All posts by Jasmine

Illumina ได้รับการขนานนามว่าเป็นนายจ้างที่ดีที่สุดรายหนึ่งของสิงคโปร์

Logo

ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นที่พนักงาน

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–13 เม.ย. 2564

Illumina, Inc. ประกาศในวันนี้เป็นปีที่สองติดต่อกันว่า Illumina ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนายจ้างที่ดีที่สุดของสิงคโปร์ อ้างอิงจากผลการสำรวจที่สนับสนุนโดยหนังสือพิมพ์ The Straits Times และบริษัทการตลาด Statista ทั้งนี้ Illumina ได้รับอันดับสองในด้านบริการดูแลสุขภาพและอุปกรณ์ (Health Care and Equipment Services)  และอยู่ในอันดับที่ 27 ของการจัดอันดับโดยรวม การสำรวจดำเนินการในช่วงปลายปี 2563 โดยได้สอบถามพนักงานราว 9,000 คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งหมด เปิดโอกาสให้พวกเขาแสดงความสนับสนุนบริษัทในท้องถิ่น 1,700 แห่ง ที่มีพนักงานมากกว่า 200 คน

“เรารู้สึกดีใจที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นนายจ้างที่ดีที่สุดรายหนึ่งของสิงคโปร์อีกครั้ง” Derric Lee รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ Illumina Singapore กล่าว “ รางวัลนี้มีความหมายอย่างยิ่งและถือเป็นการให้การยอมรับในความพยายามของเราในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ครอบคลุม และคุ้มค่า สำหรับพนักงานทุกระดับ”

ผลการสำรวจมาจากความเห็นของพนักงานจากบริษัทในภูมิภาค ผู้ตอบแบบสอบถามถูกถามว่าพวกเขาจะแนะนำนายจ้างของตัวเองให้กับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวหรือไม่ และจะแนะนำบริษัทอื่นแบบเดียวกันนี้ หรือไม่

Illumina มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย โดยโรงงานแห่งแรกในสิงคโปร์ของ Illumina เปิดให้บริการในปี 2551 โดยมีพนักงาน 10 คนและมีพื้นที่ 38,000 ตารางฟุต ปัจจุบัน Illumina Singapore ได้เพิ่มจำนวนพนักงานเป็นมากกว่า 1,300 คนและเติบโตขึ้นเป็น 3 อาคาร โดยครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าของพื้นที่เดิม ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 385,000 ตารางฟุต โมเมนตัมของเรายังคงดำเนินต่อไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมสำหรับการวิจัยและพัฒนาซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2565

“เราวางแผนที่จะสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์สำหรับพนักงานเพื่อพัฒนาเติบโต และต่อยอด”  Lee กล่าว “ การมีจรรยาบรรณเช่นนี้ หมายถึงการให้ความสำคัญกับทุกแง่มุมของเวลาของพนักงานกับบริษัท ตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้าประตู เรามักจะประเมินประสบการณ์ทั้งหมดในที่ทำงาน ซึ่งรวมถึงการเริ่มต้นทำงาน สภาพแวดล้อมในสำนักงาน การรักษาวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและการทำงานร่วมกัน การฝึกอบรมและการพัฒนาตลอดจนการดูแลและการสนับสนุน เป้าหมายของเราคือให้พนักงานได้รับประสบการณ์อย่ารอบด้าน หรือ end-to-end ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อพวกเขาทำงานกับ Illumina”

เกี่ยวกับ Illumina

Illumina กำลังพัฒนาสุขภาพของมนุษย์โดยการปลดล็อกพลังของจีโนม การมุ่งเน้นที่นวัตกรรมของเราทำให้เราเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการจัดลำดับดีเอ็นเอและเทคโนโลยีที่เป็นแบบ array-based technologies โดยให้บริการลูกค้าในตลาดการวิจัย ทางการแพทย์ และการประยุกต์ใช้อื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ของเราถูกนำไปใช้ในวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มะเร็งวิทยา อนามัยการเจริญพันธุ์ เกษตรกรรม และศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่อื่น ๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่ www.illumina.com และเชื่อมต่อกับเราได้ที่ Twitter, Facebook, LinkedIn, Instagram, และ YouTube

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210412006017/en/

ติดต่อ:

Grace Lai

glai1@illumina.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Redkey F10 เครื่องดูดฝุ่นแบบพับได้อัจฉริยะเสนอความคุ้มค่าอันน่าทึ่ง ส่งตรงจากโรงงานไปสู่บ้านของคุณ

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–12 เมษายน 2564

คุณคิดว่าผลิตภัณฑ์มัลติฟังก์ชันที่มีคุณภาพ คือการจ่ายเงินในราคาที่สูงใช่ไหม? ไม่จำเป็นอีกต่อไป! ด้วยเครื่องดูดฝุ่นพับได้อัจฉริยะ Redkey F10 มาถึงที่นี่แล้ว เพื่อช่วยในการทำความสะอาดในครัวเรือน เครื่องดูดฝุ่น F10 สั่งทำพิเศษมุ่งเน้นไปที่ความต้องการในการทำความสะอาดในสถานการณ์จริงพร้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูงในอุตสาหกรรมการผลิต โดยโรงงานระดับไฮเอนด์นานาชาติ และส่งตรงถึงบ้านผ่านระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศของ Muchen

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210412005569/en/

From Factory Directly to Home, Redkey F10 Smart Folding Vacuum Cleaner Offers Amazing Cost-Effectiveness. (Graphic: Business Wire)

Redkey F10 เครื่องดูดฝุ่นแบบพับได้อัจฉริยะเสนอความคุ้มค่าอันน่าทึ่ง ส่งตรงจากโรงงานไปสู่บ้านของคุณ (กราฟิก: Business Wire)

Redkey, Muchen Quality Ecological Chain มุ่งมั่นที่จะช่วยแก้ไขปัญหาที่มีอยู่และตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ โดยไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความหลากหลาย แต่เพื่อนำเสนอสิ่งดีๆ ให้ดียิ่งขึ้นไป และกำลังเปลี่ยนการปฎิวัติแนวการค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเดิม ๆ ในรูปแบบใหม่

โดยผลตอบรับที่ได้จากข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า เครื่องดูดฝุ่น Redkey F10 ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์แบบดั้งเดิม อย่างเช่นปัญหาในการเข้าถึงฝุ่นใต้เตียงและโซฟา โดยแตกต่างจากเครื่องดูดฝุ่นอื่น ๆ ตรงที่จับของเครื่องสามารถพับได้เพื่อเข้าถึงสิ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงได้และยังสามารถเข้าถึงที่อยู่ไกลออกไปอีกด้วย

เครื่องดูดฝุ่น F10 สามารถวัดปริมาณฝุ่น และปรับแรงดูดได้ถึง 5 ระดับโดยอัตโนมัติเพื่อความสะดวกของผู้ทำความสะอาด แสงไฟหักเหฝุ่น LED ที่ด้านหน้าช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นฝุ่นตามมุมต่างๆ และสังเกตุว่ามันจะถูกดูดเข้าไป และลูกกลิ้งขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังแปรงทำให้สามารถเคลื่อนไปบนพื้นหรือพรมได้ง่ายขึ้น

แรงดูดสูงสุด 23,000pa การกรองแบบสามขั้นตอน การถอดชิ้นส่วนแบบคล่องตัว การทิ้งฝุ่นด้วยปุ่มเดียว อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ 60 นาที และการถอดแบตเตอรี่ด้วยการกดเพียงครั้งเดียว แต่ละฟังก์ชั่นถูกสร้างขึ้นตามความต้องการของลูกค้า

ตอนนี้ด้วยเครื่องดูดฝุ่นอเนกประสงค์ Redkey F10 คุณไม่ต้องลังเลใจกับผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันหลากหลายอีกต่อไป โดยส่งตรงจากโรงงานสู่บ้านคุณ และมอบคุณภาพที่ดีที่สุดในวงเงินเพียง 200 ดอลล่าร์

ในราคาแบบนี้มีสินค้าอะไรอีกบ้างที่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้? ด้วยเครื่องดูดฝุ่น Redkey F10 การทำความสะอาดบ้านจะเป็นเรื่องง่ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดคลิกที่เว็บไซต์ทางการของ Redkey: http://www.redkey.cc/en/

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210412005569/en/

ติตด่อ:

Taylor Qu
bbeng8529@gmail.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

EIG ลงนามข้อตกลงกิจการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 12.4 พันล้านดอลลาร์กับ Aramco

Logo

โดยกลุ่มบริษัทที่นำโดย EIG เข้าถือหุ้น 49% ในกิจการใหม่ที่มีชื่อว่า Aramco Oil Pipelines Co. โดยมีสิทธิในการเก็บภาษีศุลกากร 25 ปีสำหรับน้ำมันที่ขนส่งผ่านเครือข่ายท่อส่งน้ำมันดิบของ Aramco

หนึ่งในการเข้าซื้อกิจการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก

วอชิงตัน–(บิสิเนสไวร์)–10 เม.ย. 2564

EIG ซึ่งเป็นสถาบันลงทุนชั้นนำของภาคพลังงานทั่วโลกและหนึ่งในผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของโลกประกาศในวันนี้ว่าทางบริษัทได้ทำสัญญาเช่าและเช่าคืนกับ Saudi Arabian Oil Co. (“Aramco”) โดยกลุ่มลงทุนที่นำโดย EIG จะเข้าถือหุ้น 49% ใน Aramco Oil Pipelines Company (“Aramco Oil Pipelines”) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งมีสิทธิในการเก็บภาษีศุลกากร 25 ปีสำหรับน้ำมันที่ขนส่งผ่านเครือข่ายท่อส่งน้ำมันดิบของ Aramco  การซื้อกิจการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 12.4 พันล้านดอลลาร์ โดย Aramco ถือหุ้น 51% ที่เหลือในกิจการใหม่ คิดเป็นมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดของท่อส่งน้ำมัน Aramco ประมาณ 25.3 พันล้านดอลลาร์

เครือข่ายท่อส่งน้ำซึ่งรวมถึงท่อส่งน้ำมันดิบที่มีอยู่และในอนาคตทั้งหมดของ Aramco ในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียนั้นเชื่อมต่อแหล่งน้ำมันกับเครือข่ายปลายน้ำ  เครือข่ายนี้ส่งน้ำมันดิบ 100% ของ Aramco ที่ผลิตในราชอาณาจักรภายใต้สัญญาสัมปทาน

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำการซื้อกิจการ Aramco จะเช่าสิทธิ์การใช้งานในเครือข่ายท่อส่งน้ำมันดิบไปยัง Aramco Oil Pipelines และ Aramco Oil Pipelines จะให้สิทธิ์ แต่เพียงผู้เดียวในการใช้งาน ขนส่ง ดำเนินการและบำรุงรักษาเครือข่ายท่อส่งกลับไปยัง Aramco ในระยะเวลา 25 ปีเพื่อแลกกับภาษีรายไตรมาสตามปริมาณที่ Aramco จ่าย  อัตราภาษีจะได้รับการสนับสนุนโดยภาระผูกพันขั้นต่ำ  Aramco จะรักษาตำแหน่งและการควบคุมการปฏิบัติงานของเครือข่ายท่อน้ำมันไว้ตลอดเวลาและจะรับความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและเงินทุนทั้งหมด  การทำธุรกรรมจะไม่กำหนดข้อจำกัดใดๆ เกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่แท้จริงของ Aramco ซึ่งอยู่ภายใต้การตัดสินใจด้านการผลิตที่ออกโดยราชอาณาจักร

“นี่เป็นโอกาสพิเศษสำหรับนักลงทุนของ EIG และเราภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Aramco ในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกนี้” R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “การเข้าซื้อนี้สอดคล้องกับปรัชญาของ EIG ในการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูงที่มีสัญญากระแสเงินสดในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับ Aramco ในระยะยาวและเพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับนักลงทุนของเราผ่านการลงทุนที่สำคัญนี้”

Amin H. Nasser ประธานและซีอีโอของ Aramco กล่าวว่า “การทำธุรกรรมครั้งสำคัญนี้กำหนดแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโฟลิโอของเรา  เราใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์กับโปรแกรม Shareek ของราชอาณาจักรที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้  โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งของ Aramco จะได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยข้อตกลงนี้ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นของเรา  นอกจากนี้พันธมิตรระยะยาวของเราในกิจการนี้จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  ในอนาคตเราจะยังคงสำรวจโอกาสในการสนับสนุนกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าระยะยาวของเราต่อไป”

การทำธุรกรรมคาดว่าจะปิดลงโดยเร็วที่สุด โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการปิดบัญชีตามธรรมเนียม รวมถึงข้อกำหนดการควบรวมกิจการและการอนุมัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

HSBC Bank plc ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ EIG ในการทำธุรกรรมและ Latham & Watkins ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมายของ EIG

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นสถาบันลงทุนชั้นนำของภาคพลังงานทั่วโลกด้วยเงินภายใต้การบริหาร 22.0 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563  EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วงประวัติศาสตร์ 39 ปี EIG ได้มอบเงินกว่า 34.9 พันล้านดอลลาร์ให้กับภาคพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 365 โครงการใน 36 ประเทศใน 6 ทวีป  ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยแผนบำนาญชั้นนำ บริษัทประกันภัย กองทุนเงินบริจาค มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป  EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ในวอชิงตันดีซีโดยมีสำนักงานอยู่ในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ EIG ที่ www.eigpartners.com

เกี่ยวกับ Aramco

Aramco เป็นบริษัทด้านพลังงานและเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับโลก  เราขับเคลื่อนด้วยความเชื่อหลักของเราว่าพลังงานคือโอกาส  ตั้งแต่การผลิตน้ำมันประมาณหนึ่งในแปดบาร์เรลของโลกไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานใหม่ๆ  ทีมงานทั่วโลกของเราทุ่มเทเพื่อสร้างผลกระทบในทุกสิ่งที่เราทำ  เรามุ่งเน้นที่จะทำให้ทรัพยากรของเราเชื่อถือได้มากขึ้น มีความยั่งยืน และมีประโยชน์มากขึ้น  สิ่งนี้ช่วยส่งเสริมความมั่นคงและการเติบโตในระยะยาวทั่วโลก www.aramco.com.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210409005457/en/

ติดต่อ:

EIG
Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG-SVC@sardverb.com 

Aramco
International Media Relations (ฝ่ายสื่อนานาชาติ):
international.media@aramco.com 
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์: Investor.relations@aramco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zynga เปิดตัว Puzzle Combat เกมจับคู่ 3 แถวที่ทันสมัย

Logo

ติดตามเกมยอดนิยม Empires & Puzzles ด้วยการต่อสู้ไขปริศนาผสมผสานระบบ RPG เข้ากับชุดการจับคู่ที่ไม่เหมือนใคร

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–8 เมษายน 2564

Zynga Inc. (Nasdaq: ZNGA) ผู้นำระดับโลกด้านความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟ วันนี้ประกาศเปิดตัวเกม Puzzle Combat ทุกแห่งทั่วโลก ซึ่งเป็นเกมบนมือถือจับคู่ 3 แถวใหม่โดยสวมบทบาทแนวแอ็คชั่น (RPG) ที่ผู้เล่นจะรับตัวละครฮีโร่ใหม่ สร้างฐานกำลัง และแข่งขันกันในกลุ่มผู้เล่นเอง (PvP) โดยจัดให้มีการต่อสู้ในแนวซอมบี้ เกม Puzzle Combat ได้รับการพัฒนาโดย Small Giant Games ในเมืองเฮลซิงกิ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Zynga Inc. และเป็นสตูดิโอที่อยู่เบื้องหลังเกมยอดนิยม Empires & Puzzles

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210408005009/en/

Zynga Launches Modern Match-3 Mobile Game Puzzle Combat (Graphic: Business Wire)

Zynga เปิดตัว Puzzle Combat เกมจับคู่ 3 แถวที่ทันสมัย (กราฟิก: Business Wire)

ในเกม Puzzle Combat ผู้เล่นจะได้ดื่มด่ำกับการต่อสู้กับศัตรูจาก Dread Army ที่อันตรายด้วยการเพิ่มพลังโดยการสร้างชุดการแข่งขันที่ไม่เหมือนใคร ผู้เล่นจะรับสมาชิกใหม่ทั้งสายลับ แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรื้อถอน และอีกมากมาย เพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ โดยแต่ละตัวละครจะนำการโจมตีพิเศษที่ไม่เหมือนใครมาสู่การต่อสู้ ผู้เล่นจะออกแบบฐานที่ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยการสร้างและอัปเกรดสิ่งปลูกสร้างอย่างเช่น โรงหล่อ โรงฝึก โรงเรียนฝึกอบรม และค่ายทหาร

 “เกม Puzzle Combat ช่วยให้ผู้เล่นสามารถควบคุมสุดยอดทีมฮีโร่ได้อย่างรวดเร็วโดยผ่านประสบการณ์การแข่งขันแบบจับคู่ 3 แถวในแบบที่คุ้นเคย” Jose Saarniniemi กรรมการผู้จัดการของ Small Giant Games กล่าว “ด้วยการผสมผสานองค์ประกอบหลักของเกม Empires & Puzzles เข้ากับการออกแบบเกมแนวการต่อสู้ที่ทันสมัยในรูปแบบใหม่ เกม Puzzle Combat จะทำให้ผู้เล่นดื่มด่ำไปกับโลกเสมือนจริงที่เต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้ในแนวแอ็คชั่น หลังจากเปิดตัวในวันนี้ เราคาดว่าเกม Puzzle Combat จะสร้างชุมชนของนักเล่นเกมกับธีมที่เพิ่มเติมและคุณสมบัติที่อัปเกรดซึ่งออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้เล่นทั่วโลก”

เกม Puzzle Combat ได้จับคู่ผู้เล่นในการต่อสู้ PvP กับผู้เล่นคนอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อให้ได้มาซึ่งความโดดเด่นในการต่อสู้ ผู้เล่นจะเรียกเหล่าฮีโร่ที่ทรงพลังเป็นรายบุคคลหลายร้อยตัวละคร โดยแต่ละตัวจะมีความสามารถเฉพาะตัว และรวบรวมอาวุธต่าง ๆ เพื่ออัปเกรดและใช้ในสนามรบ เมื่อผู้เล่นก้าวหน้าขึ้นพวกเขายังสามารถเข้าร่วมกับพันธมิตรเพื่อแบ่งปันกลยุทธ์ที่ดีที่สุด และแข่งขันในกิจกรรมของทีมที่ท้าทายเพื่อส่งเสริมเหล่าฮีโร่ของพวกเขาให้ก้าวไปด้วยกันและสร้างกองกำลังต่อสู้ขั้นสูงสุด

ไฮไลต์สำคัญของเกม:

  • เหล่าฮีโร่ที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 200 ตัวละคร สำหรับผู้เล่นในการรวบรวมและอัปเกรด
  • แอคชั่นการจับคู่แบบ 3 แถว อย่างรวดเร็วพร้อมการโจมตีพิเศษที่ปลดล็อคโดยการจับคู่ที่คล้ายกันในชุดที่ไม่ซ้ำกัน
  • การสร้างฐานที่ออกแบบมาเพื่อฝึกฝนการรับตัวละครของคุณให้เป็นฮีโร่ สร้างฟาร์มเพื่อหาอาหาร ขุดโลหะสร้างไอเท็ม การต่อสู้ที่สำคัญ และอื่น ๆ
  • ฤดูกาลโจมตี PvP ที่ครอบคลุมพร้อมรางวัลอันทรงคุณค่า
  • โหมดเกมการร่วมกันกับพันธมิตรเพื่อแยกเครื่องจักรสงครามอันทรงพลังที่สามารถโจมตีคู่แข่งในการต่อสู้แบบทีมและครองในกิจกรรมของทีม
  • คุณสมบัติทางสังคม เช่น การแชทกับทั่วโลกและพันธมิตร ช่วยให้ผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนกลยุทธ์และจัดตั้งทีมเพื่อบรรลุการเล่นเกมในระดับต่อไป
  • กิจกรรมในเวลาอันจำกัดเพื่อรับรางวัลพิเศษและแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่น ๆ

เกม Puzzle Combat พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วสำหรับ iOS และ Android

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
Facebook
Twitter
Instagram

Zynga จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2564 หลังจากปิดตลาดในวันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564

หมายเหตุกองบรรณาธิการ:

หากต้องการดูข้อมูลสนับสนุนสำหรับเกม Puzzle Combat กรุณาคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Zynga Inc.

Zynga คือผู้นำระดับโลกด้านความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟที่มีเป้าหมายเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกันผ่านเกม ปัจจุบันมีผู้เล่นเกมที่เป็นแฟรนไชส์ของ Zynga อย่าง CSR Racing™Empires & Puzzles™Merge Dragons!™Merge Magic!™Toon Blast™Toy Blast™Words With Friends™ and Zynga Poker™ มากกว่าหนึ่งพันล้านคน เกมของ Zynga สามารถเข้าถึงได้จากกว่า 150 ประเทศและสามารถเล่นผ่านสื่อออนไลน์และอุปกรณ์มือถือได้จากทุกแห่งทั่วโลก บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครซานฟรานซิสโก และมีสำนักงานหลายแห่งทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ อินเดีย ตุรกีและฟินแลนด์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.zynga.com หรือติดตาม Zynga ที่ TwitterInstagramFacebook or the Zynga blog

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตซึ่งเกี่ยวกับความคาดหวังต่อการเปิดตัวของเกม Puzzle Combat รวมถึงการเปิดตัว และการรับการยอมรับโดยผู้เล่น คุณลักษณะของเกม และไฮไลต์ และโอกาสในการเติบโตโดยรวม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตมักประกอบด้วยคำต่าง ๆ เช่น “จะ” “วางแผนไว้” “ตั้งใจ” “คาดการณ์” “เชื่อ” “ตั้งเป้า” “คาดว่า” และข้อความที่แสดงถึงกาลอนาคตอื่น ๆ การบรรลุความสำเร็จหรือความสำเร็จของเรื่องที่กล่าวถึงในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอนและการตั้งสมมติฐาน ไม่ควรเชื่อมั่นเกินควรในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวซึ่งอิงจากข้อมูลของเราที่เป็นปัจจุบัน ณ ขณะนั้น เราไม่มีข้อผูกมัดในการแก้ไขข้อความดังกล่าวให้เป็นปัจจุบัน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐานเหล่านี้จะอธิบายหรือให้รายละเอียดมากขึ้นในเอกสารที่เรายื่นต่อสาธารณะกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (“SEC”) ซึ่งท่านสามารถขอรับสำเนาได้โดยไปที่เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของเราที่ http://investor.zynga.com  หรือเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ที่ www.sec.gov

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210408005009/en/

ติดต่อสื่อ Zynga:
Jenny Taylor
jetaylor@zynga.com | (310) 849-0648

Linda Chung
lchung@zynga.com | (917) 226-8550

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch ได้รับเลือกให้เป็นบริษัทวิศวกรหลักของฟาร์มกังหันลมในเวียดนาม

Logo

ฟาร์มกังหันลมบนบกขนาด 100 เมกะวัตต์ของ บริษัท Dien Xanh Gia Lai Investment Energy Joint Stock Company จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและเป้าหมายความยั่งยืนของเวียดนาม

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–8 เมษายน 2564

เวียดนามกำลังขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า พร้อม ๆ ไปกับการปรับความสมดุลระหว่างพอร์ตโฟลิโอด้านการผลิตและตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและเศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟู

ประเทศเวียดนามกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อพัฒนาความมั่นคงด้านพลังงานด้วยความตั้งใจในการลดคาร์บอนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

รายงานของ Black & Veatch ว่าด้วยทิศทางเชิงกลยุทธ์: อุตสาหกรรมไฟฟ้าในเอเชีย 2564 คาดว่า การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนจะมีการเติบโตของการลงทุนที่มีนัยยะสำคัญที่สุดภายในบรรดาอุตสาหกรรมการผลิตฟลังงานยุคใหม่ ในช่วงสามถึงห้าปีข้างหน้า

ฟาร์มกังหันลม Ia Pech 1 และ Ia Pech 2 ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Ia Grai ของจังหวัด Gia Lai ถือเป็นตัวอย่างของการลงทุนในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของเวียดนาม

Dien Xanh Gia Lai Investment Energy Joint Stock Company ซึ่งเป็นผู้พัฒนาฟาร์มกังหันลม la Pech ได้ว่าจ้าง Black & Veatch ให้เป็นวิศวกรหลักของฟาร์มกังหันลมทั้งสองแห่ง โครงการฟาร์มกังหันลม Ia Pech แต่ละโครงการจะมีกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ (MW)

“Black & Veatch มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยอาศัยความเชี่ยวชาญระดับโลกและประสบการณ์ในท้องถิ่นของเรา ด้วยความสามารถและความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมตลอดวงจรของโครงการ ตลอดจนถึงเทคโนโลยีการผลิต การส่งผ่านและการจัดจำหน่าย เราจึงได้ร่วมมือกับผู้ผลิตไฟฟ้าทั่วโลกเพื่อ  ปรับใช้โซลูชันพลังงานหมุนเวียนที่เชื่อถือได้และคำนึงถึงอนาคต” Narsingh Chaudhary รองประธานบริหารของ Black & Veatch ประธานและกรรมการผู้จัดการ Asia Power Business กล่าว

ในฐานะวิศวกรหลักของฟาร์มกังหันลม la Pech ทาง Black & Veatch จะดำเนินการบริการต่าง ๆ รวมถึงการจัดการโครงการ การควบคุมโครงการ การตรวจสอบการออกแบบ การประกันคุณภาพ การตรวจสอบการก่อสร้าง และการสนับสนุนการว่าจ้างต่าง ๆ

ฟาร์มกังหันลม Ia Pech จะผลิตและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามเป็นเวลา 20 ปี การก่อสร้างฟาร์มมีกำหนดจะเริ่มในปี 2564 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่สี่ของปี 2564

“ การใช้พลังงานลมที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมไฟฟ้าในการผสมผสานรุ่นนี้สอดคล้องกับโซลูชันพลังงานลมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของเรา ทำให้เราสามารถให้บริการในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา” Dave Hallowell รองประธานอาวุโสระดับโลกของ Black & Veatch  พลังงานทดแทน “ กล่าวเสริม

Black & Veatch รองรับพลังงานลมกว่า 56 GW ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการให้คำแนะนำทางเทคนิคในกรณีของพลังงานลมถึงกว่า 36,000 เมกะวัตต์ การพัฒนาและการสนับสนุนการดำเนินการสำหรับพลังงานลม 19,500 เมกะวัตต์ และการออกแบบรายละเอียดสำหรับพลังงานลม 1,200 เมกะวัตต์ บริษัทได้รับการยอมรับจาก Inframation และ SparkSpread ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและพลังงานหมุนเวียนข้อมูลและการวิเคราะห์ ในฐานะที่ปรึกษาด้านเทคนิคอันดับหนึ่ง หรือ the top technical advisor โดยอิงจากจำนวนข้อตกลงในปี 2563

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch นำเสนอบริการที่หลากหลายตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและการสนับสนุนการพัฒนาโครงการไปจนถึงการดำเนินโครงการการเชื่อมต่อกริดและการจัดการสินทรัพย์ ประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับโครงการหมุนเวียน รวมถึง ลม ความร้อนจากแสงอาทิตย์ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานแสงอาทิตย์ ชีวมวล พลังน้ำ ความร้อนใต้พิภพ ก๊าซฝังกลบ และพลังงานทางทะเล
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ในปี 2564

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็น บริษัท ด้านวิศวกรรมการจัดหาและที่ปรึกษาการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในนวัตกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี พ. ศ. 2458 เราได้ช่วยลูกค้าส่งเสริมชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยการจัดการกับความสามารถในการฟื้นฟู และความน่าเชื่อถือของทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายรับของเราในปี 2563 มีจำนวนมากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210330006161/en/

ติดต่อ:

Emily Chia

+65 6335 6623 P

+65 9875 8907 M

Chialp@bv.com

สายด่วนสื่อ 24 ชั่วโมง

+1 866-496-9149

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แพลตฟอร์มต้นแบบอย่างปลอดภัยของ NTT Com แบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังแหล่งที่ตั้งต่างๆในเยอรมนีและญี่ปุ่น

Logo

– การปกป้องอธิปไตยด้านข้อมูลในการแบ่งปันระหว่างประเทศที่คาดว่าจะรองรับการลดการสร้างคาร์บอน เป็นต้น –

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–8 เมษายน 2564

NTT Communications Corporation (NTT Com) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ไอซีทีและธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายใน NTT Group ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการทดลองแบ่งปันข้อมูลสายการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านแพลตฟอร์มต้นแบบที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายผ่านมาตรฐาน IDS ซึ่งสนับสนุนข้อมูลอธิปไตยในระบบนิเวศของข้อมูล GAIA-X การทดลองข้อมูลนี้โดยปกติจะไม่สามารถใช้ร่วมกันได้เนื่องจากมีการรักษาความลับสูง แม้ว่าพันธมิตรที่ทำธุรกิจจริงจะต้องทำการคำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และถูกส่งอย่างปลอดภัยไปยังแหล่งที่ตั้งที่กำหนดในเยอรมนีและญี่ปุ่นจาก Switzerland Innovation Park Biel/Bienne ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210407006040/en/

Flow chart of recent data-sharing trial (Graphic: Business Wire)

แผนภาพแสดงลำดับขั้นตอนของการทดลองใช้ข้อมูลร่วมกันล่าสุด (กราฟิก: Business Wire)

GAIA-X เป็นโครงการริเริ่มที่ประกาศโดยรัฐบาลเยอรมันและฝรั่งเศสในเดือนตุลาคม 2562 เพื่อสนับสนุนการแบ่งปันข้อมูลผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่รับประกันการปกป้องข้อมูล ความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และการทำงานร่วมกัน เพื่อปกป้องสิทธิของบริษัทในยุโรป รัฐบาล สถาบันและพลเมือง

NTT Com ดำเนินการทดลองภายใต้สมมติฐานว่า ข้อมูลดังกล่าวจะถูกใช้โดยบริษัทที่ทำธุรกิจจริงเพื่อทบทวนวิธีการผลิตของตนเพื่อให้เกิดการสลายตัวของคาร์บอนมากขึ้น แพลตฟอร์มต้นแบบซึ่งเปิดใช้งานกับการเชื่อมต่อกับ IDS Connectors ยังมาพร้อมกับ DATA Trust® ซึ่งเป็นกลไกสำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นความลับได้อย่างปลอดภัย

การทดลองนี้เกี่ยวข้องกับการแบ่งปันข้อมูลการใช้ไฟฟ้าที่พันธมิตรทางธุรกิจมักจะใช้ในการคำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิตของผลิตภัณฑ์เฉพาะ การทดลองดังกล่าวยืนยันว่าแพลตฟอร์มของ NTT สามารถแชร์ข้อมูลดังกล่าวได้อย่างปลอดภัยกับคู่ความที่มีกฎหมายหรือสัญญาอนุญาตเท่านั้น

เครื่องต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีการกระจายข้อมูลระหว่างธุรกิจกับธุรกิจของ Nippon Telegraph and Telephone Corporation (Software Innovation Center) โดยร่วมมือกับ Robot Revolution & Industrial IoT Initiative (RRI), International Data Spaces Association (IDSA), Fraunhofer-Gesellschaft, Switzerland Innovation Park Biel/Bienne and Japan Innovation Park

NTT Com มีแผนที่จะจัดแสดงผลการทดลองที่บูธร่วมของ IDSA และ RRI ระหว่างงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม Hannover Messe ในเยอรมนีระหว่างวันที่ 12-16 เมษายนนี้

 “ญี่ปุ่นมีความใกล้ชิดกับยุโรปในด้านอุตสาหกรรมด้วยประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ เหล็ก หรือการผลิต” Hubert Tardieu ประธาน GAIA-X AISBL กล่าว “วัตถุประสงค์หลักในทุกอุตสาหกรรมในปัจจุบันการแบ่งปันข้อมูลและการจัดเตรียมบริการเช่นเดียวกับ GAIA-X บริษัท NTT Communications เริ่มต้นด้วยการดำเนินการครั้งแรกในการแบ่งปันข้อมูลระหว่าง ญี่ปุ่น เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้มาตรฐาน IDS ซึ่งสนับสนุนข้อมูลอธิปไตยในระบบนิเวศของข้อมูล GAIA-X เราภูมิใจที่ GAIA-X AISBL ช่วยในการสนับสนุนอย่างแรงกล้าในการเปิดตัว Japan Hub ผ่าน NTT Communications และเริ่มการใช้งานมากขึ้นเกี่ยวกับ GAIA-X”

ในอนาคต NTT Com จะสร้างการทดสอบสภาพแวดล้อมในญี่ปุ่นเพื่อเชื่อมต่อกับ GAIA-X และเริ่มการทดสอบความสามารถในการทำงานร่วมกันกับบริษัทพันธมิตรหลายแห่งทั่วโลกในช่วงฤดูร้อนนี้  หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี NTT Com หวังว่าจะเปิดตัวแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการภายในปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2565 การเปิดตัวนี้จะประสานงานกับองค์กรและกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายข้อมูลระหว่างประเทศรวมถึง Data Society Alliance, OPC Foundation Japan, RRI, GAIA- X AISBL และ IDSA

การใช้ข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการริเริ่มต่างๆ เช่น การลดการสร้างคาร์บอนทั่วโลก การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและการเสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมในช่วงต้น อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันระบบกฎหมายและเทคโนโลยีต้องควบคุมและจัดการการใช้ข้อมูลที่กำลังได้รับการพัฒนาในทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ GAIA-X เป็นการป้องกันการรั่วไหลของความลับขององค์กรและระดับชาติ และเพื่อปกป้องข้อมูลอธิปไตย

ในอนาคตคาดว่า บริษัทต่างๆ จะต้องใช้ GAIA-X เพื่อส่งและรับข้อมูลที่เป็นความลับสูงไปยังพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศในยุโรป ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่ไม่สามารถใช้ GAIA-X จะไม่สามารถทำธุรกิจกับพันธมิตรในยุโรปได้หากเกี่ยวข้องกับการแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มที่คาดการณ์ไว้ของ NTT Com จะช่วยให้บริษัทดังกล่าวเชื่อมต่อกับ GAIA-X ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเวลาและเงินอันมีค่าไปกับโซลูชันการแบ่งปันข้อมูลที่ยอมรับได้

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT Communications นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคด้านเทคโนโลยี โดยการช่วยเหลือธุรกิจให้เอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมทางด้านไอซีทีของพวกเขาด้วยโซลูชันระบบไอทีพื้นฐานที่มีการจัดการแบบเบ็ดเสร็จ โซลูชันเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยระบบโครงสร้างพื้นฐานของเราที่มีอยู่ทั่วโลก รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเครือข่ายส่วนตัวชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมในระดับ tier-1 ที่ครอบคลุมทั่วโลก เข้าถึงประเทศ/ภูมิภาคต่าง ๆ มากกว่า 190 จุดหมายปลายทาง และศูนย์กลางข้อมูลที่มีความทันสมัยมากที่สุดของโลกที่มีพื้นที่มากกว่า 500,000 ตรม. ทีมบริการลูกค้ามืออาชีพที่อยู่ทุกมุมโลกของเราคอยให้คำปรึกษาและสถาปัตยกรรมที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ รวมถึงขนาดและความสามารถระดับโลกในการบริการที่เหนือกว่าของเรา และเมื่อรวมเข้ากับ NTT Ltd., NTT Data, and NTT DOCOMO พวกเราคือ NTT Group

www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210407006040/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Akira Sakaino, Takashi Horikoshi, Hideaki Niitsuma
Smart Factory Office
Business Planning, Business Solution Division
NTT Communications
smart-factory@ntt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

PW Power Systems ขณะนี้จะกลายเป็น Mitsubishi Power Aero ซึ่งบ่งบอกถึงการบูรณาการที่ดียิ่งขึ้นของบริษัท

Logo

  • PW Power Systems เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นพลังงานตามความต้องการมานานกว่า 60 ปี เป็นผู้ให้บริการที่ยืดหยุ่น, สามารถติดตามผลได้อย่างรวดเร็ว, ปรับแต่งกังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่จำเป็นทั่วโลก
  • การใช้แบรนด์ Mitsubishi Power นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างมากในการผสานรวมการผลิต, การขาย, การตลาด, การเงิน, การบริการและการดำเนินโครงการของ Mitsubishi Power

ASIA PACIFIC, THAILAND. (5 เมษายน 2564) – วันนี้ PW Power Systems เปลี่ยนชื่อเป็น Mitsubishi Power Aero อย่างเป็นทางการ การนำแบรนด์ Mitsubishi Power มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ต่อลูกค้ากังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่น จุดแข็งของกลุ่มผลิตภัณฑ์กังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นและประวัติผลงานจะได้รับการยกระดับโดยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและเทคโนโลยีของบริษัทแม่ของ Mitsubishi Power Aero

“เรากำลังใช้สินทรัพย์ห่วงโซ่อุปทานของ Mitsubishi Power ทั่วโลกเพื่อสนับสนุนการผลิตอุปกรณ์ใหม่ตลอดจนบริการหลังการขาย”  Raul Pereda ประธานและซีอีโอของ Mitsubishi Power Aero กล่าว “ทีมวิศวกรของเรากำลังร่วมมือกันเพื่อทำให้กังหันก๊าซของเราสามารถแข่งขันได้มากขึ้นรวมถึงการใช้งานกับเชื้อเพลิงไฮโดรเจน การควบคุมจากระยะไกลและปัญญาประดิษฐ์ TOMONITM แหล่งทรัพยากรการเงินของกลุ่มที่กว้างขึ้นยังช่วยให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันทางการค้าที่ยืดหยุ่นมากขึ้นให้กับลูกค้าของเรา เรากระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับลูกค้าเพื่อส่งมอบพลังงานในเวลาที่โลกต้องการมากที่สุด”

เมื่อการใช้พลังงานไฟฟ้าขยายตัวและความต้องการพลังงานที่เชื่อถือได้ก็เพิ่มขึ้นทั่วโลก บทบาทของพลังงานตามความต้องการที่เป็นแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมของการขาดแคลนพลังงานมีความสำคัญและเพิ่มสูงขึ้นและความซับซ้อนของระบบไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็วเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง การใช้พลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง การจัดเก็บพลังงาน และเชื้อเพลิงทางเลือก รวมถึงไฮโดรเจน โซลูชันการผลิตไฟฟ้าที่ยืดหยุ่นจาก Mitsubishi Power เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าจัดการกับความต้องการพลังงานที่หลากหลายได้อย่างสมดุล

“พลังงานตามความต้องการเป็นองค์ประกอบสำคัญในการที่ Mitsubishi Power นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรให้กับลูกค้าของเรา” Paul Browning ประธานและซีอีโอของ Mitsubishi Power Americas กล่าว“FT8Ò MOBILEPACÒ สามารถเปิดเครื่องทำงานได้รวดเร็วทันใจเพียงการแจ้งเตือนสั้น ๆ และกังหันก๊าซ FT4000Ò SWIFTPACÒ ให้พลังงานที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษแก่ลูกค้าที่ต้องการเพิ่มการใช้งานของพลังงานหมุนเวียนไม่ต่อเนื่อง เช่น ลมและแสงอาทิตย์ จากการที่พลังงานปราศจากคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก พลังงานแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรองรับความเพียงพอของทรัพยากร เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ผสานรวมความสามารถด้านห่วงโซ่อุปทาน, ด้านการผลิต, ด้านวิศวกรรม, ด้านการตลาด, ด้านการขาย, ด้านการบริการ และความสามารถทางการเงินกับผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง, ด้านการบริการ และความสามารถในโครงการแบบครบวงจรของ Mitsubishi Power Aero เราจะทำงานร่วมกับลูกค้าของเราเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านพลังงาน”

# # #

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

Stefan L. Zavatone

รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร

stefan.zavatone@aeropowermhi.com

860-368-5499

Sophia Wee

+65 9112 4325

sophia.wee.3z@mhi.com

เกี่ยวกับ Mitsubishi Power Americas, Inc.

Mitsubishi Power Americas, Inc. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเลค แมรี่ รัฐฟลอริดา มีพนักงานด้านการผลิตไฟฟ้า ด้านการจัดเก็บพลังงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันมืออาชีพมากกว่า 2,000 คน พนักงานของเรามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้าเพื่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในราคาที่เหมาะสมและเชื่อถือได้ ในขณะเดียวกันก็พัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ไปทั่วอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ โซลูชันการผลิตไฟฟ้าของ Mitsubishi Power ประกอบด้วยก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ อนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่น ความร้อนใต้พิภพ เทคโนโลยีหมุนเวียนแบบกระจาย การควบคุมสิ่งแวดล้อม และบริการต่าง ๆ โซลูชันการจัดเก็บพลังงานประกอบด้วยไฮโดรเจนสีเขียว และระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ Mitsubishi Power ยังนำเสนอดิจิทัลโซลูชันที่ช่วยให้สามารถดำเนินการและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าได้โดยอัตโนมัติ Mitsubishi Power, Ltd. เป็นบริษัทในเครือของ Mitsubishi Heavy Industries, Ltd. (MHI) MHI มีสำนักงานใหญ่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักชั้นนำของโลกที่มีธุรกิจด้านวิศวกรรมและการผลิตซึ่งครอบคลุมทั้งพลังงานโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ Mitsubishi Power Americas และติดตามเราบนเครือข่ายสังคม LinkedIn

เกี่ยวกับ Mitsubishi Power Aero LLC

Mitsubishi Power Aero LLC มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกลาสตันเบอรี รัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำในการจัดหาโซลูชั่นพลังงานตามความต้องการที่รวดเร็วสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าทั่วโลกและลูกค้าในอุตสาหกรรมและ O&G เรานำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ยืดหยุ่น และปรับแต่งได้รวมถึงแพ็คเกจกังหันก๊าซแบบอนุพันธ์ของเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีขนาดตั้งแต่ 30 ถึง 140 เมกะวัตต์ บริการหลังการขายที่ปรับแต่งและตอบสนองความเชี่ยวชาญด้าน EPC แบบครบวงจร และการจัดเก็บแบตเตอรี่ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าขยายตัวและมีการเพิ่มพลังงานหมุนเวียนให้กับโครงข่ายไฟฟ้า Mitsubishi Power Aero จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการให้ความมั่นคงด้านพลังงานแก่ลูกค้าทั่วโลก Mitsubishi Power Aero เป็นของกลุ่มบริษัท Mitsubishi Power Americas, Inc. ติดต่อกับเราได้ที่ aero.power.mhi.com และ LinkedIn

Digital Edge จะขยายกิจการด้านแพลตฟอร์มไปยังเกาหลีใต้

Logo

เข้าซื้อศูนย์ข้อมูล 2 แห่งในเกาหลีใต้และสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวกับ Sejong Telecom

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–1 เม.ย. 2564

Digital Edge (Singapore) Holdings Pte. Ltd. (“ Digital Edge” หรือ “บริษัท ”) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียและได้รับการสนับสนุนจาก Stonepeak Infrastructure Partners ประกาศแผนการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาคไปยังเกาหลีใต้โดยกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทำสัญญาหลัก (definitive agreement) ในการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ ของศูนย์ข้อมูลของ Sejong Telecom โดยจะเป็นการทำธุรกรรมเงินสดทั้งหมด เมื่อสัญญาแล้วเสร็จ Digital Edge จะเข้าซื้อกิจการศูนย์ข้อมูล 1 แห่งในเขตกังนัม เมืองโซล และศูนย์ Cable Landing Station ในเซ็นทัมซิตี้ เมืองปูซาน การเพิ่มสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์เหล่านี้ ยังรวมถึง การดำเนินงานและลูกค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของบริษัทในการเข้าสู่ตลาดเกาหลีและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มระดับภูมิภาค

ธุรกรรมนี้จะช่วยให้ Digital Edge สามารถนำเสนอโซลูชันการเชื่อมต่อระหว่างกันและศูนย์ข้อมูลในตลาดเกาหลีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้ทันที พร้อม ๆ ไปกับการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการขยายตัวในอนาคตในสองเมืองใหญ่ ได้แก่ โซลและปูซาน ศูนย์ข้อมูลของ Sejong Telecom ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาตร์ และนำเสนอตัวเลือกการเชื่อมต่อมากมายจากลูกค้าปัจจุบัน นอกจากนี้ Digital Edge มีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายขีดความสามารถและปรับปรุงประสิทธิภาพและช่วยประหยัดการใช้พลังงานของศูนย์ทั้งสองแห่ง Digital Edge คาดว่าจะลงทุนมากกว่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐในระหว่างการทำธุรกรรม และเมื่อมีการขยายตัวในภายหลัง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ เนื้อหา และเครือข่ายทั่วโลกแสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าสำหรับการมีตัวเลือกการเชื่อมต่อระหว่างกันที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่ากว่าในตลาดเกาหลี ในส่วนของธุรกรรมดังกล่าว Sejong Telecom และ Digital Edge ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่สู่ตลาดเพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

“ด้วยความมุ่งมั่นด้านเงินทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้าง Digital Edge Platform ในเอเชีย เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศแผนการรุกเข้าสู่ตลาดเกาหลีหลังจากการลงทุนครั้งแรกในศูนย์ข้อมูลในญี่ปุ่น เกาหลีเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุด” Samuel Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Digital Edge กล่าว “ ธุรกรรมนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทข้ามชาติ และบริษัทของเกาหลีในการเข้าใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Digital Edge เพื่อเพิ่มรอยเท้าดิจิทัลในเกาหลีโดยการเชื่อมต่อกับระบบนิเวศที่หลากหลายของลูกค้าและคู่ค้าในสถานที่ที่สำคัญ ๆ ทั้งหมดในโซลและปูซาน”

“ความร่วมมือของเรากับ Digital Edge จะช่วยเร่งโอกาสในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลสำหรับลูกค้าองค์กรในเกาหลี” Yoo Ki-yoon ประธาน Sejong Telecom กล่าว “ เราตั้งตารอการรวมการเข้าถึงแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลที่มีการเชื่อมต่อครบถ้วนระหว่างกันของ Digital Edge กับการเชื่อมต่อเครือข่ายขั้นสูงของ Sejong Telecom เพื่อนำเสนอโซลูชันที่เปิดใช้งานระบบคลาวด์และเครือข่ายที่หลากหลายมากขึ้น”

“การเข้าซื้อสินทรัพย์เชิงยุทธศาตร์เหล่านี้ในเกาหลีใต้จะสร้างแกนหลักที่มั่นคงสำหรับแพลตฟอร์มระดับภูมิภาคของเราที่กำลังเติบโต” Yongsuk Choi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์ข้อมูลของ Digital Edge กล่าว “ มันจะวางตำแหน่ง Digital Edge ให้เป็นศูนย์ข้อมูลและผู้ให้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ในเกาหลีใต้โดยมีทรัพย์สินคุณภาพสูงตั้งแต่โซลไปจนถึงปูซานและระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่หลากหลายของธุรกิจเกาหลีและธุรกิจข้ามชาติ นอกจากนี้ยังเปิดเกตเวย์หลักสำหรับประเทศอื่น ๆ ของเอเชียผ่านระบบเคเบิลใต้น้ำในพื้นที่ปูซาน”

การทำธุรกรรมคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สองของปี 2564 และจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขการปิดบัญชีตามปกติและการอนุมัติตามกฎข้อบังคับ

เกี่ยวกับ Digital Edge

Digital Edge ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์เป็นบริษัทแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้าที่น่าเชื่อถือ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชีย ด้วยการสร้างและดำเนินการศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยและประหยัดพลังงานที่เต็มไปด้วยตัวเลือกการเชื่อมต่อ Digital Edge จึงมีเป้าหมายที่จะนำเสนอทางเลือกใหม่และการเชื่อมต่อระหว่างกันสู่ตลาดเอเชียเพื่อทำให้การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียเป็นเรื่องง่าย มีประสิทธิภาพ และประหยัด

Digital Edge ก่อตั้งขึ้นโดยทีมผู้บริหารระดับสูงที่คร่ำหวอดและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมานานหลายทศวรรษและมีประวัติการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลคลาวด์และโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Digital Edge ได้รับการสนับสนุนจาก Stonepeak Infrastructure Partners โดยมีเงินทุนเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในการจัดตั้งและขับเคลื่อนแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลของบริษัทในเอเชีย

เกี่ยวกับ Stonepeak Infrastructure Partners

Stonepeak Infrastructure Partners (www.stonepeakpartners.com) เป็น บริษัทเอกชนที่เน้นทำงานด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก ซึ่งบริหารจัดการเงินทุน 31.3 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับนักลงทุน (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564) Stonepeak ลงทุนในธุรกิจที่มีสินทรัพย์โภคภัณฑ์และที่มีอายุยาวนาน รวมไปถึงครงการที่ให้บริการที่จำเป็นแก่ลูกค้า และพยายามที่จะร่วมมือกับทีมผู้บริหารที่มีคุณภาพสูงอำนวยความสะดวกในการปรับปรุงการดำเนินงานและจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการด้านการเติบโต

เกี่ยวกับ Sejong Telecom

Sejong Telecom Incorporated ก่อตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน 2535 ในกรุงโซลประเทศเกาหลีเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านเทคโนโลยีการสื่อสารผลิตภัณฑ์และบริการข้อมูล Sejong Telecom นำเสนอบริการและโซลูชั่นด้านเสียง ข้อมูล และวิดีโอบนเครือข่ายและแพลตฟอร์มขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เชื่อถือได้ มีความปลอดภัย และอยู่ภายใต้การควบคุมที่ดี ในฐานะผู้ให้บริการที่เป็นกลาง Sejong Telecom ให้บริการเชื่อมต่อที่รวมถึงสายเฉพาะ (dedicated lines) IX และบริการข้อมูลในขณะที่การให้บริการโทรศัพท์มือถือแบบมีสาย ไร้สาย และแบบ MVNO Sejong Telecom ได้ขยายไปสู่ตลาดเกิดใหม่ เช่น ตลาดแพลตฟอร์ม เนื้อหาต่าง ๆ บ้านความปลอดภัย โซลูชั่นและบล็อกเชนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภารกิจของ Sejong Telecom คือการเชื่อมต่อ ร่วมสร้างและแบ่งปันคุณค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้เข้าร่วมทุกคนโดยกระตุ้นให้เกิดการผสานรวมกับธุรกิจโทรคมนาคมและแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sejong Telecom โปรดไปที่ https://sejongtelecom.net.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210331006062/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ

Digital Edge and Stonepeak Infrastructure Partners

Sard Verbinnen & Co

Ben Spicehandler / Julie Rudnick

Stonepeak-SVC@SARDVERB.com

Sejong Telecom

Yoo EunHee

+82-70-7997-6098

yeh@sejongtelecom.net

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

“Free2Move eSolutions” เป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง Stellantis และ ENGIE EPS เพื่อสร้างผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการ E-mobility ชั้นนำระดับโลกแห่งใหม่

Logo

ปารีส & ตูริน ประเทศอิตาลี–(บิสิเนสไวร์)–31 มี.ค. 2564

ข่าวกฎข้อบังคับ:

ในก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จของโครงการร่วมทุนตามที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564, Stellantis และ Engie EPS (Paris: EPS) ได้ประกาศองค์รายชื่อคณะกรรมการและชื่อบริษัทของ หน่วยงานใหม่:

Free2Move eSolutions มุ่งสนับสนุนและลดความสะดวกในการเปลี่ยนไปสู่ความคล่องตัวทางไฟฟ้าด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่เป็นนวัตกรรมและปรับแต่งได้สำหรับทั้งภาคเอกชนและนักธุรกิจของห่วงโซ่คุณค่า

มีบทบาทในการสนับสนุนการมีความคล่องตัวในราคาที่ประหยัดและสะอาด

ทุกสายผลิตภัณฑ์ขอบเขตของกิจกรรม Free2Move eSolutions จะครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ (การติดตั้ง การให้บริการ และการดำเนินการ) ระบบสมาชิกการชาร์จไฟสาธารณะและที่บ้านด้วยค่าบริการรายเดือน ไปจนถึงวงจรใช้งานแบตเตอรี่ การจัดการการและบริการพลังงานขั้นสูง เช่นการผสานรวม Vehicle-to-Grid (V2G) และโซลูชันการจัดการพลังงานเพื่อลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของรถยนต์

การร่วมทุนระหว่าง Stellantis และ Engie EPS จะทำให้การเข้าถึง e-mobility ง่ายขึ้นและจะเสริมพอร์ตโฟลิโอปัจจุบันของ Free2Move ด้วยชุดข้อเสนอใหม่สำหรับการเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้า 100%

Free2Move (ส่วนหนึ่งของ Stellantis Group) เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นในปี 2559 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความซับซ้อนและรับประกันความคล่องตัวสำหรับทั้งลูกค้าส่วนตัวและธุรกิจด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เข้ากับทุกความต้องการทุกที่ทุกเวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมง 1 วันถึง 1 เดือนขึ้นผ่านแพลตฟอร์มเดียว  นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายพลังงานและการจัดการยานพาหนะสำหรับมืออาชีพ

บริษัทใหม่นี้ก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทนานาชาติและได้รับการสนับสนุนจากทีมงานที่มีทักษะและความรู้เฉพาะในด้านการออกแบบ พัฒนา ผลิต ขนส่ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเคลื่อนย้ายไฟฟ้าที่เรียบง่ายและเป็นนวัตกรรมใหม่ทั่วยุโรป โดยมีศักยภาพและมีแผนสำหรับการขยายธุรกิจระหว่างประเทศในอนาคต

คณะกรรมการของ Free2Move eSolutions

คณะกรรมการของ Free2Move eSolutions จะประกอบด้วยสมาชิก 6 คนโดยขึ้นอยู่กับการเสร็จสิ้นการร่วมทุน  Roberto Di Stefano ซึ่งเป็นตัวแทนของ Stellantis จะดำรงตำแหน่งซีอีโอและ Carlalberto Guglielminotti จาก Engie EPS และ Young Global Leader 2020 ของ World Economic Forum จะเป็นประธาน  สมาชิกคณะกรรมการท่านอื่นๆ ได้แก่ Brigitte Courtehoux (CEO ของ Free2Move Brand และสมาชิกของ Stellantis 'Global Executive Committee) และ Davide Mele (รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Enlarged Europe) จาก Stellantis กับ Luigi Michi (เดิมคือหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และระบบ การดำเนินงานใน Terna และรองประธานบริหารใน Enel) และ Giovanni Ravina (ประธานเจ้าหน้านวัตกรรม) ซึ่งเป็นตัวแทนของ Engie EPS

หลังจากการอนุมัติจากคณะกรรมการการต่อต้านการผูกขาดทั้งหมดแล้ว คาดว่าการร่วมทุนจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่สองของปี 2564

เกี่ยวกับ Engie EPS

Engie EPS เป็นเทคโนโลยีและผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมในกลุ่ม ENGIE ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปฏิวัติระบบพลังงานโลกไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียนและการเคลื่อนย้ายไฟฟ้า  โดยจดทะเบียนในตลาดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Euronext Paris (EPS.PA), Engie EPS เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีทางการเงิน CAC® Mid & Small และ CAC® All-Tradable  สำนักงานจดทะเบียนตั้งอยู่ในปารีสโดยกิจกรรมวิจัยพัฒนาและการผลิตตั้งอยู่ในอิตาลีสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: www.engie-eps.com

ติดตามเราได้ที่ LinkedIn

เกี่ยวกับ Stellantis

Stellantis เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกและเป็นผู้ให้บริการด้านการเคลื่อนที่โดยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน: เพื่อมอบอิสระในการเคลื่อนไหวด้วยโซลูชันการเคลื่อนที่ที่โดดเด่น ราคาไม่แพง และเชื่อถือได้  นอกเหนือจากประวัติอันยาวนานของกลุ่มบริษัทและการมีอยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวางแล้ว จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของกลุ่มอยู่ที่ผลการดำเนินงานที่ยั่งยืน ประสบการณ์เชิงลึก และความสามารถที่หลากหลายของพนักงานที่ทำงานอยู่ทั่วโลก  Stellantis จะใช้ประโยชน์จากพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่กว้างขวางซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยผู้มีวิสัยทัศน์ที่หลอมรวมความรักและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันแก่พนักงานและลูกค้า  Stellantis มุ่งสู่ความยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่ขนาดใหญ่ที่สุด โดยจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงชุมชนที่ตนดำเนินการอยู่

Twitter: @Stellantis | Facebook: Stellantis | LinkedIn: Stellantis | YouTube: Stellantis

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210331005421/en/

Engie EPS
สื่อติดต่อ
สำนักข่าว: Simona Raffaelli, Image Building, +39 02 89011300, eps@imagebuilding.it 

Corporate and Institutional Communication (ฝ่ายสื่อสารองค์กร): Cristina Cremonesi, +39 345 570 8686, ir@engie-eps.com

Stellantis
สื่อติดต่อ
Marco Belletti, +39 334 6004837, marco.belletti@stellantis.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Global Youth Problem-Solvers ประกาศเป็นผู้ชนะของ Mary Kay Inc. ที่สนับสนุน NFTE World Series of Innovation Challenge

Logo

World Series of Innovation Challenge ของ NFTE ซึ่งเป็นการศึกษาระดับโลก และประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบการ ได้เชิญชวนเยาวชนให้แก้ปัญหาที่ท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยเผชิญหน้ากับโลกของเราและช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 มีนาคม 2564

Mary Kay Inc. เป็นผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำในการเสริมสร้างศักยภาพและการเป็นผู้ประกอบการของผู้หญิงได้ประกาศในวันนี้สำหรับผู้ชนะ 3 อันดับแรกของ World Series of Innovation (WSI) Challenge ร่วมกับ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) ในปีแรกที่ร่วมมือกับ NFTE โดย Mary Kay ได้ให้การสนับสนุนงาน 2020 NFTE World Series of Innovation ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านการศึกษาระดับโลกที่เชิญชวนให้เยาวชนอายุ 13-24 ปีใช้ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาวิธีในการแก้ไขปัญหาสำหรับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เผชิญอยู่ในโลกปัจจุบันและยังช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมวิธีคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย รับชมฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210331005187/en/

Mary Kay sponsors Network for Teaching Entrepreneurship World Series of Innovation Challenge to inspire young entrepreneurs to solve the world’s most pressing problems. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ผู้สนับสนุน Network for Teaching Entrepreneurship World Series of Innovation Challenge เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในการแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดในโลก (ภาพ: Mary Kay Inc.)

World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลก ยื่นเสนอโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมเพื่อตอบสนองการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 12: การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ ในทั่วโลกคาดว่า 80% ของสิ่งทอที่ถูกทิ้งจะถูกฝังกลบในหลุมฝังกลบ สถิติดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอเป็นอันดับที่ 2 ในรายชื่ออุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษเลวร้ายที่สุดรองจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สำหรับความท้าทายนี้ นักเรียนได้ถูกขอให้ออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการหรือความคิดริเริ่มที่จะสร้าง “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ที่ช่วยส่งเสริมให้มีการใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลเครื่องแบบ และ/หรือเสื้อผ้าใช้แล้วอื่น ๆ ลดของเสียที่ต้องฝังกลบ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการย่อยสลายสิ่งทอ

ผู้ชนะทั้งสามของ Mary Kay’s Challenge ได้แก่:

  • อันดับที่หนึ่ง: Loop Tee Loop

o        Loop Tee Loop เป็น clothing loop แบบยั่งยืนที่รวมโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอไลโอเซลล์เข้ากับการบริการรีไซเคิลเครื่องแบบจากมหานครมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์

  • อันดับที่สอง: SwagSwap

o        SwagSwap เป็นเครือข่ายโซเชียลในสหรัฐอเมริกาสำหรับเสื้อผ้ามือสอง โดยเปิดการใช้งานการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ peer-to-peer สำหรับวัยรุ่น

  • อันดับที่สาม: Project DBrand

o        Project DBrand เป็นบริการที่ไม่เหมือนใคร ซึ่ง de-brands เครื่องแบบที่ใช้แล้ว เพื่อว่าพวกเขาสามารถนำไปรีไซเคิลสร้างสิ่งใหม่ได้ในสหรัฐอเมริกา

 “วันนี้นักเรียนเติบโตมาในโลกแห่งความยั่งยืน โดยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การสนทนาทั่วโลก และพวกเขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันเพื่อผลักดันในการเปลี่ยนแปลงนี้”  Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “Mary Kay ภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับ NFTE องค์กรที่ไม่เพียงช่วยจุดประกายความคิดของผู้ประกอบการในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้พวกเขาคิดวิเคราะห์เพื่อจัดการกับปัญหาระดับโลกที่ท้าทายอีกด้วย บริษัทระดับโลกอย่างเช่น Mary Kay มีความรับผิดชอบในการส่งเสริมนวัตกรรมของผู้ประกอบการที่สามารถช่วยทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้นไป”

NFTE เป็นองค์กรการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของการเป็นผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้น้อย World Series of Innovation (WSI) Challenge ได้เชิญชวนความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ด้วยการเข้าถึงนักเรียน 100,000 คนทั่วโลก ในปี 2020 NFTE ได้รับนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 4,000 คนจากทุกภูมิหลังที่ยื่นส่งแนวคิดใน WSI Challenges และนักเรียนที่เข้าร่วมเกือบ 350 คน ที่ได้รับจาก Mary Kay-sponsored challenge

 “World Series of Innovation ส่งเสริมให้เยาวชนในการใช้วิธีคิดของผู้ประกอบการเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลก”  J.D. LaRock ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NFTE กล่าว “ในแต่ละปี เรายังคงได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดสร้างสรรค์ที่ผู้ประกอบการรุ่นต่อไปที่คาดเดาไม่ถึง เรารู้สึกขอบคุณ Mary Kay Inc. ได้แสดงความท้าทายระดับโลกที่ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจหมุนเวียนของเสื้อผ้าและสิ่งทอในรูปแบบใหม่”

นอกเหนือจาก World Series of Innovation ดังกล่าวแล้ว Mary Kay ยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน United Nations Global Goals Conversation ของ NFTE ในปี 2020 ซึ่งเป็นกิจกรรมผู้นำทางความคิดประจำปีที่รวม เยาวชน อุตสาหกรรม องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และการกุศล เพื่อพัฒนาบทสนทนาเกี่ยวกับโซลูชันการประกอบการเพื่อสังคม ซึ่งจัดขึ้นในช่วง Global Entrepreneurship Week หัวข้อของการอภิปรายคือ “การมีส่วนร่วมให้ผู้ประกอบการคิดค้นและดำเนินการโดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อประโยชน์ต่อสังคม” ผู้ร่วมอภิปรายได้อภิปรายถึงวิธีการใหม่ ๆ ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก เช่น การว่างงาน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความไม่สงบในสังคมที่เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมกันและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในโลกหลัง COVID ซึ่ง UN Global Goals Conversation 2020 นำเสนอโดย Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY) และ Mary Kay Inc. พร้อมการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก Bank of the West BNP Paribas

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด โปรดไปที่ https://innovation.nfte.com.

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆจากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็กๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 70,000 คนต่อปี ใน 25 รัฐ ทั่วสหรัฐอเมริกา และเปิดสอนโปรแกรมในอีก 12 ประเทศเพิ่มเติม เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านช่องทางในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย โปรดไปที่ www.nfte.com

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210331005187/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
Marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย