All posts by Jasmine

Descope และ 8×8 ร่วมมือกัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในประสบการณ์ของลูกค้า

Logo

การผสานรวม CPaaS API 8×8 ใหม่เข้ากับแพลตฟอร์ม การจัดการข้อมูลประจําตัวและการเข้าถึงลูกค้า (CIAM) แบบลากและวางของ Descope ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมมอบการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุด

แคมป์เบลล์ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) แพลตฟอร์มสำหรับ CX ที่บูรณาการมากที่สุดในอุตสาหกรรมซึ่งรวม Contact Center, Unified Communication และ CPaaS APIs ประกาศความร่วมมือกับ Descope ในวันนี้ ในฐานะพันธมิตรแต่เพียงผู้เดียวในเอเชียแปซิฟิกของ Descope 8×8® จะผสานรวมแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลประจําตัวและการเข้าถึงลูกค้า (CIAM) แบบลากและวางของ Descope เข้ากับ CPaaS APIs ของ 8×8 ได้อย่างราบรื่น การผสานรวมนี้ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายผ่านเวิร์กโฟลว์ภาพที่ใช้งานง่ายของ Descope

การผสมผสานระหว่างความสามารถ 8×8 และ Descope ช่วยให้องค์กรมีโซลูชันที่สมบูรณ์ซึ่งสามารถมอบกระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ที่สม่ำเสมอ ปลอดภัย และไร้ปัญหา เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น ด้วยการเพิ่มโซลูชันเวิร์กโฟลว์ภาพแบบไม่มีโค้ด/โค้ดน้อยที่ผสานรวมของ Descope 8×8 จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับแต่งการเดินทางของผู้ใช้และสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบเฉพาะบุคคลได้ ตลอดจนปรับใช้กระบวนการเข้าสู่ระบบที่ทันสมัยได้อย่างง่ายดาย เช่น การเข้าสู่ระบบทางโซเชียล รหัสผ่าน รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) และลิงก์วิเศษ ซึ่งล้วนเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าการเข้าสู่ระบบแบบใช้รหัสผ่านแบบดั้งเดิม ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสบการณ์ของผู้ใช้

“ความมุ่งมั่นของ 8×8 ต่อประสบการณ์ของลูกค้าและความเป็นเลิศของลูกค้า เป็นหนึ่งในเหตุผลสําคัญที่เราต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกเขา” Rishi Bhargava ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของ Descope กล่าว “สําหรับเรา นี่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้เราสามารถผสมผสานการยืนยันตัวตนและการอนุญาตการเข้าถึงกับการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ โดยมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและปลอดภัยให้กับธุรกิจ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ 8×8 ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งธุรกิจต่างๆ พร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกระดับ”

องค์กรต่างๆ ที่ใช้ Descope ได้ลดจํานวนตั๋วสนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการยืนยันตัวตนลง 50% และลดต้นทุนได้อย่างมาก (30-40 เท่า) โดยไม่จําเป็นต้องสร้างระบบการยืนยันตัวตนภายในองค์กร

“การยืนยันตัวตนและการอนุญาตการเข้าถึงที่ปลอดภัยจะต้องเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดของของบริษัทอยู่เสมอ แต่ไม่จําเป็นต้องแลกกับประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า” Stephen Hamill ผู้จัดการทั่วไป CPaaS ที่ 8×8, Inc. กล่าว “ความร่วมมือของเรากับ Descope ช่วยให้องค์กรได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัย ราบรื่น และใช้งานได้ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ  ปลดล็อกศักยภาพของทุกปฏิสัมพันธ์ นอกจากนี้ ความสามารถของ Descope ยังช่วยเสริมและปรับปรุงโซลูชันการสื่อสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเรา ช่วยให้มีส่วนร่วมได้อย่างชาญฉลาดและราบรื่นยิ่งขึ้นตลอดการเดินทางของลูกค้า”

8×8 CPaaS API ขับเคลื่อนฟังก์ชันทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น การยืนยันตัวตนและการป้องกันการฉ้อโกง การตลาดและการสื่อสาร การสนับสนุนลูกค้า และการดําเนินงาน ด้วยการส่งข้อความแบบ Omnichannel ซึ่งรวมถึง SMS แอปส่งข้อความ เสียง และการโต้ตอบด้วยวิดีโอ  ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการสื่อสารทางธุรกิจและประสบการณ์ของลูกค้าในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา เป็นองค์ประกอบหลักของแพลตฟอร์ม 8×8 สําหรับ CX ซึ่งรวมศูนย์ติดต่อ การสื่อสารแบบครบวงจร และ CPaaS APIs เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น เพื่อช่วยให้องค์กรเชื่อมต่อลูกค้าและทีมทั่วโลก เสริมศักยภาพให้กับผู้นำ CX ด้วยประสิทธิภาพและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อการตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และขับเคลื่อนผลกระทบทางธุรกิจที่ยั่งยืน

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่าง 8×8 และ Descope รวมถึงโซลูชันทางธุรกิจแบบบูรณาการโดย:

ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า รวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวความร่วมมือใหม่กับ Descope และการบูรณาการ Descope กับ API การสื่อสารของ 8×8 ผู้อ่านควรระวังว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนซึ่งอาจทําให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือผลลัพธ์ที่แท้จริงของเราแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากที่แสดงไว้ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าว ผู้อ่านควรอ่านรายงานตามระยะเวลาและรายงานอื่นๆ ของ 8×8 ที่ยื่นต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อทราบถึงคําอธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าว ความเสี่ยงเหล่านี้อาจลดการเติบโตของธุรกิจ CX และโมเมนตัมของศูนย์ติดต่อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการทํากําไรของเรา 8×8 ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ

เกี่ยวกับ 8×8 Inc.

8×8, Inc. (NASDAQ: EGHT) เชื่อมโยงผู้คนและองค์กรต่างๆ ผ่านการสื่อสารที่ราบรื่นบนแพลตฟอร์มที่บูรณาการมากที่สุดในอุตสาหกรรมสําหรับประสบการณ์ลูกค้า โดยรวม Contact Center, Unified Communication และ CPaaS APIs ไว้ด้วยกัน แพลตฟอร์ม 8×8® สําหรับ CX ผสานรวม AI ในทุกระดับเพื่อช่วยให้การเดินทางของลูกค้าเป็นส่วนตัวขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการดําเนินงานและข้อมูลเชิงลึก และอํานวยความสะดวกในการทํางานร่วมกันเป็นทีม เราช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าและผู้นําด้านไอทีกลายเป็นหัวใจสําคัญขององค์กร เสริมศักยภาพให้พวกเขาปลดล็อกศักยภาพของทุกปฏิสัมพันธ์ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.8×8.com หรือติดตาม 8×8 บน LinkedIn, X และ Facebook

8×8 และโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ 8×8, Inc.

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

8×8, Inc. ติดต่อ:

สื่อ:
PR@8×8.com

นักลงทุนสัมพันธ์:
Investor.Relations@8×8.com

ที่มา: 8×8, Inc.

NIQ Research พบทัศนคติที่ซ่อนเร้นของผู้บริโภคที่มีต่อโฆษณาที่สร้างโดย AI

Logo

งานวิจัยใหม่ที่จะนำเสนออย่างเป็นทางการที่งาน Consumer Electronics Show (CES) ปี 2025

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

ในขณะที่ AI ช่วยสร้างยังคงผลักดันขอบเขตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ NielsenIQ (NIQ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภคได้เปิดเผยงานวิจัยสร้างความฮือฮาใหม่เกี่ยวกับวิธีการที่สมองของผู้บริโภคประมวลผลโฆษณาที่สร้างโดย AI โดยงานวิจัยนี้มีผลกระทบที่สำคัญสำหรับผู้ลงโฆษณาที่ต้องรับมือกับโอกาสและความท้าทายของเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้ NIQ จะพูดถึงผลการวิจัยนี้โดยคำนึงถึงกลุ่มวัยต่างๆ ใน CES 2025 เซสชั่นพาแนลที่มีชื่อว่า การปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง: การเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ในกลยุทธ์การโฆษณา ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม เวลา 10:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก (PST)

Ramon Melgarejo ประธานฝ่ายการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และข้อมูลเชิงลึกของ NIQ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยนี้ไว้ว่า “แบรนด์และหน่วยงานต่างๆ กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่สร้างโดย AI ในการโฆษณาของตน แบรนด์และหน่วยงานเหล่านี้ต้องระมัดระวัง เพราะงานวิจัยของเราเปิดเผยว่าผู้บริโภคค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องความเป็นของแท้ของงานโฆษณา ทั้งในระดับโดยนัย (ไม่รู้สึกตัว) และระดับชัดเจน (รู้สึกตัว) แบรนด์จะต้องจัดลำดับความสำคัญกสรประเมินชิ้นงานโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ”

  การวิจัยที่สำคัญเกี่ยวกับโฆษณาที่สร้างโดย AI พบว่า:
  1. อิทธิพลเชิงลบต่อแบรนด์
    ผู้บริโภคสามารถระบุโฆษณาที่สร้างด้วย AI ได้ในทันที โดยมีความเห็นว่าโฆษณาเหล่านี้ไม่ค่อยน่าดึงดูด และให้ความรู้สึกว่า “น่ารำคาญ,” “น่าเบื่อ,” และ “ชวนให้สับสน” มากกว่าโฆษณาแบบดั้งเดิม ความรู้สึกเหล่านี้บ่งบอกว่าโฆษณาที่สร้างโดย AI อาจสร้างอิทธิพลเชิงลบที่อาจทำให้ผู้บริโภคมองทั้งโฆษณาและแบรนด์ในแง่ลบ

     
  2. การกระตุ้นความทรงจำที่อ่อน
    โฆษณาที่สร้างโดย AI แม้กระทั่งโฆษณาที่ถูกมองมี “คุณภาพสูง” ทำให้เกิดการกระตุ้นความทรงจำที่อ่อนในสมองเมื่อเทียบกับโฆษณาแบบดั้งเดิม การตอบสนองนี้บ่งบอกถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างเนื้อหาและโครงสร้างความทรงจำที่มีอยู่ ซึ่งเป็นช่องว่างที่อาจขัดขวางแรงจูงใจในการดำเนินการของผู้บริโภค

     
  3. ข้อดีและข้อเสียในแง่ของการเสริมสร้างแบรนด์
    เดิมด้วยการดึงข้อมูลจากภาพและแนวคิดที่มีอยู่ก่อนแล้ว โฆษณาที่สร้างโดย AI สามารถเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่มีอยู่ได้สำเร็จ แต่เมื่อรวมเข้ากับอิทธิพลเชิงลบต่อแบรนด์ ผลประโยชน์นี้อาจถูกกลบโดยการรับรู้เชิงลบแบบโดยรวม

     
  4. ภาพที่สร้างภาระทางการรับรู้
    งานภาพคุณภาพต่ำในโฆษณาที่สร้างโดย AI เพิ่มความพยายามทางการรับรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในการประมวลผลโฆษณาเหล่านั้น ซึ่งเป็นการเบียงเบนความสนใจจากข้อความที่ต้องการสื่อ การดำเนินการคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเล่าเรื่องที่มีประสิทธิภาพและการสื่อสารของแบรนด์

แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลง

Marta Cyhan-Bowles ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารและหัวหน้าฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ NIQ กล่าวว่า “งานในขณะที่ผู้โฆษณาทดลองกับ AI ช่วยสร้างเพื่อปรับปรุงการสร้างโฆษณาและลดค่าใช้จ่าย งานวิจัยนี้จะช่วยให้แนวทางที่สำคัญ” “แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยประสาทวิทยาศาสตร์ของเราเปิดเผยวิธีที่ผู้บริโภคประมวลผลเนื้อหาที่สร้างด้วย AI โดยไม่รู้ตัวและเน้นให้เห็นเส้นแบ่งระหว่างนวัตกรรมและความรู้สึกไม่สบายใจ”

Cyhan-Bowles เตือนว่าถึงแม้ว่า AI จะนำเสนอศักยภาพที่น่าตื่นเต้นสำหรับการสร้างแนวคิดในระยะแรกเริ่มและการทดสอบองค์ประกอบของแบรนด์ เนื้อหา AI ที่ดำเนินการได้ไม่ดีอาจทำลายคุณค่าแบรนด์ของคุณ แม้ว่าเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้จะไม่มาแทนที่การสร้างโฆษณาแบบดั้งเดิมในทันที แต่ความสามารถของเทคโลยีนี้ก็ยังคงสามารถยกระดับกระบวนการสร้างสรรค์เมื่อนำไปผสานงานอย่างรอบคอบได้

นอกจากนี้ AI ยังขับเคลื่อนแระสิทธิภาพการตลาดในการพัฒนาสินค้าที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคในระยะยาว โดยจะมอบข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความชอบของลูกค้า AI กำลังอุดช่องว่างระหว่างธุรกิจและลูกค้าด้วยการยกระดับความเข้าใจในเรื่องความชอบของลูกค้า เครื่องมือใหม่ที่สร้างความฮือฮาอย่าง NIQ’s Ad Explorer กำลังช่วยให้นักการตลาดเพิ่มคุณค่าแบรนด์ด้วยการใช้ประโยชน์จากการรับรู้แบบไม่รู้สึกตัวของลูกค้าเพื่อจัดลำดับความสำคัญข้อมูลเชิงลึกความสร้างสรรค์ ทดสอบหลายเวอร์ชันของโฆษณา และทำให้ทันเวลาโดยไม่เสียคุณภาพ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยโดยละเอียด ที่นี่ และติดตามสถานการณ์ในอนาคตในเรื่องของการโฆษณาที่สร้างโดย AI

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) คือบริษัทข่าวกรองผู้บริโภคชั้นนำระดับโลก ซึ่งทำหน้าที่ส่งมอบความเข้าใจที่ครบถ้วนในเรื่องของพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่ในการเติบโต NIQ โตรวมเข้ากับรวมเข้ากับ GfK ในปี 2023 ซึ่งเป็นการนำผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองที่มีการเข้าถึงระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มาร่วมมือกัน ในวันนี้ NIQ นี้มีการปฏิบัติงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการค้าปลีกแบบครบวงจรและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครบถ้วนที่สุด ซึ่งนำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัย NIQ ส่งมอบ Full View™

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.niq.com

เกี่ยวกับงานวิจัย NIQ

งานวิจัยมีผู้มีส่วนร่วมมากกว่า 2,000 คนที่ดูโฆษณาที่สร้างโดย AI ตั้งแต่คุณภาพต่ำไปจนถึงคุณภาพสูง โดยมีการวัดกิจกรรมสมองด้วยการใช้อิเล็กโทรเอนซาโลแกรม (EEG) สำหรับผู้มีส่วนร่วมประมาณ 150 คน หลังจากดูโฆษณา ผู้มีส่วนร่วมทุกคนจะถูกขอให้แบ่งปันข้อคิดเห็นอย่างชัดเจนผ่านแบบสำรวจ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

แหล่งที่มา: NielsenIQ

ผู้ก่อตั้ง Xsolla ชื่อ Shurick Agapitov เปิดตัวเกาะ Fortnite ที่มีชื่อว่า Once Upon Tomorrow: ประสบการณ์ดื่มด่ำที่แหวกแนวที่ทำให้จักรวาลของนวนิยายมีชีวิตขึ้นมา

Logo

ความท้าทายปากัวร์สุดเร้าใจพบกับเกมเพลย์เน้นเนื้อเรื่องในแผนที่ Fortnite Creative ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Once Upon Tomorrow

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

Shurick Agapitov ผู้ก่อตั้ง Xsolla และมีวิสัยทัศน์ในอุตสาหกรรมเกม ภูมิใจที่จะประกาศการเปิดตัวเกาะ Fortnite ที่มีชื่อว่า Once Upon Tomorrow แผนที่ Fortnite Creative แบบดื่มด่ำนี้จะพาผู้เล่นเข้าสู่โลกแห่งเรื่องราวอันเข้มข้นจากนวนิยายของเขา ประสบการณ์สุดสร้างสรรค์นี้ ซึ่งพัฒนาด้วย Unreal Editor for Fortnite (UEFN) ผสานความท้าทายปากัวร์ความเร็วสูงเข้ากับองค์ประกอบเชิงลึกจากธีมของ Once Upon Tomorrow ได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นการเชิญชวนผู้เล่นให้มาทดสอบทักษะของตนในขณะที่เดินทางผ่านทิวทัศน์อันสวยงามตระการตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและการผจญภัยของตัวละครในหนังสือ

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

Shurick Agapitov ผู้ก่อตั้ง Xsolla กล่าวว่า “Once Upon Tomorrow ในโหมด Fortnite Creative เป็นวิธีการของเราในการขยายการเข้าถึงและความลึกของนวนิยาย ซึ่งจะเป็นการนำเสนอการผจญภัยแบบอินเทอร์แอคทีฟให้กับผู้เล่นซึ่งจะท้าทายทั้งทักษะและความเข้าใจที่ผู้เล่นมีต่อธีมของเนื้อเรื่อง” “เราออกแบบแผนที่นี้เพื่อดึงดูดผู้เล่นที่โหยหาความท้าทายที่ดีและทำให้ผู้เล่นเหล่านั้นดื่มด่ำไปกับโลกที่งดงามตระการตาและได้รับแรงบันดาลใจใกจากหนังสืออย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นการผจญภัยที่ใช้ความสามารถทางเทคนิคของ UEFN เพื่อยกระดับการเล่าเรื่องใน Fortnite ในลักษณะที่เปลี่ยนแปลงประสบการณ์การเล่นเกมอย่างแท้จริง”

Once Upon Tomorrow ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อผลักดันขอบเขตของ Fortnite Creative นำเสนอการผจญภัยปากัวร์แบบไดนามิกและขับด้วยเนื้อเรื่องซึ่งตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือและวิสัยทัศน์ของ Agapitov โดยแต่ละเส้นทางจะมีความท้าทายด้านความคล่องแคล่วต่างๆ ซึ่งต้องให้ผู้เล่นวิ่ง กระโดด และปีนด้วยความแม่นยำและความรวดเร็วในขณะที่ดื่มด่ำไปกับโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นทางสายตาที่สะท้อนถึงธีมของความอดทนและการค้นพบที่เป็นหัวใจของหนังสือAgapitov ได้สร้างประสบการณ์ที่อยู่เหนือกว่าแผนที่ปากัวร์ดั้งเดิมโดยการผสมผสานเกมการเล่นเข้ากับการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นการส่งมอบทั้งเกมการเล่นที่ตื่นเต้นและความเชื่อมโยงที่มีความหมายถึงโลกของนวนิยาย

Once Upon Tomorrow คือโปรเจ็คหนึ่งในโหมด Fortnite Creative ที่ผสานการปากัวร์ความเสี่ยงสูงเข้ากับการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง แผนที่นี้เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่สามารถทำได้ผ่านการใช้ UEFN ซึ่งนำเสนอประสบการณ์ที่น่าสนใจและมีหลายมิติซึ่งเป็นที่ดึงดูดสำหรับฐานผู้เล่นจำนวนมากของ Fortnite และแฟนๆ ของนวนิยายและประสบการณ์การเล่นเกมที่เต็มไปด้วยเนื้อเรื่องที่ ในทุกๆ ด้านของแผนที่นี้ ตั้งแต่กลไกเกมการเล่นที่เข้มข้นไปจนถึงการออกแบบที่ชวนดื่มด่ำและมีชีวิตชีวาถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในโหมด Fortnite Creative

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Once Upon Tomorrow และประสบการณ์โหมด Fortnite Creative ที่ชวนดื่มด่ำ โปรดไป xsolla.blog/outf

เกี่ยวกับ Shurick Agapitov

Shurick Agapitov คือผู้ก่อตั้ง Xsolla ผู้มีวิสัยทัศน์ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในวงการเกมเชิงพาณิชย์ในระดับโลก โดย Shurick Agapitov เป็นที่รู้จักในเรื่องของการมีส่วนร่วมในวงการเกม Web3 และเมตาเวิร์ส Agapitov ได้ขับเคลื่อน Xsolla ให้กลายเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญสำหรับนักพัฒนาเกมและผู้เผยแพร่ทั่วโลก ความอุทิศตัวของเขาที่มีให้กับการยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลและอินเทอร์แอคทีฟนั้นมีการสะท้อนให้เห็นในการเปิดตัว Once Upon Tomorrow ซึ่งเป็นการขยายวิสัยทัศน์ของเขาให้กว้างออกไปเหนือกว่าหน้ากระดาษไปสู่โลกที่มีความไดนามิกของโหมด Fortnite Creative

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่มีประสิทธิภาพและทรงพลังซึ่งออกแบบมาสำหรับอุตสาหกรรมเกมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือผู้พัฒนาเกมและผู้เผยแพร่ทุกขนาดหลายพันรายในการระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของพวกเขาทั่วโลกและบนหลายแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้นำที่มีนวัตกรรมในวงการเกมเชิงพาณิชย์ ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาความซับซ้อนในตัวของการจัดจำหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลกเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับผู้เล่นเกมทั่วโลก Xsolla ซึ่งมีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลกสนับสนุนพาร์ทเนอร์วงการเกมชั้นนำอย่าง Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo, และอื่นๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/54165850/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

ติดต่อสื่อสาร
Derrick Stembridge
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลก, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

แหล่งที่มา: Xsolla

NIQ BASES เปิดเผยรายชื่อผู้ชนะนวัตกรรมก้าวล้ำปี 2024 และเทรนด์ยอมนิยมที่ขับเคลื่อนการเติบโต

Logo

  • นักสร้างสรรค์นวัตกรรมยอดเยี่ยม: รางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 (2024 Breakthrough Innovation Award) ยกย่องผู้ชนะ 8 รายและผู้ได้รับเกียรติเป็นคลื่นลูกใหม่ 5 รายจากสำหรับผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในประเทศไทย และโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
  • นวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโต: ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผลงานดีเกินค่าเฉลี่ยของแต่ละหมวดหมู่ โดยมีอัตราการปิดการขายสูงขึ้น 4 เท่าและการจัดจำหน่ายสูงขึ้น 2 เท่าในช่วงปีเปิดตัว นอกจากนี้ ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำยังสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 50% ในปีที่สองของการเปิดตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบอันยั่งยืนของนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์
  • เทรนด์เกิดใหม่: ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นในเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนผสมที่ได้รับแรงบันดาลใจทางด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและผลติภัณฑ์แบบเฉพาะบุคคล กำลังกำหนดอนาคตของนวัตกรรม FMCG ในภูมิภาคนี้อย่างรวดเร็ว

กรุงเทพฯ–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค มีความภูมิใจที่จะเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมยังคงเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ ในงานสุดพิเศษที่จัดขึ้นในประเทศไทย NIQ BASES ได้จัดงานเฉลิมฉลองให้กับผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 โดยยกย่องแบรนด์ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดและดึงดูดผู้บริโภคด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อันโดดเด่น

Celebrating Excellence: Winners and Wavemaker honorees of the 2024 NielsenIQ BASES Breakthrough Innovation Awards in Thailand. (Photo: Business Wire)

ร่วมเฉลิมฉลองความเป็นเลิศ: ผู้ชนะและผู้ได้รับเกียรติเป็นคลื่นลูกใหม่จากงานประกาศรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำของ NielsenIQ BASES ประจำปี 2024 ในประเทศไทย (รูปภาพ: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลเหล่านี้เปิดตัวระหว่างปี 2022 ถึง 2023 และประสบความสำเร็จในการนำทางไปสู่ภูมิทัศน์ของผู้บริโภคที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ขับเคลื่อนการเติบโตผ่านนวัตกรรม

ในตลาดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งความคาดหวังของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสภาวะตลาดยังคงคาดเดาไม่ได้ นวัตกรรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังการเติบโตที่ยั่งยืน ตามรายงานของ NIQ BASES นักสร้างสรรค์นวัตกรรมยอดเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบความสำเร็จในการปิดยอดเร็วสูงขึ้น 4 เท่า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สูงขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วงปีเปิดตัว เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับการเปิดตัวใหม่ ข้อมูลนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมเชิงกลยุทธ์สามารถผลักดันแบรนด์ให้ก้าวล้ำหน้าคู่แข่งขัน

“การเปิดตัวนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จยังคงเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตของแบรนด์ที่ยึดตามความต้องการของผู้บริโภคและการยอมรับของผู้ค้าปลีก” โกตัม เซธ รองประธาน NIQ BASES กล่าว “ผู้ชนะในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงยอดขายอันแข็งแกร่งในช่วงปีเปิดตัวและพลังอันยั่งยืนแห่งนวัตกรรมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รายการนี้เฉลิมฉลองให้กับสิ่งสร้างสรรค์ของผู้ผลิต FMCG ที่บรรลุผลสำเร็จในการขับเคลื่อนการเติบโต อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อเราจับคู่แนวคิดอันยอดเยี่ยมกับผลิตภัณฑ์อันเหนือชั้นและการกระตุ้นเชิงกลยุทธ์ ความสำเร็จของนักการตลาดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่านวัตกรรมที่ประสบผลสำเร็จสามารถเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตได้ แม้ในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจอันท้าทายก็ตาม”

NIQ BASES เพิ่มศักยภาพให้กับแบรนด์ FMCG ด้วยข้อมูลเชิงลึกอันล้ำสมัยเพื่อกระตุ้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับปรุงแบรนด์ และการกระตุ้นเปิดตัวสู่ตลาด ด้วยสิทธิบัตรมากกว่า 100 ฉบับและฐานข้อมูลนวัตกรรมที่ได้รับการประเมิน 500,000 รายการ ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญในแพลตฟอร์ม AI, Neuro และ Agile สิ่งเหล่านี้ทำให้ NIQ มีความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ในด้านพลวัตของตลาดและกลยุทธ์ที่ดำเนินการได้จริงเพื่อความสำเร็จ

เฉลิมฉลองให้กับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมก้าวล้ำ

ผู้ชนะรางวัลรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำในปีนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการดำเนินการ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ก้าวข้ามความยุ่งเหยิงของตลาดเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่ชนะเลิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งโดยเฉลี่ย 56% ในช่วงปีที่สองเมื่อเทียบกับครั้งแรก ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังแห่งนวัตกรรมที่มีจุดมุ่งหมาย

ตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา แบรนด์ต่างๆ มากกว่า 900 แบรนด์ทั่วโลกได้รับการยกย่องด้วยเกียรติยศอันทรงเกียรตินี้ รวมถึงนวัตกรรมประมาณ 600 รายการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากหมวดหมู่ต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม (60%) และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและบ้าน (37%)

ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 ในประเทศไทย ได้แก่:

  • พี.อาร์.บิ๊กแบ็กรสสาหร่าย โดยพี.อาร์.ฟู้ดแลนด์
  • นมเมจิ ไฮโปรตีน โดยซี.พี.เมจิ
  • จูปาจุ๊ปส์ กัมมี่ไบท์ส แอนด์ ทูปส์ โดยเพอร์เฟตติ ฟาน เมลล์
  • ชาเขียวสกัดเย็นฮารุ โดยดริงก์ เอ็นเตอร์ไพรส์
  • ลอรีอัล ปารีส ไกลโคลิก-ไบรท์ สกิน โดยลอรีอัล ประเทศไทย
  • ลักซ์ โกลว์ บอดี้ วอช 3X แอนด์ 5X กลูต้า โดยยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง
  • ยาสีฟันดาร์ลี่ ออล ชายนี่ ไวท์ เอนไซม์ (เฟรช มิ้นท์) และ ยาสีฟันดาร์ลี่ ออล ชายนี่ ไวท์ เอนไซม์ (ฟลอรัล เฟรช) โดยฮอว์ลี่ย์ แอนด์ ฮาเซล เคมิคอล (ประเทศไทย)
  • แชมพูรีจอยส์ โคเรียน เจจู โรส เอดิชั่น โดยพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย)

หมวดหมู่คลื่นลูกใหม่ (Wavemaker) เป็นการยกย่องการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเร็วในการปิดยอดจากตลาดอันแข็งแกร่งและศักยภาพสำหรับความสำเร็จในอนาคต

คลื่นลูกใหม่ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมก้าวล้ำประจำปี 2024 ในประเทศไทย ได้แก่:

  • ป๊อกกี้ ครัชฟรุตแอนด์นัท โดยไทยกูลิโกะ
  • อเมซอนแบล็ค อเมซอนเอสเพรสโซ่ และอเมซอนลาเต้ โดยดริงก์ เอ็นเตอร์ไพรส์
  • คิวมินซี สมูทตี้ โปรไบโอติก โดยเทรา ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ
  • ลิปตัน ไอซ์ที แบล็ค สปาร์คกลิ้ง เลมอน น้ำตาล 0% โดยซันโทรี่ เป๊ปซิโค เบเวอเรจ (ประเทศไทย)
  • คาราบาว เบียร์ ลาเกอร์ และ คาราบาว เบียร์ ดังเคิล โดยคาราบาว กรุ๊ป

ผู้ชนะแต่ละรายแสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่ดี และการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญ 3 ประการของ NIQ BASES ที่สามารถสร้างความสำเร็จในตลาดอันโดดเด่น

เทรนด์นวัตกรรมเกิดใหม่

การวิเคราะห์นวัตกรรมก้าวล้ำปี 2024 เน้นย้ำถึงโอกาสสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ได้แก่:

  • สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี: ผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรี่ต่ำ น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ หรือส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของลำไส้ ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดหมู่อาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ตลาดบางแห่งยังแสวงหาประโยชน์ด้านฟังก์ชันการทำงาน เช่น การเพิ่มพลังงานและภูมิคุ้มกัน
  • แรงบันดาลใจทางวัฒนธรรม: ส่วนผสมและรสชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทรนด์เกาหลีและญี่ปุ่นกำลังได้รับกระแสตอบรับอย่างดีในหลากหลายหมวดหมู่ ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
  • ท้องถิ่นและกำหนดเอง: มีความต้องการส่วนผสมในท้องถิ่นหรือที่มาจากแหล่งยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับแต่งตามความต้องการของท้องถิ่นในหมวดหมู่ต่างๆ จากภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น

“ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้แสดงถึงโอกาสที่สามารถดำเนินการได้จริงสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่จะตอบสนองต่อความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่หรือช่องว่างในตลาดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และสร้างการเชื่อมโยงที่ยั่งยืนกับผู้บริโภค” เซธกล่าวเสริม

นวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมช่วยแก้ปัญหาผู้บริโภค และทำได้ดีกว่าสิ่งอื่นใด! ใช้พลังแห่งนวัตกรรมเพื่อเติมชีวิตใหม่ให้กับแบรนด์ของคุณ

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค ซึ่งนำเสนอความเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคอย่างครบถ้วนที่สุด และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่ๆ สู่การเติบโต NIQ ผนวกรวมกับ GfK ในปี 2023 ส่งผลให้ทั้งสองผู้นำในอุตสาหกรรมมีการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ซึ่งคิดเป็น 97% ของ GDP ของโลก โดย NIQ นำเสนอ Full View™ ด้วยการนำเสนอข้อมูลการขายปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมมากที่สุด พร้อมด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มอันทันสมัย

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.niq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชน:
Natharin Nunai, natharin.nunai@nielseniq.com

แหล่งที่มา: NielsenIQ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54162202/en

Nabat บริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศแห่งใหม่ในอาบูดาบีจะใช้ AI และหุ่นยนต์เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนและเพิ่มความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพอากาศ

Logo

สตาร์ทอัพใหม่จาก VentureOne ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council/ATRC) จะใช้ AI และหุ่นยนต์อัตโนมัติเพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศธรรมชาติ โดยเริ่มจากป่าชายเลนและขยายไปยังแหล่งที่อยู่อาศัยอื่น ๆ

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

VentureOne ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council/ATRC) เปิดตัว Nabat ในงานประชุมการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนนานาชาติที่จัดขึ้นในอาบูดาบี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศแห่งใหม่ที่จะอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนและระบบนิเวศอื่น ๆ ทั่วภูมิภาคโดยใช้ AI และหุ่นยนต์

Nabat, New Abu Dhabi Climate Tech Venture, to use AI and Robotics to Restore Mangroves and Boost Climate Resilience (Photo: AETOSWire)

Nabat บริษัทร่วมทุนด้านเทคโนโลยีสภาพอากาศแห่งใหม่ในอาบูดาบีจะใช้ AI และหุ่นยนต์เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนและเพิ่มความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพอากาศ (รูปภาพ: AETOSWire)

Nabat ได้จัดแสดงเทคโนโลยีขั้นสูงของบริษัท ซึ่งรวมถึงโดรนที่ขับเคลื่อนด้วยซอร์ฟแวร์ AI และมาพร้อมกับกลไกเพาะปลูกแบบยืดหยุ่น ซึ่งจะนำไปใช้ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนหลายพันเฮกตาร์ทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในอีกเจ็ดปีข้างหน้า ป่าชายเลนนั้นจะกักเก็บคาร์บอนมากกว่าต้นไม้ในป่าฝนถึงห้าเท่า ทั้งยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบนิเวศของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอีกด้วย

“Nabat ได้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติได้อย่างไร” ฯพณฯ Faisal Al Bannai เลขาธิการสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) กล่าว “เราสามารถขับเคลื่อนความพยายามในการฟื้นฟูระบบนิเวศ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และเสริมสร้างความสามารถในการรับมือสภาพอากาศเพื่อเร่งเส้นทางสู่เป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซในประเทศของเราให้เป็นศูนย์ได้ด้วยการผสานนวัตกรรมเข้ากับวิทยาศาสตร์”

“ผู้คนมักมองว่าเทคโนโลยีกับธรรมชาติเป็นสองสิ่งที่ไม่ลงรอยกัน แต่เมื่อเราผสานเทคโนโลยีเข้ากับการวิจัยตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาสำคัญ ๆ เทคโนโลยีก็สามารถกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ทรงพลังของธรรมชาติได้” ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ Technology Innovation Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยประยุกต์ของ ATRC และผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Nabat กล่าว “ระบบของเราช่วยแก้ไขปัญหาในการอนุรักษ์ได้หลายประการ และหนึ่งในประการสำคัญก็คือการเก็บรวบรวมข้อมูล ไม่มีระบบนิเวศใดที่เหมือนกัน ดังนั้น แต่ละระบบนิเวศจึงจำเป็นต้องใช้แนวทางที่ออกแบบให้เหมาะสมกับระบบนิเวศโดยใช้ข้อมูลสนับสนุน

ระบบ AI และหุ่นยนตร์ของ Nabat ช่วยจัดทำแผนที่ หว่านเมล็ดพันธุ์ และช่วยตรวจสอบได้อย่างแม่นยำ จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าการอนุรักษ์และฟื้นฟูจะได้รับการออกแบบตามความต้องการเฉพาะและความซับซ้อนของระบบนิเวศแต่ละแห่ง โดยระบบของ Nabat จะแตะต้องแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะต่างจากการปลูกป่าชายเลนแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้แรงงานมากและอาจทำอันตรายต่อระบบนิเวศโดยรอบได้

เทคโนโลยีของ Nabat จะช่วยมอบข้อมูลด้านดิน รวมถึงความหนาแน่น ระดับความสูง และอุทกวิทยาของแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติได้เป็นจำนวนมากในระหว่างขั้นตอนการจัดทำแผนที่ โดยกลไกหว่านเมล็ดพันธุ์ของโดรนจะใช้การวางแผนวิถีที่เหมาะสมที่สุดและรูปแบบการหว่านเมล็ดที่ยืดหยุ่นเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถหว่านเพาะเมล็ดพันธุ์ได้อย่างแม่นยำและหว่านเพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ ระบบยังมาพร้อมความสามารถในการช่วยให้แน่ใจว่าต้นไม้ที่ปลูกจะเติบโตอย่างปลอดภัยด้วย

เทคโนโลยีของ Nabat ทำงานได้แม้ในพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงได้ยาก ช่วยให้ความพยายามในการอนุรักษ์และฟื้นฟูสามารถไล่ระดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ช่วยลดต้นทุนให้เหลือน้อยที่สุด

Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne บริษัทแม่ของ Nabat กล่าวว่า “จิตวิญญาณของ VentureOne คือการเปิดตัวสตาร์ทอัพที่นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสู่โลก เพราะเทคโนโลยีที่มีคุณค่าที่สุดไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม มีประสิทธิภาพ หรือสร้างกำไรเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกที่สามารถวัดผลได้ด้วย ถือเป็นอภิสิทธิ์อย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับทีมงานและระบบนิเวศน์ที่กว้างขึ้นของเราในการมีส่วนสนับสนุนเส้นทางสู่ความยั่งยืนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลักษณะพื้นฐานเช่นนี้”

แม้ว่าในช่วงแรกบริษัทจะเน้นที่ป่าชายเลนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่บริษัทก็มีแผนที่จะขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาคและให้บริการระบบนิเวศอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงพื้นที่ทะเลทราย พื้นที่เกษตรกรรม ป่าไม้ และแนวปะการังอีกด้วย

*แหล่งข้อมูล: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54165310/en

ข้อมูลติดต่อ

Audrey Fernandes
Audrey.fernandes@edelman.com

แหล่งข้อมูล: Nabat

Mastercard และ Xsolla ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมผ่านการชำระด้วยแต้ม (Pay With Points) ในโปแลนด์

Logo

การชำระด้วยแต้ม (Pay With Points) จาก Xsolla จะพร้อมให้บริการสำหรับผู้ถือบัตร Mastercard กับ Alior Bank โดยได้รับการสนับสนุนจากโซลูชันการแลกแต้มของ Mastercard

ลอส แอนเจลิสและเพอร์เชส นิวยอร์ก และวอร์ซอ โปแลนด์ –(BUSINESS WIRE)– 11 ธันวาคม 2024

Xsolla ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายวิดีโอเกมระดับโลกและ Mastercard ได้มาร่วมงานกันในโปแลนด์เป็นครั้งแรกผ่าน Alior Bank โดยผู้ที่ถือบัตร Mastercard อยู่กับ Alior Bank จะสามารถใช้การชำระด้วยแต้ม (Pay with Points) จาก Xsolla เพื่อใช้แต้มสมาชิกในการซื้อสินค้าในเกมโดยตรงได้เลยใน Pay Station ของ Xsolla การผสานรวมระบบที่มาพร้อมความสามารถในการแลกแต้มดิจิทัลจาก Mastercard ในครั้งนี้จะช่วยให้บรรดาเกมเมอร์สามารถชำระค่าสินค้าด้วยแต้มสมาชิกได้อย่างปลอดภัย

(Graphic: Xsolla)

(กราฟิก: Xsolla)

วงการเกมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนเหล่าเกมเมอร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นทุกปี แต่การชำระเงินในเกมก็ยังคงเป็นเรื่องที่ควรปรับปรุงอยู่ ผู้บริโภคกว่า 40% กล่าวว่าตนต้องการความช่วยเหลือในการซื้อสกุลเงินในเกม และกว่า 30% รู้สึกว่าการซื้อในเกมออนไลน์ก็มีขั้นตอนมากเกินไป1

การชำระด้วยแต้ม (Pay with Points) จาก Xsolla จะช่วยแก้ปัญหานี้ด้วยโซลูชันที่ลื่นไหลและผสานเข้ากับการชำระเงินด้วย Pay Station ของ Xsolla แบบเฉพาะตัวอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ถือบัตร Mastercard กับ Alior Bank สามารถใช้แต้มสมาชิกในบัตรเครดิตที่ได้จากทุกการซื้อเพื่อนำมาซื้อเกมสุดโปรด ไอเทมในเกม และสกุลเงินเสมือนได้โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์มที่ใช้เล่นเกม ในปัจจุบัน เมื่อเกมเมอร์ในโปแลนด์ต้องการซื้อสินค้าในเกมผ่านทางออนไลน์โดยใช้ Mastercard เป็นช่องทางชำระเงิน เกมเมอร์ก็สามารถแลกแต้มในบัตรผ่านการชำระเงินได้ง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนน้อยลงและมั่นใจกว่าที่เคย

รับฟังความคิดเห็นจากทีม

คุณ Anton Zelenin ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Fintech จาก Xsolla กล่าวว่า “การร่วมมือกับ Alior Bank และ Mastercard ในครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการเชื่อมโยงบริการด้านการเงินเข้ากับการเล่นเกม เมื่อผู้เล่นสามารถใช้แต้มสมาชิกเพื่อทำการซื้อในเกมได้ ก็นับเป็นการมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและล้ำค่า ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับธุรกรรมในแต่ละวันและยกระดับวงการเกม”

คุณ Berkley Egenes ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและการเติบโตของ Xsolla กล่าวว่า “การร่วมมือกับ Mastercard และ Alior Bank ในการพัฒนาโซลูชันการชำระด้วยแต้ม (Pay with Points) ช่วยให้ผู้เล่นสามารถใช้แต้มสมาชิกในเกมโปรดของตนโดยตรงได้อย่างปลอดภัย ในตอนนี้ ผู้บริโภคก็สามารถใช้แต้มที่ได้จากธุรกรรมในแต่ละวันเพื่อซื้อไอเทมดิจิทัลและสินค้าเสมือนในเกมเพื่อช่วยให้เล่นเกมได้เพลิดเพลินยิ่งขึ้น” และ “เรามีเป้าหมายที่จะช่วยให้ทุกคนมีโอกาสและการเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม และการผสานรวมระบบครั้งนี้ในโปแลนด์ก็ช่วยให้บรรดาผู้เล่นและนักพัฒนาทั่วโลกเห็นถึงความเป็นไปได้”

คุณ Scott Abrahams ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายความร่วมมือระดับสากลของ Mastercard ได้กล่าวถึงการเปิดตัวในครั้งนี้เอาไว้ว่า “Mastercard ได้นำเทคโนโลยีและโซลูชันต่าง ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในแต่ละวันเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่เหนือชั้นกว่าที่เคย และความสามารถในการแลกแต้มสมาชิกก็เป็นเพียงตัวอย่างที่ดีอย่างหนึ่งเท่านั้น การร่วมงานกับ Xsolla และ Alior Bank ก็แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกันในอุตสาหกรรมที่เราจะเดินหน้ายกระดับวงการเกมทั่วโลก เพื่อช่วยให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยและช่วยเพิ่มคุณค่าที่ส่งเสริมความหลงใหลที่ผู้คนมีต่อเรื่องต่าง ๆ”

“โซลูชันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งในการมอบประสบการณ์อันล้ำค่าที่ผสมผสานความเพลิดเพลินเข้ากับสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในทุก ๆ วัน เกมนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของลูกค้าจำนวนมาก เราจึงดีใจที่ได้ช่วยสนับสนุนความหลงใหลของลูกค้าโดยการเสนอวิธีใหม่ในการใช้แต้มสมาชิก โซลูชันนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาเกมได้ในขณะทำกิจกรรมในแต่ละวัน เช่น การช็อปปิง” คุณ Mateusz Tomczak ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Alior Bank กล่าว

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระด้วยแต้ม (Pay with Points) จาก Xsolla ให้ไปที่ xsolla.pro/pwp1 คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันการแลกแต้มดิจิทัลของ Mastercard ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla คือบริษัทผู้จัดจำหน่ายวิดีโอเกมระดับโลก ซึ่งมาพร้อมเครื่องมือและบริการที่เปี่ยมประสิทธิภาพและออกแบบมาเพื่อวงการนี้โดยเฉพาะ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2005 Xsolla ได้ช่วยผู้พัฒนาและผู้เผยแพร่เกมหลายพันรายทุกขนาดในการระดมทุน ทำการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของตนทั่วโลกและในหลากหลายแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้นำแห่งนวัตกรรมในการจำหน่ายเกม Xsolla มีพันธกิจในการแก้ไขความซับซ้อนที่เกิดขึ้นในการเผยแพร่ การทำการตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น มีรายได้มากขึ้น และสานสัมพันธ์กับเหล่าเกมเมอร์ทั่วโลก Xsolla มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในลอส แอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ในลอนดอน เบอร์ลิน โซล เป่ย์จิง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก และช่วยสนับสนุนพาร์ทเนอร์ด้านเกมชั้นนำต่าง ๆ เช่น Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอีกมากมาย โปรดดูข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมที่ xsolla.com

เกี่ยวกับ Mastercard

Mastercard ส่งเสริมเศรษฐกิจและสนับสนุนผู้คนในประเทศและดินแดนต่าง ๆ กว่า 200 แห่งทั่วโลก เรากำลังร่วมมือกับลูกค้าในการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนซึ่งทุกคนล้วนสามารถเจริญก้าวหน้าขึ้นได้ เรารองรับวิธีการชำระเงินแบบดิจิทัลหลากหลายแบบ ช่วยให้ธุรกรรมมีความปลอดภัย เรียบง่าย ชาญฉลาด และเข้าถึงได้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ความร่วมมือ และเครือข่ายของเราผสานรวมกันเพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยให้ผู้คน ธุรกิจ และรัฐบาลต่าง ๆ ใช้ศักยภาพได้ถึงขีดสุด www.mastercard.com

เกี่ยวกับ Alior Bank

Alior Bank คือธนาคารที่ให้บริการแบบครบวงจรแห่งหนึ่งที่เติบโตเร็วที่สุดในโปแลนด์ ธนาคารแห่งนี้เริ่มดำเนินงานเมื่อปี 2008 ในฐานะธนาคารรูปแบบใหม่ที่ผสานรวมการธนาคารแบบดั้งเดิมเข้ากับผลิตภัณฑ์อันล้ำสมัย ธนาคารแห่งนี้มีพนักงานกว่า 7,000 คน ผลิตภัณฑ์และบริการจาก Alior Bank รวมถึงคุณภาพของบริการส่งผลให้ธนาคารแห่งนี้ดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า 4.5 ล้านราย ธนาคารแห่งนี้ให้บริการทั้งบุคคลธรรมดาและลูกค้าที่เป็นองค์กร โดยให้บริการทางออนไลน์ รวมถึงผ่านสาขา 176 แห่งและสถานที่ปฏิบัติงานของพาร์ทเนอร์ 336 แห่ง www.aliorbank.pl

1 การศึกษาเกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อโปรไฟล์และการชำระเงินของเกมเมอร์ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ Mastercard, ไตรมาสที่ 1 ปี 2022

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54165269/en

บุคคลติดต่อ

บุคคลติดต่อสำหรับสื่อ
Xsolla
Derrick Stembridge
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์
d.stembridge@xsolla.com

Mastercard
Anna Marciniak
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร
anna.marciniak@mastercard.com

Louise Peace
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสาร
louise.peace@mastercard.com

Alior Bank
Paweł Bednarz
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์
pawel.bednarz@alior.pl

แหล่งที่มา: Xsolla
 

พิธีประดับไฟย่านตลาดนิชิ-ชินจูกุ แหล่งไฟประดับแห่งใหม่ในโตเกียว จัดขึ้นเพื่อตกแต่งย่านนิชิ-ชินจูกุยามค่ำคืนให้สว่างเจิดจ้า!

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

“โปรเจกต์โตเกียวยามค่ำคืน” หรือ “TOKYO NIGHTTIME PROJECT” เปิดตัวแล้วในย่านนิชิ-ชินจูกุในเขตชินจูกุ กรุงโตเกียว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความครึกครื้นให้กับการท่องเที่ยวยามค่ำคืน โปรเจกต์นี้ดำเนินการโดยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในย่านใกล้เคียงเพื่อเติมสีสันให้กับยามค่ำคืนในย่านนิชิ-ชินจูกุ ซึ่งเป็นย่านที่ผสานไว้ซึ่งประเพณีและนวัตกรรมใหม่ พร้อมทั้งยังมีการแสดงแสงสีและกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศอันรื่นเริงให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม

The Illuminations (Photo: Business Wire)

ไฟประดับ (รูปภาพ: Business Wire)

“ตลาดไฟประดับย่านนิชิ-ชินจูกุ” หรือ “Nishi-Shinjuku Illumination Market” เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2024 หลอดไฟ LED สีทองแชมเปญประมาณ 200,000 ดวงประดับถนนชูโอโดริ รวมถึงตึกศาลาว่าการกรุงโตเกียว โดยทอดยาวไปตามถนนถึง 200 เมตร เพื่อสร้างบรรยากาศยามค่ำคืนแสนสวย ซึ่งเป็นแหล่งไฟประดับแหล่งใหม่ในโตเกียว  

ในพิธีประดับไฟ นักกีฬายูโดอย่างฮิฟูมิ อาเบะและอูต้า อาเบะจาก Park24 ปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญ และกดปุ่มเปิดไฟหลังนับถอยหลัง จากนั้นทั้งท้องถนนก็สว่างไสวขึ้นมาด้วยแสงไฟสีทองแชมเปญระยิบระยับ

ภาพรวม TOKYO NIGHTTIME PROJECT

  • ผู้สนับสนุน: คณะกรรมการบริหาร Tokyo Nighttime Project
  • ผู้ร่วมสนับสนุน: Tokyo Metropolitan Government
  • โปรแกรม:
    ตลาดไฟประดับย่านนิชิ-ชินจูกุ (Nishi-Shinjuku Illumination Market)
    งานนับถอยหลังวันสิ้นปี “Happy New Year Tokyo 2025”
  • วันที่: วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2024 ถึงวันจันทร์/วันหยุดราชการที่ 13 มกราคม 2025
  • เว็บไซต์ TOKYO NIGHTTIME PROJECT อย่างเป็นทางการ
    https://tokyo-nighttime-project.jp/en/
  • ภาพรวมตลาดไฟประดับย่านนิชิ-ชินจูกุ
    นอกเหนือจากไฟประดับแล้ว ยังมีรถขายอาหารและตลาดเข้าร่วมเพื่อขายอาหารและสินค้าที่แสดงถึงวัฒนธรรมยุคเอโดะ หากต้องการดูรายละเอียด โปรดไปที่เว็บไซต์ของงาน https://tokyo-nighttime-project.jp/en/market/
  • ภาพรวมงานนับถอยหลังวันสิ้นปี “Happy New Year Tokyo 2025”
    งาน “Happy New Year Tokyo 2025” จะจัดขึ้นในวันสิ้นปีเพื่อส่งท้ายปี ซึ่งเป็นงานนับถอยหลังให้หลาย ๆ คนเข้าร่วม รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในโตเกียวและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อที่จะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของกรุงโตเกียวและร่วมตั้งตารอปีใหม่ไปด้วยกัน
    ด้วยธีมที่ผสานรวมประเพณีและนวัตกรรมใหม่เข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นจุดขายของกรุงโตเกียว จึงจะมีการฉายแสงสี การแสดงสดโดยมือกลองและดีเจชาวญี่ปุ่น รวมถึงทอล์กโชว์ของแขกผู้รับเชิญ นอกเหนือจากนี้ยังจะมีการฉายคำขอพรปีใหม่จากผู้ร่วมงานในรูปแบบเอมะ (แผ่นป้ายขอพร) แบบดิจิทัลอีกด้วย
    หากต้องการดูรายละเอียด โปรดไปที่เว็บไซต์ของงาน https://tokyo-nighttime-project.jp/en/countdown/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54160719/en
ข้อมูลติดต่อ

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
TOKYO NIGHTTIME PROJECT Public relations office
PR Consulting Dentsu Inc.
Murai honoka.murai@dentsuprc.co.jp
Ida saori.ida@dentsuprc.co.jp

แหล่งที่มา: Tokyo Metropolitan Government



Kura Sushi เตรียมนำเสนอเมนูตัวแทนจาก 70 ประเทศและภูมิภาค ที่เข้าร่วมงาน Osaka-Kansai Expo!

Logo

เปิดตัวเมนูพิเศษ 70 Expo ยังมีปลอกซูชิป้องกันเชื้อแบคทีเรีย

พร้อมดีไซน์เฉพาะงาน Expo จำหน่ายด้วย

โอซาก้า ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–12 ธันวาคม 2024

Kura Sushi Inc. (สํานักงานใหญ่: เมืองซาไก จังหวัดโอซาก้า) หนึ่งในเครือร้านซูชิสายพานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ได้ประกาศเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมว่าบริษัทเตรียมนําเสนอเมนูใหม่ 70 รายการในร้านอาหารของบริษัทที่จะเปิดตัวในงาน “Osaka-Kansai Expo” ซึ่งจะเปิดในวันที่ 13 เมษายนปีหน้าที่เมืองยูเมะชิมะ โอซาก้า โดยมีอาหารจาก 70 ประเทศและภูมิภาคที่มีกําหนดเข้าร่วมงาน Expo

Antibacterial Sushi Covers with Expo-specific Designs (Photo: Business Wire)

ปลอกซูชิป้องกันเชื้อแบคทีเรียพร้อมดีไซน์เฉพาะงาน Expo (ภาพ: Business Wire)

บริษัทเป็นเครือร้านซูชิสายพานรายใหญ่เพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ให้บริการซูชิบนสายพานในร้านอาหารทุกแห่งของบริษัท ภายใต้แนวคิด ” Revolving Belts Unite the World” บริษัทจะเปิดร้านอาหารในงาน Osaka-Kansai Expo จํานวน 338 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และสายพานยาวประมาณ 135 เมตร ซึ่งยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท

ด้วยความตั้งใจที่จะนํารอยยิ้มมาสู่ใบหน้าของผู้เยี่ยมชมจากทั่วทุกมุมโลกและมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สนุกสนานแก่พวกเขา “Hands・Hands Project” โครงการที่จะนําเสนอเมนูพิเศษ 70 Expo ที่เป็นตัวแทนของแต่ละประเทศและภูมิภาคที่มีกําหนดเข้าร่วมงาน  Expo โดยเมนูนี้ได้รับการพัฒนาโดยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้พัฒนาเมนูเหล่านี้โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างรสชาติที่แท้จริงของประเทศและภูมิภาค เมนู 24 รายการถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่หลังจากได้รับชิมและให้คําแนะนําจากเอกอัครราชทูตและบุคคลอื่น ๆ จากประเทศเหล่านี้ภายใต้ความร่วมมือกับสถานทูตแต่ละแห่ง

นอกจากนี้ ปลอกซูชิป้องกันเชื้อแบคทีเรีย “Mr. Freshness” ที่ใช้ในเมนูพิเศษนี้ยังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ โดยมีส่วนเชื่อมต่อกันเป็นมือสีแดงและสีน้ำเงินสั่น ซึ่งเป็นสีประจำงาน Expo ด้วยการเสิร์ฟเมนูพิเศษเคียงคู่กับเมนูซูชิยอดนิยมของบริษัท ซูชิและอาหารจากประเทศและภูมิภาคต่างๆ จะไหลมารวมกันต่อหน้าลูกค้า นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารแล้ว แขกจะยังได้สัมผัสประสบการณ์ราวกับว่าพวกเขากําลังเยี่ยมชมศาลาที่สํารวจวัฒนธรรมการทําอาหารของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

เพื่อเป็นการสร้างแรงผลักดันให้กับงาน Expo จะมีการนําเสนอเมนูพิเศษในงาน Expo ล่วงหน้าที่ร้านอาหารประมาณ 550 แห่งทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025 (วันศุกร์) โดยแต่ละร้านจะนําเสนอหนึ่งรายการจากเมนู 70 รายการที่แตกต่างกัน ราวกับว่าแต่ละร้านเป็น “มินิพาวิลเลียน” ที่ผู้เยี่ยมชมสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของประเทศนั้นๆ เนื่องจากร้านค้าแต่ละแห่งในแต่ละพื้นที่จะนําเสนอเมนูที่แตกต่างกันจากประเทศหรือภูมิภาคที่แตกต่างกัน ลูกค้าจะสามารถเพลิดเพลินกับเมนูที่ร้าน Kura Sushi ในท้องถิ่นของตน หรือสามารถเพลิดเพลินกับทั้ง 70 รายการในเมนูพิเศษของ Expo โดยไปที่ร้าน Kura Sushi ต่างๆ ในญี่ปุ่น

Kaitenzushi (ร้านซูชิสายพาน) เป็นที่กล่าวขานกันทั่วญี่ปุ่นหลังจากได้รับความสนใจในงาน Osaka Expo ในปี 1970 นับตั้งแต่นั้นมา Kaitenzushi ได้ขยายขนาดตลาดอย่างต่อเนื่องพร้อมกับพัฒนาไปในรูปแบบต่างๆ ตลอดประวัติศาสตร์ 50 ปี และปัจจุบันเป็นหมวดหมู่ธุรกิจชั้นนําในวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมบริการอาหารของญี่ปุ่น โดยมียอดขายทะลุ 800 พันล้านเยน ในอนาคต บริษัทจะยังคงใช้จุดแข็งซึ่งเป็นสายพานต่อไป เพื่อมอบความเพลิดเพลินที่น่าจดจําให้กับลูกค้าในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ซึ่งมีเพียง Kura Sushi เท่านั้นที่สามารถนําเสนอได้ ซึ่งจะเป็นการขยายรูปแบบธุรกิจซูชิแบบสายพาน ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่ยอดเยี่ยมที่มีต้นกําเนิดในญี่ปุ่นไปทั่วโลก

คุณ Makoto Tanaka รองประธานบริหารของ Kura Sushi ได้จัดงานแถลงข่าวในวันงาน และกล่าวว่า “ทุกวันนี้โลกเต็มไปด้วยปัญหาสังคมต่างๆ มากมายที่ยากจะแก้ไข ได้ แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ เราหวังว่าร้านซูชิแบบสายพานซึ่งเชื่อมต่อกันด้วย “สายพานที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดสิ้นสุด” จะสามารถเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเยี่ยมชมงาน Expo ให้มาสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สนุกสนานพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เราหวังว่าผู้เยี่ยมชมจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงลูกค้าชาวญี่ปุ่น ตลอดจนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก จะเพลิดเพลินไปกับเมนูที่เราได้สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความพยายามร่วมกันของฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรา เพื่อสร้างสรรค์รสชาติต้นตำรับของโลกขึ้นมาใหม่”

ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน Kura Sushi Inc. เปิดร้านอาหาร 547 แห่งในญี่ปุ่น 70 แห่งในสหรัฐอเมริกา 59 แห่งในไต้หวัน และ 3 แห่งในเซี่ยงไฮ้

ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเราได้ที่ https://www.kurasushi.co.jp/2025expo/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54165297/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามสื่อเกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์นี้:
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ Kura Sushi, Inc.

E-MAIL: prhq_kurasushi@kura-corpo.co.jp

ที่มา: Kura Sushi, Inc.










โมดูลเข้ารหัส NVMe SSD ของ KIOXIA ผ่านการตรวจสอบ FIPS 140-3 ระดับ 2

Logo

โมดูลเข้ารหัสคอนโทรลเลอร์ SSD สำหรับองค์กรซีรีส์ KIOXIA CM7 ตรงตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยล่าสุดของโปรแกรมตรวจสอบโมดูลเข้ารหัสของ NIST

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 ธันวาคม 2024

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศในวันนี้ว่าโมดูลเข้ารหัสที่ใช้ใน SSD สำหรับองค์กร PCIe® 5.0 NVMe™ ซีรีส์ KIOXIA CM7 ได้รับการรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐานการประมวลผลข้อมูลของรัฐบาลกลาง (FIPS) 140-3 ระดับ 2 สำหรับโมดูลเข้ารหัส

KIOXIA CM7 Series PCIe 5.0 NVMe Enterprise SSD (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM7 Series PCIe 5.0 NVMe Enterprise SSD (รูปภาพ: Business Wire)

มาตรฐาน FIPS 140-3 กำหนดชุดข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของโปรแกรมตรวจสอบโมดูลเข้ารหัสที่บริหารโดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) ซึ่งใช้เป็นมาตรวัดความปลอดภัยสำหรับหน่วยงานของรัฐบาลกลางในการจัดหาอุปกรณ์ไอทีที่ผ่านการตรวจสอบ บริษัทและหน่วยงานของรัฐบาลกลางอาจต้องการหรืออาจจำเป็นต้องปรับใช้มาตรฐานของรัฐบาลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่ง SSD ที่ได้รับการรับรองตามข้อกำหนด FIPS 140-3 จะต้องเป็นไปตามนั้น เมื่อเทียบกับข้อกำหนด FIPS 140-2 ก่อนหน้านี้ ข้อกำหนด 140-3 จะให้มาตรฐานที่สูงกว่าสำหรับ SSD รวมถึงวิธีการตรวจสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและแนวทางการใช้งานที่อัปเดต

Kioxia นำเทคโนโลยี PCIe 5.0 มาสู่แอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์และที่เก็บข้อมูลด้วย SSD NVMe ซีรีส์ KIOXIA CM7 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่แอปพลิเคชันและกรณีการใช้งานขององค์กร รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ การประมวลผลประสิทธิภาพสูง ฐานข้อมูลการประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ และคลังข้อมูล ไดรฟ์ซีรีส์ KIOXIA CM7 นำประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยระดับองค์กรมาสู่เซิร์ฟเวอร์และที่เก็บข้อมูลของศูนย์ข้อมูล คุณสมบัติหลักของ SSD ซีรีส์ KIOXIA CM7 ประกอบด้วย:

• SSD NVMe ที่เข้ากันได้กับ PCIe 5.0 ในรูปแบบ 2.5 นิ้ว(1) และ E3.S

• รองรับพอร์ตคู่และพอร์ตเดี่ยว

• ความทนทานต่อการอ่านข้อมูลจำนวนมากและการใช้งานแบบผสมผสาน

• ความจุตั้งแต่ 1.6 เทราไบต์ (TB) ถึง 30.72 TB (15.36 TB ในรูปแบบ E3.S)

• ตัวเลือกด้านความปลอดภัย ได้แก่: การลบข้อมูลทันที (SIE) (2), ไดรฟ์เข้ารหัสด้วยตนเอง TCG Opal (SED) (3) และ SED ที่ใช้โมดูล FIPS 140-3 ระดับ 2

หมายเหตุ:

(1) “2.5 นิ้ว” หมายถึงรูปแบบของ SSD ไม่ได้ระบุถึงขนาดทางกายภาพของไดรฟ์

(2) รุ่นเสริม SIE ที่รองรับ Crypto Erase ซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการเทคนิค (SCSI) ของ INCITS (คณะกรรมการมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศระหว่างประเทศ)

(3) โมเดลเสริม SED รองรับ TCG Opal และ Ruby SSC แต่ไม่รองรับฟีเจอร์บางอย่างของ TCG Opal SSC

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดให้เมกะไบต์ (MB) เท่ากับ 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ (TB) เท่ากับ 1,000,000,000,000 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะรายงานความจุของหน่วยเก็บข้อมูลโดยใช้เลขยกกำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของหน่วยเก็บข้อมูลที่น้อยกว่า ความจุที่จัดเก็บได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์สื่อต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

* รุ่นเสริมด้านความปลอดภัยไม่มีจำหน่ายในทุกประเทศเนื่องจากข้อบังคับด้านการส่งออกและท้องถิ่น

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ซึ่งมุ่งมั่นในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและไดรฟ์โซลิดสเตต (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 บริษัท Toshiba Memory ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าที่ได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 โดย Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและสร้างคุณค่าจากหน่วยความจำให้กับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ ที่กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์และศูนย์ข้อมูลต่างๆ

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลที่ถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54164556/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

การสอบถามข้อมูลลูกค้า:

Kioxia Group

สำนักงานขายทั่วโลก

https://www.kioxia.com/en-jp/business/buy/global-sales.html

การสอบถามข้อมูลด้าน  สื่อ:

Kioxia Corporation

ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย

Satoshi Shindo

โทรศัพท์: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

NIQ, World Data Lab และ SPATE เปิดตัวรายงาน “Beauty Futures” – คู่มือการเดินทางของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลก

Logo

รายงานฉบับสมบูรณ์ที่จะเปิดเผยถึงแนวโน้มการใช้จ่ายและความชอบด้านความงามของกลุ่มคนในช่วงอายุต่างๆ

• กลุ่มคนในรุ่นมิลเลนเนียลจะเป็นแรงผลักดันในการเติบโตสูงสุดอยู่ที่ 193 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะแซงหน้าคนรุ่น X ภายในปี 2034

• กลุ่มคนรุ่น X เป็นผู้นำการใช้จ่ายด้านความงามในปี 2024 โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 150 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในทศวรรษหน้า

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–09 ธันวาคม 2024

NielsenIQ (NIQ) ร่วมมือกับ World Data Lab และ SPATE เพื่อเผยแพร่รายงานฉบับสมบูรณ์สำหรับกลุ่มคนในช่วงอายุต่างๆ โดยมุ่งเน้นเฉพาะตลาดความงามในทศวรรษหน้า

รายงานดังกล่าวได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับความชอบของกลุ่มคนในช่วงอายุต่างๆ นิสัยการใช้จ่าย ค่านิยม ลำดับความสำคัญ แรงจูงใจ พฤติกรรมการซื้อ และอิทธิพลที่มีต่อแนวโน้มในอุตสาหกรรมความงามทั่วโลก รายงานดังกล่าวได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของคนแต่ละรุ่นที่มีต่อการกำหนดความชอบและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในทศวรรษหน้า

โดยกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลจะเป็นผู้นำในเทรนด์นี้โดยขับเคลื่อนการใช้จ่ายด้านความงามทั่วโลกเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ที่ 193 พันเหรียญสหรัฐฯ โดยกลุ่มคนรุ่น Gen Z ตามมาเป็นอันดับสองที่ 158 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อุตสาหกรรมความงามทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยคาดการณ์การเติบโตอยู่ที่ 700 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2034 โดยภูมิภาคเอเชียจะเป็นผู้มีส่วนสนับสนุนอยู่ที่ 310 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แคลร์ มาร์ตี้ รองประธาน NIQ Beauty แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการวิจัยดังกล่าวว่า “ที่ NIQ เราตระหนักดีว่าการทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างวัยเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงามที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป นี่คือโอกาสสำหรับบริษัทต่างๆ ที่จะก้าวข้ามแนวทางแบบ “เหมารวม” และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับกลุ่มคนในแต่ละรุ่น ข้อมูลแนวโน้มผู้บริโภคและยอดขายของเราจะช่วยให้แบรนด์ความงามค้นพบความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบรับ เข้าใจคุณค่าของผู้บริโภค และนำทางไปสู่การค้าปลีก”

ข้อมูลสำคัญด้านความงามจากกลุ่มคนในรุ่นต่างๆ:

คนรุ่นมิลเลนเนียลจะครองอุตสาหกรรมความงามในช่วงทศวรรษหน้า:

• คนรุ่นมิลเลนเนียลที่เกิดระหว่างปี 1977 – 1995 จะเป็นผู้นำการเติบโตของตลาดความงามทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า และจะแซงหน้าคนรุ่น X ในฐานะผู้มีอิทธิพลในการใช้จ่ายด้านความงามในปี 2034 โดยคิดเป็น 24% ของการใช้จ่ายทั่วโลก

• การใช้จ่ายของกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเส้นผมในปี 2024 จะแซงหน้าตลาดโดยรวมทั้งในสหรัฐอเมริกาและในภูมิภาคอื่นของโลก โดยคนรุ่นมิลเลนเนียลมากกว่าครึ่งหนึ่ง (56%) มักคิดถึงรูปลักษณ์ของตนเองเป็นส่วนใหญ่ และมักจะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติหรือผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนในกิจวัตรด้านความงาม

• การใช้จ่ายของกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลด้านบริการความงามจะเติบโตมากที่สุดภายในปี 2034 โดยภูมิภาคยุโรปจะเป็นผู้นำในเทรนด์นี้ โดยกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล 57% ในยุโรปจะใช้จ่ายด้านความงามไปกับบริการเสริมสวย และมีเพียง 6% สำหรับการแต่งหน้า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลในอเมริกาเหนือที่มีสัดส่วนของการแต่งหน้าคิดเป็น 11% ของการใช้จ่ายทั้งหมด

• คนรุ่นมิลเลนเนียลได้รับอิทธิพลจากเทรนด์ TikTok โดยแฮชแท็ก #makeupover30 เป็นแฮชแท็ก TikTok อันดับหนึ่ง โดยเติบโตถึง 194.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงการค้นหาเคล็ดลับและผลิตภัณฑ์เฉพาะตามความกังวลและความต้องการในวัยของพวกเขา ตัวอย่างเช่น การค้นหาบน TikTok ที่จะเน้นไปที่ความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ไขมันวัวในการดูแลผิว โดยมียอดดูเฉลี่ย 14.1 ล้านครั้งต่อสัปดาห์

Gen X เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายด้านความงามมากที่สุด:

• Gen X ซึ่งเกิดระหว่างปี 1965-1980 เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าสูงสุดในการใช้จ่ายด้านความงามในปี 2024 ถึงปี 2034 โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 150 พันล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยภูมิภาคอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิกจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับกลุ่ม Gen X มากกว่าครึ่งหนึ่ง โดยมีชนชั้นกลางของประเทศจีนและคนรวยของประเทศอินเดียเป็นผู้มีส่วนสนับสนุนหลัก

• Gen X มีส่วนร่วมอย่างมากในด้านความงาม โดยมีการเข้าถึงที่สูงกว่าประชากรทั้งหมดใน 80% ของหมวดหมู่ความงามที่ได้รับการวิเคราะห์ สกินแคร์เป็นหมวดหมู่ที่เติบโตเร็วที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเติบโต 4.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (26 พันล้านดอลลาร์)

• ความสะดวกสบายมาเป็นอันดับแรกในฐานะช่องทางที่คนรุ่น X เลือก และมีแนวโน้มว่าจะซื้อสินค้าในสถานที่แบบครบวงจร เช่น Amazon และ Hypermarket ต่างๆ

• ยอดดู TikTok ของคนรุ่น Gen X ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางเพิ่มขึ้นเป็น 53% โดย #over40makeup กลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยม (6.9 ล้านครั้ง) ในปี 2024 โดยผลิตภัณฑ์ เช่น Guide Beauty Wand สำหรับผู้บริโภคที่ชอบโปรโมชั่นกำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้สร้างคอนเทนต์คนรุ่น X บน TikTok

“เราคาดการณ์ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อุตสาหกรรมความงามทั่วโลกจะมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ” วูล์ฟกัง เฟิงเลอร์ ซีอีโอของ World Data Lab กล่าว “ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความต้องการของผู้บริโภคในทุกวัยและทุกประเทศที่ต้องการใช้เครื่องสำอางและบริการความงาม”

“การทำความเข้าใจเทรนด์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Google Search ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการก้าวไปข้างหน้า เพราะจะเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ในความสนใจและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละรุ่น” Yarden Horwitz ผู้ก่อตั้งร่วมของ SPATE กล่าว

เนื่องจากคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z นั้นให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พวกเขาจึงพิจารณาถึงความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ความงามในแง่มุมต่างๆ คนรุ่นมิลเลนเนียลมีแนวโน้มที่จะเลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยหรือไม่มีเลย (+3.2 คะแนน) ในขณะที่กลุ่มคนในรุ่น Gen Z จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางสังคมหรือสนับสนุนชุมชนที่มีความเสี่ยงหรือชนกลุ่มน้อย (+1.2 คะแนน)

รายงาน Beauty Futures ที่เป็นคู่มือการเดินทางของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลกในช่วงอายุต่างๆ เป็นรายงานเรือธงของ NIQ ที่ให้มุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับผู้บริโภคของผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลก โดยรายงานจะครอบคลุมถึง:

– การคาดการณ์สำหรับอุตสาหกรรมความงามทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า

– ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมการซื้อสำหรับทุกช่วงอายุ

– เทรนด์ความงามใหม่ๆ จาก Google และ TikTok

หากคุณต้องการสำเนา โปรดคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ NIQ

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคชั้นนำของโลก ซึ่งมอบความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและเปิดเผยเส้นทางใหม่ๆ สู่การเติบโต โดย NIQ ได้รวมตัวกับ GfK ในปี 2023 โดยการนำผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสองรายที่มีการเข้าถึงทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้มาอยู่รวมกัน ปัจจุบัน NIQ มีการดำเนินงานในกว่า 95 ประเทศ ครอบคลุม 97% ของ GDP ด้วยการอ่านข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งได้นำเสนอด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ทันสมัยของ ​​NIQ ผ่าน Full ViewTM

เกี่ยวกับ World Data Lab

World Data Lab ได้สร้างข้อมูลเฉพาะที่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อวัดและคาดการณ์แนวโน้มของผู้บริโภค การใช้จ่ายของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงทางประชากร และความคืบหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนจนถึงปี 2034 แนวทางวิทยาศาสตร์ข้อมูลขั้นสูงของเรา ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและเผยแพร่ใน Nature นั้นได้อบความแม่นยำ ความสดใหม่ และความสอดคล้องที่ไม่มีใครเทียบได้ในทุกกลุ่มประชากรใน 180 ประเทศและมากกว่า 6,000 เมือง

 เกี่ยวกับ SPATE

Spate เป็นแพลตฟอร์มวิจัยตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งวิเคราะห์สัญญาณการค้นหามากกว่า 20,000 ล้านสัญญาณและวิดีโอ TikTok มากกว่า 60 ล้านวิดีโอทั่วโลก โดยมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาพรวมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยข้อมูลของ Spate ทำให้แบรนด์ต่างๆ เข้าใจโลกแห่งความงามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับอายุ เช่น ความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการแต่งหน้าสำหรับผิวในวัยผู้ใหญ่บน Google Search และ TikTok

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ชื่อผลิตภัณฑ์และบริษัททั้งหมดเป็น trademarks™ หรือ registered® ของผู้ถือที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าเหล่านี้ไม่ได้หมายความถึงความเกี่ยวข้องหรือการรับรองจากผู้ถือเครื่องหมายการค้านั้นๆ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายชื่อผู้ติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ