โตชิบาเปิดตัว SmartMCD™ Series Gate Driver ICs พร้อมไมโครคอนโทรลเลอร์แบบฝังตัว

Logo

– ผลิตภัณฑ์เปิดตัวนำเสนอการควบคุมมอเตอร์กระแสตรงไร้แปรงถ่านสามเฟสแบบไร้เซ็นเซอร์ –

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–((BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เริ่มจัดส่ง SmartMCD™ Series of gate driver[1] ICs จํานวนมากพร้อมไมโครคอนโทรลเลอร์แบบฝังตัว (MCU) แล้ว ผลิตภัณฑ์แรก “TB9M003FG” เหมาะสําหรับการควบคุมมอเตอร์กระแสตรงไร้แปรงถ่านสามเฟสแบบไร้เซ็นเซอร์ ในการใช้งานยานยนต์ รวมถึงปั๊มน้ำและน้ำมัน พัดลม และเครื่องเป่าลม

Toshiba: SmartMCD™ Series gate driver ICs with embedded microcontroller (Graphic: Business Wire)

Toshiba: SmartMCD™ Series gate driver ICs ไมโครคอนโทรลเลอร์แบบฝังตัว (กราฟิก: Business Wire)

TB9M003FG รวมไมโครคอนโทรลเลอร์ (Arm® Cortex-M0®) หน่วยความจําแฟลช ฟังก์ชันควบคุมพลังงาน และฟังก์ชันอินเทอร์เฟซการสื่อสาร เข้ากับตัวขับเกตที่ควบคุมและขับเคลื่อน MOSFET พลังงาน N-ch สําหรับไดรฟ์มอเตอร์กระแสตรงไร้แปรงถ่านสามเฟส การบูรณาการนี้จะช่วยลดขนาดของระบบและจํานวนส่วนประกอบ ในขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงการควบคุมมอเตอร์ขั้นสูงและซับซ้อน สําหรับการใช้งานมอเตอร์ยานยนต์ที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ยังรวมเอาเครื่องยนต์เวกเตอร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Toshiba ฮาร์ดแวร์ สําหรับการควบคุมคลื่นไซน์แบบไร้เซ็นเซอร์ การลดภาระบนไมโครคอนโทรลเลอร์ และขนาดของซอฟต์แวร์

การออกแบบอ้างอิงโดยใช้ TB9M003FG “Motor Driving Circuit for Automotive Body Electronics Using SmartMCD™ มีอยู่ในเว็บไซต์ของโตชิบาแล้ว

ตลาดที่กําลังขยายตัวสําหรับรถยนต์ไฟฟ้า (xEV) ต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้า การรวมส่วนประกอบ ชุดควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ที่ลดขนาดลง และมอเตอร์ที่เงียบกว่า ในการตอบสนองผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มีส่วนช่วยในการลดขนาด ECU โดยบูรณาการไมโครคอนโทรลเลอร์เข้ากับตัวขับเกต และมอเตอร์ที่เงียบขึ้นโดยใช้การควบคุมแบบเวกเตอร์

หมายเหตุ:

[1] ตัวขับเกต: ตัวขับสำหรับขับเคลื่อน MOSFETs

การใช้งาน

ยานยนต์

  • ปั๊มน้ำ
  • ปั้มน้ำมัน
  • พัดลม
  • เครื่องเป่าลม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • IC  ตัวขับเกตควบคุมแบบไร้เซ็นเซอร์สําหรับมอเตอร์กระแสตรงไร้แปรงถ่านสามเฟส (วงจรปั๊มชาร์จในตัว)
  • MCU 32 บิต (Arm® Cortex-M0®) ความถี่ในการทํางาน: 40MHz (ออสซิลเลเตอร์ความเร็วต่ำ/ความเร็วสูงในตัว)
  • หน่วยความจําในตัว

แฟลช 64Kbytes รอม 12Kbytes แรม 4KBytes

  • เครื่องยนต์เวกเตอร์ในตัวและตัวขับมอเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมได้
  • แอมพลิฟายเออร์ตรวจจับกระแสตัวต้านทานแบบ 1 แชนท์ในตัว ตัวแปลง A/D 12 บิต และตัวแปลง A/D 10 บิต
  • วงจรตรวจจับต่างๆ

ตัวจํากัดกระแส กระแสเกิน แรงดันไฟฟ้าเกิน Vbat อุณหภูมิเกิน ฯลฯ

  • วิธีการสื่อสาร: เลือกการสื่อสาร LIN และ PWM ได้ UART
  • AEC-Q100 (เกรด 0) ผ่านการรับรองชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์

ข้อมูลจําเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

TB9M003FG

มอเตอร์ที่รองรับ

มอเตอร์กระแสตรงไร้แปรงถ่านสามเฟส

ฟังก์ชั่นหลัก

แอมพลิฟายเออร์ตรวจจับกระแสไฟฟ้าของตัวต้านทาน 1 แชนท์ วิธีแบบไร้เซ็นเซอร์ การควบคุมเวกเตอร์, การควบคุมคลื่นสี่เหลี่ยม

การตรวจจับข้อผิดพลาดหลัก

แรงดันตก แรงดันเกิน พลังงานภายนอก MOSFET เปิด / ลัดวงจร อุณหภูมิเกิน

ค่าสูงสุดสัมบูรณ์

แรงดันไฟจ่าย Vbat (V)

-0.3 ถึง +40

ระยะของการหมุน

แรงดันไฟจ่าย Vbat (V)

6 ถึง 18

อุณหภูมิในการใช้งาน

Topr (°C)

Ta=-40 ถึง 150

Tj=-40 ถึง 175

แพ็คเกจ

ชื่อ

P-HTQFP48-0707-0.50-001

ขนาด (มม.)

ประเภท

9.0 × 9.0

ความน่าเชื่อถือ

ผ่านการรับรอง AEC-Q100 (เกรด 0)

ไปที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TB9M003FG

ไปที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไดรเวอร์มอเตอร์ในยานยนต์ของ Toshiba
อุปกรณ์อนาล็อก

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่นๆ

* SmartMCD™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนําด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง อาศัยประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อนําเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และ HDD ที่โดดเด่นแก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลก มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้า ในการร่วมสร้างมูลค่า และตลาดใหม่ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่ใกล้ถึง 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสําหรับผู้คนทั่วโลก

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53916033/en

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลของลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์อนาล็อกและยานยนต์

โทร: +81-44-548-2219
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices &; Storage Corporation


SRS Distribution บริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ The Home Depot ในราคา 18.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

LOS ANGELES & BOSTON–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

SRS Distribution (“SRS”) บริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ The Home Depot ในราคา 18.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายละเอียดของการซื้อขายในครั้งนี้ได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ออกโดย The Home Depot และ SRS เมื่อเช้าวันนี้ SRS เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ชั้นนำในสหรัฐอเมริกา โดยมีสาขามากกว่า 760 แห่งใน 47 รัฐ The Home Depot เป็นผู้ค้าปลีกอุปกรณ์ปรับแต่งที่พักอาศัยรายใหญ่ที่สุดของโลก

เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการลงทุนและเป็นพันธมิตรกับ SRS และพนักงานกว่า 11,000 คน” Jonathan Seiffer หุ้นส่วนอาวุโสของ Leonard Green & Partners กล่าว “เราขอขอบคุณอย่างจริงใจและขอแสดงความยินดีกับทีมงานทั้งหมดของ SRS สำหรับประวัติศาสตร์การเติบโตที่น่าทึ่ง ความสำเร็จและทุกการดำเนินงานที่บรรลุความสำเร็จที่ผ่านมาของ SRS จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากผู้นำที่ยอดเยี่ยมอย่างซีอีโอ Dan Tinker และทีมงาน และประธาน Ron Ross รวมถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบการดำเนินงานที่มีการสร้างไว้ใน SRS”

“นับจากที่เรามีการลงทุนใน SRS เมื่อ 11 ปีที่แล้ว เรามีความสุขที่ได้ร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนกับซีอีโอ Dan Tinker และทีมผู้บริหารของ SRS ทุกคน และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จในการซื้อขายกิจการให้กับ The Home Depot ตามการประกาศในครั้งนี้” Josh Lutzker กรรมการผู้จัดการของ Berkshire Partners กล่าว “SRS เริ่มต้นจากบริษัทเล็กๆ ระดับภูมิภาค และเติบโตขึ้นจนเป็นแพลตฟอร์มระดับประเทศที่รองรับตลาดหลายแห่ง เราทุกคนมีความภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่ยอดเยี่ยมและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวการเติบโตของบริษัท”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ The Home Depot ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของทีมงานทุกคนที่ SRS” Dan Tinker ประธานและซีอีโอของ SRS Distribution กล่าว “ผมมีความภูมิใจในบริษัทของเรา วัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง และเรื่องราวการเติบโตที่น่าประทับใจของเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราบรรลุความสำเร็จมากมายสำหรับลูกค้า ซัพพลายเออร์ ชุมชน และพนักงานของเรา ผมขอขอบคุณในการสนับสนุนและคำแนะนำที่เราได้รับจากหุ้นส่วนของเรา – Leonard Green & Partners และ Berkshire Partners บริษัททั้งสองนี้มีการนำเสนอแนวทางการทำงานร่วมกันในระยะยาวเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างมูลค่า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในธุรกิจของเรา”

Berkshire Partners มีการลงทุนใน SRS ในปี 2013 เมื่อบริษัทสร้างรายได้ประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีสาขาน้อยกว่า 100 แห่ง จำหน่ายวัสดุมุงหลังคาที่พักอาศัยเป็นหลัก ในวันนี้ SRS มีสาขามากกว่า 760 แห่งในเกือบทุกรัฐ และสร้างรายได้สูงกว่า 10 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

ในปี 2018 Leonard Green & Partners กลายเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของ SRS โดย Berkshire Partners ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญ ตลอดระยะเวลาการเป็นหุ้นส่วน บริษัทไพรเวทอีควิตี้ทั้งสองได้ช่วยกันพัฒนาและสร้างทีมผู้นำที่ดีเยี่ยมที่สุดให้กับ SRS ในการเข้าสู่ภาคส่วนธุรกิจการจัดจำหน่ายด้านการจัดสวนในปี 2019 และการจัดจำหน่ายสระว่ายน้ำในปี 2021 SRS ยังขยายอุตสาหกรรมที่ให้บริการอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง SRS ยังมีความมุ่งมั่นที่โดดเด่นเพื่อให้พนักงานมีส่วนเป็นเจ้าของ ซึ่งขับเคลื่อนวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โครงการส่งเสริมความเป็นเจ้าของสำหรับพนักงานและโปรแกรมการปันหุ้นของบริษัทส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและผลการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ LGP

LGP เป็นบริษัทลงทุนไพรเวทอีควิตี้ชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 และตั้งอยู่ที่ Los Angeles โดยมีสินทรัพย์ภาพใต้การบริหารจัดการกว่า 75 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทเป็นพันธมิตรกับทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และร่วมกับผู้ก่อตั้งเพื่อลงทุนในบริษัทชั้นนำในตลาด นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น LGP มีการลงทุนในบริษัทกว่า 120 แห่งในรูปแบบของการซื้อกิจการแบบดั้งเดิม การทำธุรกรรมภาคเอกชน การเพิ่มทุน การเพิ่มหุ้น และการลงทุนในตราสารสาธารณะและตราสารหนี้ที่ผ่านการคัดเลือก บริษัทมุ่งเน้นในบริษัทที่ให้บริการ รวมถึงบริการสำหรับผู้บริโภค การดูแลสุขภาพ และธุรกิจ รวมถึงการค้าปลีก การจัดจำหน่าย และอุตสาหกรรม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.leonardgreen.com

เกี่ยวกับ Berkshire Partners

Berkshire Partners เป็นนักลงทุนที่เชี่ยวชาญในหลายภาคส่วน โดยพนักงานเป็นเจ้าของ 100% ทั้งภาคเอกชนและสาธารณะ ทีมไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทมีการลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและมีการเติบโตในภาคส่วนบริการและอุตสาหกรรม เทคโนโลยีและการสื่อสาร ผู้บริโภค และการดูแลสุขภาพ นับตั้งแต่ก่อตั้ง Berkshire Partners มีการลงทุนในไพรเวทอีควิตี้มากกว่า 150 รายการ และมีประวัติในการร่วมมือกันกับทีมผู้บริหารมาอย่างยาวนานในการขยายบริษัทที่มีการลงทุนไว้ Stockbridge ซึ่งเป็นกลุ่มไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2007 มีการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอที่กระจุกตัวเพื่อแสวงหาการลงทุนระยะยาวที่น่าดึงดูดใจ Stockbridge และไพรเวทอีควิตี้ของบริษัทจะร่วมมือกันและใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโดยรวมในภาคส่วนต่างๆ บ่อยครั้ง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.berkshirepartners.com

เกี่ยวกับ SRS Distribution

SRS Distribution ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ McKinney, Texas และได้กลายเป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาคารที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท มีการสร้างกลยุทธ์การเติบโตที่แตกต่างกันและมีวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการที่มุ่งเน้นในการให้บริการแก่ลูกค้า การเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ และการดึงดูดผู้ที่มีความสามารถที่ดีเยี่ยมในอุตสาหกรรม ในปัจจุบัน SRS มีการดำเนินงานภายใต้กลุ่มแบรนด์ท้องถิ่นที่แตกต่างกัน โดยมีสาขากว่า 760 แห่งใน 47 รัฐ SRS Distribution เป็นบริษัทในเครือของ Leonard Green & Partners, L.P. และ Berkshire Partners LLC สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.srsdistribution.com

ราคาที่นำเสนอได้รับการรับรองโดยผู้บริหารของบริษัทในเครือซึ่ง Berkshire Partner เป็นเจ้าของกองทุน ผู้บริหารไม่ได้รับค่าตอบแทนในการให้การรับรอง อย่างไรก็ตาม ผลจากโครงสร้างการเป็นเจ้าของบริษัทในเครือของ Berkshire Partners Private Equity ทำให้เกิดความขัดแย้งในผลประโยชน์ร่วม เนื่องด้วยผู้บริหารมีแรงจูงใจที่จะแถลงเชิงบวกเกี่ยวกับ Berkshire Partners และประสบการณ์ที่มีต่อ Berkshire Partners เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับ Berkshire Partners

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Leonard Green & Partners (LGP)
communications@leonardgreen.com

Berkshire Partners
Greg Winter
617-316-6260
gwinter@berkshirepartners.com

SRS Distribution
PR@srsdistribution.com

แหล่งข้อมูล: Berkshire Partners

Midea Group ทำลายสถิติรายได้และกำไรด้วยยอด 373.7 พันล้านหยวนในปี 2023

Logo

FOSHAN, China–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

Midea Group ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์เครื่องใช้ในบ้านรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานการเติบโตที่น่าประทับใจและสถิติผลกำไรที่เป็นประวัติการณ์ในรายงานประจำปี 2023 บริษัทมีรายได้รวม 373.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.10% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 33.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 14.10% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

ความสำเร็จของบริษัทเป็นผลมาจากกลยุทธ์ “ผลกระทบระดับโลก” ซึ่งส่งผลให้ยอดขายในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 40% ของยอดขายรวมในเวลาหลายปีที่ผ่ามา ผลิตภัณฑ์ของ Midea ได้รับการส่งออกไปยังกว่า 200 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และยังคงมีการขยายโครงสร้างการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในอินโดนีเซีย อินเดีย ไทย บราซิล เม็กซิโก อิตาลี อียิปต์ และประเทศอื่นๆ

เทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงานและอุตสาหกรรมของ Midea เป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และเป็นการพัฒนาแบบกรีนอย่างยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก และได้รับตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรม ธุรกิจคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในครัวเรือนของบริษัทครองอันดับหนึ่งในปี 2023 โดยครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกที่ 45% ในส่วนของมอเตอร์เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในครัวเรือนและเครื่องซักผ้าของบริษัทก็ครองตำแหน่งสูงสุดระดับโลกเช่นกัน โดยครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 40% และ 22% ตามลำดับ นอกเหนือจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ New Energy ของบริษัทก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่า จะมีปริมาณการจัดส่งถึง 750,000 ยูนิตในปี 2023 คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตเป็น 400% เมื่อเทียบต่อปี นอกจากนี้ การเข้าซื้อกลุ่มบริษัทด้านพลังงาน เช่น CLOU Electronics และ Hiconics Eco-energy ทำให้ Midea เข้าสู่อุตสาหกรรมการจัดเก็บพลังงาน ซึ่งมีศักยภาพทางการตลาดมหาศาล

KUKA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Midea เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตหุ่นยนต์อุตสาหกรรม “Big Four” ระดับโลก และเป็นบริษัทผลิตหุ่นยนต์น้ำหนักสูงที่ใหญ่เป็นอันดับสองเมื่อพิจารณาจากยอดขายในปี 2023 ในปี 2023 KUKA Group มีรายได้และปริมาณการสั่งซื้อสูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีการตอบรับสูงมากเป็นพิเศษในตลาดจีน

เทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะของ Midea นำเสนอโซลูชันบูรณาการระบบนิเวศอัจฉริยะสำหรับการก่อสร้างอาคาร จากข้อมูลของ Frost & Sullivan บริษัทถือเป็นซัพพลายเออร์เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ และใหญ่เป็นอันดับห้าของโลกในปี 2023

Midea Group มีการลงทุนกว่า 14.5 พันล้านหยวนในด้านการวิจัยและพัฒนา โดยมีบุคลากรด้านการวิจัยมากกว่า 23,000 คนทั่วโลก ในปี 2022 บริษัทอยู่ในอันดับที่เจ็ดของโลกในกลุ่มสิทธิบัตรทั้งหมด โดยเป็นอันดับแรกในกลุ่มบริษัทจีนและอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนทั่วโลก โดยมีสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากกว่า 28,000 ฉบับ

Midea Group มีบริษัทในเครือ 200 แห่งโดยประมาณ มีศูนย์วิจัยและพัฒนา 33 แห่ง และมีฐานการผลิตหลัก 40 แห่งทั่วโลก มีพนักงานกว่า 190,000 คน การเติบโตที่น่าประทับใจและผลกำไรที่ทำลายสถิติของบริษัทแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในนวัตกรรม ความยั่งยืน และการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Lori Luo
Luory17@midea.com

แหล่งข้อมูล: Midea Group

MidOcean Energy ของ EIG เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการของ Tokyo Gas ในโครงการ LNG เชิงบูรณาการของออสเตรเลีย

Logo

WASHINGTON–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2024

MidOcean Energy (“MidOcean”) บริษัทด้านก๊าซเหลวธรรมชาติ (LNG) ซึ่งก่อตั้งและบริหารโดย EIG ซึ่งเป็นนักลงทุนสถานบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ถึงความสำเร็จในข้อตกลงเข้าซื้อกิจการของ Tokyo Gas Co., Ltd’s (“Tokyo Gas”) ในโครงการ LNG เชิงบูรณาการของออสเตรเลียที่มีการประกาศไว้ก่อนหน้านี้

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวรวมถึงผลประโยชน์ของ Tokyo Gas ในโครงการ Gorgon LNG, Pluto LNG และ Queensland Curtis LNG projects โดยจะได้รับประโยชน์จากผู้ดำเนินงานที่มีประสบการณ์ รวมถึง Chevron, Woodside and Shell และมีการขยายห่วงโซ่มูลค่าของ LNG จากการดำเนินงานต้นน้ำไปถึงกลางน้ำ การทำให้เป็นของเหลว และการขาย MidOcean จะเปิดสำนักงานใน Perth, Australia เพื่อสนับสนุนและดูแลโครงการต่างๆ เหล่านี้ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมในครั้งนี้

R. Blair Thomas ประธานและซีอีโอของ EIG กล่าว “เราเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในบทบาทของ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และมีการก่อตั้ง MidOcean ขึ้น เพื่อให้พันธมิตรและนักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทที่แตกต่างกัน ด้วยสินทรัพย์พื้นฐานเหล่านี้ MidOcean มีส่วนร่วมในโครงการและตลาดสำคัญต่างๆ ในเอเชีย โดยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ LNG ทั่วโลก De la Rey และทีมงานมีกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะสามารถต่อยอดและขยายจากรากฐานนี้ไปได้ในเชิงภูมิศาสตร์ เรามุ่งเน้นในโครงการเชิงบูรณาการซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้ และเปิดโอกาสให้ MidOcean สามารถเพิ่มมูลค่าตลอดห่วงโซ่มูลค่า LNG อย่างเต็มรูปแบบ”

“การเข้าซื้อโครงการ LNG ที่มีกระแสเงินสดไหลเวียนคุณภาพสูงเหล่านี้ถือเป็นหลักชัยสำคัญในกลยุทธ์ของ MidOcean ในการสร้างบริษัท LNG เชิงบูรณาการแบบ ‘pure play’ ระดับโลกที่มีความหลากหลาย โดยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของโลกเข้าสู่โลกที่มีคาร์บอนต่ำในอนาคต” De la Rey Venter ซีอีโอของ MidOcean กล่าว “ธุรกรรมครั้งนี้จะช่วยทำให้เราบรรลุการเป็นผู้นำในภาคส่วน LNG ระดับโลกที่เรามุ่งเน้นมานานหลายทศวรรษ และเราคาดหวังที่จะได้ให้บริการแก่ลูกค้า LNG รายสำคัญของเราในญี่ปุ่น เอเชีย และทั่วโลก”

Barrenjoey, Barclays และ JP Morgan ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ EIG และ MidOcean ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมในครั้งนี้ White & Case ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของ EIG และ MidOcean

เกี่ยวกับ EIG

EIG เป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำในภาคส่วนพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก โดยมีมูลค่าการบริหารจัดการ 22.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 เดือนธันวาคม ปี 2023 EIG มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนในด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในระดับโลก ในช่วง 41 ปีที่ผ่านมา EIG มีการทุ่มเงินกว่า 47.1 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับภาคส่วนพลังงานผ่านโครงการหรือบริษัทมากกว่า 405 แห่งใน 42 ประเทศภายใต้หกทวีป ลูกค้าของ EIG ประกอบด้วยบริษัทประกันพร้อมแผนบำนาญชั้นนำ กองทุนการกุศล มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เอเชีย และยุโรป EIG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Washington, D.C. โดยมีสำนักงานอยู่ที่ Houston, London, Sydney, Rio de Janeiro, Hong Kong และ Seoul

เกี่ยวกับ MidOcean Energy

MidOcean Energy เป็นบริษัท LNG ที่ก่อตั้งขึ้นและบริหารจัดการโดย EIG และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างพอร์ตโฟลิโอ LNG ระดับโลกที่มีความหลากหลาย มีความเสถียร ต้นทุนต่ำ และคาร์บอนต่ำ โดยสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ EIG ที่มีต่อ LNG ในฐานะตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ LNG ในฐานะทรัพยากรพลังงานเชิงกลยุทธ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ MidOcean Energy นำโดย De la Rey Venter ผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมมาเป็นเวลา 26 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสหลายตำแหน่ง รวมถึง Global Head ของ LNG สำหรับ Shell Plc

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ EIG ที่ www.eigpartners.com หรือเว็บไซต์ของ MidOcean Energy ที่ www.midoceanenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

FGS Global
Kelly Kimberly / Brandon Messina
+1 212-687-8080
EIG@fgsglobal.com

แหล่งข้อมูล: EIG

Fetch.ai Ocean Protocol และ SingularityNET ผนึกกำลัง เพื่อสร้าง Artificial Superintelligence Alliance

Logo

ผู้บุกเบิกปัญญาประดิษฐ์รวมตัวกันเพื่อสร้างทางเลือกแบบกระจายอํานาจ ให้กับโครงการ AI ที่มีอยู่ซึ่งควบคุมโดยเทคโนโลยีขนาดใหญ่

มูลค่ารวมของโทเค็น $FET, $OCEAN และ $AGIX อยู่ที่ 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ณ วันที่ 26 มีนาคม 2024

ซูก สวิตเซอร์แลนด์ และสิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–27 มีนาคม 2024

SingularityNET (SNET) เครือข่ายปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบกระจายอํานาจแห่งแรกของโลก Fetch.ai แพลตฟอร์ม Web3 สําหรับเศรษฐกิจ AI ใหม่ และ Ocean Protocol แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบกระจายอํานาจเพื่อปกป้องข้อมูล วันนี้ประกาศเปิดตัว  Artificial Superintelligence Alliance การสร้างเครือข่ายแบบโอเพ่นซอร์สและกระจายอํานาจที่ใหญ่ที่สุด ผ่านการควบรวมกิจการโทเค็นมูลค่าหลายพันล้านเป็นก้าวสําคัญที่เร่งการแข่งขันไปสู่ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI)

Alliance เป็นผลงานของสามผู้นําด้าน AI แบบกระจายอํานาจ Dr. Ben Goertzel ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะ “บิดาแห่ง AGI” ได้ก่อตั้ง SNET ขึ้นมา ในฐานะตลาดกลางและกรอบการทำงานบนบล็อคเชนสําหรับบริการ AI Humayun Sheikh นักลงทุนผู้ก่อตั้ง DeepMind สร้าง Fetch.ai ให้เป็นแพลตฟอร์มหลายตัวแทนแบบกระจายอํานาจ เพื่อปรับใช้และจำหน่ายแอปพลิเคชัน AI Trent McConaghy สถาปนิกของซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI ซึ่งนักออกแบบชิปส่วนใหญ่ใช้เพื่อขับเคลื่อนกฎของมัวร์ ได้ก่อตั้ง Ocean Protocol เพื่อเป็นแพลตฟอร์มสําหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ข้อมูลโทเค็นอย่างราบรื่น

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้ง Alliance, โทเค็น $FET $OCEAN และ $AGIX ที่ขับเคลื่อนเครือข่ายสมาชิก Alliance ทั้งสาม จะถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นโทเค็น $ASI เดียวที่จะทํางานในครือข่าย AI แบบกระจายอํานาจที่รวมกัน ซึ่งให้ขนาดและพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน

สร้างมาเพื่อ Super Intelligence

“ในขณะที่การปฏิวัติ AI ทวีความรุนแรงขึ้น จําเป็นอย่างยิ่งที่ AGI และ ASI จะต้องไม่เป็นเจ้าของและควบคุมโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีผลประโยชน์แบบอคติของตนเอง” Dr. Ben Goertzel ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง SNET กล่าว “พวกเขาควรเปิดตัวในลักษณะที่เปิดกว้าง เป็นประชาธิปไตย และกระจายอํานาจ นี่เป็นวิสัยทัศน์ร่วมกันของ SNET Fetch.ai และ Ocean Protocol ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และด้วยเหตุนี้จึงสมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่ทั้งสามโครงการของเรามารวมกัน เพื่อสร้างเครือข่ายเศรษฐศาสตร์ของโทเค็น ที่มีพลังมากขึ้นในการรับมือกับ Big Tech และเปลี่ยนจุดศูนย์กลางของโลก AI ไปสู่ระบบนิเวศแบบกระจายอํานาจ”

“ในโลกแก่งนวัตกรรม AI แบบก้าวกระโดด ยักษ์ใหญ่ของ Big Tech ครองพาดหัวข่าวและการสนทนา'” Humayun Sheikh ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Fetch.ai กล่าว “เรากําลังสร้างเส้นทางที่แตกต่างออกไป ภารกิจของเราในการควบรวมโทเค็นนี้ คือการรวมแพลตฟอร์มของเราเพื่อให้แน่ใจว่า AI มีจริยธรรมและโปร่งใส ซึ่งอํานวยความสะดวกในการโต้ตอบโดยตรงระหว่างนักพัฒนาและผู้ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงผู้เฝ้าประตูแบบดั้งเดิมของหน่วยงานที่รวมศูนย์ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและปูทางไปสู่ระบบนิเวศ AI ที่เป็นประชาธิปไตยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมทั่วโลกมีส่วนร่วม”

เหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจ

  • แรงกระตุ้นจากการเพิ่มขึ้นของ AI และการเติบโตของโครงการ AI สามโครงการ: การรวมกันนี้เกิดจากช่วงเวลาแห่งการเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนสําหรับโครงการ AI ข้อตกลงดังกล่าวมอบโอกาสที่ไม่มีใครเทียบได้สําหรับผู้นําที่ทรงอิทธิพลทั้งสามนี้ ในการสร้างทางเลือกที่ทรงพลังแทนการควบคุมการพัฒนา AI การใช้งาน และการสร้างรายได้ของ Big Tech
  • สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกระจายอํานาจตามขนาด: AI แบบกระจายอำนาจ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเปลี่ยนระบบ AI ซึ่งการทํางานภายในถูกซ่อนไม่ให้เปิดเผยต่อสาธารณะ ให้เป็นเครือข่ายแบบเปิดสำหรับประสานงานความฉลาดของเครื่องจักรไปสู่วัตถุประสงค์ร่วมกัน การผสมผสานระหว่างการวิจัย แบรนด์ เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ของ SNET Fetch.ai และ Ocean Protocol ทำให้เกิดรากฐานในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ปรับขนาดได้ ซึ่งรับประกันแนวทางปฏิบัติที่มีจริยธรรมและน่าเชื่อถือ
  • เร่งการลงทุนใน AGI: Goertzel Sheikh และ McConaghy เป็นผู้ติดตาม และผู้สนใจนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานรายแรกๆ มาช้านาน ทั้งหมดนี้มุ่งเน้นไปที่การทําให้ AGI เป็นจริง Superintelligence Alliance นี้อํานวยความสะดวกในเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยีของแต่ละมูลนิธิ และช่วยให้สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์ม AI ที่ล้ำสมัยและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในวงกว้าง การเคลื่อนไหวที่ก้าวล้ำนี้ทําให้เส้นทางสู่ AGI บนบล็อกเชนก้าวหน้ายิ่งขึ้น

รายละเอียดการทําธุรกรรม

Bruce Pon ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Ocean Protocol เชื่อว่าการรวมกันนี้สามารถส่งมอบตามคํามั่นสัญญาของเทคโนโลยีการกระจายอํานาจแบบบูรณาการในแนวตั้ง พร้อมขนาดที่สามารถแข่งขันได้ทั่วโลก “การผสมผสานเทคโนโลยีของเราสร้างผู้นําด้านการวิจัยและพัฒนา การใช้งาน และการพาณิชย์ของ AGI” Pon กล่าว “โทเค็น $ASI แบบครบวงจรเป็นกาวในการประสานนักแสดงทุกคนด้วยสิ่งจูงใจร่วมกัน โทเค็น $ASI ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยเครือข่ายสาธารณะ เป็นโทเค็นการเข้าถึงข้อมูล และเพื่อปลดล็อกการคํานวณโดยไม่ต้องใช้ระบบธนาคาร และการชําระเงินแบบเดิม มันเป็นสกุลเงินท้องถิ่นสําหรับเศรษฐกิจเครื่องจักร”

หากข้อเสนอได้รับการอนุมัติส่วนใหญ่จากชุมชนที่เกี่ยวข้อง จะเกิดสิ่งต่อไปนี้:

– $FET จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น $ASI โดยมีปริมาณโทเค็นทั้งหมด2.63055 พันล้านโทเค็น

– โทเค็น $AGIX ย้ายไปยัง $ASI ที่อัตราการแปลง 0.433350:1

– โทเค็น $OCEAN ย้ายไปยัง $ASI ที่อัตราการแปลง 0.433226:1

– หาก FDV ของโทเค็นทั้งสาม ณ วันที่ 26 มีนาคม 2024 ถูกโอนไปยัง $ASI อย่างสมบูรณ์ จะมียอดรวม FDV อยู่ที่ 7.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ภาวะผู้นําและการอภิบาลระบบ

เมื่อปิดการควบรวมโทเค็นนี้ สภาปกครองของ Artificial Superintelligence Alliance จะจัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบและแนะนําการดําเนินงานของเครือข่ายเศรษฐศาสตร์โทเค็นที่เพิ่งควบรวมกิจการ พันธมิตรจะนําโดย Ben Goertzel, Humayun Sheikh, Bruce Pon และ Trent McConaghy องค์กรที่เป็นแนวทางในการพัฒนาเครือข่ายที่ควบรวมทั้งสาม ได้แก่ Fetch.ai, Ocean Protocol Foundation และ SNET Foundation จะยังคงดําเนินการเป็นหน่วยงานที่แยกจากกัน แต่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในระบบนิเวศเศรษฐศาสตร์โทเค็น $ASI ที่ใช้ร่วมกัน และในการดําเนินงานของ Alliance

“ในบรรดาเป้าหมายทางการค้าและการวิจัยมากมายของเรา เพื่อให้เครือข่ายที่รวมกันนี้ทํางานได้ คือการเปิดตัวระบบ AGI ประสาทสัญญลักษณ์แบบกระจายอํานาจ ที่มีความสามารถที่เหนือกว่าทั่วโลกในด้านสําคัญ เช่น การให้เหตุผลเชิงตรรกะและวิทยาศาสตร์ และความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ” Goertzel กล่าวต่อ “ผลกระทบของระบบดังกล่าวอาจเกินกว่าสิ่งที่เราแคยห็นจาก LLM ที่สําคัญอย่างมาก และนําเศรษฐกิจโลกไปสู่ยุคใหม่ของ AGI และ ASI แบบกระจายอํานาจที่เป็นประโยชน์”

เกี่ยวกับ SingularityNET

SingularityNET ก่อตั้งโดย Dr. Ben Goertzel โดยมีภารกิจในการสร้างปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) แบบกระจายอํานาจ เป็นประชาธิปไตย ครอบคลุม และเป็นประโยชน์ ตามที่ Dr. Goertzel กล่าว AGI ควรเป็นอิสระจากหน่วยงานกลางใด ๆ เปิดกว้างสําหรับทุกคน และไม่จํากัดอยู่เพียงเป้าหมายแคบๆ ของบริษัทเดียว หรือแม้แต่ประเทศเดียว ทีม SNET ประกอบด้วยวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ผู้ประกอบการ และนักการตลาดที่มีประสบการณ์ แพลตฟอร์มหลักและทีม AI ได้รับการเสริมกำลังเพิ่มเติมโดยทีมงานเฉพาะทางที่ทุ่มเทให้กับการใช้งานด้านต่างๆ เช่น การเงิน หุ่นยนต์ AI ชีวการแพทย์ สื่อ ศิลปะ และความบันเทิง

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SNET โปรดไปที่: https://singularitynet.io/

เกี่ยวกับ Fetch.ai

Fetch.ai บริษัท AI ในเคมบริดจ์ กําลังกําหนดนิยามใหม่ให้กับความเป็นไปได้ของโลกอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยีที่ใช้ตัวแทน AI เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานของ Fetch.ai ช่วยให้นักพัฒนาและธุรกิจสามารถสร้าง ปรับใช้ และสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มโมดูลาร์ที่ใช้ตัวแทนสําหรับแอปพลิเคชัน AI รุ่นใหม่ ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท DeltaV ได้หลอมรวมโมเดลภาษา (LLM) และตัวแทน AI เข้าด้วยกันเพื่อสร้างตลาดที่เปิดกว้างและมีไดนามิกที่เชื่อมโยงผู้ใช้กับบริการ และพลิกโฉมประสบการณ์การค้นหาในปัจจุบัน

เรียนรู้เพิ่มเติมที่ www.fetch.ai และบน X

เกี่ยวกับ Ocean Protocol

Ocean ก่อตั้งขึ้นเพื่อยกระดับการแข่งขันด้าน AI และข้อมูล เครื่องมือ Ocean ช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ข้อมูลโทเค็นได้อย่างราบรื่น เพื่อจัดการข้อมูลตลอดวงจรชีวิตของโมเดล AI แอปที่ขับเคลื่อนโดย Ocean ประกอบด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระดับองค์กร การแข่งขันวิทยาศาสตร์ข้อมูล และ DAO ข้อมูล ผลิตภัณฑ์ Ocean Predictoor มีปริมาณมากกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน หลังเปิดตัวเป็นเวลาหกเดือน พร้อมแผนงานในการปรับขนาดโมเดลพื้นฐานทั่วโลก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ
การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อมวลชน

FTI Consulting
Fetch.ai@fticonsulting.com

ที่มา: Fetch.ai, Ocean Protocol และ SingularityNET

DNP เร่งการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับกลวิธีพิมพ์หิน EUV รุ่น 2nm

Logo

เข้าร่วมโครงการ NEDO R&D ในฐานะผู้รับเหมาช่วง Rapidus –

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–27 มีนาคม 2024

Dai Nippon Printing Co., Ltd. (DNP, TOKYO: 7912) ได้เริ่มการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ลอจิกรุ่น 2 นาโนเมตร (10-9 เมตร) ที่รองรับรังสีอุลตร้าไวโอเลต (EUV) ระดับรุนแรงจากกลวิธีพิมพ์หิน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ล้ำสมัยมากสำหรับกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

Image of EUV lithography with pellicle, a protective film for the photomask (Photo: Business Wire)

รูปภาพเกี่ยวกับภาพพิมพ์หินพร้อมเพลลิเคิล ซึ่งเป็นฟิล์มบางสำหรับป้องกันโฟโต้มาสก์ (ภาพถ่าย: Business Wire)

DNP จะทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาช่วงและจัดหาเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้กับ Rapidus Corporation (Rapidus) ในโตเกียวด้วยเช่นกัน Rapidus จะเข้าร่วมในโครงการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีการปรับแปลงสำหรับระบบสารสนเทศและการสื่อสารหลังยุค 5G ซึ่งริเริ่มโดย New Energy and Industrial Technology Development Organization (NEDO)

[ปูมหลัง]

เรามีการเสร้างสร้างความสามารถของเราในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ล้ำสมัยด้วยผลผลิตและคุณภาพสูง และในปี 2016 DNP เป็นผู้ผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับผู้ค้ารายแรกของโลกที่แนะนำเครื่องมือการเขียนมาสก์แบบมัลติบีม (MBMW)
ในปี 2023 เราได้เสร็จสิ้นการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับภาพพิมพ์หิน EUV รุ่น 3 นาโนเมตร และเริ่มต้นการพัฒนาเทคโนโลยีรุ่น 2 นาโนเมตร เพื่อตอบสนองความต้องการในการย่อส่วน เราจะเริ่มการพัฒนากระบวนการผลิตโฟโต้มาสก์สำหรับภาพพิมพ์หิน EUV รุ่น 2 นาโนเมตรอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการดำเนินงานสำหรับระบบภาพพิมพ์หินมาสก์รุ่นสองและสามในปีงบประมาณ 2024
DNP วางแผนที่จะนำระบบภาพพิมพ์หินมาสก์ MBMW รุ่นสองและสามมาสู่ระบบออนไลน์ในปีงบประมาณ 2024 โดยเร่งการพัฒนาโฟโต้มาสก์สำหรับภาพพิมพ์หิน EUV รุ่น 2 นาโนเมตร
DNP จะทำหน้าที่เป็นผู้รับเหมาช่วงในการพัฒนาเทคโนโลยีกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง (การดำเนินงาน) โดย Rapidus โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ R&D ของ NEDO ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้

[อนาคต]
ในปีงบประมาณ 2025 DNP จะเสร็จสิ้นการพัฒนากระบวนการผลิตสำหรับโฟโต้มาสก์สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ลอจิกรุ่น 2 นาโนเมตรที่รองรับภาพพิมพ์หิน EUV นับจากปีงบประมาณ 2026 เป็นต้นไป เราจะผลักดันการจัดตั้งเทคโนโลยีการผลิตโดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มต้นการผลิตปริมาณมากในปีงบประมาณ 2027
นอกจากนี้ เรายังเริ่มการพัฒนาโดยมุ่งเน้นที่รุ่น 2 นาโนเมตรและรุ่นถัดไป และเรามีการลงนามข้อตกลงกับ imec ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยระดับนานาชาติที่ล้ำสมัย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Leuven, Belgium โดยร่วมกันพัฒนาโฟโต้มาสก์ EUV รุ่นถัดไป DNP จะยังคงสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น โดยส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ภายในขอบเขตงานของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับนานาชาติ

รายละเอียดเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ DNP

DNP ก่อตั้งขึ้นในปี 1876 และได้กลายเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ใช้ประโยชน์จากโซลูชันด้านการพิม์เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ ในขณะเดียวกัน จะมีการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสร้างโลกที่มีชีวิตชีวายิ่งขึ้นสำหรับทุกคน เราใช้ประโยชน์จากความสามารถหลักในการผลิตไมโครแฟบริเคชั่นและเทคโนโลยีการเคลือบที่มีความแม่นยำสูง เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดจอแสดงผล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และฟิล์มกรองแสง เรายังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ห้องไอน้ำ และอาร์เรย์สะท้อนที่นำเสนอโซลูชันการสื่อสารยุคใหม่สำหรับข้อมูลที่เป็นมิตรต่อผู้คนยิ่งขึ้น

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/53912205/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
DNP: Yusuke Kitagawa, +81-3-6735-0101
kitagawa-y3@mail.dnp.co.jp

แหล่งข้อมูล: Dai Nippon Printing Co., Ltd.

Toshiba เปิดตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ Arm® Cortex®-M4 สําหรับการควบคุมมอเตอร์

Logo

– เพิ่มไปยังกลุ่ม M4K ใน TXZ+ ™ Family Advanced Class พร้อมเพิ่มหน่วยความจําแฟลชรหัสเป็น 512KB/1MB

คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2024

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่แปดรายการที่มีความจุหน่วยความจําแฟลช 512KB/1MB และแพ็คเกจสี่ประเภทให้กับ กลุ่ม M4K  ของ TXZ+ ™ Family Advanced Class ไมโครคอนโทรลเลอร์ 32 บิต ที่ติดตั้งคอร์ Cortex®-M4 พร้อม FPU

Toshiba: TXZ+™ Family Advanced Class Arm® Cortex®-M4 microcontrollers for motor control (Graphic: Business Wire)

Toshiba: ไมโครคอนโทรลเลอร์ TXZ+ ™ Family Advanced Class Arm® Cortex®- M4 สําหรับควบคุมมอเตอร์ (กราฟิก: Business Wire)

ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการทํางานของแอปพลิเคชันมอเตอร์ที่รองรับ IoT กําลังเพิ่มความต้องการความจุโปรแกรมขนาดใหญ่ และการรองรับเฟิร์มแวร์แบบ over-the-air

ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ขยายความจุหน่วยความจําแฟลชรหัสจากสูงสุด 256KB ของผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba เป็น 512KB[1]/1MB[2], ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ และความจุ RAM จาก 24KB เป็น 64KB คุณสมบัติอื่นๆ เช่น คอร์ Arm® Cortex®-M4 ที่ทํางานได้ถึง 160MHz แฟลชรหัสในตัว และหน่วยความจําแฟลชข้อมูล 32KB พร้อมความทนทานของรอบโปรแกรม/การลบ 100K ได้รับการบํารุงรักษา

ไมโครคอนโทรลเลอร์ยังมีอินเทอร์เฟซและตัวเลือกการควบคุมมอเตอร์ที่หลากหลาย เช่น ตัวขับมอเตอร์แบบตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้ (A-PMD) ตัวเข้ารหัสขั้นสูง 32 บิต (A-ENC32) เอ็นจิ้นเวกเตอร์ขั้นสูงพลัส (A-VE+) และตัวแปลงอนาล็อก/ดิจิตอล 12 บิตความเร็วสูง ความละเอียดสูงสามยูนิต ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม M4K จึงมีส่วนช่วยในการประยุกต์ใช้ IoT ในวงกว้าง และนําฟังก์ชันขั้นสูงมาสู่มอเตอร์ AC มอเตอร์ DC แบบไร้แปรงถ่าน และตัวควบคุมอินเวอร์เตอร์

ผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้แฟลชรหัส 1MB ในพื้นที่ 512KB แยกกันสองพื้นที่ สิ่งนี้ทําให้เกิดการหมุนเฟิร์มแวร์ด้วยวิธีสลับหน่วยความจํา [3] ทําให้สามารถอ่านคำสั่งจากพื้นที่หนึ่งในขณะที่รหัสที่อัปเดตถูกตั้งโปรแกรมไปยังอีกพื้นที่หนึ่งแบบขนาน

อุปกรณ์ในกลุ่ม M4K มี UART, TSPI และ I2C รวมเป็นอินเทอร์เฟซการสื่อสารทั่วไป ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองที่รวมอยู่ในอุปกรณ์สําหรับหน่วยความจําแฟลช RAM ADC และนาฬิกา ช่วยให้ลูกค้าได้รับการรับรองความปลอดภัยในการใช้งาน IEC 60730 Class B

เอกสารประกอบ ซอฟต์แวร์ตัวอย่างพร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง และซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ที่ควบคุมอินเทอร์เฟซสําหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงแต่ละรายการ บอร์ดประเมินผลและสภาพแวดล้อมการพัฒนา จัดทําขึ้นโดยความร่วมมือกับพันธมิตรระบบนิเวศทั่วโลกของ Arm®

Toshiba กําลังวางแผนที่จะเพิ่มความจุของหน่วยความจําแฟลชสําหรับกลุ่ม M4M ด้วยอินเทอร์เฟซ CAN

หมายเหตุ:

[1] ความจุหน่วยความจําแฟลชรหัสของ TMPM4KxFDAxxG คือ 512KB พร้อมพื้นที่เดียว

[2] ความจุหน่วยความจําแฟลชรหัสของ TMPM4KxF10AxxG คือ 1MB ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ 512KB สองพื้นที่

[3] TMPM4KxFDAxxG ไม่รองรับฟังก์ชันนี้

การใช้งาน

  • การควบคุมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์ของสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์อุตสาหกรรม
  • IoT ของสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์อุตสาหกรรม ฯลฯ

คุณสมบัติ

  • คอร์ Cortex®-M4 ประสิทธิภาพสูงพร้อม FPU สูงสุด 160MHz
  • เพิ่มความจุของหน่วยความจําภายใน

หน่วยความจําแฟลชรหัส: 512KB/1MB

RAM: 64KB

  • ฟังก์ชั่นการหมุนเฟิร์มแวร์วิธีการสลับหน่วยความจํา รองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ในขณะที่ไมโครคอนโทรลเลอร์ยังคงทํางาน[4]
  • ฟังก์ชันการวินิจฉัยตนเองเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน IEC 60730 คลาส B
  • แพ็คเกจสี่ประเภท

ข้อมูลจําเพาะหลัก

กลุ่มผลิตภัณฑ์

กลุ่ม M4K

หมายเลขชิ้นส่วน[5]

TMPM4KNF10AFG

TMPM4KNFDAFG

TMPM4KLF10AUG

TMPM4KLFDAUG

TMPM4KNF10ADFG

TMPM4KNFDADFG

TMPM4KLF10AFG

TMPM4KLFDAFG

คอร์ CPU

Arm® Cortex®-M4

  • (FPU)

-หน่วยป้องกันหน่วยความจํา (MPU)

ความถี่ในการทํางานสูงสุด

160MHz

ออสซิลเลเตอร์ภายใน

ความถี่การสั่น

10MHz (±1%)

ความจำภายใน

แฟลช (รหัส)

1024KB/512KB[5] (รอบโปรแกรม/การลบ: สูงสุด 100,000 ครั้ง)

ฟังก์ชั่นการหมุนเฟิร์มแวร์วิธีการสลับหน่วยความจําพร้อมพื้นที่แฟลชรหัสแยกกันสองพื้นที่ของแต่ละ 512KB[4]

แฟลช (ข้อมูล)

32KB (รอบโปรแกรม/การลบ: สูงสุด 100,000 ครั้ง)

แรม

64KB พร้อมความเท่าเทียมกัน

พอร์ต I/O

87 พิน

51 พิน

การขัดจังหวะภายนอก

20 ปัจจัย 32 พิน

15 ปัจจัย 20 พิน

ตัวควบคุม DMA (DMAC)

32 ช่อง

30 ช่อง

ฟังก์ชั่นจับเวลา

Timer Event Counter 32 บิต (T32A)

6 ช่อง (12 ช่องหากใช้เป็นตัวจับเวลา 16 บิต)

ฟังก์ชั่นการสื่อสาร

UART

4 ช่อง

ฟังก์ชั่นการสื่อสาร

อินเทอร์เฟซ I2C/EI2C (I2C/EI2C)

2 ช่อง

TSPI

2 ช่อง

ฟังก์ชั่นอนาล็อก

ตัวแปลง AD 12 บิต

(ADC)

อินพุต 11/5/6 ใน 3 ยูนิต

ฟังก์ชั่นอนาล็อก

Operational Amplifier

(OPAMP)

3 ยูนิต

วงจรควบคุมมอเตอร์

วงจรควบคุมมอเตอร์แบบตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง

(A-PMD)

ช่อง 3

วงจรควบคุมมอเตอร์

เวคเตอร์ เอ็นจิ้น พลัส ขั้นสูง

(A-VE+)

1 ช่อง

วงจรอินพุตเอ็นโค้ดเดอร์ขั้นสูง (32 บิต)

(A-ENC32)

ช่อง 3

1 channel

วงจรคํานวณ CRC (CRC)

1 ช่อง CRC32 CRC16

ฟังก์ชั่นระบบ

Watchdog Timer (SIWDT)

1 ช่อง

วงจรตรวจจับแรงดันไฟฟ้า (LVD)

1 ช่อง

เครื่องตรวจจับความถี่การสั่น (OFD)

1 ช่อง

บนฟังก์ชัน Chip Debug

JTAG / SW

TRACE(4bits)

NBDIF

SW

แรงดันไฟฟ้าใช้งาน

2.7 ถึง 5.5V, แหล่งจ่ายไฟแรงดันเดียว

4.5 ถึง 5.5 V (ฟังก์ชั่นทั้งหมด), 2.7 ถึง 4.5 V (ไม่มี OPAMP, ADC)

แพ็คเกจ / พิน

LQFP100

(14 มม. x 14 มม., ระยะพิทช์ 0.5 มม.)

LQFP64

(10 มม. x 10 มม. ระยะพิทช์ 0.5 มม.)

คิวเอฟพี 100

(14 มม. x 20 มม., ระยะพิทช์ 0.65 มม.)

LQFP64

(14 มม. x 14 มม., ระยะพิทช์ 0.8 มม.)

หมายเหตุ:

[4] สําหรับผลิตภัณฑ์ที่มีหน่วยความจําแฟลชรหัส 1MB(1024KB) เท่านั้น

[5] “F10” ในหมายเลขชิ้นส่วน ระบุหน่วยความจําแฟลชรหัส 1024KB และ “FD” ระบุ 512KB

[6] TMPM4KLFxxAxxG ไม่มีพิน OVVx

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่ม M4K
กลุ่ม M4K

คลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครคอนโทรลเลอร์ของ Toshiba
ไมโครคอนโทรลเลอร์

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่นๆ

* TXZ+ ™ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจําเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ  เป็นขัอมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนําด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง อาศัยประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อนําเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และ HDD ที่โดดเด่น ให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ พนักงานของบริษัท 21,500 คนทั่วโลก มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้า ในการร่วมสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่ใกล้ถึง 800 พันล้านเยน (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสําหรับผู้คนทั่วโลก

 ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่www.businesswire.com/news/home/53914468/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

สอบถามข้อมูลลูกค้า:
MCU & Digital Device Sales &Marketing Dept.

Tel: +81-44-548-2233
ติดต่อเรา

สอบถามข้อมูลสื่อ:
Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิทัล

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices &; Storage Corporation

Medisca เปิด MAZ® Lab ในรัฐแอริโซนา: ศูนย์นวัตกรรมและทรัพยากรลูกค้า

Logo

แพลตต์สเบิร์ก, นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–26 มีนาคม 2024

Medisca ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันห่วงโซ่อุปทานด้านยาและเวชภัณฑ์เฉพาะบุคคล ได้ประกาศอย่างภาคภูมิใจในการเปิด Medisca MAZ Lab ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา MAZ Lab เป็นศูนย์นวัตกรรมและทรัพยากรลูกค้าที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนาและขยายระบบนิเวศของ MAZ

MAZ technology เปิดตัวในปี 2016 ในฐานะเครื่องผสม planetary mixer เครื่องแรกที่เข้าสู่ตลาดการผสมยา และขณะนี้กำลังสร้างชื่อเสียงในอุตสาหกรรมกัญชาและอุตสาหกรรมด้านสุขภาพอื่นๆ เทคโนโลยีดังกล่าวได้กำหนดนิยามใหม่ของวิธีการผลิตยาเฉพาะบุคคลและสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเชื่อมช่องว่างในกระบวนการผลิตซึ่งทำให้เกิดมิติใหม่ มีมาตรฐานด้านความแม่นยำ อเนกประสงค์ และมีประสิทธิภาพ

“จากการต่อยอดจากการวิจัยและพัฒนามากว่า 10 ปี ขั้นตอนการดำเนินงานที่เป็นเอกสิทธิ์ สูตรมากกว่า 200 สูตร และสิทธิบัตรมากกว่า 8 ฉบับ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเข้าสู่บทต่อไปของนวัตกรรมและการขยายตัวด้วยการเปิด MAZ Lab” คุณ Panagiota Danopoulos รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกที่ Medisca กล่าว “ทั้งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับการวิจัย การสำรวจ การทดสอบ และการพัฒนา โดย MAZ Lab จะมอบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติบโตและโอกาส ในขณะเดียวกันก็สร้างพื้นที่ในการเชื่อมต่อและให้ความรู้แก่พันธมิตรและลูกค้าของเราที่ทรงคุณค่าของเรา”

เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลดช่องว่างด้านการดูแลสุขภาพ Medisca MAZ Lab จะทุ่มเทพยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาและโซลูชันการทดสอบลูกค้าแบบตัวต่อตัว พร้อมด้วยวิสัยทัศน์ในการเสริมศักยภาพผู้เชี่ยวชาญในภาคส่วนด้านสุขภาพที่หลากหลาย เพื่อออกแบบด้วยความแม่นยำ ผลิตอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงการทำให้สามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมว่า Medisca ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของเทคโนโลยี MAZ อย่างไร คลิกที่นี่ — click here.

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันห่วงโซ่อุปทานด้านยาเฉพาะบุคคลและด้านเภสัชกรรม โดยมีผลิตภัณฑ์มากมายกว่า 2,000 รายการอีกทั้งยังจัดทำคลังสูตรยาที่ปรับแต่งตามความต้องการมากกว่า 10,000 รายการ ความเชี่ยวชาญ และบริการด้านการผสมยา การศึกษาด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การวิเคราะห์ การทดสอบ และอื่นๆ อีกมากมาย มอบโซลูชันที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างประณีตให้กับภาคส่วนด้านสุขภาพที่หลากหลายทั่วโลก — Medisca กำลังเชื่อมช่องว่างในการดูแลสุขภาพและเพิ่มขีดความสามารถด้านสุขภาพส่วนบุคคลสำหรับทุกคน  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม www.medisca.com และติดตามเราได้ที่ LinkedInFacebook, และ YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Adam Pinsky
ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสาร Medisca
apinsky@medisca.com

ที่มา: Medisca

R. Dane Mauldin ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเปลี่ยนแปลงของ NIQ

Logo

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–20 มีนาคม 2024

NIQ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภคได้ประกาศในวันนี้ว่า R. Dane (Dane) Mauldin ได้ร่วมงานกับบริษัทในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเปลี่ยนแปลง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2024

Mauldin มีทักษะหลายด้าน ซึ่งประกอบด้วยความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน กลยุทธ์ การสนับสนุนการขาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ การบริการลูกค้า และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ก่อนจะมาร่วมงานกับ NIQ เขาเคยทำงานที่ TransUnion โดยดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ เขารายงานตรงต่อ Tracey Massey ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของบริษัท

Curtis Miller ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งล่าสุดในตำแหน่งดังกล่าว ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ ซึ่งรับผิดชอบด้านกลยุทธ์และการพัฒนาองค์กร

“Dane จะนำทีมกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดและการสนับสนุนการขาย เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นที่จะทำให้ลูกค้าที่เป็นผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ ในขณะที่เราปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการส่งมอบ Full View™ เราจะยังคงลงทุนทั้งในด้านบุคลากรและนวัตกรรมเพื่อส่งมอบตามจุดประสงค์ของเราในการ 'แสดงให้โลกเห็นว่าผู้คนต้องการสิ่งใด' และทำให้ลูกค้าของเราเติบโต” Tracey Massey กล่าว

“ด้วยการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอย่างยิ่งและความเชี่ยวชาญเชิงลึกในการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ Dane จึงทำให้เรามีคุณสมบัติที่แตกต่าง ซึ่งจะเสริมความสามารถของทีมบริหาร และช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ทะเยอทะยานของเรา เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เขามาร่วมงานกับเรา” Massey กล่าวเสริม

“ผมรู้สึกปลื้มปีติที่ได้ร่วมงานกับ NIQ ในช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นนี้ ผมมีโอกาสทำความรู้จักกับผู้บริหารอาวุโสของ NIQ หลายคน และผมรู้สึกประทับใจอย่างแท้จริงกับคุณสมบัติความเป็นผู้นำ การให้ความสำคัญกับการทำให้ลูกค้าเป็นหัวใจในทุกสิ่งที่พวกเขาทำ รวมถึงวัฒนธรรมการไม่แบ่งแยกและการร่วมมือกันของพวกเขา” Mauldin กล่าว

“ด้วยประวัติอันเป็นที่ประจักษ์ในด้านการเปลี่ยนแปลงธุรกิจของ Mauldin ผมจึงยินดีที่จะต้อนรับ Dane สู่ NIQ จนถึงขณะนี้ เรามีความก้าวหน้าอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงของเรา รวมถึงงานสำคัญในการบูรณาการ GfK และ NIQ และ Dane ก็อยู่ในสถานะที่โดดเด่น ซึ่งจะช่วยให้เราเร่งแผนของเรา” Jim Peck ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว

เกี่ยวกับ NIQ
NIQ เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข่าวกรองผู้บริโภค ซึ่งเสนอความเข้าใจที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นเส้นทางใหม่สู่การเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกับ GfK ซึ่งเป็นการผนวกกำลังของสองผู้นำอุตสาหกรรมเพื่อสร้างการเข้าถึงทั่วโลกอย่างไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุดซึ่งได้จากการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัย NIQ จึงสามารถนำเสนอ Full View™ ได้

NIQ คือบริษัทในเครือ Advent International ที่มีการดำเนินงานในตลาดมากกว่า 100 แห่ง โดยครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NIQ.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อ
Jill Saletta (Jill.Saletta@NIQ.com)

แหล่งข้อมูล: NIQ

Black & Veatch เสนอข้อมูลเชิงลึกในการเข้าร่วมภารกิจการค้าและการลงทุนระดับสูงของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไปยังฟิลิปปินส์

Logo

กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์–(BUSINESS WIRE)–21 มีนาคม 2024

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้รับเลือกให้เข้าร่วมภารกิจการค้าและการลงทุนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ (PTIM)  ไปยังฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 11-12 มีนาคม

ภารกิจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่มีต่อประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ อาร์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของบริษัทสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ภาคส่วนแร่ธาตุที่สำคัญ และความมั่นคงทางด้านอาหารสำหรับประชากรในภูมิภาค

จีนา ไรมอนโด เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา จะเป็นผู้นำคณะผู้แทนในภารกิจดังกล่าว

ภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจการค้าและการลงทุนครั้งแรกในฟิลิปปินส์ภายใต้การบริหารของไบเดน วัตถุประสงค์ของ PTIM คือการเสริมสร้างฟิลิปปินส์ให้เป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและการลงทุนที่มีคุณภาพสูง

“การพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและโอกาสในการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ซึ่งรวมถึงการปรับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับโลกเพื่อสนับสนุนความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในฟิลิปปินส์ด้วยการใช้แหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำและไร้คาร์บอน Black & Veatch รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่สำคัญนี้” Narsingh Chaudhary ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าว

Black & Veatch ดำเนินธุรกิจในฟิลิปปินส์เป็นเวลากว่า 30 ปีเพื่อให้บริการในด้านพลังงานและโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าสีเขียวมากกว่า 3,000 เมกะวัตต์จนถึงปัจจุบัน

เพื่อรองรับความต้องการทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นในฟิลิปปินส์และโครงการระดับโลกอื่นๆ Black & Veatch ได้จัดตั้งศูนย์วิศวกรรมในอาลาบัง

โครงการนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงที่ Black & Veatch กำลังดำเนินการในฟิลิปปินส์ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สำหรับการผลิตพลังงาน และพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำขนาดใหญ่ บริษัทยังมีส่วนร่วมในการหารือในระยะเริ่มต้นเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์อีกด้วย

นอกจากนี้ Diode Ventures ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Black & Veatch กำลังร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อพัฒนาโครงการศูนย์ข้อมูลในจังหวัดตาร์ลักและนิวคลากซิตี้

Chaudhary พร้อมด้วย Lee Mather รองประธานและผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Black & Veatch และผู้นำธุรกิจรายสำคัญของสหรัฐอเมริกาคนอื่นๆ จะพบปะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลฟิลิปปินส์ในกรุงมะนิลา เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจ และหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปกฎระเบียบต่างๆ นอกจากนี้ คณะผู้แทนภารกิจการค้าจะพบปะกับบริษัทท้องถิ่นและองค์กรธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนโอกาสในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ

ติดต่อ Black & Veatch เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีประสบการณ์ด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนกว่า 100 ปี เราช่วยให้ลูกค้าของเราพัฒนาชีวิตของผู้คนทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 1915 ด้วยการจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ติดตามเราบน  www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

EMILY CHIA | โทร. +65 6335 6623 (สำนักงาน) | +65 9875 8907 (มือถือ) | Chialp@bv.com
อีเมลสื่อตลอด 24 ชั่วโมง | Media@bv.com

แหล่งข้อมูล: Black & Veatch