TradeSun ประกาศข้อตกลงร่วมกับ Wells Fargo

Logo

ซานดิเอโก–(BUSINESS WIRE)–16 เมษายน 2024

TradeSun และ Wells Fargo ได้ทำข้อตกลงที่จะช่วยให้ Wells Fargo สามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชันดิจทัลทางการเงินเพื่อการค้าชั้นนำของอุตสาหกรรม และโซลูชันการแปลงเป็นดิจิทัลตามการปฏิบัติตามกฎระเบียบจาก TradeSun โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการที่ซับซ้อน และดำเนินการด้วยตนเองที่ใช้ทั่วโลก ภายในอุตสาหกรรมการธนาคาร

การเปิดตัวครั้งใหม่ที่สําคัญของ TradeSun กําลังพลิกโฉมระบบดิจิทัลทางการเงินการค้า โดยถือเป็นเป็นการบุกเบิกสิ่งใหม่ในโลกแห่งการเก็บข้อมูลการรับรู้ และกระบวนการอัตโนมัติอัจฉริยะ และยกระดับการคัดกรองการปฏิบัติตามข้อกําหนดและการตรวจสอบเอกสารไปสู่ระดับใหม่ AI ที่มุ่งเน้นการค้าของ TradeSun จะช่วยบรรลุเป้าหมายของ Wells Fargo โดยทําให้กระบวนการแบบแมนนวลเป็นอัตโนมัติ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนธุรกิจใหม่

Wells Fargo จะใช้แพลตฟอร์ม TradeSun AI เพื่อแปลงเป็นดิจิทัล แยก ตรวจสอบ และจัดประเภทข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างเพื่อใช้กับการปฏิบัติตามข้อกําหนดและการตรวจสอบเอกสาร

“จากการเดินทางของเรากับ Wells Fargo เราได้เรียนรู้ว่าพวกเขาทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ผมมีแรงผลักดันเป็นการส่วนตัวเพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์ม TradeSun AI ยังคงเร่งความเป็นผู้นําในตลาดต่อไป ที่ TradeSun เราได้รับแรงบันดาลใจจากการตัดสินใจของ Wells Fargo ในการลงทุนในความสัมพันธ์นี้ นับเป็นการยืนยันที่ทรงพลังถึงนวัตกรรมของ TradeSun ในการแปลงการเงินเพื่อการค้าทั่วโลกให้เป็นดิจิทัล” Nigel Hook ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ TradeSun กล่าว

“Wells Fargo ยังคงสร้างความก้าวหน้าที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางการเงินการค้าและลูกหนี้ของเรา ข้อตกลงของเรากับ TradeSun ทําให้เรามีเครื่องมือในการแปลงเป็นดิจิทัล และระบบอัตโนมัติเพื่อเสริมสร้างกรอบความเสี่ยงของเรา ส่งมอบการดําเนินการที่ไร้ที่ติ และมอบประสบการณ์ระดับโลกให้กับลูกค้า” Cesar Gonzalez หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติการธนาคารพาณิชย์ของ Wells Fargo กล่าว

“เรากําลังออกแบบและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อให้บริการลูกค้าด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกช่องทาง” Kiran Vuppu หัวหน้ากลุ่มข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าธนาคารพาณิชย์และการจัดการผลิตภัณฑ์สินเชื่อเชิงพาณิชย์ของ Wells Fargo กล่าว ” วิธีหนึ่งที่ทีมของเราเป็นผู้นํางานนี้คือการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และการทํางานร่วมกับ TradeSun เป็นส่วนสําคัญของกลยุทธ์ดังกล่าว”

เกี่ยวกับ TradeSun

TradeSun เป็นผู้นําด้าน AI ในการค้าโลก แพลตฟอร์ม TradeSun Intelligence ของเราแปลงเอกสารเป็นดิจิทัล และเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานอย่างมาก โดยทำให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดแบบเรียลไทม์เป็นอัตโนมัติ สําหรับอาชญากรรมทางการเงินและความเสี่ยงจากการคว่ำบาตร แพลตฟอร์มของเราดําเนินการกระทบยอดการค้าแบบอัตโนมัติ และการให้คะแนนธุรกรรมที่ยั่งยืนเป็นครั้งแรก โดยใช้โซลูชัน CoriolisESG ของ TradeSun Global Markets Explorer ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อหลอมรวมข้อมูลธุรกรรมและข้อมูลห่วงโซ่อุปทานระดับลึกของบริษัทกว่า 460 ล้านแห่ง เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานด้วยแหล่งข้อมูลทางเลือกอื่น และให้ความกระจ่างแก่ตลาดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย

เทคโนโลยี TradeSun AI ช่วยลดต้นทุนการประมวลผล ปรับปรุงการคัดกรองการปฏิบัติตามข้อกําหนด และเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบนิเวศการค้าและห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนสําหรับธนาคารและองค์กร

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.tradesun.com
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/tradesun

เกี่ยวกับ Wells Fargo

Wells Fargo & Company (NYSE: WFC) เป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนําที่มีสินทรัพย์ประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ให้บริการหนึ่งในสามครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา และมากกว่า 10% ของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกาอย่างภาคภูมิใจ  และเป็นผู้ให้บริการธนาคารในตลาดกลางชั้นนําในสหรัฐอเมริกา เรานำเสนอชุดผลิตภัณฑ์และบริการด้านการธนาคาร การลงทุน และการจํานองที่หลากหลาย รวมถึงการเงินสําหรับผู้บริโภคและการพาณิชย์ ผ่านทางส่วนงานดำเนินงานที่รายงานได้สี่ส่วนของเรา ได้แก่ การธนาคารเพื่อผู้บริโภคและการให้กู้ยืม การธนาคารพาณิชย์ การธนาคารเพื่อองค์กรและวาณิชธนกิจ และการจัดการความมั่งคั่งและการลงทุน Wells Fargo อยู่ในอันดับที่ 47 ในการจัดอันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาประจำปี 2023 โดย Fortune ในชุมชนที่เราให้บริการ บริษัท มุ่งเน้นผลกระทบทางสังคมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุมสําหรับทุกคน โดยการสนับสนุนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย การเติบโตของธุรกิจขนาดเล็ก สุขภาพทางการเงิน และเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ข่าวสาร ข้อมูลเชิงลึก และมุมมองจาก Wells Fargo สามารถดูได้ที่ Wells Fargo Stories

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.wellsfargo.com
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/wellsfargo

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53932089/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชนสัมพันธ์: media@tradesun.com, +1 800 481 3282

ที่มา: TradeSun

Xsolla และ Curine Ventures เปิดตัว Xsolla Curine Academy อย่างเป็นทางการในกัวลาลัมเปอร์ เพื่อยกระดับ ระบบนิเวศการเล่นเกมในภูมิภาคอาเซียน

Logo

โครงการริเริ่มที่สําคัญในการบ่มเพาะและเพิ่มศักยภาพให้กับผู้มีความสามารถในท้องถิ่นในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม

กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย–(BUSINESS WIRE)–15 เมษายน 2024

Xsolla บริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชื่อเสียงในด้านชุดเครื่องมือและบริการที่ครอบคลุมซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับอุตสาหกรรมวิดีโอเกม โดยร่วมมือกับ Curine Ventures ผู้สร้างกิจการที่บ่มเพาะและพัฒนาสตาร์ทอัพที่ทํากําไรได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกา รู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศเปิดตัว Xsolla Curine Academy (XCA) อย่างเป็นทางการในกัวลาลัมเปอร์ โครงการริเริ่มนี้ได้รับการอํานวยความสะดวกโดย Malaysia Digital Economy Corporation (MDEC) ถือเป็นความมุ่งมั่นที่สําคัญในการบ่มเพาะและเพิ่มศักยภาพให้กับผู้มีความสามารถในท้องถิ่นในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม โดยมีกําหนดเปิดตัวในวันที่ 18 เมษายน 2024 ที่ KL Eco City

Xsolla Curine Academy (Graphic: Business Wire)

Xsolla Curine Academy (กราฟิก: Business Wire)

Xsolla Curine Academy ยืนหยัดในฐานะตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยอุทิศตนเพื่อเตรียมนักพัฒนาเกมที่มีความสามารถที่จําเป็นสําหรับอาชีพที่เจริญรุ่งเรือง ผ่านโปรแกรมที่กว้างขวางและสอดคล้องกับอุตสาหกรรม Academy มีระยะเวลาตั้งแต่ 1 ถึง 12 เดือน โดยเปิดสอนหลักสูตรที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมประเด็นสําคัญๆ รวมถึงแนวทางปฏิบัติด้านการสื่อสารภายในอุตสาหกรรมเกม การออกแบบและพัฒนาเกมอินดี้ ศิลปะคอมพิวเตอร์กราฟิก กลยุทธ์เกม และการบ่มเพาะ IP ไม่ว่าผู้เข้าร่วมจะปรารถนาที่จะเปิดตัวเกมหรือสตูดิโอของตนเอง สร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ หรือก้าวเข้าสู่อาชีพด้านเกมอย่างมั่นใจ พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ด้วยแนวทางที่ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลางเป็นหลัก XCA มอบแนวทางทางการเรียนรู้ที่แตกต่างกันสามเส้นทาง เพื่อรองรับผู้สมัครที่มีประสบการณ์และการเตรียมตัวในระดับที่แตกต่างกัน หลักสูตรเหล่านี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนที่หลากหลาย โดยแต่ละหลักสูตรมีเป้าหมายและแรงบันดาลใจในอาชีพของตนเอง ด้วยการผสมผสานการออกแบบโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม การเข้าถึง Megamod เอ็นจิ้นที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ XCA ซึ่งเป็นโซลูชันล้ำสมัยสําหรับการสร้างเกมและความเชี่ยวชาญระดับโลก XCA รับประกันว่าผู้เรียนมีทรัพยากรและคําแนะนําที่จําเป็นต่อการเติบโตในเวทีเกมระดับโลก

นอกจากนี้ โปรแกรมยังได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับผู้ที่สนใจในการพัฒนาเกมในรูปแบบธุรกิจ ด้วยแนวทางการเรียนรู้ที่ปฏิบัติได้จริง ผู้เข้าร่วมจะได้รับความรู้และทักษะที่จําเป็นในการทำเกม ตั้งแต่แนวคิดเริ่มต้นไปจนถึงความสําเร็จหลังการเปิดตัว ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้การเล่าเรื่อง ศิลปะ CG การสร้างตัวละคร การวิเคราะห์ เทคนิคการจัดการโครงการที่ปรับให้เหมาะกับอุตสาหกรรมเกม การใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่ล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ กลยุทธ์การตลาดสําหรับผู้ชมเกมโดยเฉพาะ กลยุทธ์การสร้างรายได้ และกลยุทธ์การเสนอขายที่มีประสิทธิภาพ

ในความร่วมมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่ Xsolla Funding Club และ Accelerator จะบูรณาการเข้ากับ Xsolla Curine Academy เพื่อสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งของนักลงทุนและผู้เผยแพร่กว่า 250 ราย การทํางานร่วมกันนี้ออกแบบมาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์อันล้ําค่า และการสนับสนุนในการเปิดตัวเกมอินดี้ เช่น Lost in Play, Fix Fox, Toy Tactics, Flame Keeper และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งตอกย้ำความทุ่มเทของทีมในการบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้านเกม และส่งเสริมระบบนิเวศที่พร้อมสําหรับนวัตกรรม

ด้วยการเน้นย้ําถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม และความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก สถาบันการศึกษา และบริษัท เกม XCA มุ่งมั่นที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างผู้มีความสามารถและโอกาส และกระตุ้นการเติบโตอย่างมีนัยสําคัญภายในระบบนิเวศการพัฒนาเกมของมาเลเซีย สถาบันการศึกษาแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางภูมิภาคอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมของ Xsolla และความเฉียบแหลมในการเป็นผู้ประกอบการของ Curine Ventures เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่หล่อเลี้ยงสําหรับมืออาชีพและผู้นําเกมรุ่นต่อไป

สํารวจโปรแกรมของ XCA และเข้าร่วมเป็นผู้นําด้านการพัฒนาเกมรุ่นต่อไปได้ที่: https://www.xcdev.com/

David Stelzer ประธานของ Xsolla แบ่งปันวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับโครงการริเริ่มนี้ว่า “การเปิดตัว Xsolla Curine Academy ในกัวลาลัมเปอร์เป็นช่วงเวลาสําคัญในการแสวงหาความเป็นประชาธิปไตยในการพัฒนาเกม และขับเคลื่อนผู้มีความสามารถของชาวมาเลเซียและอาเซียนไปสู่เวทีระดับโลก ด้วยการช่วยให้นักพัฒนาในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงความเชี่ยวชาญ ทรัพยากร และเครือข่ายระดับโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ เราจึงไม่เพียเชื่อมช่องว่างระหว่างผู้มีความสามารถและอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมชุมชนที่นวัตกรรมเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย ความมุ่งมั่นของเราผ่าน XCA คือการช่วยให้นักพัฒนาเกมได้ตระหนักถึงศักยภาพสูงสุดของตน และมีส่วนร่วมในระบบนิเวศเกมระดับโลกที่เจริญรุ่งเรือง

การเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งนี้ส่งสัญญาณบทใหม่ในการเดินทางของมาเลเซียสู่การเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านการพัฒนาเกมในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันของ Xsolla และ Curine Ventures ในการเสริมสร้างระบบนิเวศของเกมผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมที่ครอบคลุม การเสริมศักยภาพ และการทำงานร่วมกัน

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่มีประสิทธิภาพและทรงพลังซึ่งออกแบบมาสําหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยหลือผู้พัฒนาเกมและผู้เผยแพร่ในการระดมทุนทุกระดับ  การตลาด การเปิดตัว และการสร้างรายได้จากเกมของพวกเขาทั่วโลกและบนหลายแพลตฟอร์ม ในฐานะผู้นําด้านนวัตกรรมในการค้าเกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ปัญหาความซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจําหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าถึงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับนักเล่นเกมทั่วโลก Xsolla มีสํานักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยมีสํานักงานในลอนดอน เบอร์ลิน ปักกิ่ง กวางโจว โซล โตเกียว กัวลาลัมเปอร์ ราลี และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla รองรับเกมหลักๆ เช่น Valve, Twitch, Roblox, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo และอีกมากมาย

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่: xsolla.com

เกี่ยวกับ Curine Ventures

ผู้สร้างกิจการที่บ่มเพาะและพัฒนาสตาร์ทอัพที่ทํากําไร โดยใช้ประโยชน์จากความรู้และเครือข่ายที่กว้างขวางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกา เพื่อพลิกโฉมตลาดท้องถิ่น Curine Ventures เชื่อมโยงผู้ประกอบการกับผู้ร่วมทุน สํานักงานครอบครัว และกองทุนร่วมลงทุน ขับเคลื่อนการเติบโตในวงกว้าง และเสนอทางเลือกในการระดมทุนทางเลือก

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่: https://curine.com/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53930626/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Derrick Stembridge

ผู้อํานวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลกของ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla

Neymar Junior ดาวฟุตบอลดังระดับโลก ผนึกกำลังกับ Fun Brands และสร้างแบรนด์ของตัวเองในธุรกิจค็อกเทลและม็อกเทล

Logo

SÃO PAULO & MIAMI–(BUSINESS WIRE)–15 เมษายน 2024

Neymar da Silva Santos Júnior ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ผนึกกำลังกับ Fun Brands บริษัทเครื่องดื่มที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในไมอามี รัฐฟลอริดา และประกาศการร่วมทุนด้านนวัตกรรมผลิตค็อกเทลที่มีส่วนผสมของสุราและไวน์จากธรรมชาติล้วนๆ รวมถึงม็อกเทลแบบไม่มีแอลกอฮอล์ โดยจะมีการเปิดตัวในบราซิลปลายปีนี้

World Famous Soccer Star Neymar Junior Announces Collaborative Venture With Fun Brands to Enter Cocktail and Mocktail Business With Own Brand (Photo: Business Wire)

Neymar Junior ดาวฟุตบอลดังระดับโลกประกาศร่วมมือกับ Fun Brands และสร้างแบรนด์ของตัวเองในธุรกิจค็อกเทลและม็อกเทล (ภาพถ่าย: Business Wire)

“นี่เป็นโอกาสอันดีของฉันที่จะเฉลิมฉลองกับแฟนๆ ทั่วโลกในมิติใหม่ สร้างความสัมพันธ์ใหม่นอกเหนือจากฟุตบอล ซึ่งเป็นชีวิตจิตใจของฉัน” ดาวเด่นกล่าว “ฉันต้องการแบ่งปันรสชาติของบราซิลที่ฉันหลงใหลเป็นอย่างมากกับแฟนๆ ฟุตบอลของฉันที่บ้านและทั่วโลกด้วยมิติใหม่ ความคิดที่จะนำเสนอเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ก็เป็นจุดดึงดูดใจฉันให้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน”

สำหรับ Fun Brands ช่วงเวลานี้เป็นช่วงพิเศษ เป็นโอกาสพิเศษที่จะนำเสนอนวัตกรรมค็อกเทลสูตรแอลกอฮอล์ต่ำและม็อกเทลสูตรไม่มีแอลกอฮอล์เข้าสู่ตลาดภายใต้แบรนด์สัญชาติบราซิลที่เข้าถึงได้ทั่วโลก จากวิสัยทัศน์ของ Neymar Junior สำหรับเครื่องดื่มที่สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์และรสนิยมของเขา Fun Brands พัฒนาเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำ น้ำตาลน้อย โดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด

“การร่วมทุนกับ Neymar Junior โดยมุ่งเน้นที่ ‘รสชาติของบราซิล’ ซึ่งเป็นประเทศที่มีรสชาติพิเศษเป็นเอกลักษณ์ และร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก” Joe Peleg  ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Fun Brands กล่าว แบรนด์เครื่องดื่มใหม่นี้จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำและไม่มีแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรกในบราซิล และหลังจากนั้น จะเปิดตัวตลาดเชิงกลยุทธ์ระดับโลก

สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวเครื่องดื่มของ Neymar Junior ได้ที่ www.funbrands.fun

เกี่ยวกับ NR Sports Ltd.

NR Sports Ltd. เป็นบริษัทบริหารจัดการสายอาชีพที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Sao Paulo ประเทศบราซิล ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการจัดการภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของ Neymar Junior และ Thiago Braz ผู้ชนะเลิศเหรียญทองโอลิมปิกของ Brazil บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยผู้ปกครองของ Neymar Junior

เกี่ยวกับ Fun Brands

Fun Brands เป็นกลุ่มบริษัทเครื่องดื่มใน US ที่กำลังดำเนินการพัฒนาและทำการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ของ Neymar และเป็นบริษัทในเครือและและบริหารโดยผู้บริหารกลุ่มเครื่องดื่มและสื่อ รวมถึงนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบเครื่องดื่มและบรรจุภัณฑ์ Icon International, Inc. ซึ่งเป็นพันธมิตรสื่อระดับโลกและหุ้นส่วนของ Fun Brands จะร่วมมือกันในการส่งเสริมการขายและทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรสื่อของ Neymar หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่อีเมล info@funbrands.fun

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53929521/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Shelby Farahan & Rachel Alkon (US/Global)
Ronald Mincheff (Brazil)
press@funbrands.fun

แหล่งข้อมูล: Fun Brands

Xsolla Curine Academy และ Universiti Malaya ผสานความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงสำหรับคอมพิวเตอร์เกม แอนิเมชัน และ VR/AR

Logo

KUALA LUMPUR, Malaysia–(BUSINESS WIRE)–11 เมษายน 2024

Xsolla Curine Academy and Universiti Malaya มีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือด้านการวิจัยและการริเริ่มร่วมกันเพื่อมุ่งเน้นนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับคอมพิวเตอร์เกม แอนิเมชัน และ Virtual/Augmented Reality (VR/AR)

Left: Mr. Kaveh Wong Tz Toe, Founder / Director of Xsolla Curine Academy Sdn. Bhd.; Right: Professor Dr. Chan Chee Seng, Dean of Faculty of Computer Science & Information Technology (FCSIT) UM, shake hands after signing the Letter of Intent for joint collaboration. (Photo: Business Wire)

ซ้าย: Mr. Kaveh Wong Tz Toe ผู้ก่อตั้ง / ผู้อำนวยการของ Xsolla Curine Academy Sdn. Bhd.; ขวา: Professor Dr. Chan Chee Seng คณบดีคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (FCSIT) UM จับมือกันหลังลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในการร่วมมือกัน (ภาพถ่าย: Business Wire)

การมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์สำหรับคอมพิวเตอร์เกม แอนิเมชัน และ VR/AR นี้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ดิจิทัลที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีเหล่านี้ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยการรวบรวมความเชี่ยวชาญในแขนงสาขาเหล่านี้ Xsolla Curine Academy และ Universiti Malaya มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างสรรค์โครงการที่มีผลดีต่ออุตสาหกรรม และบ่มเพาะผู้มีความสามารถและทักษะเฉพาะด้านที่ปรับแต่งเพื่อให้เหมาะกับความต้องการในอนาคต

“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เริ่มต้นความร่วมมือกับ Universiti Malaya ความร่วมมือในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ นวัตกรรม และการแสวงหาความรู้ร่วมกัน เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาการวิจัยและการฝึกอบรมที่ก้าวหน้าด้วยกัน พร้อมส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์” David Stelzer ประธานของ Xsolla กล่าว

Professor Dr. Chan Chee Seng, Dean คณบดีคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ  Universiti Malaya กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นตัวอย่างการอุทิศตนของเราเพื่อสร้างความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการผสานรวมความเข้มงวดทางวิชาการของ Universiti Malaya เข้ากับข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมของ Xsolla Curine Academy เราคาดหวังที่จะสามารถผลิตผลงานวิจัยที่มีประสิทธิภาพและส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เตรียมพร้อมนักศึกษาในการรับมือกับความท้าทายในอนาคต

“ด้วยความร่วมมือกันในครั้งนี้ Xsolla Curine Academy จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมโปรแกรม Elite@UM ด้วย โดยนักศึกษาจะมีส่วนร่วมในงานวิจัยที่ล้ำสมัย ได้รับประสบการณ์จากการทำงานร่วมกัน และรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม โปรแกรมนี้จะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนักศึกษาในการสำรวจและสร้างนวัตกรรมสำหรับคอมพิวเตอร์เกม แอนิเมชัน และ VR/AR เพื่อความสำเร็จในอาชีพการงานของพวกเขาในอนาคต

“ในการมุ่งเน้นความร่วมมือกันในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้ Xsolla Curine Academy และ Universiti Malaya ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมดิจิทัล และเตรียมพร้อมนักศึกษาเพื่อให้สามารถก้าวสู่โลกดิจิทัลในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เขากล่าวเสริม

ในขณะที่ความร่วมมือระหว่าง Xsolla Curine Academy และ Universiti Malaya มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ องค์กรทั้งสองก็มุ่งมั่นที่จะสร้างผลดีระยะยาวต่อภูมิทัศน์การวิจัย การสอน และนวัตกรรม ความร่วมมือนี้เป็นการปูทางเพื่อความก้าวหน้าในอนาคต และสนับสนุนการเติบโตของสังคมบนฐานความรู้

สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Xsolla Curine Academy ได้ที่: xsolla.pub/XCA

เกี่ยวกับ Xsolla Curine Academy:

Xsolla Curine Academy เป็นผู้นำในการส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและความเป็นเลิศ ด้วยโปรแกรมขั้นสูง ความร่วมมือกันในการวิจัย และความร่วมมือกันในอุตสาหกรรม Academy ส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรให้พร้อมในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา xcdev.com

เกี่ยวกับ Universiti Malaya:

UM เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ หลังจากการผ่านพระราชบัญญัติสำหรับ University of Malaya ในปี 1961 โดยรัฐสภา UM ได้รับการยอมรับให้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ UM ตามที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในปัจจุบัน ได้รับการจัดตั้งให้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐอย่างเป็นทางการสำหรับ Federation of Malaya เมื่อวันที่ 1 เดือนมกราคม ปี 1962

UM ประกอบด้วยสองสถาบันการศึกษา สิบสี่คณะ สองสถาบัน และศูนย์การศึกษาหนึ่งแห่ง โดยครอบคลุมด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยยังเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเพื่อการศึกษาแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย – UMMC นอกเหนือจากนี้ ยังมีการจัดตั้ง Research Cluster ขึ้นเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางความรู้เพิ่มเติม พร้อมการให้ความสำคัญต่อการวิจัยโดยการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศในศูนย์การเรียนรู้หลายแห่ง

UM ขึ้นสู่อันดับที่ 65 ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก Quacquarelli Symonds World University Rankings (QS-WUR) 2024 โดยก้าวขึ้น 5 อันดับจากปีก่อนหน้า UM ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 5% ของอันดันแรกจากสถาบัน 1,503 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับโดย QS และยังคงเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดใน 28 อันดับของมาเลเซีย และเป็นติดอันดับสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ um.edu.my

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่www.businesswire.com/news/home/53928306/en

ติดต่อ

ผู้ติดต่อด้านสื่อสำหรับ Xsolla Curine Academy:
Derrick Stembridge
Global Director of Public Relations, Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ผู้ติดต่อด้านสื่อสำหรับ Universiti Malaya:
Mastura Mohamad Yusoff
Media Relations Officer, Corporate Communications Centre
masturayusoff@um.edu.my / 013-3773 207

แหล่งข้อมูล: Xsolla Curine Academy


Asian Productivity Organization ประกาศผลผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านผลิตภาพดีเด่น

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–08 เมษายน 2024

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรร่วมระหว่างรัฐบาลซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ประกาศผลผู้ได้รับรางวัล APO Regional and Meritorious and Distinguished Awards ประจำปี 2024

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1978 APO Awards ได้มีการเฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านผลิตภาพดีเด่น ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปรับปรุงผลิตภาพทั่วเอเชียแปซิฟิก เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปี ของ APO ในปี 2021 มีการปรับปรุงแผนการมอบรางวัลเพื่อสะท้อนถึงภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผลิตภาพและนวัตกรรม

ผู้ชนะได้รับรางวัล APO Regional Award and Meritorious and Distinguished Award ประจำปี 2024

ในปีนี้ APO มีความภูมิใจนำเสนอรางวัลแก่ผู้ชนะได้รับรางวัล Regional สองท่าน ซึ่งได้รับการยกย่องจากผลงานที่ดีเด่นโดยมีผลดีไม่เพียงเฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย

1.      Dr. Pao-Cheng Chang ประธาน China Productivity Center

2.      Anilkumar Manibhai Naik ประธานกิตติมศักดิ์ Larsen & Toubro Limited

นอกจากนี้ ยังมีผู้ชนะได้รับรางวัล Meritorious and Distinguished Award ห้าท่าน ซึ่งได้รับการยกย่องจากความสำเร็จและการมีส่วนร่วมที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่าง ซึ่งนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางผลิตภาพ

1.      Dr. Bountheung Douangsavanh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรและพาณิชย์ รัฐบาล สปป. ลาว

2.      Datuk Wira (Dr.) Haji Ameer Ali Mydin กรรมการผู้จัดการ Mydin Mohamed Holdings Berhad

3.      Yamaaranz Erkhembayar ประธานและซีอีโอ Mongolian Productivity Organization

4.      Prof. Ahsan Iqbal รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผน การพัฒนา และการปฏิรูป รัฐบาลกลางแห่งปากีสถาน

5.      Dr. Ha Minh Hiep รักษาการอธิบดีกรมมาตรฐาน มาตรวิทยา และคุณภาพ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

จะมีการดำเนินการนำเสนอรางวัลในพิธีมอบรางวัลระหว่างการประชุมคณะกรรมการฝ่ายปกครองของ APO สมัยที่ 66 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างวันที่ 28–30 เดือนพฤกษภาคม ปี 2024 รวมถึงวาระที่กำหนดโดยกรรมการ APO จากประเทศต่างๆ ของผู้ชนะได้รับรางวัล APO Regional Meritorious and Distinguished and National Awards โดย APO มุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้และประสบการณ์ของผู้ชนะได้รับรางวัลเหล่านี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ด้านผลิตภาพในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันระหว่างสมาชิกของ APO เราขอแสดงความยินดีต่อผู้ชนะได้รับรางวัลทุกท่าน และหวังว่า จะได้มีส่วนร่วมเพื่อผลิตภาพและความเป็นเลิศในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ชนะได้รับรางวัล APO Award ล่าสุดได้ในเว็บไซต์ของเราที่ https://www.apo-tokyo.org/recognizing-apo-productivity-champions/

เกี่ยวกับ APO

Asian Productivity Organization (APO) เป็นองค์กรร่วมระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาคที่มุ่งมั่นเพื่อปรับปรุงผลิตภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือร่วมกัน โดยไม่มีความเกี่ยวข้องด้านการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ APO ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 โดยมีสมาชิกผู้ก่อตั้งแปดประเทศ และปัจจุบันประกอบด้วยประเทศสมาชิก 21 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย เตอร์กิเย และเวียดนาม

APO มีการดำเนินการเพื่ออนาคตของภูมิภาคโดยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสมาชิก ผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบายระดับชาติ ทำหน้าที่เป็นคลังความคิด มีโครงการริเริ่มเพื่อสร้างขีดความสามารถระดับสถาบัน และแบ่งปันความรู้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

หากต้องการรายละเอียด โปรดติดต่อ:
Digital Information Unit, APO: pr@apo-tokyo.org
หมายเลขโทรศัพท์: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org.

แหล่งข้อมูล: The Asian Productivity Organization (APO)

วัฒนธรรมองค์กร “I&D : Inclusivity & Diversity ความเท่าเทียมและความหลากหลาย” ปัจจัยสำคัญช่วยสร้างสตรีเหล็กแห่งวงการงานแสดงสินค้า

Logo

หนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่บริษัทผู้จำหน่ายสินค้าและบริการพากันมองว่ามีประสิทธิภาพสูงทั้งการสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ การใช้เพื่อจำหน่ายสินค้า ใช้เพื่อเก็บข้อมูล และวัดอุณหภูมิของตลาด คือ “งานแสดงสินค้า” เพราะจัดงานเพียงไม่กี่วัน แต่สามารถรวบรวมผู้ซื้อผู้ขายจากทั่วทุกมุมโลก และสร้างยอดขายได้มากกว่าการขายแบบปกติทั่วไป ทำให้ธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้ามีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เว็บไซต์ ResearchAndMarkets.com ระบุว่า ตลาดการจัดงานและงานแสดงสินค้าทั่วโลกจะเติบโตในอัตรา 2.88% ต่อปี จนมีมูลค่าสูงถึง 52.68 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2029 ส่วนตลาดในไทยนั้น สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) รายงานว่า ในปี 2023 มีการจัดการประชุมและนิทรรศการระดับนานาชาติ 117 งานในไทย ซึ่งโตขึ้นในอัตรา 185.37% ต่อปี และสามารถสร้างรายได้ 18,633 ล้านบาท หรือมีการเติบโตขึ้น 321.28% ต่อปี ทำให้อุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าที่ต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนักในช่วงสองปีก่อน กลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง

หลาย ๆ งานแสดงสินค้า มักเป็นงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมหนัก เช่น งาน METALEX สำหรับวงการโลหการ, Manufacturing Expo สำหรับการผลิตและอุตสาหกรรมสนับสนุน และ COSMEX สำหรับการผลิตเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ซึ่งการจัดเตรียมงานแต่ละครั้งให้สำเร็จด้วยดี พร้อมรับเหล่าผู้ขายที่เดินทางมาเปิดบูธจำหน่ายสินค้า และต้อนรับเหล่าผู้ซื้อที่เดินทางมาชมงานเพื่อติดต่อเจรจาซื้อสินค้า ใช้เวลาก่อนเริ่มงานไม่กี่วัน

อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ (RX Tradex) หนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดงานโชว์ที่อยู่ในประเทศไทยมาเกือบ 40 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เปิดกว้างทางความคิดและยอมรับความแตกต่างของผู้คน นอกจากบุคลากรเกินครึ่งจะเป็นสุภาพสตรีแล้ว ยังมีบุคลากรที่เป็น LGBTQ+ อีกนับไม่ถ้วน และหนึ่งในความสำเร็จของ RX Tradex วันนี้ คือวัฒนธรรมองค์กรในเรื่องของ Inclusivity & Diversity หรือความเท่าเทียมและความหลากหลาย

“Inclusivity & Diversity (I&D) เป็นคอนเซ็ปต์ที่หลายบริษัทได้นำมาสร้างเป็นวัฒนธรรมองค์กร เพราะ I&D เป็นการรวมไว้ซึ่งบุคลากรจากหลากหลายวัฒนธรรม พื้นภูมิ วิธีคิด และความชอบส่วนตัว ซึ่งจะเกิดเป็นประโยชน์กับองค์กรได้ RX ที่เป็นบริษัทแม่ของเรา ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมมาก มีการจัดตั้งผู้บริหารและคณะทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ มีผู้แทนสำนักงานสาขาจากหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เข้าร่วมเพื่อทำกิจกรรมให้ความรู้และรณรงค์ด้านความเท่าเทียมทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เพศทางเลือก คนจากหลากหลายวัฒนธรรมและความคิด มีการจัดตั้ง Global Gender Equity Committee หรือคณะกรรมการความเท่าเทียมทางเพศระดับโลก ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการจากทั่วโลกที่มีหลากหลายอัตลักษณ์ทางเพศ ที่กำลังทำงานเพื่อสร้างความเท่าเทียมในแง่มุมต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนความเท่าเทียมของสตรีในวงการงานแสดงสินค้า ในปีที่แล้ว RX ยังได้ร่วมมือกับองค์กรชื่อ Women in Exhibitions (WIE) ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2018 เพื่อเสริมพลังให้สตรีในอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้า พร้อมสร้างสตรีรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นผู้นำในวงการ อีกทั้งยังมีการทำงานกับองค์กร Women in Aviation ในตะวันออกกลางในงาน Airport Show ที่ดูไบ มีการจัดสัมมนา The Women’s Forum ในงาน Road Cargo Transport ในบราซิลการจัดงาน Women in Cybersecurity ครั้งที่ 8 ในงาน Infosecurity Europe ที่อังกฤษ และการจัดการประชุมสตรีในงาน World Travel Markets (WTM) ซึ่งโปรโมทความเท่าเทียมทางเพศในลอนดอนและต่อยอดไปยังงาน WTM ในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย”วราภรณ์ ธรรมจรีย์ แม่ทัพหญิงเหล็กคนปัจจุบันของ RX Tradex กล่าว

วัฒนธรรมในเรื่อง I&D ถือว่าเหมาะสำหรับธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า เพราะแม้ว่าสเกลการจัดงานแสดงสินค้าจะใหญ่ขึ้นทุกปี ๆ ละ 10-15% แต่บริษัทจัดงานแสดงสินค้ากลับเป็นบริษัทขนาดเล็ก หากไม่มีการเปิดกว้างในเรื่องของความเท่าเทียม อาจจะประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะการจัดงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ล้วนถูกสร้างขึ้นจากผู้จัดงานจำนวนเพียงหยิบมือเดียว

“2 ใน 3 ของทีมงาน RX Tradex ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานแสดงสินค้าระดับอาเซียนอย่าง METALEX งานแสดงเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีโลหการอันดับหนึ่งของอาเซียนที่มีพื้นที่แสดงกว่า 64,000 ตารางเมตร มีผู้ร่วมงานเกือบแสนคน หรืองาน Manufacturing Expo มหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและอุตสาหกรรมสนับสนุน ที่มีพื้นที่และจำนวนผู้เข้าร่วมงานใกล้เคียงกัน ล้วนเป็นผู้ที่งานที่เป็นสุภาพสตรี เรามีทีมงานสตรีจากหลากหลายพื้นภูมิเข้ามาศึกษาอุตสาหกรรมการผลิต ศึกษาเครื่องจักรและเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจและสามารถจัดงานที่จะนำผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายมาพบผู้แสดงสินค้าได้ หลายคนอาจมองว่าเรื่องเครื่องจักร เรื่องอุตสาหกรรมหนัก เป็นเรื่องของผู้ชาย แต่ในบริษัทของเรา เรา โปรโมทความเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งแยกทางเพศหรือแบ็คกราวน์ ทำให้งานเราเดินหน้าไปได้โดยไม่สะดุด” วราภรณ์ สาวหวานผู้มาดมั่นที่ชื่นชอบการชกมวย ยกเวท และรักลูกน้องเป็นชีวิตจิตใจ กล่าวเสริม

ศิริรัตน์ สังข์วิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการโครงการ ผู้เริ่มทำงานที่ RX Tradex มาเกือบ 20 ปี ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารจัดการโครงการ หนึ่งในสาวแกร่งที่ work hard play hard กล่าวสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศในสำนักงานว่า “ความถนัดและทักษะของทุกคนที่ RX Tradex ไม่ได้มาจากคำว่าหญิงหรือชาย แต่มาจากการศึกษา การทำงาน และการสั่งสมประสบการณ์ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมาไม่เคยรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ผู้ชายต้องทำหรือนี่คือสิ่งที่ผู้หญิงต้องทำ เพราะทุกคนทำทุกอย่างได้เหมือนกัน บริษัทย้ำเสมอเรื่องการเปิดกว้างทางการแสดงออก ทั้งทางตัวตนและทางความคิด ทำให้เราได้ไอเดียใหม่ ๆ มาพัฒนางานอยู่เสมอ ทำให้การทำงานลื่นไหลเพราะไม่มีเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศมาเป็นช่องว่าง”

เช่นเดียวกับ จรรยา เพ็ชรพูล คุณแม่ลูกสองที่บาลานซ์ชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัวได้เป็นอย่างดี ด้วยดีกรีด้านวิศวกรรมศาสตร์มาจากออสเตรเลีย ปัจจุบันนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ เล่าถึงการสร้างพื้นที่เปล่าของสถานที่จัดงานให้กลายเป็นมหกรรมขนาดยักษ์ในเวลาเพียงไม่กี่วันว่า “จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องยกของเหมือนกัน เมื่อทุกคนเท่าเทียม ทีมเวิร์คก็แข็งแกร่งขึ้น ช่วงเวลาเตรียมงานแต่ละงานมีไม่มากนัก บางงานขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ไบเทค เรามีเวลาเพียงแค่สองวัน เราต้องทำงานแทบทั้งวันทั้งคืน เพื่อให้งานเสร็จสวยพร้อมรับผู้ร่วมงานทันเวลา ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันทำให้เรื่องที่ดู Impossible นั้น Possible ได้”

ประภัสสร พูลโรจน์ ผู้จัดการกลุ่มฝ่ายขาย ผู้มากด้วยประสบการณ์งานขายพื้นที่จัดงานแสดงสินค้าและให้คำปรึกษาทีมขายจำนวนมาก พูดถึงทีมขายของบริษัทว่า “เราสามารถเข้าใจและเข้าถึงลูกค้าที่มีหลากหลาย เพราะทีมงานเรามีอย่างหลากหลาย ทั้งหญิง ชาย และ LGBTQ+ จากความหลากหลายทางความคิด ประสบการณ์ และมุมมอง ทำให้เราตอบโจทย์ความหลากหลายของลูกค้าจากหลากหลายสาขาอุตสาหกรรมได้ดี บริษัทเรามีสโลแกนว่า We are in the business of building businesses หรือเราอยู่ในธุรกิจของการสร้างธุรกิจ เราจึงขายพื้นที่และทำงานร่วมกับแผนกบริหารจัดการโครงการและแผนกการตลาดเพื่อให้มั่นใจได้ว่า งานของเราจะช่วยลูกค้าสร้างธุรกิจของเขาให้เติบโต และได้ผลตอบแทนจากการลงทุนกับเราสูงสุด”

“บริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้าอย่างเราไม่ได้มีสินค้าอะไรที่จับต้องได้ สินค้าของเราคืองานที่มีชีวิตอยู่เพียงแค่ 3-4 วัน แม้ว่าปัจจุบันเราจะมีบริการทางการตลาดให้ลูกค้าตลอดทั้งปี แต่เราก็ไม่ได้ผลิตสินค้าเหมือนหลาย ๆ บริษัท บุคลากรจึงเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเรา เพราะบุคลากรคือคนที่สร้างงานและบริการต่าง ๆ เหล่านั้นให้เกิดขึ้น เราจึงไม่จำกัดว่าคนที่จะมาทำงานกับเราต้องมีบุคลิกลักษณะที่อยู่ในกรอบเดียวกัน แต่เราอ้าแขนโอบรับคนจากหลากหลายอัตลักษณ์ทางเพศและแนวความคิดจากหลากหลายเจเนอเรชันเข้ามาร่วมงาน ทำให้เราเป็นบริษัทที่ไม่หยุดนิ่ง และสามารถสร้างสรรค์งานที่ทันสมัยและสดใหม่อยู่เสมอ เป็นงานคุณภาพที่พร้อมสร้างธุรกิจให้กับลูกค้าเราได้ตลอดทั้งปี”วราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามปฏิทินและรายละเอียดของงานแสดงสินค้าของ RX Tradex ได้ที่ www.rxtradex.com

สื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th


Merck Foundation ประกาศรางวัล ‘‘Diabetes and Hypertension’’ Media Recognition Awards 2024 สำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชีย

Logo

มุมไบ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–03 เมษายน 2024

Merck Foundation (www.merck-foundation.com) ซึ่งเป็นหน่วยงานการกุศลภายใต้การบริหารจัดการของ Merck KGaA Germany ประกาศเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมชิงรางวัล Media Recognition ‘Diabetes & Hypertension’ Awards 2024 สำหรับนักข่าวจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย

Merck Foundation announced ‘‘Diabetes and Hypertension’’ Media Recognition Awards 2024 for Asian Countries (Photo: Business Wire)

Merck Foundation ประกาศรางวัล ‘‘Diabetes and Hypertension’’ Media Recognition Awards 2024 สำหรับประเทศในภูมิภาคเอเชีย (ภาพถ่าย: Business Wire)

ธีมของรางวัลนี้คือ การส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องกันและการตรวจหาโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มต้น

Dr. Rasha Kelej วุฒิสมาชิกและซีอีโอของมูลนิธิ Merck Foundation เน้นย้ำว่า “ผมเชื่อว่า สื่อมีอำนาจและอิทธิพลต่อสังคม และด้วยเหตุนี้ สื่อจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่แพร่หลาย ดังนั้น ผมจึงขอเชิญชวนตัวแทนสื่อจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียมาเข้าร่วมชิงรางวัล Media Awards และแบ่งปันผลงานที่มีคุณค่าซึ่งสามารถช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง และเน้นย้ำถึงความสำคัญในการมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี”

รางวัลนี้เปิดให้กับนักข่าวทุกคนในประเทศภูมิภาคเอเชียจากแพลตฟอร์มสื่อสิ่งพิมพ์ ออนไลน์ วิทยุ และมัลติมีเดีย ผลงานสร้างสรรค์และมีอิทธิพลต่อสังคมในการสร้างความตระหนักรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงเป็นประจำมากที่สุดจะมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลเหล่านี้

Merck Foundation ยังมีการมอบรางวัลเหล่านี้ให้กับประเทศในภูมิภาคแอฟริกาและละตินอเมริกาอีกด้วย

รายละเอียดเกี่ยวกับ Merck Foundation MEDIA RECOGNITION AWARDS 2024 “Diabetes & Hypertension”

ผู้ที่มีสิทธิ์สมัคร:
นักข่าวจากประเทศในภูมิภาคเอเชียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ ออนไลน์ และมัลติมีเดีย

วิธีการสมัคร:
สามารถส่งผลงานเข้าไปที่อีเมล: submit@merck-foundation.com

ภาษาที่ใช้:
ภาษาอังกฤษ ภาษาท้องถิ่นอื่นๆ

โปรดระบุหัวข้อในอีเมล:
Merck Foundation MEDIA RECOGNITION AWARDS 2024 “Diabetes & Hypertension”

โปรดระบุชื่อ ประเทศ ประเภทผลงานที่สมัคร และรายละเอียดการติดต่อของคุณ

ประเภทและเงินรางวัลสำหรับแต่ละกลุ่ม:

ประเภท

สื่อสิ่งพิมพ์

สื่อออนไลน์

สื่อวิทยุ

สื่อมัลติมีเดีย

เงินรางวัล

USD 500

USD 500

USD 500

USD 500

สามารถส่งผลงานในหลายประเภท ซึ่งจะเพิ่มโอกาสชนะได้รับรางวัลเหล่านี้

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของเราwww.merck-foundation.com

Merck Foundation ยังมีการเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรก ‘Sugar Free Jude’ และ ‘Mark’s Pressure’ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง และเพื่อส่งเสริมการมีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีในหมู่เด็กและเยาวชนในแอฟริกาและภูมิภาคอื่นๆ โดยภาพยนตร์แอนิเมชั่นเหล่านี้เป็นการดัดแปลงมาจากหนังสือนิทานสำหรับเด็ก

สามารถรับชมภาพยนตร์แอนิเมชั่น “Sugar Free Jude” และ “Mark’s Pressure” ได้ที่นี่:

https://www.youtube.com/watch?v=mjbOvjVC3uE

https://www.youtube.com/watch?v=zJylVgGbvtA

“ผมมีความประสงค์ที่จะย้ำเตือนทุกคนว่า สุขภาพที่ดีคือสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของเรา ผ่านรางวัล หนังสือนิทาน และภาพยนตร์แอนิเมชั่นของเรา!” Dr. Kelej กล่าวเสริม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53916105/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Mehak Handa, mehak.handa@external.merckgroup.com

แหล่งข้อมูล: Merck Foundation

Panda Biotech ประกาศว่าการดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้เริ่มต้นแล้ว ที่ Panda Hemp Gin ซึ่งเป็นเรือธงของบริษัท

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–03 เมษายน 2024

Panda Biotech™ ประกาศในวันนี้ว่าการดําเนินการเชิงพาณิชย์ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วที่ Panda Hemp Gin ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปกัญชงอุตสาหกรรมที่สําคัญของบริษัท ในวิชิตาฟอลส์ รัฐเท็กซัส อาคารขนาด 500,000 ตารางฟุตตั้งอยู่บนพื้นที่ 97 เอเคอร์นี้ เป็นอาคารแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก โดยมีความสามารถในการแปรรูปกัญชงอุตสาหกรรม 10 เมตริกตัน ให้เป็นเส้นใยเกรดสิ่งทอ  แกนกัญชง ผสมเส้นใยสั้น/แกนกัญชง และแกนกัญชงที่เป็นผงละเอียดที่อุดมด้วยสารอาหารต่อชั่วโมง เป็นกระบวนการที่ไม่มีของเสีย โดยใช้ทุกส่วนของลำต้นกัญชงอุตสาหกรรม และดําเนินการใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์เพียงอย่างเดียว ทําให้เป็นพารากอนแห่งความยั่งยืนในอุตสาหกรรม

Panda Hemp Gin is a 500,000-square-foot building situated on 97 acres with the capacity to process 10 metric tons of industrial hemp into textile-grade fiber, hurd, short-fiber/hurd mix, and nutrient-rich micronized hurd per hour. (Photo: Business Wire)

Panda Hemp Gin เป็นอาคารขนาด 500,000 ตารางฟุตตั้งอยู่บนพื้นที่ 97 เอเคอร์ โดยมีความสามารถในการแปรรูปกัญชงอุตสาหกรรม 10 เมตริกตันให้เป็นเส้นใยเกรดสิ่งทอ แกนกัญชง ผสมเส้นใยสั้น/แกนกัญชง และแกนกัญชงที่เป็นผงละเอียดที่อุดมด้วยสารอาหารต่อชั่วโมง (ภาพ: Business Wire)

Panda Hemp Gin  ดําเนินการอย่างเต็มรูปแบบ และการผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ในเดือนกุมภาพันธ์กระบวนการการทดลองเครื่องที่ซับซ้อนของ สายการผลิตความยาว 600 หลาของ Panda และท่อลมเหนือศีรษะความยาวสามไมล์ รวมถึงอุปกรณ์แต่ละชิ้นสําหรับการตีเยื่อออก การกลั่น การผสม การทำให้เส้นใยนุ่มด้วยเครื่องจักร การบรรจุและการจัดเก็บแกนกัญชง และการอัดก้อน เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

“โรงงานแปรรูปกัญชงอุตสาหกรรมที่ล้ำสมัยของ Panda Biotech ถือเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ และเป็นตัวเปลี่ยนเกมสําหรับทั้งการเกษตรและอุตสาหกรรม” Dixie Carter ประธาน Panda Biotech กล่าว “ในขณะที่การวิจัยและพัฒนาในด้านนี้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เส้นใยและเซลลูโลสกัญชงอุตสาหกรรม จะช่วยเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมจํานวนมาก โดยมีเป้าหมายและความท้าทายที่ยั่งยืน กัญชงอุตสาหกรรมของ Panda จะมีบทบาทสําคัญในการตอบสนองความต้องการที่สำคัญของตลาดโลก สําหรับกระบวนการและผลิตภัณฑ์หมุนเวียน”

กัญชงอุตสาหกรรมถือเป็นวัตถุดิบที่หลากหลายที่สุดชนิดหนึ่ง พร้อมศักยภาพการใช้งานที่หลากหลายที่ไม่มีใครเทียบได้ Panda Hemp Gin จะมุ่งเน้นไปที่การจัดหาสายผลิตภัณฑ์หลักห้าสายจากกัญชง ได้แก่ การทำให้เส้นใยนุ่มด้วยเครื่องจักร เส้นใยที่ผ่านกระบวนการตีเยื่อออก แกนกัญชง (เซลลูโลส) ผสมเส้นใยสั้น/แกนกัญชง และผงกัญชงละเอียดที่อุดมด้วยสารอาหาร การใช้งานที่หลากหลายสําหรับแต่ละผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไป ตั้งแต่สิ่งทอสําหรับผู้บริโภคและอุตสาหกรรม ผ้าไม่ทอ ผลิตภัณฑ์กระดาษ พลาสติกชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพ วัสดุรองนอนของสัตว์ วัสดุที่ใช้แทนไฟเบอร์กลาส วัสดุก่อสร้างเช่น เฮมพ์กรีต วัสดุคลุมดิน ฉนวนกันความร้อน และอื่น ๆ

ด้วยความมุ่งมั่นในการตรวจสอบย้อนกลับและแปรรูปเฉพาะเศษเส้นใยกัญชงที่ปลูกในสหรัฐฯ เท่านั้นตลอดจนการจัดโครงการจ่ายต่อเพื่อการเติบโตที่น่าประหลาดใจ ความร่วมมือของ Panda กับชุมชนเกษตรกรรมอเมริกันถือเป็นหัวใจสําคัญของการดําเนินงาน กัญชงอุตสาหกรรมให้ประโยชน์มากมายแก่ผู้ผลิต เนื่องจากได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยดูดซับต่อเอเคอร์ได้มากกว่าป่าไม้หรือพืชเชิงพาณิชย์ใดๆ นอกจากนี้ กัญชงยังต้องการน้ำน้อยกว่าพืชหลักส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก ให้การฟื้นฟูดินที่โดดเด่น และความต้องการปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และสารเคมีกําจัดวัชพืชน้อยที่สุด  Panda กําลังทําสัญญากับผู้ผลิตอย่างแข็งขันสําหรับโครงการจ่ายต่อเพื่อการเติบโต สําหรับการเก็บเกี่ยวครั้งนี้และกับเกษตรกรที่อาจมีเศษเส้นใยหรือเส้นใยจากการเก็บเกี่ยวครั้งก่อนหรือฤดูปลูกปี 2024 ผู้ผลิตที่สนใจสามารถติดต่อ Panda ผ่านเว็บไซต์ได้ที่ pandabiotech.com

“พื้นที่ขนาดใหญ่ของแคมปัส สามารถรองรับการแปรรูปเศษเส้นใยกัญชงมากกว่า 22,000 ปอนด์ต่อชั่วโมง เป็นสิ่งที่ทําให้โรงงานแปรรูปกัญชงอุตสาหกรรมแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” Scott Evans ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Panda Biotech กล่าว “เศษเส้นใยของเรามาจากพันธมิตรด้านการเกษตรของเราในเท็กซัสและรัฐโดยรอบโดยตรง และผ่านกระบวนการการตีเยื่อออกของเรา เศษเส้นใยจะถูกเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์บรรจุหีบห่อ พร้อมสําหรับการค้าปลีกหรือการผลิตขั้นปลายภายในไม่กี่นาที อุปกรณ์การประมวลผลและโครงสร้างพื้นฐานของ Panda นั้นดีที่สุดในระดับเดียวกันอย่างแท้จริง”

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.pandabiotech.com และติดตามเราได้ที่ @pandabiotech บน Facebook, Instagram, X และ LinkedIn

เกี่ยวกับ PANDA BIOTECH

Panda Biotech, LLC เป็นบริษัทเอกชนซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เป็นผู้บุกเบิกรายแรกในอุตสาหกรรมเส้นใยกัญชงและเศษวัสดุอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตของสหรัฐฯ ซึ่งมีชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ ปลูก และแปรรูป 100 เปอร์เซ็นต์ ความเป็นผู้นําระดับผู้บริหารของ Panda Biotech มีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในการพัฒนา จัดหาเงินทุน ก่อสร้าง และดําเนินการสิ่งอํานวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในด้านพลังงานสะอาด พวกเขาได้พัฒนา 22 โครงการคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ โครงการแรกของ Panda Biotech คือ Panda Hemp Gin™ ร่วมมือกับ Aka-Ag, LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Southern Ute Indian Tribe Growth Fund โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในวิชิตาฟอลส์ รัฐเท็กซัส เป็นโรงงานแปรรูปกัญชาอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกตะวันตก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53921552/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Beth Gebhard

รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์
beth.gebhard@pandabiotech.com

ที่มา: Panda Biotech

Mary Kay Inc. เป็นหัวหอกสำคัญของความพยายามในการอนุรักษ์มหาสมุทร ณ การประชุม World Ocean Summit ประจำปีครั้งที่ 11

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–04 เมษายน 2024

Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการเสริมพลังสตรี และผู้สนับสนุนความยั่งยืนอย่างแข็งขัน ได้เป็นแนวหน้าสำคัญของความพยายามในการอนุรักษ์มหาสมุทรระดับโลกอีกครั้ง แบรนด์ความงามแห่งนี้มีความภาคภูมิใจที่ได้เข้าร่วมการประชุม World Ocean Summit & Expo ประจำปีครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม ในฐานะผู้สนับสนุนระดับทองแดงเป็นปีที่สองติดต่อกัน Mary Kay แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีน้ำเงินอย่างยั่งยืนในฐานะตัวแทนภาคเอกชน และผ่านความร่วมมืออันยาวนานกับ องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระดับโลก (The Nature Conservancy – TNC)

Sandra Silva, General Manager of Mary Kay in Portugal, shared insights on the crucial need for collaborative efforts in marine conservation and highlighted the impact of incorporating gender perspectives in initiatives tackling climate change challenges and biodiversity loss. (Photo: Mary Kay Inc.)

Sandra Silva ผู้จัดการทั่วไปของ Mary Kay ในโปรตุเกส แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความจำเป็นสำคัญสำหรับความพยายามร่วมกันในการอนุรักษ์ทางทะเล และเน้นย้ำถึงผลกระทบของการผสมผสานมุมมองทางเพศสภาพในโครงการริเริ่มการจัดการกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

งานประชุม World Ocean Summit & Expo ประจำปี ซึ่งจัดโดย Economist Impact มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญกว่า 200 คนและผู้ฟังจากต่างประเทศที่หลากหลายเข้าร่วมในการอภิปราย เวิร์คช็อป และเซสชัน “How to” ที่มีความหมาย การชุมนุมเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่แนวทางแก้ไขที่สามารถนำไปปฏิบัติได้เพื่อรับมือกับความท้าทายในมหาสมุทรอย่างเร่งด่วนที่สุด โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความพยายามร่วมกันในภาคส่วนต่างๆ

Sandra Silva ผู้จัดการทั่วไปของ Mary Kay ในโปรตุเกส มีบทบาทอย่างแข็งขันในการอภิปราย หัวข้อ “การพัฒนาโครงการที่อิงธรรมชาติสีฟ้า (Developing Blue Nature-based Projects) “ Silvaได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความจำเป็นสำคัญสำหรับความพยายามร่วมกันในการอนุรักษ์ทางทะเล และเน้นย้ำถึงผลกระทบของการผสมผสานมุมมองทางเพศสภาพในโครงการริเริ่มการจัดการกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

“การมีส่วนร่วมของ Mary Kay ในการประชุม World Ocean Summit ในปีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอกย้ำความทุ่มเทของเราในการอนุรักษ์มหาสมุทรเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของผู้หญิงในความพยายามเหล่านี้ด้วย” Silva กล่าว “เราเชื่อว่าการกระทำร่วมกันของเราในปัจจุบันมีส่วนสำคัญต่อการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดออกจากการประชุมสุดยอดด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันใหม่ การมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ที่สามารถดำเนินการได้ และโซลูชั่นที่ป้องกันเสียงเพื่อยกระดับการดูแลมหาสมุทร”

Dr. Lizzie Mcleod ผู้อำนวยการมหาสมุทรระดับโลกของThe Nature Conservancy แสดงความขอบคุณสำหรับความสัมพันธ์ระยะยาวและมีผลกระทบต่อ Mary Kay “ความร่วมมือที่แข็งแกร่งของเราถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของการผนึกกำลังกันทั่วทั้งชุมชนวิทยาศาสตร์และภาคเอกชนเพื่อปรับปรุงสุขภาพของมหาสมุทร การสนับสนุนของ Mary Kay ในโครงการริเริ่มด้านการอนุรักษ์ทางทะเล รวมถึงโครงการ Super Reefs ในปาเลา เป็นตัวอย่างหนึ่งของความพยายามร่วมกันของเรา เพื่อให้แน่ใจว่ามหาสมุทรมีสุขภาพที่ดีและฟื้นตัวได้”

Mary Kay ได้ทำงานเพื่อยกระดับสุขภาพของมหาสมุทรและความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวปะการังผ่านการสนับสนุน The Nature Conservancy มาเป็นเวลา 37 ปี โครงการล่าสุดบางโครงการ ได้แก่ การฟื้นฟู Super Reef (Super Reef restoration) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และโครงการอื่นๆ ในฮาวาย ปาเลา หมู่เกาะมาร์แชลล์ และเบลีซ โครงการเหล่านี้สอดคล้องกับพันธกิจของ Mary Kay ที่ไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังรับประกันความยืนยาวและสุขภาพของสภาพแวดล้อมทางทะเลสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป

คุณรู้หรือไม่?

  • Mary Kay เริ่มสนับสนุน The Nature Conservancy (TNC) ในปี 1987 และปัจจุบันได้มีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ มานานกว่าสามทศวรรษในโครงการอนุรักษ์ 100 โครงการทั่วโลก
  • ในฐานะส่วนหนึ่งของภารกิจในการอนุรักษ์ผืนดินและน้ำของโลก TNC ตั้งเป้าที่จะอนุรักษ์มหาสมุทร 4 พันล้านเฮกตาร์ภายในปี 2030 ซึ่งรวมถึงแนวปะการังด้วย
  • จากบทความมากกว่า 1,500 รายการที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แนวปะการังในประเทศ OECD ผู้เขียน 33% เป็นผู้หญิง1
  • 13-24% ของตำแหน่งอาวุโสในภาควิทยาศาสตร์ทางทะเลของสหภาพยุโรปเป็นผู้หญิง1
  • 90% ของผู้หญิงในอุตสาหกรรมประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีส่วนร่วมในงานที่มีรายได้น้อยหรือไม่ได้รับค่าจ้างมากกว่า1

เกี่ยวกับ Mary Kay

จากตอนนั้นถึงตอนนี้และตลอดไป (Then. Now. Always.) หนึ่งในผู้ทำลายเพดานกระจกแบบเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทเพื่อความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือการทำให้ชีวิตผู้หญิงดีขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในกว่า 35 ประเทศ เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้วที่โอกาสโดย Mary Kay ได้เพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงในการกำหนดอนาคตของตนเองผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางที่มีสี อาหารเสริม รวมไปถึงน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการรักษาโลกของเราไว้ให้คนรุ่นอนาคต ปกป้องผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากโรคมะเร็งและการทารุณกรรมในครอบครัว และสนับสนุนให้เยาวชนทำตามความฝันของพวกเขา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com หรือค้นหาเราได้ใน Facebook Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราใน X (formerly Twitter)

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ผืนดินและผืนน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพา ด้วยแนวทางทางวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมภาคพื้นดินเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดของโลก เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเจริญเติบโตร่วมกันได้ เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ผืนดิน น้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน การจัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยทำให้เมืองต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 76 ประเทศและดินแดน —37 แห่งโดยผลกระทบด้านการอนุรักษ์โดยตรง และอีก 39 แห่งผ่านพันธมิตร — เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่นๆ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press ในทวิตเตอร์

1 แหล่งที่มา : https://impact.economist.com/ocean/sustainable-ocean-economy/valuing-women-in-the-blue-economy-for-international-womens-day

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53921920/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Mary Kay Inc. การสื่อสารองค์กร

marykay.com/newsroom 
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งที่มา: Mary Kay Inc.


“โคเมเฮียว” เติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสอง เปิดเพิ่มสาขาที่ 5 ในไทย ปักหมุดทำเลทอง “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ” ชูบริการซื้อ-ขายการันตีจาก KOMEHYO แบรนด์อันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น

Logo

KOMEHYO (โคเมเฮียว) ศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนม Luxury Pre-loved Items ที่ครองใจชาวญี่ปุ่นยาวนานกว่า 76 ปี เผยกลยุทธ์การขยายตลาดแบรนด์เนมมือสองในไทยที่ยังคงเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการเปิดสาขาที่ 5 เพิ่มย่านทำเลทอง “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ” พร้อมจัดเต็มโปรโมชันเฉลิมฉลองเปิดสาขาใหม่ ลุ้นรับส่วนลดสูงสุดกว่า 10,000 บาท ชูความเป็นศูนย์รวมแบรนด์เนมมือสอง ด้วยบริการรับซื้อ – ขายสินค้า คัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ที่ผ่านการอบรมเฉพาะด้าน นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการบริการด้วยการตรวจสอบความละเอียดของสินค้าได้ถึง 99% เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้น 

มร.ฮิเดโอะ ทาเคโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหโคเมเฮียว จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างเครือสหพัฒน์และกลุ่ม KOMEHYO (โคเมเฮียว) ผู้นำด้านสินค้าแบรนด์เนมมือสองที่ได้รับความนิยมสูงสุด
ในประเทศญี่ปุ่นกว่า 76 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดร้านโคเมเฮียวแห่งใหม่ ณ ชั้น M “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ” นับเป็นสาขาที่ 5 พร้อมเปิดให้บริการรับซื้อ – ขายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง ในวันที่ 1 เมษายน นี้ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมและมีความชำนาญในการคัดเลือกสินค้าคุณภาพมาให้บริการ ภายใต้แนวคิด Relay Use’ ส่งต่อสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วไปให้บุคคลอื่นที่ยังต้องการ เพื่อนำไปใช้งานให้ได้ประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด

“หลังจากที่โคเมเฮียวได้เข้ามาเปิดสาขาในไทย 4 สาขา นับว่าได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภค
เป็นอย่างดี ซึ่งตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองยังคงเติบโตได้ดีในไทย เนื่องจากเป็น Pre-loved Items ที่มีคุณค่าทางจิตใจกับลูกค้า ด้วยความเข้าใจผู้บริโภคอันลึกซึ้งนี้ ทำให้เราได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทย
เป็นอย่างดี และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 5 ปี  ซึ่งปัจจุบันเรายังคงพร้อมรับซื้อแบรนด์เนมมือสองจำนวนมาก เพื่อตอบรับความต้องการของตลาด โดยสินค้าทุกชิ้นไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า นาฬิกา
จะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันจากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นมากประสบการณ์ที่พร้อมให้บริการ
ให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการซื้อ – ขายอย่างมืออาชีพ ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านโคเมเฮียว สามารถเชื่อมั่นได้ในชื่อเสียงและคุณภาพแบบญี่ปุ่น ทำให้มีความน่าเชื่อถือในการซื้อหรือขายของแบรนด์เนมมือสองได้อย่างสบายใจและมั่นใจ โดยสามารถนัดขายสินค้าได้ในห้องรับรองส่วนตัว” มร. ฮิเดโอะกล่าว

นอกจากการเปิดขยายสาขาที่ 5 แล้ว ในโอกาสนี้ทางโคเมเฮียว ประเทศไทย ยังได้มีการนำเทคโนโลยี AI จาก KOMEHYO ประเทศญี่ปุ่น มาเริ่มใช้เป็นครั้งแรกด้วย โดยเทคโนโลยี AI นี้จะทำงานผ่านกล้อง Microscope ที่ถูกออกแบบขึ้นเองโดย KOMEHYO สามารถตรวจสอบความละเอียดของสินค้าได้ถึง 99% ผ่านฐานข้อมูลของ KOMEHYO ที่สะสมมายาวนาน การใช้เทคโนโลยี AI ในลักษณะนี้จะเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ว่าสินค้าทุกชิ้นที่ผ่านการตรวจสอบจะมีคุณภาพสูงสุดภายใต้มาตรฐานญี่ปุ่น และยังเป็น
การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้เพื่อส่งต่อความสุขและความพึงพอใจให้กับลูกค้าชาวไทย

สินค้าแบรนด์เนมมือสองไม่เพียงแค่มีคุณค่าทางจิตใจ แต่ยังมี “มูลค่า” ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งช่วยสร้างการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่ชื่นชอบ
แบรนด์เนม นับเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของ KOMEHYO แบรนด์อันดับหนึ่งจากญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ยาวนาน มีมาตรฐาน ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการสร้างความประทับใจ ด้วยคอนเซ็ปต์ความสุขที่ส่งต่อได้ไม่รู้จบ “Spread Joy, Spark Happiness” ของ KOMEHYO เป็นการยกระดับการซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองไปสู่การสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน โดยเฉพาะสินค้า Luxury Pre-loved Items แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้สินค้าได้รับชีวิตใหม่ในมือของเจ้าของคนต่อไปเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการบริโภคที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

ทั้งนี้ การเปิดสาขาใหม่ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การขยายสาขาของบริษัทฯ โดยก่อนหน้านี้
มีการเปิดสาขา Flagship store ในไทยมาแล้ว 4 สาขา ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล@เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 2,ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลบางนา ชั้น 1, ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พระราม 3 ชั้น G และ เจพาร์ค นิฮอน
มูระ ศรีราชา ชั้น 2 New Town Zone

สำหรับ ลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าแบรนด์เนมมือสอง สาขาใหม่ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ” สามารถมาเลือกช้อปสินค้าที่หน้าร้าน หรือเลือกชมสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ www.komehyo.co.th หรือทาง Facebook: Komehyo Thailand

เกี่ยวกับ

บริษัท สห โคเมเฮียว จำกัด ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่าง “เครือสหพัฒน์” และ KOMEHYO JAPAN ปัจจุบันมี 5 สาขา ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล@เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 2,ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล
บางนา ชั้น 1, ศูนย์การค้า เทอร์มินอล 21 พระราม 3 ชั้น G, เจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ ชั้น 2 New Town Zone และ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์โสตร์ บางกะปิ ซึ่งเป็นสาขาล่าสุด

โคเมเฮียว (KOMEHYO) ตั้งใจจะร่วมส่งต่อความสุขจากการนำสิ่งที่คุณไม่ได้ใช้แล้วมาส่งต่อให้กับ
ผู้ที่ต้องการในคอนเซ็ปต์ความสุขที่ส่งต่อได้ไม่รู้จบ ‘Spread Joy, Spark Happiness’ โดยสินค้าทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า นาฬิกา ฯลฯ จะผ่านการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันจากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นมากประสบการณ์ที่พร้อมให้บริการ ให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการรับซื้อ – ขายอย่างมืออาชีพ ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านโคเมเฮียว สามารถเชื่อมั่นได้ในชื่อเสียงและคุณภาพแบบญี่ปุ่น ทำให้มีความน่าเชื่อถือในการซื้อหรือขายของแบรนด์เนมมือสองได้อย่างสบายใจและมั่นใจโดยสามารถนัดขายสินค้าได้ในห้องรับรองส่วนตัว ซึ่งปัจจุบัน    โคเมเฮียวยังคงพร้อมรับซื้อสินค้าแบรนด์เนมได้เป็นจำนวนมาก

จากคอนเซ็ปต์ “ความสุขส่งต่อได้ไม่รู้จบ” โคเมเฮียว (KOMEHYO) ดูแลสินค้าในฐานะตัวกลาง
ที่สร้างความไว้วางใจความน่าเชื่อถือในการการันตีสินค้า จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 300 คนในญี่ปุ่น
ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการดูแลสินค้าแต่ละประเภท โดยทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรมและสอบ
ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งเรื่องการรับซื้อ การดูแลรักษาสินค้า รวมถึงการตั้งราคาขาย ภายใต้หลักสูตรเฉพาะของทางบริษัทที่ผ่านการทำธุรกิจมายาวนาน มีฐานข้อมูลสินค้ามากกว่า 1.4 ล้านชิ้นต่อปี เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อขายในทุก ๆ รายการมีความน่าเชื่อถือ และสร้างความประทับใจจนนำไปสู่ความสุข ของทั้งลูกค้าที่มาซื้อและมาขายเพื่อส่งมอบสินค้าแบรนด์เนมที่พวกเขารักในทุก ๆ กระบวนการ

###

สื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th