Category Archives: Featured

NTHU และ DAICEL แห่งประเทศญี่ปุ่นร่วมกันพัฒนาปฏิวัติวงการโรงงานเคมีบนเดสก์ท็อป

Logo

นครซินจู๋ ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2564

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัว (NTHU) และ DAICEL บริษัทเคมีที่มีชื่อของญี่ปุ่น ประกาศโครงการร่วมห้าปีเพื่อบูรณาการระบบไมโครฟลูอิดิกส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่พัฒนาโดยนักวิชาการคิตาโมริ ทาเคฮิโกะ เข้ากับอุตสาหกรรมการผลิตเคมีในปัจจุบัน การลงทุนในโครงการนี้เป็นจำนวนเงิน 450 ล้านเยนญี่ปุ่น (ประมาณ 110 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน) และมีศักยภาพในการลดการใช้พลังงานในขณะที่ลดการผลิตของคาร์บอนและของเสียที่คาดว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเคมี

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211028005388/en/

Prof. Kitamori Takehiko has developed an innovative microfluidic system which allows the mixing and extracting operations conventionally carried out with large-scale equipment to be performed using a glass chip the size of a business card. (Photo: National Tsing Hua University)

ศาสตราจารย์คิตาโมริ ทาเคฮิโกะ ได้พัฒนาระบบไมโครฟลูอิดิกส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยให้การดำเนินการผสมและการสกัดทั่วไปให้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ขนาดใหญ่ได้โดยใช้ชิปแก้วที่มีขนาดเท่ากับนามบัตร (ภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัว)

ศาสตราจารย์คิตาโมริ ผู้บุกเบิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านเทคโนโลยีไมโครฟลูอิดิกส์และนาโนฟลูอิดิกส์ และอดีตรองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโตเกียว โดยดำรงตำแหน่ง Yushan Honorary Chair Professor ของ Institute of Nanoengineering and Microsystems ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลไฟฟ้าที่ NTHU ตั้งแต่ปี 2563 จากการวิจัยครั้งก่อนของเขาที่มหาวิทยาลัยโตเกียว เขาได้พัฒนาระบบไมโครฟลูอิดิกส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยให้การดำเนินการผสมและการสกัดทั่วไปให้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ขนาดใหญ่ได้โดยใช้ชิปแก้วที่มีขนาดเท่ากับนามบัตรและ สามารถรวมชิปไมโครฟลูอิดิกส์หลายพันชิ้นในเวลาเดียวกัน ทำให้สามารถสร้าง “โรงงานเคมีบนเดสก์ท็อป หรือ desktop chemical plant” ได้

คิตาโมริ อธิบายว่าอาจเป็นเรื่องยากเลยทีเดียวที่จะผสมสารเคมีในถังขนาดใหญ่หลายถังในพริบตาเดียวด้วยอุณหภูมิและความเร็วของปฏิกิริยาที่ต่างกัน และอาจมีการระเบิดได้หากไม่จัดการวัสดุอย่างระมัดระวัง ดังนั้นวิธีที่นิยมในการผสมสารเคมีคือการส่งผ่านไมโครแชนเนล ซึ่งทำให้สามารถควบคุมปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนผสมตามลำดับและเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ขั้นตอนสุดท้ายเหมาะสมที่สุด

คิตาโมริ กล่าวว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการลดขนาดของอุปกรณ์การผลิตสารเคมี เพื่อให้โรงงานที่ผลิตขนาด 20 x 20 เมตรในปัจจุบันสามารถย่อขนาดให้เล็กลงในระบบขนาดเพียงสองตารางเมตร ยิ่งไปกว่านั้นระบบดังกล่าวจะใช้พลังงานและวัสดุที่น้อยลง ทำให้มีราคาถูกลง และลดการผลิตคาร์บอนอีกด้วย

เมื่อหลายปีก่อน ตอนประธานโอกาวะ โยชิมิ ของ DAICEL ได้ยินเกี่ยวกับเทคโนโลยีไมโครฟลูอิดิกส์ที่พัฒนาโดยคิตาโมริ เขารู้สึกประทับใจอย่างยิ่งและตอนนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ DAICEL จะผสานรวมเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมนี้เข้ากับการดำเนินงาน นอกจากนี้เขายังตั้งตารอที่จะร่วมมือกับ NTHU ในการนำเสนอกระบวนการผลิตในยุคนี้สู่สายตาชาวโลก ซึ่งเขามองว่าเป็นแนวทางในการส่งเสริมความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน

Dr. Fan-gang Tseng รองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ NTHU กล่าวว่าเขามองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาโรงงานเคมีไมโครฟลูอิดิกส์ในอนาคต เขาชี้ให้เห็นว่าการนำกระบวนการไมโครฟลูอิดิกส์นี้ไปใช้โดย DAICEL ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเคมีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และโรงงานเคมีขนาดเล็กและขนาดกลางหลายแห่งของไต้หวันจะเป็นการก้าวกระโดดที่ปฏิวัติวงการ และอาจนำไปสู่กระบวนการที่คล้ายคลึงกันซึ่งถูกนำไปใช้โดยอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และชีวการแพทย์

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211028005388/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
NTHU
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Azbil เปิดตัว Smart HART Modem รุ่น AZ-1SHM พร้อมฟังก์ชันพาวเวอร์ซัพพลายเพื่อการแก้ไขปัญหาการสื่อสารที่รวดเร็วในอุปกรณ์ภาคสนาม

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2564

Azbil Corporation (TOKYO:6845) ประกาศเปิดตัว Smart HART Modem รุ่น AZ-1SHM (ต่อไปนี้เรียกว่า “1SHM”) ซึ่งอำนวยความสะดวกในการกำหนดค่าและปรับแต่งอุปกรณ์ภาคสนามที่สอดคล้องกับการสื่อสาร HART®*1 ที่โรงงานและสถานที่ตั้งการผลิตอื่น ๆ 1SHM เปิดตัวในญี่ปุ่นและภูมิภาคอื่น ๆ*2 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211028005489/en/

Smart HART Modem model AZ-1SHM (Photo: Business Wire) p>Smart HART Modem model AZ-1SHM (รูปภาพ: Business Wire)

<

HART modem คืออุปกรณ์อินเตอร์เฟซการสื่อสารดิจิทัลสำหรับการตั้งค่าและกำหนดค่าอุปกรณ์ภาคสนามที่สอดคล้องกับการสื่อสารของ HART เช่น เซ็นเซอร์และวาล์ว (“อุปกรณ์ HART”) ซึ่งติดตั้งเป็นจำนวนมากที่สถานที่ตั้งการผลิต ในโรงงานแห่งใหม่หรือที่กำลังขยาย หรือระหว่างการปิดซ่อมบำรุง เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ตัวหลักผ่าน HART modems กับอุปกรณ์ HART เพื่อกำหนดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ในบางกรณีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินสาย สภาพแวดล้อมการเชื่อมต่อ ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ หรือแหล่งจ่ายไฟอาจทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ในการตรวจสอบและบรรเทาปัญหา อาจจำเป็นต้องใช้แหล่งจ่ายไฟ เครื่องออสซิลโลสโคป หรืออุปกรณ์อื่น ๆ นอกจากนี้บางครั้งอุปกรณ์ภาคสนามยังถูกติดตั้งในที่ที่เข้าถึงยาก ทำให้คนงานตกอยู่ในภาวะอันตราย

1SHM ใหม่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ นอกจากฟังก์ชันอินเตอร์เฟซการสื่อสารแล้ว ยังมีฟังก์ชันระบุสาเหตุของปัญหาการสื่อสารระหว่างการกำหนดค่าและการตั้งค่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อแบบไร้สายและฟังก์ชันการจ่ายไฟ ทำให้การบำรุงรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น เนื่องจากโมเด็มสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ Azbil และ HART ของบริษัทอื่น ๆ เจ้าหน้าที่บำรุงรักษาจึงสามารถจัดการปัญหาด้านการสื่อสารได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วโดยใช 1SHM เครื่องเดียว

ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับรางวัล 2020 Good Design Award ในญี่ปุ่น และรางวัล 2021 Red Dot Award ในประเทศเยอรมนี

คุณสมบัติ

1. ไฟ LED เพื่อความเข้าใจอย่างรวดเร็วของสถานะอุปกรณ์

ไฟ LED ด้านหน้าช่วยให้ผู้ใช้เห็นสถานะพลังงานและการสื่อสารได้ทันที โดยข้อผิดพลาดเบื้องต้นที่ทำให้เกิดปัญหาในการเชื่อมต่อ (ไม่มีแหล่งจ่ายไฟ การทำงานร่วมกันไม่ได้ ฯลฯ) สามารถตรวจพบได้อย่างรวดเร็ว

2. การวินิจฉัยปัญหาการสื่อสาร

1SHM เครื่องเดียวและซอฟต์แวร์ที่รวมอยู่มีฟังก์ชันที่โดยปกติจะต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ (เครื่องออสซิลโลสโคป มอนิเตอร์โปรโตคอล ฯลฯ) รวมถึงการแสดงรูปคลื่นการสื่อสาร ระดับเสียง และข้อมูลการสื่อสาร พนักงานสามารถระบุสาเหตุของปัญหาการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และลดเวลาการหยุดทำงาน

3. ไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ภาคสนาม

1SHM สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ HART เพื่อให้แน่ใจว่าการตั้งค่าและการกำหนดค่าที่เชื่อถือได้

4. การเชื่อมต่อแบบไร้สายกับอุปกรณ์ตัวหลัก

อุปกรณ์ภาคสนามบางครั้งเข้าถึงได้ยาก นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการทำงานอาจแย่ลงเนื่องจากสภาพอากาศ และอาจต้องการงานบำรุงรักษาในสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายกว่า 1SHM สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวหลักแบบไร้สายผ่าน Bluetooth Classic ได้ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถทำงานในที่ปลอดภัยได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ถูกจำกัดด้วยความยาวของสายเคเบิล

5. การออกแบบที่เข้าใจง่ายและมองเห็นได้ชัดเจนโดยคำนึงถึงการยศาสตร์

การออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้การใช้งานและการมองเห็นอย่างเต็มที่

เป้าหมายการขาย:

ปีงบประมาณ 2564: 250 หน่วย
ปีงบประมาณ 2565: 1,000 หน่วย
ปีงบประมาณ 2566: 1,500 หน่วย

ราคาขาย: 100,000 เยน (ไม่รวมภาษี)

รายละเอียดสินค้า:
https://www.azbil.com/products/factory/solution/equipment-asset-management/hart-foundation-fieldbus/hdfs-system/smart-hmodem/index.html

ภายใต้หลักปรัชญา “ระบบอัตโนมัติที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญ” Azbil Group ตั้งเป้าสร้างประโยชน์ “ในทิศทางที่สอดคล้องกัน” เพื่อสังคมที่ยั่งยืนและและและจัดหาโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

*1 Highway Addressable Remote Transducer: วิธีการสื่อสารที่ซ้อนทับสัญญาณดิจิตอลบนสัญญาณอะนาล็อก 4–20 mA

*2 การเปิดตัวในเดือนตุลาคมสำหรับจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และสถานที่อื่น ๆ 1SHM จะวางจำหน่ายในเกาหลีใต้ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

* HART® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ FieldComm Group

* Bluetooth® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Bluetooth SIG, Inc.

เกี่ยวกับ Azbil Corporation
Azbil Corporation หรือก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักในชื่อ Yamatake Corporation บริษัทชั้นนำด้านอาคารและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการวัดและการควบคุมพัฒนาโซลูชันที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า เพื่อให้การดำเนินงานของพวกเขามีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น Azbil ก่อตั้งขึ้นในปี 2449 และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบายและการเติมเต็มเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ และการรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2563 Azbil มีพนักงานกว่า 10,000 คนทั่วโลก และสร้างรายได้ถึง 246 พันล้านเยน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ https://www.azbil.com/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211028005489/en/

ติดต่อ:

Robert Jones
r.jones.j7@azbil.com
+81-(0)70-4219-9296
Public Relations Sect.
Azbil Corporation

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Fluence ประกาศราคาของ IPO

Logo

อาร์ลิงตัน เวอร์จิเนีย– (บิสิเนสไวร์)–28 ตุลาคม 2564

Fluence ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงานชั้นนำระดับโลกและแอพพลิเคชั่นดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ ได้ประกาศราคาการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกในหุ้นสามัญ Class A จำนวน 31,000,000 หุ้น ในราคา $28.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น  คาดว่าหุ้นสามัญ Class A เหล่านี้จะเริ่มซื้อขายในตลาด Nasdaq Global Select Market ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ภายใต้สัญลักษณ์ “FLNC” คาดว่าจะเสร็จสิ้นการเสนอขายหุ้นเบื้องต้นแก่ประชาชนทั่วไปในในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

นอกจากนี้ Fluence ยังให้ตัวเลือกแก่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายเป็นเวลา 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญ Class A เพิ่มเติมสูงสุด 4,650,000 หุ้นในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก โดยหักส่วนลดการรับประกันและค่าคอมมิชชั่น

JP Morgan Securities LLC, Morgan Stanley, Barclays Capital Inc. และ BofA Securities ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับข้อเสนอนี้ Citigroup Global Markets Inc., Credit Suisse Securities (USA) LLC, UBS Securities, LLC, Evercore Group LLC, HSBC Securities (USA) Inc. และ RBC Capital Markets, LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมดำเนินการตามบัญชีสำหรับการเสนอขาย Nomura Securities International, Inc., Robert W. Baird & Co. Incorporated, Raymond James & Associates, Inc., Seaport Global Securities LLC, Penserra Securities LLC และ Siebert Williams Shank & Co., LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายจะทำโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น สามารถรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายอาจได้รับจาก: JP Morgan Securities LLC, c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, NY 11717 ทางโทรศัพท์ที่ 866-803-9204 หรือทางอีเมลที่ prospectus-eq_fi@jpmorganchase.com; Morgan Stanley & Co. LLC, Attention: Prospectus Department, 180 Varick Street, 2nd Floor, New York, NY 10014; Barclays Capital Inc., c/o Broadridge Financial Solutions, 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717 ทางอีเมลที่ barclaysprospectus@broadridge.com  หรือทางโทรศัพท์ที่ (888) 603-5847; BofA Securities, NC1-004-03-43, 200 North College Street, 3rd floor, Charlotte NC 28255-0001, Attn: Prospectus Department หรือทางอีเมล์ที่ dg.prospectus_requests@bofa.com

คำชี้แจงการลงทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้เสนอซื้อและจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียนหรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลใด ๆ ดังกล่าว

เกี่ยวกับ Fluence

Fluence บริษัทในเครือ Siemens และ AES เป็นผู้นำตลาดระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์และบริการกักเก็บพลังงานและแอปพลิเคชันดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บ  เรามีการจัดเก็บพลังงานมากกว่า 3.4 GW ที่ปรับใช้หรือทำสัญญาในตลาด 29 แห่งทั่วโลก และพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์และการจัดเก็บหรือทำสัญญาในออสเตรเลียและแคลิฟอร์เนียรวม 4.5 GW  ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ และแพลตฟอร์ม Fluence IQ ที่ใช้ AI เรากำลังช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการขับเคลื่อนโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211027006241/en/

สำหรับสื่อ

Edelman for Fluence
Julia Fisher
FluenceMedia@edelman.com

สำหรับนักลงทุน

Samuel Chong
samuel.chong@fluenceenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

DNP พัฒนาลีดเฟรม (Lead Frame) สำหรับแพ็คเกจ QFN (Quad Flat Non-leaded) เซมิคอนดักเตอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงขนาดจิ๋ว

Logo

– ตรวจสอบการจัดอันดับ MSL 1 สูงสุด (≤30°C/85% RH ไม่จำกัด) –

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–28 ตุลาคม 2564

Dai Nippon Printing Co., Ltd. (DNP, โตเกียว: 7912) ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่มีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งกำหนดค่าบริเวณที่ชุบเงินด้วยกระแสไฟฟ้าที่มีความละเอียดสูงสำหรับลีดเฟรมที่ยึดชิปเซมิคอนดักเตอร์และเชื่อมต่อภายนอก นอกจากนี้เทคโนโลยีใหม่นี้ยังปรับปรุงการยึดเกาะด้วยเทคโนโลยีทำให้หยาบของพื้นผิวในมาตรฐานอุตสาหกรรมสูงสุดที่ผนึกพื้นผิวทองแดงกับสารประกอบของการขึ้นรูป

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211027005428/en/

Newly developed lead frame (Photo: Business Wire)

ลีดเฟรมที่พัฒนาขึ้นใหม่ (รูปภาพ: Business Wire)

โดยการนำเสนอลีดเฟรมที่มีความละเอียดและเชื่อถือได้สูงนี้ เราตั้งเป้าที่จะขยายการใช้แพ็คเกจ Quad Flat Non-leaded package (QFN) เซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานพาหนะ

DNP พัฒนาคุณสมบัติลีดเฟรม

DNP ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการผลิตไมโครไฟเบอร์ของเราที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเวลาหลายปี เพื่อให้บรรลุการกำหนดค่าบริเวณที่ชุบเงินด้วยกระแสไฟฟ้าแบบลีดเฟรมที่ ±25um ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังสามารถรักษาความน่าเชื่อถือในระดับสูงได้ด้วยการปรับปรุงการยึดเกาะของสารประกอบของการขึ้นรูปและลีดเฟรม

Joint Electron Device Engineering Council (JEDEC) ได้กำหนดระดับความไวต่อความชื้น (MSL) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันปรากฏการณ์ต่าง ๆ จากการขยายตัวของปริมาตรเนื่องจากการดูดซับและการกลายเป็นไอของความชื้นในอากาศในสารประกอบของการขึ้นรูปและ DNP ยินดีที่จะประกาศว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ของเราได้รับการตรวจสอบการจัดอันดับ MSL 1 สูงสุดแล้ว

การดำเนินต่อไปในอนาคต

DNP จะนำเสนอลีดเฟรมที่มีความละเอียดและเชื่อถือได้สูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้กับผู้ผลิตหลังการประมวลผลและขยายธุรกิจนี้ นอกจากนี้เราจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับโรงงานเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น และวางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็นสองเท่าภายในปีงบประมาณ 2566 โดยเทียบกับปีงบประมาณ 2563

เกี่ยวกับ DNP

ตั้งแต่ปี 2419 DNP เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการพิมพ์และเชื่อมโยงบุคคลและสังคมเข้าด้วยกัน และมอบคุณค่าใหม่ ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ DNP ใช้ประโยชน์จากความสามารถหลักในด้านการผลิตไมโครไฟเบอร์และเทคโนโลยีการเคลือบที่แม่นยำเพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดจอแสดงผล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และฟิล์มใส โดยถือครองส่วนแบ่งการตลาดชั้นนำระดับโลกในฟิล์มใสสำหรับจอแสดงผลและโฟโตมาสก์สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ เรานำเสนอโซลูชั่นการสื่อสารแห่งอนาคต เช่น Vapor Chamber และ Reflect Array เพื่อสนับสนุนสังคมข้อมูลที่สะดวกสบาย

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211027005428/en/

ติดต่อสื่อ:
Yusuke Kitagawa, IR and Public Relations Division
+81-3-6735-0101
kitagawa-y3@mail.dnp.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


โปรแกรมเร่งความเป็นผู้ประกอบการสตรีประกาศความร่วมมือกับเครือจักรภพเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้ประกอบการสตรีใน 54 ประเทศ

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)– 27 ต.ค. 2564

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) หรือ โปรแกรมเร่งความเป็นผู้ประกอบการสตรี ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่จัดประชุมหน่วยงานของ UN 5 แห่ง กับ Mary Kay Inc. ได้ผนึกกำลังกับเครือข่ายเครือจักรภพธุรกิจสตรี หรือ Commonwealth Businesswomen’s Network (CBWN) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีที่ด้อยโอกาสใน 54 ประเทศในเครือจักรภพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่:https://www.businesswire.com/news/home/20211027005291/en/

Deborah Gibbins, Chief Operating Officer, Mary Kay Inc. (Graphic: WEA)

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Mary Kay Inc. (กราฟิก: WEA)

โปรแกรมเร่งความเป็นผู้ประกอบการสตรี หรือ WEA ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีที่ส่งเสริมการเติบโต ความยั่งยืน และความยืดหยุ่น โดยในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 WEA ได้เข้าร่วม Generation Equality Forum ในปารีส และได้ตั้งมั่นที่จะส่งเสริมสตรีห้าล้านคนทั่วโลกภายในปี 2573 เพื่อเร่งความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศ

เมื่อเร็วๆ นี้ WEA ได้ประกาศเปิดตัวชุดโครงการและผลิตภัณฑ์ความรู้ที่สร้างผลกระทบ ซึ่งมีรูปแบบมุมมองผ่านเลนส์มิติทางเพศทั้งหมด ซึ่งเป็นผลลัพธ์ร่วมกันของความร่วมมือระหว่างองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), the International Trade Centre (ITC), UN Global Compact ( UNGC), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และ UN Women ด้วยการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์และการระดมทุนจาก Mary Kay โดยงานสร้างผลกระทบเชิงบวกของ WEA จะรวมถึงเครื่องมือและการฝึกอบรมเพื่อสร้างขีดความสามารถทางดิจิทัล การวิจัยผู้ประกอบการ และการสนับสนุนและการฝึกอบรมด้านการจัดซื้อจัดจ้างที่ตอบสนองต่อมิติทางเพศ (GRP)

เครือข่ายเครือจักรภพธุรกิจสตรี หรือ CBWN ทำงานร่วมกับสตรีที่อยู่ในสายงานธุรกิจโดยเชื่อมโยงรัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริม เริ่มต้น และปลูกฝังการเสริมพลังอำนาจทางเศรษฐกิจของผู้หญิงรวมถึงผู้หญิงที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ เริ่มต้นงานเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 โครงการผู้ประกอบการสตรีเครือจักรภพ หรือ Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator (CWEA)  เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายจากทั้ง CBWN, Global Entrepreneurship Network UK (GEN UK) และ Oxentia ซึ่งเป็นการสนองตอบโดยตรงต่อการพัฒนาสามประการ ได้แก่ ข้อตกลงโดยหัวหน้ารัฐบาลเครือจักรภพทั้งหมดในลอนดอนในปี 2561 “ในการทำงานเพื่อเพิ่มจำนวนและการเพิ่มอัตราความสำเร็จของธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของ การทำลายอุปสรรคทางเพศในทุกภาคส่วน และเพิ่มโอกาสให้สตรีในการค้าขายกับต่างประเทศ” และจากการยอมรับในการประชุม G20 ในปี 2563 ว่า “ก่อนนี้ เราได้พลาดโอกาสไปในการจัดการกับช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ที่ต้องการการดำเนินการในทันที ซึ่งก็คือการทำให้ผู้หญิงอยู่ในงานและพื้นที่ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่กำลังผุดขึ้น” และแผนเร่งรัดทั่วโลกของ UN หรือ UN Global Acceleration Plan  เพื่อพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศภายในปี 2569 และแนวร่วมปฏิบัติด้านความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสิทธิและเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ Action Coalitions on Economic Justice and Rights and Technology and Innovation ที่เปิดตัวในปี 2564

ความร่วมมือครั้งใหม่กับ CBWN เพื่อสนับสนุน CWEA จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับขอบเขตการดำเนินงานทางภูมิศาสตร์ของ WEA ทั่วทั้ง 54 ประเทศที่มีความหลากหลายของเครือจักรภพทั้งในแอฟริกา เอเชีย อเมริกา ยุโรป และแปซิฟิก โดยมี 32 ประเทศที่ถูกจัดเป็น “รัฐขนาดเล็ก” รัฐขนาดเล็กมีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความท้าทายด้านการพัฒนา ซึ่งรวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ อีกด้วย

นอกเหนือจากการขยายขอบเขตงานพื้นฐานของ WEA และ CBWN แล้ว การเป็นหุ้นส่วนยังจะมุ่งเน้นอย่างมากที่นโยบายและการสนับสนุนเพื่อความก้าวหน้าในการเปลี่ยนแปลงระบบที่มีส่วนร่วมกับรัฐสมาชิกของเครือจักรภพ และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายขององค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการสนับสนุนสตรีในธุรกิจ หรือผู้ประกอบการสตรีในทั่ว เครือจักรภพ

“เราทราบดีว่าการเป็นหุ้นส่วนระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการมีส่วนร่วมเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ประกอบการสตรีจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั่วโลกต้องการ” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “WEA รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Commonwealth Businesswomen’s Network และ Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator ความร่วมมือของเราจะเน้นไปที่การเพิ่ม ขยายผล และเร่งผลกระทบ เมื่อเรามารวมตัวกันเรามีพลังมากขึ้นด้วยกัน และฉันหวังว่าจะได้ร่วมเดินทางไปกับการดำเนินการร่วมกันเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs”

“เครือข่ายธุรกิจสตรีเครือจักรภพมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับโครงการเร่งสร้างผู้ประกอบการสตรีแห่งสหประชาชาติในโครงการริเริ่มที่สำคัญโครงการนี้ ทั้งนี้เพื่อให้เราสามารถปลดล็อกและปลดปล่อยพลังและศักยภาพสำหรับผู้หญิงที่มีภูมิหลังที่หลากหลายมากขึ้น” Freda Miriklis ประธานเครือข่ายธุรกิจสตรีเครือจักรภพกล่าว “ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ เราจะสามารถควบคุมทรัพย์สินส่วนรวมของเราได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น – สำหรับผู้หญิง ชุมชนของพวกเขา และเด็กผู้หญิงทุก ๆ คนจะได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพวกเขา”

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการเร่งสร้างผู้ประกอบการสตรี หรือ Women's Entrepreneurship Accelerator โปรดไปที่ we-accelerate.com.

เกี่ยวกับ the Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบพหุภาคีในการประชุมผู้ประกอบการสตรี 5 หน่วยงาน องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC) UN Global Compact (UNGC) โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) UN Women และ Mary Kay Inc. เพื่อเพิ่มอำนาจให้ผู้ประกอบการสตรี 5 ล้านคนภายในปี 2573

เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลกโครงการเร่ง หรือ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนหลายฝ่ายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังและศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี

เรียนรู้เพิ่มเติมที่  we-accelerate. ติดตามเราที่ Twitter (@We_Accelerator), Instagram (@we_accelerator), Facebook (@womensentrepreneurshipaccelerator), LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ the Commonwealth Businesswomen’s Network

เครือข่าย Commonwealth Businesswomen’s Network (CBWN) ทำงานร่วมกับผู้หญิงในธุรกิจโดยเชื่อมโยงรัฐบาลและภาคเอกชนเพื่อส่งเสริม เริ่มดำเนินงาน และปลูกฝังการเสริมพลังอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรี ซึ่งทำได้ด้วยการนำเสนอกิจกรรม ความคิดริเริ่ม ผลิตภัณฑ์ และบริการที่เน้นการค้า ความสามารถ และการฝึกอบรม เราเป็นองค์กรที่ได้รับการรับรองเพียงองค์กรเดียวที่มุ่งเน้นการเสริมอำนาจทางเศรษฐกิจของสตรี และได้รับการยอมรับโดยตรงจากรัฐบาล 54 แห่งทั่วทั้ง 6 ทวีป เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.cbwn.org

เกี่ยวกับ the Commonwealth Women’s Entrepreneurship Accelerator

Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator เป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากผลของการประชุม Commonwealth Women's Entrepreneurship Summit (CWES) ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นงานระดับโลกครั้งแรกที่มุ่งเน้นที่สตรีในภาคส่วนเทคโนโลยีเกิดใหม่ ทั้งนี้ CWES ถูกจัดขึ้นโดย เครือข่ายธุรกิจสตรีเครือจักรภพ  เครือข่ายผู้ประกอบการระดับโลก รัฐบาลสหราชอาณาจักร (Women in Innovation Network, โครงการ Innovation UK); และเครือข่ายผู้ประกอบการสตรีที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา (AWEP: African Women's Entrepreneurship Program) อนึ่ง Commonwealth Women's Entrepreneurship Accelerator เป็นความร่วมมือระหว่างเครือข่าย Commonwealth Businesswomen's Network, Global Entrepreneurship Network-UK และ Oxentia เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.thecwea.org

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 58 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ยังทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่

marykayglobal.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน 6businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211027005291/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or   media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย




2021 Taiwan Innotech Expo รวมนิทรรศการในสถานที่และออนไลน์เพื่อนำร่องนวัตกรรมผ่านทั้งสภาพแวดล้อมจริงและเสมือนจริง โดยนำร่องคลื่นดิจิทัลของไต้หวัน

Logo

ไทเป ไต้หวัน–(บิสิเนสไวร์)–26 ต.ค. 2564

2021 Taiwan Innotech Expo ได้จัดพิธีเปิดในวันที่ 14 เดือนตุลาคมปีนี้ โดยนับเป็นปีแรกที่งานมหกรรมรวมทั้งสภาพแวดล้อมในสถานที่และเสมือนเพื่อจัดกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์  หนึ่งในกิจกรรมคือโซนพาวิลเลี่ยน “Innovation Pilot” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมที่นำไปใช้ได้ในอุตสาหกรรมภายใน 5 ปีข้างหน้า  นอกเหนือจากการจัดแสดงเทคโนโลยีแล้ว งานนิทรรศการยังแยกออกเป็นฟอรัมนานาชาติ การนำเสนอเทคโนโลยี และอื่นๆ อีกมากมาย งานนี้เชิญทุกคนเข้าร่วมการประชุมทางเทคโนโลยีที่มีสิ่งประดิษฐ์มากกว่า 300 รายการ

แพลตฟอร์มเสมือนจริงของ TIE ก่อให้เกิดความร่วมมือแบบสหวิทยาการและการเชื่อมต่อกับโลก

ในขณะที่การแพร่ระบาดได้ชะลอตัวลง ผู้จัดงานได้ตัดสินใจนำการจัดแสดงในสถานที่ที่ทุกคนคุ้นเคยกลับคืนมา และสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมได้นำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม 45 รายการมาจัดแสดง รวมถึงไฮไลท์ผลงานสร้างสรรค์ทางออนไลน์อีกมากมาย  อินเทอร์เฟซสำหรับนิทรรศการออนไลน์ครั้งนี้ใช้งานได้ง่าย โดยผู้เข้าชมสามารถเห็นเนื้อหาหลักสี่รายการที่จัดเรียงในเมนูแบบเลื่อนได้ทันที ซึ่งได้แก่ การจัดแสดงเสมือนจริงที่มีธีมพิเศษ ฟอรัมเทคโนโลยี การนำเสนอเทคโนโลยี และจุดเน้นด้านเทคโนโลยี ผู้เข้าชมสามารถชมคลิปทางเทคนิคระดับมืออาชีพจำนวนมาก และมีกิจกรรมบนกำแพงให้กับสื่อและผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสกับการรวบรวมข้อมูลที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม

ฟอรัมและการนำเสนอด้านเทคโนโลยี Innovation Pilot Pavilion เติมเต็มวันของคุณด้วยความรู้

ใน Innovation Pilot Pavilion สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมได้เป็นเจ้าภาพในการนำเสนอเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้นและการประชุมจับคู่ 3 กิจกรรม โดยหัวข้อแรกในวันเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่นี้คือ “นวัตกรรมอัจฉริยะ”  อีกสองการประชุมได้แก่หัวข้อ “การป้องกันการระบาดใหญ่ด้วยการสัมผัสเป็นศูนย์” และ“การผลิตสีเขียว” โดยกิจกรรมเหล่านี้ถูกจัดขึ้นในวันที่ 19 เดือนตุลาคมและ 22 ลำดับ  ในวันรุ่งขึ้นหลังจากการเปิดตัวครั้งใหญ่ (15 ตุลาคม) มีฟอรัมเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมที่รอคอยอย่างมาก ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศและต่างประเทศจาก TSMC และ MediaTek ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยถอดรหัสเศรษฐกิจ 5G ใหม่  การจัดแสดงนิทรรศการเสมือนจริงและฟอรั่มยังคงดำเนินต่อไปทางออนไลน์หลังจากการจัดแสดงนิทรรศในสถานที่ รวมถึงการประชุม Innovative Technology Strategic Partnership ครั้งที่ 8 ซึ่งนำโดยกรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม โดยมีหัวหน้าฝ่ายพัฒนาวิทยาศาสตร์จาก 5 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย  ผู้เชี่ยวชาญในภาครัฐ ธุรกิจ สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยจากไต้หวันและต่างประเทศได้ร่วมกันหารือเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีหลังเกิดโรคระบาด โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีรอบใหม่ระหว่างไต้หวันและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในหัวข้อเทคโนโลยีเกิดใหม่ในยุคหลังโรคระบาด

ภาคการผลิตและการวิจัยจับมือกันนำเทคโนโลยีสร้างสรรค์ที่ทันสมัยใน 6 สาขาหลัก

สำนักพัฒนาอุตสาหกรรม กรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม การบริหารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาพัฒนาแห่งชาติ และกระทรวงกลาโหม ได้รวมกันนำเสนอผลงานชิ้นเอกที่เป็นนวัตกรรมของภาคอุตสาหกรรมของไต้หวัน โดยแสดงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในหกด้าน ได้แก่ การผลิตอัจฉริยะ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ชีวิตอัจฉริยะ การแพทย์ขั้นสูง การป้องกันและการบินและอวกาศ และขุมทรัพย์ทางเทคโนโลยี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของไต้หวันในการวิจัยและพัฒนาและการเข้าถึงทั่วโลก

สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมยังได้เชิญตัวแทนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวน 14 รายที่ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงเศรษฐกิจเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ล่าสุดในงานนิทรรศการทางกายภาพ รวมถึงบริษัทดังต่อไปนี้  อันดับแรก Highlight Tech Corp ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายแรกของ เทคโนโลยีระบบย่อยสูญญากาศและบริการสู่สาธารณะในไต้หวัน  ในระหว่างงาน Expo Highlight Tech Corp บริษัทได้แสดงโซลูชันการตรวจสอบสถานะบน IoT สำหรับอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ และระบบตรวจสอบไอเสียอัจฉริยะ หลังจากที่เริ่มต้นในการแปรรูปแม่พิมพ์แบบดั้งเดิม Gudeng ยังคงอัพเกรดเทคโนโลยีและก้าวข้ามไปสู่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้สำเร็จในปี 2542  คราวนี้ Gudeng ได้จัดแสดง EUV Pod ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง สุดท้าย บริษัท Buffalo Machinery Co. ได้แสดง AXILE G8 ซึ่งอาจรวมเข้ากับระบบโรงงานอัจฉริยะเพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมงปราศจากการหยุดทำงานโดยไม่คาดคิด

งาน Taiwan Innotech Expo ปี 2021 นี้มีการจัดแสดง 3 มิติของเทคโนโลยีล้ำสมัย ฟอรัมเทคโนโลยี การนำเสนอเทคโนโลยี และกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอื่นๆ ทุกวันจนกว่าจะปิด TIE  ขอเชิญชวนทุกคนให้มาทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีล้ำสมัย พัฒนาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดทั่วโลก และมีส่วนร่วมในโอกาสทางธุรกิจที่ร่วมมือกัน  งาน Taiwan Innotech Expo ปี 2021 ได้จัดนิทรรศการในสถานที่และเสมือนจริงพร้อมกันในวันที่ 14 ตุลาคม เพื่อเปิดเผยเทคโนโลยีใหม่และส่งเสริมการอภิปรายเชิงพาณิชย์ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์

ลิงค์นิทรรศการออนไลน์: https://tie.twtm.com.tw/

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211021006156/en/

สื่อ

Vivian Tseng
Office of Marketing (ฝ่ายสื่อสารการตลาด)
+886-3-5917680
tsengvivian@itri.org.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ลงนามในข้อตกลงเพื่อได้รับผลประโยชน์ 10% ใน APLNG เป็นมูลค่า 1.592 พันล้านดอลลาร์

Logo

การได้มาของผลประโยชน์ในโครงการ LNG แบบบูรณาการที่นำโดยผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

วอชิงตัน–(BUSINESS WIRE)–25 ตุลาคม 2564

EIG นักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายซึ่งจะได้รับผลประโยชน์ 10% ใน Australia Pacific LNG Pty Limited (“APLNG” หรือ “โครงการ”) จาก Origin Energy Limited (“Origin”) ด้วยราคาซื้อหุ้น 1.592 พันล้านดอลลาร์

ข้อตกลงเชิงนวัตกรรมนี้แสดงถึงการได้รับผลประโยชน์ครั้งแรกในการดำเนินการโครงการ LNG แบบบูรณาการโดยผู้สนับสนุนหุ้นนอกตลาด

จุดเด่นของสินทรัพย์และเหตุผลเชิงกลยุทธ์

โครงการ LNG แบบบูรณาการระดับเทียร์วันพร้อมโรงกลั่นที่จัดตั้งขึ้น APLNG เป็นโครงการ LNG ที่ใหญ่ที่สุดโดยพิจารณาจากความสามารถในการทำก๊าซให้เป็นของเหลวบนชายฝั่งทะเลตะวันออกของออสเตรเลียและเป็นผู้ผลิต LNG รายใหญ่ให้กับเอเชียและให้บริการก๊าซแก่ตลาดในประเทศของออสเตรเลีย โครงการซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแกลดสโตน รัฐควีนส์แลนด์ มีประวัติความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในกำลังการผลิตติดตั้งที่ 9.0 ล้านตันต่อปี และครองตำแหน่งพื้นที่ชั้นนำซึ่งครอบคลุมลุ่มน้ำสุราษฎร์และโบเวนที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีแหล่งน้ำสำรองที่มีอายุยืนยาว โครงการดำเนินการด้วยต้นทุนจุดคุ้มทุนที่แข่งขันได้ทั่วโลก และอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะตอบสนองความต้องการ LNG ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โครงการนี้ดำเนินการโดย ConocoPhillips (ผู้ดำเนินการปลายน้ำ) และ Origin Energy (ผู้ดำเนินการต้นน้ำ) และรักษาสัญญา LNG ระยะยาวกับคู่สัญญาระดับการลงทุนสองรายคือ Sinopec และ Kansai Electric

ในช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมา EIG ได้ลงทุนในโครงการ LNG แบ่งเป็นเก้าโครงการตั้งอยู่ใน 6 ประเทศ และการได้มาครั้งนี้แสดงถึงความต่อเนื่องของกลยุทธ์ในการรับสินทรัพย์ LNG คุณภาพสูง ซึ่งการได้มายังต่อยอดจากการลงทุนของ EIG ในออสเตรเลีย และทำให้ EIG มีแพลตฟอร์มสำหรับการเติบโตในอนาคตของ LNG ทั่วโลก

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าวว่า “นี่เป็นธุรกรรมที่ก้าวล้ำซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของเราในสินทรัพย์ พันธมิตรของเรา และความสำคัญของ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน การทำธุรกรรมดังกล่าวใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่กว้างขวางของ EIG ใน LNG ทั่วโลก เพื่อส่งมอบกระแสเงินสดที่น่าดึงดูดและสม่ำเสมอให้กับนักลงทุนของเรา”

รายละเอียดธุรกรรมที่สำคัญ

ส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรม EIG จะมีสิทธิ์เสนอชื่อสมาชิกหนึ่งคนเข้าสู่คณะกรรมการของ APLNG และจะรักษาสิทธิ์และการคุ้มครองตามธรรมเนียมของผู้ถือหุ้น

ธุรกรรมดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนต่างประเทศของออสเตรเลีย และอยู่ภายใต้การสละสิทธิ์ตามสัดส่วนการถือหุ้นโดย ConocoPhillips และ Sinopec ตลอดจนเงื่อนไขการดำเนินการตามธรรมเนียมอื่น ๆ

Morgan Stanley ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG เกี่ยวกับการทำธุรกรรมนี้ และ Allens Linklaters และ Latham & Watkins ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกด้วยจำนวนเงิน 22.5 พันล้านดอลลาร์ภายใต้การบริหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดย EIG ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและพลังงานทั่วโลก ในช่วง 39 ปีแห่งประวัติศาสตร์ EIG ได้ให้คำมั่นสัญญามูลค่ากว่า 38.0 พันล้านดอลลาร์แก่ภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 373 โครงการใน 38 ประเทศในหกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำเหน็จบำนาญชั้นนำมากมาย บริษัทประกันภัย เงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งอธิปไตยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี และมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และกรุงโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ EIG ได้ที่ www.eigpartners.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211024005041/en/

ติดต่อ:

Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Stream IT Consulting Ltd. เข้าร่วมเครือข่ายพันธมิตร Alida เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้าในเอเชีย

Logo

พันธมิตรจะทำให้แบรนด์ต่างๆ สร้างประสบการณ์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นผ่านการรับฟังและดำเนินการตามความคิดเห็นของลูกค้า

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)– 22 ต.ค. 2564

Alida ผู้นำด้านการบริหารประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจร Total Experience Management (TXM) ประกาศเข้าร่วมเครือข่ายพันธมิตรเพื่อมอบประสบการณ์ลูกค้าชั้นนำในอุตสาหกรรม (CX) และข้อมูลเชิงลึกแก่องค์กรต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิก

“เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับ Alida  ประสบการณ์เชิงลึกของ Alida และแพลตฟอร์ม Total Experience Management ระดับแนวหน้าช่วยเสริมความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเชิงลึกของเรา และทำให้เราสามารถขยายบริการที่เรานำเสนอให้กับลูกค้าของเรา” พงษ์ศักดิ์ หนุนชู รองประธานบริหารอาวุโสของ Stream กล่าว “เราพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลชุมชนเชิงลึก Insights Communities ที่ทันสมัยซึ่งบุกเบิกโดย Alida และเพิ่มการมุ่งเน้นของเราในด้านนี้  ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากความเชี่ยวชาญพิเศษของ Alida และเครื่องมือที่เพิ่มขึ้นในการจัดการประสบการณ์ลูกค้า”

Stream ร่วมมือกับลูกค้าในอุตสาหกรรมการธนาคาร ประกันภัย การดูแลสุขภาพ โทรคมนาคม การค้าปลีก และการผลิต เพื่อสร้างโซลูชันเชิงกลยุทธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ เพื่อปรับปรุงเส้นทางของลูกค้าดิจิทัลโดยใช้โซลูชัน CX ชั้นนำของอุตสาหกรรม  เมื่อใช้ร่วมกับแพลตฟอร์ม TXM ของ Alida แล้ว Stream สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับโซลูชันและความเชี่ยวชาญในการสนับสนุนลูกค้าในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพวกเขาในการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

Steven Medeiros รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ APAC กล่าวว่า “เราโชคดีที่ได้ต้อนรับ Stream เข้าสู่เครือข่ายพันธมิตรของเรา เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่ปรึกษาด้าน CX และสนับสนุนองค์กรต่างๆ เพื่อนำทางความต้องการใหม่ๆ ของเศรษฐกิจดิจิทัล  เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ขยายความร่วมมือและการดำเนินงานในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านการนำเสนอเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับลูกค้าของพวกเขา”

Alida Partner Network ช่วยให้องค์กรทุกขนาดเติบโตได้โดยการจัดหาซอฟต์แวร์ การเปิดใช้งานและการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญที่จำเป็นในการนำความต้องการของลูกค้าไปปฏิบัติ  ในฐานะผู้มีอิทธิพลระดับโลกในการสร้างชุมชนที่มีส่วนร่วมและออนไลน์สำหรับความคิดเห็นของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พันธมิตรได้มอบความไว้วางใจให้ซอฟต์แวร์ของ Alida ช่วยให้พวกเขาส่งมอบข้อมูลเชิงลึกอันทรงพลังและความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับลูกค้า

“สตรีมเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับเครือข่ายพันธมิตรของ Alida เราตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับทีมของพวกเขาเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าทั่วเอเชีย” Gary Smith รองประธานอาวุโส ช่องทางและพันธมิตรพันธมิตรกล่าว

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรกับ Alida เยี่ยมชม www.alida.com/partners

เกี่ยวกับ Stream IT Consulting Ltd.

กว่า 20 ปีในฐานะที่ปรึกษาด้านดิจิทัล Stream มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรทั้งหมด กลยุทธ์ของเราคือการรวมหลักการของระบบสารสนเทศเข้ากับการเข้าใจคุณค่าทางธุรกิจ  Stream มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยและสังคมไทย  ณ ปัจจุบัน เราได้เติบโตขึ้นเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่มีทีมงานกว่า 300 ราย นำโดยผู้นำ Nextgen ของเรา และได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้นำระดับสูงที่เข้มแข็ง  Stream ได้ตระหนักถึงการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของโลกนี้และได้นำวัฒนธรรมที่คล่องตัวมาใช้เพื่อควบคุมพรสวรรค์ที่สร้างสรรค์ของสมาชิกในทีมของเรา  เรานำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลที่หลากหลาย ในสภาพแวดล้อมที่สำคัญต่อภารกิจในองค์กรชั้นนำของประเทศไทย

ติดตามเราได้ที่ www.stream.co.th | www.facebook.com/Streamitconsulting

เกี่ยวกับ Alida

Alida เชื่อมั่นในโลกที่ลูกค้าคือแหล่งความจริงสูงสุด โลกที่การตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีที่สุดเกิดขึ้นกับลูกค้า ไม่ใช่เพื่อพวกเขา  Alida สร้าง Alida TXM (การจัดการประสบการณ์โดยรวม) เพื่อหลอมรวมเสียงของลูกค้าและพนักงานเข้ากับความสามารถในการสร้างสรรค์และมอบประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาให้กับลูกค้า พนักงาน ผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ดังอย่าง Twitter, Toyota และ J. Crew เลือก Alida ซึ่งเดิมคือ Vision Critical เพื่อสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้น สถานที่ทำงานที่มีความสุขมากขึ้น พอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่ได้ประสบความสำเร็จ และความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ยั่งยืน

ติดตามเราได้ที่ www.alida.com และมีส่วนร่วมกับเราทางโซเชียลมีเดีย @alidaCXM

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211021005677/en/

สื่อ

Genevieve Raveau
Senior Manager, Global PR
genevieve.raveau@alida.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Intelsat ประกาศแผนการเกษียณอายุของ Stephen Spengler ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

Logo

แมคลีน เวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–21 ตุลาคม 2564

Intelsat SA (OTC: INTEQ) ผู้ดำเนินการเครือข่ายดาวเทียมและระบบภาคพื้นดินแบบบูรณาการที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก ประกาศในวันนี้ว่า Stephen Spengler ประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ซึ่งเป็นผลในการเริ่มกระบวนการปรับโครงสร้างทางการเงินและการเลือกผู้สืบต่อของบริษัท จนกว่าจะถึงเวลานั้น Spengler จะยังคงดำรงตำแหน่งซีอีโอ และนำ Intelsat ผ่านขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างราบรื่น

“เราใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของการปรับโครงสร้างใหม่ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะเริ่มดำเนินการตามกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G รุ่นต่อไป” Spengler กล่าว “นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำให้แผนการเกษียณอายุของฉันชัดเจน เพื่อให้งานสามารถเริ่มต้นในการหาผู้นำคนใหม่ได้ในระยะยาว”

Dave McGlade ประธานคณะกรรมการกล่าวว่า “Steve ทำงานร่วมกับ Intelsat มานานกว่า 18 ปีในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่งและเป็นซีอีโอในช่วงหกปีครึ่งที่ผ่านมา ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าส่งผลให้ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์มาหลายปี การดูแลบริษัทที่แน่วแน่ของเขาในขณะที่เราดำเนินการปรับโครงสร้างทางการเงินของเราก็น่ายกย่องเช่นกัน เขาได้ช่วยสร้างรากฐานสำหรับอนาคตที่แข็งแกร่ง และเรารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก”

Egon Zehnder บริษัทค้นหาผู้บริหารชั้นนำ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่

เกี่ยวกับ Intelsat

ในฐานะสถาปนิกพื้นฐานของเทคโนโลยีดาวเทียม Intelsat ดำเนินการเครือข่ายโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก เราใช้ความเชี่ยวชาญที่เหนือชั้นและขนาดระดับโลกเพื่อเชื่อมต่อผู้คน ธุรกิจ และชุมชน ไม่ว่าความท้าทายจะยากเพียงใด Intelsat กำลังสร้างอนาคตของการสื่อสารทั่วโลกด้วยเครือข่าย 5G ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์แบบไฮบริด มัลติออร์บิต แห่งแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อความครอบคลุมที่เรียบง่าย ไร้รอยต่อ และปลอดภัยในเวลาและสถานที่ที่ลูกค้าของเราต้องการมากที่สุด ติดตามผู้นำด้านการเชื่อมต่อระดับโลกและ “Imagine Here” กับเราได้ที่ Intelsat.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211021005609/en/

ติดต่อ:

Melissa Longo – melissa.longo@intelsat.com; +1 240-308-1881

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

HFZA ลงนามข้อตกลงการลงทุนกับ ArcelorMittal DSTC FZE

Logo

ชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–22 ต.ค. 2564

หน่วยงานเขตเสรี Hamriyah Free Zone Authority (HFZA) ได้เพิ่มผู้นำอุตสาหกรรมอีกรายหนึ่งให้กับฐานนักลงทุนหลังจาก ArcelorMittal Projects ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเหล็กและเหมืองแร่ชั้นนำของโลก ArcelorMittal Group เพิ่งเข้าซื้อสินทรัพย์ของโรงสีไปป์และเคลือบผิวที่ตั้งอยู่ที่ Hamriyah Free Zone และเช่าพื้นที่อุตสาหกรรม 1.38 ล้านตารางฟุต

Signing of the Memorandum (Photo: Business Wire)

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) โดย HE Saud Salim Al Mazrouei ผู้อำนวยการ Hamriyah Free Zone Authority และ Johannes De Schrijver ซีอีโอของ ArcelorMittal Projects

ตามข้อตกลง บริษัทจะจัดหาโซลูชั่นและบริการเหล็กที่สมบูรณ์ ปรับแต่งได้ และยั่งยืนผ่านสายธุรกิจเฉพาะและเกี่ยวข้องกับโครงการสามกลุ่ม: โซลูชั่นพื้นฐาน โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการพลังงาน (โซลูชั่นการเคลือบป้องกันการกัดกร่อน) นอกเหนือจาก (ท่อส่งน้ำ) โครงสร้างพื้นฐาน (ปลอกและงานก่อสร้าง)

Saud Salim Al Mazrouei แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวว่า “เราภูมิใจมากที่ได้เพิ่มผู้นำอุตสาหกรรมอีกรายหนึ่งให้กับฐานนักลงทุนของเราที่ HFZA การมีอยู่ของ ArcelorMittal Group ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กกล้าชั้นนำของโลก ถือเป็นสินทรัพย์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับภาคอุตสาหกรรมใน เอมิเรตแห่งชาร์จาห์

“การเคลื่อนไหวดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนรายอื่นเปิดตัวโครงการที่สำคัญใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่ UAE กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” Al Mazrouei กล่าวเสริม

เขากล่าวว่าการดึงดูดโครงการ ArcelorMittal เป็นจุดเปลี่ยนใน ทิศทางของ HFZA ในการบรรลุข้อกำหนดของกลยุทธ์ทางอุตสาหกรรมของ UAE

“เรามีความยินดีที่จะสร้างความร่วมมือระยะยาวกับ HFZA ซึ่งเราพยายามที่จะจัดหาโซลูชั่นที่คุ้มค่าที่สุด  ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคที่มีประสบการณ์โดยเฉลี่ยมากกว่า 15 ปีในการผลิตท่อ HSAW/SSAW และการเคลือบป้องกันการกัดกร่อน” Johannes De Schrijver กล่าว

De Schrijver เสริมเสริมว่า: “ท่อ HSAW/SSAW สามารถ ผลิตด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 16” ถึง 100” และความหนาของผนังตั้งแต่ 6 มม. ถึง 25 มม. ที่มีกำลังการผลิต 150,000 ตันต่อปี สามารถผลิตท่อได้ยาวถึง 36 ม. โดยไม่ต้องเชื่อมเส้นรอบวง เชื่อมท่อได้ยาวขึ้น เราสามารถจัดหาท่อในเกรดเหล็กที่ร้องขอทั้งหมดได้เนื่องจากเครือข่ายผู้ผลิตคอยล์ทั่วโลกของเรา

#สิ้นสุด#

รับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52510641/en

ลิงก์ดาวน์โหลดวิดีโอ: https://we.tl/t-rdkHCsO3G2

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:

Majdi Ashour
Misbar Communications
00971551014522
majdi@misbar-me.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย