All posts by Jasmine

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ

Logo

  • บริษัทน้องใหม่เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
  • เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอาบูดาบี (Abu Dhabi’s Technology Innovation Institute)

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

VentureOne ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้าของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council) ได้เปิดตัว QuantumGate บริษัทใหม่ที่ให้นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลขององค์กรต่างๆ ในยุคควอนตัมที่งาน CyberQ ซึ่งจัดที่เมืองอาบูดาบีในวันนี้

ATRC’s VentureOne Launches QuantumGate to Secure Data for the Quantum Era at CyberQ (Photo: AETOSWire)

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ (ภาพ: AETOSWire)

ท่าน Faisal Al Bannai เลขาธิการของ ATRC กล่าวว่า “ยุคควอนตัมไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป ยุคดังกล่าวได้มาถึงแล้ว การเปิดตัว QuantumGate ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลอันล้ำค่าจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โซลูชันภายในประเทศของ QuantumGate จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของประเทศและองค์กรของเราจะยังคงปลอดภัยอยู่เสมอ”

“องค์กรแทบทุกแห่งต่างก็ใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสเพื่อเข้ารหัสและปกป้องข้อมูล” ดร. Najwa Aaraj ซึ่งเป็น CEO ของสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีกล่าว “แต่ความก้าวหน้าในการประมวลผลแบบควอนตัมจะทำให้อัลกอริทึมจำนวนมากตกยุคในเวลาเพียงแค่ 5 ถึง 10 ปีเท่านั้น ถึงแม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน แต่ผู้ไม่ประสงค์ดีก็สามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลขององค์กรไว้เพื่อถอดรหัสในภายหลังเมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์มีให้ใช้งานอย่างแพร่หลายมากกว่านี้ นั่นหมายความว่าความเสี่ยงอยู่ใกล้แค่เอื้อม ข้อมูลขององค์กรตกอยู่ในความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว”

ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลของ QuantumGate ใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์จากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลของตนจากภัยคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันและภัยคุกคามใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับด้านการเข้ารหัสข้อมูลที่จะมีการประกาศใช้ ชุดผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย:

  • QSphere ซึ่งประกอบด้วย VPN สำหรับยุคควอนตัม และอีเมล โฟลเดอร์ไฟล์ และแอปพลิเคชันเข้ารหัส-ถอดรหัสข้อความสำหรับยุคควอนตัม
  • Salina เครื่องมือจัดการตัวตนและการเข้าถึงที่ออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากของขั้นตอนการยืนยันตัวตนโดยตัดความจำเป็นในการใช้รหัสผ่านออกไป 

“ความก้าวหน้าล่าสุดในการประมวลผลแบบควอนตัมทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทุกคนเห็นตรงกันว่าโซลูชันการเข้ารหัสในปัจจุบันจะถูกท้าทายอย่างรุนแรงในอีกไม่ช้า” คุณ Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ QuantumGate กล่าว “เพื่อป้องกันความสูญเสียครั้งใหญ่ ธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัมในทันที ซึ่งภารกิจของเราก็คือการทำให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ่านโซลูชันที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และล้ำสมัย”

นอกจากจะมอบผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลแล้ว QuantumGate จะให้บริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในการเปลี่ยนผ่านจากการใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเก่าไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัม พร้อมทั้งรับประกันว่าการดำเนินงานจะเกิดการหยุดชะงักน้อยที่สุด

QuantumGate เป็นบริษัทลำดับที่สามที่ VentureOne เปิดตัวต่อจาก SteerAI บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการเดินทางแบบอัตโนมัติซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2024 และ AI71 บริษัทที่สร้างโซลูชันทางธุรกิจโดยใช้โมเดล AI ช่วยสร้างของ Falcon ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2023

LinkedIn

ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151175/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Menna Massoud
Menna.massoud@edelman.com

ที่มา: QuantumGate

คณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบีย ปิดการประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์ครั้งที่สอง

Logo

ริยาด ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์นานาชาติครั้งที่ 2 ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบียสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ หลังจากจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 ถึง 10 พฤศจิกายนในกรุงริยาด การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจํานวนมากทั้งที่ผู้ที่ชื่นชอบวัฒนธรรม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ผู้สร้างภาพยนตร์ และผู้ชมภาพยนตร์

The Saudi Film Commission Concludes The Second Edition of The Film Criticism Conference (Photo: AETOSWire)

คณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบียปิดการประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์ครั้งที่สอง (ภาพ: AETOSWire)

ภายใต้หัวข้อ “Sound in Cinema” การประชุมครั้งนี้จะเน้นที่ประเด็นต่างๆ ของภาพยนตร์ โดยเน้นไปที่ผลกระทบของเสียงที่มีต่อประสบการณ์การถ่ายทําภาพยนตร์ และอิทธิพลของเสียงที่มีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ หัวข้อที่ครอบคลุมรวมถึงเพลงประกอบต้นฉบับ เอฟเฟกต์เสียง และเสียงของธรรมชาติ วิทยากรกว่า 40 คนจาก 24 ประเทศ รวมถึงนักวิจารณ์ ผู้สร้างภาพยนตร์ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ได้แสดงความสนใจอย่างมากในงานนี้ เนื่องจากเสียงมีบทบาทสําคัญในภาพยนตร์และความสําคัญต่อการพัฒนาภาคส่วนนี้และเสริมสร้างประสบการณ์การชมภาพยนตร์ร่วมสมัย

การประชุมครั้งนี้มีการจัดเวิร์กช็อป 6 ครั้งที่นําโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม รวมถึงเวิร์กช็อปเฉพาะทาง 4 ครั้งสําหรับเด็กที่มุ่งพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการชมภาพยนตร์ นอกจากนี้ โปรแกรมยังรวมถึงการอภิปรายแบบกลุ่ม 13 ครั้งและการฉายภาพยนตร์ที่โดดเด่น 8 เรื่องจากทั่วโลก ตามด้วยการอภิปรายเชิงวิพากษ์วิจารณ์

การประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของคณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบียในการยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เนื่องจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นสื่อกลางของวัฒนธรรมและเป็นตัวเร่งให้เกิดการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ การประชุมยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของคณะกรรมการในการส่งเสริมบทบาทของภาพยนตร์ในฐานะเครื่องมือสําหรับการพัฒนาวัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจ คณะกรรมการมุ่งหวังที่จะบรรลุวัตถุประสงค์โดยการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ และยกระดับประสบการณ์การชมภาพยนตร์ระดับประเทศ นอกจากนี้ การวิจารณ์ภาพยนตร์ยังมีบทบาทสําคัญในความพยายามของคณะกรรมการ เนื่องจากเป็นกุญแจสําคัญในการกําหนดวัฒนธรรมภาพยนตร์สําหรับผู้ชม และเสริมสร้างศักยภาพระดับมืออาชีพของผู้สร้างภาพยนตร์

การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์เป็นกิจกกรมสุดท้ายของการประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์ประจำปีนี้ ซึ่งรวมถึงงานก่อนหน้านี้ 2 งานใน Hail เมื่อวันที่ 27 กันยายน และใน Al-Ahsa เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์นานาชาติในกรุงริยาดเป็นกิจกรรมสุดท้ายของการประชุมประจำปีนี้ โดยดึงดูดผู้เข้าร่วมจากทั่วราชอาณาจักรและทั่วโลก

ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151289/en

ติดต่อ

Nasry Abou Zaki
nasry@jcn.marketing

ที่มา: การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์นานาชาติ

Quit Like Sweden ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของสวีเดน

Logo

สต็อกโฮล์ม–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

ในวันนี้ ชาวสวีเดนได้กลายเป็นกลุ่มคนปลอดบุหรี่อย่างเป็นทางการแล้ว ความแพร่หลายของการสูบบุหรี่ทั่วประเทศลดลงเหลือ 5.3% ที่น่าสนใจก็คือ ในบรรดาคนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของสวีเดนมาตลอดชีวิต ตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 4.5% ส่วนคนจากประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่ย้ายมาอยู่ในสวีเดนก็มีแนวโน้มมากขึ้นถึงสามเท่าที่จะสูบบุหรี่หากก่อนหน้านี้ไม่ได้เลือกย้ายมาอยู่ที่สวีเดน (24%1 เทียบกับ 7.8%)

Quit Like Sweden (แพลตฟอร์มที่มุ่งเผยแพร่ “Swedish Experience”) ร่วมยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วยการเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ มาร่วมพัฒนาอีกหลายล้านชีวิตทั่วโลกไปด้วยกัน

คุณ Suely Castro  ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Quit Like Sweden กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ความสำเร็จของสวีเดนเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการพิสูจน์ว่าแนวคิดนี้ได้ผลจริงสำหรับผู้คนทั่วโลก”

“ในวันนี้ เราสามารถร่วมยินดีไปกับพัฒนาการด้านสุขภาพของสาธารณชนได้ เมื่อนำแนวทางทดแทนการสูบบุหรี่แบบ “เข้าถึงได้” “ยอมรับได้” และ “มีค่าใช้จ่ายไม่แพง” มาเสริมให้กับมาตรการและโปรแกรมต่าง ๆ ในการหยุดและป้องกันการสูบบุหรี่ สวีเดนได้พิสูจน์ให้ทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า การลดการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่นั้นไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นเรื่องที่ทำได้จริง และตอนนี้เราก็อยากให้ทั่วโลกมาร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จทั่วโลก”

เกี่ยวกับ Quit Like Sweden

Quit Like Sweden เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ในการนำ Swedish Experience ไปปรับใช้เพื่อลดความแพร่หลายของการสูบบุหรี่ โดยการนำแนวทางทดแทนที่เข้าถึงได้ ยอมรับได้ และมีค่าใช้จ่ายไม่แพงมาผสานรวมกับมาตรการและโปรแกรมต่าง ๆ ในการหยุดและป้องกันการสูบบุหรี่

1 คณะกรรมาธิการยุโรป, ยูโรบารอมิเตอร์พิเศษ 539 – ทัศนคติที่ชาวยุโรปมีต่อยาสูบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง, 2024 (ดูได้ที่ https://europa.eu/eurobarometer/surveys/detail/2995)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บุคคลติดต่อ

info@quitlikesweden.org

แหล่งที่มา: Quit Like Sweden

Greenery นำเสนอโซลูชันสำหรับการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำที่การประชุม COP29

Logo

Greenery ในฐานะตัวแทนจากเกาหลีใต้ที่การประชุม COP29 ได้นำเสนอระบบการจัดการน้ำในนาข้าวและวิธีแปรรูปมูลสัตว์ให้เป็นถ่านชีวภาพ พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ร่วมการประชุมทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการเกษตร

บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Greenery, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศจากเกาหลีใต้ได้นำเสนอโซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ที่การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ครั้งที่ 29 (COP29)

ในการบรรยายหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำ” Greenery ได้นำเสนอกรณีศึกษากรณีแรกของบริษัท ว่าด้วยระบบระบายน้ำในนาข้าวที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนและอนุรักษ์น้ำ โดยระบบนี้จะวัดปริมาณและติดตามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการเฝ้าสังเกตระดับน้ำและรวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศและดิน ซึ่งจะมีการเปิดตัวโปรเจ็กต์นี้ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญด้านข้อมูลที่นำโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของเกาหลีใต้และสำนักงานสังคมสารสนเทศแห่งชาติ (NIA) ภายในสิ้นปี การใช้ข้อมูลด้านการเกษตรของโปรเจ็กต์นี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีผู้เข้าร่วมสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการผสานความร่วมมือตลอดทั้งการประชุม

Wonho Lee, Director of the Climate Tech Division at Greenery, presents on the urgent need for low-carbon agriculture. (Image: Greenery)

คุณ Wonho Lee ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศของ Greenery นำเสนอเกี่ยวกับความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรแบบคาร์บอนต่ำ (ภาพ: Greenery)

สำหรับกรณีศึกษากรณีที่สอง Greenery ได้นำเสนอโปรเจ็กต์ในการนำมูลสัตว์ที่เป็นต้นตอหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของฟาร์มต่างๆ มาแปรรูปเป็นถ่านชีวภาพ โดยถ่านชีวภาพสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 100 ปีโดยประมาณ ซึ่งนับว่ามีประสิทธิภาพในการลดคาร์บอนในระดับสูง ในการนำเสนอกรณีศึกษานี้ Greenery ได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมปศุสัตว์

การบรรยายนี้ปิดท้ายด้วยการอธิปรายกลุ่มเกี่ยวกับความจำเป็นในการใช้โซลูชันที่อาศัยเทคโนโลยีและวิธีการที่เข้มงวดในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตร ซึ่งการอภิปรายนี้ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญที่ว่า เนื่องจากการเกษตรมีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านอาหารอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ คุณ Saskia Sanders ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายจากสำนักงานเกษตรกรรมแห่งสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ คุณ Pankaj Kumam ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของหน่วยงานประเมินและตรวจสอบ Enviance และคุณ Soojeong Myeong หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันสิ่งแวดล้อมแห่งเกาหลีก็เข้าร่วมการอภิปรายกลุ่มด้วย

Greenery มอบโซลูชันด้านความยั่งยืนจำนวนมาก รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์, การประเมินวงจรชีวิต (Life Cycle Assessments หรือ LCA) และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Greenery ได้เปิดตัว ENVION ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ LCA ที่ประเมินผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีต่อสภาพแวดล้อมตลอดทั้งวงจรชีวิต โดยจะติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนของกระบวนการ

“การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำจำเป็นอย่างยิ่งต่อการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” คุณ Yoosik Hwang ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ Greenery กล่าว “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืนในภาคการเกษตรผ่านโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152074/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Greenery, Inc.
Gyeongin Park
+82-2-6274-3600
gi.park@greenery.im

ที่มา: Greenery, Inc.

Xsolla เผยแพร่รายงานประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 เกี่ยวกับอนาคตของเกมมือถือและการพัฒนาเกม: การวิเคราะห์ตัวชี้วัดล่าสุดและแนวโน้มใหม่

Logo

หัวข้อสําคัญ ได้แก่ การเติบโตของร้านค้าออนไลน์ อิทธิพลของเกมเมอร์หญิง และผลกระทบของพระราชบัญญัติตลาดดิจิทัล

ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

Xsolla บริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลก ประกาศเปิดตัว “The Xsolla Report: The State of Play.” ฉบับบฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 อย่างภาคภูมิใจรายงานโดยละเอียดนี้ให้ข้อมูลเชิงลึก แนวโน้ม และโอกาสที่สําคัญในการกําหนดภูมิทัศน์ของเกม ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวและเติบโตในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

(Graphic: Xsolla)

(กราฟฟิก: Xsolla)

ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 มุ่งเน้นไปที่เกมมือถือ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ 98,700 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกในปีนี้ โดยเอเชียเป็นผู้นําตลาดที่ 65,000 ล้านดอลลาร์ รายงานยังเน้นย้ำถึงความสําคัญที่เพิ่มขึ้นของร้านค้าออนไลน์ โดยผู้เล่น 77% ซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเน้นย้ำถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของช่องทางเหล่านี้

รายงานยังเน้นย้ำถึงผู้หญิงในการเล่นเกมและความเท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้นในการเล่นเกม โดยตั้งข้อสังเกตว่า 87% เล่นเกมมือถือทุกสัปดาห์ และ 64% ทําการซื้อสินค้าในแอป เมื่อกลุ่มประชากรนี้เติบโตขึ้น บริษัทต่างๆ ก็ตอบสนองด้วยการพัฒนาประสบการณ์การเล่นเกมที่ครอบคลุมและมีส่วนร่วมมากขึ้น

“รายงาน 'The Xsolla Report' ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 นําเสนอมุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มของมือถือ โซลูชันการชําระเงินที่เกิดขึ้นใหม่ ผลกระทบของผู้หญิงในเกม และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องที่ส่งผลต่ออนาคต” Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ Xsolla กล่าว “ด้วยรายงานนี้ เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่จําเป็นแก่พันธมิตรของเราเพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ และประสบความสําเร็จในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและเข้าถึง “The Xsolla Report: The State of Play” ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 ฉบับเต็ม โปรดไปที่ xsolla.pro/txr-autumn24

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่แข็งแกร่งและทรงพลังซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมและผู้เผยแพร่เกมหลายพันรายทุกขนาด ในการระดมทุน ทําการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของตนทั่วโลกและบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในฐานะผู้นําด้านนวัตกรรมในการค้าเกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจําหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับเกมเมอร์ทั่วโลก Xsolla มีสํานักงานใหญ่และจัดตั้งขึ้นในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยมีสํานักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla สนับสนุนพันธมิตรเกมชั้นนํา เช่น Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo เป็นต้น

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151076/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อ

Derrick Stembridge
ผู้อํานวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลกของ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla

รายงานของ NIQ ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่กำหนดทิศทางการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025

Logo

นวัตกรรมในราคาที่จับต้องได้ การช้อปปิ้งที่ยกระดับด้วย AI และสินค้าที่ยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

NielsenIQ (NIQ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคได้เผยแพร่รายงานสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน (T&D) ซึ่งชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่จะกระตุ้นการเติบโตในภาคส่วนนี้ ในขณะที่แบรนด์ต่างๆ เตรียมตัวรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ราคาที่จับต้องได้ ความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมที่ขับเคลื่อนด้วย AI คือปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค

ประเด็นสำคัญจากรายงานฉบับนี้

  • ผู้บริโภค 67% มีแนวโน้มที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากมีราคาที่จับต้องได้
  • ผู้บริโภค 70% ยินดีซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานเมื่อสินค้าดังกล่าวมีราคาสมเหตุสมผล
  • หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งมียอดขายเพิ่มขึ้น 55% ในปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าที่มีฟังก์ชันการทำงานหลากหลาย
  • ผู้บริโภค 40% เต็มใจที่จะทำตามคำแนะนำที่ทำงานด้วย AI ในการช้อปปิ้งในชีวิตประจำวัน
  • สมาร์ทโฟนที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 33% สะท้อนถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • รายได้รวมทั่วโลกของสินค้า T&D 36% มาจากการขายทางออนไลน์ โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก

แนวโน้มสำคัญที่ควรจับตามองในปี 2025

  1. ราคาที่จับต้องได้และการซื้อที่มุ่งเน้นความคุ้มค่า:
    ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคาที่จับต้องได้มากกว่าที่เคยเป็นมา โดยผู้บริโภค 67% ระบุว่าตนยินดีที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากสินค้าดังกล่าวมีราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภค 70% พร้อมจะซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งแนวโน้มนี้นับเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์ที่สามารถนำเสนอตัวเลือกสินค้าราคาไม่แพงแต่มีความทนทาน
  2. ความสะดวกสบายและฟังก์ชันการทำงานหลากหลายกำลังเป็นที่ต้องการ:
    สินค้าที่ช่วยประหยัดเวลาและมีฟังก์ชันการทำงานหลากหลายมีส่วนสำคัญในการเติบโตของสินค้า T&D ดังจะเห็นได้จากยอดขายของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งที่เพิ่มขึ้น 55% แบรนด์สินค้า T&D ควรพิจารณาที่จะนำเสนอสินค้าที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
  3. เทคโนโลยีด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกำลังมาแรง:
    เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นสุขภาพกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีกระแสหลัก โดยอุปกรณ์แบบสวมใส่มียอดขายแบบเทียบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 3% และเนื่องจากผู้บริโภคนำสินค้าที่เน้นด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และสุขอนามัยเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน แบรนด์ที่สามารถใส่คุณสมบัติเหล่านี้ลงในสินค้าของตนจะยังคงน่าดึงดูดในสายตาของผู้บริโภค สินค้าสำหรับระบบบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอุณหภูมิ และอุปกรณ์ด้านฟิตเนสที่เชื่อมต่อได้เป็นสินค้ามาแรงสำหรับแนวโน้มนี้
  4. AI และการเชื่อมต่ออัจฉริยะในการซื้อของผู้บริโภค:
    รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่า AI มีบทบาทต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากขึ้น โดยนักช้อป 40% ยินดีรับฟังคำแนะนำแบบอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่แบรนด์สินค้า T&D จะใช้ AI ในการมอบประสบการณ์ด้านสินค้าที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล นอกจากนี้การเชื่อมต่อก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงที่เพิ่มขึ้น 33% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูงของผู้บริโภค
  5. ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญ:
    ความยั่งยืนเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจำนวนมาก โดยผู้บริโภคเกินครึ่งยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งความทนทาน การประหยัดพลังงาน และวัสดุที่ยั่งยืนเป็นปัจจัยในการพิจารณาซื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งบ่งชี้ว่าแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน
  6. ความสำคัญของประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทาง:
    ปัจจุบันยอดขายออนไลน์คิดเป็น 36% ของรายได้สำหรับสินค้า T&D ทั่วโลก โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก เนื่องจากผู้บริโภคที่ใช้ทั้งช่องทางในการซื้อแบบดิจิทัลและการซื้อที่หน้าร้านมีจำนวนเพิ่มขึ้น บริษัทที่จำหน่ายสินค้า T&D ก็จะต้องมอบประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทางที่ราบรื่นเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ฟีเจอร์แบบโต้ตอบ เช่น Augmented Reality (AR) จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และ Gen Z ได้ดีเป็นพิเศษ โดยผู้บริโภคเหล่านี้เกิน 1 ใน 3 สนใจที่จะช้อปปิ้งแบบใช้ AR

“สำหรับแบรนด์สินค้า T&D แล้ว ปี 2025 จะเป็นปีของการมอบคุณค่าผ่านนวัตกรรมที่มีความหมาย” คุณ Julian Baldwin ประธานฝ่าย Tech & Durables ของ NIQ กล่าว “ผู้บริโภคมีความระมัดระวัง แต่ก็ยินดีซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และสุขภาพ การให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะทำให้บริษัทต่างๆ มีสถานะในตลาดที่แข็งแกร่งขึ้น และจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตได้”

ทำไมแนวโน้มเหล่านี้จึงมีความสำคัญในปี 2025

ความต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้เผยให้เห็นช่องทางสำคัญสำหรับแบรนด์ที่มุ่งหวังจะคว้าส่วนแบ่งการตลาดในปี 2025 ซึ่งการมุ่งเน้นนวัตกรรมที่สอดคล้องกับราคาที่จับต้องได้ ความยั่งยืน และความสะดวกสบาย จะช่วยให้บริษัทผู้จำหน่ายสินค้า T&D ตอบสนองความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นการเติบโตได้ AI และฟีเจอร์อัจฉริยะจะยังคงยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งต่อไป โดยเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสดึงดูดผู้บริโภคที่สนใจเทคโนโลยีได้มากขึ้น

ทั้งนี้ คุณสามารถดาวน์โหลดรายงาน “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ NIQ:

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค ซึ่งให้ความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นช่องทางใหม่ๆ สำหรับการเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกับ GfK ซึ่งเป็นการรวมผู้นำในอุตสาหกรรมสองรายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั่วโลกในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้เข้าด้วยกัน ปัจจุบัน NIQ ดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆ 95 ประเทศที่มี GDP คิดเป็น 97% ของ GDP  ทั่วโลก โดย NIQ ให้ Full View™ ที่ประกอบด้วยมุมมองด้านการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุดพร้อมด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มล้ำสมัย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.niq.com

เกี่ยวกับรายงานสถานะของ T&D:

รายงานประจำปีว่าด้วยสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในหัวข้อ “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” ของ NIQ อาศัยการวิเคราะห์ล่าสุดและการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของ NIQ ในด้านสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน นวัตกรรม พฤติกรรมของผู้บริโภค การตลาดแบบผสมผสานทุกช่องทาง และการวัดผลทางการตลาด ซึ่งสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่านก็คือรายงานที่ให้ Full ViewTM เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและความต้องการในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

คุณ Filip Filipov อดีตผู้บริหาร Skyscanner ร่วมงานกับ OAG ในตำแหน่ง Chief Operating Officer

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

OAG ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำของโลกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกมีความยินดีที่จะประกาศการแต่งตั้งคุณ Filip Filipov เข้าดำรงตำแหน่ง Chief Operating Officer คนใหม่ของบริษัท

คุณ Filipov ซึ่งเป็นอดีตรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ของ Skyscanner มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเติบโตของบริษัทด้านการท่องเที่ยวดิจิทัลดังกล่าว และเป็นผู้นำทีมต่างๆ ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่ง เขาเป็นผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึกจำนวนมากจากภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี พร้อมด้วยประสบการณ์ในการขยายธุรกิจอันมีค่า

ในฐานะ COO ของ OAG คุณ Filipov จะมุ่งเน้นที่การยกระดับการดำเนินธุรกิจ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อมๆ กับพัฒนาวิสัยทัศน์ด้านกลยุทธ์ในระยะยาวของบริษัท การแต่งตั้งในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์เร่งการเติบโตของ OAG ซึ่งมีการเข้าซื้อกิจการ Infare เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2023 การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการเพิ่มข้อมูลค่าตั๋วเครื่องบินให้กับแพลตฟอร์มข้อมูลของ OAG ช่วยให้บริษัทสามารถให้โซลูชันข้อมูลที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งในด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคา

คุณ Filip เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงให้กับบริษัทร่วมทุนและบริษัทให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ อาทิเช่น บริษัท Opera Solutions ในนิวยอร์กและลอนดอน

คุณ Phil Callow  ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ OAG กล่าวว่า “คุณ Filip มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี และเนื่องจาก OAG ยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญของเขาจะมีค่าอย่างยิ่งในการชี้แนะพวกเราผ่านช่วงเวลาขยายการเติบโตที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ความสนใจที่เขามีต่ออุตสาหกรรมการบินและข้อมูลทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับวัฒนธรรมของเราที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสิ่งแรกและมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง”

คุณ Filip ได้กล่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งในครั้งนี้ว่า:

“ผมดีใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ OAG ผมรู้สึกทึ่งกับความเชี่ยวชาญที่หลากหลายและความทะเยอทะยานที่องค์กรแห่งนี้มี และความสามารถอันโดดเด่นขององค์กรในการผสมผสานข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคาเข้าด้วยกันก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต่อยอดความสำเร็จและนำประสบการณ์ในการขยายธุรกิจของผมมาปรับใช้กับการดำเนินงานทุกภาคส่วนเพื่อผลประโยชน์สำหรับลูกค้าของเรา”

การแต่งตั้งครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่คุณ Shane Corstorphine ซึ่งเป็นอดีต CFO ของSkyscanner ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง NED ในเดือนกรกฎาคม

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศด้านการบิน โดยมีเครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ได้ที่ www.oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยที่มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูงสำหรับใช้ในอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

Logo

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (หรือ Toshiba) ได้พัฒนา “X5M007E120” ซึ่งเป็น MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือย[1] สำหรับอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์ [2] พร้อมโครงสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความต้านทานขณะทำงานต่ำและให้ความเสถียรสูง โดยได้มีการจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบเพื่อให้ลูกค้าประเมินแล้วในขณะนี้

Toshiba: X5M007E120, a bare die 1200V silicon carbide (SiC) MOSFET for automotive traction inverters with an innovative structure that deliver both low On-resistance and high reliability. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: X5M007E120 ซึ่งเป็น MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยสำหรับอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์ พร้อมโครงสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความต้านทานขณะทำงานต่ำและให้ความเสถียรสูง (กราฟิก: Business Wire)

ความเสถียรของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์แบบทั่วไปจะลดลงในกรณีที่ความต้านทานขณะทำงานเพิ่มขึ้นเมื่อไดโอดของตัวอุปกรณ์ได้รับพลังงานแบบไบโพลาร์[3] ระหว่างการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับ[4] ซึ่ง MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ของ Toshiba ลดปัญหานี้ด้วยโครงสร้างอุปกรณ์ที่ฝังไดโอดแบริเออร์ Schottky (SBD) ลงใน MOSFET เพื่อปิดการทำงานไดโอดของตัวอุปกรณ์ แต่การวางตำแหน่ง SBD บนชิปจะลดพื้นที่สำหรับช่องกระแสไฟฟ้าที่จะกำหนดความต้านทานของ MOSFET ขณะนำกระแสไฟฟ้า และเพิ่มความต้านทานขณะทำงานของชิป

SBD ที่ฝังอยู่ใน X5M007E120 จะถูกจัดเรียงในรูปแบบร่องสลับแทนการจัดเรียงรูปแบบแถบที่มักจะใช้โดยทั่วไป ซึ่งการจัดวางลักษณะนี้ช่วยลดการให้พลังงานไดโอดตัวอุปกรณ์แบบไบโพลาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็จะเพิ่มขีดจำกัดสูงสุดของการทำงานแบบยูนิโพลาร์เป็นสองเท่าของพื้นที่ปัจจุบันโดยประมาณ แม้ว่าจะกินพื้นที่ติดตั้ง SBD เดียวกันก็ตาม[5] นอกจากนี้ความหนาแน่นของช่องกระแสไฟฟ้ายังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการจัดเรียงแบบแถบ ส่วนความต้านทานขณะนำงานต่อพื้นที่หน่วยจะลดลง 20% ถึง 30% โดยประมาณ[5] ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นพร้อมกับความต้านทานขณะทำงานต่ำในขณะที่ยังคงรักษาความเสถียรในกรณีที่มีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับจะช่วยให้อินเวอร์เตอร์ที่ใช้ในการควบคุมมอเตอร์ (เช่น อินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์) ใช้พลังงานน้อยลง

การลดความต้านทานขณะทำงานของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์จะส่งผลให้กระแสไฟฟ้าส่วนเกินไหลผ่าน MOSFET ขณะไฟฟ้าลัดวงจร[6] ซึ่งจะลดความทนทานต่อไฟฟ้าลัดวงจร การเพิ่มการนำกระแสไฟฟ้าของ SBD ที่ฝังเพื่อเพิ่มความเสถียรเมื่อมีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับยังส่งผลให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลเพิ่มขึ้นขณะไฟฟ้าลัดวงจรด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการลดความทนทานต่อไฟฟ้าลัดวงจร ดายเปลือยแบบใหม่นี้มีโครงสร้างแบริเออร์แบบลึก[7]  ที่ช่วยลดกระแสไฟฟ้าส่วนเกินใน MOSFET และกระแสไฟฟ้ารั่วไหลใน SBD ในระหว่างไฟฟ้าลัดวงจร ช่วยเพิ่มความทนทานในขณะที่ยังคงรักษาความเสถียรในกรณีที่มีการทำงานแบบนำกระแสไฟฟ้าย้อนกลับได้อย่างยอดเยี่ยม

ผู้ใช้สามารถปรับแต่งดายเปลือยให้ตรงกับความต้องการด้านการออกแบบของตนโดยเฉพาะและนำโซลูชันไปปรับใช้ตามจุดมุ่งหมายของตนได้

Toshiba คาดการณ์ว่าจะจัดส่งตัวอย่างทางวิศวกรรมของ X5M007E120 ในปี 2025 และจะเริ่มการผลิตจำนวนมากในปี 2026 โดยในระหว่างนี้ บริษัทจะสำรวจความเป็นไปได้ในการปรับปรุงลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์เพิ่มเติม

Toshiba จะร่วมสร้างสังคมปลอดคาร์บอนด้วยการมอบเซมิคอนดักเตอร์กำลังที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าในส่วนงานที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเป็นสำคัญ เช่น อินเวอร์เตอร์สำหรับควบคุมมอเตอร์ และระบบควบคุมกำลังไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

หมายเหตุ:
[1] ผลิตภัณฑ์ชิปแบบไม่มีบรรจุภัณฑ์
[2] อุปกรณ์ที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้มาจากแบตเตอรี่เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ และควบคุมมอเตอร์ต่างๆ ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หรือรถยนต์ไฮบริด (HEV)
[3] การทำงานแบบไบโพลาร์เมื่อมีการใช้แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้ากับไดโอด pn ระหว่างเดรนและซอร์ส
[4] การทำงานที่กระแสไฟฟ้าไหลจากซอร์สไปยังเดรนของ MOSFET เนื่องจากกระแสไฟฟ้าในวงจรไหลย้อน
[5] เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ของ Toshiba ที่ใช้การจัดเรียงรูปแบบแถบ
[6] ปรากฏการณ์ที่เกิดการนำกระแสไฟฟ้าระยะยาวในโหมดที่ไม่ปกติ เช่น เมื่อวงจรควบคุมขัดข้อง เทียบกับการนำกระแสไฟฟ้าระยะสั้นระหว่างการทำงานเปิดปิดสวิตช์ตามปกติ ซึ่งจำเป็นต้องมีความทนทานที่สามารถทนต่อการทำงานในกรณีที่ไฟฟ้าลัดวงจรติดต่อกันระยะเวลาหนึ่งโดยไม่ล้มเหลว
[7] องค์ประกอบของโครงสร้างอุปกรณ์ที่มีไว้ควบคุมสนามไฟฟ้าแรงสูงที่เกิดขึ้นเนื่องจากไฟฟ้ามีแรงดันสูง ซึ่งเป็นส่วนที่มีผลเป็นอย่างมากต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์

การใช้งาน

  • อินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

คุณสมบัติ

  • มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูง
  • ดายเปลือยสำหรับยานยนต์
  • ผ่านการรับรอง AEC-Q100
  • พิกัดแรงดันไฟฟ้าระหว่างเดรนและซอร์ส: VDSS=1200V
  • พิกัดกระแสไฟฟ้า (กระแสตรง) ที่เดรน: ID=(229)A[8]
  • ความต้านทานขณะทำงานต่ำ:
    RDS(ON)=7.2mΩ (ปกติ) (VGS=+18V, Ta=25°C)
    RDS(ON)=12.1mΩ (ปกติ) (VGS=+18V, Ta=175°C)

หมายเหตุ
[8] ค่าโดยประมาณ

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(Ta=25°C, เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น)

หมายเลขชิ้นส่วน

X5M007E120

บรรจุภัณฑ์

ชื่อบรรจุภัณฑ์ของ Toshiba

2-7Q1A

ขนาด (มม.)

ปกติ

6.0×7.0

พิกัด

สูงสุด

สัมบูรณ์

แรงดันไฟฟ้าระหว่างเดรนและซอร์ส VDSS (V)

1200

แรงดันไฟฟ้าระหว่างเกตและซอร์ส VGSS (V)

+25/-10

กระแสไฟฟ้าที่เดรน (กระแสตรง) ID (A)

(229)[8]

กระแสไฟฟ้าที่เดรน (พัลส์) ID พัลส์ (A)

(458)[8]

อุณหภูมิช่องกระแสไฟฟ้า Tch (°C)

175

ค่า

ทางไฟฟ้า

แรงดันขีดเริ่มที่เกต

Vth (V)

VDS =10V,

ID=16.8mA

ปกติ

4.0

ความต้านทานขณะทำงาน

ระหว่างเดรนและซอร์ส

RDS(on) (mΩ)

ID=50A,

VGS =+18V

ปกติ

7.2

ID=50A,

VGS =+18V,

Ta=175°C

ปกติ

12.1

แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้า

VSD (V)

ISD=50A,

VGS =-5V

ปกติ

-1.21

แรงดันไฟฟ้าไปข้างหน้า

VSD (V)

ISD=50A,

VGS=-5V,

Ta=175°C

ปกติ

-1.40

ความต้านทานที่เกตภายใน

rg (Ω)

เดรนเปิด,

f=1MHz

ปกติ

3.0

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ X5M007E120 ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
Toshiba เริ่มจัดส่งตัวอย่างขั้นทดสอบของ MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) 1200V แบบดายเปลือยที่มีความต้านทานขณะทำงานต่ำและมีความเสถียรสูงสำหรับใช้ในอินเวอร์เตอร์ฉุดลากยานยนต์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์กำลังไฟฟ้าซิลิคอนคาร์ไบด์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
อุปกรณ์กำลังไฟฟ้าซิลิคอนคาร์ไบด์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ
* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ซึ่งรวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านเซมิคอนดักเตอร์และโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง ได้นำนวัตกรรมและประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่าครึ่งศตวรรษมาใช้เพื่อมอบเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน, LSI ของระบบ และผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นแก่ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ธุรกิจ

พนักงานที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 19,400 ชีวิตล้วนมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมกันสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกหนแห่ง

เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54145871/en

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับลูกค้าที่ต้องการสอบถามข้อมูล
Power & Small Signal Device Sales & Marketing Dept.I
โทร: +81-44-548-2216
ติดต่อเรา

สำหรับสื่อที่ต้องการสอบถามข้อมูล
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Dept.
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

.

Beerenberg ชนะคดีเหนือ Aspen Aerogel ในเกาหลี

Logo

เกาหลี–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

คณะกรรมการพิจารณาและอุทธรณ์คดีทรัพย์สินทางปัญญา (Korea Intellectual Property Trial and Appeal Board หรือ IPTAB) แห่งเกาหลี ได้ตัดสินให้สิทธิบัตร 3 ฉบับของ Aspen Aerogel เกี่ยวกับวัสดุไฮโดรโฟบิกแอโรเจลที่ได้รับการปรับปรุงถือเป็นโมฆะ

Specializing in insulations solutions of high-quality and efficiency, Beerenberg has developed cost-effective insulation products that meet the industry's challenges regarding corrosion, the need for low lifetime costs and quick installation. (Photo: Business Wire)

Beerenberg ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันฉนวนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ฉนวนแบบคุ้มค่าใช้จ่ายที่ตอบโจทย์ความท้าทายของอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกัดกร่อน ความต้องการด้านค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานที่ต่ำ และการติดตั้งที่รวดเร็ว (รูปภาพ: Business Wire)

ข้อสรุปนี้มีขึ้นหลังจากที่ IPTAB พบว่าสิทธิบัตรดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการได้รับอนุมัติ ได้แก่ การขาดคำอธิบาย ขาดความคิดสร้างสรรค์ และขาดความแปลกใหม่

คำตัดสินของ IPTAB สอดคล้องกับข้อสรุปจากคณะกรรมาธิการด้านการค้าของเกาหลี (Korea Trade Commission หรือ KTC) ที่มีขึ้นก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน ซึ่งระบุว่าข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรจากฝั่ง Aspen Aerogels นั้นไม่มีมูลความจริง

Beerenberg ได้กล่าวอ้างมาตั้งแต่ต้นว่าข้อกล่าวหาจาก Aspen Aerogels ไม่ถูกต้อง

“หลังจากถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ว่าละเมิดสิทธิบัตรมาหลายปี เรารู้สึกพอใจที่ชนะคดีนี้จากการตัดสินของ IPTAB” Arild Apelthun ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO กล่าว

Beerenberg ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันฉนวนระดับไฮเอนด์เฝ้ารอคำตัดสินนี้มาอย่างยาวนาน

“เราหวังว่าคำตัดสินนี้จะช่วยให้ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของเราหมดไป และเราตั้งตารอที่จะนำเสนอฉนวนคุณภาพสูงแก่ลูกค้าของเรา” Geir Harris ซึ่งดำรงตำแหน่ง SVP ฝ่าย Business Development กล่าว

เกี่ยวกับ Beerenberg AS

Beerenberg มอบโซลูชันที่คุ้มค่าใช้จ่ายแก่บริษัทด้านอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทมาอย่างยาวนานกว่า 47 ปี โดย Beerenberg เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านการบริการดัดแปลงและบำรุงรักษาบนพื้นที่ไหล่ทวีปของนอร์เวย์ อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการระบบหุ่นยนต์และผลิตภัณฑ์ฉนวนระดับโลก ความเชี่ยวชาญของกลุ่มบริษัทนี้ครอบคลุมวงจรชีวิตทั้งหมดของอุตสาหกรรมปิโตรเลียม โดยเชี่ยวชาญตั้งแต่การศึกษาภาคสนามและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ไปจนถึงการบำรุงรักษา ดัดแปลง และขยายอายุการใช้งาน ซึ่งได้มีการแบ่งกิจกรรมด้านการดำเนินงานออกเป็นบริษัท Beerenberg Services และบริษัทในเครือ ทั้งนี้ Beerenberg ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Bergen มีสำนักงานย่อยอยู่ที่เมือง Stavanger และ Skien ในนอร์เวย์ รวมทั้งในโปแลนด์ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ประเทศไทย สิงคโปร์ และบราซิล ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.beerenberg.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54150433/en

ข้อมูลติดต่อ

Ingrid Lovise Færøyvik | VP Communications 
452 50 135 / 55 52 66 00

Beerenberg Services AS 
www.beerenberg.com   

ที่มา: Beerenberg AS