DishHome ของเนปาลยกระดับข้อเสนอและประสบการณ์ของลูกค้าด้วย Hansen

Logo

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2024

Hansen Technologies (ASX:HSN) ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมการสื่อสาร พลังงาน และน้ำ มีความยินดีที่จะประกาศว่า DishHome ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) ชั้นนำของเนปาลได้อัปเกรด Hansen CCB เวอร์ชันของตน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือการสื่อสาร เทคโนโลยี และสื่อของ Hansen (Hansen Suite for Communications, Technology & Media) นอกจากนี้ บริษัทจะใช้ประโยชน์จากระบบการดูแลลูกค้าและการเรียกเก็บเงินแบบครบวงจรของ Hansen สำหรับบรอดแบนด์และเคเบิลด้วย เนื่องจากบริษัทมุ่งมั่นที่จะมอบบริการในระดับที่ดีขึ้นแก่ฐานลูกค้าที่กำลังเติบโตทั่วประเทศ

ก่อนการอัปเกรดครั้งนี้ ลูกค้าที่รับสัญญาณโทรทัศน์ตรงจากดาวเทียมและลูกค้าไฟเบอร์เน็ตของ DishHome จะถูกเรียกเก็บเงินแยกกันสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ตนสมัครใช้บริการ แต่ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ Hansen รุ่นล่าสุดทำให้ลูกค้าของ DishHome สามารถชำระค่าบริการสำหรับการเชื่อมต่อและความบันเทิงเพียงครั้งเดียวได้ ลูกค้าจึงไม่ต้องชำระบิลหลายใบหรือชำระเงินให้ผู้ให้บริการหลายราย

สำหรับ DishHome ประสิทธิภาพและการประหยัดต้นทุนเป็นเพียงเหตุผลส่วนเล็กๆ ที่ทำให้บริษัทตัดสินใจอัปเกรดในครั้งนี้ เนื่องจากประโยชน์ที่จะได้รับคือการที่บริษัทสามารถเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์และข้อเสนอที่น่าสนใจมากขึ้นในตลาดได้ง่ายกว่าเดิม โดยลูกค้ายังสามารถใช้ส่วนลดและคูปองต่างๆ รวมถึงใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์เพิ่มเติมภายในข้อเสนอวอลเล็ตได้อีกด้วย

Sudeep Acharya ผู้อำนวยการบริษัท Dish Media Network Limited ให้ความเห็นว่า: “Hansen เป็นพันธมิตรหลักด้านเทคโนโลยีของ DishHome มาตั้งแต่ปี 2016 การอัปเกรดเทคโนโลยีล่าสุดนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์ของ Hansen เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความเป็นพันธมิตรที่แท้จริงระหว่างทีมของเราด้วย ความสามารถของพวกเขาในการรับรู้ถึงความต้องการของลูกค้าและโอกาสทางการตลาดทำให้เราสามารถมอบประสบการณ์ที่ทันสมัยและยืดหยุ่นให้กับลูกค้าได้ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าสำคัญของพวกเขาในฐานะพันธมิตร เรารอคอยที่จะได้สำรวจโอกาสเพิ่มเติมร่วมกันเพื่อขยายบริการที่ DishHome สามารถมอบให้กับลูกค้าได้ในอนาคต”

Scott Weir ประธานฝ่ายสื่อสารของ Hansen ให้ความเห็นว่า: “การเปลี่ยนเนปาลให้ทันสมัยอย่างรวดเร็วไม่เพียงแต่จะส่งผลให้ความต้องการการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้นและข้อเสนอความบันเทิงที่ราบรื่นเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ความคาดหวังของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย เรามีความยินดีที่จะสานต่อความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับ DishHome และยินดีที่จะเสนอความยืดหยุ่นที่มากขึ้นในชุดผลิตภัณฑ์และข้อเสนอ ความสามารถในการลดจำนวนบิลที่ต้องชำระ รวมทั้งส่วนลดและคูปองใหม่ๆ การปรับปรุงเหล่านี้จะส่งผลให้ลูกค้าของเราประหยัดค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการบำรุงรักษาฐานข้อมูล การรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hansen Technologies ได้ที่ www.hansencx.com

เกี่ยวกับ Hansen

Hansen Technologies (ASX: HSN) เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมพลังงาน น้ำ และการสื่อสาร Hansen ให้บริการลูกค้าในกว่า 80 ประเทศ โดยช่วยให้ลูกค้าสร้าง ขาย และมอบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ตลอดจนจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า รวมถึงควบคุมการจัดการรายได้ที่สำคัญและกระบวนการสนับสนุนลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ได้รับรางวัลของตน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hansencx.com

DishHome

Dish Media Network Limited หรือ ‘DishHome’ เป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมการออกอากาศและบริการอินเทอร์เน็ตของเนปาล DMN ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบรับสัญญาณตรงจากดาวเทียม (DTH) รายแรกและรายเดียวของเนปาล บริษัทดังกล่าวให้บริการครัวเรือนโดยตรงกว่า 2 ล้านครัวเรือนผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น ทีวีผ่านดาวเทียมและไฟเบอร์เน็ต (Dish Media Network), ทีวีเคเบิล (SIM TV), T2 TV และ IPTV (Prabhu Digital) จุดแข็งที่สำคัญข้อหนึ่งของ DMN อยู่ที่เครือข่ายตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนจำหน่ายรายย่อย และแฟรนไชส์บริการมากกว่า 5,000 ราย ซึ่งสามารถให้บริการลูกค้าของเราได้ในทันที

หลังจากสั่งสมประสบการณ์และประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานกว่า 13 ปีในการให้บริการโทรทัศน์แบบชำระเงิน DishHome ก็ได้เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ต FTTH ภายใต้ชื่อแบรนด์ 'DishHome Fibernet' ในปี 2020 จนถึงตอนนี้ DishHome Fibernet ได้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ลูกค้ารายย่อยที่มีความพึงพอใจในบริการมากกว่า 300,000 รายผ่านวิศวกรและช่างเทคนิคที่ผ่านการรับรองและมากประสบการณ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dishhome.com.np/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Adnan Bashir
Global Lead, External Communications
Hansen Technologies
+1 647-204-0999

แหล่งที่มา: Hansen Technologies

เปิดตัวงาน Zhejiang International Trade Exhibition 2024 อย่างเป็นทางการ

Logo

กรุงเทพฯ –(BUSINESS WIRE)–06 กันยายน 2024

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2024 งาน Zhejiang International Trade Exhibition 2024 (ไทย) ซึ่งจัดโดยกรมการค้ามณฑลเจ้อเจียง ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการที่ศูนย์แสดงสินค้าและการปชุมอิมแพ็คอันทรงเกียรติในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ในพิธีเปิด แขกผู้มีเกียรติจากกระทรวงพลังงานของประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมพาณิชย์และเศรษฐกิจสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจําราชอาณาจักรไทย และสํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมและมีส่วนร่วมในการทัวร์นิทรรศการวีไอพีพิเศษ เพื่อเป็นเวทีสําหรับเหตุการณ์สําคัญในการค้าระหว่างประเทศ โดยแขกเหล่านี้กล่าวชื่นชมแบรนด์ในประเทศที่มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่โดดเด่นของ “สินค้าเจ้อเจียงที่มีคุณภาพ”

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

นิทรรศการซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สาม เน้นย้ำถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแสงสว่าง เมืองอัจฉริยะ การดำรงชีวิตอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของเจ้อเจียง และยังสอดคล้องกับธีมของ “Zhejiang Made All Need” อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับประเทศไทยในการเชื่อมต่อกับบริษัทผู้ผลิตชั้นนำจากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งได้แก่ Hikvision, Tuya, Meka และ VOC ซึ่งจัดแสดงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล้ำสมัย นอกเหนือจากแบรนด์บุกเบิกอย่าง Hikvision และ Dahua Technology ที่หยั่งรากลึกในตลาดประเทศไทยแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Tuya ในฐานะองค์กรระดับยูนิคอร์นในอุตสาหกรรมจีน ได้จับมือกับบริษัทชั้นนําของไทย เช่น SCG และ T3 Technology เพื่อส่งเสริมการพัฒนาบ้านอัจฉริยะในประเทศไทย และเป็นพันธมิตรในการพัฒนาระบบนิเวศ IoT ของประเทศไทย

ประเทศไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสามของจีนในอาเซียน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 จีนและไทยได้สร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปีอันเป็นมงคลของโครงการริเริ่ม Belt and Road เหตุการณ์สําคัญครั้งนี้ช่วยเร่งการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเจ้อเจียงและไทย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในฐานะมหาอํานาจทางเศรษฐกิจที่สําคัญ และเป็นศูนย์กลางการค้าต่างประเทศที่สําคัญในประเทศจีน เจ้อเจียงจึงอยู่ในตําแหน่งที่ดีที่จะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นนี้

นิทรรศการที่จัดขึ้นเป็นเวลาสามวันจะรวมบริษัทกว่าพันแห่ง รวมถึงผู้ซื้อและผู้ขาย ส่งเสริมการเชื่อมโยงทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นผ่านฟอรัมอุตสาหกรรม การประชุม คณะผู้แทนระดับวีไอพี การประชุมแบบพบหน้า และโอกาสที่น่าสนใจอื่นๆ ในอีกสองวันข้างหน้าบริษัทต่างๆ ในเจ้อเจียงจะเพลิดเพลินไปกับเครือข่ายธุรกิจที่ขยายออกไป พร้อมกับผู้ซื้อและผู้เยี่ยมชมระดับวีไอพีที่ผ่านจุดสัมผัสของนิทรรศการต่างๆ รวมถึงบูธเฉพาะที่มีการจัดแสดงสินค้าและการสาธิต การประชุมแบบพบหน้า และการเชิญประชุมออนไลน์กับผู้ซื้อและผู้เยี่ยมชมระดับวีไอพี

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54118306/en 

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Robby Mex, +91-9899890048

ที่มา: Zhejiang International Trade Exhibition

CNE Direct, Inc. (ชื่อทางธุรกิจ “illumynt”) ประกาศการกลับมาของ Paul Knight ในตำแหน่ง CEO

Logo

บอสตัน –(BUSINESS WIRE)–06 กันยายน 2024

CNE Direct, Inc. (ชื่อทางธุรกิจ “illumynt”) มีความยินดีที่จะประกาศการกลับมาของ Paul Knight ในตำแหน่ง CEO ของบริษัท ITAD ที่ให้บริการด้านการซื้อขาย บริการ และโซลูชันในระดับโลก ซึ่งปัจจุบันก้าวเข้าสู่ปีที่ 23 ของการดำเนินธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การปรับโครงสร้างเพื่อเริ่มต้นการเติบโตเชิงกลยุทธ์ในระยะต่อไปของ illumynt โดย Knight เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทในปี 2002 และเคยดำรงตำแหน่ง CEO เป็นเวลาส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์ของบริษัท และดำรงตำแหน่งประธานตั้งแต่เริ่มต้น ปัจจุบัน Knight ได้กลับมารับตำแหน่ง CEO อีกครั้งในขณะที่บริษัทกำลังขยายตัวในระดับโลกมากขึ้น นำเสนอการบริการใหม่ ๆ และมุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นผู้นำตลาดให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรของบริษัท

“ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมารับตำแหน่ง CEO และตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับทีมงานระดับโลกของเรา รวมถึงการมีโอกาสใช้เวลามากขึ้นกับลูกค้าและพันธมิตรของเราทั่วโลก เพื่อดำเนินแผนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ใหม่ของเราให้สำเร็จ” Knight กล่าว

นอกจากการกลับมาของ Knight แล้ว ในวันนี้บริษัทยังได้ประกาศการดำเนินการดังต่อไปนี้

• การจ้าง Gavin Wilson ในตำแหน่งรองประธานฝ่ายวิศวกรรม ซึ่งเคยทำงานกับ Reconext มาก่อน โดย Gavin มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการพัฒนาระบบการทดสอบ การซ่อมแซม และโซลูชันการฟื้นฟูมูลค่าที่ซับซ้อนให้กับลูกค้าทั่วโลก

• Joe Conway ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธานฝ่ายโซลูชัน โดย Joe ได้แสดงความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในการวิเคราะห์ การตั้งราคา และการเริ่มต้นโปรแกรมขนาดใหญ่ระดับโลกให้กับ illumynt พร้อมกับการจัดการทีมงานข้ามสายงานเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่มุ่งหวัง

• การลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทที่ปรึกษา ITAD Circular Integrity ซึ่งนำโดยผู้ก่อตั้งและ CEO Todd Zegers อดีตรองประธานฝ่าย ITAD และ Reverse Logistics ของ Ingram Micro โดย Circular Integrity จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมผู้บริหารระดับสูงของ CNE เพื่อเร่งการเติบโตและการกระจายธุรกิจ

• การขยายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลก โดย illumynt กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดศูนย์ปฏิบัติการใหม่ 3 แห่ง ที่แฟรงคลิน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมืองคอร์ก ประเทศไอร์แลนด์ รวมถึงประเทศไทยด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ไปที่ http://www.illumynt.com หรือติดตามเราทาง LinkedIn ที่ https://www.linkedin.com/company/illumynt

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Paul Knight, 978-490-4812

ที่มา: CNE Direct, Inc.

นักเล่าเรื่องชาวอาเซียนทุกคนโปรดฟัง! ขอเชิญเข้าร่วมการประกวดภาพยนตร์สั้น “ASEAN NEW GENERATION” ที่จัดโดยศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น แล้วนำเสนอโลกของคุณสู่สายตาชาวญี่ปุ่น

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2024

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ประกาศการประกวดภาพยนตร์สั้น “ASEAN NEW GENERATION” ซึ่งเป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาภาพยนตร์สั้นสร้างสรรค์ที่แสดงถึงชีวิตที่ครึกครื้นและแรงบันดาลใจของชาวอาเซียน โอกาสอันน่าตื่นเต้นนี้เชื้อเชิญให้ผู้สร้างภาพยนตร์และนักเล่าเรื่องจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนมาแบ่งปันมุมมองเฉพาะตัวของตนกับผู้ชมชาวญี่ปุ่น ภาพยนตร์บางส่วนของผู้ชนะ 10 รายจะได้ฉายที่แยกชิบูย่าในกรุงโตเกียว เจ้าของภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด (ตัดสินโดยการโหวตของสาธารณชน) จะได้รับรางวัลเป็นทริป 4 วัน 3 คืนสำหรับ 1 ท่าน (ตั๋วและที่พัก) ไปยังโอซาก้าเพื่อเข้าร่วมงาน Expo 2025 Osaka โดยกำหนดส่งผลงานตรงกับวันที่ 30 พฤศจิกายน 2024 (ตามเวลาญี่ปุ่น)

The competition is open to all ASEAN nationals (Graphic: Business Wire)

การแข่งขันนี้เปิดรับชาวอาเซียนทุกคน (ภาพ: Business Wire)

 “ตกหลุมรักเรา ตกหลุมรักฉัน”
การแข่งขันภายใต้หัวข้อ “โลกที่ฉันอยากเห็น” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้สร้างวัยเยาว์แสดงออกถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคต ค่านิยม และโลกที่พวกเขาอยากอาศัยอยู่ผ่านภาพยนตร์สั้น (2-3 นาที) AJC หวังที่จะนำเสนอเรื่องราวกระตุ้นอารมณ์สู่สายตาชาวญี่ปุ่น โดยเป็นเรื่องราวที่แสดงแง่มุมชีวิตในภูมิภาคอาเซียนที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวญี่ปุ่นอยากรู้เกี่ยวกับประเทศสมาชิกและผู้คนในภูมิภาคนี้มากขึ้น

อวดผลงานของคุณบนเวทีที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว
ภาพยนตร์สั้นที่ชนะการประกวดจะได้ฉายเด่นชัดที่แยกชิบูย่าอันโด่งดังในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้คนนับแสนรวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินผ่านไปมาทุกวัน

เปิดรับชาวอาเซียนทุกคน
แข่งขันนี้เปิดรับผู้สร้างภาพยนตร์ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นที่มีสัญชาติจากประเทศสมาชิกอาเซียน

แนวทางการสมัคร
ดูรายละเอียดและลิงก์แบบฟอร์มการสมัครได้ที่เว็บไซต์ AJC ตามลิงก์ด้านล่าง
https://www.asean.or.jp/en/event-info/asean-new-generation/

อาเซียนและญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือมาอย่างยาวนาน โดยครบรอบ 50 ปีแห่งมิตรภาพและความร่วมมือไปเมื่อปีที่ผ่านมา นับจากนี้ AJC มีเป้าหมายที่จะสืบสานความสัมพันธ์ดังกล่าวต่อไปโดยการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างประชาชนในประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54117855/en

ข้อมูลติดต่อ

ทีมสื่อสารของศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC)
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
โทรศัพท์: +81 (0)3-5402-8118
อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

แหล่งที่มา: ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

.

Shohei Ohtani เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนใหม่ของ Beats

Logo

CULVER CITY, Calif.–(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2024

Beats by Dr. Dre (Beats) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้แต่งตั้ง Shohei Ohtani ดาวเด่นของทีมเบสบอลเมเจอร์ลีกและทีม Los Angeles Dodgers ให้เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์อย่างเป็นทางการ โดย Ohtani จะปรากฏตัวในแคมเปญการตลาดของ Beats ที่เน้นย้ำถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์อันทรงพลังของแบรนด์

Shohei Ohtani wearing Beats Solo Buds true wireless earphones (Photo: Business Wire)

Shohei Ohtani ใช้หูฟังแบบไร้สาย Beats Solo Buds ที่ยอดเยี่ยม (ภาพถ่าย: Business Wire)

“ในฐานะแอมบาสซาเดอร์ของ Beats ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับนักกีฬาที่ยอดเยี่ยมอย่าง Lebron James และ Lionel Messi” Shohei Ohtani กล่าว “ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสใหม่ที่ได้รับจากความร่วมมือในครั้งนี้”

เกี่ยวกับ Beats

Beats by Dr. Dre (Beats) เป็นแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดย Dr. Dre และ Jimmy Iovine โดย Beats มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านความบันเทิงคุณภาพระดับพรีเมียมแก่คนรุ่นใหม่ โดยมีพร้อมทั้งหูฟังครอบหัว หูฟังแบบใส่ในช่องหู และลำโพงระดับพรีเมียม ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ช่วยนำพลัง อารมณ์ และความตื่นเต้นในการเล่นเพลงในสตูดิโอบันทึกเสียงกลับคืนสู่ประสบการณ์การฟังเพลงสำหรับคนรักดนตรีทั่วโลก โดย Apple Inc. ได้เข้าซื้อกิจการของ Beats เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2014

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54117087/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

press@beatsbydre.com

แหล่งข้อมูล: Beats by Dr. Dre

TOM FORD ประกาศแต่งตั้ง Haider Ackermann เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์

Logo

นิว ยอร์ก –(BUSINESS WIRE)– TOM FORD ประกาศแต่งตั้ง Haider Ackermann เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ โดยมีผลทันที

โดยในบทบาทใหม่นี้ Ackermann จะรับหน้าที่เป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ในหมวดหมู่แฟชั่นของ TOM FORD ทั้งหมด รวมถึงเสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าสตรี เครื่องประดับ และแว่นตา และจะกำหนดวิสัยทัศน์ด้านความคิดสร้างสรรค์สำหรับแบรนด์โดยรวมด้วย โดย TOM FORD นั้นมี The Estée Lauder Companies Inc. (NYSE:EL) เป็นเจ้าของ โดยมี Ermenegildo Zegna Group (NYSE:ZGN) เป็นผู้ถือสิทธิ์ในส่วนของธุรกิจแฟชั่น และ Marcolin SpA เป็นผู้ถือสิทธิ์ในส่วนของธุรกิจแว่นตา

Haider Ackermann appointed Creative Director, TOM FORD. (Photo Credit: Ethan James Green)

Haider Ackermann ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์, TOM FORD. (เครดิตรูปภาพ: Ethan James Green)

โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Tom Ford ได้กล่าวว่า “ผมเป็นแฟนตัวยงในผลงานของ Haider มาอย่างยาวนาน โดยผมรู้สึกว่าทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงและเสื้อผ้าผู้ชายของเขาต่างก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจไม่แพ้กันเลย เขาเป็นช่างทำสีที่ยอดเยี่ยม มีการตัดเย็บที่เฉียบคม และเหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเป็นคนที่ทันสมัย ซึ่งเราต่างก็มีหลักทางประวัติศาสตร์ที่เหมือนกันหลายอย่าง และผมตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นเขาทำสิ่งต่างๆ กับแบรนด์นี้ และผมคงจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนปรบมือให้เขาหลังจากจบโชว์ในเดือนมีนาคม”

Ackermann เป็นชาวฝรั่งเศสที่เกิดที่โบโกตา ประเทศโคลอมเบีย เขาเติบโตมาในเอธิโอเปีย ชาด แอลจีเรีย เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม โดยศึกษาแฟชั่นที่ Royal Academy of Fine Arts ในเมืองอันธ์เวิร์ป โดยเขาสร้างชื่อจากการผสมผสานผ้าหรูหราเข้ากับการตัดเย็บอันไร้ที่ติ และได้รับการยกย่องจากผลงานการออกแบบที่ล้ำสมัยแต่สามารถสวมใส่ได้จริง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนดัง

โดย Ackermann กล่าวว่า “ผมภูมิใจอย่างยิ่งที่จะสืบสานตำนานของ Tom Ford เขาเป็นคนที่ผมชื่นชมและเคารพนับถือมานาน และผมตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า”

คอลเลกชั่นแรกของ Ackermann จะเปิดตัวในงาน Paris Fashion Week ในเดือนมีนาคมปี 2025 โดยเขาจะประจำอยู่ที่ปารีสและรายงานต่อ Guillaume Jesel ประธานและซีอีโอของ TOM FORD และ Luxury Business Development ของ The Estée Lauder Companies และต่อ Lelio Gavazza ซีอีโอของ TOM FORD FASHION ของ Ermenegildo Zegna Group

โดย Jesel กล่าวว่า “Haider โดดเด่นในด้านของการเป็นหนึ่งในผู้มีความสามารถด้านแฟชั่นที่มีวิสัยทัศน์และเป็นแรงบันดาลใจสูงสุดของโลก เขาใช้ความผูกพันอันลึกซึ้งที่มีต่อวัฒนธรรมและศิลปะระดับโลกเพื่อสร้างสรรค์แฟชั่นอันดึงดูดใจและสร้างความผูกพันทางอารมณ์ที่น่าจดจำ เขาคือบุคคลในอุดมคติที่จะนำ TOM FORD ไปสู่อนาคต”

Gavazza กล่าวว่า “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Haider เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ TOM FORD ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขานั้นเป็นไปในทางเดียวกันกับ DNA ของแบรนด์ รวมถึงประสบการณ์อันเลื่องชื่อในด้านความหรูหราจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจแฟชั่นให้ก้าวไปข้างหน้าในช่วงการขยายตัวที่สำคัญครั้งต่อไป ด้วยการทำงานร่วมกับทีมงานมากความสามารถของ TOM FORD FASHION วิสัยทัศน์อันทันสมัยของ Haider ในด้านเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายและผู้หญิงจะเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้าและทำโครงการต่างๆ มากมายที่เรากำลังพัฒนาอยู่”

เกี่ยวกับ TOM FORD

TOM FORD คือบ้าน (แบรนด์) แห่งดีไซน์ระดับโลกที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรูหราเหนือระดับทั้งแฟชั่น เครื่องประดับ แว่นตา และผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ก่อตั้งขึ้นโดย Tom Ford เมื่อปี 2005 และมีจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสถาปนิกผู้รังสรรค์ความหรูหรา ในปี 2023 The Estée Lauder Companies กลายเป็นเจ้าของแบรนด์ TOM FORD และทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว โดยในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ The Estée Lauder Companies ได้จัดทำสิทธิ์การอนุญาตระยะยาวกับ Ermenegildo Zegna Group สำหรับ TOM FORD FASHION และ Marcolin สำหรับ TOM FORD EYEWEAR

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54116918/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

การติดต่อสำหรับสื่อ:
Giuseppe Torrisi
TOM FORD, Global Communications Director
Giuseppe.Torrisi@tomfordfashion.com

แหล่งข้อมูล: TOM FORD

AGC Group ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ Cradle to Cradle Certified® สำหรับผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบในเอเชีย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–05 กันยายน 2024

ผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบของ AGC Glass Asia Pacific ได้รับรางวัล Cradle to Cradle Certificated® Bronze*1 โดยการรับรองนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบที่ผลิตโดยบริษัทในกลุ่ม AGC สองแห่งในเอเชีย ได้แก่ PT Asahimas Flat Glass Tbk และ AGC Float Glass (Thailand) Plc และเป็นไปตามการรับรองปัจจุบันของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mirox MNGE

The AGC Group has successfully obtained Cradle to Cradle Certified® Certification for all of its flat and coated glass products in Asia. (Graphic: Business Wire)

AGC Group ได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified® สำหรับผลิตภัณฑ์กระจกแบนและกระจกเคลือบทั้งหมดในเอเชีย (รูปภาพ: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์กระจกเคลือบและกระจกโฟลตได้รับการประเมินอย่างละเอียดตามเกณฑ์การประเมินหลัก 5 หมวดหมู่ ได้แก่ ความสมบูรณ์ของวัสดุ การนำวัสดุมาใช้ซ้ำ พลังงานหมุนเวียน การจัดการน้ำ และความเสมอภาคทางสังคม โดยการรับรองนี้ไม่เพียงแต่รับรองในด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ได้รับการรับรองอาคารสีเขียว เช่น LEED, WELL และ Green Star (ออสเตรเลีย) อีกด้วย

กลุ่มบริษัท AGC ได้กำหนด “คุณค่าทางสังคมสามประการ” ที่จะสร้างขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่างๆ ในแผนการบริหารจัดการระยะกลาง AGC plus-2026 ในจำนวนนี้ “Blue Planet” มีเป้าหมายที่จะมีส่วนสนับสนุนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมโลกผ่านการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม เรามีความยินดีที่จะประกาศว่าผลิตภัณฑ์กระจกโฟลตและกระจกเคลือบของเราได้รับการรับรอง Cradle to Cradle Certified®*2 แล้ว หลังจากการตรวจสอบ EPD*3 verification in 2022 โดยกลุ่มบริษัทของเรากำลังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

[หมายเหตุ]
*1 การรับรองนี้มีพื้นฐานมาจากเวอร์ชัน 3.1
*2 AGC Glass Asia Pacific Sustainable Product Certifications
*3 AGC Glass Asia Pacific Embodied Carbon in Glass & EPD

เกี่ยวกับ AGC

AGC Inc. (สำนักงานใหญ่: โตเกียว, ประธานและ CEO: Yoshinori Hirai) (TOKYO:5201) เป็นบริษัทแม่ของ AGC Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของโลกในด้านผลิตภัณฑ์กระจกและซัพพลายเออร์กระจกแบน กระจกรถยนต์และกระจกหน้าจอ สารเคมี เซรามิก และวัสดุและส่วนประกอบไฮเทคอื่นๆ AGC Group ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัยมากมายโดยอาศัยนวัตกรรมทางเทคนิคนานกว่าศตวรรษ กลุ่มบริษัทมีพนักงานทั่วโลกประมาณ 57,000 คนและสร้างยอดขายประจำปีประมาณ 2.0 ล้านล้านเยนญี่ปุ่น (ประมาณ 13,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากการดำเนินงานในกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ AGC และบน LinkedIn

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54116541/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Irene Cheng, Tel: +65 6273 5656, Email: aap.glass@agc.com

แหล่งข้อมูล: AGC Inc.

Blackstone ประกาศข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการ AirTrunk ด้วยมูลค่า 24 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

Logo

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–04 กันยายน 2024

กองทุนที่บริหารจัดการโดย Blackstone Real Estate Partners, Blackstone Infrastructure Partners, Blackstone Tactical Opportunities และกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเอกชนของ Blackstone สำหรับนักลงทุนรายบุคคล ร่วมกับ Canada Pension Plan Investment Board (“CPP Investments”) ได้ลงนามในข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อเข้าซื้อกิจการ AirTrunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก Macquarie Asset Management และ Public Sector Pension Investment Board ด้วยมูลค่ากิจการโดยนัยกว่า 24,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยนี่ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของ Blackstone ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยธุรกรรมดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบการลงทุนจากต่างประเทศของออสเตรเลีย

AirTrunk เป็นแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีสำนักงานอยู่ในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ มีกำลังการผลิตที่พร้อมให้บริการลูกค้ามากกว่า 800 เมกะวัตต์ และเป็นเจ้าของที่ดินที่สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตมากกว่า 1 กิกะวัตต์ทั่วทั้งภูมิภาค

Jon Gray ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Blackstone กล่าวว่า “นี่คือ Blackstone ที่ดีที่สุด ซึ่งใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มระดับโลกของเราเพื่อต่อยอดประโยชน์จากแนวคิดบนความมุ่งมั่นสูงสุดของเรา โดย AirTrunk ถือเป็นอีกก้าวสำคัญ เนื่องจาก Blackstone มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลชั้นนำของโลกในระบบนิเวศน์ รวมถึงศูนย์ข้อมูล พลังงาน และบริการที่เกี่ยวข้อง”

Sean Klimczak หัวหน้าฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ Blackstone และ Nadeem Meghji หัวหน้าร่วมฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกของ Blackstone กล่าวว่า “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลกำลังเผชิญกับความต้องการที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเกิดขึ้นโดยการปฏิวัติของ AI เช่นเดียวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลในวงกว้างของเศรษฐกิจ โดยก่อนที่จะเข้าซื้อกิจการ AirTrunk ผลงานเด่นๆ ของ Blackstone นั้นประกอบด้วยศูนย์ข้อมูลมูลค่า 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่กำลังก่อสร้างอยู่ พร้อมด้วยโครงการพัฒนาในอนาคตมูลค่ากว่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกับทีมผู้บริหารมากความสามารถของ AirTrunk เพื่อเสริมการเติบโตให้มากขึ้น”

Robin Khuda ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AirTrunk กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม AirTrunk ในภาคส่วนที่ทำผลงานได้ดี เนื่องจากเราคว้าโอกาสในการเติบโตครั้งต่อไปจากบริการคลาวด์และ AI และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรามุ่งหวังที่จะร่วมงานกับ Blackstone และ CPP Investments และได้รับประโยชน์จากเงินทุนมหาศาล ความเชี่ยวชาญในภาคส่วน และเครือข่ายอันทรงคุณค่าในตลาดประเทศต่างๆ ซึ่งจะช่วยรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ AirTrunk”

โดยคาดว่าจะมีการใช้จ่ายในด้านเงินทุนประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสหรัฐอเมริกาในช่วงห้าปีข้างหน้าเพื่อสร้างและอำนวยความสะดวกให้กับศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ โดยยังมีค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ซึ่ง Blackstone จะใช้ประโยชน์จากการดำเนินการนี้ในฐานะผู้ลงทุนชั้นนำระดับโลกด้านศูนย์ข้อมูล โดยทาง Blackstone ได้ลงทุนทั้งในส่วนของหนี้และเงินทุนของบริษัทศูนย์ข้อมูลอื่นๆ รวมถึงในฐานะเจ้าของ QTS ซึ่งเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูลที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอย่าง Coreweave และ Digital Realty ด้วย นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการพลังงานของภาคส่วนต่างๆ ในรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย รวมถึงในฐานะผู้ลงทุนในบริษัทพลังงานและสาธารณูปโภค เช่น Invenergy ผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนอิสระรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ Blackstone

Blackstone คือบริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเรามุ่งมั่นที่จะมอบผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุนให้กับนักลงทุนสถาบันและรายบุคคลโดยการเสริมศักยภาพให้กับบริษัทที่เราลงทุนด้วย เรามีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกที่เน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์ หุ้นเอกชน โครงสร้างพื้นฐาน ชีววิทยาศาสตร์ หุ้นเพื่อการเติบโต สินเชื่อ สินทรัพย์จริง สินทรัพย์รอง และกองทุนป้องกันความเสี่ยง โดยผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.blackstone.com หรือติดตาม @blackstone บน LinkedIn, X (Twitter) และ Instagram

1 รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านเงินทุนสำหรับโครงการที่ให้สัญญาไว้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Blackstone Media Contacts
Mariko Sanchanta
Blackstone
mariko.sanchanta@blackstone.com | +852 3656 7738

Hayley Morris
MorrisBrown Communications Pty Ltd
hayley@morris-brown.com.au | +61 407 789 018

แหล่งข้อมูล: Blackstone

Toshiba ทำการจัดหาตัวอย่าง IC อินเทอร์เฟซการตอบสนอง CXPI สำหรับยานยนต์ซึ่งจะช่วยลดเวลาพัฒนาซอฟต์แวร์ลงได้

Logo

– IC อินเทอร์เฟซการตอบสนอง CXPI ตัวแรกในอุตสาหกรรม[1]พร้อมลอจิกฮาร์ดแวร์ในตัว

คาวาซากิ, ประเทศญี่ปุ่น –(BUSINESS WIRE)–03 กันยายน 2024

วันนี้บริษัท Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation หรือ Toshiba ได้เริ่มจัดหาตัวอย่าง “TB9033FTG” ซึ่งเป็น IC อินเทอร์เฟซการตอบสนอง Clock Extension Peripheral Interface[2]  (CXPI) สำหรับยานยนต์ตามมาตรฐาน CXPI สำหรับโปรโตคอลการสื่อสารในรถยนต์

Toshiba: TB9033FTG, an automotive Clock Extension Peripheral Interface (CXPI) responder interface IC. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: TB9033FTG, ชิปวงจรอินทิเกรตที่เป็นตัวรับสัญญาณสำหรับอินเทอร์เฟซต่อพ่วงส่วนขยายนาฬิกาในระบบยานยนต์ (กราฟิก: Business Wire)

TB9033FTG เป็น IC ประเภทนี้ตัวแรกของอุตสาหกรรม[1] ที่มีลอจิกฮาร์ดแวร์ในตัว[3] ซึ่งควบคุมการรับส่งสัญญาณโดยใช้โปรโตคอล CXPI และอินพุต/เอาต์พุตเอนกประสงค์ (GPIO) ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดความการพึ่งพาการพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะทางและช่วยลดเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อีกด้วย

IC ใหม่นี้ประกอบไปด้วยพิน GPIO จำนวน 16 พิน โดย 6 พินสามารถสลับเป็นอินพุตตัวแปลง AD และ 4 พินเป็นเอาต์พุตการปรับความกว้างของพัลส์ (PWM) นอกจากนี้ยังผสานรวมฟังก์ชันต่างๆ ที่ช่วยให้ใช้งานได้ในแอพพลิเคชันยานยนต์หลากหลายประเภท เช่น การตรวจสอบอินพุตระหว่างโหมดสลีป อินพุตเมทริกซ์สวิตช์ (สูงสุด 4×4) และเอาต์พุตในกรณีที่การสื่อสารหยุดชะงัก

วงจรตรวจจับความผิดพลาดในกรณีที่ความร้อนสูงเกินไป แรงดันไฟเกิน และแรงดันไฟต่ำจะถูกสร้างไว้ใน IC และยังสามารถตรวจหาสภาวะที่เกิดขึ้นก่อนเกิดความผิดปกติและส่งข้อมูลไปยังโหนดคอมมานเดอร์เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจจับความผิดพลาดในการใช้งานยานยนต์ได้อีกด้วย

ช่วงอุณหภูมิในการทำงานจะอยู่ที่ -40 ถึง 125°C ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในยานยนต์ และ IC จะเป็นไปตามมาตรฐานคุณสมบัติ AEC-Q100 สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้รองรับการมัลติเพล็กซ์การสื่อสารของยานยนต์และการลดจำนวนสายไฟที่ใช้ในระบบควบคุมตัวถัง ซึ่งจะทำให้รถมีน้ำหนักเบาลง

นอกจากนี้ Toshiba ยังพัฒนา IC ตัวรับไดรเวอร์การสื่อสาร CXPI สำหรับยานยนต์อย่าง “TB9032FNG” ที่สามารถสลับระหว่างโหนดผู้ควบคุมและโหนดตัวตอบสนองได้โดยใช้พินภายนอก

หมายเหตุ:

[1] เป็น IC อินเทอร์เฟซ CXPI สำหรับโหนดผู้ตอบสนอง ณ วันที่ 3 กันยายน 2024 จากการสำรวจของ Toshiba
[2] CXPI (Clock Extension Peripheral Interface) เป็นมาตรฐานการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นในญี่ปุ่นสำหรับเครือข่ายย่อยสำหรับยานยนต์ที่ได้มาจาก LIN[4]
[3] วงจรตรรกะที่ใช้ฮาร์ดแวร์กำหนดค่าโดยไม่ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์
[4] LIN (Local Interconnect Network) เป็นมาตรฐานการสื่อสารสำหรับเครือข่ายย่อยออนบอร์ดที่มีต้นทุนต่ำกว่าและความเร็วต่ำกว่าที่ได้มาจาก CAN[5]
[5] CAN (Controller Area Network) เป็นมาตรฐานการสื่อสารแบบอนุกรม ที่โดยหลักๆ แล้วจะใช้เป็นเครือข่ายการสื่อสารสำหรับยานยนต์

การใช้งาน

ยานยนต์

  • การใช้งานระบบควบคุมตัวถัง (สวิตช์พวงมาลัย สวิตช์ชุดมาตรวัด สวิตช์ไฟ การล็อกประตู กระจกมองข้าง ฯลฯ)

คุณสมบัติต่างๆ

  • IC อินเทอร์เฟซตัวตอบสนองที่เป็นไปตามมาตรฐาน CXPI สำหรับโปรโตคอลการสื่อสารสำหรับยานยนต์
  • การตอบสนองความเร็วสูงเหมาะสำหรับการใช้งานระบบตัวถังรถยนต์ (เมื่อเทียบกับ LIN)
  • พิน GPIO จำนวน 16 พิน (สามารถสลับพิน 4 พินเป็นเอาต์พุต PWM และอีก 6 พินสามารถแปลงเป็นอินพุตตัวแปลง AD ได้)
  • ฟังก์ชันอินพุตเมทริกซ์สวิตช์ (สูงสุด 4×4)
  • ฟังก์ชันการตรวจหาข้อผิดพลาด เช่น ความร้อนสูงเกินไป แรงดันไฟเกิน และแรงดันไฟต่ำ (ผลิตภัณฑ์นี้สามารถตรวจหาสภาวะที่เกิดขึ้นก่อนเกิดความผิดปกติและส่งข้อมูลไปยังโหนดผู้บัญชาการโดยอัตโนมัติได้)
  • การใช้กระแสไฟฟ้าต่ำ (กระแสไฟฟ้าแสตนด์บาย): IVBAT_SLP=10μA (typ.)
  • EMI ต่ำและ EMS สูงทำให้การออกแบบเสียงรบกวนง่ายขึ้น
  • ทนทานต่อไฟฟ้าสถิตย์ได้ดีเนื่องจากมี ESD สูง
  • ได้รับการรับรอง AEC-Q100

ข้อมูลจำเพาะหลัก

 (Ta=-40 to 125°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

TB9033FTG

มาตรฐาน

เป็นไปตามมาตรฐาน CXPI (ISO 20794-2 ถึง 4, ISO 14229-8) สำหรับโปรโตคอลการสื่อสารสำหรับยานยนต์

ฟังก์ชันการทำงาน

IC อินเทอร์เฟซ CXPI พร้อมลอจิกฮาร์ดแวร์ในตัว (โหนดผู้ตอบสนองเท่านั้น)

พิน I/O

พิน GPIO จำนวน 16 พิน (4.5 ถึง 5.5V)

(สามารถสลับพินจำนวน 6 พินไปยังวงจรอินพุตตัวแปลง AD 10 บิตได้ 1 วงจร และสามารถสลับพินจำนวน 4 พินไปยังวงจรเอาท์พุต PWM 8 บิตได้ 4 วงจร)

ฟังก์ชันอินพุต

  • การติดตามอินพุตขณะอยุ่ในโหมดสลีป
  • ตั้งค่าฟิลเตอร์การสั่นของอินพุต
  • การตั้งค่าสวิตช์เมทริกซ์ (สูงสุด 4×4)
  • การสุ่มตัวอย่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของตัวแปลง AD (สามารถตั้งเวลาและจำนวนครั้งได้)

ฟังก์ชันเอาท์พุต

  • การควบคุมการเปิด/ปิดเอาท์พุต (สามารถตั้งเวลาและจำนวนครั้งได้)
  • การควบคุมเอาท์พุตเมื่อการสื่อสารหยุดชะงัก
  • การตั้งค่าความถี่ PWM

หน่วยความจำในตัว

หน่วยความจำแบบไม่มีการลบ (บันทึกการตั้งค่าพิน I/O, สามารถเขียนซ้ำได้ และกำหนดรหัสผ่านได้)

ฟังก์ชันการตรวจหาความผิดพลาด

ความร้อนสูงเกินไป แรงดันไฟฟ้าเกิน และแรงดันไฟฟ้าต่ำ (ผลิตภัณฑ์นี้สามารถตรวจหาสภาวะที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดความผิดปกติและส่งข้อมูลไปยังโหนดผู้ควบคุมได้โดยอัตโนมัติ)

ค่าสงสุดสัมบูรณ์

แรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ

VVBAT (V)

-0.3 ถึง 40

ลักษณะทางไฟฟ้า

ช่วงการทำงานปกติของ VBAT

VVBAT (V)

6 ถึง 18

อัตราการใช้กระแสไฟฟ้า (กระแสไฟสแตนด์บาย)

IVBAT_SLP (μA)

Typ.

10

อุณหภูมิในการทำงาน

Ta (°C)

-40 ถึง 125

ความเร็วในการสื่อสาร (kbps)

สูงสุด

20

แพ็คเกจ

ชื่อ

P-VQFN28-0606-0.65-003

ขนาด (มม.)

6×6

การทดสอบความน่าเชื่อถือ

ต้องผ่านเกณฑ์ AEC-Q100 (Grade 1)

ล็อตการผลิต

ธันวาคม 2025

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภณฑ์ใหม่ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
TB9033FTG

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครือข่ายการสื่อสารยานยนต์ของ Toshiba ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
Automotive Network Communication

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคา และข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับToshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านเซมิคอนดักเตอร์และโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง มีประสบการณ์และสร้างนวัตกรรมเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจมานานกว่าครึ่งศตวรรษ
พนักงาน 19,400 คนทั่วโลกมุ่งมั่นที่จะร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่าสูงสุด และส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน โดยบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคนทั่วโลก
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54115381/en

ข้อมูลติดต่อ

การสอบถามสำหรับลูกค้า:
แผนกขายและการตลาดสำหรับอุปกรณ์อะนาล็อกและยานยนต์
Tel: +81-44-548-2219
ติดต่อเรา

การสอบถามข้อมูลสื่อ:
Chiaki Nagasawa
แผนกการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

แหล่งข้อมูล: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

NIPPON KINZOKU จัดแสดงในงาน “STAINLESS STEEL WORLD ASIA 2024”

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–04 กันยายน 2024

NIPPON KINZOKU CO., LTD. (TOKYO: 5491, สำนักงานใหญ่: เขตมินาโตะ โตเกียว) และ Tokyo Stainless Grinding Co., Ltd. (สํานักงานใหญ่: เขตซูมิดะ โตเกียว) จะร่วมเข้าร่วมในงาน STAINLESS STEEL WORLD ASIA 2024 ซึ่งเป็นนิทรรศการที่จะจัดขึ้นที่ Singapore EXPO ในสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 11 (พุธ) ถึง 12 กันยายน (พฤหัสบดี) 2024

We will exhibit our carbon neutral products such as high-performance stainless steel, high-precision tubes, profile rolled products (Fine Profile), and rolled magnesium alloy materials, along with examples of their applications. (Graphic: Business Wire)

เราจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลางทางคาร์บอน เช่น สแตนเลสสตีลประสิทธิภาพสูง ท่อความแม่นยําสูง ผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปโปรไฟล์ (Fine Profile) และวัสดุโลหะผสมแมกนีเซียมขึ้นรูป พร้อมตัวอย่างการใช้งาน (กราฟิก: Business Wire)

• รายละเอียดการจัดแสดง
1. สแตนเลสสตีล
(1) แผ่นฟอยล์สแตนเลสหน้ากว้าง
โรงงานรีดแผ่นฟอยล์สามารถผลิตแผ่นที่มีความหนา ±1.0 μm ของค่าพิกัดความเผื่อ โดยสามารถผลิตแผ่นที่มีความกว้างสูงสุด 620 มม.

(2) ผิวเคลือบแบบ L•Core
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้านทานการสัมผัสไฟฟ้ากับสแตนเลสสตีลต่ำ

(3) ผิวเคลือบแบบ FI
เป็นความต้านทานฉนวนพื้นผิวสูงและเป็นฟิล์มที่ทนต่อความร้อนสูง

(4) สแตนเลสสตีลทางการแพทย์
เป็นไปตามข้อบังคับเกี่ยวกับโคบอลต์ (Co: 0.1% หรือน้อยกว่า) ในระเบียบอุปกรณ์การแพทย์ของยุโรป (MDR)

2. โลหะผสมแมกนีเซียมใหม่ (ZA10)
 ZA10 ช่วยเพิ่มความสามารถในการขึ้นรูปแบบเย็นสําหรับโลหะผสมแมกนีเซียม ซึ่งโดยทั่วไปต้องผ่านการขึ้นรูปแบบร้อน นอกจากนี้เรายังยืนยันว่าโลหะผสมชนิดนี้มีคุณสมบัติในการนําความร้อนเทียบเท่ากับโลหะผสมอะลูมิเนียม และสามารถปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิตโดยการจัดหาวัสดุในรูปแบบคอยล์

3. แผ่นเหล็กไฟฟ้าบางเฉียบ
เราเป็นผู้ผลิตแผ่นเหล็กไฟฟ้าบางเฉียบเพียงรายเดียวที่มีความหนาน้อยกว่า 0.10 มม. ในญี่ปุ่น

4. “Fine Pipe” ที่มีพื้นผิวด้านในที่มีความแม่นยําสูง
ในบรรดาท่อที่มีความแม่นยําสูง (fine pipe) ของเราเป็นท่อที่มีพื้นผิวด้านในที่ได้รับการปรับปรุงสําหรับท่อแคพิลลารีที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก โดยสามารถให้ค่า Ra 0.5 μm หรือต่ำกว่า โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน 0.5 มม. ขึ้นไป

5. Fine Profile (ผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปโปรไฟล์)
โดยการควบคุมรูปทรงและอุปกรณ์ขึ้นรูปโครงที่มีความแข็งแกร่งสูงของเรา ทำให้ได้ Fine Profile ที่มีความแม่นยำสูง Fine Profile เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถลดต้นทุนการผลิตด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการตัด

• ภาพรวมนิทรรศการ

STAINLESS STEEL WORLD ASIA 2024 เป็นนิทรรศการเทคโนโลยีวัสดุล้ำสมัยจากทั่วโลก

วันที่: 11(พุธ) – 12 (พฤหัสบดี) กันยายน 2024

สถานที่: Singapore EXPO, Hall 6 F52-25

ที่อยู่: 1 Expo Drive, #02-01, Singapore 486150

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของนิทรรศการ: stainless-steel-world-asia.com/
เว็บไชต์อย่างเป็นทางการของสถานที่: https://www.singaporeexpo.com.sg

• เว็บไซต์ของเราและกลุ่มบริษัทของเรา

NIPPON KINZOKU CO., LTD.:  https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/
NIPPON KINZOKU (THAILAND) CO., LTD.:  https://www.fact-link.com/mem_content.php?pl=th&mem=00003164&page=00013873
NIPPON KINZOKU (MALAYSIA) SDN.BHD.:  https://www.malaysiabrand.com.my/website/kinzoku/

คลิกที่นี่เพื่อดูข้อความฉบับเต็ม
https://www.nipponkinzoku.co.jp/assets/images/2024/09/NIPPON-KINZOKU-Exhibit-at-STAINLESS-STEEL-WORLD-ASIA-2024.pdf

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54115951/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายพัฒนาการขาย
NIPPON KINZOKU CO., LTD.

อีเมล์: nikkin-overseas@nipponkinzoku.co.jp
https://www.nipponkinzoku.co.jp/en/inquiry

ที่มา: NIPPON KINZOKU CO., LTD.