All posts by Jasmine

Toshiba เปิดตัวโมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการย่อขนาดของอุปกรณ์อุตสาหกรรม

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–25 ก.พ. 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เปิดตัว “MG800FXF2YMS3” โมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ที่รวมชิป SiC MOSFET แบบสองช่องที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีค่า 3300V และ 800A สำหรับงานอุตสาหกรรม  ปริมาณการผลิตจะเริ่มต้นพฤษภาคม 2021

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006218/en/

Toshiba: MG800FXF2YMS3, a silicon carbide (SiC) MOSFET module for industrial applications including railways vehicle and renewable energy power generation systems. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: MG800FXF2YMS3 โมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม รวมถึงยานพาหนะทางรถไฟและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (กราฟฟิค: บิสิเนสไวร์)

เพื่อให้ได้อุณหภูมิของช่องที่ 175°C ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ใช้แพ็คเกจ iXPLV (Intelligent fleXible Package Low Voltage) พร้อมด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมภายในด้วยการหลอมด้วยเงินเพื่อสนับสนุนการติดตั้งอย่างกว้างขวาง  โมดูลใหม่นี้ตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงานอุตสาหกรรม เช่นตัวแปลงและอินเวอร์เตอร์สำหรับยานพาหนะทางรถไฟและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

การใช้งาน

  • อินเวอร์เตอร์และตัวแปลงสำหรับยานพาหนะรถไฟ
  • ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน
  • อุปกรณ์ควบคุมมอเตอร์อุตสาหกรรม

คุณสมบัติ

  • พิกัดแรงดันไฟฟ้าจากแหล่งระบาย: VDSS=3300V
  • กระแสระบาย: ID= 800Aคู่
  • ช่วงอุณหภูมิ: Tch=175°C
  • การสูญเสียต่ำ:
    Eon=250mJ (typ.)
    Eoff=240mJ (typ.)
    VDS(on)sense=1.6V (typ.)
  • Stray inductance ต่ำ: Ls= 12nH (typ.)
  • แพคเกจพลังงานสูง iXPLV ขนาดเล็ก

ข้อมูลจำเพาะหลัก

( ยกเว้นที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น @Tc=25°C)

หมายเลขชิ้น

MG800FXF2YMS3

แพคเกจ

iXPLV

ค่าสูงสุด

แรงดัน Drain-source VDSS (V)

3300

แรงดัน Gate-source VGSS (V)

+25/-10

กระแสระบาย (DC) ID (A)

800

กระแสร (pulsed) IDP (A)

1600

อุณหภูมิช่อง Tch (°C)

175

แรงดันแยกตัว VISOL (Vrms)

6000

คุณลักษณะไฟฟ้า

กระแส Drain-source แบบ on-voltage (sense)

VDS(on)sense typ. (V)

@VGS= +20V,

ID=800A

1.6

กระแส Source-drain แบบ on-voltage (sense)

VSD(on)sense typ. (V)

@VGS= +20V,

IS=800A

1.5

กระแส Source-drain แบบ off-voltage (sense)

VSD(off)sense typ. (V)

@VGS= -6V,

IS=800A

2.3

โมดูล Stray inductance LSPN typ. (nH)

12

การสูญเสียเมื่อเปิดเครื่อง Eon typ. (mJ)

@VDD=1800V,

ID=800A,

Tch=150°C

250

การสูญเสียเมื่อปิดเครื่อง Eoff typ. (mJ)

@VDD=1800V,

ID=800A,

Tch=150°C

240

ตามลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

MG800FXF2YMS3 https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=MG800FXF2YMS3

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์พลังงาน SiC ของ Toshiba

SiC Power Devices https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/sic-power-devices.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า
Small Signal Device Sales & Marketing Dept. (ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก)
โทร: + 81-3-3457-3411
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่เข้ากับประสบการณ์ที่ยาวนาน  ตั้งแต่ได้แยกจาก Toshiba Corporation ในเดือนกรกฎาคมปี 2560 เราได้เข้าเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และเพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006218/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Department  (แผนกการตลาดดิจิทัล) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: + 81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ReNew Power บริษัทพลังงานทดแทนชั้นนำในอินเดียเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนผ่านการรวมธุรกิจกับ RMG Acquisition Corporation II ด้วยมูลค่าทางธุรกรรม 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Logo

  • ReNew Power บริษัทพลังงานทดแทนชั้นนำของอินเดียได้เข้าสู่ข้อตกลงการรวมธุรกิจอย่างสมบูรณ์กับ RMG Acquisition Corporation II (“RMG II”) หลังจากปิดดีลซื้อขายแล้ว องค์กรที่รวมขึ้นมาใหม่นี้จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ภายใต้ชื่อ “RNW”
  • มูลค่าสิทธิของกิจการทั้งหมดจะอยู่ประมาณ 8 พันล้านดอลล่าร์ การซื้อขายคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ภายใต้เงื่อนไขการปิดบัญชีตามปกติ
  • รายได้ที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมดจะอยู่ที่ 12,000 ล้าน ซึ่งประกอบไปด้วย 855 ล้านจากการเสนอขายหุ้นสามัญที่เพิ่มขึ้นของ ReNew Power (the “PIPE”) ให้แก่บุคคลในวงจำกัด และเงินสดรวม 345 ล้านดอลลาร์ภายใต้การดูแลของ RMG II ซึ่งจะมีการไถ่ถอน คาดว่าจะมีรายได้หลักสุทธิประมาณ 610 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นเงินทุนรองรับกลยุทธ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัท และชำระหนี้
  • มูลค่าหุ้น PIPE ที่เพิ่มขึ้นถูกถือโดยนักลงทุนสถาบันใหญ่ ๆ รวมถึงกองทุนและบัญชีที่บริหารโดย BlackRock, BNP Paribas Energy Transition Fund, Mr. Chamath Palihapitiya, Sylebra Capital, TT International Asset Management Ltd, TT Environmental Solutions Fund และ Zimmer Partners
  • รูปแบบธุรกิจที่บูรณาการในแนวตั้งของ ReNew Power และกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ ซึ่งได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ทำให้บริษัทได้รับผลกำไรสูงสุดในภาคธุรกิจนี้ทั้งในอินเดียและทั่วโลก และด้วยพลังงานทดแทนที่มีราคาถูกกว่าพลังงานจากฟอสซิลค่อนข้างมาก จึงมีการคาดการณ์ว่าการพัฒนาพลังงานทดแทนจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า
  • การบริหารงานของ RMG II มีประสบการณ์อันโดดเด่นในภาคธุรกิจพลังงานระดับนานาชาติ

นิวเดลี และ นิวยอร์ก — (BUSINESS WIRE)–24 กุมภาพันธ์ 2564

ReNew Power Private Limited (“ReNew” หรือ “the Company”) ผู้ผลิตพลังงานทดแทนบริสุทธิ์ชั้นนำของอินเดีย และ RMG Acquisition Corporation II (“RMG II”) (NASDAQ: RMGB) วันนี้ประกาศการบรรลุข้อตกลงซื้อขายธุรกิจทำให้ ReNew กลายเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005431/en/

หลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้น บริษัทใหม่จะมีชื่อว่า ReNew Energy Global PLC และจะจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนภายใต้ชื่อ RNW การรวมธุรกิจจะช่วยรักษาตำแหน่งผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในตลาดอินเดียให้แก่บริษัท ReNew โดยการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างการเติบโตระยะกลาง รวมทั้งทำการชำระหนี้

ReNew Power – บริษัทพลังงานทดแทนบริสุทธิ์ชั้นนำของอินเดีย

ReNew เป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระ (IPP) ชั้นนำของอินเดีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 และเป็นหนึ่งใน 15 ผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก พิจารณาจากปริมาณการผลิต โดยมีผลงานโครงการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการสาธารณูปโภคมากกว่า 100 โครงการทั่วทั้ง 9 รัฐในอินเดีย บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อแจกจ่ายให้แก่ลูกค้าเชิงพานิชย์และอุตสาหกรรมมากกว่า 150 แห่งในอินเดีย

ReNew เป็นบริษัทพลังงานทดแทนรายแรกของอินเดียที่มีความสามารถในการผลิตมากกว่า 1 กิกะวัตต์ (GW) และ 2 กิกะวัตต์ (GW) และปัจจุบันเป็นบริษัทเดียวในกลุ่มพลังงานทดแทนของอินเดียที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 5 กิกะวัตต์ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมเกือบ 10 กิกะวัตต์ (รวมถึงความสามารถในการเสนอราคาแข่งขันแล้ว)

การเติบโตของ ReNew ได้รับการช่วยเหลือจากเงินสดที่มั่นคงและปลอดภัยผ่านสัญญาระยะยาวกับคู่สัญญาที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันการผลิตพลังงานเพื่อสาธารณูปโภคทั้งหมดของ ReNew ทำสัญญาภายใต้ข้อตกลงการซื้อขายพลังงาน (PPA) ที่มีระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 24 ปี สัญญาเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำกับหน่วยงานรัฐบาลกลา งเช่น Solar Energy Corporation of India (SECI) และ NTPC Limited ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ReNew ได้สร้างเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่มั่นคงมากมาย ทำให้สามารถใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดกับผลงานโครงการต่าง ๆ ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

นอกเหนือจากการผลิตพลังงานสะอาดแล้ว ReNew ยังได้พัฒนาความเชี่ยวชาญเพิ่มเติม เช่น การกักเก็บพลังงาน ในปี 2020, ReNew ได้รับรางวัลการประมูลที่โดดเด่น 2 ครั้งจาก SECI เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการจัดหาพลังงานสีเขียวที่มั่นคง น่าเชื่อถือ และราคาไม่แพง รางวัลประกอบด้วยการประมูลครั้งแรกของอินเดียจากแหล่งจ่ายพลังงาน 24 ชั่วโมงด้วยพลังงานหมุนเวียน และการประมูลสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่มากขึ้น โดยการรวมการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เข้าด้วยกัน และผสมผสานเข้ากับแบตเตอรี่

ระหว่างปี 2020, ReNew ได้เข้าสู่ธุรกิจบริการด้านดิจิทัลที่กำลังเติบโตด้วยการซื้อกิจการบริษัท Climate Connect ซึ่งเป็นบริษัทในเมือง ปูเน (Pune) รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย และเป็นผู้เล่นชั้นนำด้านการจัดการกริดโดยใช้เทคโนโลยี AI และการพยากรณ์ความต้องการพลังงาน

ภาพรวมการตลาด – ความต้องการพลังงานทดแทนในอินเดียยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โมเดลธุรกิจของ ReNew ได้รับการสนับสนุนจากเทรนด์ใหม่ ๆ ในตลาดพลังงานของอินเดีย รวมถึงเป้าหมายด้านพลังงานสีเขียวของรัฐบาลอินเดียไปจนถึงทศวรรษหน้า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าต่อหัวของอินเดียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า ซึ่งประมาณ 2 ใน 3 ของความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้จะได้รับการดูแลจากพลังงานทดแทน คำมั่นสัญญาด้านสภาพอากาศทั่วโลกของอินเดียที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในการผลิตพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล และให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน ในขณะเดียวกันรัฐบาลอินเดียตั้งเป้าการผลิตพลังงานทดแทนปริมาณ 450 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตลาดที่มีศักยภาพสูง ส่วนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแข่งขันประมูลช่วยลดต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่องและจะช่วยเร่งการนำพลังงานทดแทนไปใช้

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในอินเดียได้ก้าวไปอีกขั้น ความหลากหลายของวิทยาการทางเทคโนโลยีและภูมิศาสตร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินโครงการอและจัดการเงินอย่างมีวินัยจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาเส้นทางการเติบโตได้

ความเห็นจากผู้บริหารและผู้ถือหุ้น

Sumant Sinha ผู้ก่อตั้ง ผู้อำนายการ และซีอีโอของ ReNew กล่าวว่า “ภาคพลังงานทดแทนของอินเดียมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างนี้ ReNew ได้เร่งสร้างความมั่นใจว่าแหล่งพลังงานจะมีความยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจได้ ในทศวรรษหน้า ReNew วางแผนรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตขึ้น และสร้างพลังงานสีเขียวในภาคธุรกิจพลังงานในอินเดีย รวมถึงเร่งบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานทดแทนของรัฐบาล เมื่อเวลาผ่านไป เราจะยังขยายความสามารถไปเรื่อย ๆ พร้อมสำรองพลังงานเพื่อใช้สำหรับสาธารณูปโภค และโซลูชั่นส์พลังงานอันชาญฉลาดที่เน้นให้ลูกค้าได้ประโยชน์ วิสัยทัศน์ของ ReNew คือการขยับเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดระดับโลก เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงพลังงานสะอาดในอินเดีย และช่วยสร้างพลังงานไฟฟ้าและลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแวดล้อมเศรษฐกิจอินเดีย”

Bob Mancini ซีอีโอและผู้อำนวยการแห่ง RMG II กล่าวว่า “หลังจากปิดการเสนอขายหุ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคม เราต้องการเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระดับโลกผ่านผลงานที่พิสูจน์ให้เห็น และการจัดการที่ดีที่สุด เมื่อรู้ว่าบริษัทอยู่กับ ReNew เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมธุรกิจกับทีมผู้บริหารมากความสามารถซึ่งนำโดยคุณ Sumant การร่วมมือกับ ReNew ยืนยันได้ว่าบริษัทไม่เพียงแต่เป็นผู้นำเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทพลังงานทดแทนชั้นเลิศในอินเดีย ความมุ่งมั่นต่อการเติบโตผ่านการเป็นพันธมิตรระยะยาวกับหน่วยงานรัฐบาลกลางและหน่วยงานรัฐของอินเดีย ตำแหน่ง นวัตกรรมเทคโนโลยี และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งน่าจะช่วยให้ ReNew สามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์เชิงบวกในตลาดพลังงานของอินเดียในทศวรรษหน้าและต่อ ๆ ไป เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวสุดพิเศษนี้”

Michael Bruun กรรมการผู้จัดการ แผนกจัดการทรัพย์สินแห่ง Goldman Sachs กล่าวว่า “ตั้งแต่การร่วมมือกับพันธมิตรก่อตั้งอย่างคุณ Sumant Sinha, ReNew Power ได้แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนทีมผู้บริหารมากฝีมือและผู้นำทางการตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในธุรกิจพลังงานทดแทน เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนักลงทุนชื่อดังระดับโลกหลายท่านที่ได้ร่วมธุรกิจกับเราหลายปี ด้วยการเดินทางนี้ เราจึงมีความยินดีที่นักลงทุนจำนวนมากเพิ่มขึ้นได้มีส่วนร่วมกับการเดินทางสำคัญของ ESG นี้”

ภาพรวมการซื้อขาย

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหลังจากซื้อขายจะอยู่ประมาณ 4.4 พันล้านดอลล่าร์ ที่ราคาซื้อขายหุ้น PIPE 10 ดอลล่าร์ต่อหุ้น โดยสันนิษฐานว่าผู้ถือหุ้นจาก RMG II ไม่ใช้สิทธิ์ไถ่ถอน รายได้รวมของเงินสดคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกอบด้วย 855 ล้านดอลลาร์จาก PIPE และเงินสดประมาณ 345 ล้านดอลลาร์ซึ่งอยู่ในความดูแลของ RMG II ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนใด ๆ เนื่องจากอาจมีการไถ่ถอนจากผู้ถือหุ้น RMG II

รายได้จะนำไปใช้ในการสนับสนุนกลยุทธ์สร้างการเติบโตของ ReNew รวมถึงการสร้างกำลังการผลิตพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในระบบสาธารณูปโภคตามสัญญา และการลดภาระหนี้ ทีมผู้บริหารจาก ReNew และสมาชิกผู้ถือหุ้นปัจจุบัน รวมถึง Goldman Sachs, the Canada Pension Plan Investment Board (CPP Investments), Abu Dhabi Investment Authority และ JERA Co., Inc. (JERA) และอื่น ๆ ที่เป็นเจ้าของ ReNew ร่วมกัน 100% จะทำการโยกกรรมสิทธิ์ส่วนใหญ่ไปยังบริษัทใหม่ และคาดว่าจะมีสิทธิ์ครอบครองบริษัททันที 70% หลังเสร็จสิ้นการซื้อขาย

การเป็นบริษัทชั้นนำของ ReNew จะยังคงอยู่พร้อมกับคุณ Sumant Sinha ซึ่งเป็นประธานและซีอีโอของบริษัท ที่จะบริหารการเติบโตเชิงกลยุทธ์และการขยายบริษัท

คณะกรรมการบริหารของบริษัทใหม่นี้จะประกอบด้วยผู้ถือหุ้นเดิมจาก ReNew, RMG II และผู้อำนวยการอิสระ Bob Mancini จะเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก RMG II ไปยังบอร์ด ส่วนการแต่งตั้งบอร์ดคนอื่น ๆ จะดำเนินการก่อนปิดการขาย

การซื้อขายได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของ ReNew และ RMG II การซื้อขายจะเสร็จสิ้นด้วยการปิดบัญชีตามปกติ รวมทั้งการอนุมัติจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าแห่งอินเดีย และผู้ถือหุ้นจาก RMG II การซื้อขายคาดว่าจะปิดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564

คณะที่ปรึกษา

Goldman Sachs (India) Securities Private Limited และ Morgan Stanley India Company Private Limited (“Morgan Stanley”) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแก่ ReNew ในเรื่องการรวมธุรกิจ Morgan Stanley & Co. LLC เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหุ้น PIPE ร่วมกับ RMG II ส่วน Latham & Watkins LLP, Nishith Desai & Associates และ Cyril Amarchand Mangladas รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ ReNew

บริษัทหลักทรัพย์ BofA รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินพิเศษแก่ RMG II และยังทำหน้าที่เป็นผู้แทนจัดจำหน่ายหลัก PIPE ด้าน Skadden, Arps, Slate, Meagher & Flom LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายแก่ RMG II และ Khaitan & Co LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายแก่ RMG II ในประเด็นกฎหมายของอินเดีย

Ropes & Gray LLP เป็นที่ปรึกษาแก่ผู้แทนจำหน่ายหุ้น PIPE

ข้อมูลการประชุมทางไกลของนักลงทุน

ReNew และ RMG II จะจัดการประชุมทางไกลกับนักลงทุนเพื่อหารือเกี่ยวกับการซื้อขายในวันนี้ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 08.30 น. EST

หากต้องการฟังข้อสรุปทางโทรศัพท์ โทร 1-877-407-9039 (สหรัฐฯ) หรือ 1-201-689-8470 (ระหว่างประเทศ) แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือ การฟังซ้ำทางโทรศัพท์จะมีให้บริการที่หมายเลข 1-844-512-2921 (สหรัฐฯ) หรือ 1-412-317-6671 (ระหว่างประเทศ) รหัสผ่าน: 13716796, ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2564 เวลา 23.59 น. EST

เกี่ยวกับ ReNew Power Private Limited

ReNew Power Private Limited เป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระ (IPP) ชั้นนำของอินเดีย และเป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระที่ใหญ่อันดับ 12 ของโลกในเชิงความสามารถการผลิต ReNew พัฒนา สร้างรรค์ เป็นเจ้าของ และดำเนินโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการบริโภค รวมถึงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตให้กับลูกค้าเชิงพานิชย์และอุตสาหกรรม ณ เดือนธันวาคม ปี 2563, ReNew มีกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วอินเดีย รวมถึงโครงการที่ได้รับมอบหมายรวมเกือบ 10 กิกะวัตต์ บริษัท ReNew มีประวัติการเติบโตที่แข็งแกร่งในด้านอินทรีย์และอนินทรีย์ กลุ่มผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ ReNew ประกอบด้วยนักลงทุนหลายราย ได้แก่ Goldman Sachs, CPP Investments, Abu Dhabi Investment Authority, GEF SACEF และ JERA www.renewpower.in

เกี่ยวกับ RMG Acquisition Corporation II

RMG Acquisition Corporation II (NASDAQ: RMGB) คือบริษัทเช็คเปล่าที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการควบรวมกิจการ การควบรวมบริษัท การแลกเปลี่ยนหุ้น การซื้อสินทรัพย์ การซื้อหุ้น การปรับโครงสร้างองค์กร หรือธุรกิจอื่นที่คล้ายคลึงกัน RMG II ระดมทุนได้ 345 ล้านดอลลาร์ในการเสนอขายหุ้น IPO ในวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากความต้องการจำนวนมาก รวมถึงเสนอตัวเลือกการจัดสรรหุ้นส่วนเกินของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ RMG II ได้รับการสนับสนุนและบริหารโดยทีมผู้บริหารจาก Jim Carpenter, Bob Mancini และ Phil Kassin ซึ่งมีประสบการณ์ร่วมกันกว่า 100 ปีในธุรกิจการลงทุน การดำเนินงาน การซื้อขาย และการเป็น CEO และผู้นำในบอร์ดบริหารของบริษัทมหาชน RMG II จะใช้ความสามารถของทีมผู้บริหารในการชี้เป้า ซื้อกิจการ และดำเนินธุรกิจในหลากหลายภาคส่วนที่สร้างโอกาสผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาว www.rmgacquisition.com/

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการรวมธุรกิจและสถานที่ตั้ง

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจนี้ RMG II ตั้งใจที่จะยื่นคำแถลง/หนังสือชี้ชวนมอบฉันทะขั้นตอนเบื้องต้นและสุดท้ายต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“ ก.ล.ต. ”) คำแถลง/หนังสือชี้ชวนของผู้รับมอบฉันทะเบื้องต้นและสุดท้าย และเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จะถูกส่งหรือมอบให้กับผู้ถือหุ้นของ RMG II ณ วันบันทึกที่กำหนดไว้เพื่อลงคะแนนเสียงในการรวมธุรกิจ และจะมีข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการรวมธุรกิจและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ผู้ถือหุ้นของ RMG II และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ได้รับคำแนะนำให้อ่านหนังสือมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนเบื้องต้น และการแก้ไขใด ๆ แล้วคำชี้แจงการมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนที่เกี่ยวข้องกับการเชิญผู้รับมอบฉันทะของ RMG II สำหรับการประชุมของผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นเพื่ออนุมัติการรวมธุรกิจเนื่องจากคำสั่งมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนจะมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ RMG II, ReNew และการรวมธุรกิจ ข้อความมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนฉบับสุดท้ายจะถูกส่งไปยังผู้ถือหุ้นของ RMG II ณ วันที่บันทึกไว้เพื่อลงคะแนนเสียงในการรวมธุรกิจ ผู้ถือหุ้นยังสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.gov/ หรือส่งคำขอไปที่: RMG Acquisition Corporation II, 50 West Street, Suite 40C , New York, NY 10006, เรียนเลขานุการ, โทรศัพท์: (212) 785-2579 ข้อมูลที่มีอยู่ หรือข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้ เว็บไซต์ที่กล่าวถึงในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ได้รวมไว้ในอ้างอิง และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้

ผู้มีส่วนร่วมในการชักชวน

RMG II, ReNew และผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารตามอาจถือว่ามีส่วนร่วมในการชักชวนผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นของ RMG II ที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจ ผู้ถือหุ้นของ RMG II และผู้ที่สนใจอื่น ๆ สามารถขอรับข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ของ RMG II ได้ในหนังสือชี้ชวนฉบับสุดท้ายของ RMG II ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2563 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสนอขายครั้งแรกของ RMG II (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ภาจใต้กฎของ ก.ล.ต. ที่อาจถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการเชิญชวนมอบฉันทะให้กับผู้ถือหุ้นของ RMG II ที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจจะระบุไว้ในคำชี้แจงตัวแทน/หนังสือชี้ชวนสำหรับการรวมธุรกิจ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประโยชน์ของผู้เข้าร่วมในการชักชวนผู้รับมอบฉันทะที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจจะรวมอยู่ในคำสั่งมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนที่ RMG II ตั้งใจจะยื่นต่อ ก.ล.ต.

แถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความบางอย่างที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อจุดประสงค์ของบทบัญญัติการคุ้มครองความปลอดภัยภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลของสหรัฐอเมริกาปี 1995 โดยทั่วไปข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าจะมาพร้อมกับคำต่าง ๆ เช่น “เชื่อว่า” “อาจ” “จะ” “ประมาณ” “ต่อไป” “คาดการณ์” “ตั้งใจ” “คาดหวัง” “ควร” “จะ” “วางแผน” “คาดการณ์” “ดูเหมือน” “แสวงหา” “อนาคต” “แนวโน้ม” และคำที่คล้ายคลึงกันซึ่งคาดการณ์หรือบ่งชี้เหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคต หรือที่ไม่ใช่ข้อความของเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ข้อความทั้งหมด นอกเหนือจากข้อเท็จจริงปัจจุบันหรืออดีต ที่รวมอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เกี่ยวกับการรวมธุรกิจของ RMG II กับ ReNew ความสามารถของ RMG II ในการซื้อขาย ประโยชน์จากการซื้อขาย และรายได้การดำเนินงานในอนาคตของบริษัท รวมทั้งกลยุทธ์ในอนาคตของบริษัท การดำเนินงานในอนาคต คาดการณ์ตำแหน่งทางการเงิน คาดการณ์รายได้และขาดทุน งบประมาณที่วางแผน อนาคต แผนการ และเป้าหมายของผู้บริหารคือการคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความเหล่านี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะระบุไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้หรือไม่ และตามความคาดหวังในปัจจุบันของผู้บริหารของ RMG II และ ReNew และไม่ใช่การคาดการณ์ประสิทธิภาพที่แท้จริง ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการอธิบายเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็น และต้องไม่ใช้เป็น คำรับรองการรับรองการคาดคะเนหรือคำชี้แจงที่ชัดเจนของข้อเท็จจริงหรือความน่าจะเป็นเหตุการณ์และสถานการณ์จริงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก และจะแตกต่างจากสมมติฐาน เหตุการณ์และสถานการณ์จริงหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของ RMG II หรือ ReNew ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงต่างจากที่แสดงหรือบอกเป็นนัยยะจากแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า รวมถึงแต่ไม่จำกัด การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ สถานการณ์ทางการเงิน การเมือง การตลาด และกฎหมาย การไร้ความสามารถของคู่สัญญาในการรวมธุรกิจได้สำเร็จหรือทันเวลา รวมถึงความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบใด ๆ เกิดความล่าช้า หรืออยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบริษัท หรือผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการรวมธุรกิจ หรือการไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ RMG II หรือ ReNew ความล้มเหลวในการตระหนักถึงประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการรวมธุรกิจ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอนของข้อมูลทางการเงินของ ReNew; จำนวนคำขอไถ่ถอนโดยผู้ถือหุ้นของ RMG II ระดับความต้องการโดยรวมของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์ของ ReNew สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปและปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อความเชื่อมั่น ความชอบและพฤติกรรมของผู้บริโภค การหยุดชะงักและความผันผวนในตลาดสกุลเงิน เงินทุน และสินเชื่อทั่วโลก ความแข็งแกร่งทางการเงินของลูกค้าของ ReNew; ความสามารถของ ReNew ในการใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของรัฐบาล ReNew มีการเรียกร้องการฟ้องร้องดำเนินคดีและการสูญเสียอื่น ๆ การหยุดชะงักและผลกระทบอื่น ๆ ต่อธุรกิจของ ReNew อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และการดำเนินการของรัฐบาลและมาตรการที่เข้มงวดเพื่อตอบสนองความมั่นคงของซัพพลายเออร์ของ ReNew ตลอดจนความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท ในแง่ของการระบาดของโรคและความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น การระบาดของ COVID-19 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกต่อ ReNew และซัพพลายเออร์และลูกค้า ความสามารถของ ReNew ในการปกป้องสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้าและสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ การละเมิดหรือการขัดจังหวะในระบบข้อมูลของ RMG II ความผันผวนของราคา ความพร้อมใช้งาน และคุณภาพของไฟฟ้าและวัตถุดิบอื่น ๆ และผลิตภัณฑ์ที่ทำสัญญาตลอดจนความผันผวนของเงินตราต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษีและหนี้สินภาษี ความเสี่ยงทางกฎหมายข้อบังคับการเมืองและเศรษฐกิจ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อผลงานทางรายได้ของ RMG II หรือ ReNew ในรายงานสาธารณะของ RMG II ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. รวมถึงรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 10-K รายงานประจำไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q และปัจจุบัน รายงานสถานการณ์ปัจจุบันในแบบฟอร์ม 8-K ตลอดจนคำแถลง/หนังสือชี้ชวนของผู้รับมอบฉันทะเบื้องต้นและสุดท้ายที่ RMG II ตั้งใจจะยื่นต่อ ก.ล.ต. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชักชวนของผู้รับมอบฉันทะของ RMG II เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ เหนือสิ่งอื่นใด การรวมธุรกิจหากความเสี่ยงเหล่านี้เกิดขึ้นจริง หรือสมมติฐานของ RMG II หรือ ReNew ไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างจากผลลัพธ์ที่แสดงโดยนัยของข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ อาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติมที่ทั้ง RMG II และ ReNew ไม่ทราบในปัจจุบันหรือว่า RMG II และ ReNew ในปัจจุบันเชื่อว่าไม่มีสาระสำคัญซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปจากที่มีอยู่ในแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า นอกจากนี้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้ายังสะท้อนถึงความคาดหวังแผนหรือการคาดการณ์ของ RMG II และ ReNew ของเหตุการณ์ในอนาคตและมุมมอง ณ วันที่ของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ RMG II และ ReNew คาดการณ์ว่าเหตุการณ์และการพัฒนาที่ตามมาจะทำให้การประเมินเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม RMG II และ ReNew อาจเลือกที่จะอัปเดตข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ณ จุดใดจุดหนึ่งในอนาคต RMG II และ ReNew จะปฏิเสธข้อผูกมัดใด ๆ ในการดำเนินการดังกล่าวโดยเฉพาะ ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ควรใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ในการประเมินของ RMG II หรือ ReNew ณ วันใดก็ตามหลังจากวันที่ของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ดังนั้น ไม่ควรใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่เหมาะสม

ไม่มีข้อเสนอหรือการชักชวน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์ใด ๆ ตามธุรกรรม หรืออื่น ๆ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์ในเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการจดทะเบียนหรือตรวจคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของเขตอำนาจศาลดังกล่าว จะไม่มีการเสนอขายหลักทรัพย์ใด ๆ เว้นแต่ใช้หนังสือชี้ชวนที่เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 2476 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการโฆษณา การเชิญชวน การเสนอขาย หรือการชักชวนให้สมัครสมาชิกหรือซื้อหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขายแบบส่วนตัวหรือสาธารณะในอินเดีย หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรูปแบบพื้นฐาน หรือถูกใช้ในสัญญา คำมั่น หรือการตัดสินใจลงทุนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นในอินเดีย

จะไม่มีการเสนอขายหรือขายหลักทรัพย์ และยังไม่เคยเสนอขายหรือขายในอินเดีย โดยวิธีการเกี่ยวกับเอกสารเสนอขายหรือเอกสารหรือวัสดุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือต่อบุคคลใด ๆ หรือต่อสาธารณะในอินเดีย การสื่อสารหรือบันทึกข้อตกลงการเสนอขายหรือหนังสือชี้ชวนใด ๆ (หรือเอกสารการเปิดเผยข้อมูลที่เทียบเท่า) ที่จัดทำขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์ ไม่ใช่เอกสารคำเสนอซื้อหรือหนังสือเวียนการเสนอขาย หรือ “จดหมายสมัครบุคคลในวงจำกัดพร้อมจดหมายสมัครงาน” หรือ “หนังสือชี้ชวน” ภายใต้พระราชบัญญัติ บริษัท 2556 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดีย (ฉบับที่เกี่ยวกับทุนและข้อกำหนดในการเปิดเผยข้อมูล) ปี 2561 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในอินเดีย ประกาศนี้ยังไม่ได้รับและจะไม่ได้รับการจดทะเบียนเป็น “หนังสือชี้ชวน” รือคำแถลงแทนหนังสือชี้ชวนในส่วนที่เกี่ยวกับข้อเสนอสาธารณะบันทึกข้อมูลหรือ “จดหมายสมัครบุคคลในวงจำกัด พร้อมใบสมัคร” หรือเอกสารเสนอขายอื่นใดกับนายทะเบียน บริษัท ใด ๆ ในอินเดียหรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดียหรือหน่วยงานตามกฎหมายหรือข้อบังคับอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกันในอินเดียบันทึกและยกเว้นข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ซึ่งจำเป็นต้องเปิดเผยหรือยื่นในอินเดียภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้และ จะไม่มีการเผยแพร่หรือแจกจ่ายเอกสารดังกล่าวให้กับบุคคลใดในอินเดีย

ดูต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005431/en/

ReNew Power Private Limited

สำหรับนักลงทุน:

IR@renewpower.in

Caldwell Bailey, ICR Inc.

สำหรับสื่อ:

PR@renewpower.in

Cory Ziskind, ICR, Inc.

RMG Acquisition Corporation II

สำหรับสื่อและนักลงทุน:

Philip Kassin

ประธานและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ

pkassin@rmginvestments.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NVMe™ SSD ล่าสุดจาก Kioxia พร้อมใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ Supermicro PCIe® 4.0 และแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูล

Logo

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe™ SSD ผ่านการรับรองว่าสามารถเร่งประสิทธิภาพการทำงานของแอพพลิเคชันบน Supermicro Systems รุ่นใหม่ได้

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–25 ก.พ. 2564

การเปลี่ยนไปใช้ PCIe® 4.0 ได้ดำเนินอย่างเต็มที่และ Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ  ได้ประกาศว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ KIOXIA CM6 และ โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) CD6 Series PCIe® 4.0 NVM Express™ (NVMe) สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูล ได้รับการรับรองว่าสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Super Micro Computer, Inc. (Supermicro) ที่ใช้ PCIe® 4.0 รวมถึงระบบแร็คเมาท์ที่พร้อมใช้งานสำหรับองค์กรซึ่งประกอบด้วย Ultra, WIO, BigTwin, FatTwin, SuperBlade, 1U/2U NVMe™ all flash arrays, ระบบเร่ง GPU และ SuperWorkstations

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006220/en/

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe™ SSDs (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe ™ SSD (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

ผู้ใช้กำลังเปลี่ยนไปใช้งาน NVMe™ SSD เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพขององค์กร สถาปัตยกรรมศูนย์ข้อมูลบนคลาวด์ และแอพพลิเคชันที่เน้นประสิทธิภาพและการใช้งานแบบ latency-sensitive  ที่ศูนย์กลางของเทรนด์นี้คือความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับหน่วยเก็บข้อมูลที่ใช้ NVMe™โดยที่ PCIe® 4.0 เป็นการอัพเกรดประสิทธิภาพล่าสุดและ SSD CM6 และ CD6 Series ของ Kioxia กำลังมอบความสามารถที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้

ในขณะที่ NVMe™ SSD กำลังเจาะแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น ความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งที่สำคัญ  ความมุ่งมั่นของ Kioxia ในการนำนวัตกรรมมาสู่ลูกค้ารวมถึงการสร้างความมั่นใจว่าการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าจะทำงานได้ตามที่คาดหวังและ Kioxia ได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์เช่น Supermicro เพื่อให้ได้มาซึ่งการทำงานที่เหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง:

* KIOXIA CM6 Enterprise SSD: https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/enterprise-ssd.html#cm6

* KIOXIA CD6 Data Center SSD: https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/data-center-ssd.html#cd

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* NVMe และ NVM Express เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* Supermicro, BigTwin, FatTwin และ SuperBlade เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Super Micro Computer, Inc. หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษั นั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ โดยทุ่มเทให้กับการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD)  ในเดือนเมษายน 2560 Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530  Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและมีคุณค่าต่อสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia คือ BiCS FLASH™ โดยกำลังกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลในแอพพลิเคชั่นความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
Sales Promotion Division (ฝ่ายส่งเสริมการขาย)
โทร: + 81-3-6478-2427

https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006220/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน:

Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division (ฝ่ายกลยุทธ์การขาย)
Koji Takahata
โทร: + 81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive และ Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังประกาศเรื่องการประชุมสุดยอด Digital Winter Style and Beauty Summit

Logo

การประชุมจะเป็นการรวมตัวกันของผู้นำในอุตสาหกรรมสไตล์และความงาม เพื่อพูดคุยเรื่องแฟชั่น ความงาม และการเป็นผู้ประกอบการ

ซีแอตเติล และ ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–24 ก.พ. 2564

Glamhive ประกาศการประชุมออนไลน์ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 การประชุมสุดยอด Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit (การประชุมสุดยอดสไตล์ฤดูหนาวด้านความงามออนไลน์)  จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำตั้งแต่ Cindy Eckert สไตลิสต์ของ Kristen Bell ที่กลายมาเป็นเป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเหล่าผู้นำด้านนวัตกรรมจะพูดคุยเกี่ยวกับแฟชั่น ความงาม การเป็นผู้ประกอบการและอื่น ๆ ซึ่ง Stephanie Sprangers และ Nicole Chavez จะร่วมเป็นเจ้าภาพในงานนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

The Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit will bring together top fashion and beauty leaders (Graphic: Mary Kay Inc.)

งานประชุม Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำมาไว้ด้วยกัน (กราฟฟิค: Mary Kay Inc. )

“ฉันชอบที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดด้านสไตล์และความงามของ Glamhive โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ การประชุมสุดยอดจะก่อให้เกิดความรู้สึกของความกลมเกลียวเป็นชุมชน ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสิ่งที่ขาดไปในโลกของนักทำงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ฉันยังได้ทำความรู้จักสร้างคอนเนคชันกับศิลปินคนอื่น ๆ เรื่อยมา” Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังกล่าว Nicole เป็นหนึ่งในสไตลิสต์ที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในปัจจุบัน ลูกค้าของเธอรวมถึงดาราระดับ A-List อาทิเช่น Kristen Bell, Rachel Bilson, Jessica Simpson, Ellie Bamber, Scarlett Johansson, Catherine Zeta-Jones และอื่น ๆ อีกมากมาย ผลงานของเธอได้รับการนำเสนอในสิ่งพิมพ์หลายฉบับรวมถึง W, InStyle และ Harper's Bazaar

“วิสัยทัศน์ของ Glamhive คือการให้สร้างประโยชน์จากการทำงานร่วมกับสไตลิสต์ส่วนตัวที่มีให้กับทุกคนทุกที่ ส่วนงานดิจิทัลต่าง ๆ ของเราก็ถือเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยม สิ่งดี ๆ ที่เกิดจากวิกฤตปีที่ผ่านมาก็คือการที่เราสามารถนำการประชุมสุดยอดด้านสไตล์ของเราไปสู่โลกดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ทุกคนในทุก ๆ ที่สามารถพบปะและเรียนรู้จากสิ่งที่ดีที่สุดในธุรกิจได้” Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Glamhive กล่าว โดย Sprangers เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Glamhive ซึ่งเป็นบริการจัดแต่งสไตล์ส่วนตัวออนไลน์ที่นำเสนอสไตลิสต์ส่วนตัวและช่างแต่งหน้าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับคัดเลือกโดยตรงจากฮอลลีวูดและอินสตาแกรมให้กับทุกคน โดย Glamhive ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทซึ่งช่วยให้สไตลิสต์สามารถแนะแนวทางให้แก่ลูกค้าผ่านประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมแบบออนไลน์ได้ 100% ทำให้ผู้คนสามารถทำงานกับสไตลิสต์ได้ทุกที่ในโลก

ตั๋วสำหรับกิจกรรมตลอดทั้งวันจะทำให้คนเข้าถึงวิทยากรกว่า 60 ท่าน ด้านล่างนี้แสดงภาพรวมของหัวข้อบางส่วนที่วิทยากรระดับ All-Star นี้จะได้พูดถึง

ภาพรวมของหัวข้อ:

ประกอบด้วยสองแทร็ก และ 22 เซ็กเมนท์ ภาพรวม:

  • สไตล์สำหรับพรมแดง: สร้างช่วงเวลาแบบไอคอน
  • แนวโน้มปี 2021: สไตล์หลังโควิด
  • การเอาชนะเกมสไตล์วินเทจ คือ อาวุธลับของคุณ
  • คู่มือสไตลิสต์: จะสร้างสไตล์ทีดีที่สุดในชีวิตได้อย่างไร
  • Beauty Boss Babe: บทสัมภาษณ์กับ Jamie Kern Lima
  • สุดยอดคำแนะนำสำหรับผม “แบบง่าย ๆ “
  • เข้าสังคมกันเถอะ: เทรนด์ความงาม Instagram และ TikTok ที่ดีที่สุด
  • โหราศาสตร์แห่งแฟชั่น กับ Susan Miller
  • มากกว่าที่ตาเห็น: เสื้อผ้าของคุณบอกอะไรเกี่ยวกับคุณ
  • ROI ของสไตล์: การแต่งตัวให้ดีสร้างความคุ้มค่าแค่ไหน
  • ฉันสร้างสิ่งนี้ได้อย่างไร: ขอคำแนะนำที่ดีจากผู้หญิงที่ก้าวสู่จุดสูงสุด

วิทยากร:

วิทยากร ได้แก่ สไตลิสต์คนดัง ช่างแต่งหน้า ผู้สร้างอิมเมจที่ทำงานกับบุคคลชื่อดังในฮอลลีวูดและอีกมากมาย รวมถึง

Angelina Jolie, Serena Williams, Mandy Moore, Sarah Jessica Parker, Kristen Bell, Khloe Kardashian, Robert Downey Jr., Keanu Reeves, Sharon Stone, Miranda Lambert, Julianne Moore และอีกมากมาย

สไตลิสต์คนดัง:

Nicole Chavez, Jill + Jordan, Jeanne Yang, Jennifer Rade, Tara Swennen, Janelle Miller, Lindsey Dupuis, Tiffany Gifford, Kesha McLoud, และ Sonia Young.

ช่างแต่งหน้า + ช่างทำผมที่มีชื่อเสียง:

Tommy Buckett, Todd Harris, Diana Madison, Danny Moon, AJ Crimson และ Helen Reavey.

ผู้ประกอบ การนักออกแบบ และผู้นำทางธุรกิจ:

Claire Sulmers (Fashion Bomb Daily), Hillary Kerr (WhoWhatWear), Tara Rudes Dann (L'Agence), Steven Dann (Designer), Cindy Eckert (The Pink Ceiling Fund), Helen Ravey (Act+Acre), Cassandra Cadwell (Violet Grey), Michelle Waugh (Designer), Clarissa Egana (Port De Bras), Amy Rosoff Davis (Celebrity Trainer), Jamie Kern Lima (IT Cosmetics).

โมเดอเรเตอร์:

Brian Underwood (O Magazine), Brooke Jaffe (Penske Media), Pandora Amoratis (Daily Mail), Andrea Lavanthal (PEOPLE), Robin Nazzaro (O Magazine), Alexis Bennett (Vogue) and Kibwe Chase-Marshall (The Kelly Initiative).

ตั๋วเข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งวันราคา 149 ดอลลาร์ ผู้สนับสนุนการนำเสนอของ Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit ได้แก่ Mary Kay Inc. และ Mary Kay Global Design Studio

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.glamhive.com/upcoming.

เกี่ยวกับ Glamhive

Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดย Stephanie Sprangers ผู้ประกอบการในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้การตกแต่งเสริมสไตล์เข้าถึงปัจเจกชน และยังมีหลักการว่า ความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับความเย้ายวนใจไม่ควรเป็นเฉพาะของคนรวยและคนดังเท่านั้น

ประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่สามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อ WiFi ได้พบกับสไตลิสต์ที่จะให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อสร้างเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขา แพลตฟอร์ม Glamhive เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ไร้รอยต่อสำหรับสไตลิสต์ เพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจของพวกเขาได้บนโลกออนไลน์ 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 57 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่ MaryKay.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

Stephanie Sprangers, ผู้ก่อตั้ง + ซีอีโอ, Glamhive

stephanie@glamhive.com

+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






OAG และ IATA เสริมสร้างความร่วมมือด้านข้อมูลเพื่อต่อสู้กับความผันผวนของตลาดและการกำหนดการ

Logo

ข้อมูลที่ครอบคลุมจัดทำโดยระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ของ OAG เพื่อช่วยขับเคลื่อนเครื่องมือตลาดอัจฉริยะ Airport IS ของ IATA

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–24 กุมภาพันธ์ 2564

OAG ผู้ผู้ให้บริการข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ตกลงเป็นพันธมิตรกับ International Air Transport Association (IATA) เพื่อจัดหากำหนดการและข้อมูลอ้างอิงผ่านระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้นำการบินทั้งสอง OAG จะจัดหาเครื่องมือวิเคราะห์ชั้นนำของตลาดให้กับ IATA ซึ่งจะนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของรายการทั้งหมดควบคู่ไปกับ Airport IS และเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ต่อไปในอนาคต

การสร้างขึ้นบนระบบคลาวด์แพลตฟอร์ม Snowflake การจัดหาข้อมูลอ้างอิง และการกำหนดเวลา ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลตารางเวลาเวอร์ชันที่สมบูรณ์และใหม่ที่สุดที่มีอยู่ในตลาด

 “ผลกระทบอย่างต่อเนื่องของ COVID-19 ส่งผลต่อความผันผวนของการคมนาคม ทำให้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ของเราด้วยข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด” Charles de Gheldere ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลการบินของ IATA กล่าว “ความร่วมมือที่แข็งแกร่งของเรากับ OAG ช่วยจัดหาข้อมูลที่ใหม่และถูกต้องให้กับลูกค้าในสนามบิน และระบบแพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่มีนวัตกรรมที่สูง ทันสมัยและยืดหยุ่น ข้อเสนอ IATA และ OAG ที่รวมกันช่วยให้สนามบินทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่นำทางในช่วงเวลาที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุดในช่วงหนึ่งในอุตสาหกรรมของเรา”

Phil Callow ประธานบริหารของ OAG กล่าวเสริมว่า “เทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ของเราช่วยให้ปรับตัวเข้ากับความผันผวนของตลาดที่กำลังดำเนินอยู่ได้ โดยการส่งมอบข้อมูลเวอร์ชันที่เหมาะสมที่สุดสู่มือของลูกค้าโดยตรง ความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของเรากับ IATA และการลงทุนในระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ของเราถือเป็นขั้นตอนล่าสุดในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด”

การเป็นพันธมิตรแบบระยะหลายปีมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2564 และนับเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนากับทั้งสององค์กร

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ในการใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อขับเคลื่อนโลกแห่งการเดินทางคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472

OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรมีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: www.oag.com และสามารถติดตามเราทาง Twitter ได้ที่ @OAG Aviation

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210224005505/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Caroline Mather, Marketing Director, OAG
Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Jellyfish เข้าซื้อกิจการ 5 บริษัท เร่งการขับเคลื่อนการขยายตัวทั่วโลกด้วยความสามารถทางดิจิทัลใหม่ ๆ

Logo

Jellyfish ขยายฐานรากระดับโลกด้วยข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ที่ถูกปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยข้อเสนอใหม่ในด้านอีคอมเมิร์ซ การสร้างเนื้อหา ความคิดสร้างสรรค์ และการปรับให้เข้ากับท้องถิ่น (localization)

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–23 ก.พ. 2564

Jellyfish พันธมิตรด้านการตลาดดิจิทัลของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิเช่น Samsung, Uber, Nestle, Deckers, Spotify และ eBay ได้ประกาศถึงการเข้าซื้อกิจการ 5 บริษัท ซึ่งแต่ละแห่งเป็นผู้นำในด้านพื้นที่ดิจิทัลซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี โดยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Jellyfish เกิดขึ้นจากบริบทของการร่วมมือกัน และการต้องการแก้ปัญหาที่อุตสาหกรรมเอเจนซี่แบบเดิมต้องเผชิญ ทั้งนี้เป็นเพราะความสามารถของบริษัทจะขึ้นอยู่กับการช่วยเหลือแบรนด์ต่างในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล การขยายตัวของ Jellyfish เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการก่อนหน้านี้ ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่จาก Fimalac Group ในปี 2562 อนึ่ง บริษัท Jelly Fish เป็นตัวแทนของธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่บริการด้านเอเจนซี่จะถูกรวมกับการให้คำปรึกษา การฝึกอบรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า บริษัท Jellyfish ซึ่งเปิดตัวในปี 2548 ได้กลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรไม่กี่แห่งของ Google Marketing Platform ที่ได้รับการคัดเลือกมาจากบริษัททั่วโลก โดยมีการเติบโตเฉลี่ย 45% ต่อปีอย่างต่อเนื่องในช่วงแปดปีที่ผ่านมา

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005716/en/

Rob Pierre, Chief Executive Officer, Jellyfish (Photo: Business Wire)

Rob Pierre, ซีอีโอของ Jellyfish (ภาพ: Business Wire)

การคาดการณ์ของ eMarketer ในปัจจุบันระบุว่าการใช้จ่ายด้านโฆษณาสื่อทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึง 6 แสนล้านในปี 2564 ดังนั้นเพื่อให้มีความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดที่สูงและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสื่อ บริษัทต่าง ๆ จะต้องรีบฉวยโอกาสจากภูมิทัศน์ดิจิทัลที่กำลังอิ่มตัว พร้อมกับให้การสื่อสารที่ราบรื่นและสอดคล้องในทุกช่องทางและจุดติดต่อ  การเร่งตัวของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลเพื่อตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ มีความต้องการมากขึ้นที่จะร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ที่สามารถช่วยนำทางและตอบสนองความท้าทายในการขับเคลื่อนการเติบโตและความยั่งยืน

“ภารกิจของเราคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าของเรามีทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นในการรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มที่และบรรลุผลลัพธ์ที่อยู่เหนือทุกความคาดหวัง นับจากหนึ่งปีแห่งการหยุดชะงักและการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในการตลาดดิจิทัลที่ผ่านมา Jellyfish เติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลกและได้เข้าสู่ตลาดใหม่ในออสเตรเลียและเม็กซิโกและมีการเพิ่มความรับรู้ของแบรนด์มากขึ้นในฝรั่งเศส บราซิล และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถและมุ่งหาทรัพยากรบุคคลหน้าใหม่ที่โดดเด่นทั่วโลก บริษัทมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาและการปรับให้เข้ากับท้องถิ่น (localization) งานด้านอีคอมเมิร์ซ ความคิดสร้างสรรค์ และการเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูล” Rob Pierre CEO ของ Jellyfish กล่าว “การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันความโดดเด่นและการเติบโตในตลาด เราเชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรืออยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับลูกค้าของเรา” Pierre กล่าวเสริม

“การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้นำมาซึ่งการปรับปรุงที่มีประสิทธิภาพให้กับกลุ่มบริการของเราโดยการขยายความเชี่ยวชาญเชิงลึก การเข้าถึงทางภูมิศาสตร์และข้อเสนอของเราในหลายทวีปและภูมิภาค” Chris Lee, ซีโอโอ จาก Jellyfish กล่าว

ความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นด้านเทคโนโลยี:

Seelk

ซอฟต์แวร์และการให้ปรึกษาสำหรับ Amazon Marketplace

Splash

เทคโนโลยีและบริการที่สร้างสรรค์พร้อมการแปลทั่วโลก

Quill

เนื้อหาประสิทธิภาพระดับโลกสำหรับอีคอมเมิร์ซ

Webedia Brand Services

การทำ Gamification เนื้อหาข้อมูล บริการเทคโนโลยี และกลยุทธ์ข้อมูลระดับองค์กร

การขยายตัวทั่วโลก:

Data Runs Deep – ออสเตรเลีย

การให้คำปรึกษา การนำไปใช้ และการฝึกอบรมสำหรับโซลูชันข้อมูล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่ Jellyfish ซื้อกิจการคลิก ที่นี่

การเข้าซื้อกิจการล่าสุดอื่น ๆ ที่ขยายขอบเขตทั่วโลกของเรา:

Reamp – บราซิล

การตลาดแบบเป็น programmatic marketing,  มาร์เกตติ้งอัตโนมัติ (marketing automation) และ digital campaign performance (ได้มา ณ H2 ปี 2563)

San Pancho – เม็กซิโกและโคลอมเบีย

ความสามารถด้านการตลาดดิจิทัลแบบเต็มช่องทางและความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ (ได้มา ณ H2 ปี 2563)

เกี่ยวกับ Jellyfish

Jellyfish ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Fimalac Group ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกในด้านการตลาดดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ชั้นนำของโลก เช่น Samsung, Uber, Nestle, Orange, Spotify และ eBay โดย Jellyfish เป็นธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่มีการรวมบริการด้านเอเจนซี่เข้ากับการให้คำปรึกษาการฝึกอบรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยการมีพนักงานมากกว่า 2,000 คนในสำนักงาน 40 แห่งทั่วโลกและด้วยการขยายขอบเขตต่อไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ Jellyfish ตั้งเป้าที่จะเป็นพันธมิตรระดับโลกตัวเลือกแรกสำหรับความต้องการด้านดิจิทัลสำหรับทุก ๆ แบรนด์  Jellyfish เปิดตัวในปี 2548 และกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่พันธมิตรทางการตลาดของ Google ที่มีการจัดการทั่วโลกที่ถูกคัดเลือกมา ทั้งนี้ Jellyfish ซึ่งมีการเติบโตโดยเฉลี่ย 45% ต่อปีอย่างต่อเนื่องในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ภูมิใจที่ได้อยู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลของโลก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005716/en/

สำหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ

Julia Angelen Joy, Media Frenzy Global

julia@mediafrenzyglobal.com

208.996.9844

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

HanesBrands ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบริษัท ที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกประจำปี 2564

Logo

การสมัครครั้งแรกกับ Ethisphere ทำให้บริษัทได้อยู่ในรายชื่อ 135 บริษัททั่วโลกที่ได้รับการยอมรับในการดำเนินธุรกิจที่มีจริยธรรม

วินสตัน-ซาเลม นอร์ทแคโรไลนา–(บิสิเนสไวร์)–23 ก.พ.2564

HanesBrands (NYSE: HBI) ผู้นำด้านการตลาดที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นผู้นำระดับโลกด้านเครื่องแต่งกายพื้นฐานในชีวิตประจำวันได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งใน บริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกปี 2563 โดย Ethisphere ผู้นำระดับโลกในการกำหนดและพัฒนามาตรฐานของธุรกิจที่มีจริยธรรม

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005687/en/

HanesBrands เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องแต่งกายเพียงสองรายที่ได้รับการยอมรับจาก 135 บริษัทใน 22 ประเทศและ 47 อุตสาหกรรม  กระบวนการประเมินของ Ethisphere ประกอบด้วยคำถามมากกว่า 200 ข้อเกี่ยวกับวัฒนธรรม การปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม กิจกรรมด้านจริยธรรม และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การกำกับดูแล ความหลากหลาย และการริเริ่มเพื่อสนับสนุนห่วงโซ่คุณค่าที่แข็งแกร่ง ในปีนี้ Ethisphere ยังได้ประเมินว่าความสามารถของผู้สมัครในการปรับตัวและตอบสนองต่อการระบาดด้านสุขภาพทั่วโลก ความปลอดภัย ความเสมอภาคและการไม่แบ่งแยก และความยุติธรรมในสังคม

“เรามีความมุ่งมั่นอย่างมากในการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบและเราภูมิใจมากที่ได้รับการยอมรับจาก Ethisphere” ซีอีโอก Steve Bratspies ล่าว “รางวัลนี้เป็นผลมาจากพนักงาน 61,000 คนทั่วโลกที่มุ่งมั่นที่ดำเนินธุรกิจของเราในทางที่ถูกต้อง  ผู้บริโภครับรู้ได้ว่าเมื่อเขาเลือกเครื่องแต่งกายของเราพวกเขากำลังเลือกบริษัทที่มุ่งมั่นอย่างยิ่งต่อความยั่งยืน”

HBI มีความมุ่งมั่นมายาวนานในการเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจที่มีจริยธรรม  เมื่อเร็วๆ นี้ ทางบริษัทได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศเป็นปีที่สองโดย Barron's และได้รับคะแนนระดับผู้นำ A หลังจากสองปีที่ได้รับคะแนน A- ในรายงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ CDP 2020  HBI ยังเป็นบริษัทเครื่องแต่งกายเพียงแห่งเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัล Energy Star Sustained Excellence จากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา

ในเดือนตุลาคมปี 2563 HBI ได้ประกาศเป้าหมายด้านความยั่งยืนทั่วโลกสำหรับปี 2573 ซึ่งรวมถึงความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมที่อิงวิทยาศาสตร์ เป้าหมายในการปรับปรุงชีวิตของผู้คนอย่างน้อย 10 ล้านคน และการใช้พลาสติกและวัตถุดิบที่ยั่งยืนในผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์  เป้าหมายดังกล่าวเปิดตัวผ่านเว็บไซต์ด้านความยั่งยืนใหม่ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มความโปร่งใสของบริษัทและการรายงานเกี่ยวกับตัวชี้วัดที่สำคัญ รวมถึงความหลากหลาย เกณฑ์มาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน และการประเมินความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน

“ในขณะที่เรารับมือกับความท้าทายที่ยากลำบากในปี 2563 เราได้เห็นบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้นำเหนือสถาบันอื่นๆ ในการได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผ่านความยืดหยุ่นและความมุ่งมั่นในจริยธรรมและความซื่อสัตย์” Timothy Erblich CEO ของ Ethisphere กล่าว “บริษัท ที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ในการมอบคุณค่าสูงสุดและการส่งผลดีต่อชุมชนที่พวกเขาให้บริการ  ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ HanesBrands ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลก”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดของโลกและความมุ่งมั่นที่จะHanesBrand รับผิดชอบ

สถาบัน Ethisphere Institute

Ethisphere® Institute เป็นผู้นำระดับโลกในการกำหนดและพัฒนามาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่มีจริยธรรมขององค์กร ความไว้วางใจในตลาด และความสำเร็จทางธุรกิจ  Ethisphere มีความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการวัดและกำหนดมาตรฐานจริยธรรมโดยใช้ข้อมูลเชิงลึกซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถปรับปรุงลักษณะขององค์กร วัดผล และปรับปรุงวัฒนธรรมของตน  Ethisphere ยกย่องความสำเร็จที่เหนือกว่าผ่านโครงการยกย่องบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกและมอบชุมชนผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมด้วย Business Ethics Leadership Alliance (BELA) ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ethisphere ได้ที่: https://ethisphere.com

HanesBrands

HanesBrands ซึ่งตั้งอยู่ในวินสตัน-ซาเลม นอร์ทแคโรไลนาเป็นผู้ขายชุดชั้นในและเครื่องแต่งกายพื้นฐานในชีวิตประจำวันในอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียแปซิฟิกชั้นนำที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม  บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เครื่องแต่งกายได้แก่ Hanes, Champion, Bonds, Maidenform, DIM, Bali, Playtex, Bras N Things, Nur Die/Nur Der, Alternative, L’eggs, JMS/Just My Size, Lovable, Wonderbra, Berlei และ Gear for Sports  บริษัทจำหน่ายเสื้อยืด ยกทรง กางเกงชั้นใน ชุดชั้นใน ถุงเท้า ชุดชั้นใน และชุดแอคทีฟที่ผลิตในห่วงโซ่ทุนต่ำระดับโลก บริษัทอยู่ใน Fortune 500 และเป็นสมาชิกของดัชนีหุ้น S&P 500 (NYSE:HBI) Hanes มีพนักงานประมาณ 61,000 คนในกว่า 40 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.Hanes.com/corporate และห้องแถลงข่าวที่ https://newsroom.hanesbrands.com/ เชื่อมต่อกับบริษัทผ่านโซเชียลมีเดีย: Twitter (@hanesbrands), Facebook (www.facebook.com/hanesbrandsinc), Instagram (@hanesbrands) และ LinkedIn (@Hanesbrandsinc)

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005687/en/

ติดต่อ:

Carole Crosslin
(336) 671-3704
carole.crosslin@hanes.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks ช่วยศูนย์ข้อมูลในการทำลายอุปสรรคด้านความปลอดภัย

Logo

X8180 ที่ในรูปแบบของ 3U ฟอร์มแฟคเตอร์ มอบประสิทธิภาพการทำงานที่สูง บริการด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพโดยรวม

ซานตาคลาร่า, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–24 ก.พ. 2564

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านความปลอดภัยเครือข่ายระดับองค์กรและโซลูชันการจัดการความเสี่ยง ได้ประกาศเกี่ยวกับความสำเร็จแบบกระโดดในด้านความปลอดภัยของศูนย์ข้อมูลด้วยผลิตภัณฑ์ Hillstone Networks X8180 นับจากวันนี้ลูกค้าจะสามารถรักษาความปลอดภัยเครือข่ายของตนด้วยประสิทธิภาพที่มากขึ้นแต่ใช้พลังงานที่ลดลง พร้อม ๆ ไปกับการเพิ่มขึ้นด้านความเสถียร ความสามารถในการปรับขนาด และความสามารถในการปรับแต่งที่อยู่ในรูปแบบของฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็ก

ภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยในปัจจุบันมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการทำงานทางไกล การย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ การแพร่กระจาย IoTและ การเพิ่มขึ้นของพื้นที่สำหรับการโจมตี

“ความปลอดภัยยังคงเป็นปัญหาอันดับ 1 ขององค์กร มันเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยให้กับศูนย์ข้อมูล แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าในปัจจุบัน” Tim Liu, CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าว “ เรารับฟังลูกค้าของเราและภูมิใจที่จะนำเสนอ x8180 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งที่ราคาไม่สูง”

X8180 ตัวนี้ได้ลด CAPEX และ OPEX ลง แต่ไม่ลดทอนคุณสมบัติระดับองค์กร ส่วนการใช้ 3RU ทำให้ได้ปริมาณงานต่อ RU ที่สูง และใช้พลังงาน  Gbps ต่ำต่อปริมาณงาน โดยมีสัดส่วนพลังงานต่อปริมาณงานอยู่ที่ 2.9  เมื่อใช้ระดับพลังงานภายใต้การใช้พลังงานสูงสุดที่ 1000W จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ให้บริการองค์กรขนาดใหญ่ รัฐบาล และเครือข่ายผู้ให้บริการ ทั้งนี้ X8180 มีวางจำหน่ายทั่วไปอย่างเต็มรูปแบบ และรองรับระบบเสมือนจริงจำนวนมาก และมาพร้อมกับคุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบเพื่อปกป้องเครือข่ายศูนย์ข้อมูล

จุดเด่น

  • ขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพสูง: ปริมาณงานต่อหน่วยเวลา หรือ throughput อยู่ที่ 450 Gbps; 130 ล้านเซสชันพร้อมกัน และ 2.5 ล้านเซสชันใหม่ / วินาที
  • ขยายและปรับเปลี่ยนได้: อินเทอร์เฟซ 10/100GE พร้อมรองรับ 25/40GE ใช้งานได้กับระบบเสมือนมากถึง 1,000 ระบบ อาทิเช่น dual-stack, tunnel, DNS64 / NAT64 เป็นต้น
  • Intelligence2: สถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นรองรับ SDS สามารถป้องกัน Botnet C&C ช่วยให้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มคลาวด์อย่างราบรื่น

ข้อมูลเพิ่มเติม

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ทั้งหมดสำหรับ Hillstone X8180 ได้ ที่นี่

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันการรักษาความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงของเครือข่ายองค์กรของ Hillstone Networks ได้มอบการมองเห็นข้อมูลข่าวกรองและการป้องกัน เพื่อทำให้แน่ใจว่าองค์กรต่าง ๆ สามารถสังเกตเห็นและเข้าใจภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทั่วถึง และสามารถดำเนินการตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันของ Hillstone ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลก สามารถครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรตั้งแต่ระดับแนวหน้าไปจนถึงระบบคลาวด์ และยังสามารถช่วยลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของอีกด้วย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมไปที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

Zeyao Hu

ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

inquiry@hillstonenet.com

การจัดประชุมสัมมนาออนไลน์ (Online Symposium) โดย JETRO – สังคมแห่งอนาคตหลังจากความคาดหวังจากการระบาดใหญ่สำหรับงานเอ็กซ์โป 2568 และศักยภาพของภูมิภาคคันไซ โอซาก้า

Logo

โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–20 กุมภาพันธ์ 2564

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และสมาคมญี่ปุ่น เพื่องานแสดงสินค้าโลกปี 2568 จะมีการจัดงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อเรื่อง “Future Society after the Pandemic, EXPO 2025 และ the Potential of the Osaka Kansai Region” ในวันที่ 3 มีนาคม 2564 นี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210219005225/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ยังกลายเป็นความท้าทายที่สำคัญระดับโลก ในการประชุมสัมมนาครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะร่วมหารือกันว่า งาน  EXPO 2025 Osaka Kansai สามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร

ในส่วนแรกการประชุมสัมมนาร่วมทบทวนบทบาทและความสำคัญของงาน EXPO 2025 Osaka Kansai นอกเหนือจากการคาดการณ์ในอนาคตอันใกล้หลังจากการระบาดของโควิด-19 ส่วนที่สองจะเน้นไปที่ระบบนิเวศและฟังก์ชันนวัตกรรมของภูมิภาคคันไซ

รายละเอียดของงาน

วันที่: วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 เวลา 14:00-16:30 น. ตามเวลาของประเทศญี่ปุ่น (JST)
สถานที่: ออน์ไลน์ (การไลฟ์สตรีมมิ่งผ่าน Zoom)
ภาษา: ญี่ปุ่น อังกฤษ (การล่ามแบบพูดพร้อม)
ผู้จัดงาน: องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) สมาคมญี่ปุ่นเพื่องานแสดงสินค้าโลกปี 2568
ผู้ร่วมจัดงาน: สำนักงานเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมคันไซ
การลงทะเบียน: จากเว็บไซต์ (https://www.jetro.go.jp/en/events/20210303.html)

วาระการประชุม:

[กล่าวเปิดงาน]

Hiroyuki Ishige เลขาธิการ สมาคมญี่ปุ่นเพื่องานนิทรรศการโลกปี 2568 (Secretary-General, Japan Association for the 2025 World Exposition)

Nobuhiko Sasaki ประธานกรรมการและประธานบริหาร JETRO (Chairman and CEO, JETRO)

[คำปราศรัย]

“อนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ – ความร่วมมือคือทางออก” 

Richard Baldwin ศาสตราจารย์ คณะเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ สถาบันการศึกษา Graduate เจนีวา (Professor of International Economics, Graduate Institute, Geneva)
“สังคมแห่งอนาคต และงานเอ็กซ์โป 2568 โอซาก้า คันไซ” (“Future Society and EXPO 2025 Osaka Kansai”)

Hiroshi Ishiguro ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโอซาก้า และ ATR Intelligent Robotics and Communication Laboratories

[การนำเสนอและการอภิปราย]

งานนำเสนอ 1 เรื่อง: “นวัตกรรมและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)”

Jonas Svensson หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก UNOPS (Head of Global Innovation and Technology, UNOPS)

งานนำเสนอ 2: “แบบจำลอง Living Laboratory เพื่อร่วมสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืน” 

Matt van Leeuwen ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรม บริษัท SUNWAY Group (Chief Innovation Officer, SUNWAY group)

การอภิปราย: “ ในฐานะแพลตฟอร์มนวัตกรรมแบบเปิด ภูมิภาคคันไซจะร่วมมือกับสังคมโลก และมีส่วนช่วยในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ได้อย่างไร 

ผู้ร่วมอภิปราย:

-Yasuo Kitaoka ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สำนักงาน Co-creation มหาวิทยาลัยโอซาก้า (Executive Assistant to the Director, Co-creation Bureau, Osaka University) ผู้อำนวยการแผนกนวัตกรรม (Director, Innovation Division)

-Yoshimasa Sakai ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์ สมาคมญี่ปุ่นเพื่องานแสดงสินค้าโลกปี 2568 (Director-General of Public Relations Strategy Bureau, Japan Association for the 2025 World Exposition)

-Jonas Svensson หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก UNOPS (Head of Global Innovation and Technology, UNOPS)

-Chikara Takagishi  ผู้จัดการทั่วไปอาวุโสฝ่ายบริหารเมือง บริษัท Hankyu Hanshin Properties Corp. (Senior General Manager of Urban Management Division, Hankyu Hanshin Properties Corp.)

-Shogoro Fujiki ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท Biome Inc. (Founder & CEO, Biome Inc.)

[กล่าวปิดงาน]

Takeshi Yonemura ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมคันไซ (Director-General, Kansai Bureau of Economy Trade and Industry)

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210219005225/en/

ติดต่อ:

JETRO Osaka
Toyokazu Fukuyama
อีเมล์: osc@jetro.go.jp
โทร: +81-6-4705-8604 (9:00-17:00 น. วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการของญี่ปุ่น)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Guru IoT พัฒนาวีลแชร์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยตัวเองแบบดิจิทัลสำหรับผู้ด้อยโอกาส

Logo

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–22 กุมภาพันธ์ 2564

Guru IoT (ประธาน Song Su-han) ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Internet-of-Things จากเกาหลีกล่าวว่า ขณะนี้พวกเขากำลังพัฒนาระบบเคลื่อนที่อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยใช้ข้อมูลแผนที่ดิจิทัลแฝด หรือ digital-twin map data

เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งใช้ในการเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นใช้เซ็นเซอร์ LiDAR เพื่อสร้างแผนที่แบบเรียลไทม์จึงไม่สามารถผลิตขึ้นสำหรับตลาดมวลชน (mass market) ได้ แต่รถวีลแชร์แบบขับเคลื่อนด้วยตนเองที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลแผนที่ 3 มิติแบบดิจิทัลซึ่งอยู่ภายใต้การพัฒนาของ Guru IoT ได้ใช้เทคโนโลยีในการซิงโครไนซ์ข้อมูลแผนที่ที่เซิร์ฟเวอร์จัดเก็บภายในช่วงเวลาหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ซึ่งสามารถใช้แทนที่ข้อมูลเซ็นเซอร์ พร้อม ๆ ไปกับการปรับปรุงความแม่นยำในการขับขี่ด้วยตนเองด้วยการปรับเปลี่ยนข้อมูลเซ็นเซอร์

วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ Guru IoT สามารถนำทางผ่านฝูงชนหรือสิ่งกีดขวางทางกายภาพได้โดยการลดความเร็ว การหลีกเลี่ยงอุปสรรค และการหยุด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเช่นฟังก์ชั่นป้องกันการสั่นสะเทือนและการพลิกคว่ำที่ไม่มีในรถเข็นไฟฟ้าอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น รถเข็นหุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองสามารถรักษาความเร็วคงที่บนทางลาดชันโดยการให้คนขับดึงด้วยสองมือ หากผู้ขับขี่สูญเสียการยึดเกาะรถเข็นจะหยุดเอง

วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้เพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ เช่นการบำรุงรักษาระยะปลอดภัยการเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเบรกฉุกเฉินและสัญญาณเตือนการทำงานผิดปกติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยตนเองตามที่กระทรวงที่ดินและการขนส่งเสนอ ตลอดจนการตรวจสอบเส้นทางผ่านข้อมูลที่ซิงโครไนซ์กับเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย

Song Su-han ประธาน Guru IoT กล่าวว่า“ วีลแชร์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของเราเป็นตัวอย่างที่สำคัญในการแสดงให้เห็นว่าหุ่นยนต์และมนุษย์สามารถทำงานร่วมกันได้ดีจากมุมมองด้านการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ พวกเราที่ Guru IoT จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้นด้วยการผสมผสานแนวคิดดี ๆ เข้ากับเทคโนโลยีที่เรากำลังพัฒนาอยู่ “

ติดต่อ:

Guru IoT Co., Ltd.

Seongsu Yeo

+82-2-6953-9610

ssyeo@guruiot.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย