริษัทต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามั่นใจว่าการเรียนรู้ของเราจะช่วยเราในแผนการขยายธุรกิจเชิงรุก ทีมงานของเราทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มลูกค้าในหลายภาคส่วนและหลายขนาด ด้วยสถิติความสำเร็จที่พิสูจน์แล้วของเราในอินเดีย-ตลาดบ้านเกิดของเรา แบรนด์ต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังแสดงความสนใจอย่างมากที่จะเป็นพันธมิตรกับ Unicommerce ในเส้นทางอีคอมเมิร์ซของพวกเขา”

Unicommerce อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการจัดหาโซลูชันคลาวด์เทคโนโลยีซัพพลายเชนอีคอมเมิร์ซ เพื่อช่วยให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมทุกขนาดสามารถจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทได้ทำงานร่วมกับลูกค้ากว่า 15,000 รายทั่วอินเดีย ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดำเนินการธุรกรรมมากกว่า 1 ล้านรายการทุกวัน คิดเป็นมูลค่าธุรกรรมรวมในตลาด หรือ GMV 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210916005540/en/

ติดต่อ:

Kinshuk Sindhwani
Kinshuk.sindhwani@unicommerce.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Landmark ฉลองครบรอบ 30 ปีในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านการฝึกอบรมและการพัฒนาเพื่อการเติบโตส่วนบุคคลและในวิชาชีพ

Logo

ได้มีผู้คนเข้าร่วมมากกว่า 3 ล้านคนและได้สร้างโครงการที่ไม่แสวงหากำไรและที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกว่า 150,000 โครงการ

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)– 17 ก.ย. 2564

Landmark (Landmark Worldwide) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2534 ฉลองครบรอบ 30 ปีโดยมีผู้คนมากกว่าสามล้านคนทั่วโลกได้รับการสนับสนุนและเสริมพลังบวกจากโครงการต่างๆ  และแนวคิดจากการการฝึกอบรมครั้งแรกในปี 1971 ที่พัฒนาขึ้นจนเป็น Landmark ในวันนี้ได้มีการครบรอบ 50 ปี เช่นกัน

ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมการเติบโตส่วนบุคคลและวิชาชีพ การฝึกอบรมและการพัฒนา โปรแกรมและแนวคิดของ Landmark ได้เสริมพลังให้แก่ผู้คนเป็นเวลาห้าทศวรรษและได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาอย่างมาก  และนอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อส่วนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาเช่นกัน

Marketdata Enterprises, Inc. ผู้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพัฒนาส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริการะบุในรายงานปี 2564 ว่า

  • “Landmark ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทฝึกอบรมและพัฒนาชั้นนำของโลกโดย HR.com/James McNeil”
  • “Landmark ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในคณะวิชาที่ดีที่สุดในธุรกิจ” และผู้เชี่ยวชาญหลายคน “ในอุตสาหกรรมการพัฒนาและการฝึกสอนส่วนบุคคลได้เริ่มต้นจากการเข้าร่วมในโปรแกรมของ Landmark”
  • Landmark มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในอุตสาหกรรมในฐานะ “ผู้ให้บริการโปรแกรมของการเปลี่ยนแปลงแบบภววิทยาแต่เพียงผู้เดียว และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างทันที ยั่งยืน และอย่างน่าทึ่ง”

50 ปีที่แล้วการฝึกอบรม est Training ของ Werner Erhard ได้ เปิดตัวอุตสาหกรรมการพัฒนาส่วนบุคคลและจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมและการฝึกสอนชีวิตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  แนวความคิดหลายอย่างของเขาได้เข้าเป็นส่วนของวัฒนธรรมกระแสหลัก ธุรกิจ และวิชาการ  นิตยสาร TIME ยอมรับว่า “ความหลงใหลในการเปลี่ยนแปลงแบบอเมริกันไม่ใช่เรื่องใหม่ สิ่งนี้เก่าแก่พอๆ กับประเทศชาติ แต่ Werner Erhard ได้เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงสมัยใหม่ครั้งแรกเมื่อเขาก่อตั้งการสัมมนา est ในปี 1971”

Erhard ยกเลิกการฝึกอบรม est และเปิดตัวหลักสูตรใหม่ The Forum ในปี 1985  แนวคิดของ Erhard (ตามที่แสดงในโปรแกรมของเขา) ได้รับการตรวจสอบโดยละเอียดโดยนักวิชาการสองคนในหนังสือขายดี Speaking Being: Werner Erhard, Martin Heidegger, and a New Possibility of Being Human

โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักคิดที่เฉียบแหลมและลึกซึ้งที่สุดคนหนึ่งในยุคของเรา” โดย David Eagleman, Ph.D.,  โดยเป็นนักประสาทวิทยาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และนักเขียนหนังสือขายดีของ New York Times, Erhard ได้ทุ่มเทปัญญาส่วนของเขาในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อ โลกวิชาการ  โดยร่วมกับเพื่อนร่วมงานของเขา เขากำลังเขียนหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยและการสอนและการบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึง UCLA Anderson School of Management, United States Air Force Academy, Stanford University, Harvard University, Yale University, Dartmouth College และ Erasmus University .

ทุกวันนี้ Landmark ยังคงจัดโปรแกรมทั่วโลก รวมทั้งมีการเปิดตัวโปรแกรมออนไลน์มากกว่า 50 โปรแกรม  Landmark ยังคงได้รับการรับรองโดยผู้นำที่มีชื่อเสียงทั่วโลกนับพันราย รวมถึงซีอีโอของบริษัททั่วโลกที่ได้รับการเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง นักวิชาการ และนักมนุษยธรรมที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

“สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจอย่างมากเกี่ยวกับ Landmark คือการให้ผู้คนได้เข้าถึงการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กรได้โดยตรงและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในระยะเวลาอันสั้นอย่างน่าประหลาดใจ”

~ Michael C. Jensen, Jesse Isidor Straus ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

“การคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา และเมื่อฉันได้เข้าร่วม Landmark Forum ฉันก็ตระหนักว่าฉันสามารถมีความสำเร็จ ความสมหวัง และมีความสุขได้ในทุกช่วงชีวิตของฉัน”

~ Natalie Cook ผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิก

“ในฐานะบุคคลที่ใช้เวลาชีวิตในด้านการแก้ปัญหาระดับโลก ผมไม่สามารถนึกถึงโปรแกรมการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ได้  ผลลัพธ์ที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งที่ผมได้รับคือความสามารถในการจัดการกับปัญหาระดับโลกที่ยากจะแก้ไขได้โดยไม่ท้อถอย  จากการเข้าร่วม Landmark แต่ละคนจะได้รับเครื่องมือในการออกไปสู่โลกและสร้างสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น”

~ Dr. Charles McNeill ที่ปรึกษานโยบายอาวุโส โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ

ผมยังไม่เห็นสิ่งอื่นใดที่ส่งผลดีต่อความสามารถของผู้คนในความสัมพันธ์ สื่อสาร และดำเนินการได้เท่ากับ Landmark”

~ Paul Fireman ผู้ก่อตั้งและอดีตประธาน/ซีอีโอของ Reebok International, Ltd.USA

บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลกของ Landmark และบริษัทในเครือ Vanto Group ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการที่ดีที่สุดของอเมริกาโดย นิตยสาร Forbes เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน – 2563 และ 2564 นอกจากนี้ Landmark เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักสำหรับผู้เข้าร่วมที่สร้างโครงการที่ไม่แสวงหาผลกำไรและที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกว่า 150,000 โครงการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบุคคล องค์กร และชุมชนทั่วโลก ตัวอย่างบางส่วน ได้แก่

  • Special Spectators (ซึ่งผู้ก่อตั้ง Blake Rockwell ได้ชื่อว่าเป็น CNN Hero) มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเด็กที่ป่วยหนักหลายหมื่นคน พี่น้อง และผู้ปกครองด้วยการให้ประสบการณ์การเล่นเกมระดับวีไอพีในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยสำคัญๆ มากกว่า 50 แห่ง
  • Plant a Million Trees: Gashaw Tahir ก่อตั้ง NGO ชื่อ Greenland Development Foundation ที่ปลูกต้นไม้มากกว่าหนึ่งล้านต้นในเอธิโอเปีย และในกระบวนการนี้ ได้ให้คนหนุ่มสาวมากกว่า 450 คนมีงานทำ ทำให้พวกเขาสร้างศักดิ์ศรีและความสามารถในการมองเห็นอนาคตในเอธิโอเปีย
  • R U OK? Day: โครงการป้องกันการฆ่าตัวตายที่คนทั้งประเทศออสเตรเลียยอมรับ

Landmark รับทราบและขอบคุณผู้คนมากกว่าสามล้านคนที่มีส่วนร่วมในงานและความแตกต่างที่พวกเขาสร้างในชีวิตของตัวเอง ในชีวิตของผู้อื่น และทั่วโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Landmark และโปรแกรมต่างๆ ของบริษัทได้ที่ www.landmarkworldwide.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210916005243/en/

ติดต่อ:

Michelle Tennant Nicholson จาก Wasabi Publicity Inc. +1-828-749-3200
Michelle@WasabiPublicity.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การศึกษาทั่วโลกของ Egon Zehnder เปิดเผยว่า ซีอีโอมีความตระหนักในตนเองมากขึ้น แต่ยังต้องปรับตัวและสร้างความสัมพันธ์มากว่าเดิม

Logo

การสำรวจซีอีโอจำนวนเกือบ 1,000 คนทั่วโลกเผยให้เห็นว่า ความท้าทายทางสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบันได้ผลักดันให้มีการสะท้อนตนเองและการพัฒนาในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองด้านซีอีโอและบทบาทความเป็นผู้นำ

ซูริค–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2564

Egon Zehnder บริษัทที่ปรึกษาด้านการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลก วันนี้เปิดเผยผลการศึกษาจากการสำรวจซีอีโอจำนวน 972 คนทั่วโลก โดยหาคำตอบว่าบทบาทและความคาดหวังของซีอีโอมีการพัฒนาไปอย่างไรเมื่อเผชิญกับความท้าทายและเหตุการณ์สำคัญระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้น ผลการศึกษาพบว่า การสะท้อนตนเองและการพัฒนาตนเองได้ขยับมามีความสำคัญสูงสุดสำหรับซีอีโอ เนื่องจากพวกเขาตระหนักรู้ในตนเองมากขึ้น โดยเห็นว่ากุญแจสู่ความสำเร็จคือการปรับปรุงด้านความเป็นผู้นำในตัวมนุษย์

เนื่องจากความต้องการด้านความเท่าเทียมในสถานที่ทำงานและแรงกดดันใหม่ ๆ เกี่ยวกับการทำงานแบบไฮบริดที่เพิ่มสูงขึ้นยังคงพัฒนาวัฒนธรรมทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว ซีอีโอทั่วโลกจึงได้ประเมินบทบาทของตนเองใหม่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการมีส่วนร่วมกับทีม ตลอดจนวิธีการดูแลรับผิดชอบองค์กรและตัวเองในการทำให้ธุรกิจให้พร้อมสำหรับอนาคต ปัจจุบัน ซีอีโอมองว่าการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตนเองและการสร้างแรงผลักดันจากภายในตัวของพนักงานในองค์กรเป็นลำดับแรก ๆ นั้นมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อน

ผลการสำรวจสำคัญ ๆ มีดังนี้

  • 90% ของซีอีโอรายงานว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ที่ศูนย์กลางของเสียงที่ดังขึ้น หลากหลายมากขึ้น และแตกต่างออกไป เมื่อถูกถามเกี่ยวกับผลกระทบของสถานการณ์ล่าสุดที่มีต่อองค์กร ซีอีโอส่วนใหญ่เน้นย้ำถึงการตัดสินใจและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ่งบอกถึงความซับซ้อนและการพัฒนาที่รวดเร็ว ซึ่งกำลังพลิกโฉมธุรกิจ และซีอีโอจะตอบคำถามผู้ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น และมีการประเมินผลในรูปแบบที่คิดขึ้นมาใหม่
  • 83% ของผู้นำมองว่าการไตร่ตรองรูปแบบความเป็นผู้นำของตนเองเป็นสิ่งจำเป็น โดยเพิ่มขึ้นจาก 66% ในการศึกษาปี 2018 ใน The CEO: A Personal Reflection บรรดาซีอีโอกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว สร้างความสัมพันธ์ และตระหนักรู้ในตนเอง พวกเขามุ่งมั่นที่จะรับฟังมุมมองที่หลากหลายและเปิดรับข้อเสนอแนะจากภาคส่วนใหม่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกในทีม ประธาน เมนเทอร์ ที่ปรึกษา และซีอีโอท่านอื่น นอกจากนี้ ซีอีโอหญิงจะเปิดรับข้อเสนอแนะจากแหล่งต่าง ๆ หลายแห่ง และมีแนวโน้มที่จะเปิดรับคำแนะนำจากเพื่อนซีอีโอ เมนเทอร์ และสมาชิกในครอบครัวมากกว่าผู้ชาย
  • 78% (เพิ่มขึ้นสามเท่าจากปี 2561) ของซีอีโอเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตนเองต่อไป เหล่าซีอีโอยังเห็นด้วยอย่างยิ่งต่อความสำคัญของ “การเดินทางสองทาง” ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้นำเชื่อว่าการพัฒนาตนเองและการเติบโตขององค์กรในฐานะเส้นทางที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนั้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดได้ ผลการสำรวจที่โดดเด่นที่สุดของเราคือข้อตกลงที่แทบจะเป็นเอกฉันท์ในหมู่ผู้นำนับพัน โดยมีใจความว่า “ในฐานะซีอีโอ ฉันอยากมีสมรรถภาพในการเปลี่ยนแปลงตัวเองและองค์กร”
  • ใน 3 ของซีอีโอรายงานว่า ตัวชี้วัดขั้นสุดท้ายที่ชี้นำการตัดสินใจของพวกเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะมีความคาดหวังทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับสังคมและเศรษฐกิจที่พวกเขาให้การสนับสนุน จากความขัดแย้งนี้ จึงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าซีอีโอมีแนวทางที่จะทำตามความมุ่งหวังของตนโดยตรง โดยใช้ตัวชี้วัดทางการเงินแบบเดิมเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการตัดสินใจสำหรับซีอีโอส่วนใหญ่หรือไม่
  • การวิเคราะห์คำตอบปลายเปิดแสดงให้เห็นว่า ซีอีโอเกือบ 500 คน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ให้การสำรวจทั้งหมด มองว่าความสามารถเชิงสัมพันธ์เป็นจุดบอดหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของซีอีโอ (44%) รายงานว่ารู้สึกเข้ากันได้อย่างเต็มที่กับทีม และน้อยกว่าที่เข้ากันได้กับบอร์ดบริหาร ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความตึงเครียดที่สูงขึ้นและความจำเป็นในการทำงานร่วมกันที่เพิ่มขึ้น

Jill Ader ประธานของ Egon Zehnder กล่าวว่า “ซีอีโอต่างตระหนักดีว่าความซับซ้อนทางธุรกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปัจจุบันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ด้านความเป็นผู้นำ และการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องเริ่มต้นจากภายในด้วยการไตร่ตรองความคิดและการพัฒนาตนเองไปอีกหลายระดับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องคิดตามใจตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่ทีม องค์กร และผู้ที่เกี่ยวข้องคาดหวังจากซีอีโอ ความเฉียบแหลมด้านธุรกิจแบบเดิมต้องสมดุลเท่าเทียมกันกับความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากกว่าที่เคยเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นคงทางอารมณ์ของทีมและองค์กร ดำเนินการท่ามกลางความซับซ้อนทางธุรกิจ และสร้างสถานที่ทำงานที่มีประสิทธิผลและสร้างแรงบันดาลใจ”

Kati Najipoor-Schuette และ Dick Patton ซึ่งเป็นผู้นำร่วมกลุ่มให้ปรึกษาซีอีโอ ของ Egon Zehnder และผู้ร่วมเขียนการสำรวจนี้เน้นย้ำว่า การดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเหล่านี้ ซีอีโอต้องเพิ่มความสามารถของตนเองในการปรับตัว สร้างความสัมพันธ์ และตระหนักในตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ความสามารถเหล่านี้จำเป็นต้องสมดุลกับความแข็งแกร่งด้านความเป็นผู้นำแบบเดิม การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการวางแนวประสิทธิภาพอย่างไม่หยุดยั้ง การเพิ่มพูนทักษะเหล่านี้ผู้นำจะต้องเพิ่มความสามารถในการฟัง ไว้วางใจในเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง และสื่อสารอย่างจริงใจมากกว่าที่เคยเป็นมา

จากการฝึกฝนทักษะเหล่านี้และใช้แนวทางที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น ซีอีโอจะพัฒนาความยืดหยุ่น ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการปรับตัวทั้งของตนเองและองค์กร

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสำรวจซีอีโอของ Egon Zehnder ซึ่งสำรวจซีอีโอจำนวน 972 คนทั่วโลก โปรดู www.egonzehnder.com/it-starts-with-the-CEO

เกี่ยวกับ Egon Zehnder

Egon Zehnder เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเป็นผู้นำแถวหน้าของโลก ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้นำตอบคำถามที่ซับซ้อนด้วยคำตอบที่เน้นการเข้าถึงมนุษย์ ด้วยประสบการณ์กว่า 55 ปีในการให้คำปรึกษาลูกค้าเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูง เราทราบว่าการเลือกซีอีโอเป็นจุดกึ่งกลางของกระบวนการ ไม่ใช่จุดสิ้นสุด นั่นคือเหตุผลที่เราเป็นพันธมิตรกับลูกค้าเพื่อส่งมอบการเปลี่ยนแปลง การสืบทอดตำแหน่ง การพัฒนา และการสนับสนุนการเป็นซีอีโอที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ เราช่วยให้องค์กรเข้าถึงหัวใจของความท้าทายในการเป็นผู้นำ และเสนอความคิดเห็นและข้อมูลเชิงลึกที่ตรงไปตรงมาเพื่อช่วยให้ผู้นำตระหนักถึงตัวตนและจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา ที่ปรึกษา 525 คนของเราในสำนักงาน 63 แห่งและ 37 ประเทศคืออดีตผู้นำในอุตสาหกรรมและฟังก์ชันงานต่าง ๆ ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นทั่วทั้งภูมิภาค อุตสาหกรรม และฟังก์ชันต่างๆ เพื่อส่งมอบพลังความสามารถของบริษัทให้กับลูกค้าทุกรายในทุก ๆ ครั้ง เราเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงผู้คน องค์กร และโลกได้ผ่านความเป็นผู้นำ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.egonzehnder.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn และ Twitter

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210915005058/en/

ติดต่อ:

Stacy Drumtra, ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายการตลาดสากลประจำชิคาโก
stacy.drumtra@egonzehnder.com | โทร: +1 312 805 6736

Martin Klusmann, ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายการตลาดสากลประจำเบอร์ลิน
martin.klusmann@egonzehnder.com | โทร: +49 1702360101

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การวิจัยของ OAG ระบุว่า เกือบ 3 ใน 4 ของผู้เดินทางในสหรัฐฯ สนับสนุนการใช้วัคซีนพาสปอร์ต

Logo

70% ของผู้เดินทางทั้งหมดสนับสนุนวัคซีนพาสปอร์ตระหว่างประเทศ โดย 56% ของผู้เดินทางที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจะไม่รับการฉีดวัคซีนแม้จะมีการบังคับใช้เพื่อเดินทาง

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2564

จากการสำรวจของ OAG กับผู้เดินทางชาวอเมริกันมากกว่า 1,800 คนในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม พบว่านักเดินทางกำลังจะได้เดินทางทางอากาศอีกครั้ง แต่การเดินทางทางอากาศในอนาคตอันใกล้ยังมีความไม่แน่นอนสูง ความสามารถในการรองรับผู้เดินทางภายในประเทศในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 81% ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ปี 2564 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากความต้องการอันแรงกล้าของผู้บริโภค โดย 70% ของผู้บริโภคที่สำรวจโดย OAG ได้จองเที่ยวบินล่วงหน้าไว้แล้ว

ขณะที่ผู้เดินทางที่ปรารถนาเดินทางด้วยเครื่องบินมีจำนวนเพิ่มขึ้นนั้น สายพันธุ์เดลต้า อัตราการแพร่เชื้อของโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น และความต้องการในการฉีดวัคซีนนั้นมีผลอย่างมากต่อสถานการณ์ระยะใกล้และระยะกลาง ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่สำรวจโดย OAG รายงานว่าได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม OAG พบว่ามีเพียง 15% ของผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนที่วางแผนจะรับการฉีดวัคซีนก่อนการเดินทางครั้งต่อไป

สายการบินและจุดหมายปลายทางหลายแห่งกำลังพิจารณาออกกฎให้นักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและกับป้องกันการแพร่เชื้อ โดย 68% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมดกล่าวว่าพวกเขาสนใจหรือต้องการวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับการเดินทางในประเทศ และ 70% เชื่อว่าควรบังคับใช้วัคซีนพาสปอร์ตสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ที่น่าตกใจคือ  56% ของผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนกล่าวว่าพวกเขายังคงไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แม้ว่าสายการบิน สนามบิน หรือจุดหมายปลายทางมีการคับใช้สำหรับการเดินทางก็ตาม

Mayur Patel หัวหน้า OAG ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ข้อบังคับการฉีดวัคซีนเป็นดาบสองคม สายการบิน รัฐบาล และจุดหมายปลายทางหลายแห่งกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะออกข้อบังคับให้ฉีดวัคซีนก่อนบินหรือเข้าพื้นที่ได้ และผู้เดินทางส่วนใหญ่ก็สนับสนุนการใช้วัคซีนพาสปอร์ต แม้จะเป็นการเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับไฟที่ร้อนจัดก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่องของตลาดการเดินทางทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับจำนวนการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นและอัตราการแพร่เชื้อที่ลดลง”

ประเด็นอื่น ๆ จากการวิจัยของ OAG ประกอบด้วย:

  • ความกังวลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ยังคงทำให้นักเดินทางบางส่วนต้องชะลอการเดินทาง จาก 30% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ยังไม่ได้จองเที่ยวบิน จำนวน 40% กำลังรอให้อัตราการฉีดวัคซีนและข้อบังคับดีขึ้น และ 30% กำลังรอการบังคับใช้วัคซีนพาสปอร์ต
  • แนวโน้มการเดินทางเพื่อธุรกิจยังคงไม่ชัดเจน มีเพียง 62% ของผู้เดินทางเพื่อธุรกิจกล่าวว่าบริษัทกำลังวางแผนเดินทางทางอากาศในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ 38% กล่าวว่าบริษัทยังไม่มีแผนการ (20%) หรือยังไม่ได้ระบุแผน (18%)
  • มีการคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวในวันหยุดจะกลับมา ฤดูกาลการท่องเที่ยวในวันหยุดปี 2564 จะคึกคักกว่าปี 2563 มาก จากผู้เดินทาง 38% ที่สำรวจโดย OAG ที่กล่าวว่าพวกเขามักจะบินในช่วงวันหยุด ในกลุ่มนี้จะมีเพียง 40% เท่านั้นที่ทำเช่นเดียวกันในปี 2563 โดยในปีนี้ กลุ่มที่ตั้งใจจะบินเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวถึง 85% การรองรับผู้เดินทางที่วางแผนไว้สำหรับสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้มีการจองที่ตั๋วในประเทศเพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
  • พฤติกรรมการจองตั๋วเครื่องบินยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ นักท่องเที่ยวเกือบครึ่งที่ทำแบบสำรวจยังคงจองตั๋วล่วงหน้าอย่างกระชั้นชิด (ระหว่าง 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนล่วงหน้า) และอีกครึ่งหนึ่งจะจองระหว่าง 2-6 เดือนหรือนานกว่านั้น โดย 80% คาดว่าราคาตั๋วจะเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า

สำหรับข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจฉบับเต็ม ดูได้จากรายงานที่นี่ https://www.oag.com/us-traveler-survey เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ได้ที่ https://www.oag.com/

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472 OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร มีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: www.oag.com และสามารถติดตามเราทาง Twitter ได้ที่ @OAG Aviation

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210913005030/en/

ติดต่อ:

Chrissy Azevedo 
Corporate Ink ตัวแทนของ OAG 
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัวการจัดเก็บข้อมูล PCIe® 4.0 Storage Class Memory SSDs

Logo

KIOXIA FL6 Series รุ่นใหม่ใช้ประโยชน์จาก XL-FLASH ของ Kioxia เพื่อปิดช่องว่าง หรือ Bridge Gap ระหว่างชิปแบบ DRAM และ SSD ที่ใช้ TLC เร่งความเร็วแอปพลิเคชันที่ละเอียดอ่อน

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 กันยายน 2564

การจัดเก็บข้อมูล Storage Class Memory (SCM) ที่มีเวลาแฝงต่ำและความทนทานสูงกำลังจะมาในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล KIOXIA NVMe™ SSD ซึ่ง Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ กำลังสุ่มตัวอย่าง KIOXIA FL6 Series enterprise NVMe SCM SSDs ในระดับองค์กร โดยนำเสนอโซลูชัน SCM ของ Kioxia, XL-FLASH, dual-port และ PCIe® 4.0-compliant KIOXIA FL6 Series SSDs เชื่อมช่องว่างระหว่างไดรฟ์ที่ใช้ชิปแบบ DRAM และ TLC ทำให้เหมาะสำหรับกรณีการใช้งานที่ไวต่อเวลาแฝง เช่น แคชเลเยอร์ การจัดลำดับชั้น และการบันทึกการเขียน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่:https://www.businesswire.com/news/home/20210913005922/en/

PCIe(R) 4.0-compliant Storage Class Memory (SCM) SSD: KIOXIA FL6 Series (Photo: Business Wire)ระบบจัดเก็บข้อมูล PCIe(R) 4.0-compliant Storage Class Memory (SCM) SSD: KIOXIA FL6 Series (ภาพ: Business Wire)

อิงจากเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH™ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia พร้อม SLC ความจุ 1 บิตต่อเซลล์ ทำให้ XL-FLASH มีเวลาแฝงที่ต่ำและประสิทธิภาพสูงสำหรับศูนย์ข้อมูลและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลระดับองค์กร แม้ว่าโซลูชันหน่วยความจำแบบระเหย เช่น ชิปแบบDRAM จะให้ความเร็วในการเข้าถึงที่จำเป็นสำหรับแอพพลิเคชั่นที่ต้องการ แต่ก็มีต้นทุนสูง SCM แก้ไขปัญหานี้ด้วยการจัดหาหน่วยความจำแฟลชแบบไม่ลบเลือนที่มีความหนาแน่นสูงและคุ้มค่า

KIOXIA FL6 Series ทำงานได้ดีกับปริมาณงานที่มีรอดำเนินการต่ำ แต่จุดแข็งที่แท้จริงนั้นถูกเปิดเผยเมื่อปริมาณงานมีความต้องการและผสมกันมากขึ้น ในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ ไดรฟ์ KIOXIA FL6 มอบคุณภาพการบริการที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญสำหรับแอปพลิเคชันที่ไวต่อเวลาแฝงที่หลากหลาย

จุดเด่นของ KIOXIA FL6 Series

  • สอดคล้องกับข้อกำหนด PCIe 4.0 และ NVMe 1.4; พร้อมสำหรับการใช้งาน NVMe-oF™
  • Native dual-port เพื่อความพร้อมใช้งานและความยืดหยุ่นสูง
  • ความทนทานและความจุ 60 DWPD จาก 800 GB ถึง 3.2 TB
  • ความน่าเชื่อถือในระดับองค์กร MTBF 2.5 ล้านชั่วโมง
  • ตัวเลือกการรักษาความปลอดภัย SED และ FIPS 140-2[1]

KIOXIA FL6 Series กำลังสุ่มตัวอย่างไปยังคู่ค้าและลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญ

หมายเหตุ

[1] ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ หนึ่งกิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์และหนึ่งเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บที่น้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

*PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

*NVMe และ NVMe-oF เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2560 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Kioxia ได้แยกออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530 โดยบริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกโซลูชันและบริการหน่วยความจำที่ล้ำสมัยซึ่งเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนและขยายขอบเขตทางสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ Kioxia หรือที่เรียกว่า BiCS FLASH ™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, ศูนย์ยานยนต์และศูนย์ข้อมูล

ลูกค้าสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Kioxia Corporation
ฝ่ายส่งเสริมการขาย
โทร: +81-3-6478-2427
https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210913005922/en/

สื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่::
Kioxia Corporation
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ITT แต่งตั้ง Bartek Makowiecki เป็นรองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจ และนำการควบรวมกิจการทั้งหมด

Logo

ไวท์เพลนส์ นิวยอร์ก–(บิสิเนสไวร์)–13 ก.ย. 2564

13 กันยายน 2564 ITT Inc. (NYSE: ITT) แต่งตั้ง Bartek Makowiecki เป็นรองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจ โดยรายงานต่อ Luca Savi ประธานและซีอีโอของ ITT Inc.  ในบทบาทนี้ Makowiecki จะขับเคลื่อนกลยุทธ์และการควบรวมกิจการ (M&A) ทั่ว ITT ทั้งหมด

Makowiecki เข้าร่วม ITT จาก Ingredion ซึ่งล่าสุดเขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทั่วโลก ฝ่ายควบรวมกิจการ และการบุกเบิกธุรกิจขณะอยู่ที่ Ingredion  เขาได้สร้างฟังก์ชันกลยุทธ์ระดับโลก ขยายแพลตฟอร์มการเติบโตของบริษัท และสร้างโครงการร่วมทุนขององค์กรใหม่เพื่อปรับใช้เงินทุนกับการลงทุนในระยะเริ่มต้น  ก่อนที่จะมาร่วมงานกับ Ingredion นั้น Makowiecki ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ในด้านกลยุทธ์ระดับโลก และบทบาทการควบรวมกิจการ รวมถึงการมอบหมายงานระหว่างประเทศที่ Owens Corning Corporation และ Parker-Hannifin Corporation

“Bartek เป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จโดยมีประวัติที่พิสูจน์แล้วในการควบรวมกิจการและการจัดการพอร์ตโฟลิโอ  ประสบการณ์ของเขาเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ ITT ขณะที่เราพยายามเร่งกลยุทธ์การปรับใช้เงินทุนของเรา” Luca Savi ซีอีโอและประธานของ ITT กล่าว “Bartek มีพรสวรรค์เฉพาะตัวและเป็นผู้นำที่เหมาะสมในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ระยะยาวของเราและเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นที่เหนือกว่าต่อไป”

Makowiecki สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง และศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาธุรกิจระหว่างประเทศและการเงินจาก Regents University ในสหราชอาณาจักร เขาจะประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของ ITT ในไวท์เพลนส์ รัฐนิวยอร์ก

เกี่ยวกับ ITT

ITT เป็นผู้ผลิตหลากหลายชั้นนำเกี่ยวกับส่วนประกอบที่สำคัญทางวิศวกรรมขั้นสูงและโซลูชันเทคโนโลยีที่ปรับแต่งได้สำหรับตลาดพลังงาน การขนส่ง และอุตสาหกรรม  ด้วยมรดกแห่งนวัตกรรม ITT ร่วมมือกับลูกค้าเพื่อส่งมอบโซลูชั่นที่ยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมหลักที่สนับสนุนวิถีชีวิตสมัยใหม่ของเรา ITT  มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองไวท์เพลนส์ รัฐนิวยอร์ก โดยมีพนักงานในกว่า 35 ประเทศและจำหน่ายในประมาณ 125 ประเทศ  บริษัทสร้างรายได้ปี 2563 มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.itt.com

ดูต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210913005008/en/

นักลงทุนติดต่อ
Mark Macaluso
+1 914-641-2064
mark.macaluso@itt.com

Mary Kay Inc. เผยแพร่รายงานสรุปกลยุทธ์ความยั่งยืนและผลกระทบทางสังคมประจำปี 2563-64 โดยเน้นที่เป้าหมายความยั่งยืนระดับโลกและผลกระทบทางสังคมจนถึงปี 2573

Logo

ในหัวข้อ “Enriching Lives Today for A Sustainable Tomorrow” รายงานสรุปฉบับแรกที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–13 กันยายน 2564

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ในวันนี้ได้เผยแพร่กลยุทธ์ความยั่งยืนในหัวข้อ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow และรายงานสรุปกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและผลกระทบทางสังคมประจำปี 2563-64

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210913005253/en/

Enriching Lives Today For A Sustainable Tomorrow logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Enriching Lives Today For A Sustainable Tomorrow (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

“มันเป็นเรื่องที่มากกว่าคำว่าเรา—และมันเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและการดูแลส่วนบุคคลกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเมื่อบริษัทต่าง ๆ พัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานที่โปร่งใส และผลิตภัณฑ์ที่สะอาดและมีจริยธรรม Mary Kay เชื่อและสนับสนุนในวิวัฒนาการนี้”

Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow ขยายวิสัยทัศน์ของ Mary Kay ไปสู่ปี 2573 และปีต่อ ๆ ไป โดยสร้างภาพลักษณ์ว่าอะไรที่ดี “หน้าตาเป็นอย่างไร” สำหรับ Mary Kay ที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ลูกค้า และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือโลกใบนี้ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow ได้รับการพัฒนาร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักของ Mary Kay และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ทำให้ Mary Kay เป็นส่วนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรระดับโลกเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า

“ในขณะที่มีการริเริ่มที่มีความหมายเกิดขึ้นทั่วทั้งอุตสาหกรรม—และในตัวของ Mary Kay—ยังมีงานอีกมากในการค้นหาแนวทางแก้ไขระยะยาวสำหรับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจและสังคมที่รออยู่ข้างหน้า” Gibbins กล่าวเสริม “เป็นเวลาเกือบ 60 ปีที่ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างชีวิตของผู้หญิง พัฒนาด้านสุขภาพผิว และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนทั่วโลก เราตื่นเต้นมากที่ได้ก้าวต่อไปที่สำคัญในการเดินทางของเรา”

จุดเด่นของรายงานความยั่งยืนประกอบด้วย:

  • Mary Kay ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลก: Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow แนวทางแบบองค์รวมของเราครอบคลุมสามเสาหลักของความยั่งยืน—เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม—ผ่านห้าเสาหลัก ขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่น 15 ประการเพื่อส่งมอบทศวรรษแห่งการดำเนินการที่ยั่งยืน
  • Mary Kay จะมีส่วนร่วมใน 15 จาก 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่กำหนดโดยสหประชาชาติ และได้ดำเนินการตามลำดับความสำคัญและภาระผูกพันในบริบทของการมอบอำนาจชั้นนำระดับโลก ซึ่งรวมถึง: หลักการสิบประการของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ หลักการสร้างเสริมอำนาจสตรีเจ็ดประการ CEO Water Mandate, and the Sustainable Ocean Principles หรือ หลักการฟื้นฟูมหาสมุทรอย่างยั่งยืน
  • เป้าหมายความมุ่งมั่นที่สำคัญเพื่อให้บรรลุภายในปี 2573:
    • ลดปริมาณ 30%: ความเข้มของพลาสติก คาร์บอน (ขอบเขต 1 และ 2) และการใช้น้ำ
    • ส่งเสริมผู้หญิงจำนวน 5 ล้านคนทั่วโลกผ่านการพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการ
    • ให้การสนับสนุนผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงทางเพศและในครอบครัวมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก

จุดเด่นที่สำคัญ:

ในปี 2563 และครึ่งแรกของปี 2564 Mary Kay ยังคงสานต่อมรดกแห่งความยั่งยืนและการสนับสนุน ด้านล่างนี้คือจุดเด่นที่สำคัญบางส่วน

ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

  • 100% ของผู้อำนวยการที่อยู่ในสหรัฐฯ และตำแหน่งสูงกว่านั้นสำเร็จการฝึกอบรมภาคบังคับเรื่องความมีอคติโดยไม่รู้ตัว
  • ความหลากหลายทางเพศในสถานที่ทำงาน: 54% ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง 61% ของพนักงานทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง และ 54% ของรองประธานระดับโลกขึ้นไปเป็นผู้หญิง 59% ของกรรมการขึ้นไปเป็นผู้หญิง (มีนาคม 2564)
  • ดำเนินการตรวจสอบธุรกิจบุคคลที่สามและรายงานข้อมูลความหลากหลายเพื่อแจ้งห่วงโซ่อุปทานปัจจุบันของเราที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึกเป็นเจ้าของ: ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 (ข้อมูลห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น): 12% ของผู้ซัพพลายเออร์ทางอ้อมของ Mary Kay เป็นผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึกที่เป็นเจ้าของ; 5% ของซัพพลายเออร์โดยตรงของ Mary Kay เป็นผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย หรือทหารผ่านศึก
  • ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับโลกของเรา ปัจจุบันเรานำเสนอรองพื้นมากกว่า 80 ชนิด—ในเฉดสีและฟินิชที่หลากหลาย—เพื่อให้เข้ากับสเปกตรัมที่สวยงามของโทนสีผิวได้ดีที่สุด
  • 77% ของศิลปินที่มีส่วนร่วมในแคมเปญการตลาดทั่วโลกของเราเป็นธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ (ช่างภาพ ผู้อำนวยการ นักออกแบบ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม โปรดิวเซอร์ ฯลฯ)

การดูแลผลิตภัณฑ์

  • เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ผลักดันบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมความงาม หรือSustainable Packaging Initiative for Cosmetics (SPICE) ภารกิจของ SPICE คือการขับเคลื่อนอนาคตของบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนสำหรับเครื่องสำอางให้มีความก้าวหน้าที่สำคัญในสามด้านหลัก: กำหนดนโยบายบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ขับเคลื่อนนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ และให้ความโปร่งใสในผู้บริโภค
  • เข้าร่วมมูลนิธิ Ellen MacArthur Foundation ในฐานะสมาชิกของเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการเป็นธุรกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

การผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ

  • สำนักงานใหญ่ระดับโลก โรงงานผลิตทั่วโลก และการจัดจำหน่ายทั่วโลกและระบบการจัดเก็บและดึงข้อมูลอัตโนมัติ (ASRS) ของ Mary Kay ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา โดยใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์
  • การวิเคราะห์พื้นฐานโดยละเอียดเริ่มต้นขึ้นในปี 2562 และดำเนินต่อไปในปี 2563 เพื่อกำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเรา จากระยะแรกของการวิเคราะห์ เป้าหมายของการลดก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (GHG) 30% สำหรับขอบเขต 1 และ 2 ได้ถูกนำมาใช้เป็นเป้าหมายด้านความยั่งยืน ในปี 2564 ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกสำหรับขอบเขตที่ 3 ได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเป้าหมายภายในไตรมาสแรกของปี 2565
  • สมาชิกผู้ก่อตั้งโครงการริเริ่มระดับโลกสองโครงการร่วมกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation: Evergreen Alliance และ Time for Trees Initiative; และเป็นสมาชิกของ Trillion Tree Initiative
  • เป็นผู้ลงนามในสาเหตุสำคัญสองประการในการปกป้องน่านน้ำของโลก: โครงการ CEO Water Mandate และหลักการมหาสมุทรที่ยั่งยืนของ United Nations Global Compact

การเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิง

  • กลายเป็นผู้ให้คำมั่นสัญญาของกลุ่มพันธมิตรปฏิบัติการในแนวร่วมปฏิบัติด้านความเท่าเทียมรุ่นที่สี่: ความรุนแรงบนฐานของเพศสภาพ; ความยุติธรรมและสิทธิทางเศรษฐกิจ; ปฏิบัติการสตรีนิยมเพื่อความยุติธรรมด้านสภาพอากาศ; และเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ (ปี 2564-2569)
  • เปิดตัว Women's Entrepreneurship Accelerator ในปี 2562 ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อนำผู้ประกอบการผ่านการศึกษาและส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีผ่านเส้นทางสู่การสร้างเสริมพลัง 4 เส้นทาง ได้แก่ การศึกษา การให้ทุน การสนับสนุน และการมีส่วนร่วม ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการเป็นผู้ประกอบการสำหรับผู้หญิงทุกคนในทุกที่
  • สนับสนุนข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Global Compact ในการพัฒนาชุดเครื่องมือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สำหรับหลักการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิงตั้งแต่ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women ไปจนถึงการเป็นสมาชิก SMEs จำนวน 6,000 ราย และการใช้งานทั่วไปสำหรับบริษัททั่วโลกเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมกันของผู้หญิง

ผลกระทบทางสังคมระดับโลกและชุมชนท้องถิ่น

  • มูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation มีโครงการวิจัยด้านมะเร็งและการทดลองทางคลินิกเกือบ 40 โครงการ และนักวิจัยที่อยู่ในขั้นตอนของโครงการ 42% ของโครงการวิจัยมะเร็งที่เป็นนวัตกรรมใหม่นำโดยผู้หญิง และในขณะที่ 100 เปอร์เซ็นต์ของการทดลองทางคลินิกนำโดยผู้หญิง
  • Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash Foundation สนับสนุนองค์กร 667 แห่งที่มุ่งมั่นทำงานช่วยชีวิตขององค์กรที่สนับสนุนการขจัดความรุนแรงบนฐานเพศสภาพและให้ทุนแก่สถานพักพิงสตรีที่ให้บริการความช่วยเหลือที่สำคัญ โดยเข้าถึงผู้หญิงและเด็กผู้หญิงกว่า 2 ล้านคนผ่านโครงการที่ไม่ซ้ำกัน 786 โครงการ ในกว่า 138 ประเทศ
  • ตั้งแต่ปี 2551 โครงการ Pink Changing Lives ทั่วโลกของ Mary Kay ได้ก่อให้เกิดโปรแกรมสร้างพลังอำนาจส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่าหกล้านคนและครอบครัวของพวกเขาด้วยการเป็นพันธมิตรกับองค์กรกว่า 3,000 แห่งทั่วโลก โดยบริจาคเงินกว่า 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 มีการบริจาคมากกว่า 775,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก

เติมเต็มชีวิตในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ภาพรวม 5 เสาหลักและพันธสัญญา 15 ข้อ
ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

  • คนของเรา: ปลูกฝังการมีส่วนร่วมของพนักงาน หรือ EMPLOYEE ENGAGEMENT โดยดำเนินชีวิตตามค่านิยมของบริษัทและหล่อเลี้ยงวัฒนธรรมองค์กรของเรา
  • ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการรวมเข้าด้วยกัน: ทำความเข้าใจผ่านความรู้ หรือ KNOWLEDGE เรียกร้องให้ดำเนินการ หรือ ACTION  รับรองการเปลี่ยนแปลง หรือ CHANGE ที่ยั่งยืนและยาวนาน
  • ความโปร่งใสและการสนับสนุน: นำไปสู่ความโปร่งใส หรือ TRANSPARENCY และการช่วยเหลือผ่านผู้สนับสนุนสัมพันธ์ หรือ ADVOCACY

การดูแลผลิตภัณฑ์

  • พลาสติกและบรรจุภัณฑ์: ลด หรือ REDUCE ความเข้มของพลาสติกลง 30%
  • การรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน: 90% ของบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ทำจากการใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก หรือ RECYCLED CONTENT
  • การจัดหาที่ยั่งยืน: ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราให้เหลือน้อยที่สุด หรือ MINIMIZE สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก และส่งเสริมผลประโยชน์ของชุมชน

การผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ

  • คาร์บอน: ลด หรือ REDUCE คาร์บอน (ขอบเขต 1 และ 2) 30%
  • น้ำ: ลด หรือ REDUCE การใช้น้ำ 30%
  • ของเสียจากการปฏิบัติงาน: เบี่ยงเบน หรือ DIVERT 60% ของของเสียจากการปฏิบัติงานจากการฝังกลบ

การเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิง

  • ความเท่าเทียมกัน: พัฒนา หรือ DEVELOP วาระนโยบาย 10 ปีเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิสตรี
  • การเสริมสร้างพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ: เพิ่มพลังอำนาจ หรือ EMPOWER ให้ผู้หญิง 5 ล้านคนทั่วโลก
  • การศึกษา: เข้าถึง หรือ ACCESS การศึกษาสำหรับเด็กหญิงและสตรี 250,000 คนทั่วโลก

ผลกระทบทางสังคม

  • การวิจัยโรคมะเร็ง: กองทุน หรือ FUND รวมกว่า 400,000 ชั่วโมงในการวิจัย
  • ความรุนแรงตามเพศสภาพ: สนับสนุน หรือ SUPPORT ผู้หญิงกว่า 10 ล้านคนทั่วโลกด้วยบริการความช่วยเหลือ
  • การสนับสนุนชุมชนและผลกระทบทางสังคมทั่วโลก: ร่วมมือกัน หรือ COLLABORATE เพื่อการเปลี่ยนแปลงกับองค์กรกว่า 500 แห่ง

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 58 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKayGlobal.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210913005253/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
Marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com








แบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คว้ารางวัล World Branding Awards ประจำปี 2564 โดย Storm

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–9 กันยายน 2564

วันนี้รางวัลอันทรงเกียรติ World Branding Awards ซึ่งเป็นสุดยอดรางวัลการเชิดชูแบรนด์ระดับโลก ในขณะนี้เป็นครั้งที่ 13 ของงานแล้ว โดยคัดเลือก 150 แบรนด์จาก 41 ประเทศ และมอบรางวัล “แบรนด์แห่งปี” หรือ “Brand of the Year” ในพิธีมอบรางวัลเสมือนจริงครั้งแรกที่จัดขึ้นในประวัติศาสตร์ของรางวัลนี้ แบรนด์ต่าง ๆ ได้รับการเสนอชื่อจากผู้บริโภคมากกว่า 115,000 รายจากหกทวีปสำหรับ Animalis edition ที่พิเศษซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ สองปี โดยมุ่งเน้นที่การมอบรางวัลแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ดีที่สุดจากทั่วโลก

Animal Planet, BuddyRest, FRONTLINE, KONG, ORIJEN, Pedigree, Petplan, PURINA Friskies, Rogz, Tetra และ Whiskas ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะระดับ Global Tier ในปีนี้ ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

Aqua Design Amano (ญี่ปุ่น), Vitakraft และ Zooplus (เยอรมนี) และ PetSmart (สหรัฐอเมริกา) ล้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ชนะระดับ Regional Tier พร้อมกับแบรนด์อื่น ๆ อีกสองสามราย

แบรนด์ของมาเลเซียที่เป็นจุดสนใจ ได้แก่ Aquanice (อาหารปลา), Aquaria KLCC (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสาธารณะ), Catzonia (โรงแรมสำหรับสัตว์เลี้ยง – แมว) และ Powercat (อาหารแมว – แบบแห้ง/แบบเม็ด) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

แบรนด์ดังของสิงคโปร์ ได้แก่ Gold-D (อาหารแมว) และ Snappy (ทรายแมว) ในฐานะผู้ชนะระดับ National Tier และ Happi Doggy (ขนมขัดฟัน) และ Kit Cat (ผลิตภัณฑ์/อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง) ในฐานะผู้ชนะระดับ Regional Tier ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

และสุดท้าย แบรนด์ที่ได้รับชัยชนะจากฟิลิปปินส์ ได้แก่ Top Breed (อาหารสุนัข – แบบแห้ง/แบบเม็ด), Pupkits (ชุดเครื่องนอน) และ Petshop.ph (ร้านขายสัตว์เลี้ยงออนไลน์) ท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ

“รางวัล Animalis Edition เป็นรางวัลอันทรงเกียรติแก่แบรนด์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมสัตว์และสัตว์เลี้ยงทั่วโลก และเชิดชูแบรนด์ที่ยังคงอยู่แถวหน้าในจิตใจของผู้บริโภค โดยเมื่อพิจารณาจากความท้าทายของการระบาดใหญ่ทั่วโลกที่ประสบต่อธุรกิจ อย่างน้อยก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจ” ริชาร์ด โรวส์ ประธานองค์กร World Branding Forum กล่าว

“นี่เป็นการเฉลิมฉลองของนักการตลาดที่ดีที่สุดของแบรนด์สัตว์เลี้ยงและสัตว์จากทั่วโลก” Rowles กล่าวเสริม

พิธีมอบรางวัลดังกล่าวมีผู้ประกอบการ Lara Morgan และสื่อสัตวแพทย์ Joe Inglis กล่าวปาฐกถาพิเศษแก่แขกผู้มีเกียรติ

รางวัลนี้จัดขึ้นโดย World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตนเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ the World Branding Forum

World Branding Forum (WBF) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ผ่านการจดทะเบียน โดยมีจุดมุ่งหมายและกิจกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐานการสร้างแบรนด์เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมและผู้บริโภค องค์กร WBF ทำการผลิต จัดการ และสนับสนุนโปรแกรมที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมการวิจัย การพัฒนา การศึกษา การยอมรับ เครือข่าย และการขยายงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ brandingforum.org

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210909005386/en/

ติดต่อ:

Press
Peter Michaels
peter.michaels@brandingforum.org

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TDCX ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)– 8 ก.ย. 2564

8 กันยายน พ.ศ. 2564 — TDCX Inc. (“TDCX” หรือ “บริษัท”) ผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพ ประกาศว่า บริษัทได้ยื่นคำชี้แจงการจดทะเบียนในแบบฟอร์ม F- 1 ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (“IPO”) ของหุ้น American Depositary Shares (“ADS”) ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นสามัญประเภท A บริษัทตั้งใจที่จะลงโฆษณาในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ “TDCX”

ยังไม่ได้มีการกำหนดจำนวนหุ้นสามัญที่จะเป็นตัวแทนของแต่ละ ADS และยังไม่ได้กำหนดจำนวน ADS ที่จะเสนอขาย และช่วงราคาสำหรับการเสนอขาย

Goldman Sachs & Co. LLC และ Credit Suisse Securities (USA) LLC จะทำหน้าที่เป็นผู้ทำบัญชีร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะกระทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น สำเนาหนังสือชี้ชวนเบื้องต้น หากมี สามารถหาได้จาก:

Goldman Sachs & Co. L.L.C.

200 West Street

New York, NY 10282-2198

ติดต่อ: Prospectus Department (1-866-471-2526)

อีเมลl: prospectus-ny@gs.com

Credit Suisse Securities (USA) L.L.C.

6933 Louis Stephens Drive

Morrisville, NC 27560

ติดต่อ: Prospectus Department (1-800-221-1037)

อีเมล: usa.prospectus@credit-suisse.com

แบบฟอร์มคำชี้แจงการลงทะเบียน F-1 และการแก้ไขที่ตามมาทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่  www.sec.gov.

คำชี้แจงการจดทะเบียนในแบบฟอร์ม F-1 ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้

ห้ามขายโฆษณาเหล่านี้หรือข้อเสนอที่จะซื้อก่อนเวลาที่ใบแจ้งการจดทะเบียนมีผลบังคับใช้ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 1933 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือ คุณสมบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว หลักทรัพย์ที่อ้างถึงในที่นี้ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนและจะไม่ถูกจดทะเบียนภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ที่บังคับใช้ในเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ TDCX

TDCX เป็นผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่น ๆ บริษัทนำเสนอโซลูชัน CX แบบ omnichannel  บริการการขายและการตลาดดิจิทัล และบริการตรวจสอบและกลั่นกรองเนื้อหา บริษัทมีประวัติด้านความสำเร็จกับลูกค้าในด้านการเดินทางและการบริการ การโฆษณาดิจิทัลและสื่อ สินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี บริการทางการเงิน ฟินเทค หน่วยงานภาครัฐและเอกชน การเล่นเกม อีคอมเมิร์ซและการศึกษา TDCX มีสำนักงานในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย โรมาเนีย สเปน และโคลอมเบีย และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในกว่า 20 ภาษา TDCX ได้รับรางวัลมากกว่า 270 รางวัล

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

การประกาศนี้อาจมีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่สะท้อนถึงความคาดหวังในปัจจุบันของ TDCX เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต รายการและคำอธิบายของความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และความเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน TDCX สามารถดูได้ในเอกสารที่ TDCX ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึงแบบฟอร์มการจดทะเบียน F‑1 นักลงทุนควรระมัดระวังอย่าใช้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้เกินควร ซึ่งกล่าว ณ วันที่ในที่นี้เท่านั้น TDCX ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลที่มีอยู่ในประกาศนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์หรือสถานการณ์ในอนาคตหรืออย่างอื่น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210907005846/en/

สำหรับคำถาม

นักลงทุน:

TDCX

Jason Lim

+65 9799 6550

lim.jason@tdcx.com

สื่อ:

TDCX

Eunice Seow

+65 8432 8388

eunice.seow@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

AD Ports Group และ CMA CGM Group ประกาศข้อตกลงเพื่อลงทุน 570 ล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในอาคารพักตู้สินค้า ณ ท่าเทียบเรือ Khalifa

Logo

  • ภายใต้ข้อตกลงสัมปทาน 35 ปี อาคารพักตู้สินค้าอันล้ำสมัยจะเปิดดำเนินการในปี 2567 โดยมีกำลังการผลิตเริ่มต้น 1.8 ล้าน TEU
  • ท่าเรือ Khalifa กลายเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับบริษัทเดินเรือสามในสี่อันดับแรกของโลก

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–9 ก.ย. 2564

AD Ports Group ซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรม และการค้าระดับชั้นนำของภูมิภาค และ CMA CGM Group ซึ่งตั้งอยู่ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ได้ประกาศการลงนามในข้อตกลงสัมปทานระยะเวลา 35 ปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210909005619/en/

H.H. Sheikh Khaled bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan, Member of Abu Dhabi Executive Council and Chairman of Abu Dhabi Executive Office, meets with officials from AD Ports Group and CMA CGM Group to witness the signing of a concession agreement between them. (Photo: AETOSWire)

H.H. Sheikh Khaled bin Mohamed bin Zayed Al Nahyan สมาชิกสภาบริหารอาบูดาบีและประธานสำนักงานบริหารอาบูดาบี เข้าพบเจ้าหน้าที่จาก AD Ports Group และ CMA CGM Group เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงสัมปทานระหว่างพวกเขา (ภาพ: AETOSWire)

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง จะมีการสร้างอาคารพักตู้สินค้าที่ท่าเรือ Khalifa ซึ่งเป็นท่าเรือคอนเทนเนอร์กึ่งอัตโนมัติแห่งแรกในภูมิภาค GCC ซึ่งจะได้รับการจัดการโดยกิจการร่วมค้าที่เป็นเจ้าของโดย CMA Terminals ในเครือของ CMA CGM (ถือหุ้น ร้อยละ 70 ) และ AD Ports Group (สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 30 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ) คาดว่าการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะมอบเงินประมาณ 570 ล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  (154 ล้านเหรียญสหรัฐ) ให้กับโครงการ

อาคารผู้โดยสารที่ล้ำสมัยเพื่อรองรับการเติบโตของท่าเรือคาลิฟา

การก่อสร้างเริ่มในปี 2564 และอาคารพักตู้สินค้าแห่งใหม่นี้มีกำหนดส่งมอบในปี 2567 โดยในเฟสที่ 1 มีความยาวท่าเรือเริ่มต้น 800 เมตร และกำลังการผลิต 1.8 ล้าน TEU ต่อปีโดยประมาณ AD Ports Group จะรับผิดชอบในการพัฒนางานสนับสนุนทางทะเลและโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงกำแพงท่าเรือสูงถึง 1,200 เมตร เขื่อนกันคลื่นขนาด 3,800 เมตร ชานชาลารางที่สร้างเสร็จทั้งหมด และลานจอดปลายทางขนาด 700,000 ตารางเมตร

อาคารพักตู้สินค้าดังกล่าวจะช่วยให้ CMA CGM มีศูนย์กลางระดับภูมิภาคแห่งใหม่ และจะช่วยให้กลุ่มบริษัทสามารถพัฒนาบริการระหว่างอาบูดาบีและเอเชียใต้ เอเชียตะวันตก แอฟริกาตะวันออก ยุโรป และเมดิเตอร์เรเนียน ตลอดจนตะวันออกกลางและอนุทวีปอินเดีย

ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่นี้ CMA CGM Group ได้ผลักดันกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลกในฐานะผู้ให้บริการเทอร์มินัลชั้นนำ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทดำเนินการท่าเทียบเรือ 49 ท่าใน 27 ประเทศผ่านบริษัทในเครือ CMA Terminals และ Terminal Link

ท่าเรือ Khalifa  ศูนย์กลางของบริษัทเดินเรือสามในสี่อันดับแรกของโลก

CMA CGM Group เป็นหน่วยงานด้านการเดินเรืออันดับสามในสี่อันดับแรกของโลกที่ผนึกกำลังกับผู้อำนวยความสะดวกด้านการค้า โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมชั้นนำของอาบูดาบี ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการยืนยันสถานะของท่าเรือคาลิฟาในฐานะท่าเรือหลักเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ให้บริการศูนย์กลางสำหรับสายการเดินเรือชั้นนำของโลกสามสาย และยังทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญของตลาดการค้าทางทะเลทั่วโลกที่เชื่อมต่อระหว่างตะวันออกกับตะวันตก

CMA CGM พันธมิตรที่มุ่งมั่นสู่เศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ส่วนกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอาบูดาบี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ ช่วยให้กลุ่ม CMA CGM สามารถใช้แผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งในอ่าว และให้บริการที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

CMA CGM Group ตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเวลา 15 ปีแล้ว และมีพนักงานประมาณ 450 คนที่ทำงานภายในสำนักงาน 10 แห่ง เพื่อจัดหาโซลูชั่นบริการทางทะเลและโลจิสติกส์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยการเชื่อมต่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กับโลกด้วย 13 บริการรายสัปดาห์ ให้กับ 9 ท่าเรือ

H.E. Falah Mohammed Al Ahbabi ประธาน AD Ports Group กล่าวว่า “หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีส่วนอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาบูดาบีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของเราซึ่งพร้อมสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงยังมีเขตปลอดอากรและการริเริ่มความผูกพันทางธุรกิจที่ช่วยธุรกิจต่างชาติในการสร้างสถานะในประเทศให้ง่ายขึ้น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่สำคัญในหมู่ผู้เล่นชั้นนำของโลกจำนวนมากที่ต้องการขยายการเข้าถึงไปยังตะวันออกกลาง

“ข้อตกลงครั้งสำคัญกับ CMA CGM Group เป็นตัวอย่างที่สำคัญของความพยายามอย่างต่อเนื่องเหล่านั้น และข้อตกลงที่จะเร่งการค้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่อื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ”

“นอกจากการผลักดันปริมาณการค้าที่เพิ่มขึ้นผ่านท่าเรือของเราและการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว เราคาดว่าความสามารถของโรงงานและการเพิ่มการเชื่อมโยงทางการค้ากับท่าเรือที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ จะผลักดันการลงทุนในธุรกิจในท้องถิ่นและเขตอุตสาหกรรมของเรา สร้างการพัฒนาอย่างรวดเร็วแบบฟาสต์แทร็คของภาคส่วนสำคัญ ๆ รวมถึงการผลิตและการขนส่ง และการเพิ่มความต้องการกำลังคน”

“ข้อตกลงนี้จะช่วยให้เราตระหนักถึงความทะเยอทะยานในระยะยาวของเราในการก้าวขึ้นเป็นผู้ดำเนินการท่าเรือ อุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ 10 อันดับแรก โดยการขยายขีดความสามารถและการเติบโตของเราทั่วทั้งภูมิภาคและที่อื่น ๆ โดยรวมแล้ว เราคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า การร่วมทุนสร้างของ CMA Terminals จะขับเคลื่อนการพัฒนาเพิ่มเติมของเขตอุตสาหกรรม Khalifa อาบูดาบี (KIZAD) ในขณะเดียวกันก็ยังมีส่วนช่วยอย่างมากต่อ GDP ของประเทศ”

กัปตัน Mohamed Juma Al Shamisi ซีอีโอของกลุ่ม AD Ports Group กล่าวว่า “การเพิ่มอาคารคอนเทนเนอร์ใหม่ที่ท่าเรือ Khalifa ซึ่งจะได้รับการจัดการโดยกิจการร่วมค้าที่จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือกับ CMA Terminals เป็นการเปิดบทใหม่ในความพยายามขององค์กรของเรา เพื่อเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่สำคัญของการค้าโลก และยกระดับสถานะของอาบูดาบีในฐานะศูนย์กลางการค้าทางทะเลทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

“ด้วยการเพิ่มกลุ่มบริษัทเดินเรือชั้นนำระดับโลกอีกบริษัทหนึ่ง จะทำให้ท่าเรือ Khalifa เป็นศูนย์กลางสำหรับบริษัทเดินเรือชั้นนำสามในสี่แห่งของโลก การกระทำเช่นนี้จะสร้างโอกาสในการเปิดเส้นทางการค้าสู่ตลาดใหม่ในยุโรป แอฟริกา เอเชียตะวันตก และเอเชียใต้  ที่ประเทศของเรา เราคาดหวังว่าจะมีท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ซึ่งจะเชื่อมโยงโดยตรงกับสถานีขนส่งที่กำลังจะเกิดขึ้นของท่าเรือ Khalifa และการใช้ประโยชน์บริการ เพื่อเร่งกระแสการค้าเข้าและออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ลูกค้าของ CMA CGM Group พิจารณาจัดตั้ง บริษัทในอาบูดาบี”

Rodolphe Saadé ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CMA CGM Group กล่าวว่า “โครงการอันทะเยอทะยานที่เราจะเปิดตัวในวันนี้ในอาบูดาบีถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ CMA CGM ในภูมิภาคนี้

ท่าเทียบเรือที่ล้ำสมัยนี้จะช่วยเสริมตำแหน่งของท่าเรือ Khalifa ในฐานะศูนย์กลางชั้นนำระดับโลกและส่งเสริมเศรษฐกิจของภูมิภาค เร่งกระแสการค้าเข้าและออกจากอาบูดาบี

นอกจากนี้ยังช่วยให้กลุ่มของเราสามารถขยายเครือข่ายการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค ซึ่งเราเห็นศักยภาพในการเติบโตอย่างมากอีกด้วย”

หากต้องการดูวิดีโอเกี่ยวกับข้อตกลง โปรดไปที่:  https://youtu.be/hvW0sgIOonY.

เกี่ยวกับ AD Ports Group:

เกี่ยวกับ AD Ports Group:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม: adports.ae

Twitter @AbuDhabiPorts

LinkedIn: linkedin.com/company/abudhabiports

Instagram: instagram.com/AbuDhabiPorts

Facebook: facebook.com/AbuDhabiPorts

เกี่ยวกับCMA CGM

ติดตาม CMA CGM Group ได้ที่:

https://twitter.com/cmacgm

https://www.linkedin.com/company/cma-cgm

https://www.facebook.com/cmacgm

http://instagram.com/cmacgm/

https://www.youtube.com/channel/UCAMAVVaqikbzeE3znzw6lVQ

*แหล่งที่มา: AETOSWire

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210909005619/en/

ติดต่อ:

AD Ports Group

Sana Maadad

sana.maadad@adports.ae

+971506250890

CMA CGM

ฝ่ายสื่อสัมพันธ์

media@cma-cgm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย